ตอนที่ 29 : Lovely you : เธอน่ารัก ตอนยี่สิบเก้า
“เราเจ็บมือ”
เพียงแค่เสียงแผ่วเบาแต่ก็ทำให้คนที่เดินนำรีบคลายแรงมือโดยทันที ชานยอลพึมพำขอโทษ เห็นคุณหนูทำหน้านิ่วก็เข้าใจว่าตนลงแรงหนักเกินไป แบคฮยอนกระชับกระเป๋าเตะเท้าไปมาแล้วก็ทนไม่ได้ต้องเงยหน้ามองคนตัวโต เพราะฤทธิ์ของมึนเมาแท้ ๆ เขาถึงใจกล้าบ้าบิ่นเดินหนีชานยอลได้
“จะไปไหนครับ”
“กลับบ้าน”
“ผมจะไปส่ง ดึกแล้ว อย่ากลับคนเดียวเลยครับ มันอันตราย” ก็เหตุผลเดียวกับฮิมชันนั่นแหละ ถ้างั้นทำไมไม่ให้ฮิมชันไปส่งแบคฮยอนตั้งแต่แรก ลากคนอื่นมาทำไม ไม่เกรงใจแฟนตัวเองเลยหรือไง ประโยคมากมายดังอยู่แค่ในหัวเพราะเจ้าตัวเอาแต่ยืนมองหน้าคนหล่อ คราวนี้พอชานยอลแตะศอกให้เดินคุณแบคฮยอนก็ขืนตัวไว้
“ทิ้งแฟนนายเอาไว้แบบนั้นจะดีหรือ” ชานยอลขมวดคิ้วฉับ
“ผมยังไม่มีแฟน” อะไรที่เกิดขึ้นคืนนี้คุณแบคฮยอนขอยกให้เป็นความผิดของน้ำเมาทั้งสิ้น อาเมน “คุณโชรงล่ะ ได้ข่าวว่าเค้าสารภาพรักกับนายแล้วนี่ วันนั้นก็ไปเดทกันมาด้วยไม่ใช่หรือ นายมากับเราแล้วทิ้งเค้าไว้ผู้หญิงคนนั้นจะคิดยังไง กลับไปซะเถอะ เรากลับเองได้”
“คุณแบคฮยอน ผมไม่ได้คบกับคุณโชรง”
“แล้วทำไม...”
“เรื่องอื่นเราอย่าพูดถึงเลยแต่ผมยืนยันว่าไม่ได้คบกับเค้าแล้วก็ไม่เคยไปเดทอย่างที่คุณแบคฮยอนเข้าใจ ไม่เชื่อผมหรือครับ” คุณแบคฮยอนได้แต่กลอกตาไปมา นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์วันนั้นพร้อมความหงุดหงิดเล็กน้อย ต้องหงุดหงิดสิ กว่าจะมายืนอยู่ตรงนี้รู้ไหมว่าคุณแบคฮยอนต้องผ่านค่ำคืนกันโหดร้ายมากี่คืน เขาช็อคจนต้องหนีไปเยียวยาหัวใจไกลถึงมัลดีฟ สุดท้ายมาสรุปที่มันไม่ใช่ความจริงอย่างนั้นหรือ?
หรือว่า ปาร์คโชรงสารภาพรักจริงแต่ถูกชานยอลปฏิเสธ อ่า ต้องเป็นแบบนี้แน่ ๆ ถ้าชานยอลตกลงยัยแม่มดนั่นไม่มีทางเก็บงำเงียบหรอก ได้กินจริงคงประกาศศักดาทั่วทั้งประเทศไปแล้ว
“สงสัยอะไรอีกไหมครับ” พูดจากใจเลยนะ แค่รู้ว่าชานยอลไม่ได้คบกับยัยสารพิษนั่นใจคุณแบคฮยอนก็อ่อนยวบแล้วอ่ะ บอกเลยก็ได้ว่ากำลังดีใจ ดีใจมากกกกกก มากจนไม่อยากตั้งข้อสงสัยอะไรแล้ว เมื่อไม่มีคำถามต่อชานยอลก็สรุปว่าคนฟังเข้าใจ ชายหนุ่มแตะข้อศอกเล็กอีกครั้งแต่แบคฮยอนก็ยังขืนตัวไว้เหมือนเดิม
“เรียกรถตรงนี้เลยก็ได้” ริมฝีปากได้รูปคลายเป็นรอยยิ้ม
“ไปข้างหน้าดีกว่า” เออ เราก็ไม่เคยจะเถียงได้อยู่แล้วล่ะ ใจมันไม่อยากเถียงก็เชื่อใจตัวเองนิ คนตัวเล็กเดินมึน ๆ ตามไปจนเห็นตึกร้านหนังสือตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า ชานยอลหายเข้าไปหลังร้านแล้วก็กลับออกมาพร้อมคุณเวสป้าคันโปรด พอคนตัวโตยื่นหมวกให้คุณหนูก็แทบหายเมาเป็นปลิดทิ้ง
“อะไร?”
“หมวกกันน็อคไงครับ สวมไว้เพื่อความปลอดภัย” ไม่ใช่ แบคฮยอนหมายถึงนี่มันเรื่องอะไรกันต่างหาก ทำไมคนที่หวงรถจนเค้ารู้กันทั้งเมืองถึงทำเหมือนจะให้แบคฮยอนซ้อนท้าย คุณหนูเผลอถอยห่าง ไม่แน่ใจว่าเรื่องจริงหรือฟังผิดหรือกำลังเมา
“นาย นายจะให้เราซ้อนมอเตอร์ไซค์หรือ?”
“ซ้อนเป็นไหมครับ ถ้าไม่อยากนั่งมอเตอร์ไซค์เราเรียกแท็กซี่ไปก็ได้”
“แต่นี่มัน นี่มันคุณเวสป้าของชานยอลนะ!” ชานยอลยิ้ม
“ครับ รถผม”
“แล้วชานยอลจะให้เราซ้อนได้ยังไง?”
“ซ้อนไม่ได้หรือครับ? ถ้างั้น...”
