ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Angel Eyes

    ลำดับตอนที่ #59 : Puubate's Eyes ♛ Eps.02

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 27.11K
      52
      19 มี.ค. 64

    http://i.imgur.com/oBimeuC.jpg

    Puubate’s Eyes 02

    Sometimes I Just Too Hot-Headed

     

           “ฉันชอบนาย

             ที่สารภาพบอกเขาออกไปนั้น ฉันรู้ตัวเลยว่าตัวเองกลั้นหายใจเอาไว้ตลอด ไม่รู้ว่าเขาจะคิดหรือรู้สึกยังไง ฉันแค่อยากเป็นตัวของตัวเองบ้าง ก่อนที่ทุกสายตาทุกคนจะมองฉันผิดไปหมด และกลายเป็นละครฉากหนึ่งที่ไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่รู้ว่าใครแต่งเสริมเติมสีจนกลายเป็นเรื่องไม่เป็นเรื่องหรือเปล่า

             “งั้น” เจย์ทำท่าจะเดินเข้ามาหา แต่ฉันถอยหลัง ทำให้เขาครางในคออย่างไม่พอใจ

             “ทำไม” เขาถามเหมือนจะหาเรื่อง ฉันเลยเช็ดฝ่ามือที่ชื้นไปด้วยเหงื่อกับกางเกงตัวเองก่อนจะอธิบายเสียงค่อย

             “นายก็รู้ว่าตอนนี้ทุกคนคิดว่าฉันนอนกับภูเบศกันหมดแล้ว ถ้านายจะยังเดินมาหาแบบนี้ มีหวังได้ถูกนินทาด้วยแน่” ฉันก้มหน้าก้มตา มองดูลูกฟุตบอลที่อยู่ตรงปลายเท้าแล้วใจไม่ดี

             คนที่ยืนแผ่รังสิอำมหิตให้ก็อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลออกไป ไม่รู้ว่าเขาคนนั้นได้ยินในสิ่งที่ฉันพูดบอกกับเจย์ไหม แล้วทำไมเรื่องมันถึงได้ยุ่งเหยิงมากขนาดนี้ด้วยก็ไม่รู้

             “คิดแบบนั้นเหรอ กลัวว่าฉันจะถูกนินทาไปด้วยงั้นเหรอ” เจย์ถามแล้วก็หัวเราะ ฉันเลยเงยหน้ามองเขาเห็นว่าเขายกแขนกอดอกอีกครั้ง และครั้งนี้มีรอยยิ้มแบบเดียวกับที่เคยเห็นมาตลอด

             จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังไม่แน่ใจจริง ๆ ว่าเจย์แค่อยากหยอกฉันเล่นไหม ที่ผ่านมามันเป็นแบบนั้น ไม่รู้ว่าตอนนี้ความรู้สึกของเขาเปลี่ยนไปหรือยัง ฉันรู้ว่าฉันมันโง่ แต่จะให้ทำยังไง เขาเป็นคนเดียวที่ก้าวเข้ามาในวันที่ฉันไม่มีใคร ถึงจะเป็นการเล่นตลกของเขากับภูเบศ แต่รอยยิ้มของเขาแทรกซึมลงมาในหัวใจของฉัน จนเผลอรู้สึกดี ๆ กับเขาไปแล้ว

             “ฉันแค่อยากบอกนาย ฉันไม่ได้หวังให้นายมาชอบตอบหรอก ฉันรู้ว่าที่ผ่านมามันก็เป็นแค่เกมสำหรับนายกับภูเบศ แต่ฉันแค่อยากบอกให้นายรู้ ว่าฉันไม่ได้เป็นอะไรกับภูเบศ ไม่ได้มีอะไรกับเขา และจนถึงตอนนี้ ฉันก็ยัง” ฉันกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอแล้วพูดไม่ออก ความรู้สึกบางอย่างมันเค้นคออยู่ตอนนี้ ฉันรู้ว่าฉันมันทั้งโง่ทั้งบ้าที่พูดบอกเขาไปว่าชอบ ซึ่งไม่มีอะไรดีขึ้นมากเลยสักอย่าง

             ตรงกันข้ามมันกลับจะยิ่งแย่ลงมากกว่าเดิมเท่านั้น แต่ฉันก็ยังพูดออกไปจนได้ ฉันนี่มัน

             “นายคนเดียวเท่านั้นที่ฉันไม่อยากให้เข้าใจผิด” ฉันบอกเสียงเศร้า เจย์เลยทำหน้าขรึมแล้วลดแขนที่กอดอกอยู่ลง

             “แล้วมาบอกทำไม ถ้าไม่อยากให้ฉันอยู่เคียงข้างเธอ”

             “ฉันแค่อยากบอก มันอาจจะฟังดูโง่ ๆ นะ แต่ฉันแค่อยากบอกนายเท่านั้นจริง ๆ” ฉันบอกก่อนจะเม้มปาก อ่านสายตาของเจย์ไม่ออก เขามองมาอึดใจหนึ่งแล้วก็ยิ้มให้ ก่อนจะเดินไปอีกทางหนึ่งเมื่อเพื่อนของเขาเรียกให้ไปหา

             ฉันถอยหลังเมื่อภูเบศเดินเข้ามาใกล้ เขาก้มลงเก็บลูกฟุตบอลแล้วหันมามองฉันด้วยสายตานิ่งเฉยอ่านไม่ออกเช่นเดียวกับสายตาของเจย์

             ฉันรู้สึกว่ามีสายตาของใครหลายคนมองมา และข่าวบ้า ๆ คงจะแพร่อีกครั้ง ว่าฉันเป็นผู้หญิงใจง่าย นอนกับคนหนึ่ง แต่กลับมาสารภาพรักกับผู้ชายอีกคนหนึ่งซะอย่างนั้น

             ภูเบศไม่ได้พูดอะไร แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือการที่เขาใช้นิ้วชี้ปาดคอของเขาเองแล้วเดินออกไปอีกทาง ซึ่งเป็นคนละทางกับที่เจย์เดินไป

             เมื่อไม่มีใครอยู่ใกล้แล้วฉันเลยถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ไม่รู้ว่าชั่วโมงข้างหน้าต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น แต่ว่ามันเป็นสิ่งที่ฉันตัดสินใจเลือกเองแล้ว

             ไม่ว่าผลจะเป็นยังไง ก็ช่างมันเถอะ ภูเบศคงไม่ฆ่าฉันหรอกมั้ง

     

    Puubate’s talking…

           ผมสวมเสื้อผ้าอย่างฮึดฮัดหลังจากอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว ในหัวยังมีแต่ภาพของเจย์กับนุ่มนิ่มที่ยืนสบตาและสารภาพรักกันอยู่เพราะสลัดมันออกไม่ได้ เกลียด เกลียดรอยยิ้มของไอ้เจย์ และสายตาของยัยโง่นุ่มนิ่มที่ยังชอบหมอนั่นลง ลืมไปแล้วรึไงวะ ว่าไอ้เจย์มันขอคบก็เพราะอยากจะเล่นสนุกด้วย โง่อะไรเบอร์นั้นวะ

             “แล้วมึงเอาไงต่อเบศ” เน็ทถามเมื่อผมยังหงุดหงิดฮึดฮัดฟึดฟัด

           “มึงถามไรวะ กูไม่เข้าใจ”

             “อย่าแกล้งบอกว่าไม่เข้าใจหน่อยเลยน่า ก็เห็นอยู่ว่ามึงกำลังเสียเซลฟ์”

             “หา!? กูเนี่ยนะ” ผมชี้หน้าตัวเองเมื่อได้ยินคำพูดไม่เข้าหูของเพื่อน

             “เออดิวะ ตั้งแต่น้องนิ่มไปสารภาพรักกับไอ้เจย์ หน้ามึงอย่างหมาง” มันว่าผมก็หน้าหงิกยิ่งกว่าเดิม

             “แต่ไม่เห็นว่าน้องนิ่มจะมายุ่งกับไอ้เจย์แล้วนะ”

             “มึงอย่าเรียกว่าน้องนิ่มได้มั้ยวะ” จู่ ๆ ผมก็พูดบางอย่างออกมา ซึ่งตัวเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าหลุดปากพูดแบบนั้นออกไปได้ยังไง

             “ฮะ!? มึงว่าไงนะ” เน็ทมองหน้าผม รวมถึงเพื่อนที่อยู่ในห้องพักเดียวกันด้วย

           “คือกู” จะว่ายังไงดีล่ะ ชื่อนี้ผมเป็นคนตั้งให้ป่านทอเอง แล้วก็ไม่อยากให้ใครเรียกซ้ำ โดยเฉพาะไอ้เจย์

             “อ้อ คือว่าจะเก็บไว้เรียกเองงั้นดิ” ไอ้คินพูดขึ้นมา ผมเลยส่ายหน้า

             “ไม่ได้หมายความแบบนั้น กูกำลังเคืองไอ้เจย์อยู่ ถ้าเรายังเรียกน้องนิ่มแบบนี้ ก็แปลว่าเราเหมือนให้ท้ายให้เจย์ยังไงไม่รู้ ไม่แน่ว่าตอนนี้มันก็กำลังเล่นเกมบางอย่างอยู่ก็ได้”

             “งั้นเหรอ” เพื่อนแต่ละคนเอียงหน้ามองอย่างสงสัย จนผมอยากจะสบถออกมาดัง ๆ เมื่อกี้ก็ไม่รู้ว่าพูดอะไรออกไปด้วย ให้ตายเถอะ นี่ผมเป็นบ้าอะไรไปแล้วก็ไม่รู้

