NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วิวาห์ใต้อาณัติ

    ลำดับตอนที่ #23 : บทที่ 11 จุดเปลี่ยน (50%) รีไรท์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.5K
      58
      27 ม.ค. 66



    บทที่ 11 จุดเปลี่ยน

     

    อัยรินยืนมองรถของวาคินแล่นจากไปแล้วถอนหายใจแรง ๆ ยังไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับพี่ชายมากนัก อีกฝ่ายก็เร่งร้อนจากไป แต่ใบหน้าหล่อเหลาในวันนี้ซูบตอบ ร่างกายก็ผ่ายผอมลงไปมาก แววตาอิดโรยอ่อนล้าอย่างชัดเจน

    “คุณวาแวะมาคุยเรื่องงานกับคุณมาวินน่ะลูก”

    ร่างเล็กตื่นจากภวังค์ หันมองเสียงคุ้นเคยของนมแม้นแล้วคลี่ยิ้ม

    “มีงานด่วนหรือคะ”

    นมแม้นไม่ค่อยรู้เรื่องงานของคุณท่านทั้งหลายนักจึงส่ายหน้าตอบ พร้อมบอกเรื่องที่ได้รับคำสั่งมาเสียก่อน

    “นมไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ แต่คุณหญิงเรียกให้หนูอัยย์ไปพบแน่ะ บอกมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย”

    อัยรินยิ้มรับ กล่าวขอบคุณนมแม้น ก่อนเดินเข้าบ้านใหญ่ไปตามคำสั่ง มุ่งหน้าไปยังห้องนั่งเล่นของบ้าน ทว่าเพียงขาก้าวเข้าไปในตัวบ้าน ยังไม่ทันถึงห้องนั่งเล่น เสียงของ ‘ใครบางคน’ ก็ตวาดลั่นขึ้นมาดังสนั่น

    “ไม่!”

    มันเป็นคำปฏิเสธที่สั้น ไร้เยื่อใย และห้วนจนคนฟังต้องขมวดคิ้ว ก้าวเร็ว ๆ เข้าไปด้านในด้วยความร้อนใจถึงสิ่งที่อาจเกิดขึ้น หากยังไม่ทันถึงปลายทาง ร่างสูงที่พุ่งกายสวนออกมาก็ชนไหล่จนร่างเล็กเซล้มจนก้นจ้ำเบ้า หญิงสาวร้องโอยเบา ๆ สูดปากพลางเงยหน้าขึ้น ทว่า…

    อีกฝ่ายเพียงหยุดยืนปรายตามองมานิ่ง ๆ แล้วสะบัดหน้าจากไปอย่างไร้เยื่อใย ไม่ยื่นมือให้ความช่วยเหลือ กระทั่งคำขอโทษยังไม่หลุดจากปาก เธอถอนหายใจ ทำได้เพียงสงบใจยอมรับชะตากรรมกับนิสัยของพี่ชายนอกไส้ให้ได้เท่านั้นเอง

    อัยรินพยุงกายลุกขึ้น มองตามแผ่นหลังกว้างที่วันนี้ดูเปล่าเปลี่ยวให้ความรู้สึกน่าสงสารจนลับสายตา จึงละสายตาแล้วเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น เห็นร่างของคุณหญิงวารีสั่นเทา สะอึกสะอื้นบนโซฟาตัวใหญ่ก็ปรี่เข้าไปหา นั่งพับเพียบลงบนพื้น เอื้อมมือไปแตะต้นขาของผู้มีพระคุณแล้วช้อนตาขึ้นมอง

    “คุณหญิง” เสียงเรียกเบาหวิว แววตาห่วงใยทอดมองมาอย่างน่าสงสาร จนน้ำตาของคุณหญิงวารีค่อย ๆ หยุดไหล

    พักใหญ่ คนร้องไห้ค่อยสูดหายใจเข้าปอด ก้มมองคนที่นั่งพับเพียบบีบนวดขาให้ด้วยหัวใจสั่นสะท้าน