“ไม่ใช่แบบนั้น เอ่อ โอเค ซ้อน ซ้อนก็ได้” เจ้าของรถยิ้มหล่อ ยื่นหมวกกันน็อคมาตรงหน้า แบคฮยอนรับมาถือไว้ นับลมหายใจเตรียมพร้อมสองสามรอบกว่าจะได้ฤกษ์สวม ปัญหาใหญ่ตอนนี้คือแบคฮยอนจะทำยังไงกับจังหวะการเต้นของหัวใจดี มันเต้นแรงโลดเหมือนกระโดดได้ ชานยอลต้องรู้หมดแน่ ๆ ว่าคุณแบคฮยอนทั้งตื่นเต้นทั้งดีใจเวอร์ ๆ
“ขอโทษนะครับ” เพราะแบคฮยอนสวมแล้วก็ค้างไว้อย่างนั้น คนเชี่ยวชาญกว่าจึงเอื้อมมือมาดึงสายล็อคให้ ชานยอลจัดหมวกจนได้ตำแหน่งดีแล้วก็ยิ้มใส่ตาคนตัวเล็ก เล่นเอาคุณหนูตาพร่าประหนึ่งมองพระอาทิตย์เที่ยงวันด้วยตาเปล่า
“แน่นไปไหมครับ” แบคฮยอนได้แต่ส่ายหน้า
“แล้วนายจะสวมอะไร คนขับก็ต้องสวมหมวกนิรภัยเหมือนกันไม่ใช่หรือ” ชานยอลเปิดเบาะรถขึ้น เขาหยิบถุงผ้าสีเข้มขึ้นมาก่อนจะดึงของข้างในออกมาถือ แบคฮยอนตาพร่าจริง ๆ เอาตอนที่เห็นของในมือชานยอลนั่นแหละ
“ผมมีใบใหม่แล้ว คนใจดีให้มา” คนใจดีกลั้นยิ้มจนแก้มปริ กระชับกระเป๋าก่อนจะ...หนึ่ง...สอง...สาม...แล้วขึ้นซ้อนท้ายอย่างระมัดระวัง อา แบคฮยอนจะไม่มีวันลืมความรู้สึกนี้ วินาทีนี้
คุณหนูยกนาฬิกาขึ้นดู
เที่ยงคืนเจ็ดนาที
คุณแบคฮยอนได้ซ้อนมอเตอร์ไซค์ชานยอลเป็นครั้งแรกและจะถือโอกาสอันหวานชื่นนี้คืนตำแหน่งคุณแฟนให้เลยละกันนนนนนนนน!
“จับดี ๆ นะครับ” จับตรงไหนอ่ะ ด้านหลังหรือด้านหน้า
“อ๊ะ! ชานยอล” ยังไม่ทันตัดสินใจคนขับตัวโตก็จัดท่าให้เรียบร้อย มืออุ่นเอื้อมมาด้านหลังทั้งที่เจ้าของมือยังมองตรงไปข้างหน้า กำรอบข้อมือคุณแบคฮยอนแล้วก็ดึงไปไขว้ไว้ตรงหน้าท้องคนขับ บอกให้เห็นภาพง่าย ๆ ว่าตอนนี้แบคฮยอนกำลังกอดเอวชานยอลอยู่จ้าาาา
โอ๊ย ขออย่าให้คุณแบคฮยอนมืออ่อนเลื่อนหลุดลงต่ำกว่าเข็มขัดชานยอลเล้ยยยยย พระเจ้า ได้โปรดประทานความเข้มแข็งให้จิตใจของลูกด้วยเถิด อาเมน
“ถึงบ้านดึกหน่อยนะครับ ผมจะไปช้า ๆ คุณไม่ชินจะได้ไม่กลัว” ไม่เป็นไร ดึกแค่ไหนก็รอไหวถึงตอนเช้าเลยก็ยังได้ ขอแค่ได้แนบแก้มกับแผ่นหลังนี้ตลอดทางก็พอแล้ว ฮื่อออออ ปกติคนซ้อนท้ายกันนี่เค้าต้องจัดระเบียบร่างกายกันยังไงนะ ต้องนั่งตัวตรงหรือสามารถเอนซบลงกับแผ่นหลังคนขับได้
“อากาศดีจัง” เอาน่ะ คุณแบคฮยอนเป็นคนเมา ขอเอาคางวางไว้ตรงแนวไหล่ของคนขับก็แล้วกัน >///////<
“รู้สึกดีขึ้นไหมครับ”
“อื้อ ได้ลมหอม ๆ พัดผ่านหน้าแบบนี้ รู้สึกโล่งขึ้นเยอะเลย” รู้สึกไหม ได้ยินหรือเปล่า เสียงหัวใจที่กำลังเต้นระทึกในอกนี้ ชานยอลจะได้ยินไหม “เข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมชานยอลถึงชอบขี่มอเตอร์ไซค์”
“เวลามีเรื่องไม่สบายใจหรือคิดอะไรไม่ออก ผมชอบออกไปแถบชานเมือง ทางนั้นบรรยากาศดีกว่า รถน้อยกว่าแล้วก็มีทางสำหรับรถเล็กต่างหาก ในเมืองเราทำไม่ได้ควันเยอะแล้วก็อันตราย”
“วันหลังพาเราไปบ้างสิ”
“ครับ” คนดีของคุณแบคฮยอน รับคำง๊ายง่าย ใจดีที่สุดในโลก คุณหนูยิ้มกว้างมุดหน้ากับเสื้อเชิ้ตสีเดียวกันก่อนจะเงียบไป พอชานยอลเอียงใบหน้ามองมาก็เจอกับดวงตาเรียวใสมองรออยู่
“ชานยอลอ่า”
“ครับผม”
“ชานยอลอย่าห้ามเราอีกเลยนะ” เพราะรถเคลื่อนไปข้างหน้าช้า ๆ แม้เสียงที่เปล่งออกมานั้นจะไม่ดังมากนักแต่อีกฝ่ายก็ได้ยิน ยิ่งเมื่อแบคฮยอนพูดใกล้หู ชานยอลจึงไม่พลาดแม้กระทั่งโทนเสียงเว้าวอน อ่อนเบา “ถ้าไม่ชอบให้เราใจดี เราจะใจร้ายก็ได้ แต่อย่าบอกให้เราหยุดอย่างวันนั้นอีกได้ไหม”
“ผมขอโทษ”
“เราเสียใจมากเลย”
“ขอโทษครับ ผมผิดเอง ต่อไปนี้คุณแบคฮยอนอยากทำอะไรผมก็จะไม่ห้ามแล้ว”
“จริงหรือ จริง ๆ นะ”
“ครับ แต่ต้องเป็นเรื่องที่ไม่ทำให้ตัวเองหรือใครเดือดร้อนนะ” เพิ่มข้อแม้ตามประสาคนดีศรีสังคม แบคฮยอนซ่อนยิ้มกับแผ่นหลังกว้างขยับวงแขนโอบเอวหนาแน่นขึ้น ไม่เสียใจเลยที่เคยเจ็บปวดจะเป็นจะตาย แบคฮยอนไม่เคยนึกเสียใจตั้งแต่ตกหลุมรักผู้ชายคนนี้
รถเวสป้าสีน้ำตาลแล่นฉิวเลี้ยวเข้ามาในเขตอาคารห้องชุดของคุณหนูตัวขาว ชานยอลจอดให้ตรงหน้าประตูที่เชื่อมกับลานจอดรถ รอคนตัวเล็กปล้ำถอดหมวกกันน็อคแต่รอยังไงแบคฮยอนก็ทำไม่ได้สักที ชายหนุ่มยืดตัวขึ้นเอ่ยขอโทษแผ่วเบาก่อนจะคลายล็อคให้เสียเอง นิ้วยาวทำงานได้คล่องซ้ำยังระวังไม่ให้สัมผัสถูกผิวแก้มเนียน ชานยอลแขวนหมวกใบเก่าไว้กับคันเร่ง ทอดสายตามองสองแก้มแดงปลั่งกับกลีบปากบางแล้วก็สั่งตัวเองให้เอ่ยราตรีสวัสดิ์เสียตอนนั้น
“ขึ้นไปพักผ่อนเถอะครับ ผมจะกลับแล้ว”
“กลับไหวแน่นะ วันนี้เห็นดื่มไปตั้งเยอะ”
“ไหวครับ” หื่อออออ อยากชวนขึ้นไปจิบชาตอนจะตีหนึ่งจังเลย
“ขับรถดี ๆ ถึงบ้านโทรบอกเราด้วยนะ เบอร์เดิมที่เคยให้ไปคราวก่อนนั่นแหละ” ชานยอลยิ้มแทนคำตอบ สตาร์ทรถแล้วก็ขับออกไป แบคฮยอนรอจนไม่เห็นไฟท้ายสีแดงแล้วจึงหันมายิ้มกับเงาในกระจก เสียดาย ไม่น่าดื่มไปเยอะเลย มีความสุขแบบมึน ๆ เบลอ ๆ พรุ่งนี้จะจำรายละเอียดได้แค่ไหนกันเชียว!