           “กูก็บอกตอนแรกว่าน้องนิ่มเป็นแฟนกู แล้วพวกมึงดูสิ่งที่ไอ้เจย์ทำสิ” แบบนี้มันเป็นการประกาศสงครามชัด ๆ อยากจะมีเรื่องกันรึไงก็ไม่รู้

             “อ้าว แล้วทำไมมึงยังเรียกว่าน้องนิ่มอยู่ล่ะ” คินถามกลับ ผมเลยสูดหายใจเข้าปอดลึก ๆ เพื่อระงับความหงุดหงิดเอาไว้ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าตอนนี้กำลังหงุดหงิดเรื่องอะไรอยู่

             “กูติดปาก”

             “เออ จะพยายามเรียกว่าป่านทอให้ก็แล้วกัน ใช่ซี้ น้องนิ่มน่ะ มึงจะเก็บเอาไว้เรียกเองนี่หว่า”

             “ไอ้คิน!” ผมตะคอก รู้สึกหงุดหงิดไม่พอใจยังไงก็ไม่รู้

             เพื่อนคนอื่นเอาแต่หัวเราะจนผมยิ่งกว่าหงุดหงิด บอกตามตรงผมก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้อารมณ์เสียนักหนาก็ไม่รู้ แต่เมื่อลองคิดอีกทีแล้ว จะไม่ให้หงุดหงิดได้ยังไง สิ่งที่นุ่มนิ่มทำน่ะเหมือนเป็นการประกาศศึกกับผมชัด ๆ ไหนจะไอ้เจย์อีกที่ดูแปลกตั้งแต่แรกแล้ว อย่าหวังเลย อย่าหวังว่าใครจะได้มาปั่นหัวภูเบศคนนี้ ผมต่างหากที่เป็นคนทำแบบนั้นได้

             เมื่อถึงเวลาอาหารเย็น ผมตักทุกอย่างใส่ในถาดอย่างอารมณ์เสีย พยายามกวาดสายตามองหานุ่มนิ่มกับไอ้เจย์ไปด้วย เจย์นั่งกับเพื่อนที่มุมหนึ่ง ส่วนนุ่มนิ่มกำลังตักอาหารเสร็จพอดี

             ผมมองตามนุ่มนิ่มว่าเธอจะเดินไปหาไอ้เจย์ไหม ถ้าเป็นแบบนั้นสาบานได้เลยว่ามีเรื่องสนุกให้ตื่นเต้นกันอีกยาวเลยล่ะคืนนี้ แต่ยังดีที่เธอเลือกจะนั่งอีกมุมหนึ่งที่ไกลจากไอ้เจย์พอสมควร ผมตักอาหารมั่ว ๆ ลงในถาดก่อนจะเดินไปหาน้องนิ่มอย่างหาเรื่อง

             แล้วไง ผมเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ไม่ได้เจ้าแผนการเหมือนใครบางคนนี่หว่า แน่นอนว่านุ่มนิ่มสะดุ้งเมื่อผมนั่งลงใกล้ ๆ กับเธอ เพื่อนของผมก็เหมือนรู้ใจ นั่งขนาบข้างน้องนิ่มไม่ให้เธอลุกหนีได้

             แล้ววันนี้ก็พิลึกอีกอย่าง ผมยังไม่ทันเปลี่ยนถาดอาหารกับนุ่มนิ่มที่มันติดเป็นนิสัยไปแล้ว สตาฟฟ์ก็มาชวนเล่นเกมตอนที่กำลังหิว ๆ ผมนี่แทบจะปาถาดอาหารใส่หน้ามันเลย ถ้าไม่ใช่เพราะกติกาเกมเป็นอะไรที่บันเทิงสำหรับผมมาก

             ให้ผลัดกันป้อนข้าวคู่ของตัวเอง สนุกสิงานนี้

             นุ่มนิ่มทำหน้าเหมือนอมยาขมอยู่ในคอ เห็นแล้วก็อดขำไม่ได้ ดีเลยยังไม่ได้แลกถาดกันด้วย

             “อ้าปากดิ ไม่หิวข้าวเหรอ” ผมบอกกับนุ่มนิ่มตอนที่เธอเลิ่กลั่กจนน่าหัวเราะ

             ผมหันไปมองเจย์ตอนที่ตักอะไรสักอย่างเข้าปากนุ่มนิ่ม หมอนั่นมองมาด้วยสายตาเรียบเฉยอ่านไม่ออก แต่ว่าหลังมือของมันที่จับช้อนเอาไว้น่ะเส้นเลือดปูดโปนออกมาจนเห็นได้ชัดเจน บอกได้เลยว่ามันกำลังโมโห หึ ๆ แบบนี้ก็สนุกสิ

             “ป้อนฉันด้วยดิ ฉันหิวข้าว ไม่ได้อิ่มทิพย์เหมือนเธอนะ” ผมยังไม่ได้กินข้าวเลยสักคำ หันไปบอกนุ่มนิ่มทันที

             นุ่มนิ่มตักข้าวเข้าปากผม ขอบอกว่าอาหารแต่ละอย่างที่เธอเลือกรสชาติจืดชืดแบบเดียวกับหน้าตาของเธอนั่นแหละ ไร้รสชาติสุด ๆ กินอาหารที่เธอเลือกหลายครั้งแล้วยังสงสัย นี่น้องนิ่มมีลิ้นเหมือนชาวบ้านไหมวะ แบบนี้ชักอยากพิสูจน์ขึ้นมาแล้วสิ

             ผมเลิกสนใจไอ้เจย์เพราะแกล้งนุ่มนิ่มสนุกกว่าเยอะ ผมตักอาหารซึ่งตัวเองก็ยังไม่รู้ว่ามันมีอะไรบ้างใส่ปากเล็ก ๆ ของเธอต่อ แกล้งตักจนมันพูนล้นช้อนออกมา จนเธอต้องอ้าปากให้กว้างจนดูเหมือนปลาทองอะเวลาที่มันพยายามจะกินซากุระเร่งสีเร่งวุ้นที่ใหญ่กว่าปากของมันให้ได้ พออ้าปากได้แก้มเธอก็พองมากจนเหมือนว่าแก้มแทบจะแตกออกมา

             “อึก” น้องนิ่มสะอึกยกมือปิดปากเอาไว้แก้มยังพองเหมือนปลาทองนั่นแหละ

             “อยากได้น้ำเหรอ” ผมคว้าขวดน้ำเอาไว้เมื่อน้องนิ่มควานมือหาขวดน้ำ

             “อื้อ!~” เธอครางออกมาหน้าแดงก่ำ แก้มขาว ๆ ที่พองเหมือนจะแตกก็เป็นสีชมพูระเรื่อไปด้วย

             “โทษทีฉันฟังภาษาปลาทองไม่เข้าใจ” ผมหัวเราะเมื่อเห็นเธอฮึดฮัด ก็แบบว่ามันตลกอะ

           “อื้อออออ ฮือออออ” น้องนิ่มทำหน้าตาน่าสงสาร ตาละห้อยยังไงก็ไม่รู้ เหมือนถูกหนอนแก้วสีเขียวที่มีตาโต ๆ สะกดจิตให้ส่งขวดน้ำให้อะ

             “กลืนให้หมดก่อนดิ แล้วค่อยพูด” ผมยังแกล้งต่อทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าเธออยากดื่มน้ำเพราะข้าวติดคอจนพูดไม่ได้

             แล้วไงอะ ก็บอกว่ามันตลกจนอยากแกล้งต่อ

             “งั้นก็ไม่ต้องกิน” ผมวางขวดน้ำไว้ที่ม้านั่งข้างตัวเอง แล้วนุ่มนิ่มก็พยายามจะเอื้อมมือเอี้ยวตัวมาหยิบไปให้ได้

             นุ่มนิ่มนี่มันนุ่มนิ่มสมชื่อเลยจริง ๆ ให้ตายเถอะ เพราะน้องนิ่มสวมแค่เสื้อยืด เนื้อตัวของเธอเลยกระทบกับหลังของผมเข้าเต็ม ๆ แต่เสียใจ มุกนี้รู้ทันตั้งแต่แรกแล้วผมเลยคว้าขวดน้ำเอาไว้แล้วชูมันขึ้นไม่ให้เธอได้มันไป

             สักพักไอ้เจย์ก็เอาแก้วน้ำมาให้นุ่มนิ่ม เธอรีบดื่มมันจนแทบจะสำลักเลยมั้ง เจย์มองหน้าผมอย่างไม่พอใจก่อนจะพูดออกมาเสียงดัง

             “มึงเลิกทำตัวเป็นเด็กซะทีเหอะเบศ ถ้าป่านสำลักขึ้นมาจริง ๆ มึงคงสะใจสินะ”

             “แล้วไง” ผมไหวไหล่มองมันนิ่ง ๆ ไม่ได้เถียงอะไรกลับไป

             เจย์ทำหน้าฮึดฮัดแต่ก็เดินกลับไปนั่งที่ของตัวเอง ส่วนผมก็หมดอารมณ์ล้อเล่นละ วางขวดน้ำให้น้องนิ่มแล้วก็ตักข้าวเข้าปากไม่ได้ป้อนนุ่มนิ่มอีก

             “Damm!” ผมสบถทั้งที่ข้าวอยู่เต็มปาก แทบจะพ่นมันออกมาอยู่แล้ว นี่มันเผ็ดเบอร์ไหนวะ คนแทบจะกินไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ผมคว้าขวดน้ำที่นุ่มนิ่มเพิ่งวางมันลงบนโต๊ะกรอกเข้าปาก ส่งสายตาหงุดหงิดใส่เพื่อนที่หัวเราะเยาะผมด้วยสายตาไม่พอใจ

