ตอนที่ 28 : Lovely you : เธอน่ารัก ตอนยี่สิบแปด
“ชีวิตเด็กพาร์ทไทม์ก็เหลืออีกแค่วันเดียวเองสิงั้น”
“อือ”
“หลังจากนี้แบคฮยอนก็จะว่างทุกเย็นแล้วสิ”
“อือ”
“ดีใจไหม?”
“อือ”
“เสียใจไหม?”
“...................” อี้ชิงจิ๊ปากใส่หางตาเรียว ไม่ยักกะหลงกลแฮะ เห็นเอาแต่เหม่อนึกว่าอะไรก็จะอือ ๆ ๆ ไปหมดเสียอีก คุณแม่ลูกหนึ่งเดินไปอีกแถวของชั้นหนังสือ ไล่ปลายนิ้วไปตามสันหนังสือปากก็ยังไม่หยุดชวนคุย
“เมื่อกี้เราเจอชานยอลด้วยนะ” อี้ชิงชำเลืองมองใบหน้าเรียว อาการเม้มปากทันทีแบบนั้นก็ถือว่าเป็นปฏิกิริยารับรู้ได้เช่นกัน “ถามถึงแบคฮยอนด้วย คุณแบคฮยอนมาเรียนหรือเปล่าครับ ไม่สบายหายหรือยัง แหมะ ท่าทางเป็นห่วงจริงจัง”
“คนดีนี่นา เพื่อนไม่สบายก็ต้องห่วง เป็นธรรมดา” อี้ชิงถอนใจเฮ้อยาว ๆ
“เป็นอะไรมากไหมเนี่ย”
“ก็ไม่ได้เป็นอะไร”
“นี่ แบคฮยอน รู้ตัวหรือเปล่าว่าตั้งแต่เกิดเรื่องเนี่ยนายเหมือนลืมชาร์ตแบตฯ ตัวเองก่อนออกจากบ้าน เราเข้าใจนะว่าคนเรามีเรื่องทุกข์ใจก็ต้องหม่นหมองซึมเศร้าแต่ถ้าเราเอาแต่ขังตัวเองอยู่ในความอึมครึม ไม่ยอมอัพอารมณ์ให้ชื่นบาน อาการมันก็จะหายช้า ยิ่งนานยิ่งทรมาน อย่างแบคฮยอนยิ่งนานยิ่งหมอง บอกตามตรงเราชอบคุณแบคฮยอนที่เก๋เลิศเชิดหยิ่ง เพี้ยนนิดหน่อย มั่นใจจนมองไม่เห็นหัวใครคนเก่ามากกว่า” เจ้าของคุณสมบัติที่ว่ามาหลุดเสียงหัวเราะอย่างสุดจะกลั้น อี้ชิงแอบเหน็บได้แนบเนียนมาก
“ขอบคุณนะที่เป็นห่วง เราเป็นแบบนี้อีกไม่นานหรอก เดี๋ยวก็ดีขึ้น” แบคฮยอนบอก ความสุขุมเยือกเย็นหลงเหลือมาจากเศษซากความผิดหวังทำให้แบคฮยอนที่เคยร่าเริงสดใสดูแปลกไป คนอื่น ๆ อาจไม่ทันสังเกตหรือสังเกตเห็นแต่ไม่กล้าทักท้วงทว่าอี้ชิงไม่ยอมทน
“อีกเดี๋ยวน่ะนานแค่ไหน” คราวนี้เป็นแบคฮยอนที่ถอนใจ
“มันตอบได้ด้วยหรือเรื่องแบบนั้น” อี้ชิงขยับจะเถียงแต่ก็เผยอปากค้าง คุณแม่ลูกหนึ่งกระแอมในคอเอ่ยเสียงเบากว่าเดิม
“จะว่าไปเห็นความห่วงใยที่ชานยอลแสดงออกแล้วถ้าเราเป็นแบคฮยอนเราอาจจะมีความหวังขึ้นมาอีกครั้งนะ คนเราถ้าไม่มีใจให้จะคอยถามไถ่ทุกข์สุขทำไม” แบคฮยอนไม่ตอบ เขาคิดหาคำตอบไม่ทันและอี้ชิงก็รวบรัดตัดบทขอไปเข้าห้องน้ำ เสียงบ่นกระปอดกระแปดว่าพักนี้เสี่ยวชิงไม่ค่อยเจริญอาหารไม่รู้ตอนนี้สามีหัวเกรียนจะป้อนข้าวลูกหรือยังลอยหายไปพร้อมเจ้าตัว คุณหนูถอนหายใจยาว ลุกจากโต๊ะเพื่อไปหามื้อกลางวันทานเสียที บ่ายโมงกว่าแล้ว โรงอาหารคนโล่งมากกว่าตอนเที่ยงแบคฮยอนชอบเวลานี้มากกว่าตอนแย่งกันกินแย่งกันซื้อ อีกอย่างจิตใจเขาไม่สงบพอจะรับเสียงจ๊อกแจ๊กจอแจได้ เกิดใครมาทำตัวน่ารำคาญใกล้ ๆ ไม่แคล้วได้ทุ่มเก้าอี้ใส่ให้
“คุณแบคฮยอนครับ” นั่นไง คิดไม่ทันจบ ความน่ารำคาญอีกอย่างก็มา
“มีธุระกับผมหรือครับ?”
