ตอนที่ 11 : ตอนที่ ๑๑
๑๑
มิซูโกะผ่านความยากลำบากอย่างการสวมชุดกิโมโนแต่งานสีขาวตัวหนา เครื่องประดับผมที่หนักอึ้งบนหัวยามก้าวเดินและกราบคำนับ รวมถึงยังเอาชนะความตื่นเต้นในระหว่างทำพิธีมาได้โดยไม่เสียอากัปกิริยามารยาท เธอเกร็งถึงขั้นไม่ได้พูดคุยอะไรกับคุณเคียวจูโร่เลยตลอดพิธี ยิ้มอย่างเดียวเท่านั้นแล้วก็ผงกหัวรับอย่างคนว่านอนสอนง่าย จนกระทั่งทุก ๆ อย่างผ่านมาได้ด้วยดี
พ่อสามีไม่มีปัญหา!
น้องชายสามียิ่งไม่ต้องพูด!
มิซูโกะคิดอย่างอารมณ์ดี หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนชุดเก็บกิโมโนเจ้าสาวและเครื่องประดับเรียบร้อยเธอก็มานั่งอยู่ที่ฟูกนอน ในใจคิดว่าคงจะคุยกับคุณเคียวจูโร่แค่สักพักเท่านั้นแล้วนอนหลับพักผ่อนด้วยอาการมึนเมาของสุราที่ติดในหัว
“ข้าน่ะไม่เคยผ่านพิธีการแบบนี้มาก่อนเลยเจ้าค่ะ วันนี้กดดันไม่น้อยแต่ในที่สุดก็ผ่านมันมาได้แล้วเจ้าค่ะ” เธอเริ่มต้นบทสนทนาขึ้นก่อน แล้วหันมามองคุณสามีที่อยู่ชุดในกิโมโนสำหรับใส่นอนกำลังนั่งขัดสมาธิจ้องเธอไม่วางตา
“ไม่เคย?”
“ตอนนั้นข้าไม่ว่างน่ะค่ะ ต้องเตรียมสอบอัยการก็เลยคุยเอาไว้ว่าไม่จัดงานนะ ไปจดทะเบียนสมรสก็พอ แค่เก็บข้าวของย้ายมาบ้านมาอยู่กับคุณเคียวจูโร่ข้าก็หมดแรงแล้ว ตอนนั้นเราทะเลาะกันปวดหัวไปหมดเลย” มิซูโกะว่าก่อนจะทิ้งตัวลงกับฟูกนอนอย่างเกียจคร้านสองมือแตะขมับแสดงท่าทีของอาการปวดหัว
วันนี้เธอดื่มสาเกแทนน้ำเปล่าไปเป็นขวด ๆ ได้ เดี๋ยวคนนี้ยกจอกสุราให้ก็ต้องยกจอกสุราซดรับความยินดี ทำให้ตอนนี้ในหัวเริ่มรู้สึกหนัก ๆ หน่วง ๆ จากฤทธิ์ของสาเกมงคลเข้าให้แล้ว…
“จริงรึ?”
