ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Got7] Love hostel อลวนรักหอพักเมี้ยวๆ (จบ)

    ลำดับตอนที่ #14 : ตอนที่ 13 เจ็ดคนตลอดไป โดย เจบี รีไรท์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.51K
      60
      10 พ.ค. 61

      

    ตอนที่ 13

    เจ็ดคนตลอดไป โดย เจบี

     

     

    จะง้างปากคนอย่างพัค จินยอง ไปบอกให้แจ็คสันเลิกทำตัวบ้าๆ บอๆ บางทีอาจจะง่ายกว่า

    ผมถอนหายใจแล้วลงมือพิมพ์งานต่อ

    เมื่อวันก่อนหลังจากกลับมาจากกินข้าวกับยองแจ ผมก็เตรียมตัวไว้แล้วว่าต้องโดนคนในหอรุมถาม ก็เล่นจู่ๆ ไปปุ๊บปั๊บแบบนั้นนี่นะ ที่จริงผมมีเรื่องคุยกับยองแจนิดหน่อย หลักๆ เลยคือผมสงสัยเรื่องเจ้าแจ็คสันหลายๆ อย่างและยองแจก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด สองคนนั้นถึงจะกัดกันแง่งๆ ตลอดแต่เพราะอย่างนั้นเลยทำให้สนิทกันมากกว่าที่เห็น

    อีกอย่าง...ผมอมยิ้มเมื่อนึกถึงหน้าเหวอๆ ของเด็กแว่นที่เห็นผมโผล่ไปรับถึงหน้าโรงเรียน ขนาดบอกก่อนแล้วนะ เป็นคนที่สีหน้าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาได้รวดเร็วตามอารมณ์แถมยังฮาได้ตลอดจริงๆ ท่าทางที่พยายามทำตัวนิ่งๆ แต่จริงๆ แล้วหลุดเหวอตลอดเวลาโดนแกล้ง หน้าแดงทุกครั้งที่โดนแหย่ นั่นยิ่งทำให้ความพยายามที่จะทำตัวนิ่งกลายเป็นน่าเอ็นดูไปเลย

    ตรงไปตรงมาผิดกับอีกคน...

    ทั้งๆ ที่แค่ถามมาผมก็บอกแท้ๆ แต่จินยองกลับไม่ถาม เราเริ่มคุยกันน้อยลงเรื่อยๆ แล้วไม่ว่าหมอนั่นจะรู้ตัวหรือเปล่า ว่าพักหลังมาเพื่อนรักคนนี้เริ่มถอยห่างจากผมไปเรื่อยๆ ผมไม่อยากเดาสาเหตุ อะไรก็ตามที่เกี่ยวกับจินยอง ผมไม่อยากใช้การคาดเดา จินยองสำคัญเกินกว่าจะใช้การเดาสุ่มมาตัดสินความคิด

    แต่อย่างที่บอก ปากของพัคจินยองเป็นสิ่งที่ง้างยากที่สุดในโลก ผมเงยหน้าจากจอคอมมองรอบๆ ปลงๆ จนสายตาไปเจอกับร่างสูงในชุดสูทที่กำลังเดินออกมาจากหอพอดี

    “อ้าว คุณฮยอง ยังอยู่เหรอ” ร้องทักกึ่งแซว

    “พูดงี้หมายความว่าไงเนี่ย ไม่อยากให้ฉันอยู่หรือไง”

    พี่ชายที่ชาวบ้านแถวนี้ให้ฉายาว่าเทพบุตรบนดินเดินมาหา ถามกลับยิ้มๆ

    “ก็ปกติฮยองชอบแอบบินเงียบๆ ทุกที พวกผมรู้ตัวอีกที ฮยองก็โน่น อยู่อีกซีกโลกหนึ่งแล้ว” ผมพูด ละมือจากโน้ตบุ๊คตรงหน้า

    “แล้วนั่งทำไรคนเดียว” คนชอบแอบหนีไปเงียบๆ ถาม พลางกวาดสายตามองไปรอบๆ ตรงโต๊ะไม้ตัวยาวที่สนามหญ้าตรงนี้มีแค่ผมที่นั่งอยู่คนเดียว