คุณแบคฮยอนนอนกอดหมอนข้างอยู่บนเตียงกว้าง เมื่อคืนเขาหลับลึกโดยไม่ฝัน นอนเต็มอิ่มแล้วก็ตื่นมาพร้อมกับความสุขที่เบ่งบานเต็มห้อง เช้านี้คุณหนูอารมณ์ดี ดีมากจนไม่คิดเอาเรื่องแม้น้องชายคนดีจะบุกเข้าหาถึงห้องนอนตั้งแต่เก้าโมงเช้า แบคฮยอนบิดขี้เกียจจนสุดตัว ครางอย่างเป็นสุข
“มาทำไมตั้งแต่เช้า เดี๋ยวนี้นายตื่นก่อนเวลาได้แล้วหรือ”
“ก็เป็นห่วง เห็นเงียบไปตั้งแต่เมื่อวาน โทรหาก็ติดต่อไม่ได้ทั้งสามเบอร์” จงอินว่าพลางดึงแขนพี่ชายให้ลุกจากเตียง แบคฮยอนลุกขึ้นนั่งหัวยุ่งแต่ใบหน้ายิ้มแป้น ในหัวคิดถึงแต่ภาพเหตุการณ์หวานแหววเมื่อคืนจนทนไม่ไหวต้องล้มตัวลงมุดกับหมอนอีกรอบ จงอินมองอาการแปลกประหลาด...อันที่จริงก็ไม่ได้แปลกหรอก อาการนี้ช่วงก่อนแบคฮยอนเป็นบ่อย ๆ มาห่างหายไปก็ตอนได้โปรโมชั่นเฮิร์ทแบบไม่ทันตั้งตัวนั่นแหละ
“แบคฮยอน ไหวหรือเปล่า?” ผู้เป็นพี่ชายขยับดึ๊บ ๆ จากหมอนเลื่อนมาหาตักกว้าง แบคฮยอนกอดเอวน้องชายเอาไว้ เอ่ยเสียงอ่อน
“ขอบใจนะจงอิน”
“เรื่องอะไร?”
“ทุกเรื่องในโลกนี้เลย”
“เอ้า พี่กู เพี้ยนเต็มตัวแล้วใช่ไหมเนี่ย” แบคฮยอนคงอารมณ์ดีจริง ๆ นอกจากไม่โกรธที่โดนน้องชายแอบค่อนแล้วยังหัวเราะเสียงใส คนตัวเล็กพลิกใบหน้าออกจากหน้าท้องจงอิน มองหน้าน้องชายพลางยิ้มบาง
“นายเป็นคนเอาของขวัญไปให้ชานยอลใช่ไหม” จงอินพยักหน้ารับง่าย ๆ เขาเอาไปให้พร้อมความจริงบางอย่างแต่ไม่ใช่ทุกอย่าง ไอ้หล่อหน้าหยกมันยอมรับของขวัญไปเพราะความรู้สึกในใจมันมากกว่าเป็นเพราะจงอิน ส่วนรับของไปแล้วมันจะเอาไปทำอะไรต่อ ดูจากอาการเริงร่าของคุณแบคฮยอนก็เดาได้แล้ว
“คุยกันเข้าใจแล้วหรือ”
“ช่ายยยย กลับมาคุยกันเหมือนเดิมแล้ว”
“หมายความว่ายังไง กลับไปเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมหรือเป็นมากกว่านั้น” แบคฮยอนกลอกตาไปมาก่อนจะลุกขึ้นนั่ง
“ก็ เป็นเพื่อนกัน มั้ง”
“ชานยอลมันว่าไงมั่ง”
“ชานยอลก็ขอโทษ ยอมรับผิดแล้วก็บอกว่าต่อไปจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว” จงอินมองหน้าคนเป็นพี่ อุตส่าห์พาคนนี้หนีไปเกือบขั้วโลกเพื่อให้เวลามันสำรวจใจตัวเอง สุดท้ายก็ได้เท่าเดิมอย่างนั้นเรอะ ไอ้ชานยอล มึงจะเจียมตัวไปจนตายเลยหรือไง
“จงอิน ทำไมอ่ะ มีอะไร” จงอินถอนใจ ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงแทนเจ้าของ
“เปล่า แค่สงสัยเลยถามดู”
“แต่ชานยอลไม่ได้คบกับโชรงนะ พี่เข้าใจผิดไปเอง”
“เรื่องนั้นรู้แล้ว ผู้หญิงเค้ามาสารภาพรัก มันปฏิเสธไปฝ่ายนั้นก็ยอมรับ ขอเป็นเพื่อนต่อไป ชานยอลมันเห็นว่าโชรงแฟร์ดี ไม่ก็คือไม่ ไม่เซ้าซี้คร่ำครวญเลยคบหากันแบบเพื่อน”
“แล้วทำไมต้องไปเดทกัน”
“มันบอกไม่ได้เดท แค่ซื้อของ ต่างคนต่างไปเจอกัน งานแต่งงานอะไรนั่นมันก็ไม่ได้ไปปาร์คโชรงแค่พูดไม่ชัดเจน” ร่างสูงพลิกตัวนอนคว่ำ เพราะรู้สึกเป็นห่วงแบคฮยอนเขาเลยปลุกตัวเองจากเตียงทั้งที่เพิ่งนอนไปไม่ถึงสามชั่วโมง จงอินไม่ได้มาหาตั้งแต่เมื่อคืนเพราะมีไอ้คนดีบางคนมันโทรไปบอกแล้วว่าส่งพี่ชายเขาถึงบ้านเรียบร้อย ตอนนี้ชายหนุ่มหายข้องใจแล้วว่าทำไมชานยอลยอมกลับโดยไม่มีอะไรคืบหน้าที่แท้ก็เพราะยังคงสถานะเพื่อนเต็มขั้นอยู่นั่นเอง ก็ดีละ เป็นเพื่อนกันต่อไปนั่นแหละ แบคฮยอนไม่เศร้าเพื่อนเขาก็ได้ยืดเวลาตกหลุมพรางพ่อมดออกไปอีกหน่อย
“ชานยอลมันยอมใช้หมวกกันน็อคอันใหม่แล้วหรือ” พี่ชายตัวขาวพยักหน้าเร็ว ๆ