    “หนูอัยย์”

    อัยรินเงยหน้ามองตาแป๋ว ส่งยิ้มอ่อนหวานมอบให้แล้วขานรับ

    “ค่ะ คุณหญิง”

    คุณหญิงวารีเอื้อมมือมาลูบไล้แก้มเนียน ฝืนยิ้มเหนื่อยล้าออกมาเวลาเอ่ย “มีแต่หนูนี่แหละ ที่เป็นเรี่ยวแรงเฮือกสุดท้ายของแม่”

    อัยรินไม่เข้าใจนัก แต่ก็ยิ้มตอบอย่างมีความสุข ซบใบหน้าลงบนตักอุ่นโดยไม่พูดอะไร

    คุณหญิงวารีลูบไล้เรือนผมสีดำขลับแผ่วเบา ยังสะอื้นเป็นพัก ๆ แต่ก็น้อยมาก เมื่อเทียบกับก่อนหน้า ท่านครุ่นคิด มองคนที่นอนหนุนตักตนราวเด็กน้อยในวันวานเป็นภาพซ้อนทับกับบุตรชายคนโตที่ท่านรักดุจแก้วตาดวงใจ แล้วคลี่ยิ้มอ่อนโยน

    “มาวินก็แค่เด็กเหงา ๆ ที่ขาดความอบอุ่นคนหนึ่ง”

    คำพูดนี้ไม่รู้จริงมากจริงน้อย แต่ดวงตาที่หลับพริ้มก็ลืมขึ้น รอยยิ้มบนใบหน้าคนที่นอนหนุนตักเลือนหาย ศีรษะทุยถึงกับยกขึ้น เบิกตามองผู้มีพระคุณด้วยสีหน้าตื่นตกใจระคนประหลาดใจจนน่าขัน

    “ยังไงนะคะ”

    คุณหญิงวารีปาดน้ำตาออกจากใบหน้า ก่อนตอบ

    “แม่วาดจันทร์ของเรา เขาพูดกับแม่น่ะ พูดเสียงจริงจังพร้อมแววตาหนักแน่น จนแม่เริ่มคิด”

    ที่ผ่านมาไม่ใช่ไม่รู้ว่าตนเองเลี้ยงลูกอยู่ในกรอบ และหวงดั่งไข่ในหิน จนบุตรชายคนโตที่สุดจะถนอม ไม่อาจเติบใหญ่ได้เพียงลำพัง ทุกย่างก้าวมีบิดามารดาคอยประคับประคอง แตกต่างจากวาคินที่ต้องอดทน ฝึกฝนตนเองจนเติบโตมากกว่าวัย

    หากต้องเทียบสองพี่น้อง มาวินยังมีนิสัยของเด็กอยู่หลายส่วน ทั้งยังเป็นคนใจเดียว ถ้าจะทำก็ลงมือ ถ้าจะเอาต้องได้ ถ้าเขาไม่ได้คนอื่นก็ไม่ได้ เช่นตอนนี้…

    คุณหญิงวารีน้ำตารินไหลอีกครั้ง

    “พี่น้องจะฆ่ากันตายเพราะผู้หญิงคนเดียว!”

    อัยรินตกตะลึง ข่าวใหม่ที่ได้ยินทำเอาสาวน้อยตาเบิกโตกว่าเดิม ทวนถามเสียงหลง “อะไรนะคะคุณหญิง”

    แม้จะไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับมาวินเลย กับวาคินก็เคยสนิทสนมครั้งยังเยาว์ แต่ก็เชื่อมั่นว่าสองคนนั้นไม่ได้โกรธเกลียดถึงขั้นสามารถฆ่ากันตายแน่ แม้จะเคยคิดเล่น ๆ ว่าความบาดหมางภายในใจของทั้งคู่คงปะทุขึ้นมาหลังวิวาห์ตัวแทนที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่คาดฝันว่าสองคนนั้นจะห้ำหั่นกันเพราะผู้หญิงคนเดียว!