    “ทำงานส่งอาจารย์ดิฮยอง” ผมตอบ

    “คนเดียวเนี่ยนะ” คุณฮยองถาม “แปลกนะ ปกติไม่ค่อยเห็นนายอยู่คนเดียว หรือว่าโดนทิ้งซะละ”

    “คงงั้นล่ะมั้ง” ผมตอบยิ้มๆ

    “สมน้ำหน้า ฮ่าๆๆ” พี่ชายไทยหัวเราะสะใจ

    “แล้วนี่ฮยองจะไปไหนอะ แต่งซะเต็มเลย” ผมพยักเพยิดถาม จะทำเป็นไม่เห็นนะฮยอง ไอ้หน้าตาสะอกสะใจขนาดนั้นอะ

    “งานของแทคยอน รอหมอนั่นอยู่เนี่ย”

    “อ่า เออจริงสิ นึกได้พอดี ฮยองไปทำไรไว้ใช่ไหม”

    “ทำไร” คุณฮยองถามตาใส ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วรู้แน่ๆ ว่าผมพูดถึงเรื่องอะไร

    “ไม่ต้องเลย วันนั้นที่ฮยองมาคุยกับผมเรื่องคนในหอ ไปก่อดราม่าอะไรไว้ใช่ไหม” ผมหรี่ตามองฮยองตัวแสบที่ทำเป็นมองฟ้ามองอากาศ “ทั้งๆ ที่มันก็เริ่มดีแล้วแท้ๆ จู่ๆ ฮยองมาทำลายบรรยากาศทำไมเนี่ย ผมถามจริงๆ”

    “แล้วนายคิดว่ามันดีแล้วจริงๆ เหรอ ฉันถามจริงๆ บ้างอะ” คนที่เพิ่งแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องหันมาพูดจริงจัง “มันไม่ได้ดีขึ้นหรอกเจบี วันนึงมันก็ต้องเป็นแบบนี้ จะช้าหรือเร็ว วันที่เป็นแบบนี้ก็ต้องมาถึง ฉันก็แค่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาเท่านั้นเอง”

    “เร่งทิ้งไว้แล้วหายต๋อมเนี่ยนะ”

    “อย่างน้อยนายก็สังเกตเห็นแล้วไง” พูดพลางหลิ่วตาให้

    “ไร้ความรับผิดชอบชะมัดเลย” ผมส่ายหน้ายิ้มๆ ก่อนจะพูดจริงจัง “ผมไม่อยากให้มันไปถึงจุดที่มีใครต้องผิดใจกัน เจ้าพวกนั้นเหมือนพี่น้องแท้ๆ ของผม ถ้าเป็นไปได้ผมก็ไม่อยากให้มีใครต้องเจ็บปวด”

    “ความรักที่มีตัวแปรมากกว่าสองคน หลีกเลี่ยงเรื่องพวกนั้นไม่ได้หรอก”

    “ความรัก... ทั้งๆ ที่เป็นสิ่งที่ดีแท้ๆ ถ้าไม่เริ่มตั้งแต่แรกคงดีกว่าไหมนะ จะได้ไม่มีใครต้องเสียใจ”

    คุณฮยองหัวเราะ “แล้วนายเคยรู้ตัวไหมล่ะว่ามันเริ่มขึ้นตอนไหน นายกะเกณฑ์ความรักไม่ได้หรอกเจบี ต่อให้ไม่อยากเริ่ม แต่บางทีเราอาจจะเริ่มรักใครไปโดยที่ไม่รู้ตัวแล้วก็ได้”

    “ก่อนหน้านี้คนฉลาดอย่างฮยองเคยต้องเจอเรื่องยุ่งยากแบบนี้บ้างปะ ถามจริง” ผมยกมือเท้าคางถาม คิดไม่ออกเลยว่าคนอย่างคุณฮยองจะมีปัญหาอะไรที่แก้ไม่ได้

    พี่ชายไทยยิ้มก่อนจะก้มตัวมาพูดใกล้ๆ “เอาไปแต่งนิยายได้เรื่องหนึ่งเลยล่ะ”

    “จริงดิ” ผมตาโต

    “ฉันไม่ใช่คนฉลาดหรอกเจบี แค่เป็นพวกคิดเยอะกว่าชาวบ้าน แล้วนี่แหละที่เป็นปัญหา จะบอกให้ว่ากว่าจะผ่านมาได้นี่ ถ้าเอาน้ำตาทุกคนตอนนั้นมารวมกันคงสร้างสวนน้ำได้ที่หนึ่งเลย ฮ่าๆๆ”

    “ทุกคน?

