คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 2 เลิศวรานนท์ (50%) รีไรท์
บทที่ 2 เลิศวรานนท์
“นี่อัยรินหรือเรียกหนูอัยย์ก็ได้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หนูอัยย์จะอยู่บ้านเลิศวรานนท์ในฐานะเด็กในการปกครองของฉัน ขอให้ทุกคนปฏิบัติต่อหนูอัยย์ไม่แตกต่างจากคุณมาวิน และคุณวาคินเข้าใจไหม”
ทุกคนในบ้านต่างค้อมศีรษะขานตอบกันอย่างเชื่อฟัง
ร่างเล็กจ้อยที่ยืนเคียงข้างคุณหญิงวารีจึงถูกดันออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว เด็กหญิงที่รู้ความดีจึงพนมมือไหว้แนะนำตัวอย่างชดช้อย สร้างความประทับใจในครั้งแรกที่พบกันเป็นอย่างดี ทุกคนรู้ที่มาที่ไปของเด็กหญิง แต่เลือกจะเงียบ และทำงานของตนตามหน้าที่ เพราะบ้านหลังนี้มีความลับมากมาย รวมไปถึงความสัมพันธ์ที่แสนอึดอัดลำบากใจของคนในครอบครัวมากพอแล้ว พอมีอัยรินเพิ่มเข้ามาจึงเหมือนเป็นเรื่องใหม่ที่อีกไม่กี่วันก็เก่า
คุณหญิงวารีมีสีหน้าพอใจในตัวอัยรินมากทีเดียว แม้จะไม่แสดงความรู้สึกผ่านสีหน้าหรือแววตา หากเด็กหญิงก็ยังรู้ความมากนัก
ระหว่างที่อัยรินกำลังแนะนำตัว วรันย์ก็เดินเข้ามา
“คุณมาวินกับคุณวาคินกลับมาแล้วครับ”
สองร่างสูงเกินวัยของเด็กหนุ่มเดินเข้ามาหลังจากนั้นไม่นาน คนที่ดูตัวสูงกว่าเล็กน้อยมีดวงตาสีเทาเข้ม ใบหน้าเรียบนิ่ง ดูแข็งกระด้างชำเลืองมองมาทางห้องรับแขกที่ทุกคนกำลังยืนอยู่พร้อมกวาดมองลวก ๆ เพียงแวบเดียวก็เดินเลี่ยงไป หากอีกคนที่เตี้ยกว่าเล็กน้อย แต่มีรอยยิ้มประดับดวงหน้าตลอดเวลากลับสาวเท้าเดินเข้ามาในวงสนทนาแทน
“ทำอะไรกันครับ” ใบหน้าหล่อเหลาคลี่ยิ้มอ่อนโยน หากอัยรินที่แหงนหน้ามองจนคอตั้งบ่ากลับไม่ได้รับรู้ถึงความ ‘ยินดี’ ในดวงตาคู่นั้นเลย เด็กหญิงแหงนมองครู่เดียวก็ก้มหน้าลงมองพื้นต่อ ไม่ได้สนใจคนมาใหม่อีก ทว่าคุณหญิงวารีกลับยิ้มรับ น้ำเสียงอ่อนหวานเอ่ยขึ้น
“กลับมาแล้วเหรอลูก มานี่สิ แม่จะแนะนำน้องให้รู้จัก”
ร่างเล็กถูกดึงให้ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าว ใบหน้าที่ก้มต่ำจึงต้องเงยขึ้น
คุณหญิงวารียอบกายลงนั่งเคียงข้าง มือเรียวลูบเส้นผมสีดำสนิทของเด็กหญิงอย่างอ่อนโยน ดวงตารีเรียวที่ทอดมองอบอุ่นอ่อนโยนจนคนที่ยืนมองอยู่ตรงข้ามต้องกระตุกยิ้มมุมปาก
อัยรินหรี่ตาลง เด็กหญิงตัวน้อยแม้ยังเด็ก แต่ความที่เผชิญอะไรมามากมายจึงมองออกทันที
พี่ชายคนนี้… ไม่ใช่คนที่ควรเข้าใกล้!