“ใช่แล้ว เมื่อคืนนี้นะชานยอลยกหมวกกันน็อคตัวเองให้พี่ส่วนเค้าก็เอาอันใหม่ออกมาสวม หล่อมากกกก เข้ากั๊นเข้ากัน” คุณหนูมีความสุขกับการคืนดี ข่าวดี แล้วก็อภิสิทธิ์พิเศษที่ไม่เคยมีใครได้รับ วงหน้าเรียวซับสีระเรื่อยามคิดถึงความกล้าหาญ(?)ของตัวเองเมื่อคืนที่ผ่านมา โชคดีเหลือเกินที่ดื่มเบียร์จนมึน ถ้าเป็นคุณแบคฮยอนตอนปกติมีหวังได้นั่งตัวแข็งตั้งแต่ร้านจนถึงลานจอดรถคอนโด อดซบแผ่นหลังอุ่น ๆ ของคุณแฟนแน่
“มัวแต่นั่งฝันตาลอย ลุกไปล้างหน้าแปรงฟันได้แล้ว ผมจะนอนต่อ”
“ยังนอนไม่ได้”
“อะไรอีก...ล่ะ...” พอเห็นพี่ชายสะบัดหน้าพร้อมดัดนิ้วดังกร๊อบคุณชายคิมก็สั่งตัวเองให้ขยับออกห่างทันที สัญชาตญาณระแวงภัยที่อยู่คู่ตัวมายี่สิบกว่าปีบอกให้เขารีบชิ่งออกไปจากจุดนี้หากเพียงแค่พลิกตัวทุ่นน้ำหนักเกือบหกสิบกิโลก็โถมทับลงมาบนหลัง จงอินยังไม่ทันคนข้างบนก็กดกลางกำปั้นเข้ากับขมับเขาแล้วเริ่มปั่นอย่างไม่ยั้งมือ!
“เจ็บ! แบคฮยอน อ๊ากกกกก เจ็บนะ”
“น้องเลว แกกล้าดียังไงถึงทำให้ชานยอลมีแผล!”
“โอ๊ย เจ็บ โอ๊ย ก็มันอยากงี่เง่าทำไมล่ะ”
“เถียงอีก!” ขยุ้มผมดกหนาแล้วทึ้งให้อีกสองทีซ้อน จงอินครางซี้ด ถ้าผมเขาร่วงหมดหัวจงอินจะโทรไปฟ้องคุณลุงจริง ๆ ด้วย
“มันจริงนี่ ไอ้ชานมันทำให้พี่เสียใจนะโว้ย ผมสั่งสอนมันแค่นั้นยังน้อยไปด้วยซ้ำ”
“น้อยที่หน้าแกน่ะสิ! ชานยอลเค้าไม่รู้เรื่องเค้าจะเข้าใจผิดมันก็ไม่แปลก แต่แกน่ะรู้เรื่องทุกอย่างแทนที่จะเข้าใจแล้วคุยกันดี ๆ ดันไปต่อยเค้า ไอ้น้องเลว ดำแล้วยังป่าเถื่อน” คนที่เพิ่งใช้กำลังเล่นงานน้องชายไปหมาด ๆ ใช้คำว่าป่าเถื่อนได้อย่างไม่สะทกสะท้าน จงอินจิ๊ปาก ใช้แรงที่เหนือกว่าพลิกให้พี่ชายตัวเล็กหงายหลังลงแทนที่ส่วนตัวเองนั้นทิ้งตัวทับ ยึดเอาพุงนุ่มนิ่มเป็นหมอนเพื่อป้องกันการโจมตีระลอกสอง
“ปล่อย จะไปอาบน้ำ”
“ไม่ให้ไป”
“หน้ายังไม่ได้ล้างฟันก็ยังไม่ได้แปรงเลยเนี่ยเห็นไหม”
“ช่างมันเถอะน่า ผมง่วงแล้ว จะนอน”
“สกปรก มาจากข้างนอกแล้วขึ้นเตียงคนอื่น น้ำก็ไม่อาบ” จงอินเถียงว่าเพิ่งอาบมาจากบ้าน วันนี้เขาไม่มีธุระที่ไหนตั้งใจจะนอนทั้งวันแล้วก็นอนที่ห้องนี้ด้วย ว่าแล้วชายหนุ่มก็ขยับขึ้นเบียดแย่งพื้นที่ดึงหมอนมาหนุนหนึ่งใบอีกใบแย่งจากแบคฮยอนมากอดไว้ งึมงำว่ายังไม่ได้กินข้าวเช้า หิว อยากกินนั่นอยากกินนี่ แบคฮยอนพ่นลมขึ้นจมูกเหยียบลงบนเอวหนาแล้วก็กระโดดลงจากเตียงโดยไม่สนใจเสียงร้องของผู้เคราะห์ร้าย
“สรุปก็คือยังไม่มีอะไรคืบหน้า” คนพูดเท้าสะเอวมองหน้าคนฟัง พอแบคฮยอนชี้ไปยังกระทะอี้ชิงก็ใช้ตะหลิวกลับเนื้อแซลมอนเสียหนึ่งครั้งแล้วก็หันมารอคำตอบต่อ “ว่ายังไง ตอนนี้ก็ยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง”
“ก็ไม่เชิงว่าเหมือนเดิม ได้ซ้อนท้ายแล้วไง”
“แต่สถานะก็ยังเป็นเพื่อนเหมือนเดิม อาจจะสนิทกันมากขึ้นแต่ก็เอาไปอ้างว่าพิเศษกว่าคนอื่นไม่ได้ ใครจะรู้ลับหลังแบคฮยอนชานยอลอาจพาคนอื่นซ้อนก็ได้ เจ้าตัวก็ไม่เคยบอกไม่ใช่หรือว่าสงวนสิทธิ์ไว้ให้คุณแบคฮยอนคนเดียว อยู่ ๆ วันหนึ่งเค้าพาคนอื่นซ้อนรถผ่านหน้าไปแบคฮยอนจะทำยังไง” คุณแบคฮยอนหันหน้าหนี แค่คิดภาพตามยังรู้สึกหงุดหงิดเลยเถอะ ชานยอลคงไม่ทำแบบนั้นหรอกนะ ถ้าทำจริงแบคฮยอนต้องช้ำใจตายซ้ำสองแน่ ๆ
“แถมตอนนี้ยังไม่ได้ทำงานด้วยกันอีก บ้านอยู่คนละทาง เรียนคนละคณะ เพื่อนฝูงคนละกลุ่ม คู่แข่งตัวสำคัญยังไม่ยอมแพ้ เฮ้อ เราว่ามันไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะ”
“แล้วจะต้องทำยังไง ขอเป็นแฟนไปเลยดีไหมงั้น”
“ทำได้เลยก็ดี”