    “สมัยเรียนพวกฉันเองก็สนิทกันเป็นกลุ่มใหญ่นะ และที่น่าตลกคือพวกเราเองก็มีกัน 7 คนล่ะ” คุณฮยองทำหน้าตามีลับลมคมใน

     “คุณเสร็จแล้ว ปะไปกัน” แทคยอนฮยองวิ่งหอบหิ้วกระเป๋าเอกสารออกมา “ไงเจบี”

    “จะว่าไปแล้ว ถ้าจะพูดกันจริงๆ คนเริ่มนี่แทคยอนฮยองชัดๆ ความผิดฮยองคนเดียวเลย” ผมแกล้งทำเป็นชี้หน้าโยนความผิดให้คนมาใหม่

    “อะไรวะ ฉันไปทำอะไรผิดตอนไหน” คนเพิ่งมาที่จู่ๆ โดนโยนความผิดให้ถามเหลอหลา

    “ก็ฮยองนั่นแหละที่คัดเจ้าพวกนี้ให้มาอยู่ด้วยกัน”

    แทคยอนฮยองหันไปมองหน้าคุณฮยอง แต่อีกฝ่ายแค่ยิ้มขำ

    “นี่ฉันต้องเดาเอาเองใช่ไหมว่าพวกนายกำลังพูดถึงเรื่องอะไร”

    “ไม่รู้เอาเกณฑ์อะไรมาคัดคนเช่า” ผมบ่น

    “เกณฑ์ก็ง่ายๆ ฉันถูกชะตาใครก็เลือกคนนั้นไง”

    “แถวบ้านฉันเรียกว่าเลือกด้วยความเกรียน” คุณฮยองเสริมขำๆ แล้วหันไปบอก “แผนผังความสัมพันธ์ที่ฉันวาดเล่นวันนั้นไง”

    “อ๋อ” แทคยอนฮยองร้อง “อย่าเอาปัญหาของพวกนายมาโทษฉันสิวะ หรือถ้าเลือกได้ นายจะเลือกให้ฉันพาคนอื่นมาอยู่แทนเจ้าพวกนั้น”

    “ไม่มีทาง” ผมตอบชัดเจน

    “เออ ก็นั่นไง” เจ้าของหอพักยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่

    “พวกฮยองอะตัวดี รู้ทุกอย่าง แต่ไม่ทำอะไรเลย” ผมบ่น ถึงจะรู้คำตอบอยู่แล้วก็เหอะ อดไม่ได้

    “ไอ้น้องเอ๊ย” แทคยอนฮยองเดินอ้อมมาก้มลงโอบไหล่ผม “ช่วงวัยรุ่นใครๆ ก็ต้องเจอมรสุมชีวิตทั้งนั้นล่ะว้า เป็นบททดสอบเอาไว้ก้าวผ่าน เพื่อจะโตเป็นผู้ใหญ่ไง”

    “แล้วถ้าผ่านไม่ได้ล่ะ”

    “ผ่านไม่ได้ก็...อดโตเป็นผู้ใหญ่ไง ฮ่าๆๆ ปะคุณเดี๋ยวสาย ไปก่อนนะ เจบี”

    “ไปไหนก็ไปเลย” ผมโบกมือไล่ แต่ยิ่งทำให้สองฮยองขำก๊ากกันเข้าไปใหญ่ เห็นแล้วก็ได้แต่ขำตาม ผมเองก็แค่ทำเป็นบ่นโทษไปงั้นแหละ รู้อยู่ว่าที่คุณฮยองกับที่แทคยอนฮยองพูดมามันถูกทุกอย่าง

     
     

    “ยูคยอม ฉันลืมปิดคอม แป๊บหนึ่งนะ” เสียงดังมาจากหอทำให้ผมหันไป เจอสองน้องเล็กเดินถือบาสมาด้วยกัน แบมแบมพูดแล้วรีบวิ่งกลับขึ้นไป ส่วนเจ้าลูกหมายักษ์เดินเลี้ยงลูกบาสมา