“เสาร์นี้จะมีงานเปิดตัวธุรกิจใหม่ของครอบครัวผม ผมอยากชวนคุณไปด้วยกัน”
“ขอบคุณที่เชิญนะครับแต่คงไม่สะดวก ผมไม่รู้จักกับครอบครัวคุณ” ไม่ได้สนิทกับนายด้วย “แต่ยังไงก็ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ ขอให้งานผ่านไปด้วยดี”
“เรื่องไม่รู้จักนั่นตัดไปได้เลยครับ คุณพ่อผมรู้จักคุณพ่อคุณดี พ่อชื่นชมคุณบยอนมากถ้ารู้ว่าคุณไปร่วมงานพ่อต้องดีใจมากแน่” ชื่นชมพ่อแล้วมันเกี่ยวอะไรกับลูก อยากจะจีบก็กลับไปเรียนการเชื่อมโยงมาใหม่ไป ไม่อยากจะเสวนา
“ผมไม่สะดวกจริง ๆ ครับ”
“โธ่ คุณแบคฮยอน ให้โอกาสผมสักหน่อยเถอะครับ”
“ผมบอกว่า...”
“ขอโทษนะครับ” ท่าทีเบื่อหน่ายของคุณหนูบยอนหายเป็นปลิดทิ้ง แทนที่ด้วยอาการเกร็งขึ้นมาทั้งหลังทั้งไหล่ ดวงตาคู่เล็กกลอกไปมาผิดลุคคุณหนูผู้เคยมั่นใจเกินร้อยคนละขั้ว ทำไมนะ ทำไมความสามารถในการปั้นหน้าของคุณแบคฮยอนถึงได้เสื่อมถอยไปอย่างน่าโมโห แบคฮยอนเคยทำได้ดีกว่านี้ อย่างน้อยก็ไม่เคยถอยกรูดออกห่างจากชานยอลอย่างที่เพิ่งทำ
“คุณยืนบังหน้าร้านอยู่ถ้าไม่ซื้อช่วยหลบไปหน่อยได้ไหม”
“ก็ไปร้านอื่นก่อนสิ คนคุยกันอยู่ไม่เห็นหรือไง ไม่มีมารยาท”
“พื้นที่ตรงนี้เป็นของส่วนรวมนะคุณ”
“เอ๊ะ ก็บอกว่า...”
“กรุณาหลบไปด้วยครับ”
“เฮ้ย แกเป็นใครวะ!” จากที่เป็นคนถอยหนีกลับต้องแทรกเข้าไปขวาง กังวานเสียงใสตัดสินสั่งเฉียบขาด
“คุณไปเถอะครับ พวกเรายืนเกะกะขวางทางคนอื่นจริง ๆ เรื่องงานผมยืนยันอีกครั้งว่าไม่สะดวก ขอบคุณที่เชิญนะ ผมขอตัว” ร่างเล็กผละมาอย่างไร้ความอาวรณ์ เร่งฝีเท้าก้าวมาหยุดที่ร้านริมสุด ไม่ได้คิดมาก่อนหรอกว่าจะทานร้านนี้คิดแต่ว่าอยากไปให้ไกลจากใครบางคนก็พอ สั่งรายการแรกที่คิดออกไปแล้วก็ถอยออกมายืนรอ พอใจกล้าขึ้นมาหน่อยก็ค่อยหันไปมองทางเดิม ปาร์คชานยอลไม่ได้อยู่ที่เดิมแต่ตามคุณแบคฮยอนมาถึงที่นี่! หันกลับไปเจอกรอบร่างสูงใหญ่ยืนต่อแถว คุณแบคฮยอนเกือบจะทรุด รีบหันกลับทางเดิมแทบไม่ทัน
“ทำไมถึงอยู่คนเดียวล่ะครับ? คุณอี้ชิงไปไหน?”