“ใช่ ก็เลยเลี้ยงฉลองกินข้าวกับครอบครัวแล้วก็เพื่อนฝูง จดทะเบียนแลกแหวนแบบฝรั่งแค่นั้นน่ะเจ้าค่ะ” เธอว่าแล้วรื้อความทรงจำช่วงแต่งงานขึ้นมา “เช้ามาข้าก็ต้องอ่านหนังสือไปทำงาน ว่าความให้ลูกความ ขึ้นศาล เตรียมเอกสารสำหรับคดี แล้วก็เตรียมสอบอัยการ…”
คุณเคียวจูโร่เหมือนจะขยับเข้ามาใกล้ ๆ มิซูโกะ เขานั่งอยู่ข้าง ๆ ในขณะที่เธอนอนลงคว้าผ้าห่มมาคลุมร่างจนมิดคอ มิซูโกะมองอีกฝ่ายที่ยังคงจดจ้องเธอไม่กะพริบ จากนั้นก็ยิ้มกว้างหน้าบานด้วยอารมณ์ที่ดี
“ทำไมข้าถึงยอมเจ้าได้มากขนาดนั้นกัน” เขาถามต่อนิ้วมือจิ้มที่จมูกน้อย ๆ ของเธอ
“ก็เพราะ…ข้ายอม…ยอมทุกอย่างให้คุณเคียวจูโร่ยังไงล่ะเจ้าคะ” เธอตอบก่อนจะหลับตาลงอย่างอ่อนเพลีย
“เมาสุราเขาห้ามนอนหลับ เจ้าตื่นขึ้นมาก่อนเถอะ ไว้สร่างเมาแล้วค่อยพักผ่อนก็ยังไม่สาย” เขาว่าด้วยน้ำเสียงที่เบากว่าปกติเล็กน้อย สองมือประคองเธอขึ้นมาให้ชันตัวขึ้น มิซูโกะลืมตาขึ้นอย่างแง่งอน
“เจ้าค่ะ” เธอรับคำจากนั้นก็พยายามฝืนตนเองให้ถ่างตาตื่น
ตะเกียงไฟยังคงสว่างแยงตามิซูโกะ…
จะหลับก็หลับไม่ลง…
“ข้าปรึกษาอุซุยมา ภรรยาของอุซุยได้พูดคุยกับเจ้าบ้างหรือไม่” คุณเคียวจูโร่ชวนเธอคุยต่อ มิซูโกะฟังคำถามแล้วก็นิ่งนึกอยู่นานสองนานก่อนจะตอบออกมา
“ภรรยาคนไหนหรือเจ้าคะ?” เธอถามคำถามโง่ ๆ ออกมา
“ทั้งสามคนน่ะ” คุณเคียวจูโร่ว่าแล้วก็ยิ้มที่มุมปาก
“อ๋อ…” มิซูโกะร้องอ๋อเสียงยาวจากนั้นก็นิ่งทบทวนเกี่ยวกับสิ่งที่ภรรยาสามคนของคุยอุซุยมากระซิบพร่ำบอกหลักของชายหญิง แล้วก็ยัดตำราสักอย่างใส่มือเธอที่พอคลี่ออกดูแล้วมันคือตำรากามสูตรหรือคู่มือสอนเซ็กส์ในยุคสมัยไทโชให้เธอมาทำความเข้าใจซะจะได้ไม่งุนงงและเขินอายจนอดสนุกสนานไป
มิซูโกะหน้าแดงลามไปยันคอ…
ตาเถรเถอะ…
“คุณมาคิโอะ คุณซึมะแล้วก็คุณฮินะซึรุสินะเจ้าคะ” เธอถามต่ออย่างด้วยความไม่อยากจะจุดประเด็นใต้สะดือขึ้นมาพูดต่ออีก
“ใช่แล้ว!” คุณเคียวจูโร่รับคำพร้อมแววตาสงสัยใคร่รู้
“ได้พบแล้วเจ้าค่ะ” มิซูโกะว่าจากนั้นก็ชายตามองไปทางอื่นแล้วรอยยิ้มน้อย ๆ ที่ประดับเอาไว้บนใบหน้า นัยน์ตาสีฟ้าสดใสหวานเยิ้มด้วยฤทธิ์สุราแรง ร่างกายร้อนผ่าวเล็กน้อยพร้อมกับสองแก้มที่แดงปลั่งเหมือนทาชาด
“เช่นนั้น…” ปากของเขาว่าจากนั้นสองมือก็ดึงร่างของเธอเข้ามากอดอย่างใกล้ชิด “ท่านพ่อว่าให้ข้าถนอมดูแลเจ้าให้ดี ร่างกายของเจ้าคงไม่อาจทนรับข้าได้ไหว” คุณเคียวจูโร่ยังคงกระชับกอดร่างของเธอเอาไว้แน่นจนมิซูโกะสัมผัสได้ถึงกลิ่นกายของบุรุษเพศที่ไม่ได้ใกล้ชิดเช่นนี้มานานสองนาน
แต่ว่า…
เขาจะไม่แตะต้องเธอจริง ๆ หรือ?
บ้าน่า!?