    “คุณวา เอ่อ หนูหมายถึงคุณ ๆ เธอเป็นพี่น้องกัน ไม่มีทางฆ่ากันได้หรอกค่ะ”

    ถึงจะเอ่ยปากปลอบใจคนสูงวัย แต่แววตายังไหวระริก วิตกกังวลขึ้นมาเช่นกัน แต่ไม่ทันเอ่ยสิ่งใดอีก คุณหญิงวารีก็เชยคางมนขึ้นมอง คลี่ยิ้มอ่อนระโหยออกมาอย่างน่าสงสาร

    “หนูวินนี่แนะนำให้แม่ไปคุยกับกลอยใจ พรุ่งนี้เช้าแม่จะแวะไปที่บ้านของวา ตอนนี้วาน่าจะอยู่ทางเหนือ คุยเรื่องโครงการรุกป่าที่กำลังมีข้อพิพาทอยู่ หนูอัยย์…”

    อัยรินเห็นแววตาอ่อนล้าของคุณหญิงก็ใจอ่อน แม้น้ำเสียงของท่านจะฟังแล้วมีความน่ากังขามากก็ตาม

    “ค่ะ คุณหญิง”

    คุณหญิงวารีแย้มยิ้มกว้างขึ้น ขยับมือไปแตะคิ้วโค้ง จมูกโด่งรั้น และหยุดที่แก้มนุ่มสองข้าง ก่อนเอ่ย

    “ไปทำงานที่แอลเอ็นกรุปนะคะ แม่ฝากให้เราเป็นผู้ช่วยเลขาของพี่วินเรียบร้อยแล้ว”

    ดวงตากลมโตที่โตอยู่แล้วเบิกกว้างจนแทบถลนออกมานอกเบ้า ตื่นตกใจจนเค้นหาคำถามไม่เจอก็ได้ยินคำขอร้องของผู้มีพระคุณพุ่งเข้ามากระแทกใส่หูทั้งสองข้างจนร่างกายแทบซวนเซ

    “เป็นตัวแทนแม่ ดูแลพี่วินให้แม่หน่อยนะลูก”

    ดะ ดูแล!

     

    “ดูแลกับผี!” ริมฝีปากจิ้มลิ้มเม้มแน่น มองหน้าต่างห้องนอนของ ‘พี่วิน’ ตาขุ่นขวาง สองมือเท้าสะเอวยืนกระฟัดกระเฟียด อยากจะพุ่งขึ้นไป บุกทำลายข้าวของข้างในให้ป่นปี้ ทว่าก็ทำได้เพียงแค่อยาก เพราะสุดท้ายหลังจากเห็นแววตาอ่อนล้าของคุณหญิงวารีก็จนใจ เผลอกายตกปากรับคำไปง่าย ๆ ในที่สุด

    “เฮ้อ” อัยรินถอนหายใจ ดึงสายตาจากระเบียงห้องนอนของมาวินกลับมายังแปลงผักสวนครัวของตน ถอนรากต้นวัชพืชที่เกิดขึ้นมาบนหน้าดินทิ้งเพื่อระบายอารมณ์คุกรุ่นของตน โมโหคนที่ไม่อยู่ที่นี่เป็นฟืนเป็นไฟ ด้วยเขาไม่ทำตัวให้รู้จักโต จึงต้องมาเดือดร้อนเธอเข้าไปวุ่นวาย!

    “คอยดูนะ มีโอกาสเมื่อไหร่จะซัดให้หน้าหงายเลย!”