             “เผ็ดเหรอวะ หน้างี้แดงเชียว” ไอ้คินล้อเลียนผมเลยสบถใส่มันอีกคำแล้วผลักถาดอาหารตรงหน้าอย่างหงุดหงิด

             บ้าเอ๊ย ยังกินได้ไม่แค่กี่คำเลย ผมเลยคว้าช้อนออกมาจากมือของนุ่มนิ่มทันที

    End Puubate’s talk…

     

           ฉันกะพริบตาปริบ ๆ เมื่อเขาคว้าช้อนออกไปจากมือของฉัน อันที่จริงก็รู้อยู่หรอกว่าเขาไม่ยอมให้ป้อนข้าวเหมือนกับคู่อื่น ๆ ที่ทำกันอยู่ตอนนี้หรอก ทุกคนหัวเราะครื้นเครงกับการสานสัมพันธ์ละลายพฤติกรรมแบบนี้ ต่างผลัดกันป้อน ข้ามไปป้อนให้คนอื่นกลุ่มอื่นสนุกสนานเฮฮากัน มีแต่ฉันกับภูเบศนี่แหละที่มาคุอยู่คู่เดียว ตอนนี้เขาน่าจะรู้แล้วว่าอาหารที่เขาตักมารสชาติมันไม่ไหวมาก ๆ กว่าจะกลืนลงคอได้ก็หมดน้ำไปครึ่งขวด และถ้าเจย์ไม่ช่วยเอาไว้ทีแรก ป่านนี้ฉันได้ขาดอากาศหายใจเพราะกลืนมันลงคอไม่ได้แน่

             แล้วตอนนี้ภูเบศก็ยังขโมยถาดอาหารของฉันไปด้วย เอ่อ อันที่จริงมันก็คงเป็นของเขานั่นแหละ ส่วนของฉันก็กระเด็นไปอยู่อีกทางที่เอื้อมไม่ถึงนั่นไง ฉันยกมือลูบท้องเพราะความหิว ไม่รู้จะทำยังไงต่อดี กำลังจะมองไปทางเจย์เพื่อขอความช่วยเหลือ ก็เปลี่ยนใจไม่อยากให้เขามาเดือดร้อนวุ่นวายกับการกลั่นแกล้งของภูเบศอีก แล้วเราก็ไม่ได้เป็นอะไรกันด้วย ตอนนี้นี่เองที่ฉันสะดุ้ง เมื่อจู่ ๆ ผู้ชายที่ชอบแกล้งกัดไม่ปล่อยและเป็นเสือหิวโซอย่างภูเบศตักอาหารใส่ช้อนแล้วส่งมาถึงปากฉัน

             “อ้าปากดิ ไม่กินข้าวรึไง!” เขาบอกเสียงเข้ม ส่วนฉันก็ได้แต่ตะลึงเพราะคิดไม่ถึง

             “บอกให้อ้าปากไง!” ภูเบศตะคอกอีกครั้ง ฉันก็ตกใจเผลออ้าปากไม่รู้ตัว ข้าวคำใหญ่ก็ยัดเข้ามาในปากอย่างรุนแรง

             โชคดีที่รสชาติมันเป็นรสชาติที่ฉันกินได้ ถึงจะคำใหญ่จนเคี้ยวไม่สะดวกแต่ก็ดีกว่ากินผัดอะไรสักอย่างที่เผ็ดจนปากชาไปหมดนั่นไม่รู้กี่เท่า

             ภูเบศกินข้าวเองแล้วสลับกับป้อน เอ่อ อันที่จริงต้องบอกว่ายัดข้าวเข้าปากฉันอยู่ฝ่ายเดียว ฉันทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากอ้าปากรับเหมือนลูกนอรอให้แม่นกมาป้อนอาหาร ตัวแข็งทื่อเพราะคู่ของฉันกำลังหงุดหงิดอยู่ แล้วสักพักต่อมาเขาก็ลุกไปตักข้าวเพิ่มเพราะอาหารในถาดหมดแล้ว เขาทำลายกฎเกณฑ์ทุก ๆ อย่างที่แคมป์ตั้งเอาไว้อย่างราบคาบ ไม่สนใจกติกาหรือใครหน้าไหนทั้งนั้น

             ความจริงฉันน่าจะชินแล้วที่เขาเป็นแบบนี้ แต่ว่ามันก็

             “อ้าปาก! เขากลับมาตอนไหนไม่รู้ และออกคำสั่งที่เขาถนัดอีกครั้ง

             ฮือ นี่ฉันบอกเขาไปหรือยัง ว่าฉันอิ่มแล้วน่ะ

     

           หลังจากทานมื้อเย็นเสร็จก็มีกิจกรรมสันทนาการต่อกันอีกเล็กน้อย ฉันไม่สามารถอยู่ห่างจากภูเบศได้เลยแม้แต่ก้าวเดียว ฉันพยายามไม่มองหาเจย์ เพราะกลัวว่าข่าวลือบ้า ๆ จะยิ่งเลวร้ายเข้าไปใหญ่ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงได้ไปสารภาพกับเขาแบบนั้น ฉันนี่มันโง่จริง ๆ เลย ถูกหลอกมาแล้วครั้งหนึ่งแต่ก็ยังโง่ทำตัวเซ่อซ่าให้คนอื่นแกล้งได้ตลอด

             ภูเบศก็ทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของตามที่เขาบอกเอาไว้ว่าฉันเป็นแฟนเขานั่นแหละ การแกล้งแบบนี้มันควรหยุดได้แล้วนะ แต่คนนุ่มนิ่มหัวอ่อนแบบฉันจะเอาชนะเสือร้ายอย่างเขาได้ยังไง กว่าจะกลับมาถึงห้องพัก ข้อมือของฉันก็ช้ำไปหมดเพราะเขาจับข้อมือไม่ปล่อยตลอดเวลาทำกิจกรรมนั่นแหละ

             “นี่เธอ ชื่อป่านทอใช่มั้ย มีผ้าอนามัยมั้ยอะ ฉันไม่ได้พกติดตัวมา ขอยืมหน่อยได้มั้ย พรุ่งนี้เช้าจะไปซื้อจากร้านขายของแถวนี้มาคืน” รูมเมทถามเมื่อฉันเข้ามาในห้องแล้ว

             “อ๋อได้สิ” ฉันค้นกระเป๋าเดินทางแล้วมองหาผ้าอนามัยที่ติดตัวมาด้วย อันที่จริงก็เพิ่งหมดไปนี่เอง แต่ฉันอยากพกมันติดตัวเอาไว้เพื่อความสบายใจ และส่งมันให้รูมเมททั้งห่อเพราะมีเหลือในกระเป๋าอีกสองห่อ

             “นี่ป่าน จะเอาอย่างนี้จริง ๆ เหรอ” เธอรับไปแล้วก็หัวเราะ ฉันเลยทำหน้าสงสัย

             “ทำไม” ฉันถามก่อนจะหน้าแดงเมื่อเห็นว่าในห่อผ้าอนามัยน่ะไม่มีผ้าอนามัยอย่างที่ควรจะเป็น แต่เป็นถุงยางอนามัยล้วน ๆ ฮึกภูเบศ!

           “โทษที” ฉันหน้าร้อนผะผ่าวรีบหยิบอีกห่อให้ แล้วรับถุงยางอนามัยเจ้ากรรมจากมือของรูมเมทซึ่งมีชื่อจากป้ายชื่อว่า สายธารอย่างรีบร้อน

             แต่รูมเมทอีกคนหนึ่งที่ชื่อ ใบตองหยิบมันออกไปหลายชิ้น

             “ขอนะ หรือว่าเธอกลัวใช้ไม่พอ”

           ฉันส่ายหน้าดิกก้มหน้างุดด้วยความเขินและอายจนมือไม้สั่นไปหมด สายธารได้ผ้าอนามัยที่ต้องการแล้วก็เดินออกจากห้องไปทั้งที่ถึงเวลานอนแล้ว ส่วนใบตองก็กำลังแต่งหน้าเดี๋ยว เดี๋ยว นี่เวลาเข้านอนแล้วไม่เหรอ ฉันได้แต่สงสัยแต่ไม่กล้าถาม จนกระทั่งมีคนเข้ามาในห้องนี่แหละ ฉันถึงได้รู้ว่าตัวเองมันไร้เดียงสาเกินไป

             คนที่เข้ามาในห้องเดินผ่านฉันไปกอดจูบนัวเนียกับใบตองแบบว่าได้ยินเสียงจูบชัดเจนเลยล่ะ แล้วเธอก็ขอถุงยางอนามัยไปด้วย โอย ฉันจะทำยังไงดี

             ตอนที่กำลังใจเต้นเหงื่อแตกทั้งตัวประตูห้องก็ถูกผลักเข้ามาอีกครั้งจนสงสัยว่ามันไม่มีกลอนแล้วหรือเปล่า ทำไมถึงมีแต่คนเข้าออกตลอดเวลา แล้วภูเบศก็มาพร้อมกับหนังสือโป๊ในมือ เขาล้มตัวลงนอนบนเตียงของฉันหน้าตาเฉย

             “เฮ้ย ไปเอากันในห้องน้ำ กูง่วงจะนอน” ภูเบศบอกกับคู่รักสุดฮอต ส่วนฉันก็ตัวแข็งทื่อเป็นก้อนหินไปแล้ว

             “นุ่มนิ่ม มานอนได้แล้ว” เขาบอกฉันตอนที่คู่รักสุดฮอตกอดจูนัวเนียหายเข้าไปในห้องน้ำ

             ภูเบศนอนยึดเตียงจนไม่เหลือพื้นที่ให้ฉันนอน ไม่สิ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะคิดแบบนั้นนะ เขาลดหนังสือโป๊ในมือลงแล้วก็ตบอกตัวเองรัว ๆ

             “มานอนสิ” เขาบอกกับฉันด้วยสีหน้าแววตายิ้ม ๆ ขอร้องล่ะ เขาไม่ได้ใสซื่อและไร้เดียงสาขนาดคิดว่าผู้ชายผู้หญิงแค่จับมือกันนอนแล้วจะมีลูก แบบที่ฉันคิดมาตลอดตอนที่สมัยยังเป็นเด็กเล็ก ๆ

             มันไม่ใช่แบบนั้นเลย!