“อี้ชิงไปห้องน้ำ” ตอบไม่เต็มคำ ต่างกับเมื่อครู่นี้ลิบลับ
“คนนั้น เค้าทำแบบนี้กับคุณบ่อยหรือเปล่า?”
“ไม่ ปกติก็แค่ทักทายเฉย ๆ ไม่เคยตื้อหนักอย่างครั้งนี้”
“ระวังตัวไว้หน่อยก็ดีนะครับ ถ้าเห็นท่าไม่ดีก็เดินหนีเลยดีกว่า อย่าเสียเวลาคุยกับคนพูดไม่รู้เรื่อง”
“อือ เราจะระวัง ขอบคุณนะ”
“.............”
“แล้ว ชานยอลมาทำอะไรที่นี่หรือ?”
“ผมมาหาคุณแบคฮยอน”
“มา มาหาเราทำไม?”
“ผมอยากคุยด้วย ไม่รู้สิครับ ผมว่าเรามีเรื่องต้องคุยกัน อย่างน้อยก็เรื่องแย่ ๆ ที่ผมเคยทำกับคุณ ขอเวลาสักครู่ได้ไหมครับ” น่าแปลกไหม ถ้าเป็นอาทิตย์ก่อนแค่ได้เห็นหน้าชานยอลคุณแบคฮยอนก็ดีใจจนแทบจะม้วนลงไปกลิ้งแล้ว ยิ่งถ้าชานยอลบอกเองว่าตั้งใจมาหา อยากคุยด้วย ใจคุณแบคฮยอนคงโบยบินได้เหมือนติดปีก แต่มาตอนนี้แบคฮยอนกลับกลัว กลัวจะได้อยู่ใกล้ กลัวจะได้เห็นหน้า กลัวกระทั่งเสียงที่ได้ฟัง แบคฮยอนกลัวไปหมด
“เราไม่สะดวก”
“แค่สิบนาที ไม่สิ ห้านาทีก็ได้ครับ” นาทีเดียวก็ให้ไม่ได้ แบคฮยอนยังไม่พร้อมจะฟังชานยอลตอกย้ำสถานะเพื่อน ไม่อยากให้ชานยอลถือสนิทแล้วเล่าเรื่องปาร์คโชรงให้ฟัง แบคฮยอนกลัวตัวเองจะปั้นหน้าไม่ไหว ปล่อยน้ำตาไหลให้ชานยอลตกใจ
“เราไม่สะดวกจริง ๆ ขอโทษนะ เรานึกได้ว่าต้องเอางานไปส่งอาจารย์ ขอโทษจริง ๆ” ขอโทษนะชานยอล แบคฮยอนคนขี้ขลาดเข็ดขยาดความเจ็บปวดเสียแล้ว
สุดท้ายก็ไม่มีมื้อกลางวันตกถึงท้อง แบคฮยอนรวบเอาข้าวของเดินแกมวิ่งออกจากแคนทีนคณะ สวนทางกับอี้ชิงที่เพิ่งกลับมาจากห้องน้ำ ฝ่ายหลังยกมือตั้งท่าจะเรียกแต่เห็นสีหน้าเหมือนจะปล่อยโฮแหล่มิแหล่นั่นแล้วก็เปลี่ยนใจ รีบเก็บข้าวของแล้วถามเพื่อนรักไปติด ๆ จากตอนนั้นถึงตอนนี้ก็กว่าชั่วโมงแล้ว คุณแบคฮยอนยังเอาแต่นั่งพิงชั้นวางหนังสือในมุมลึกสุดของห้องสมุด ถามอะไรก็ไม่ตอบหนักเข้าก็ซุกหน้ากับเข่าปล่อยให้อี้ชิงเครียดจนหมดความอยากอาหารตามไปอีกคน
