ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Got7] Love hostel อลวนรักหอพักเมี้ยวๆ (จบ)

    ลำดับตอนที่ #15 : ตอนที่ 14 กุญแจ โดย แจ็คสัน รีไรท์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.07K
      50
      10 พ.ค. 61

    ตอนที่ 14

    กุญแจ โดย แจ็คสัน


     

    “ฮยอง อันนี้อยู่ชั้นบนหรือล่างนะ” ผมชูกล่องเล็กๆ ในมือ

    แทคยอนฮยองเงยหน้าจากแฟ้มงานขึ้นมาดู “พวกเอกสารอยู่ลิ้นชักล่าง ส่วนของอื่นๆ อย่างอันนี้อยู่ชั้นบน”

    พยักหน้าแล้วเก็บของที่ระเนระนาดอยู่รอบตัวจัดใส่ลิ้นชักต่อ

    ย้อนไปก่อนหน้านี้ประมาณ 15 นาที ผมถูกแทคยอนฮยองเรียกมาช่วยเลื่อนชั้นวางของในห้องสำนักงาน แต่ยกเอียงกันท่าไหนไม่รู้ ลิ้นชักไหลพรวดออกมา ข้าวของร่วงกระจายเต็มไปหมด เดือดร้อนผมต้องมานั่งแหมะอยู่บนพื้นเก็บของจัดใส่ให้ใหม่จนถึงตอนนี้

    “คุณฮยองไม่อยู่แล้วเหงาเนอะ” ผมพูดไปเก็บของไป

    “อือ” แทคยอนฮยองพยักหน้าตอบ “ทำไงได้ ก็เป็นงานของหมอนั่น”

    “ยังไม่ทันหายคิดถึงเลย ไปอีกละ”

    “นั่นดิ”

    แล้วเราสองคนก็ถอนหายใจพร้อมกัน

    “ฮยอง ช่างมาซ่อมท่อน้ำเครื่องซักผ้าเสร็จแล้วนะ” เจบีเปิดประตูพรวดพราดเข้ามา “อ้าว อยู่ด้วยเหรอแจ็คสัน” หันมาทักผมนิดหนึ่งแล้วเจ้าตัวก็คุยเรื่องงานกับแทคยอนฮยองต่อ ผมว่าถ้าแทคยอนฮยองจะยกหอนี้ให้เป็นมรดกกับใครสักคนคงหนีไม่พ้นเจบี

    ผมเก็บของใส่ลิ้นชักไปเรื่อยจนไปสะดุดกับซองสีน้ำตาลสี่เหลี่ยมขนาดเล็กที่เรียงซ้อนกันอยู่หลายอัน บนซองมีตัวเลขเขียนไว้อยู่ 201 202 203 นี่มันตัวเลขห้องที่แทคยอนฮยองบอกว่าตั้งไว้เก๋ๆ นี่หว่า

    “ฮยอง นี่ซองอะไรอะ” ผมหยิบมาซองหนึ่งยกชูถาม

    “อ๋อ ซองกุญแจสำรองพวกนายไง ไว้ลิ้นชักล่าง” เจ้าของหอตอบ

    ผมพยักหน้ารับรู้ก่อนจะเก็บซองใส่กุญแจทั้งหลายมารวมๆ กันไว้แต่ยังไม่เอาลงลิ้นชัก เก็บของอื่นไปก่อน

    “ถ้าผมขโมยของในนี้ไปฮยองจะรู้ตัวปะ” ผมถามหลังจากเจบีออกไปแล้ว

    “นายจะขโมยอะไรของฉันวะ” แทคยอนฮยองเงยหน้ามาถามกลับ

    “เวลาจะขโมยของ ใครเขาจะบอกเจ้าของก่อนล่ะว่าจะขโมยอะไร”

    “เวลาจะขโมยของ ก็ไม่มีใครเขาบอกเจ้าของก่อนว่าจะขโมยเหมือนกันโว้ย!