    โอกาสไม่รู้มีหรือไม่ แต่ที่แน่ ๆ สุดท้ายอัยรินก็ยืนเงอะงะอยู่หน้าอาคารสูงใหญ่หลายสิบชั้น อักษรสีทองอร่ามด้านหน้าเขียนชัดเจนว่า…

    บริษัท แอล.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)

    หรือแอลเอ็นกรุป… นั่นเอง

    “ถ้ามีหนูอัยย์ แม่ก็สบายใจได้ว่ามีคนคอยอยู่ข้าง ๆ พี่วินบ้าง พี่เขาไม่มีใครเลย”

    อัยรินอยากจะเถียงนักว่า ไม่มีใครเลย… นี่มันออกจะเกินไปหน่อย เพราะรอบกายมาวินมีคนห้อมล้อมไม่ต่างกองอุจจาระกับแมลงวัน เอ่อ หมายถึงว่าดอกไม้กับภมรน่าจะถูกกว่า ดังนั้นเรื่องที่เขาจะเปล่าเปลี่ยวเดี๋ยวเหงานั้น

    เธอไม่เชื่อ!

    ทว่า… สุดท้ายก็ต้องลากขาอันหนักอึ้งเข้าไปในบริษัทใหญ่โตโอ่อ่าข้างหน้าด้วยความจำใจ

    “แต่หนูจบเกษตรมานะคะ จะให้ไปทำงานบริษัทอสังหาริมทรัพย์มันคนละสายงานกันเลยนะคะ”

    ตอนนั้นคุณหญิงวารียิ้มกว้างกว่าเดิม ส่ายหน้าพร้อมตอบ

    “ไม่เป็นไรค่ะ ก็หนูอัยย์ของแม่เป็นเด็กเส้นนี่นา”

    เป็นเด็กเส้นอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้นับว่าน่าภูมิใจไหมนะ หญิงสาวถอนหายใจหนักหน่วง แบกกายอันหนักอึ้งเดินเข้าไปยังแผนกต้อนรับส่วนหน้าเพื่อบอกในสิ่งที่คุณหญิงวารีสั่งก่อนเดินทางมาที่นี่

    “เอ่อ ขอโทษนะคะ พอดีมาพบคุณประพิศ เลขาของคุณมาวินน่ะค่ะ”

    พนักงานต้อนรับสาวสวยสองคนก้มลงดูบางอย่างใกล้ตัว จึงเงยหน้าขึ้นยิ้มตอบ

    “คุณอัยรินใช่ไหมคะ เชิญนั่งรอตรงส่วนรับรองแขกเลยค่ะ เดี๋ยวดิฉันโทรแจ้งคุณพิศให้ลงมารับนะคะ”

    อัยรินยิ้มรับ เดินตรงไปยังส่วนรับรองแขกด้านข้าง ทิ้งกายลงนั่งแล้วมองการแต่งกายของตัวเองด้วยความเหนื่อยใจ

    ตั้งแต่เรียนมัธยมยันมหาวิทยาลัย เธอนับครั้งได้ที่จะสวมใส่กระโปรงเช่นนี้ ยิ่งตอนเรียนมหาวิทยาลัยยิ่งแทบไม่มีโอกาสใส่ มีเพียงช่วงปีหนึ่งปีสองที่ใส่ไปเรียนวิชาบังคับ เพราะยังไม่แยกสาขา พอขึ้นปีสามปีสี่ก็สวมเสื้อชอปคณะกับกางเกงยีน หรือไม่ก็สวมเสื้อฟิลด์ของภาควิชาเพื่อสะดวกต่อการเรียนที่ต้องออกนอกสถานที่ ถ้าให้แบกหาม เลี้ยงวัวเลี้ยงควายยังง่ายกว่าต้องมาเป็นเลขานุการของผู้ชายคนนั้น!