“นี่หนูอัยย์ หนูอัยย์นี่พี่วินนะคะ”
ต่อให้ข้างในจะรู้สึกเช่นไร แต่เด็กหญิงก็เลือกจะทำในสิ่งที่ ‘คุณท่าน’ ปรารถนาทุกประการ มือน้อยยกขึ้นพนมไหว้พร้อมย่อกายลงอย่างงดงาม
“สวัสดีค่ะพี่วิน”
ใบหน้าที่ยิ้มแย้มหันมายังร่างน้อย ยิ้มกว้างขึ้นก่อนเอื้อมมือออกไปหมายจะลูบไล้ศีรษะเล็กตรงหน้าเพื่อรับไหว้อย่างผู้ใหญ่ หากร่างเล็กกลับถอยห่างออกไปหนึ่งก้าว
คุณหญิงวารีเลิกคิ้ว เบิกตามองกิริยาของเด็กในปกครองตนอย่างตื่นตกใจ แต่ไหนแต่ไรมาอัยรินไม่เคยแสดงทีท่าเช่นนี้กับใครเลย แม้กระทั่งกับวรันย์ ชายวัยกลางคนท่าทางดุดันที่คนในบ้านเกรงกลัว เจ้าตัวน้อยยังทำเพียงเหลือบมอง แต่ไม่ผละหนีเช่นนี้เลย
“อะ เอ่อ น้องคงยังแปลกที่น่ะลูก วินอย่าถือเลยนะ”
มาวินชะงักมือที่ยื่นออกไป ก่อนหดกลับมาแล้วเผยรอยยิ้มกว้างขึ้น แม้ภายนอกจะยังไม่ถือสา หากภายในนั้นกำลังคุกรุ่น!
เด็กนี่… มันน่านัก!
ต่อให้ไม่พอใจหรือแค้นเคืองจนแทบสบถ ฉากหน้ายังคงส่งยิ้มอ่อนโยนต่อไป
“หนูอัยย์พี่วินใจดีนะ หึ” ท้ายประโยคเผลอแค่นเสียงในลำคอเบา ๆ หากไม่มีใครได้ยิน นอกจาก… คนที่เงยหน้าคอตั้งบ่าตรงหน้าตอนนี้
เด็กหญิงตัวน้อยได้ยินชัดเจน ดวงตากลมโศกเรียบนิ่งคู่นั้นหรี่ลงเล็กน้อย ก้าวถอยออกไปอีกสองก้าวเพื่อหลบหลังคุณหญิงวารีอย่างหวาดหวั่น กระทั่งคุณหญิงยังเห็นท่าไม่ดีจึงต้องตัดบท
“เอาละ” ร่างระหงยืนขึ้น สีหน้าเจื่อนลงไปเล็กน้อย เพราะปฏิกิริยาของอัยรินที่มีต่อบุตรชายคนโตจึงหันไปมองวรันย์ คนสนิทรู้งานจึงเดินเข้ามาจูงมือเด็กหญิงออกไป
มาวินเห็นเช่นนั้นก็ขมวดคิ้ว เด็กคนนี้มันอย่างไรกันแน่ กับเขาที่ยิ้มแย้มอบอุ่นผละหนี แต่กับคนสนิทของมารดากลับปล่อยให้ถูกจับจูงมือไปโดยง่าย ทั้งที่ปกติแค่บอดีการ์ดวัยกลางคนประจำกายมารดาเหลือบหางตาคม ๆ มองใครสักคน คนที่นี่ก็แทบจะวิ่งหนีกระเจิดกระเจิงกันแล้ว
นี่ไม่เรียกว่า ‘จงใจ’ เป็นศัตรูกับเขาหรอกหรือ… ชายหนุ่มขบกรามกรอด เผลอหงุดหงิดจนต้องกำหมัดแน่น
คุณหญิงวารีรู้จักบุตรชายของตนดีจึงถอนหายใจ ก้าวไปหาพร้อมเอ่ยปลอบ
“น้องยังเล็ก ปรับตัวยังไม่ได้ วินอย่าคิดมากนะลูก”
ต่อให้โกรธจนแทบพ่นไฟออกมาทางปาก มาวินก็ยังคงปั้นหน้ายิ้มตอบ
“ผมเข้าใจครับ แม่อย่าห่วงเลย ผมจะช่วยดูแลน้องเอง”
ดูแลอย่างดี… ชายหนุ่มขบเขี้ยวเคี้ยวฟันในใจอย่างแค้นเคือง
มาวันแรกก็แสดงออกชัดขนาดนี้ มารดาของเขาไม่มีทางวางยายเด็กคนนี้ไว้ใกล้ตัวเขาแน่!