           “ฉันจะไม่นอนกับนาย ไม่อีกแล้ว” ฉันบอกเสียงแข็ง เขาก็หัวเราะออกมา

             “แล้วจะไปนอนที่ไหนล่ะนุ่มนิ่ม มีเพื่อนกับคนอื่นแล้วเหรอ ถ้าจะหวังพึ่งไอ้เจย์ล่ะก็นะ ขอบอกว่าตอนนี้มันคงไปหาคู่นอนของมันแล้วล่ะ” ภูเบศบอกเสียงหยันและเหมือนจะหัวเราะไปด้วย

             แล้วมันยังไงล่ะ ฉันชอบเจย์ก็จริง แต่ไม่ได้หวังว่าจะให้เขามาเป็นแฟนนี่ อีกอย่างประสบการณ์ที่ผ่านมาก็ทำให้รู้สึกไม่ไว้ใจผู้ชายทั้งโลกแล้ว โดยเฉพาะตัวการอย่างภูเบศ ฉันก็แค่โง่ที่ไปสารภาพรักแบบนั้น เพราะไม่อยากให้เจย์เข้าใจผิดว่าฉันชอบภูเบศและนอนกับภูเบศ

             มันเป็นความขัดแย้งที่ฉันก็ยังไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมมันถึงได้ซับซ้อนขนาดนั้น ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจอยู่แล้วว่าเจย์ก็ตั้งใจจะมาหลอกและแหย่ฉันเล่น อาศัยหน้าตาที่หล่อเหลาเหมือนเทพบุตรมาหลอกคนที่ไม่เคยมีภูมิกันใด ๆ ที่สำคัญโง่มากกว่าอะไรทั้งนั้น เหมือนสมองเป็นแค่ก้อนนุ่มนิ่มแบบที่ภูเบศค่อนแขวะมาตลอด

             “ถ้าเธอเดินออกจากห้องไปนอนที่อื่น ฉันสัญญาจะทำให้เธอร้อนรุ่มไม่เป็นอันทำอะไรเลย คอยดูสิ

             เสียงพูดของภูเบศเป็นเสียงขู่ของปีศาจที่น่าชิงชัง นอกจากนั้นก็ยังได้ยินเสียงครางครวญลอดออกมาจากห้องน้ำ ซึ่งมัน แบบว่า ใบหน้าของฉันร้อนผ่าว ไม่รู้ว่ามันแดงด้วยไหม

             “ขึ้นมานอนได้แล้ว ไหนบอกว่าวันนี้เพลียมาทั้งวันแล้วไง” หลังจากขู่จบ ภูเบศก็ทำเสียงรำคาญต่อ

             ตั้งแต่เกิดมาเนี่ย ไม่เคยเจอใครที่จะอารมณ์เสียง่ายและหงุดหงิดตลอดเวลาแบบเขาเลยจริง ๆ หรือว่าอันที่จริงแล้ว เขาอาจจะทำแบบนี้กับฉันแค่คนเดียวก็ได้ เพราะภูเบศขึ้นชื่อว่าเป็นหนุ่มเนื้อหอมที่มีแต่สาว ๆ รุมล้อมมาตั้งแต่เข้าปีหนึ่งใหม่ ๆ แล้ว ฉันคงเป็นตัวน่ารำคาญที่สุดในสายตาของเขา

           “จะไปนอนเตียงที่ว่างตรงนั้นก็ได้นะ จะได้ยินเสียงครางซี๊ดซ๊าดชัดเจนดี

             ฉันอายมากจนไม่รู้จะทำยังไง จะออกไปข้างนอกตอนนี้เลยสายตาของภูเบศก็น่ากลัว และฉันเชื่อว่าเขาทำอย่างที่เขาขู่เอาไว้ได้ทุกอย่างอย่างไม่ต้องสงสัย คนที่ต้องเดือดร้อนจะเป็นใครถ้าไม่ใช่ฉันคนนี้

             ห้องน้ำภายในห้องพักนั้นอยู่ด้านในสุดของห้อง ส่วนเตียงนอนของฉันก็ติดกับผนังฝั่งประตูทางเข้า มีเตียงอยู่สามเตียง ซึ่งสายธารและใบตองน่าจะสนิทและรู้จักกันมาก่อน พวกเธอเลยเลื่อนเตียงนอนให้ติดกันใกล้ ๆ กับห้องน้ำซึ่งอยู่ทางปลายเตียง

             ฉันมองไปรอบ ๆ ห้องก่อนจะถอนหายใจ และเลือกที่จะเอากระเป๋าเดินทางวางลงตรงช่องว่างระหว่างเตียงของฉันใช้หนุนแทนหมอน เอ่อ อันที่จริงต้องบอกว่าเตียงที่ภูเบศยึดไปแล้ว กับสองเตียงที่ถูกเลื่อนไปชิดติดกัน ตั้งใจจะนอนกับพื้น อันนี้ไม่ได้ประชดนะ เพราะไม่อยากขึ้นไปนอนบนเตียงเดียวกับอันธพาลจริง ๆ

             ความตั้งใจของเขาเป็นยังไงทำไมฉันจะเดาไม่ออก เขาอยากแกล้ง และอยากจะแกล้งอย่างเดียวเท่านั้น แล้วจะพาตัวเองไปเป็นเหยื่อไปเป็นหมอนข้างทำไมกัน

             “นอนสบายเหรอนั่น” เขาถามแล้วหัวเราะ ฉันหลับตาลงไม่อยากจะวุ่นวายใจไปมากกว่านี้ อีกอย่างก็เพลียมากด้วย วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว อยากนอนจะแย่

             “มาขึ้นมานอนกับพี่เบศล่ะน้องนิ่ม

             “ฮือ” ฉันครางในคอเบา ๆ พยายามข่มตาหลับไม่ฟังเสียงครางไม่เป็นศัพท์จากในห้องน้ำ หรือว่าเสียงพลิกหน้ากระดาษของภูเบศ

             ทำไมแต่ละอย่างมันชวนให้ใจเต้นไม่ค่อยดี ที่สำคัญ ทำไมฉันดูเหมือนจะหื่นขึ้นด้วยก็ไม่รู้ ทั้งที่ไม่ได้เต็มใจเลย แต่กลับต้องถูกรังแกได้ตลอด

             “น้องนิ่ม” ได้ยินเสียงภูเบศเรียกอีกครั้ง ตอนที่เพลียมากและใกล้จะเคลิ้มหลับอยู่แล้ว

             “ไม่กลัวผีใต้เตียงรอ ไม่รู้ว่าใครเคยไปนอนใต้เตียงนี้มาก่อนด้วยนะ

             ฉันอยากร้องไห้ ฉันเพลีย ฉันเหนื่อย ฉันไม่ไหวแล้ว และฉันไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น

             เมื่อสั่งตัวเองแบบนั้นฉันก็ผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว และหลับสนิทจนไม่ได้ฝันอะไรเลยด้วยซ้ำ

     

             ฉันไม่รู้ว่ากิจกรรมหรรษาในห้องน้ำของรูมเมทจบลงตอนไหน ไม่รู้ว่าตัวเองเผลอหลับไปเมื่อไหร่ แต่ตอนที่ลืมตาขึ้นได้ก็อยากจะเอาหัวโขกผนังให้ตายไปซะตอนนี้เลย คงไม่ต้องถามหรอกนะว่าเหมือนในนิยายขนาดไหนที่พระเอกนางเอกตื่นขึ้นมาในอ้อมแขนของกันและกันหรือเปล่า

           แต่เอาเถอะ จะอธิบายให้ฟังก็แล้วกัน

             ภูเบศกอดฉันรัดแน่นเหมือนงูอนาคอนดากำลังรัดเหยื่อที่เตรียมจะกลืนกินลงท้อง หนังสือโป๊ ผ้าห่มหลุดลุ่ย ฉันนอนก่ายเกยเบียดกับเขาบนเตียงขนาดเล็กแค่สามฟุตครึ่ง อึดอัดจนไม่รู้จะอึดอัดยังไงแล้ว หันไปมองเตียงข้าง ๆ แม่สาวใบตองก็นอนกอดกับแฟนบนเตียงเหมือนกัน

             จะว่าใครก็ไม่ได้สินะ ฉันเองก็ไม่ได้ต่างจากใบตองเท่าไหร่เลย เพียงแต่ภูเบศไม่ได้เอาจริง อยากได้ฉันจริงจังแบบนั้น แค่แหย่เล่นให้หัวใจวายตายก็เท่านั้นเอง