“เจ็บหนักมากเลยนะ”
“ขอโทษ”
“จะขอโทษทำไมล่ะ เฮ้อออออ เอาเถอะ ให้เวลาสิบห้านาที ดราม่าให้อิ่มใจแล้วต้องทำงานต่อนะ เดี๋ยวกลับมา” อี้ชิงว่าแล้วก็ตัดใจลุกไปจากมุมเงียบนั้น แบคฮยอนเงยหน้ากดศีรษะกับผนังเย็น หลับตานั่งอยู่อย่างนั้นจนลืมเวลา กระทั่งได้ยินเสียงอี้ชิงเดินกลับเข้ามาอีกครั้งแบคฮยอนถึงบอกตัวเองให้ตั้งใจทำงานให้เสร็จ ร่างเล็กลุกจากมุมห้องพลางเดินลัดเลาะไปตามชั้นไม้สูงท่วมหัว
“อี้ชิง เล่มนี้ต้องใช้บันไดแล้วล่ะ อยู่สูงอ่ะ”
“เล่มไหนครับ?” แบคฮยอนสะดุ้งใส่แถวหนังสือยาวเหยียด ร่างแข็งทื่อเหมือนถูกสาปให้เป็นหิน เสียงทุ้มต่ำดังอยู่ในคอแบบนี้ฟังยังไงก็ไม่ใช่อี้ชิง ยิ่งเจ้าของเสียงพาตัวเองเข้ามาหยุดไม่ห่างแบคฮยอนยิ่งมั่นใจ
“ว่าไงครับ จะหยิบเล่มไหน?”
“ไม่เป็นไร เราจัดการเองได้”
“ถ้าให้ผมหยิบให้ก็ไม่ต้องใช้บันได บอกมาสิครับ จะเอาเล่มไหน” แบคฮยอนทำใจกล้าเงยหน้ามองคนตัวโตกว่า ทำไมยังไม่กลับไปอีก?
ชานยอลคนดี ที่มีน้ำใจมอบให้ก็เพราะเห็นแบคฮยอนเป็นเพื่อน เป็นพี่ชายของเพื่อน ตัวเขาเองนั่นแหละที่คิดเกินกว่านั้น หลังจากถูกผลักออกมาจากพื้นที่หวงห้ามแบคฮยอนก็นึกกลัว ทั้งกลัวทั้งเสียใจจนไม่กล้าเข้าใกล้ ไม่กล้าสบตา พยายามถอยออกห่างในขณะที่อีกฝ่ายยังทำตัวตามปกติ ความเจ็บปวดจากการตัดรอนในคืนนั้นแบคฮยอนยอมรับได้ รู้ด้วยว่าชานยอลไม่ได้ตั้งใจจะทำร้าย แต่ทำไม อีกฝ่ายต้องกลับมาทำดีกับเขาเหมือนเดิมอีก ยิ่งกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ ชานยอลอยากให้คุณแบคฮยอนเข้าใจผิดแล้วก็ได้ใจผิด ๆ เหมือนที่ผ่านมาหรือยังไง
“สีหน้าไม่ดีเลย ไม่สบายหรือเปล่าครับ”
“พอสักที”
“...........”
“พอสักทีเถอะชานยอล”
“คุณแบคฮยอน”
“นายบอกให้เราหยุด บอกให้เราเลิกใส่ใจ เลิกทุกความตั้งใจที่เรามี เราก็ทำให้แล้ว แล้วทำไม ทำไมนายต้องทำในสิ่งที่นายเคยห้ามเรา นายต้องการอะไรกันแน่!”
