ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สามีส้มหล่น

    ลำดับตอนที่ #26 : บทที่ ๘/๑ เงาของเดวิด

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 342
      9
      21 ก.ย. 61

            เช้าของวันใหม่ รถเบ็นซ์สีเงินเคลื่อนเข้ามาจอดบริเวณหน้าคฤหาสน์หลังโอ่อ่ากลางกรุงมาดริด อึดใจเจ้าของร่างระหงในชุดเดรสสีเงินยาวกรุยกราย อวดเรียวขาเนียนผุดผ่องไร้จุดด่างดำก็ผลักประตูรถลงมา มือบางเล็กถือกระเป๋าแบรนด์ดัง พลางกระชับไว้มั่น ขณะดวงตาซึ่งแต่งแต้มสีสันมาอย่างโฉบเฉี่ยว มองความอลังการตรงหน้าอย่างพึงพอใจ

            เจนนี เวตต์ซิล บุตรสาวนักการเมืองท้องถิ่นวัยยี่สิบเจ็ดปี เดินอย่างมาดมั่น ทุกย่างก้าวเต็มเปี่ยมไปด้วยความทระนงในตัวเอง ลำคอระหงตั้งตรง ขณะดวงหน้านั้นเชิดขึ้นอย่างถือดี ปลายเท้าเล็กในรองเท้าส้นสูงสีเงินเกล็ดเพชร ขยับผ่านประตูขนาดใหญ่ แต่ยังไม่ทันได้พ้นกรอบประตูเข้าสู่ด้านใน บอดี้การ์ดชุดดำเนี้ยบ ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าก็ค้อมตัวทักทาย พร้อมร้องถาม

    “สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าคุณผู้หญิงมาพบใคร”

            เจ้าของร่างสมส่วนกลมกลึงเซ็กซี่ ทำหน้าเซ็งใส่เล็กน้อย ปลายตามองอีกฝ่ายด้วยท่าทีเย้ยหยัน “ฉันก็มาพบแฟนของฉันน่ะสิ ว่าแต่...คุณฟาร์เชสอยู่ไหม?” เนื่องจากข่าวการหายตัวไปของหลานชายมาเฟียเฒ่าแห่งสเปน มีเพียงแค่คนภายในองค์กรไม่กี่คนเท่านั้นที่ทราบเรื่อง คนไปอยู่ฮ่องกงหลายวันจึงยังไม่รู้ข่าว

            “คุณฟาร์เชสไม่อยู่ครับ” การ์ดหนุ่มตอบเลี่ยงๆ

            “เห็นทีคุณผู้หญิงต้องกลับไปก่อน”

            “นายกล้าไล่ฉันเหรอ!

    เจนนีแว้ดเสียงใส่ ด้วยใบหน้าบึ้งๆ ก่อนจะวางอำนาจบาตรใหญ่เฉกเช่นทุกครา “นายรู้ไหมว่าฉันเป็นลูกสาวของใคร ถ้าฉันนำเรื่องที่นายไล่ฉัน ไปเรียนให้คุณพ่อทราบ รับรองนายโดนดีแน่”

            “พวกเราทราบครับ ว่าคุณเจนนี เวตต์ซิลเป็นบุตรสาวของนักการเมืองใหญ่” แม้จะกล่าวด้วยท่าทีเยือกเย็น แต่การ์ดหนุ่มก็ยังไม่วายเหน็บแนม ทั้งประเทศใครบ้างจะไม่ทราบ ว่าทั้งพ่อทั้งลูกชอบอวดเบ่งขนาดไหน น่าเสียดายความสวยที่มีติดตัวยิ่งนัก ถ้าหากรู้จักประพฤติตนให้น่ารัก ความสวยนั้นก็จะเป็นดังเพชรเม็ดงามที่เจิดจรัส ไม่ใช่ถูกหุ้มด้วยเม็ดกรวดแบบนี้

            “รู้ก็ดีแล้ว แต่นายไม่ต้องมาโกหกฉันหรอก ฉันรู้ว่าฟาร์เชสเขาทำงานอยู่ข้างใน”

    เจ้าของคำพูดหลิ่วตาให้นิดๆ “อย่ามาหลอกคนอย่างเจนนีให้ยากเลยย่ะ เพราะฉันไม่ใช่คนโง่” บอกเสร็จ เธอก็เดินเลี่ยง ก้าวฉับๆ เข้าสู่ด้านใน พลอยทำให้คนออกปากห้าม ต้องกระโจนเข้าไปขวางทางด้วยใบหน้าขึงขัง

            “หลีกไปนะ” คุณหนูผู้เอาแต่ใจหวีดเสียงสั่ง “บอกให้หลีกไปไง หูตึงหรือไงฮ้า!