           “เช้าแล้วเหรอวะ” ภูเบศเริ่มต้นวันใหม่อย่างร่าเริงแจ่มใส นั่นแหละเขา

             “หยิบกระเป๋ามา” เขาบอกเสียงงัวเงียแล้วลุกนั่งบนเตียง ก่อนจะยืนเต็มความสูงที่พื้นห้อง

             “ฮะ!?” ฉันครางอย่างไม่เข้าใจ ยอมรับว่าปวดหัวมากจนไม่เข้าใจว่าเขาต้องการจะบอกอะไรกันแน่

             “จะเข้าไปใช้ห้องน้ำนั่นเหรอ ไม่รู้สิ ฉันแนะนำว่าไม่ควรเข้าไปใช้ต่อหลังจากที่มีคนโซเดมาคอมกันดุเดือดเลือดพล่าน ไม่แน่นะ ว่าอาจจะมีอะไร ๆ หลงเหลือแถวพื้นห้องน้ำ แบบว่าเธอตื่นเต็มตาดีรึยัง แล้วถ้าเดินเข้าห้องน้ำแล้วเกิดลื่นหัวฟาดพื้นขึ้นมา แล้วจะบอกหมอยังไง หมอคะ หนูลื่น ฮ่า ๆ” ภูเบศหัวเราะเมื่อฉันปิดปากเขาเอาไว้ก่อนที่เขาจะทันพูดจบ เลยถูกลากลงจากเตียงตอนนั้นเลย

             “เอาไง จะเข้าห้องน้ำต่อไหมล่ะ หรือจะใจดีทำความสะอาดห้องน้ำให้เพื่อน”

             “ฉันเพลียมากเลยภูเบศ นายไม่เหนื่อยจะแกล้งฉันบ้างเหรอ” ฉันคราง ตอนนี้ฉันเหมือนจะประสาทที่ฟังแต่เขาพูดจนไม่เป็นอันกินอันนอนแล้ว

             “ไม่เลย สนุกออก” พูดจบภูเบศก็หัวเราะร่วน และเป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นเขายิ้มและหัวเราะโดยที่มี่แฝงความเย้ยหยัน แต่เป็นยิ้มและหัวเราะที่สดใสซะจนใบหน้าของเขาสว่างจ้า

             ป่านทอ เธอนี่บ้าไปแล้ว ไปใจเต้นก็ผู้ชายร้ายกาจที่เอาแต่ใจและกลั่นแกล้งตัวเองมาตลอดแบบนี้ได้ยังไง

             “ไปห้องฉันกัน ไอ้รูมเมทห้องฉันมันไปหาแฟนกันหมดแล้ว ไม่มีใครอยู่ในห้องเลย คิดว่าคืนนี้ห้องนี้คงเป็นปาร์ตี้ XXX แล้วก็ XXX ไปห้องฉันจะสบายใจกว่านี้”

             ขอเซ็นเซอร์คำพูดหยาบคายและร้ายกาจของภูเบศเอาไว้นะ เพราะขนาดฉันยังทนฟังไม่ได้เลย

             ฉันยังไม่ทันได้ตอบ สายธารที่ออกไปตั้งแต่เมื่อคืนก็กลับเข้ามาในห้อง และมีกลิ่นแอลกอฮอล์ลอยคละคลุ้งไปหมด มันชวนให้รู้สึกแย่จริง ๆ

             “ไปเหอะ….” เขายิ้มก่อนจะคว้ากระเป๋าของฉันแล้วพาเดินออกมาจากห้อง

             ตอนที่พากันออกมา ก็มีผู้หญิงหลายคนเดินสวนทางเข้าไปในห้อง แต่ละคนก็ดูมึน ๆ งง ๆ นิดหน่อย โดยรวมก็ไม่ถึงกับเลวร้าย ถ้าอาบน้ำแต่งตัวจนดีขึ้นก็น่าจะเป็นเหมือนเดิมกัน

           “จะพาแฟนย้ายไปห้องอื่นใช่มั้ยอะ กษัตริย์ (King)” คนหนึ่งเอ่ยถามขึ้นตอนที่เดินสวนเราสองคน

             “อาฮะตามสบายแล้วกัน ห้องนี้นุ่ม เอ่อ ป่านคงไม่มาค้างอีกแล้วล่ะ” ภูเบศยิ้มก่อนจะลากทั้งฉันและกระเป๋าเดินทางออกมาพร้อมกัน

             ฉันยังสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ดี ใช่ เราอาจจะเรียนเอกชนที่ไม่ได้มีระเบียบหรือกฎเกณฑ์ที่มันเข้มงวด แต่การเข้าค่ายพักแรมตอนนี้กับสมัยเรียนมัธยมมันก็แตกต่างกันเหลือเกิน นี่ฉันไร้เดียงสาโง่เกินไป หรือโลกมันหมุนไวจนตามไม่ทันกันแน่

             ก็จริงอยู่ว่าการเข้าค่ายสมัยเด็กก็มีการแหกกฎแอบปาร์ตี้อยู่เหมือนกัน แต่มันก็ไม่ใช่แบบนี้

             ที่แบบว่า เป็นแฟนกัน XXX กัน และก็จริงที่ว่ามีการป้องกันตัวเองแล้ว บรรลุนิติภาวะกันแล้ว อาจารย์ก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ฉันก็ยังรู้สึกเหมือนตามไม่ทันอยู่ดี

             ฉันหน้าเหวอเมื่อมาถึงห้องพักของภูเบศโดยไม่รู้ตัว ไม่มีใครอยู่ในห้องอย่างที่เขาบอกเอาไว้จริง ๆ ประตูห้องติดป้ายเอาไว้ว่า ‘KING’ คงไม่ต้องถามว่าอิทธิพลของเขามีมากแค่ไหน แล้วฉันก็ขืนตัวเอาไว้อย่างอัตโนมัติไม่กล้าจะเข้าไปข้างในนั้น

             “รึเธออยากให้อาจารย์เห็นว่าเธอเข้าห้องผู้ชาย~” ภูเบศลอยหน้าลอยตาล้อเลียน ฉันก็เป็นกังวล มองไปทางห้องพักอาจารย์ที่อยู่ตรงกลาง เมื่อเห็นประตูทำท่าจะเปิดออกก็เป็นฝ่ายวิ่งเข้ามาหลบในห้องก่อน

             ภูเบศลากกระเป๋าเดินตามเข้ามาอย่างสบายอารมณ์ เขาดูอารมณ์ดีสุด ๆ ขณะที่ฉันรู้สึกสับสนไม่เข้าใจ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ตัวเองเป็นใครมาทำอะไรที่นี่ หมดแรงซะจนต้องทรุดฮวบลงนั่งกับพื้น

             “ไปอาบน้ำ เดี๋ยวจะได้กินข้าว” แต่ภูเบศไม่ยอม เขาหิ้วปีกฉันขึ้นมาจากพื้นเขย่าฉันที่ยังงงจับต้นชนปลายไม่ได้

             “รีบอาบน้ำสิ หรือจะให้ฉันอาบให้ดี

             ด้วยคำพูดนั้นฉันเลยลากทั้งกระเป๋าเดินทางเข้าห้องน้ำด้วยความเร็วแสงทันที

     

             มื้อเช้าเริ่มต้นอย่างเรียบง่ายและเงียบสงบกว่าทุกวัน อาจจะเป็นเพราะเมื่อคืนมีกิจกรรมหรรษา ฉันหมายถึงปาร์ตี้ ซึ่งคนที่มีประจำเดือนอย่างสายธารคงไม่ทำอะไรแบบใบตองทำหรอก จริงไหมล่ะ ฉันนั่งกินข้าวเงียบ ๆ คนเดียวโดยไม่มีใครมากวนใจ แต่ก็แค่สามนาที ภูเบศถือถาดอาหารมานั่งด้วย แต่เขาไม่ได้พูดร้าย ๆ หรือหงุดหงิดอารมณ์เสียใส่เหมือนครั้งก่อน ๆ เลยทำให้อดแปลกใจและหวั่นใจไม่ได้

             “กินอะไร” เขาถามแต่ไม่รอคำตอบ ใช้ช้อนของเขาตักอาหารของฉันแล้วก็ขมวดคิ้ว

             ตอนที่ภูเบศเม้มปากนั้นตรงมุมปากเกิดลักยิ้มให้เห็นชัด จนฉันเป็นบ้าอะไรไม่รู้หลบสายตาเพราะหัวใจเต้นไม่ปกติเลย

             “มันไม่เห็นอร่อยเลย” หลังจากที่กลืนลงท้องแล้วภูเบศก็บอกแบบนั้น อันที่จริงฉันก็ตักอาหารมั่ว ๆ ลงในถาด เพราะรู้ว่ามีอยู่สองอย่าง เขาจะแลกถาดอาหารหรือไม่ก็ไม่แลก มันไม่มีทางเลือกนักหรอก ก็เลยไม่ได้สนใจ

             แต่แล้วเขาก็ทำในสิ่งที่ฉันไม่เข้าใจด้วยการผลักถาดอาหารของฉันออกไป แล้วลากถาดอาหารของเขามาวางตรงหน้าระหว่างเราสองคน

             “กิน” เขาพูดสั้น ๆ ไม่ได้พูดอะไรมากกว่านั้น ฉันเองก็ไม่อยากมีปัญหาเลยต้องตักข้าวเข้าปากอย่างไม่รู้รส

             ระหว่างกินมันก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะมองหน้ากันเป็นพัก ๆ เห็นแต่ลักยิ้มของเขาตอนที่กินข้าว และริมฝีปากที่แดงสดเท่านั้น ไม่กล้าจะเงยหน้าขึ้นไปมองสูงมากกว่านี้ อีกอย่างเมื่อวานฉันกับเขากินข้าวช้อนเดียวกันด้วย ก็เพราะเขาเป็นคนป้อนให้