แบคฮยอนไม่ได้ตั้งใจ ไม่อยากตวัดเสียงใส่ชานยอลแล้วก็ไม่อยากให้น้ำตามันไหลด้วย หัวใจอ่อนแอไม่สามารถทนอยู่ภายใต้สายตาตื่นตะลึงคู่นั้นได้อีก ร่างเล็กถอยห่างแต่ชานยอลรั้งไว้ด้วยแรงที่เหนือกว่า ชายหนุ่มมองออกว่าคนตัวเล็กกำลังเสียใจแต่ที่เขาไม่เข้าใจคือเรื่องมันลุกลามมาถึงขั้นนี้ได้อย่างไร คืนนั้นคุณหนูรับฟังเขาโดยไม่โต้แย้งแล้วก็กลับไปเงียบ ๆ แบคฮยอนหายไปหลายวันกลับมาหาชานยอลพร้อมคำขอโทษและรอยยิ้ม
ชานยอลใจหายแต่ชายหนุ่มก็ยังคงถือมั่นในโลกของความจริง
“ผมขอโทษ ผมแค่อยากช่วย คุณไม่ต้องฟังผมอธิบายแล้วก็ได้ ขอแค่อย่า...อย่าร้องไห้...”
ยิ่งเสียงทุ้มอธิบายน้ำตาแบคฮยอนก็ยิ่งไหล
ได้ยินไหม
ชานยอลไม่อยากให้ร้องไห้ ไม่อยากให้...
“เรารู้ รู้ว่านายเป็นห่วง นายเป็นคนดี นายมีน้ำใจ แต่ทำไม ทำไมพอเราทำบ้างนายถึงปฏิเสธ แล้ว...แล้วความพอดีมันอยู่ตรงไหน เราทำอะไรได้บ้าง เป็นห่วงได้แค่ไหน คุยได้แค่ไหน เราต้องทำตัวยังไงถึงจะไม่ถูกนายเย็นชาใส่อีก!” ถ้อยความตัดพ้อมีฤทธิ์ร้ายไม่ต่างกับน้ำกรด ชานยอลสะท้านไปทั้งอก มือที่ยื้อยุดอ่อนแรงคลายมือเล็กคืนอิสระ
รู้เต็มอกว่าคนผิดคือตนเอง
ชานยอลหลงรักคุณแบคฮยอนทั้งที่ไม่อยากรัก รอคอยความน่ารักสดใสจากคนตัวเล็กแต่ก็ต้องหยุดตัวเองด้วยความทรมาน เฝ้าบอกตัวเองให้เจียมตัวแต่ก็ไม่เคยใจแข็งได้ตลอดรอดฝั่ง บางวูบที่เห็นแก่ตัวเขานึกอยากทำให้คุณหนูเป็นของตัวเอง หากพอเห็นแบคฮยอนกับคนอื่นก็กลับกลายเป็นว่าชานยอลคิดเพ้อฝันไปคนเดียว ความขมขื่นในใจทำให้เขาจงใจตีตัวออกห่างและใช้วาจาของอารมณ์ชั่ววูบทำร้ายเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง
คุณแบคฮยอนจะสับสนเพราะความโง่ของชานยอลก็สมควรแล้ว
“ผมขอโทษ ผมไม่ดีเอง”
“เข้าใกล้ไม่ได้เราก็จะไปให้ไกลจากนาย เท่านี้ยังไม่พอใจอีกหรือไง”
“คุณแบคฮยอน ผมไม่ได้อยากให้คุณทำแบบนั้น” คุณแบคฮยอนปาดน้ำตาทิ้ง เกลียดความอ่อนแอของตัวเองที่ทำให้ทุกอย่างพังพินาศ อุตส่าห์ตั้งใจจะวางเฉยจะยิ้มให้ชานยอลจนถึงนาทีสุดท้ายก่อนวงจรชีวิตทั้งคู่จะแยกออกจากกัน แค่อดทนจนถึงคืนนี้แบคฮยอนก็ยังทำไม่สำเร็จ
“เราเข้าใจทุกอย่างดี นายก็ไม่ได้ทำเรื่องไม่ดี ชีวิตนายนายมีสิทธิ์เลือกให้ใครอยู่หรือใครไป เราเองที่ยุ่งวุ่นวายกับนายมากเกินไป นายไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด”
“..........”