    ผมมองหน้ากับแทคยอนฮยองก่อนจะหัวเราะก๊ากด้วยกันทั้งคู่ พี่ชายเจ้าของหอส่ายหน้าก่อนจะทำงานต่อ ส่วนผมเองก็เก็บของต่อไป ใช้เวลาอีกพักหนึ่งผมก็เก็บทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วขอตัวออกมา

    หน้าห้องสำนักงานผมล้วงกระเป๋ากางเกงตัวเองแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ ในนั้นมีกุญแจที่แอบหยิบออกมาจากซอง 201 ก็แทคยอนฮยองไม่ได้พูดอะไร ถือว่าไม่ได้ห้ามแล้วกันนะฮยอง

     

    แกร๊ก

    กำลังจะเปิดประตูพอดีกับคนด้านในเปิดออกมา

    “โว้วๆ ตกใจหมดเลยฮยอง!” ยองแจผงะถอยหลัง

    “น้อยๆ หน่อย ฉันหล่อขนาดนี้ นายกล้าทำท่าทางแบบนั้นใส่ฉันได้ไงวะ”

    “ติดโรคหลงตัวเองมาจากแบมแบมจนได้สินะ” ไอ้ตี๋ตัวแสบพูดหน้าตาย

    “พอเลย” ผมผลักหัวมันก่อนจะเดินเข้าห้อง “แล้วนี่จะไปไหน”

    “ธุระ”

    “ธุระอะไร”

    “ธุระส่วนตัว”

    “ส่วนตัวอะไร”

    “เอ้า ก็บอกว่าส่วนตัวไงฮยอง”

    ผมมองหน้ายองแจ “ชเวยองแจ คราวก่อนที่นายแอบไปกินข้าวกับเจบียังไม่เคลียร์เลยนะเว่ย กล้าดียังไงมามีลับลมคมในกับฉันอีก”

    ยองแจหุบปาก ทำเป็นเหล่มองไปทางอื่น

    “ไอ้เด็กนี่มัน ฮึ่ย” เอื้อมมือไปจับหัวกลมๆ ของยองแจเขย่าไปมา

    “โอ๊ยๆๆ เวียนหัว เดี๋ยวผมอ้วกใส่นะ โอ๊ย”

    “ตกลงจะไปไหน”

    “ไปหาเจบีฮยอง” ยองแจตอบอย่างไม่เต็มใจนัก

    “ไปหาหมอนั่นทำไมนักหนาวะ พักหลังมานี่นายตามติดเจบีเกินไปแล้วนะ” ผมกอดอกว่า

    “โห ว่าแต่ผมแล้วฮยองอะ ตามติดมาร์คฮยองต้อยๆ เหมือนกันแหละ” ยองแจสวนกลับแทบจะทันที

    “ฉันมีเหตุผลของฉัน!” ผมเลิกคิ้วพูดเสียงสูง

    “ผมก็มีเหตุผลของผมเหมือนกัน!

    “เหตุผลไรวะ ไหนบอกมาหน่อยดิ๊”

    “แล้วฮยองมีเหตุผลอะไรล่ะ”

    เกิดเกมจ้องตาขึ้นระหว่างผมกับยองแจ งานนี้ไม่มีใครยอมใครครับ ผมจ้อง ไอ้ตี๋นี่ก็จ้องประหนึ่งว่าถ้าใครหลบตาก่อนจะต้องเป็นคนบอกเหตุผลมาซะอย่างงั้น

    “เล่นอะไรกันเหรอ~

    “เย้ย!!!” ทั้งผมทั้งยองแจสะดุ้งโหยงกระโดดออกจากกัน หันขวับไปมองตัวการที่จู่ๆ ดันยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ แบบไม่รู้ตัวเลยสักนิด

    “นึกไงมาเล่นจ้องตากันหน้าประตู” ตัวการทำชาวบ้านตกใจถาม

    “ไม่ได้นึกไง แล้วอะไรของนายวะ จู่ๆ โผล่มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง” ผมถามกลับ