             อา นี่ฉันคิดเรื่องอะไรอยู่นะ

             “กินข้าวไง เดี๋ยวก็ไปเล่นกงเล่นเกมอะไรต่อ รึจะให้ป้อนให้เหมือนเมื่อวาน

     

    Jay’s talking…

           ผมนั่งมองคนสองคนที่นั่งกินข้าวร่วมถาดอาหารเดียวกันด้วยความรู้สึก

             แย่ว่ะเมื่อวานป่านทอมาสารภาพรักกับผม บอกว่าชอบผม แต่วันนี้เธอกลับอี๋อ๋อกับไอ้ภูเบศต่อหน้าต่อตา แล้วมันหมายความว่ายัง

             “เจย์ มึงรู้อะไรมั้ย”

             “กูไม่รู้อะไรทั้งนั้น!” ผมตอบเพื่อนส่ง ๆ กระแทกช้อนลงกับถาดอาหารอย่างหัวเสีย หมดอารมณ์จะกินต่อแล้ว

             “งั้นมึงควรรู้เอาไว้ ป้ายชื่อน้องนิ่มน่ะมันเปลี่ยนไปแล้วนะเว้ย”

             “ไงนะ” ผมหันไปถามเพื่อนอย่างไม่เข้าใจ แล้วหันไปดูภูเบศกับป่านทอที่ดูเหมือนจะสนิทสนมกันมากขึ้นกว่าเดิมด้วยความรู้สึกหงุดหงิดเป็นเท่าตัว

             “ตอนแรกมันเขียนเอาไว้ว่า ป่านทอใช่มั้ย ตอนนี้มันเปลี่ยนแล้ว” ไอ้คลาวด์บอกกับผม ทำให้ผมไม่สบายใจเอาซะเลย

             “แล้วเปลี่ยนว่าไง” เพราะไม่เห็นป้ายชื่อของป่านทอ ผมเลยไม่รู้ว่ามันถูกเปลี่ยนไปยังไงแล้ว

             “มันเขียนว่า ราชินี’ (Queen) มึงเข้าใจความหมายใช่มั้ย ไอ้ภูเบศน่ะมันคือกษัตริย์มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ตอนนี้น้องนิ่มเป็นราชินี ก็นะ โนคอมเม้นท์แล้วว่ะ

             ผมเม้มปากแน่นอย่างหงุดหงิด บอกตามตรง ตอนนี้เหมือนถูกภูเบศกับป่านทอปั่นหัว โกรธจนตัวสั่นไปหมดแล้ว

             “ไอ้เบศมันอาจจะเป็นกษัตริย์ แต่อย่าลืมสิไอ้เจย์ว่ามึงเป็น จักรพรรดิ(Emperor)นะ ของแบบนี้ง่ายนิดเดียว”

             “ไม่เข้าใจว่ะ” ผมส่ายหน้าก่อนจะเบือนสายตาจากคนทั้งคู่ไม่อยากจะมองไม่อยากจะเห็นอะไรอีกแล้ว

             “มึงก็แย่งมาสิวะ ยากตรงไหน อะไรที่มึงอยากได้มึงก็ไปเอามาด้วยตัวเองสิวะ มึงเคยเป็นแฟนของน้องนิ่มมาก่อนด้วย จะกลัวอะไร น้องนิ่มเองก็มาสารภาพรักกับมึงแล้วด้วยดูก็รู้ว่าใครมีภาษีมากกว่ากัน แล้วดูก็รู้ว่าไอ้เบศมันก็บังคับแกล้งน้องนิ่มเหมือนทุกที น้องนิ่มคงไม่อยากเป็นราชินีหรอก แต่น้องนิ่มเหมาะกับ จักรพรรดินี’ (Empress) มากกว่า”

             “แล้วกูต้องทำไง” ผมยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม สายตามองไปทางป่านทอไม่ละสายตา และแวบหนึ่งที่เราได้สบตากัน

             “กูเพิ่งได้ของดีมา” คลาวด์ส่งขวดเล็ก ๆ ขนาดที่เล็กกว่าปลายนิ้วก้อยให้ผมดู และเดาออกไม่ยากเลยว่ามันคืออะไร ถ้าไม่ใช่ยาสำหรับเรื่องอย่างว่า

             “อยากได้มะ อยากรู้รึเปล่า ว่าน้องนิ่มจะนุ่มนิ่มสมชื่อมั้ย?” คลาวด์ยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วยื่นขวดมาต่อหน้าผม

             และผม รับมันมาถือเอาไว้ในมือ

             “ต้องงั้นสิ ราชินีไม่เหมาะกับน้องนิ่มหรอก น้องนิ่มควรจะเป็นจักรพรรดินีของจักรพรรดิมากกว่า มึงชอบน้องนิ่มตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วจะปล่อยให้ไอ้เบศรังแกน้องนิ่มไปเรื่อย ๆ ไม่แน่นะ คืนนี้ราชินีจะได้สวมมงกุฎกษัตริย์ก็ได้” คลาวด์หยิบองุ่นใส่ปากจนน้ำหวานมันกระเซ็นเปื้อนริมฝีปาก ก่อนที่มันจนใช้ลิ้นกวาดเช็ด

             “มึงก็ชิงสวมมงกุฎให้ก่อนสิ นั่นแฟนมึงไม่ใช่เหรอเจย์”

             ผมใช้ลิ้นดันโพรงปากก่อนจะหันไปมองทางไอ้ภูเบศกับป่านทออีกครั้ง สองคนไม่ได้คุยอะไรกันเลยนอกจากกินข้าวกันเงียบ ๆ แต่เข้าใจบรรยากาศไหม มีใครที่ไหนกันข้าวถาดเดียวกันแบบนี้บ้าง ถ้าไม่ใช่แฟนกันก็ผัวเมียกันล่ะวะ

             แล้วป่านทอก็อีก ผมไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าทำไมเธอถึงได้เป็นคนแบบนี้ ไปเฟลิร์ต[1]กับผู้ชายอื่นทั้งที่เพิ่งสารภาพรักกับผู้ชายอีกคนเนี่ยนะ

             “มึงมองน้องนิ่มจัง

             “อย่าเรียกว่านิ่มได้มั้ยวะ” ผมบอกออกไปเสียงแข็ง คลาวด์เลยเลิกคิ้วสูงและมองมาด้วยสายตาไม่เข้าใจ

             “นั่นไม่ใช่ชื่อของป่าน แล้วมันเป็นชื่อที่ไอ้เบศใช้เรียกป่านด้วย”

             “เลยไม่ชอบว่างั้น” มันถามกลับ ผมก็ถอนหายใจ ถามแปลก ใครล่ะอยากจะเรียกซ้ำกับชื่อที่กษัตริย์อย่างไอ้ภูเบศเรียก ก็อย่างที่มันว่านั่นแหละ ป่านทอเหมาะกับจักรพรรดินีมากกว่า

             “ก็ได้ ไม่เรียกว่านุ่มนิ่มอีกแล้ว ต้องเรียกว่าป่านทอสินะ ก็นั่นแหละ มึงจ้องเอา ๆ จนไอ้เบศมันรู้ตัวแล้วนะ” คำพูดของคลาวด์ทำให้ผมเหลียวหลังกลับไปมองภูเบศกับป่านทออีกครั้ง ซึ่งภูเบศกำลังใช้สายตาแปลกประหลาดจ้องมาที่ผม

             “ว้าว นี่เป็นการท้ารบของคิงกับเอ็มเพอเรอร์เหรอเนี่ย” คลาวด์หัวเราะ และเพื่อนคนอื่นที่เพิ่งมานั่งที่โต๊ะก็ล้วนทำหน้าแปลกใจกันไปหมด

             “มีอะไรเหรอวะ แล้วเดี๋ยวนี้แกแยกกับไอ้เบศมันเหรอเจย์ ไม่เห็นอยู่ด้วยกันเลย” เน็ทนั่งลงแล้วถามผมด้วยสีหน้าแปลกใจ

             “มึงก็รู้ว่าทำไม” คลาวด์หัวเราะจากนั้นก็หยิบองุ่นใส่ปากต่อ

             “อ้อ น้องนิ่ม

             “อย่า มึงห้ามเรียกว่าน้องนิ่มเลยนะ ไม่สิ ถ้าใครอยู่ทีมคิงก็เรียกว่าน้องนิ่มต่อไป” คลาวด์ยิ้มเจ้าเล่ห์ให้เห็น

             และเว้นคำพูดเอาไว้เมื่อเพื่อนคนอื่นถือถาดอาหารมานั่งที่โต๊ะด้วย ซึ่งในกลุ่มไม่มีใครไปนั่งโต๊ะเดียวกับที่ไอ้ภูเบศนั่งอยู่กับป่านทอเลย

             “อะไรวะ ทีมคิง คิงไหนวะ” คินถามอย่างสงสัยด้วยอีกคน จนกระทั่งทุกคนนั่งเรียบร้อยแล้วนั่นแหละ คลาวด์ถึงได้กระแอมไอให้คอโล่ง จากนั้นก็ทำท่าเจ้าเล่ห์เหมือนพวกหมาจิ้งจอกไม่มีผิด

             “ก็ตอนนี้มันเป็นศึกของคิงกับเอ็มเพอเรอร์อยู่”