    “โย่ว ยูคยอม” ผมโบกมือเรียก

    “อ้าวฮยอง อยู่คนเดียวเหรอ”

    “เห็นหลายคนปะล่ะ”

    “ผมต้องหัวเราะไหมเนี่ย”

    “ไรว้า ฮ่าๆๆ” ผมหัวเราะ ส่วนน้องตัวโตได้แต่ส่ายหัวแล้วเดินมาหา

    “จูเนียร์ฮยองอะ”

    “ทิ้งฉันไปอยู่กับมาร์คฮยองแล้ว”

    “สมน้ำหน้า” นี่วางแผนก๊อบปี้กันมาทั้งหอแล้วใช่ไหม ไอ้ประโยคเนี้ย

    “แล้วนายอะ” ผมลุกขึ้นกอดคอเด็กตัวสูง “มีปัญหาไรมาปรึกษาฮยองปะ”

    “ไม่มีอะ จูเนียร์ฮยองบอกว่าเจบีฮยองเป็นตัวแสบ”

    “ย่าห์ นายฟังหมอนั่นมากไปแล้วนะ”

    “ก็จูเนียร์ฮยองน่าไว้ใจกว่า” น้องเล็กพูดจริงใจ แต่หลายทีก็ออกจะเกินไป

    “งั้นแล้วตกลงเอาไง ที่แบมแบมร้องไห้วันนั้น”

    ตุ้บ ลูกบาสหล่นจากมือ ยูคยอมหันมามองผมหน้าเหวอ

    “ฮยองรู้ได้ไง!

    “ฉันเริ่มดูเป็นที่ปรึกษาที่ดีได้ยัง” ผมยิ้มมุมปาก ยักคิ้วให้

    “ฮยองมันตัวแสบจริงๆ ด้วย!” เจ้าลูกหมายักษ์ผลักผมออก

    “เห้ยๆ ไหงงั้นอะ”

    “ผมไว้ใจฮยองไม่ได้แล้ว!” ยูคยอมพูดเสียงดัง แววตาว้าวุ่นแบบปิดไม่มิด

    “ยูคยอมอ่า ฮยองหวังดีนะ” ผมเดินเข้าไปกอดคอน้องอีกครั้ง

    “หวังดีประสาอะไร นี่ฮยองรู้อะไรบ้างเนี่ย!

    “รู้พอๆ กับนายนั่นแหละ ฉันก็มองๆ ไปแล้วเดาไปเรื่อย เลยต้องมาถามนายนี่ไง”

    “ให้ตายเหอะ ฮยองอันตรายอย่างที่จูเนียร์ฮยองบอกจริงๆ” อยากรู้จริงว่าหมอนั่นไปพูดอะไรไว้บ้าง

    “ฉันไม่อยากเห็นนายกังวลนะยูคยอม”

    “ผมไม่ได้กังวล ผมเปล่าจริงๆ นะ” ยูคยอมย้ำเมื่อเห็นผมเอาแต่จ้องหน้า “โอเค ผมไม่รู้จะทำยังไงเรื่องมาร์คฮยอง ผมอึดอัดนิดๆ เวลาเห็นมาร์คฮยอง แต่ผม...ผมไม่ได้มีอะไรนะ”

    “ฉันรู้ว่านายไม่ใช่พวกคิดเล็กคิดน้อย”

    “ผมรู้ว่ามันคงเกิดอะไรบางอย่างขึ้น แจ็คสันฮยองเที่ยวหาคำตอบไปทั่วผมก็เห็น แล้วตอนนี้ก็พอจะปะติดปะต่อได้ว่ามันคงเกี่ยวกับแบมฮยอง แต่ดูแจ็คสันฮยองพยายามขนาดนั้นยังไม่ได้คำตอบ ผมก็ไม่คิดหรอกว่าแบมฮยองจะมาเล่าให้ฟัง แล้วผมเองก็ไม่ได้อยากรู้ด้วย” ท้ายประโยคยูคยอมพูดเสียงเบาลง

    ความไม่แน่ใจนิดๆ ที่อยู่ในน้ำเสียง ทำให้ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าเจ้าลูกหมานี่ไม่อยากรู้จริงๆ หรือกลัวที่จะรู้