    “ก็เห็นประตูเปิดอยู่” เจบีตอบก่อนจะเดินแทรกกลางระหว่างพวกผมเข้าไปในห้อง

    “ผมกำลังจะไปหาฮยองพอดี” ยองแจหน้าชื่นตาบานขึ้นกะทันหันอย่างน่าหมั่นไส้ เดินตามเจบีต้อยๆ เข้าไปด้านใน เออ เมินผมกันหมด

    “จะไปหาฉันมีไรเหรอ”

    “ผมมีการบ้านอยากให้ฮยองช่วยดูอะ”

    “นายไม่เห็นเคยมาถามเรื่องการบ้านกับฉัน” ผมยืนกอดอกถามจากตรงประตู

    “ก็ฮยองอยู่คนละสายกับผมอะ” ยองแจตอบปัดๆ แล้ววิ่งไปหยิบสมุดปรี่ไปเปิดให้เจบีดู

    ผมยืนโดดเดี่ยวอยู่ที่เดิม คนละสาย ผมเนี่ยนะ แล้วไอ้เจบีมันสายเดียวกันกับหมอนั่นตั้งแต่เมื่อไร เออ จำไว้เลย ถ้าโดนเจบีมันทำร้องไห้อย่ามาซบอกอุ่นๆ ของฉันนะ จำไว้ผมค้อนขวับใส่อากาศเนื่องจากไม่มีใครสังเกตแล้วเดินออกจากห้องไป

    “มาร์คฮยอง!” ผมตะโกนเรียกแล้ววิ่งไปหาร่างสูงโปร่งที่กำลังไปโรงรถทันทีที่เห็น พอดีเลย

    เจ้าของชื่อหยุดยืนหันกลับมามอง

    “จะไปไหนอะ” กระโดดไปดัก เงยหน้าถาม

    “ธุระ” พี่ชายผมแดงตอบสั้นๆ

    “โหย ขอทีเหอะ ตอนนี้ผมโคตรเกลียดคำว่าธุระเลย” ผมโวยวาย เมื่อกี๊เพิ่งโดนยองแจมันเขวี้ยงคำว่าธุระส่วนตัวใส่ตัวเบ้อเริ่ม “กลับบ้านเหรอ”

    “เปล่า”

    “แล้วไปไหนอะ”

    “ซื้อของนิดหน่อย”

    “คนเดียวเนี่ยนะ”

    “อืม”

    “โดดเดี่ยวเกินไปแล้วฮยอง เอางี้ เดี๋ยวผมไปเพื่อน ว่างพอดี” ผมยืดอกเสนอตัว แจ็คสันคนนี้มีน้ำใจเสมอครับ

    “ไม่เป็นไร” แต่มาร์คคนนี้ก็ไม่เคยเห็นน้ำใจผมเลยเหมือนกัน

    “ไม่เป็นไรได้ไง ไปคนเดียวเหงาจะตาย ผมไปเป็นเพื่อน” ผมยังไม่ละความพยายาม

    “ฉันไปคนเดียวสะดวกกว่า ไม่รบกวนนายหรอก”

    “รบกงรบกวนอะไร ผมว่าง!

    “ไม่...”

    “พอเลยฮยองไม่ต้องปฏิเสธ เมื่อกี๊ยองแจมันก็เมินผม เจบีก็ไม่สนใจผม ผมไม่ยอมโดนฮยองปฏิเสธอีกคนหรอกนะ ผมจะไปด้วย วิ่งไปรอที่รถเลยอะ เอาดิ จะไปอะ” ว่าแล้วผมก็วิ่งแน่บไปยืนรอที่รถจริงๆ

    มาร์คฮยองที่พูดไม่ทันผมเลยได้แต่ส่ายหัวยิ้มๆ แล้วกดรีโมทปลดล็อกให้ก่อนจะเดินตามมา

     

    “จะว่าไปบางทีฮยองก็เหมือนคุณฮยองนะ” ผมพูดขึ้นมาระหว่างทาง คนโดนว่าเหมือนพี่ชายไทยเหล่มองนิดหนึ่งเชิงสงสัย “ก็ชอบแอบไปไหนมาไหนเงียบๆ คนเดียว บางทีก็ดูลึกลับ”