“บ้า เพิ่งคุยกันได้เท่าไหร่เอง สองเดือนขาดเกินนิดหน่อย” พูดไปงั้นแหละ จริง ๆ แล้วอยากขอคบตั้งแต่แรกพบสบตาเลยด้วยซ้ำติดตรงที่ว่าคุณหนูยังไม่มีความมั่นใจมากพอ ไม่ใช่ไม่มั่นใจในตัวเองนะ ไอ้เรื่องรักชานยอลน่ะ แบคฮยอนรู้ใจตัวเองดีตั้งแต่แรกพบในเช้าวันนั้นแล้วแต่หัวใจอีกฝ่ายยังเป็นปริศนา ชานยอลดีด้วยมันก็ใช่อยู่หรอกติดที่ว่าชานยอลเป็นคนดี มีน้ำใจกับเพื่อนร่วมโลกอยู่แล้ว แบคฮยอนกลัวว่าถ้าสารภาพไปแล้วอีกฝ่ายไม่คิดอะไรด้วย หนนี้แม้แต่ความหวังมันจะไม่เหลือให้หลอกตัวเองได้อีกเลย
อี้ชิงหยิบขวดเกลือมาโรยบนเนื้อปลาจากนั้นก็ตักใส่จานรอง
“ตีเหล็กมันต้องตีตอนร้อน ๆ เหมือนปลาพวกนี้แหละ จะกินก็ต้องตอนร้อน ๆ ปล่อยไว้นานแมวขโมยมันสอยไปพอดี” คุณหนูงุนงงกับตรรกะในจานอาหารจนปิดสีหน้าไม่มิดคุณแม่คนสวยเลยหัวเราะร่า เอาเข้าจริงอี้ชิงก็ไม่ได้อยากพูดอะไรลึกซึ้งหรอก เธอเองก็ออกจะงงกับคำคมที่นึกออกอย่างปัจจุบันทันด่วนนั้นแต่เธอคิดว่าตัวเองมองออกว่าชานยอลรู้สึกอย่างไรกับแบคฮยอน
เหตุการณ์ในห้องสมุดวันก่อนยังติดตา
ใครว่าอี้ชิงอยากไปห้องน้ำ เธอเห็นชานยอลเดินขึ้นบันไดมาเลยแกล้งหลบฉากเปิดโอกาสให้ทั้งคู่คุยกันต่างหาก แบคฮยอนวิ่งหนีไปแล้วชานยอลยังอยู่ตรงนั้นอีกเป็นนาน ได้เห็นสีหน้ากังวลสายตาห่วงใยแล้วก็ท่าทางเป็นทุกข์ของเด็กวิศวะแล้วอี้ชิงฟันธงได้เลยว่าชานยอลตกหลุมพรางคุณหนูตัวร้ายไปแล้วเรียบร้อย แต่อี้ชิงก็คิดเหมือนจงอิน เรื่องทำนองนี้ควรให้เจ้าตัวเปิดใจพูดกันเอง ไม่อย่างนั้นทั้งคู่ก็จะติดนิสัยชอบเก็บความรู้สึก ฝ่ายหนึ่งเจียมตัวด้วยฐานะด้อยกว่าจึงไม่กล้าแสดงออก อีกฝ่ายแสนมั่นแต่กลัวเค้าไม่รักเลยยังไม่กล้าพูด ทิ้งไว้นานก็คงไม่ค่อยดี ไหนจะมือที่สามไหนจะความห่างไกล จะพูดแทนก็ไม่สมควร เธอเลยได้แต่คอยยุอยู่ข้างหลังแบบนี้
“ชักช้าระแวงแมวแถวร้านหนังสือจะคาบไปก่อน”
“ชานยอลไม่ชอบหรอก” คนว่าทำปากง้ำ ชานยอลปฏิเสธไปแล้ว โชรงหมดสิทธิ์นะ!
“ใครจะรู้ น้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อน ขนาดแบคฮยอนที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้จักมาก่อนพอได้อยู่ใกล้ทุกวันชานยอลยัง...เอ่อ...ยังยอมเปิดใจจนได้เป็นเพื่อนกันเลย ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน อย่าประมาทดีกว่านะคะคุณหนู” คุณหนูหวั่นไหวยกกำลังสิบ ลงแรงกับสลัดในจานแก้วจนผักแทบช้ำ อี้ชิงแย่งมาตักแบ่งใส่ถ้วยเล็ก ปากก็ยังไม่หยุดสุมไฟ “ผู้ชายแบบชานยอลไม่ใช่จะหาได้ทั่วไป หน้าตาหล่อ รูปร่างดี นิสัยเลิศ คู่แข่งอาจไม่ได้มีแค่ปาร์คโชรง”
“ก็เรากลัว ผลีผลามพูดอะไรออกไปถ้าเกิดชานยอลปฏิเสธกลับมาจะทำยังไง” คุณแบคฮยอนผู้มาดมั่นเสียงสั่นให้อี้ชิงได้ยินเป็นบุญหู คนเป็นเพื่อนไม่อยากเข้าใจก็ต้องเข้าใจ เถอะ รักมากก็กลัวมากอย่างนี้แหละ เธอเองก็เคยผ่านจุดนี้มารู้ดีว่ามันชวนให้ทั้งกล้าและกลัวมากแค่ไหน เดี๋ยวพอถึงจุดที่ทนไม่ไหวไอ้ความกลัวที่เคยมีรับรองได้กระจายไปในอากาศ แบคฮยอนจะไปถึงจุดนั้นได้ยังไงนี่สิปัญหา
“โอเค กินข้าวกันก่อน เดี๋ยวท้องอิ่มก็คิดออกเองแหละ” อี้ฝานตามกลิ่นหอมของสเต็กแซลมอนเข้ามาถึงในครัว คุณพ่อพี่อี้ฝานบอกว่าลูกชายเพิ่งหลับไปเลยตั้งใจจะเข้ามาช่วยคุณแม่ สามีภรรยาเค้าช่วยกันลำเลียงชุดจานชามมาจัด หยิบนั่นส่งนี่ให้กันโดยไม่ต้องคอยบอก แบคฮยอนมองครอบครัวสุขสันต์ด้วยความรู้สึกชื่นชมปนอิจฉา เหอะ อย่าให้ถึงคราวเขาบ้างจะหวานกับคุณแฟนให้อิจฉาไปถึงขั้วโลกใต้เลย!