“ข้าไม่ได้ไม่ให้เกียรติเจ้าในเรื่องของสามีภรรยา ข้าตัดใจทำให้เจ้าอ่อนแอเพราะข้าไม่ได้ ข้ากลัวใจตนเองจะรุนแรงต่อเจ้า” น้ำเสียงของคุณเคียวจูโร่หนักแน่นมาก ท่าทางจริงจังไม่ได้ทำให้มิซูโกะคิดอะไรเออเองคนเดียว
มิซูโกะไม่ได้รู้สึกว่าเธออ่อนแอ ร่างกายที่ดูจะบอบบางนี้ผ่านเรื่องราวมากมายมาด้วยลำแข้งและฝ่ามือที่ไม่ยอมแพ้ นี่ไม่ได้แปลว่ามันเข้มแข็งหรอกรึ? แม้ว่าเธอจะมีอาการป่วยจากคำสาปของสายเลือดอุบุยาชิกิที่ไหลเวียนในตัว แต่ถึงกระนั้นตอนนี้ก็ยังไม่ได้ล้มป่วยใกล้ตายเสียหน่อย เธอยังคงมีสุขภาพที่ดี มีชีวิตที่สมบูรณ์และเปี่ยมไปด้วยความสุขสมหวังไม่ใช่หรือ
มิซูโกะผละตัวออกมาจากอ้อมกอดของเคียวจูโร่
ใบหน้างามเงยขึ้นมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าที่สุขุมและใจเย็นที่สุด
“คุณเคียวจูโร่…บางทีนี่อาจจะเป็นข้อแตกต่างที่ข้าพบในตัวท่านก็ได้” เธอว่าจากนั้นก็ไม่คิดจะมองหน้าอีกฝ่ายต่อ “ข้าคนนั้นน่ะไม่เคยร้องไห้ ข้าไม่เคยเสียน้ำตาให้กับเรื่องใด ๆ ก็ตาม ทั้งความผิดหวัง ความเสียใจ ต่อให้มันจะทุกทรมานใจแค่ไหนข้าก็เข้มแข็งสู้ผ่านมันไปตลอด ข้าเป็นคนไม่มีน้ำตา ไม่ว่าจะทะเลาะกับท่านด้วยเรื่องที่ร้ายแรงแค่ไหนก็ตาม ร่างกายไม่เคยเปราะบางจนต้องมีน้ำตาออกมา…”
ใช่…
น้ำตาของมิซูโกะไม่เคยไหลออกมาจากหางตา ในชีวิตของเธอเรียนรู้ที่จะเข้มแข็งและอดทน ต่อให้เหนื่อยยากและลำบากแสนสาหัสเพียงใดก็ตาม ทว่าคนที่ไม่เคยหลั่งน้ำตามาก่อนก็กลับเสียน้ำตาให้กับผู้ชายคนหนึ่งที่เข้ามาในชีวิตจนได้ เพียงแค่เขาบอกว่าเรากลายเป็นคน ๆ เดียวกันแล้ว ไม่จำเป็นที่จะต้องเขินอายที่จะมีน้ำตา เพราะน้ำจากคนที่แข็งแกร่งก็คือน้ำตาที่ไม่มีความอ่อนแอแสดงให้เห็นสักเสี้ยวหนึ่ง
เพียงแค่นั้น…เท่านั้นจริง ๆ ที่เธอลองร้องไห้เป็นครั้งแรกดู
มิซูโกะแค่อยากจะเป็นคนที่ต้องให้มีใครสักคนประคองกอดให้ผ่านคืนวันที่ยากลำบาก รักใคร่และอยู่ด้วยกันเหมือนคนรู้ใจเท่านั้นจริง ๆ แต่ว่าสังคมล้วนมองคนที่เข้มแข็งว่าภายในอ่อนไหวง่าย ชอบดูถูกคนมีน้ำตาว่าไม่รู้จักอดทนซึ่งเธอล้วนไม่ชื่นชอบเอาเสียเลยกับค่านิยมเหล่านี้