    “ผมน่ะไม่มีอะไรให้ฮยองต้องมาห่วงหรอก ผมจะทำในสิ่งที่ผมอยากทำ ต่อให้จะมีอีกกี่คนหรือกี่เรื่องมาเกี่ยวผมก็ไม่สนหรอก เพราะต่อให้ไม่มีใครผมก็ทำเหมือนเดิม ก็ตอนนี้คนที่อยู่ข้างแบมฮยองคือผม  ฮะๆๆ ดูนิสัยไม่ดีเลยใช่ไหมที่พูดแบบนี้”

    ผมส่ายหัว “ไม่หรอก โคตรเจ๋งเลยต่างหาก แล้วมันก็ถูกแล้วด้วย การที่คนอื่นไม่ทำอะไร ไม่ได้หมายความว่านายจะต้องไม่ทำอะไรไปด้วยนี่”

    “ผมมันนิสัยไม่ดี ผมรู้... หลายๆ อย่างที่ผมทำ แต่พอมาคิดๆ ดูก็รู้สึกว่าดีแล้วที่ผมไม่ใช่คนที่ทำให้แบมฮยองร้องไห้  ผมน่ะ แม้จะแค่ทีละนิดแต่ก็จะค่อยๆ ขยับเข้าไป แค่นิดเดียวก็ไม่เป็นไร ผมก็แค่พยายามไปเรื่อยๆ ให้ใกล้เข้าไปเรื่อยๆ มันก็เท่านั้นเอง จริงไหม” แล้วยูคยอมก็หันมายิ้มกว้างให้ผม

    ผมพยักหน้ายิ้มกลับก่อนจะดึงน้องมากอดแน่น ไอ้เด็กนี่ทำซะผมเกือบน้ำตาไหล ยิ้มตาหยีมาทั้งๆ แบบนี้ได้ยังไง ให้ตายเหอะยูคยอม ฉันโคตรนับถือนายเลย

    “อ้าว แบมแบม” ผมเรียกชื่อคนเพิ่งเดินออกมาจากหอ “มานี่มา” พอเจ้าตัวเดินมาใกล้ผมก็เอามืออีกข้างคว้ามากอดด้วยกันกับยูคยอม

    “อะไรเนี่ยฮยอง” แบมแบมร้องถามงงๆ

    “เปล่า ฮยองจะบอกว่าฮยองโคตรรักพวกนายเลย”

    “จู่ๆ มาพูดแบบนี้ทำขนลุกนะฮะ” เจ้าตัวเล็กทำเป็นพูดเสียงสยดสยองแต่ก็กอดตอบ

    “ทำไรกันอะฉันด้วยดิ!” เสียงตะโกนดังมาก่อนที่จะมีแรงกระแทกพุ่งเข้าใส่พวกผม “ยองแจ เร็วดิวะ” แจ็คสันพุ่งเข้ามากอดด้านหลังแบมแบมอีกที ไม่ลืมกวักมือเรียกยองแจที่ทำหน้าอ้าปากเหมือนไม่เต็มใจนักแต่ก็เดินเข้ามา ยังไม่ทันถึงพวกผมดีแจ็คสันก็คว้าแขนดึงให้มากอดด้วยกัน

    “พวกฮยองเล่นอะไรกันเนี่ย” ยองแจที่จำใจกอดอยู่ฝั่งยูคยอมเอียงหน้ามาถามผมที่ได้แต่หัวเราะ

    โอ๊ะนั่น จินยองกับมาร์คฮยองเดินมาจากหลังหอ โซนสักผ้าพอดี

    “จินยองมาร์คฮยอง!” ผมตะโกนเรียก ทั้งสองคนมองพวกผมที่กอดกันกลมอึ้งๆ

    “พวกนายทำอะไรกันน่ะ!” จินยองถามเสียงดัง ก่อนจะพากันเดินเข้ามาหาทั้งคู่

    “ฮยอง มาเร็ว” แจ็คสันเอามืออีกข้างคว้ามือมาร์คฮยองดึงไปฝั่งตัวเองกับแบมแบม

    ตัวมาร์คฮยองชนกับไหล่ของแบมแบม พี่ชายคนโตมีสีหน้าตกใจมองไปมาเลิ่กลั่ก

    “กอดดิฮยอง” แจ็คสันขยับที่ให้ ผมเลยปล่อยมือจากเอวแบมแบมไปกอดเอวมาร์คฮยองดึงเข้ามาชิดแทน