“เสียดายนะจงอินไม่อยู่ทานข้าวเย็นด้วยกัน อุตส่าห์ซื้อปลาแซลมอนมาให้” ลูกพี่ของจงอินรินน้ำดื่มให้เจ้าบ้านทั้งสอง คิดถึงธุระด่วนของน้องชายแล้วก็เริ่มสงสัยอีกรอบ
“ไม่รู้รีบไปไหน ขนาดยอมทิ้งของโปรดได้นี่คงเป็นเรื่องสำคัญ”
“ไปหาแฟนหรือเปล่า?” อี้ฝานยิ้มถาม แบคฮยอนให้คำตอบได้ทันที
“ไม่นะครับ จงอินยังไม่มีแฟน”
“รู้ได้ยังไง เราไม่ได้ตัวติดกับหมอนั่นตลอดเวลา จงอินเองก็โปรไฟล์ไม่ใช่ย่อย ๆ อาจมีคนที่ชอบพอกันอยู่ก็ได้” คุณหนูคีบเนื้อปลาเข้าปาก ตอบไม่ถูกเหมือนกันว่าถ้าน้องชายคนสนิทมีแฟนโดยไม่บอกเขาจะรู้สึกยังไง “เรื่องจงอินน่ะปล่อยไปก่อนเถอะ ตอนนี้เอาเรื่องตัวเองให้รอดก่อน มัวแต่ห่วงเรื่องแฟนน้องเดี๋ยวจะไม่มีแฟนตัวเองให้ห่วง”
“มีแล้วไง เป็นแฟนกันมาตั้งนานแล้ว”
“เป็นฝ่ายเดียวประเทศไหนเค้านับกัน”
“พี่อี้ฝาน ภรรยาพี่ชอบทำลายกำลังใจคนอื่นอ่ะ แย่ ๆ ๆ” ถึงแบคฮยอนจะกล่าวหาอี้ชิงอย่างนั้น อี้ฝานก็ยังมองภรรยาด้วยความรักและเอ็นดูอย่างเต็มเปี่ยมอยู่ดี คุณแบคฮยอนตีหน้าหน่ายใส่ถ้วยซุป มองสองสามีภรรยาตักกับข้าวให้กันอย่างเซ็ง ๆ เบื่อจริงพวกรักกันหวานชื่นเนี่ย เลี๊ยนเลี่ยนเหอะ
เมื่อตอนเย็นแบคฮยอนมาพร้อมกับจงอิน ตอนนี้เหลือแค่แบคฮยอนคนเดียวเพราะไอ้น้องชายคนดีมันชิ่งไปธุระพร้อมกับรถคันที่ขับมา อี้ชิงอาสาขับรถไปส่งให้ถึงคอนโดและแบคฮยอนก็ไม่ปฏิเสธ คุณแม่ลูกหนึ่งมารู้จุดประสงค์เพื่อนตอนที่เธอเคลื่อนรถสามีออกจากบ้านและผู้โดยสารยิ้มบอกจุดหมายปลายทาง
“ไปร้านดอกไม้กัน”
“จะสามทุ่มแล้ว ทันหรือ?” แบคฮยอนยืนยันว่าทันแน่นอนอี้ชิงก็ตามใจ ไม่ถามด้วยซ้ำว่าจะไปทำไม ก็แหม เป้าหมายแทบจะโดดออกมาจากดวงตาเรียวระยับนั่นอยู่แล้วจะเสียเวลาถามทำไม เลี้ยวรถไปตามเส้นทางที่คุณหนูบอก สิบห้านาทีหลังจากนั้นอี้ชิงก็พารถมาจอดชิดทางเท้าฝั่งตรงข้ามกับร้านดอกไม้ของคิมจุนมยอน ทั้งสองมองผ่านกระจกใสเข้าไป เพียงแค่เห็นร่างสูงคุ้นตาผ่านประตูออกมาแบคฮยอนก็เปิดประตูพุ่งออกไปยืนบนทางเท้าด้วยความเร็วแสง อี้ชิงส่ายหน้าในเงาสลัว ตอนอยู่ในรถก็ดี๊ด๊าน่าหยิกพอลงไปเหยียบพื้นได้โหมดคุณหนูบยอนก็ทำงานปั๊บ ไว้ท่าแม้แต่ตอนทักทายกันแบบนั้นล่ะสิชานยอลยังได้ไม่กล้ารุก
ได้เวลาปิดร้านแล้ว
ชานยอลเปิดประตูออกมาเพื่อจะกลับด้านป้ายหน้าร้าน ชายหนุ่มเขม้นมองเมื่อเห็นใครบางคนกำลังโบกมือให้จากฝั่งตรงข้าม พอเห็นชัดว่าเจ้าของรอยยิ้มละมุนนั้นคือคุณแบคฮยอนเขาก็มองซ้ายมองขวาแล้วก็เดินแกมวิ่งข้ามถนนไปหา คุณแบคฮยอนไปไหนมา ค่ำมืดป่านนี้แล้วทำไมคุณหนูยังไม่กลับบ้าน รถที่จอดอยู่ตรงนั้นเป็นรถของใคร ทำไมเขาไม่เคยเห็น ในใจชายหนุ่มมีแต่คำถามมากมายเต็มไปหมดและมันก็เฉลยง่าย ๆ เมื่ออี้ชิงยื่นหน้าออกมาจากตำแหน่งคนขับ
แบคฮยอนส่งยิ้มให้คนตัวโตอย่างไม่หวง ความน่ารักสดใสมีในตัวเท่าไหร่ยกให้แบบไม่กั๊ก คนได้รับจึงอดใจไม่อยู่ยิ้มตอบกลับพร้อมเสียงถามอ่อนโยน
“ไปไหนกันมาครับ”
“ไปทานข้าวที่บ้านอี้ชิง กำลังจะกลับบ้าน ผ่านทางนี้เลยแวะมาหา” ...คิดถึง คนเพิ่งแยกกันตอนตีหนึ่งเมื่อคืนมีสิทธิ์คิดถึงกันไหมนะ อยากถามชานยอลจัง “กำลังจะปิดร้านหรือ คุณจุนมยอนล่ะ?”