เธอแค่ต้องการเป็นคนที่เข้มแข็งต่อให้บนใบหน้าจะมีคราบน้ำตาอยู่ก็ตาม…
ใครว่าคนแข็งแกร่งไม่สามารถจะร้องไห้ได้กันเล่า…
“มิซูโกะเป็นคนแข็งแกร่ง หากไม่คิดว่าท่านเป็นคนเดียวที่สามารถร้องได้ต่อหน้าได้ ตอนนั้นข้าก็จะไม่ร้องไห้ออกมาให้ท่านเห็นเด็ดขาด…ท่านบอกว่าข้าจะเป็นคนที่แข็งที่สุด…ที่แม้แต่น้ำตาก็ไม่ได้ทำให้ข้าดูอ่อนแอ แต่ตอนนี้ท่านกลับบอกว่าข้าเป็นคนเปราะบางไม่อดทน กลายเป็นเด็กที่ต้องถนอมดูแลไปเสียแล้ว ท่านทำข้าเสียใจแล้วนะเคียวจูโร่”
ความหมายของเธอก็คือ…
เขาไม่เหมือนคุณสามีของเธอจริง ๆ
ความรักนี่บางทีมันก็ประหลาดใจจริง เธอเชื่ออย่างสนิทใจไปแล้วว่าเขาคือสามีของเธอ แต่มาวันนี้เขาไม่เหมือนกันสักนิด ผู้ชายคนนั้นที่เธอรักอย่างสุดหัวใจตอนนี้เขาเป็นใครกัน คนที่เชื่อใจและเชื้อเธอที่เป็นคนภรรยาของเขามากกว่าวันนี้ไปเชื่อฟังลมปากของใครคนนอกกันนะ? อย่างน้อยเขาก็ควรจะถามเธอสิว่าพร้อมหรือไม่ ยินยอมหรือเปล่าไม่ใช่หรือ?
“ข้า…”
คุณเคียวจูโร่ไม่กล้าเอ่ยต่อ
ทว่าอันที่จริงแล้ว…
ในใจของมิซูโกะรู้ดีว่าจริง ๆ แล้วทั้งสองคนคิดเหมือนกันและมีความรู้สึกเหมือนกัน แต่วิธีการนั้นอาจจะต่างออกไปบ้างตามเงื่อนไขสภาพแวดล้อม สามีของเธอคนนั้นรู้ว่าเธอต้องการการให้เกียรติแบบใด…เขารู้ว่าเธอเป็นคนอ่อนไหวง่าย จิตใจเปราะบางดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการทำให้เธอเป็นคนอ่อนแอแบบที่เธอไม่ต้องการ เขาเลือกที่จะปั้นทำให้เธอกลายเป็นคนเข้มแข็งที่สามารถร้องไห้ได้ก็เท่านั้น
“ข้าในตอนนี้อ่อนแอจริง ๆ หรือเจ้าคะ” เธอถามเขาตรง ๆ อีกครั้ง“ท่านคิดว่าข้าไม่อาจทนรับได้ไหวอย่างนั้นหรือ”
“เจ้าไม่ได้อ่อนแอเลย ข้ารู้ว่าจริง ๆ ข้าต้องทำอย่างไรกับเจ้า”
“เช่นนั้น…” มิซูโกช้อนนัยน์ตาขึ้นประสานสายตาของอีกฝ่ายที่เธอไม่ทราบความรู้สึกและอ่านความในใจของเขาไม่ออก เธอคิดไม่ตกระหว่างหนุ่มใจแข็งอดกลั้นอารมณ์ได้ กับเนื้อสาวของภรรยาที่แต่งกันอย่างถูกต้องเขาจะเลือกอะไรในค่ำคืนนี้
ตอนแรกเธอประหม่าไม่กล้า ซ้ำยังมีท่าทีเขินอายเสียอย่างนั้น…
แต่ตอนนี้เธอสนใจอยากจะดูท่าทีของอีกฝ่ายมากกว่าแล้ว!