    “นายคิดมากไปแล้ว แจ็คสัน” มาร์คฮยองพูดยิ้มๆ “ฉันไม่เหมือนคุณฮยองสักหน่อย”

    “อื้อหือ นานๆ ทีจะมีคนบอกว่าผมคิดมาก ปกติมีแต่คนบอกว่าผมคิดน้อย ฮ่าๆๆ”

    “ก็ดีแล้วนี่ เป็นแบบนายอย่างนี้ก็ดีแล้ว”

    “แต่ผมพูดจริงๆ นะที่ว่าฮยองคล้ายๆ คุณฮยอง เพียงแต่คุณฮยองดูไม่เหงาเท่าฮยอง” ผมพูดพลางเหล่มองพี่ชายผมแดง เจ้าตัวไม่ได้ตอบอะไร ผมเลยพูดต่อ “คงเพราะคุณฮยองมีแทคยอนฮยองมั้ง” ยังคงมีแต่ความเงียบกลับมา “แต่มาร์คฮยองเองก็ไม่ได้อยู่คนเดียว” เป็นที่แน่นอนแล้วว่ามาร์คฮยองคงไม่ตอบอะไรผมแน่ๆ ผมเลยได้แต่ทำปากบู้แล้วมองไปนอกหน้าต่างแทน

    ดีเจของคลื่นวิทยุที่เปิดอยู่เล่นเพลงเพราะๆ หลายเพลง ผมเลยนั่งฟังไปเรื่อยๆ มาร์คฮยองเองก็ขับรถไปเงียบๆ

    “ถ้าฮยองจะไปไหน เรียกผมได้ตลอดนะ” ผมพูด ทำลายความเงียบขึ้นมา

    “ขอบใจ แต่ไม่เป็นไร” ปฏิเสธอีกละ

    “งั้นถ้าผมจะไปไหน ผมเรียกฮยองให้มาเป็นเพื่อนได้ปะ” ลองเปลี่ยนคำถาม

    “อย่างนายคงมีคนไปด้วยเยอะแยะ” มาร์คฮยองพูดยิ้มๆ ยิ้มเครื่องหมายการค้า ผมเอื้อมมือไปแกะออกได้ไหมฮึ

    “ก็ถ้าผมอยากไปกับฮยองอะ ไม่ได้อยากไปกับคนอื่น”

    คราวนี้พี่ชายผมแดงเงียบ

    “แต่ฮยองไม่อยากไปกับผมใช่ไหมล่ะ ฮยองอะปฏิเสธผมเสมอ มีแค่ผมคนเดียวที่ฮยองเอาแต่ปฏิเสธตลอด”

    “ฉันเปล่า”

    “ตลอดเวลา” ผมหันหน้าไปพูดย้ำช้าๆ ชัดๆ

    มาร์คฮยองถอนหายใจ “ฉันขอโทษ ฉันก็แค่ชอบ...อยู่คนเดียว”

    “ไม่จริงอะ ฮยองไปไหนมาไหนกับจูเนียร์ ใครขอให้ทำอะไรฮยองก็ทำให้ มีแต่ผมที่ฮยองเอาแต่ปฏิเสธ”

    “โกรธฉันอีกแล้ว” คนชอบปฏิเสธหันมาพูดตอนติดไฟแดง แจ็คสัน”

    “เปล่า” ผมยกแขนดันมือมาร์คฮยองที่เอื้อมมาจะลูบหัวออก

    “ทำไงนายจะหายโกรธฉันล่ะ หืม”

    “เลิกเมินผมดิ”

    “ฉันไม่ได้เมินนายสักหน่อย”

    ผมทำเสียงหึในลำคอ ไม่ได้เมินเลยนะ ไม่ได้เมินเลยสักกะนิด ผมไม่ได้พูดอะไรอีก พอดีกับที่สักพักก็ถึงย่านการค้าพอดี