มาวินรู้สึกโกรธ แต่ก็สนุกขึ้นมาเช่นกัน เด็กคนนี้น่าสนใจ เพราะเพียงสบตากันครั้งแรกก็รับรู้ถึง ‘ตัวตน’ ของเขาอย่างแท้จริง ในขณะที่คนทั้งบ้าน กระทั่งวาคินยังมองไม่ออกว่าข้างในของเขาเป็นเช่นไร
ฮึ น่าสนใจดี
ทว่า… ความสนใจของคนวัยหนุ่มมักมาเร็วไปเร็ว ยิ่งคนที่ตนสนใจเป็นแค่เด็กหญิงตัวกระจิริด ไม่นานความสนใจที่มีอยู่ก็จางหาย ยิ่งไม่มีโอกาสได้พบเจอ เพราะคนตัวน้อยที่รับรู้ ‘ตัวตน’ ของพี่ชายคนโตหลบลี้หนีหน้ามาโดยตลอดก็ยิ่งกลายเป็นเส้นขนานที่ไม่อาจบรรจบกันได้
“น่ากลัว” เสียงเล็กเอ่ยขึ้นเบา ๆ หากมือที่จับจูงไว้บีบกระชับบอกความหวาดกลัวจนคนที่ทำหน้าที่จับจูงมือไว้ต้องหยุดฝีเท้า ก้มหน้าลงเอ่ยถาม
“ใครน่ากลัว”
แม้จะได้ยินชัด แต่ก็ยังแฝงความไม่เข้าใจในคำพูดเมื่อครู่ กระทั่งถามออกไป ก็นึกกลัวคำตอบของเด็กไร้เดียงสาขึ้น
“เขา” หางตาเหลือบมองกลับไปยังด้านหลังซึ่งเป็นห้องรับแขก สถานที่ที่ ‘พี่ชาย’ ผู้ฉาบใบหน้าแสนดีเอาไว้ยังยืนพูดคุยกับคุณหญิงวารีต่อ แม้ปากจะสนทนากับมารดา หากหางตาของอีกฝ่ายก็มองมายังเธอเช่นกัน
อัยรินดึงสายตากลับมา แหงนหน้าจนคอตั้งบ่าพร้อมส่งสายตาสื่อความหมาย
ใบหน้าดุดันของวรันย์เผือดสีเป็นครั้งแรกในชีวิต ยอบกายลง มือหยาบกร้านรวบจับไหล่เล็กเอาไว้แน่น เหลือบสายตามองกลับไปตามเส้นทางที่สายตาคู่นี้เพิ่งดึงกลับมา ก่อนเอ่ย
“จำเอาไว้นะหนูอัยย์” แม้จะพบกันได้ไม่นาน แต่อัยรินก็ได้รับความเอ็นดูจากชายเย็นชาคนนี้ทั้งหัวใจ
“ไม่ว่าจะเห็นหรือรับรู้อะไรก็อย่าเข้าไปยุ่ง หลีกเลี่ยง อยู่ให้ห่างจากทั้งสองคน”
เพราะคนที่ดูเหมือนไม่อันตรายกลับอันตราย ทว่าคนที่เหมือนอันตรายก็ยิ่งอันตราย บอดีการ์ดวัยกลางคนที่เพิ่งมีหลานสาวเป็นคนแรกในชีวิต ไม่ต้องการให้เด็กหญิงเผชิญเรื่องราวใด ๆ ที่ส่งผลต่อความรู้สึกเด็ดขาด
“สองคน” เด็กหญิงขมวดคิ้วน้อย ๆ เป็นความไม่เข้าใจอย่างที่สุด เพราะถ้ามองเพียงแค่สายตาจะพบว่าคนที่ยิ้มหัวน่าเข้าหา ทว่ากับเด็กที่พบเจอคนมามากกว่าเด็กวัยเดียวกันนั้นมองออกถึงตัวตนข้างในได้ไม่ยาก
“แต่อีกคนใจดี”
วรันย์ถอนหายใจหนัก ๆ การรับรู้ตัวตนของคนอันตรายไม่ใช่เรื่องดี ยิ่งเด็กหญิงวัยเพียงเท่านี้ ไม่ควรต้องมาพบเจอเรื่องมากมายให้คิดเพิ่มอีก