“เราขออย่างเดียวอย่าทำให้เราสับสนอีก”
“คุณแบคฮยอน!” คุณหนูสั่งตัวเองให้ทิ้งชานยอลไว้ตรงนั้น ไม่สนใจแม้จะมีเสียงเรียกตามหลัง แบคฮยอนทิ้งงานทิ้งทุกอย่างมีเพียงความเจ็บปวดที่ไม่อาจทิ้งได้ดังต้องการ
การทำงานวันสุดท้ายเป็นเรื่องยากเรื่องหนึ่งในชีวิตแบคฮยอน เด็กหนุ่มต้องพยายามหางานให้ตัวเองเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับใครบางคน ฮิมชันกลายเป็นเกราะป้องกันชั้นดีเพราะชายหนุ่มขยันหาเรื่องมาให้แบคฮยอนช่วยเหลือ บางครั้งฮิมชันคอยช่วยเขาทำงาน พองานเขาเสร็จแบคฮยอนก็ไปช่วยฮิมชันบ้าง สลับกันไปมาอยู่อย่างนั้น ฝ่ายชานยอลรู้ดีว่าถูกคนตัวเล็กหลบหน้าอย่างจงใจ แทนที่จะพยายามหาโอกาสเข้าใกล้เหมือนฮิมชันชายหนุ่มกลับมุ่งมั่นกับงานของตัวเองจนถึงเวลาร้านปิด
เพื่อนร่วมงานทุกคนหยอกล้อกันอย่างคึกครื้นในห้องพัก เป้าหมายของคืนนี้คือร้านอาหารกึ่งร้านคาราโอเกะใกล้สถานีรถไฟ ฮิมชันประกบติดแบคฮยอนเช่นเคย คนตัวเล็กเองก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดหรือรำคาญเพราะให้ยังไงหลังจากคืนนี้ก็คงหาโอกาสพบกันยากแล้ว แม้เวลาตอนนั้นจะค่อนข้างดึกแล้วแต่มนุษย์ที่เพิ่งเสร็จสิ้นจากการทำงานหนักยังพอใจจะสั่งอาหารมาจนเต็มโต๊ะยาว แบคฮยอนทานพอเป็นมารยาทเพราะไม่รู้สึกหิวเหมือนคนอื่น หลังมื้ออาหารคือรายการร้องเพลง เบียร์สดหลายเหยือกหมดไปอย่างรวดเร็ว แบคฮยอนเองในฐานะเป็นเมนหลักของงานเลยถูกบังคับให้ดื่มมากกว่าทุกที กว่าจะรู้ว่าเริ่มเมาก็ตอนที่เดินไปห้องน้ำแล้วตัวลอย ๆ
เมื่อใดที่เงยหน้าเจอสายตาอีกคู่มองอยู่ แบคฮยอนจะหันหน้าหนีทุกครั้ง ไม่ใช่ไม่อยากสบตากับชานยอลแต่ไม่อยากเห็นว่าชานยอลมีโชรงนั่งเคียงข้างต่างหาก เมื่อความเจ็บปวดเริ่มแล่นพล่านคนตัวเล็กก็จะดับมันด้วยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ครั้งแล้วครั้งเล่ากว่างานจะเลิกคุณแบคฮยอนก็หน้าร้อนผ่าว ตาพราว ปากแดงพอกับผิวแก้ม คนเคยคอแข็งจนน้องชายนับถือเจอเครื่องดื่มไปแก้วต่อแก้วก็มึนได้เหมือนกัน จากร้านเดินไปสถานีรถไฟไม่ไกล คนทั้งกลุ่มตั้งใจจะแยกกันตรงนั้น แบคฮยอนเดินนับก้าวไปเงียบ ๆ
“ฝนจะตกไหมเนี่ย ฟ้าครึ้มเชียว”
“เธอเมาหรือเปล่าโบมี ท้องฟ้าตอนกลางคืนมันแยกได้ด้วยหรือว่าครึ้มไม่ครึ้ม” โบมีฟาดฝ่ามือใส่ไหล่ฮิมชัน แรงจนชายหนุ่มครางอูย
“สายตาฉันยังปกตินี่ยะ ไม่ได้ถั่วอย่างใครบางคน”
“คู่นี้ก็กัดกันได้ทุกวัน”