    “มาดิ จินยอง” ผมพยักหน้าที่วางไว้ระหว่างไหล่ของยูคยอมกับแบมแบมให้เพื่อนสนิทที่ยังยืนนิ่งอยู่

    “เล่นอะไรกันเนี่ย” จินยองยังไม่ยอมขยับตัว

    “ไม่รู้เหมือนกัน ฉันออกมาก็เห็นเจ้าพวกนี้กอดกันอยู่แล้ว” แจ็คสันเอาแก้มแนบหัวแบมแบมหันไปพูด มือข้างหนึ่งกอดมาร์คฮยอง อีกข้างจับมือยองแจกอดพาดยูคยอม

    “แล้วนายก็เข้าไปกอดด้วยเนี่ยนะ” คุณแม่ของหอพูดหน้าเพลียๆ

    “ผมอยู่ดีๆ ก็ถูกลากมาด้วยเฉยเลย” ยองแจที่กอดเอาหน้าแปะหลังยูคยอมพูดเนือยๆ

    “ฮ่าๆๆ” ผมหัวเราะแล้วยื่นมือฝั่งที่เคยกอดยูคยอมไปหา “มาดิ Free hug เร็ว”

    จินยองค่อยๆ เดินมาหา พอมาใกล้ๆ ผมก็จับมือดึงเพื่อนเข้ามาร่วมก้อนกอดกลมๆ นี้ด้วย เจ้าตัวหน้าเหวอไปนิดหนึ่ง ตอนที่ผมกระชากเข้ามาแล้วคว้ากอดเอว มือข้างหนึ่งของจินยองคว้ากอดผมด้วยความตกใจ อีกข้างกอดยองแจ

    “ตกลงว่านี่มันเรื่องอะไรอะฮยอง” ยองแจถาม ยังคงเอาหน้าแนบหลังยูคยอมจนแก้มเบี้ยว

    “เทศกาลแจกกอด” ผมตอบขำๆ ต้องขอบคุณแจ็คสันที่มันบ้าวิ่งเข้ามามีส่วนร่วมด้วย ทั้งๆ ที่ไม่ได้รู้เหนือรู้ใต้อะไรกับเขา

    “เป็นครั้งแรกเลยใช่ปะที่เรากอดกันครบแบบนี้” เจ้ามันดูบ้าพูดยิ้มๆ แล้วฝังหน้าลงซอกคอแบมแบม ยูคยอมที่หันไปเห็นพยายามเอาหัวโขก

    “เออ ครั้งแรกเลย” ผมพูดกลั้วหัวเราะ “ควรมีคำพูดปลุกใจสักประโยคปะ”

    “หวังมันดู!” ไอ้ราชาเกี๊ยวเสนอ

    “ไม่มีทาง!” ยองแจค้านแทบจะทันที “เมี้ยวๆ จงเจริญ”

    “ผมเห็นหน้าแทคยอนฮยองลอยมาเลย” ยูคยอมพูดน้ำเสียงสยดสยอง

    “เจ็ดคนตลอดไป” จินยองที่ยืนก้มหน้าเงียบไว้บนไหล่ผมอยู่นานพูดโดยที่ไม่เงยหน้าขึ้น

    “เจ๋ง แล้วใครจะพูดล่ะ” ผมหันไปมองทางมาร์คฮยอง พี่ชายผมแดงยืนหลับตาก้มหน้าแตะหน้าผากไว้กับหัวแบมแบมนิ่ง ผมไม่เห็นหน้าแบมแบมเพราะเจ้าตัวเล็กซบหน้าลงบนอกผม มือกอดทั้งผมและยูคยอมแน่น

    “นายนั่นแหละพูด” แจ็คสันเสนอ

    “โอเค ฉันพูดแล้วพวกนายร้อง ’โอ้’ ด้วยนะ”

    “เอาเลยฮยอง จะบ้าก็เอาให้เต็มที่ก่อนใครมาเห็น”

    ผมหัวเราะคำพูดของยองแจตัวแสบแล้วกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น

    “เจ็ดคนตลอดไป!

    “โอ้!

    “เจ็ดคนตลอดไป!

    “โอ้!