“อยู่ข้างในครับ กำลังจัดตะกร้าดอกไม้ให้ลูกค้า”
“อีกนานไหมกว่าจะเสร็จ”
“ไม่น่าจะนานครับ”
“งั้น กลับด้วยกันไหม เดี๋ยวอี้ชิงไปส่ง” อี้ชิงไม่รังเกียจจะไปส่งคนหล่อนะแต่งานนี้เธอรู้สึกเหมือนถูกเพื่อนใช้เป็นเครื่องมือชอบกล
“ไปด้วยกันสิชานยอล คนชวนจะได้ไม่เสียความตั้งใจ”
คนหล่อของแบคฮยอนยิ้มสุภาพ เอ่ยขอบคุณอี้ชิงแล้วก็ปฏิเสธอย่างนุ่มนวล
“ผมนัดเพื่อนไว้หลังจากนี้ครับ” กลีบปากบางเม้มเข้าหากัน ชานยอลผู้รักสันโดษก็มีนัดในคืนวันเสาร์เหมือนกันสินะ คุยกันอีกครู่เดียวยังไม่ทันหายคิดถึง แบคฮยอนยังไม่อยากบอกลาสักนิดตอนชานยอลขอตัวกลับไปทำงานต่อ คุณหนูพยายามนึกหาข้ออ้างที่จะให้การพบกันครั้งต่อไปมาถึงให้เร็วที่สุด เป็นธรรมชาติที่สุด คิดยังไม่ถึงไหนประตูร้านดอกไม้ก็เปิดออก คนที่เกาะขอบประตูและมองตรงมาทำเอาระบบความคิดแบคฮยอนกลายเป็นอัมพาตไปในทันที ไม่ใช่คิมจุนมยอนอย่างที่เข้าใจตอนแรก
ปาร์คโชรงมาทำอะไรที่นี่ เวลานี้!
ดวงตาเรียวตวัดมองคนตัวโตกว่าแต่ชานยอลกลับเอ่ยคำลาแล้วก็วิ่งไปจากแบคฮยอน ต่อหน้าต่อตาแบคฮยอนร่างสูงหายเข้าไปในร้านพร้อมโชรง คุณหนูสาวเท้าตามแต่อี้ชิงสกัดพลังไว้ได้ทัน คุณแม่ลูกหนึ่งลากกลุ่มลมสลาตันเข้ามายัดไว้ในรถ กำกับด้วยคำสั่งเด็ดขาด
“หยุด อย่าวู่วาม”
“ยัยแม่มดนั่น” เสียงใสเค้นผ่านไรฟัน สองตาเป็นประกายวาบวับยามมองตรงไปยังจุดที่โชรงเคยยืนอยู่ อี้ชิงคาดเข็มขัดนิรภัย ความคิดหนึ่งผ่านวูบเข้ามาในสมอง คุณแม่คนสวยสะบัดบ็อบเชิด ๆ ย้ำเสียงเย็น
“ผิดจากที่เราบอกไหม คู่แข่งเบอร์หนึ่งไม่ยอมแพ้แล้วยังมีพวกที่แฝงเงามืดรอโอกาสเสียบอีกเป็นสิบเป็นร้อย คิดถูกแล้วหรือที่จะใจเย็นต่อไป”
คุณแบคฮยอนทอดร่างอยู่ในอ่างอาบน้ำ อุณหภูมิค่อนข้างสูงขับให้ผิวขาวกลายเป็นสีชมพูระเรื่อ กลิ่นดอกลาเวนเดอร์ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดในระบบประสาท มือเล็กคว้าลูกเป็ดสีเหลืองมาบีบพ่นน้ำเล่นจนพอใจแล้วก็โยนออกไปนอกอ่าง ปล่อยร่างให้ความร้อนช่วยบรรเทาความเมื่อยล้าจนถึงเวลาสมควรก็ลุกขึ้นล้างตัวอีกครั้ง คุณหนูสวมชุดคลุมเนื้อนุ่มที่แม่บ้านเตรียมไว้ให้ เดินเช็ดผมออกมาจากโซนเปียก ตู้เสื้อผ้าแบบฝังลึกไปในผนังถูกเลื่อนเปิดออกดวงตาเรียวมองไล่ไปจนสุดแนว ทุกชุดได้รับการทำความสะอาดและรีดเรียบพร้อมใช้ มือขาวดึงชุดเอี๊ยมยีนส์ขายาวกับเสื้อยืดแขนยาวสีฟ้าอ่อนออกมา ลองทาบตัวแล้วส่องกระจก ตบท้ายด้วยรอยยิ้มพอใจ
เสียงโทรศัพท์ดังจากหนึ่งในสามเครื่อง เป็นเครื่องที่บันทึกเบอร์คนสนิทไว้ แบคฮยอนแขวนชุดที่จะใส่ไว้หน้ากระจกบานยาว หยิบโทรศัพท์มากดรับสายสั้น ๆ
( กินข้าวหรือยัง? )
“กินแล้ว นายล่ะ?”