             “คิง เอ็มเพอเรอร์ อย่าบอกนะว่าหมายถึงมึงกับไอ้เบศน่ะ” เน็ทหันมาถามกับผม แต่ผมไม่ได้ตอบอะไร ตอนนี้ก็ยังคิดไม่ออกว่าจะทำยังไงต่อไป ความรู้สึกมันสับสนและหน่วงแปลก ๆ จนอธิบายไม่ได้ว่านอกจากรู้สึกแย่มากแล้ว ผมยังรู้สึกอะไรอยู่ในใจกันแน่

             “ช่ายหลังจากนี้นะ ถ้าใครทีมคิงก็เรียกว่านุ่มนิ่ม แต่ถ้าใครอยู่ทีมเอ็มเพอเรอร์ก็เรียกว่าป่านทอ” คลาวด์ยิ้ม ขณะคนที่คนอื่น ๆ เริ่มทำหน้าไม่สบายใจ

             “เอาจริงเหรอวะ มึงก็รู้ตั้งแต่แรกว่าไอ้เบศมันหมายหัวน้องนิ่ม เอ่อ ไงดีว่า ป่านก็แล้วกัน นั่นแหละ ๆ ไอ้เบศมันอยากแกล้งป่านเองนี่ เลยให้มึงไปจีบป่านน่ะ แล้วตอนนี้หวงก้าง หรือว่าเอาจริง ไอ้เบศมันก็น่าจะเป็นของมันแบบนั้นอยู่แล้ว” เน็ททำหน้าไม่สบายใจ ผมเองก็รู้แหละว่ามันกลัวว่าผมกับภูเบศจะทะเลาะกัน แต่ทำไงได้ ถ้าตอนนั้นป่านทอไม่ได้มาสารภาพรักกับผม ในความรู้สึกมันคงไม่แย่ขนาดนี้

             “แล้วมึงว่าตอนนี้หน้าไอ้เจย์มันเล่น ๆ มั้ยล่ะ” คลาวด์ยิ้มเจ้าเล่ห์ เหมือนกับว่าเพิ่งเจอเรื่องสนุกที่สุดในรอบปีเข้า

             “แล้วมึงคิดว่าไอ้เบศจะลงทุนแกล้งไปนอนกับผู้หญิงคนหนึ่ง ป้อนข้าวผู้หญิงคนหนึ่ง จนถึงตอนนี้ก็ยังกินข้าวจานเดียวกันแบบนี้เนี่ยนะ โอย เค้าเอาจริงกันตั้งแต่เจอหน้าน้องนิ่ม เอ๊ย ป่านทอแล้วล่ะ”

             “มึงควรเก็บปากไว้กินข้าว ไม่ใช่กินตีนกูนะ” ผมพูดหลังจากฟังเรื่องเหลวไหลไร้สาระของคลาวด์มากไปแล้ว

             “อะไรนะ ตีนไก่” แหงล่ะ มันไม่สลด แถมยังทำท่าสนุกมากกว่าเดิมอีกต่างหาก

             “ตอนนี้คิงกับเอ็มเพอเรอร์กำลังแย่งจะสวมมงกุฎให้คนสวยอยู่ ก็ได้ลุ้นกันล่ะ ว่าจะออกมาเป็นควีน หรือ เอ็มเพรส กันแน่

             “เฮ้ย มันเกิดอะไรขึ้นวะ พวกมึงไม่เคยทะเลาะกันเลยนะ” คินทำหน้าตกใจ ผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองทำหน้ายังไงอยู่ ทำไมทั้งคืนและเน็ทถึงได้ทำหน้าเครียดกันขนาดนั้น

             “ขนาดไอ้เบศมันขอให้มึงไปแกล้งจีบนิ่ม เอ่อ ป่าน โอ๊ย”

             “ว่าที่ชายา” ไอ้คลาวด์ยังเสือ-ได้ทุกเรื่องจนผมหันไปมองมันอย่างไม่พอใจ

             “เออ พระชายาก็ได้วะ นั่นแหละ มึงไม่เคยทะเลาะกันเลยนะ ต่อให้ต้องทำเรื่องแย่ ๆ กับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งแต่มึงก็ไม่เคยทะเลาะกับไอ้เบศมัน แล้วทำไมตอนนี้” คินดูงุนงงมาก

             ส่วนผมเหรอ กลวง เบลอ ไม่รู้เลยว่าตัวเองเป็นอะไรกันแน่

             “เฮ้ย อย่ามีเรื่องกันเลยว่ะ เดี๋ยวเบศมันก็เบื่อเอง พอแกล้งพระชายาได้หนำใจมันแล้ว เดี๋ยวมันก็เลิกวุ่นวายเองนั่นแหละ” มันพยายามเต็มที่ที่จะไม่ให้ผมหัวเสียและทะเลาะกับภูเบศ

             “มึงก็ไอ้เจย์มันก็รักของมันนะ” คลาวด์พูดแทรกขึ้นมาอีก และคราวนี้มันทำให้ผมสะดุ้ง

             “ฮะ!?

             “คนอย่างไอ้เจย์เนี่ยนะจะยอมให้ผู้หญิงคนหนึ่งเรียกว่าแฟน มึงเคยเห็นเอ็มเพอเรอร์คนนี้ยิ้มให้ผู้หญิงที่ไหนมั้ย ไม่ เจย์มึงควรจะรู้ตัวนะว่ามึงมองพระชายาด้วยสายตาแบบไหน”

             “มึงอย่าเพ้อ” ผมห้าม และเหมือนจะเตือนตัวเองไปด้วยว่ามันไม่ใช่อย่างที่เพื่อนบอกและตัวเองกำลังสับสนอย่างรุนแรง

             “อะ ถ้าไม่เก็ทกูจะให้มึงดูรูปที่กูแอบถ่ายมึงไว้ตอนที่อยู่กับพระชายา” ว่าแล้วคลาวด์ก็ส่งโทรศัพท์มาให้ผม

             ผมได้ดูผ่าน ๆ เพราะคินคว้ามันไปดูก่อน แต่ก็ได้เห็นว่าสายตาของผมตอนที่มองไปยังป่านทอมัน

           “เพราะงั้นตอนนี้ก็เลยมีศึกชิงพระชายาไง ไม่ราชินีก็จักพรรดินีล่ะวะ”

             พอไอ้คลาวด์พูดจบ สายตาของเพื่อนแต่ละคนก็มองมาด้วยความไม่สบายใจกันทุกคน ผมเริ่มอึดอัดไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี

             “งานนี้ใครดีใครได้แหละ ก็เพื่อนสนิทกันนี่นะ เลยชอบอะไรเหมือน ๆ กัน

    End Jay’s talking…

     

             “เบศ กูขอคุยด้วยหน่อย”

             ฉันยิ้มแหยให้เน็ทเพื่อนของภูเบศที่เดินมาหาที่โต๊ะอาหารด้วยสีหน้าไม่ค่อยสบายใจ เพราะเขาส่งยิ้มให้ก่อน ภูเบศมองฉันแวบหนึ่งแล้วลุกจากโต๊ะอาหารออกไปเงียบ ๆ ฉันไม่รู้จะทำยังไงก็หยิบสตรอว์เบอร์รีเข้าปากแล้วไม่ได้มองใครทั้งนั้น สองวันนี้เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ยังไงก็ไม่รู้ ไม่คุ้น ไม่ชิน ไม่รู้จะทำยังไงกับชีวิตของตัวเองดีแล้ว

             “ขอบใจ” ภูเบศพึมพำกับเพื่อนแล้วก็กลับมานั่งที่โต๊ะตามเดิม

             ตัวฉันก็ลีบแล้วลีบอีก โมรากากียังต้องชิดซ้ายอะ

             ก็คิดดูสิ ว่าฉันน่ะมีข่าวว่านอนกับภูเบศมาก่อนหน้านี้แล้ว แล้วต่อมาก็ไปสารภาพรักกับผู้ชายอื่น แต่พอตกกลางคืนก็โซเดมาคอม บ้าเอ๊ยนั่นแหละกับภูเบศอีกครั้ง

             โอย ฉันรู้สึกเวียนหัวอยากจะหนีกลับบ้านตอนนี้เลย

             “นุ่มนิ่ม” ภูเบศเรียกฉัน แค่คำพูดเบา ๆ ของเขากลับทำฉันสะดุ้งจนตัวโยน

             “ท่าทางเธอจะแย่แล้วว่ะ” เขายิ้มเย็นชาที่มุมปาก พาฉันขนลุกไปหมด

             “มีคนแค้นเธออะ ทั้งที่หมอนั่นแกล้งเข้ามาจีบ แกล้งทำเป็นว่าชอบเธอ แต่พอเธอรู้แล้วว่าความจริงเป็นยังไงแล้วมาตัวติดกับฉัน หมอนั่นก็เริ่มหงุดหงิดอยากจะตีเธออะ

             ฉันต้องเรียบเรียงคำพูดของเขาอยู่นานกว่าจะเข้าใจ แล้วก็นิ่งไปไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่นัก มีศัตรูแค่เขาคนเดียวก็เหนื่อยมากพออยู่แล้ว มีเจย์มาด้วยอีกคนฉันคงต้องเหมือนของเซ่นที่กำลังจะถูกบูชายันต์กับจอมซาตานแน่

             “ถ้าเธอไม่อยากให้หมอนั่นข่มขืน บอกไว้เลยนะ ห้ามอยู่ห่างจากฉันเด็ดขาด”