    ความคิดของอัยรินหมุนเร็วรี่ ตีกันยุ่งเหยิงได้ไม่นาน เสียงเรียกของหญิงวัยกลางคนก็ดัง

    “คุณอัยย์”

    อัยรินลุกขึ้นพนมมือไหว้ทันที ยิ้มแย้มส่งให้เลขานุการสาวร่างอวบที่เดินเข้ามาหาด้วยรอยยิ้มใจดี

    “รอนานไหมคะ พอดีพี่ต้องแจ้งคุณวินก่อน เลยลงมาช้า”

    อัยรินส่ายหน้า ตอบรัวเร็ว

    “ไม่นานเลยค่ะ หนูก็เพิ่งมา”

    อีกฝ่ายเดินเข้ามา จูงมือไปยังลิฟต์ของผู้บริหาร กดชั้นสิบแปดแล้วเอ่ยแนะนำบริษัทที่ตนภาคภูมิใจให้สาวน้อยฟังน้ำไหลไฟดับ

    อัยรินยิ้มเจื่อนฟังเข้าหูบ้าง ไม่เข้าหูบ้าง ทะลุจากหูซ้ายไปหูขวาบ้าง มึน ๆ งง ๆ แต่ก็ยิ้มอยู่ตลอดเวลาเพื่อไม่ให้คุณเลขานุการคนสวยผู้ใจดีรู้ว่าตนไม่อยากมาทำงานที่นี่นัก

    ความอึดอัดของคนไม่อยากทำงานนั่งโต๊ะเดินมาถึงทางตัน เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกที่ชั้นผู้บริหารสูงสุด คุณประพิศเดินนำออกจากลิฟต์ มุ่งหน้าไปยังห้องกว้างใหญ่เพียงห้องเดียวของชั้น ก่อนหยุดยืนรอผู้ช่วยเลขานุการคนพิเศษด้วยรอยยิ้มใจดี

    “ที่นี่คือชั้นสิบแปด เป็นชั้นของประธานกรรมการบริหารของแอลเอ็นกรุปค่ะ โต๊ะข้างหน้า” มืออวบผายไปยังโต๊ะหน้าห้องขนาดใหญ่ “โต๊ะนี้เป็นโต๊ะประจำของพี่ค่ะ”

    อีกฝ่ายเดินนำ พลางชี้บอกส่วนต่าง ๆ ของชั้น และจบลงที่โต๊ะตัวเล็กกว่าโต๊ะตัวเมื่อกี้พอสมควรแล้วเอ่ยบอก

    “ส่วนนี่คือโต๊ะทำงานประจำตัวของคุณอัยย์นะคะ”

    อัยรินอ้าปากหวอ ฝืนใจพยักหน้ารับพร้อมขานตอบอย่างเลื่อนลอย “อะ เอ่อ ค่ะ เข้าใจแล้วค่ะ แต่คุณเลขาไม่ต้องเรียกคุณอัยย์ก็ได้นะคะ เรียกอัยย์เฉย ๆ หรือหนูอัยย์ก็ได้ค่ะ”

    คุณเลขานุการสาวอวบเพียงยิ้ม ไม่ได้ตอบรับทันที ด้วยรู้ดีถึงสถานะของอัยริน คนที่คุณหญิงวารีนายเก่าส่งมาดูแลมาวินย่อมไม่ใช่แค่เด็กในบ้านธรรมดา

    “ทีนี้ก็ได้เวลาเข้าไปแนะนำตัวอย่างเป็นทางการกับบอสแล้วนะคะ”

    อัยรินร่างสั่นสะท้าน เม้มปากด้วยความกังวลใจ

    “เอ่อ ทันทีเลยเหรอคะ”

    “ค่ะ เพราะอีกหนึ่งชั่วโมงบอสต้องเข้าประชุมค่ะ”


    **** มาอัปแล้ววววววววว


    ฝากหนูอัยย์กับมาวินด้วยนะคะ 

    เนื้อหาที่ลงยังไม่มีการปรับแก้ ตรวจคำผิด 

    อาจมีบางส่วนผิดพลาดต้องขออภัยด้วยนะคะ

    ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอด ทุกๆ เรื่องเลยนะคะ

    รัก... เอริณ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×