( กินแล้วเหมือนกัน คืนนี้ผมมีนัดคงไม่ได้ไปหานะ ) คนเป็นพี่เหยียดยิ้มเพียงลำพัง
“นัดสาวไว้หรือไง”
( เปล่า บังเอิญเจอเพื่อนคณะเลยจะไปดื่มกัน )
“แล้วไป อย่าให้รู้นะว่าแอบมีแฟนแล้วปิดบัง นายตายแน่คิมจงอิน” แบคฮยอนก็ขู่ไปอย่างนั้นแหละ เป็นความเคยชินของผู้ที่มีอำนาจเหนือกว่าเสมอมา ยิ่งคนน้องอึกอักปฏิเสธมาอีกคนตัวเล็กก็ยิ่งยิ้มกว้าง มันมีพิรุธจริง ๆ ด้วย “ตกลงไม่มาค้างนะ มีอะไรอีกหรือเปล่าถ้าไม่มีจะไปแต่งตัวต่อ”
( แต่งตัว? จะออกไปไหนตอนสองทุ่ม )
“ทำไม นายยังมีนัดได้ ฉันก็มีนัดของฉันบ้างสิ” ปลายสายเงียบไปจนแบคฮยอนต้องกระตุ้น จงอินบอกให้ระวังตัวแล้วก็วางสายไป คุณหนูโยนอุปกรณ์สื่อสารลงบนเตียงกลับไปเตรียมความพร้อมหน้ากระจกต่อ เสียงฮัมเพลงแผ่วเบาดังขึ้นตลอดครึ่งชั่วโมงนั้น
แบคฮยอนหยุดความเร็วของเบนซ์สีขาวเมื่อถึงจุดหมาย คนตัวเล็กหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก พูดคุยกับปลายสายไม่กี่คำก็จบการสนทนา ดวงตาเรียวยาวมองนิ่งเพียงกระจกใส ภาพความเคลื่อนไหวไกล ๆ นั้นคือคนที่อยากเจอไม่ผิดแน่นอน ร่างเล็กลงจากรถ ทิ้งสมบัติทุกชิ้นไว้ในยานพาหนะเพราะสิ่งจำเป็นสำหรับตอนนี้คือตัวกับหัวใจเท่านั้น เสียงกระดิ่งลั่นกราวเมื่อคนตัวเล็กผลักบานประตูเข้าไป ชายหนุ่มเพียงคนเดียวในร้านเดินผ่านฉากกั้นออกมา
“ร้านปิดแล้วครับ” พอเห็นแบคฮยอนยืนยิ้มอยู่ใกล้ชั้นวางกระถางแคคตัสฝ่ายนั้นก็ทำหน้าแปลกใจ
“เปิดต่ออีกนิดไม่ได้หรือ อยากได้ดอกไม้สักช่อ” ชานยอลสืบเท้าใกล้เข้ามาจนแบคฮยอนมองแพขนตาดกหนาได้ชัด
“พี่จุนมยอนกลับไปแล้วครับเหลือแต่ผมคนเดียว”
“ชานยอลทำให้หน่อยได้ไหม”
“จะดีหรือครับ ผมเป็นแค่ผู้ช่วย” คุณหนูขยับเข้าใกล้จนชานยอลได้กลิ่นลาเวนเดอร์หอมอ่อน ชายหนุ่มถอยเท้าแต่แบคฮยอนคว้าแขนอีกฝ่ายไว้ไม่ลืมออดเสียงอ่อน
“น่า เราคิดมาแล้วว่าอยากได้แบบไหน ชานยอลทำตามที่เราบอกก็พอ ตกลงนะ” คนเคยใจแข็งมายี่สิบปีบทจะใจอ่อนก็ต้องมาอ่อนเพราะคน ๆ เดิม ชานยอลหลีกทางให้เมื่อคุณแบคฮยอนเริ่มสำรวจหาดอกไม้ที่ต้องการ ร่างเล็กก้าวช้า ๆ ไปรอบร้าน สิ่งที่ต้องการแบคฮยอนรู้แล้วว่าคืออะไรและอยู่ตรงไหน แต่ในอกนี้ หัวใจกำลังทำงานหนักแบคฮยอนจึงอยากให้มันผ่อนคลายอีกสักหน่อย
ชานยอลเองก็ยืนรออย่างอดทน ดวงตาคมหวานมองตามต้นตอกลิ่นหอมที่หอมยิ่งกว่าดอกไม้ทั้งร้าน แบคฮยอนแตะปลายนิ้วไปตามขอบชั้นไม้สีขาว กระถาง ก้านดอกสีเขียว ตั้งอกตั้งใจกับการชื่นชมทุกพันธุ์ไม้งาม สุดท้ายมือขาวก็ดึงดอกทานตะวันที่เสียบอยู่ในแจกันทรงสูงขึ้นมา ชานยอลนึกสงสัยเพราะเขาจำได้ว่าจุดนั้นไม่เคยมีแจกันหรือดอกทานตะวันวางไว้ หากกลีบปากอ่อนบางที่แย้มยิ้มพอใจบังคับให้ชายหนุ่มลืมหาคำตอบ แบคฮยอนมาหยุดยืนตรงหน้ายื่นดอกไม้ดอกเดียวให้เขาและขอร้องอย่างสุภาพ
“ช่วยผูกริบบิ้นให้หน่อยนะครับ” ชายหนุ่มรับดอกไม้แห่งแสงอาทิตย์มาถือไว้ วางบนแผ่นรองบนโต๊ะกลางร้าน เขารู้สึกเหมือนมีหลุมดำขนาดใหญ่หมุนวนอยู่ในอกเมื่อสมองจินตนาการถึงผู้โชคดีที่จะได้รับดอกไม้ดอกนี้ ชานยอลมือไม้เย็นเฉียบหากยังสามารถทำงานได้ดี
“ต้องการริบบิ้นสีอะไรครับ”
“สีเงิน เอาเส้นนี้” ริบบิ้นสีเงินเส้นใหญ่พอผูกรอบก้านแข็งแรงแล้วก็กลายเป็นโบว์เดี่ยวสุดเก๋ คุณหนูร้องว้าว รอจนพนักงานตัวโตตัดแต่งปลายริบบิ้นเรียบร้อยแบคฮยอนก็ได้ดอกทานตะวันที่งามสง่าแข็งแกร่งและสวยเก๋ที่สุดไว้ในมือ
ดอกทานตะวันไม่ได้หอมเหมือนกุหลาบมะลิหรือกล้วยไม้แต่แบคฮยอนก็อดยกขึ้นจูบไม่ได้ คนตัวเล็กมองกลีบสีเหลืองสดอย่างพิจารณา รอจนชานยอลกำจัดเศษขยะเรียบร้อยแล้วก็เดินไปหยุดตรงหน้า
“ขอบคุณนะ”
“ยินดีครับ” รอยยิ้มบางเบากระตุกใจคนมองได้อีกหน แบคฮยอนก้มหน้าต่ำโชว์เพียงเรือนผมนุ่มแก่สายตาคู่คมและชานยอลก็มองเพลินจนใบหน้าเรียวสวยเงยขึ้น ลูกแก้วสีเข้มวาววามคล้ายว่ามีหยาดน้ำคลอคลอง แบคฮยอนสูดลมหายใจเข้า ยื่นดอกไม้ดอกเดียวนั้นออกไป
“ให้ชานยอลนะ”
“ครับ?”
“เราให้”
“ให้ผม?”
คุณหนูไม่ตอบ ไม่พยักหน้า ไม่ทำอะไรทั้งสิ้น แบคฮยอนเอาแต่จ้องริมฝีปากสีเข้ม ใบหน้ายังเรียบเฉยหากดวงตาไหวระริก ไม่ต้องถามถึงหัวใจถ้าทะลุอกออกมาเต้นได้คงทะลุออกมาแล้ว ทว่าให้ขลาดเขินยังไงแบคฮยอนก็ไม่คิดจะหนีอีกต่อไป
“เราชอบชานยอล”
ทั้งดอกไม้ช่อนี้ ทั้งหัวใจดวงนี้ เราให้ทั้งหมดเลย
“เป็นแฟนเรานะ”
#lovelycb
Lovely, you’re lovely
My darling can’t you see
All that really matters is You’re lovely to me
You’re Lovely to me
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ฮืออออยากให้น้องสมหวังมากๆอต้าวแง
รู้กอิชั้นเองค่าาาา T/////T
โอ๊ยยยยยยยยยยแม่ ตาเหลือกหนักมาก