    “เจ็ดคนตลอดไป!!!

    “โอ้!!!

    ทุกคนร้องตะโกนพร้อมกันแล้วปล่อยมือ ต่างคนต่างหันหน้ากันไปคนละทิศละทาง ซ่อนรอยยิ้ม ซ่อนสีหน้าท่าทาง และอาจจะซ่อนน้ำตา

    “น้ำตาจะไหลเลยว่ะ” เป็นแจ็คสันที่พูดขึ้นมาก่อน

    “เออ เหมือนกัน”  ผมพูดพลางเดินไปกอดคอยูคยอม “เห้ย ยูคยอม นายร้องไห้เหรอ!

    “ผมเปล่านะ”  เจ้าน้องเล็กเงยหน้ามาปฏิเสธ

    “นายน้ำตาคลอแน่ะ” ยองแจเอียงตัวมาล้อ

    “ผมไม่ได้น้ำตาคลอสักหน่อย!

    “จริงเหรอวะ ไหนๆ” แจ็คสันรีบปรี่เข้ามาดู

    “ผมเปล่าร้องไห้นะ!!

    “ฮ่าๆๆ” ผมหัวเราะลั่น หันไปมองก็เห็นแบมแบมเหล่มองมาร์คฮยองที่มองกลับเงียบๆ

    “อย่าแกล้งยูคยอมสิพวกนาย เอาผ้าเช็ดหน้าไหม” จินยองเองก็เข้ามาร่วมวงด้วย ผมหันไปยิ้มให้เพื่อนรัก และคราวนี้ก็ได้รอยยิ้มน่ารักกลับมา

    “ฮยองผมบอกว่าไม่ได้ร้องไง!

    “ยูคยอม ไม่ต้องอายน่า” แบมแบมเลิกมอง แล้วเดินมาใช้สองมือตบแก้มยูคยอมเบาๆ เหมือนกำลังปลอบใจ

    “ผมเปล่าอะไรเนี่ยผมไม่ได้ร้อง!” เจ้าลูกหมายักษ์ยิ่งโวยวายใหญ่

    “เดี๋ยวฉันพาไปซื้อขนม”

    “มาร์คฮยอง!

    “งั้นฉันจะทำของโปรดให้นายกินแล้วกันวันนี้”

    “ยองแจฮยอง!

    “ยูคยอมเสียน้ำตาแล้ว เป็นเจ้าสาวไม่ได้แล้ว”

    “ผมไม่ได้ร้อง แล้วก็ไม่ได้อยากเป็นเจ้าสาวด้วย!

    “เกี่ยวไรกับเจ้าสาวอะฮยอง”

    “แจ็คสันมันบ้า”

    “โบราณเขาว่าไว้ พวกนายไม่เคยได้ยินเหรอ!

    “โธ่ ยูคยอม”

    “แบมฮยองอย่ามาทำหน้าเหมือนสงสารผมนะ!!

    ปุๆ

    “แล้วมาร์คฮยองจะมาตบไหล่ผมทำไมเนี่ย!!!

    “ฮ่าๆๆ” ผมยิ่งหัวเราะหนัก

    คอยดูนะคุณ แทคยอนฮยอง ไอ้บททดสอบอะไรนั่น พวกเราจะผ่านมันไปให้ดู คอยดูดีๆล่ะ!

    -------------------------------------------------------------------------------------------------TBC


    จริงๆตอนนี้ก็ยังไม่ได้กระจ่างอะไรเท่าไหร่กับพี่บี(หรือบางคนแอบเห็นความกระจ่าง  ฮ่าๆๆ) แต่ถึงมันจะเป็นตอนที่เหมือนไม่มีอะไร แต่ตอนนี้จะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของอะไรหลายๆอย่างในตอนต่อๆไปค่ะ อะไรเล็กๆน้อยๆที่แทรกๆไว้ตลอดทั้งตอนนี่แหล่ะ

    ส่วนตอนหน้า แน่นอนว่าเป็นตาชายหวังออกมาแสดงตัว แจ็คสันคิดอะไรอยู่ ตั้งใจจะทำอะไร ตอนหน้ารู้กัน :)
    เห็นมีคนบอกว่าอยากอ่านตอนของมาร์ค มาร์คจะมาต่อจากแจ็คสันอีกทีค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×