            “ผมทำแบบนั้นไม่ได้ครับ” อีกคนก็ยังคงทำหน้าที่ได้ดีไม่มีบกพร่อง หนำซ้ำยังพยักหน้าให้กับเพื่อนร่วมงานมายืนปิดทางเดินช่วยกัน อย่าว่าแต่ร่างอ้อนแอ้นจะผ่านเข้าไปได้เลย แม้แต่มดสักตัวยังหมดสิทธิ์

            คนถูกขวางทาง กัดฟันกรอดๆ แต่ยังไม่ทันได้แสดงฤทธิ์เดช ชายเฒ่าในชุดสูทสีขาวก็นำพาร่างกายที่ยังแข็งแรงในวัยเจ็ดสิบเก้าปี ก้าวอย่างมั่นคงตรงมาหา สายตาสีดำสนิทแต่เยือกเย็น จ้องเขม็งมาที่ร่างอ้อนแอ้นของหญิงสาว รู้ว่าเธอก็กล้าไม่น้อยที่อาจหาญบุกเดี่ยวเข้ามา

            “เธอมาหาใคร” สุ้งเสียงแหบพร่า แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยอำนาจ

            ด้านเจนนีเมื่อได้ยินถ้อยคำ แกมวางอำนาจจากผู้ชรานั้นก็แอบสะดุ้งเล็กน้อย เธอฉลาดพอที่จะมองออก ว่าคนๆ นี้ยิ่งใหญ่ในคฤหาสน์นี้  หัวคิ้วเส้นเล็กที่ขีดเขียนด้วยดินสอสีดำมาอย่างสวยงามย่นเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนจะนึกถึงคำพูดที่ฟาร์เชสเคยเล่าเรื่องราวของเขาให้ฟัง ว่าตั้งแต่เด็กจนโตมีเพียงคนเดียวเป็นที่พึ่งสำหรับเขา นั่นคือคุณปู่

            ชั่วครู่ใบหน้าบึ้งๆ ก็แปรเปลี่ยนเป็นยิ้มอ่อนโยน

    “เจนนีมาพบฟาร์เชสค่ะคุณปู่” ไม่ลืมเรียกขานชายชราด้วยความสนิทสนม

            “เจ้าฟาร์เชสไม่อยู่หรอก” คาร์ฟ ฟรานติการ์เซียส กล่าวบอกเสียงเรียบ “ไปทำธุระให้ฉัน อีกนานคงจะกลับ”

            “เหรอคะ...”

    หญิงสาวตอบรับเสียงอ่อย ใบหน้าที่เคยถือดีเฉาลงอย่างฉับพลัน ปากอิ่มเม้มเข้าหากันจนคล้ายแถบตรง สักพักเธอก็จำต้องเอ่ยขอตัวกับชายสูงวัย เดินใจลอยกลับไปยังรถ ปล่อยให้ชายเฒ่าในชุดสูทต้องส่ายหน้าน้อยๆ แล้วหันมาทำหน้าตึงใส่การ์ดหนุ่ม

    “ปล่อยให้เธอบุกเข้ามาถึงในนี้ได้อย่างไร”

            “ขอประธานโทษครับท่าน ต่อไปผมจะระวังให้มากกว่านี้” คนทำพลาด รีบค้อมตัวรับผิด

            “ดี! อย่าให้ใครหน้าไหนเข้ามาได้อีก ถ้าพูดกันไม่รู้เรื่องฉันอนุญาตให้ใช้ไม้แข็ง” สั่งการเรียบร้อย ท่านก็เดินเอื่อยๆ หมุนกายกลับเข้าสู่ตัวคฤหาสน์ที่แสนเงียบเหงา

    เข้ามาในตัวบ้านก็เอาแต่มองไปรอบๆ อย่างเฝ้ารอ คอยอยู่ทุกขณะว่าเมื่อไร เจ้าหลานตัวแสบที่ชอบสร้างเรื่องให้เป็นห่วงเป็นใย จะกลับมาอธิบายเรื่องทั้งหมดให้ฟังเสียที เพราะที่ผ่านมาเขาต้องคอยสั่งการให้ราอูลทำหน้าที่ตามหาต่อไป ไม่เช่นนั้นสิ่งที่เขารู้ทั้งหมดมันอาจจบเห่ จนสร้างอันตรายให้หลานรักก็เป็นได้

            “ท่านไม่เป็นอะไรนะครับ” คนสนิทปรี่มาถามด้วยความห่วงใย

            คาร์ฟ ฟรานติการ์เซียสส่ายหน้าเล็กน้อย แล้วถามอย่างอยากรู้ “เรื่องเจ้าฟาร์เชสไปถึงไหนแล้ว” รีบถามกลบเกลื่อนความรู้สึกของตน เพราะเกรงว่าคนที่ทำงานด้วยกันมานานอย่างราอูลจะรู้เท่าทัน

            “ราอูลกำลังตามหาครับ เชื่อว่าอีกไม่นานคงพบตัวคุณฟาร์เชส ท่านอย่างกังวลเลยนะครับ”

    คนบอกกล่าวก้มหน้าลง ปกปิดความหวาดหวั่น นับสองสัปดาห์มาแล้ว ที่ข่าวคราวของทายาทเพียงคนเดียวขาดหาย ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย แต่...จากรูปการไม่อาจมั่นใจเลยว่า บุรุษหนุ่มเพรียบพร้อมที่เป็นดังกระทิงดุจะมีชีวิตรอด หากในเมื่อไม่พบศพ ทุกคนในฟรานติการ์เซียสก็ควรจะอยู่ด้วยความหวัง