“คนบางคนมองเพียงภายนอกไม่ได้หรอก เข้าใจไหม” ดวงตาดุดันมองจ้องดวงตากลมโตราบเรียบอย่างสื่อความหมาย จริงจัง และสั่งสอนอยู่ในที
อัยรินเข้าใจความหมายที่คุณลุงคนใหม่ต้องการจะสื่อ จึงพยักหน้ารับ
“เข้าใจแล้วค่ะ”
จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม แต่ความห่วงใยจากชายสูงวัยตรงหน้า และคุณหญิงวารีก็คือความปรารถนาดีทั้งนั้น อัยรินไม่ต้องการให้ท่านกังวลกับเรื่องราวของเธอแม้แต่นิดเดียว การมีชีวิตใหม่ที่กำลังเริ่มต้นไม่ควรต้องพบเจออุปสรรคอีก
เมื่อคืนตอนที่นอนเคียงข้างร่างระหงของผู้เป็นใหญ่ในบ้าน คุณหญิงวารีเอ่ยสอนสั่งในหลายเรื่อง และหนึ่งเรื่องนั้นก็คือ…
“ตั้งแต่วันนี้ไปให้นับหนึ่งกับแม่ อยู่กับแม่ และรักแม่ เข้าใจไหมคะ”
เด็กหญิงเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าเข้มดุของบอดีการ์ดวัยกลางคนตรงหน้าอีกครั้ง จ้องมองอย่างพิจารณา ก่อนให้สัญญา
“หนูจะไม่ทำให้ลุงกับคุณท่านต้องมีปัญหาค่ะ”
กับเด็กวัยเพียงเท่านี้ สัญญาเช่นนี้ ใบหน้าเข้มดุของวรันย์จึงปรากฏรอยยิ้มทันที
“เก่งมาก หลานลุง”
ชายสูงวัยจึงลุกขึ้นยืนเต็มความสูง จับจูงมือเด็กหญิงออกไปยังสวนหลังบ้าน สถานที่ที่ก่อนหน้าเจ้าตัวกำลังนั่งวาดรูปเล่นอยู่ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจาก ‘คนอันตราย’ ทั้งสองคน
สายตาที่มองตามแผ่นหลังเล็ก ๆ หันกลับมายังมารดา ก่อนคนที่เป็นใหญ่ในบ้านจะเหลือบไปมองคนรับใช้ที่ยืนห่างออกไปเล็กน้อยเป็นเชิงออกคำสั่ง ทุกคนจึงทยอยแยกย้ายไปทำงานตามหน้าที่ เมื่ออยู่กันเพียงสองคนแล้ว คุณหญิงวารีจึงเริ่มต้นการสนทนาอย่างจริงจัง
“วิน” น้ำเสียงจริงจังที่เอ่ยเรียกส่งผลให้มาวินลอบถอนหายใจ
“ครับ”
คุณหญิงวารีเม้มปาก บีบมือที่จับกันแน่นแล้วจ้องมองบุตรชายคนโตด้วยดวงตาคลอน้ำตา หากนัยน์ตากลับแน่วแน่ไม่แปรเปลี่ยน อย่างไรก็ให้บุตรชายคนโตอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้ แม้เรื่องราวจะผ่านมาแล้วถึงสองปี แต่ชีวิตของมาวินก็ยังคงต้องวนเวียนเกี่ยวกับคนหรือไม่ก็สถานที่ที่ข้องเกี่ยวกับ ‘เด็กคนนั้น’ จนไม่อาจขจัดความขุ่นมัวในจิตใจออกไป