สองมือของมิซูโกะดึงสายโอบิที่ผูกเอาไว้ด้านหน้าออก สายโอบิสั้น ๆ ร่วงไปกองกับพื้นด้านข้าง ร่างแน่งน้อยของเธอเคลื่อนเขาหาอีกฝ่ายอย่างจงใจก่อนจะค่อย ๆ จับสองมือของคนตรงหน้าขึ้นมาทาบทามเนื้อหนังที่ปราศจากอาภรณ์ปกปิด ลามไล่ขึ้นไปที่หัวไหลจนตัวกิโมโนส่วนบนที่คลุมไหล่อยู่ลู่ลงร่วงแนบลำตัวขาวผ่อง
“ท่านพ่อห้ามท่านทำข้า…เช่นนั้นข้าทำท่านเองก็แล้วกันเจ้าค่ะ” เธอว่าแล้วหัวเราะเล็กน้อยจากนั้นก็ใช้สองมือคล้องโอบต้นคออีกฝ่ายเอาไว้อย่างแนบชิด และไม่ลืมที่จะบรรจงมอบจุมพิตที่ริมฝีปากและใบหน้าของอักฝ่ายอย่างนุ่มนวลและอ่อนโยนเป็นพิเศษ
“เขาว่ากันว่าถ้าคืนแรกของการเข้าหอนั้น หากว่าภรรยาอยู่บนร่างของสามี ต่อไปสามีจะเชื่อฟังภรรยาอย่างว่าง่าย” เธอกระซิบบอกเคียวจูโร่ที่ข้างหูด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่าอย่างเซ็กซี่ เธอไม่ใช่ว่าไม่ชำนาญในเรื่องพวกนี้ เพียงแต่คุณเคียวจูโร่อาจจะนึกภาพของผู้หญิงที่มีอะไรกับเขาหกปีเต็มไม่ออก…
เขาคงนึกไม่ออกหรอกว่าสมัยเรวะเราทำอะไรกันบ้าง…
กิโมโนชุดนอนของคุณเคียวจูโร่ถูกเธอคลายออกด้วยสองมือของเธอที่ซุกซน
เธอคร่อมตักของอีกฝ่ายเอาไว้…
ทาบทามเข้าไปที่ที่สมควรทาบอย่างจงใจ…
ปรากฎการณ์เนื้อแนบเนื้อบังเกิดขึ้นทั้ง ๆ ที่อีกฝ่ายพร่ำบอกว่าไม่ควรทำ และแม้จะรู้สึกความเจ็บของครั้งแรกจะเกิดขึ้น แต่กระนั้นเธอก็ไม่หยุดการกระทำหรือยับยั้งชั่งใจของตนเองให้ดีสักนิด เธอเข้าใจถึงความสุขที่กำลังจะเกิดขึ้นในคืนถัด ๆ ไปและรู้ดีว่าจุดเริ่มต้นแบบใดคือพื้นฐานที่ดีสำหรับวันต่อ ๆ ไป ดังนั้นตอนนี้...
วินาทีนี้มันเหมือนถ่านไฟที่กำลังคุกรุ่น…
เปลวเพลิงค่อย ๆ โหมแรงตามคนคุมไฟ ยิ่งมีลมปลุกกระตุ้นคอยรบเร้า เจ้ากองเพลิงตรงหน้าก็ยิ่งโหมเผาไหม้ทุกสิ่งจนกระทั่งกลายเป็นขี้เถ้าสีดำสนิท นัยน์ตาของมิซูโกะในค่ำคืนนี้ราวกับคนคุมไฟที่กำลังใส่ฟืนเติมเชื้อไฟลงไปในเตาถ่านทำกับข้าวอย่างไรอย่างนั้น และเธอก็ชอบไฟแรง ๆ เสียด้วย...
มิซูโกะมองเปลวไฟที่ร้อนแรงตรงหน้าจากที่จุดไม่ติดกลายเป็นเพลิงกองใหญ่พร้อมรอยยิ้มแสนยั่วยวน…
คุณเคียวจูโร่เป็นเปลวเพลิงที่ร้อนแรงจนแผดเผาร่างของเธอจริง ๆ เขาค่อย ๆ เปลี่ยนเธอให้กลายเป็นท่อนฝืนที่กำลังถูกเผาไหม้ พลิกร่างผลักเธอให้นอนราบกับฟูกนอน สลับบทบาทอย่างว่องไวกลายเป็นอีกปรากฏการณ์หนึ่งในคืนเข้าหอนี้ที่มีเสียงของเธอร้องระงมครวญครางอย่างเป็นสุข…
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ฉันจะเเป็นลมแล้ว~~ช่วยด้วย~~~
ตายๆๆ เรานี่แหละจะตาย(ศพสีชมพู)ค่ะ!!