            และสิ่งที่ปรารถนาก็มาเร็วเกินคาด เมื่อบอดี้การ์ดหนุ่มประจำตัวฟาร์เชสเดินแกมวิ่งปรี่เข้ามา ในมือนั้นรวบหนังสือพิมพ์ของต่างประเทศไว้แน่น เพียงเดินมาถึงหน้าผู้เป็นนาย ชายหนุ่มก็ยื่นหนังสือพิมพ์ฉบับนั้น พร้อมเปิดหน้าสำคัญให้พร้อมสรรพ ก่อนจะรายงานด้วยเสียงเข้มปนตื่นเต้น

            “ผมคิดว่า พวกเราพบตัวคุณฟาร์เชสแล้วครับ”

            “หลานฉัน...เจ้าฟาร์เชสอยู่ที่ไหน”

    เจ้าของคำถามแสร้งทำเป็นตื่นเต้นยินดี ทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอก ดังนั้นใบหน้าหมองหม่นเมื่อครู่จึงเริ่มเปล่งประกายมีความสุขตามวัย ไม่ลืมกวาดสายตาภายใต้แว่นกลมวงรีดูตัวอักษรและภาพถ่ายบนหน้ากระดาษ

    “นี่มัน...”

            “ในภาพ ระบุว่าคุณหนูชาลิญา เรเอสโนแต่งงานกับนายเดวิด นักธุรกิจชื่อดัง แต่ผมมั่นใจว่า ผู้ชายในภาพคือคุณฟาร์เชสร้อยเปอร์เซ็นต์”

            “แล้วมันเรื่องอะไรกัน ทำไมหลานฉันถึงไปแต่งงานกับยัยเด็กคนนี้ได้”

            “เรื่องนี้มันต้องมีเบื้องหลังแน่นอนครับ เพราะผู้หญิงในภาพเป็นถึงลูกสาวคนโตของเฮอแมน เรเอสโน ท่านคงทราบว่าชายคนนี้มีอำนาจมืดในรัฐดูไบมากมายขนาดไหน ธุรกิจทุกอย่างคนๆ นี้ก็ล้วนอยู่เบื้องหลังทั้งสิ้น”

            “แน่ใจนะ ว่าไม่ใช่การจัดฉาก”

    ผู้นำแห่งฟรานติการ์เซียสหรี่ตาลง อวดร่องรอยแห่งวัยที่เป็นร่องลึก “ในเมื่อเจ้าฟาร์เชสมีชีวิตอยู่ แล้วทำไมถึงไม่ติดต่อกลับมา อีกอย่างทางนั้นไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของมันหรือยังไง”

            “ทางนั้นอาจไม่ทราบก็ได้ครับ”

            “ฮึ! คนอย่างเฮอแมนฉลาดเป็นกรด เป็นไปไม่ได้หรอก ที่หมอนั่นจะปล่อยให้หลานฉันหลอกได้ง่ายๆ” ผู้ผ่านโลกมาอย่างโชกโชนส่ายหน้าน้อยๆ แล้วกล่าวถึงหลานชายอย่างไม่เข้าใจ

    “เจ้าฟาร์เชสมันคิดจะทำอะไรกันแน่”

            “บางทีคุณฟาร์เชสอาจมีเหตุผลถึงต้องทำแบบนี้ ผมจะพยายามติดต่อคุณฟาร์เชสให้ได้ครับ”

    คนพูดก้มหน้าให้ เมื่อผู้นำขององค์กรพยักหน้ารับรู้ ราอูล ซิลบาส ก็หมุนตัวเดินลิ่วๆ ออกไป ครั้งแรกที่เห็นหน้าผู้เป็นนายอยู่บนหนังสือพิมพ์ ความยินดีมันเต็มตื้นขึ้นมาจนน้ำตาพาลไหล สิ่งที่ต้องทำต่อจากนี้ ก็คือติดต่อผู้เป็นเจ้านายให้ได้ และนำพาท่านกลับมายังคฤหาสน์   ฟรานติการ์เซียสอย่างปลอดภัย

            ตั้งมั่นในใจเต็มเปี่ยม พร้อมสืบปลายเท้าก้าวเร็วไปยังรถประจำตำแหน่ง โดยมีบอดี้การ์ดนับห้านายตามติดเช่นเคย ทุกคนล้วนยินดีที่ทราบว่าเจ้านายหนุ่มปลอดภัย แต่ติดข้อสงสัยเป็นจุดเดียวกันที่ว่า เหตุไฉน ฟาร์เชส  ฟรานติการ์เซียส ถึงไม่ติดต่อกลับมา แถมยังไปแต่งงานกับผู้หญิงแปลกหน้า ที่ระบุเนื้อในข่าวว่ารักกันปานจะกลืนกิน แถมยังใช้ชื่อ เดวิด ปกปิดฐานะที่แท้จริงอีกด้วย!

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×