“แหม ใครจะสวีทหวานอย่างคู่เธอล่ะยะ” พอโบมีย้อนโชรงก็ตีแขนเพื่อนเป็นเชิงปราม ทุกคนมาถึงสถานีรถไฟแล้วก็เริ่มหันมาล่ำลากัน แบคฮยอนโค้งให้หัวหน้าแผนกที่แยกตัวไปคนแรก คนตัวเล็กตั้งใจจะเรียกแท็กซี่กลับพอมองไปทางถนนคิมฮิมชันก็โผล่เข้ามายิ้มใส่ตา
“คุณแบคฮยอนจะกลับยังไงครับ”
“กำลังคิดว่าจะเรียกแท็กซี่”
“ถ้าอย่างนั้น ให้ผมไปส่งดีไหมครับ นั่งแท็กซี่ตอนกลางคืนคนเดียว อันตราย” โบมีร้องเหอะอย่างไม่เกรงใจ
“ไปกับนายก็อันตรายพอกันแหละ”
“ยัยขี้เมา อย่ามาชักใบให้เรือเสียน่า”
“นั่นสิ เธอก็ชอบขัดคอคนอื่นเค้าอยู่เรื่อยเลย คุณแบคฮยอนอาจจะอยากให้ฮิมชันไปส่งก็ได้ ไม่ยุ่งกับเค้าสักเรื่องได้ไหมโบมี” ขอบใจมากโชรง ดวงตาคู่เรียวมองตรงไปยังใบหน้าสวยหวาน โชรงยิ้มบาง ๆ ยังยึดตำแหน่งข้างกายชานยอลเอาไว้อย่างเหนียวแน่น
“ผมนั่งรถไปส่งคุณแบคฮยอนก็ได้นะ สบายมาก”
“ถ้าไม่เป็นการรบกวนจนเกินไปก็ได้ครับ” ฮิมชันเบิกตากว้าง ชายหนุ่มลองเสี่ยงอาสาไม่คิดว่าคนตาสวยจะยอมรับไมตรีในที่สุด แบคฮยอนยิ้มให้เพื่อนร่วมงานอีกห้าหกคนที่เหลือ ค้อมศีรษะลงเล็กน้อย
“ขอบคุณที่คอยดูแลผมมาตลอดนะครับ ขอบคุณจริง ๆ” เด็กหนุ่มบอกแล้วก็ยิ้มปิดท้าย ดวงตาเรียวหยุดที่ใบหน้าคมหวานนานกว่าคนอื่น แบคฮยอนมองลึกลงไปในหน่วยตาสีจัดที่มองตอบมาอย่างไม่ปิดบัง กระทั่งเสียงโชรงเตือนขึ้น
“ฮิมชันเรียกรถแล้วค่ะ” คุณหนูสูดลมหายใจลึก พอถึงเวลาต้องบอกลาใจก็วูบไหวขึ้นมาอีก ร่างเล็กเดินไปยังรถรับจ้างที่ฮิมชันเปิดประตูรออยู่ กำลังจะเข้าไปนั่งแล้วก็ต้องเซกลับในทิศทางตรงข้าม แบคฮยอนได้ยินเสียงอุทานแต่ไม่ทันได้มองว่าคนอื่นเป็นยังไง พอเงยหน้ามาเจอแนวกรามคุ้นตาถึงสำนึกได้ว่าคนที่รั้งตนเอาไว้คือผู้ชายที่รักษาความเงียบมาตลอดทาง
“มึงเมาแล้วก็กลับบ้านเลยเถอะ กูจะไปส่งคุณแบคฮยอนเอง”
“เฮ้ย! ชานยอล! ไอ้ชานยอล!”
“ชานยอลคะ!”
เสียงฮิมชันกับโชรงดังอยู่ข้างหลัง แบคฮยอนฟังบ้างไม่ฟังบ้างเพราะไม่ได้สนใจ คุณหนูรู้สึกเหมือนตัวเองลอยไปบนปุยเมฆ มือข้างหนึ่งถูกมือหนากุมไว้มั่น สองตามองเพียงช่วงไหล่กว้าง คุณแบคฮยอนเมาจริงนะคราวนี้ เมาจน ทุกอย่างมันเบลอไปหมดเลย
#lovelycb
เง้ออออออออออออ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

กำลังกลั้นใจไม่ให้ตัวเองต่อยจอคอมแตกก่อนอ่านจบ.....
ความชัดเจนอยู่ไหนอ่ะ ถ้าจะไม่ทำอะไรให้มันจริงจังก็อย่าให้มันมากไปกว่่านี้เลย
ลุย!!!!!!!
ชานแบคคลียร์กันดีๆนะ
ง้อแบคเลยยยยยยยยยยยยย