             “ฮะ!?” ฉันอุทานอย่างไม่เข้าใจ

             ภูเบศไม่ว่าอะไรแต่ดึงผมของฉัน จนใบหน้าของฉันถูกรั้งให้เข้าไปใกล้เขา

             “ถามจริง อยากถูกปล้ำนักเหรอไง อ้อ ใช่สิ เธอชอบหมอนั่น” เขาพูดและจ้องลึกเข้ามาในดวงตาของฉัน

             “ถ้าเธออยากจะไปหามันมากล่ะก็ ในหนึ่งนาทีนี้ เธอต้องเดินไปหามัน แต่ถ้าไม่ไป เธอก็จะไปจากฉันไม่ได้เหมือนกัน” คำพูดเห็นแก่ตัวของเขาทำให้หัวใจของฉันสั่นคลอนไปหมด กลืนน้ำลายแทบจะไม่ลง ตัดสินใจก็ไม่ได้เลย

            “นับถอยหลัง 60…

             “เดี๋ยวสิ นายจะให้ฉันเดินไปหาเขาตอนนี้เลยเหรอ” ฉันถามอย่างไม่เข้าใจ กิจกรรมของค่ายก็ยังไม่เริ่มขึ้นซะทีจนไม่รู้จะเปลี่ยนเรื่องคุยยังไง

           “ใช่ ตอนนี้เหลือ 50 วิ จะไปก็รีบไป เพราะถ้าครบหนึ่งนาทีฉันจะไม่ปล่อยให้เธอไปแล้ว”

             ไม่รู้ทำไม สีหน้าน้ำเสียงของเขาถึงได้ทำให้หัวใจมันสั่นไหวรุนแรงได้มากขนาดนี้ ฉันเพิ่งรู้ว่าตัวเองสบตาเขาอยู่นานและเริ่มหายใจไม่ออกขึ้นมาทีละน้อย

             “อีก 30 วิ”

             อึก แล้วจะทำยังไงดีล่ะทีนี้ ฉันไม่สบายใจไม่รู้จะตอบยังไง ไม่กล้าลุกไปไหน กลัวโดนแกล้งหนักกว่าเดิม กลัวว่าจะยิ่งถูกนินทาว่าร้ายมากกว่าเดิม ตอนนั้นเอง สตาฟก็เรียกให้รวมกลุ่มกัน ภูเบศก็ดึงแขนฉันให้ลุกจากโต๊ะอาหารทันที

             “ภูเบศ

             “นี่ครบหนึ่งนาทีแล้วนะนุ่มนิ่ม เสียใจด้วย สายไปแล้วราชินี”

             ฉันไม่เข้าใจอะไรที่เขาพูดมานั่นเลย ราชินีคืออะไร ไม่ทันได้ถามก็ถูกจับข้อมือเอาไว้แน่นจนไม่มีเวลาให้ได้ถามอะไรทั้งนั้น และไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า วันนี้เหมือนมีคนจ้องมองแทบจะตลอดเวลาและมีสายตาน่ากลัวมากกว่าเดิมหลายเท่าด้วย

           อันที่จริงฉันควรจะสะบัดของภูเบศออกไปซะ ฉันอาจจะบ้าไปแล้วที่เริ่มรู้สึกว่าเขาเริ่มดีกับตัวฉันมากขึ้น แต่ถึงยังไงตอนนี้ฉันก็ยังกลัวคำขู่ของเขาอยู่ดี เรื่องที่ว่าเจย์อาจจะมารังแกฉัน

             ฉันไม่ได้กลัวเจย์ทำแบบนั้นหรอก แต่กลัวว่าเขาต่างหากที่จะทำ

             ไม่หรอก เขาจะสนใจแกทำไม เขาเกลียดแกจะตายไป ไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้น ฉันได้แต่พยายามบอกตัวเอง มันก็ยังสับสนไม่เข้าใจอยู่ดี ไม่กล้าจะทำตัวสะดีดสะดิ้งหาเรื่องทะเลาะกับภูเบศตอนนี้ด้วย ทุกคนเริ่มทำกิจกรรมกันแล้ว จะมาง้องแง้งงอแงก็เหมือนเรียกความสนใจเข้าไปอีก แต่ว่า

             “ภูเบศ

             “อะไร” เขาหันมามองด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก พาให้หัวใจมันเต้นแรงจนเจ็บหน้าอกไปหมด เกลียดตัวเองตอนนี้จริง ๆ

             “จะบอกว่าชอบฉันเหรอ ไม่ต้องบอกหรอก เรื่องนั้นรู้อยู่แล้ว

             ฮึก แล้วเขาจะมาพูดแบบนี้ทำไมกัน! คนหันมองมากันให้พรึ่บจนฉันไม่มีช่องจะแก้ตัวหรืออธิบายอะไรเลย

     

             บอกตามตรงเลยว่าตอนนี้ฉันก็ยังไม่เข้าใจตัวเอง รวมถึงภูเบศ และเจย์ด้วย

             ภูเบศยังสนุกกับการแกล้งฉันเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน แต่เจย์เริ่มมองมาอย่างไม่ ไม่อะไรล่ะ ไม่เป็นมิตรเหมือนก่อน

             และการทำกิจกรรมวันนี้เป็นอะไรที่ฉันแทบจะโห่ร้องออกมาด้วยความดีใจ เพราะเป็นการแยกกันทำกิจกรรมชายหญิง เลยไม่ต้องตัวติดกับภูเบศตลอดเวลาอีกแล้ว ฮือ ดีใจจังเลย อยู่กับเขาแล้วอึดอัดจนแทบจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว

             ฉันไม่มีเพื่อน แน่ล่ะ ว่าไม่มีตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ค่อย ๆ เดินตามหลังสาว ๆ ที่ดูสนุกสนานยิ้มแย้มแจ่มใสไม่เหมือนกับฉันที่เริ่มหอบแฮ่กตอนที่เดินขึ้นเนินเขาเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยกรวดหินตลอดทางทำให้เดินสะดุดแทบจะทุกสิบก้าว

             “ราชินี แหวะ น่ารักตาย

             ราชินีเหรอ มันฟังดูคุ้นหูเหมือนว่าได้ยินใครพูดนี่แหละ แต่ฉันไม่อยากหันไปมองเพราะกลัวว่ามันจะเป็นการเสียมารยาท ถึงแม้ว่าเสียงพูดนั้นมันจะดังใกล้หูมากก็ตาม

             เสียงซุบซิบพวกนั้นยังตามมา ฉันพยายามอย่างมากที่จะไม่สนใจพวกเธอ แล้วก็เกิดเรื่องขึ้นเมื่อฉันเท้าลื่นจนทรงตัวไม่อยู่ แต่ที่มันน่ากลัวก็คือเท้าของฉันติดในซอกหินเล็ก ๆ จนดึงออกมาไม่ได้ และล้มลงกับพื้นอย่างแรงจนร้องครางออกมาสุดเสียง ทั้งเจ็บทั้งตกใจ

             “อุ๊ย เธอเป็นยังไงบ้าง” มีเสียงคนตกใจและรีบเข้ามามุงฉันทันที

             “อุ๊ย ราชินีล้มได้ด้วยเหรอ มาสิ ฉันช่วย”

             ราชินีอีกแล้ว ฉันเงยหน้าขึ้นมองคนพูดแต่ตาก็ยังหยีเพราะความเจ็บตรงข้อเท้าอย่างรุนแรง คิดว่าคนตรงหน้าจะเข้ามาช่วยดึงให้ลุก ไม่สิ ต้องบอกว่าเอาข้อเท้าฉันออกจากซอกหิน แต่แล้วเท้าของเธอคนนั้นกลับเหยียบลงกับเท้าของฉัน ซึ่งเธอก็อาจจะไม่ตั้งใจ แต่ฉันร้องกรี๊ดออกมาโดยไม่มีเสียงได้ยินเสียงอะไรบางอย่างหักเหมือนกับเสียงหักแครกเกอร์

             “โทษทีน้า ไม่ทันได้มอง เจ็บมั้ยอะ

     



    [1] เฟลิร์ต (Flirt) แปลว่า จีบ, ทำเจ้าชู้, คนเจ้าชู้

      


     


    PuubatesEyes แกล้งร้ายละลายรัก (ภูเบศ ป่านทอ)

    ตอนนี้เปิดให้พรีออเดอร์แล้วค่ะ ตั้งแต่วันนี้ถึง 20 มีนาคม จัดส่งวันที่ 5 เมษายน นี้ค่ะ

    หนังสือ 1 เล่ม + ขวดสเปรย์แอลกอฮอล์แบบพกพา 1 ชิ้น + ที่คั่น 2 ชิ้น

    ****

    ขั้นตอนการจองหนังสือ

    โอนเงิน

    300 บาท (สำหรับจัดส่งลงทะเบียน) หรือ

    350 บาท (สำหรับจัดส่งแบบ EMS)

    มาที่บัญชี 037-3-75509-5

    น.ส.นพรัตน์ ภูมิใจรักษ์ ธ.กสิกรไทย

    แล้วแจ้งโอน (แนบสลิปโอนเงิน)

    แจ้งชื่อ-ที่อยู่ เบอร์โทร ที่นี่เลยค่ะ

    คลิกตรงนี้ได้เลย  m.me/meejairakpublishing

    หรือถ้าลิงก์ไม่ขึ้น ค้นหา แฟนเพจ สำนักพิมพ์ Meejairak เลยค่ะ

    ฝากพี่เบศตัวร้ายกับน้องนิ่มน่าแกล้งไว้ด้วยนะคะ imageimage

    http://i.imgur.com/aEhXtEH.jpg

    Song :: Silly Fools - ขี้หึง, Skipit - ขี้หึง (cover)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×