แม้จะมี ‘เด็กอีกคน’ ที่สร้างความสุขสบายทั้งภายนอกภายในให้บุตรชาย แต่เด็กคนนั้นก็เป็นเพียง ‘บุตรนอกสมรส’ ที่ไม่เป็นที่ยอมรับจากสังคมชั้นสูงที่ท่าน และบุตรชายยืนอยู่ ต่อให้มารดาของ ‘กลอยใจ’ จะมาก่อนหรือมาหลังไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการยอมรับของสังคม
“ต้นเดือนหน้าแม่จะให้ลูกไปเรียนต่อที่อเมริกา แม่ให้คนของแม่หามหาลัยดี ๆ ไว้ให้แล้ว”
พูดได้เพียงเท่านั้นหยดน้ำใส ๆ ก็รินไหลลงข้างแก้ม ยามต้องเอ่ยปาก ‘ไล่’ ลูกชายผู้เป็นที่รัก หัวใจของแม่ก็ทุกข์ทรมานไม่แตกต่างกัน หากมาวินยังคงนิ่งเงียบ แม้ใบหน้าจะปรากฏรอยยิ้ม แต่ดวงตาไม่ได้ยิ้มแย้มตามอีกแล้ว
“ไม่ต้องกลัวว่าจะเหงานะลูก แม่สัญญาว่าจะบินไปเยี่ยมทุกเดือน”
“เยี่ยม?” บุตรชายของท่านทวนถามเสียงหยัน พร้อมเอ่ยต่อ “แม่จะบินไปเยี่ยมผมได้ยังไง ในเมื่อแอลเอ็นกรุปกำลังจะล้มแหล่มิล้มแหล่อยู่รอมร่อ ดีไม่ดี อาจล้มละลายภายในปีสองปีนี้เสียอีก”
ใบหน้านองน้ำตาของคุณหญิงวารีซีดเผือดยิ่งกว่าเดิม
นี่ก็เป็นอีกสาเหตุที่ท่านต้องการส่งบุตรชายสุดที่รักไปอยู่ที่อื่น เพราะวันข้างหน้าหากแอลเอ็นกรุปล้ม มาวินจะได้ไม่ต้องอับอายใคร ที่นั่นท่านตระเตรียมทุกอย่างให้ลูกอย่างดี บ้าน รถ คนดูแล หรือแม้กระทั่ง ‘ช่องทาง’ เมื่อท่านไม่สามารถประคับประคองแอลเอ็นกรุปต่อไปได้
คุณหญิงจึงถอนหายใจแล้วเอ่ย “เตรียมตัวให้ดี นี่คือคำสั่ง”
มาวินขยับมุมปากขึ้นยิ้ม ดวงตาวาบผ่านความขมขื่นก่อนเลือนหาย เพราะเป็น ‘คำสั่ง’ ต่อให้วอนขออย่างไรก็คงไร้ผล
“ได้ครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัว จะได้รีบไปเตรียมตัว”
ที่ผ่านมาเขาทำทุกอย่างเพื่อมารดา ท่องมาตั้งแต่จำความได้ว่า ‘แม่เสียสละ’ หลายอย่างเพื่อให้เขา และน้องมีชีวิตที่ดี ทว่าพอเติบโตขึ้นมาทุกอย่างกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น ปัญหาระหว่างมารดากับบิดา เขาไม่เข้าใจ แม้เติบโตมาขนาดนี้ก็ยังไม่เข้าใจ เหตุใดคนที่รักกันต้องหย่าร้างกัน หลายครั้งที่เอ่ยปากถามบิดา เว้าวอนขอความจริงจากมารดา ท่านทั้งสองก็มักบ่ายเบี่ยง บ่อยเข้าบิดาถึงขั้นเมินเฉย และห่างเหินออกไปจนเขาใจหาย
ฝากหนูอัยย์กับมาวินด้วยนะคะ
เนื้อหาที่ลงยังไม่มีการปรับแก้ ตรวจคำผิด
อาจมีบางส่วนผิดพลาดต้องขออภัยด้วยนะคะ
ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอด ทุกๆ เรื่องเลยนะคะ
รัก... เอริณ
ความคิดเห็น