     

    “ไม่เคยมาเดินงี้กับฮยองเลยใช่มะ เท่าที่จำได้” ผมหันไปถาม บอกแล้วไงว่าไม่ได้โกรธ ไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยสักหน่อย ไม่ใส่ใจกับเรื่องแค่หรอก

    “เคยนะ เคยมากันหลายๆ คนอยู่หลายครั้ง” มาร์คฮยองตอบ ท่าทางนิ่งๆ กวาดสายตามองนู่นนี่ขรึมๆ แบบนี้ ไม่แปลกเลยที่สายตาสาวๆ รอบตัวแทบจะเขวมามองที่จุดๆ เดียว หันกลับมาดูตัวเอง ผมไม่ได้ตั้งใจจะออกไปไหนตั้งแต่แรก เสื้อยืดตัวยาวกับกางเกงสี่ส่วนกระเป๋าใหญ่ๆ ธรรมดาๆ เอิ่ม... เหมือนผมจะไม่ได้หวีด้วย

    “ฮยอง แวะร้านน้ำหอมตรงนั้นก่อนดิ” ช่างมันแล้วกัน ไม่มีใครรู้จักผม ผมก็ไม่ได้รู้จักใครสักหน่อย

     

    “เอาขวดนี้หรือขวดนี้ดีอะ” ผมยกน้ำหอมสองขวดที่เลือกได้ชูตรงหน้าคนยืนทำหน้านิ่งข้างๆ

    “นายชอบกลิ่นไหนก็ซื้ออันนั้นสิ” มาร์คฮยองพูดกลางๆ

    “ผมก็ชอบทั้งสองนะ แต่รูปลักษณ์อย่างผมนี่ควรเอากลิ่นแบบเซ็กซี่ๆ ว่าปะ ฮยองว่าผมเซ็กซี่มะ” ถามพลางเอาไหล่กระแทก

    “ไม่อะ”

    “ซื่อตรงหน่อยฮยอง”

    คนอายุมากกว่ายิ้มขำ “นี่ซื่อตรงสุดๆ แล้ว”

    “โห ฮยองไม่มีศิลปะในการมองเลยอะ”

    “เกี่ยวอะไรกับศิลปะ”

    “มองอย่างเป็นศิลปะ แล้วฮยองจะเห็นความเซ็กซี่ในตัวผมไง” ผมพูดพลางขยิบตาให้

    มาร์คฮยองหัวเราะ ไม่ได้พูดอะไรอีก

    “ผมเก่งเรื่องเปรียบเทียบใช่ไหมล่ะ”

    “นายเก่งเรื่องเอาสารพัดเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวกันมาโยงกันน่ะสิ”

    “ผมเอาขวดนี้แล้วกัน มันมีเลข 7 อยู่ในราคา หมายถึงพวกเราเจ็ดคน แล้วเลข 7 ก็คล้ายๆ กับตัว J กลับหัว”

    มาร์คฮยองทำท่าคิดอยู่พักหนึ่งก็หัวเราะออกมา “นั่นไง นายเก่งเรื่องพวกนี้จริงๆ ด้วย”

    ผมเลยหันไปกะพริบตาถี่ๆ ยิ้มกวนใส่แล้วเดินไปจ่ายตังค์

    “ฮยองรู้ปะว่าช่วงนี้เจบีมันเอาแต่เดินเตร่ไปเตร่มากวนชาวบ้านเขาไปทั่ว” ผมชวนคุย

    “แล้วยังไง” มาร์คฮยองถาม เหมือนไม่ค่อยแน่ใจนักว่าผมพูดถึงเรื่องอะไร

    “ก็ฮยองไปเอาจูเนียร์มา หมอนั่นก็ว้าเหว่ดิ เป็นตาแก่ไร้หลักแหล่งเลย”

    “นายจะบอกว่าฉันควรคืนจูเนียร์ให้เจบี ทั้งๆ ที่ฉันไม่ได้ทำอะไรเนี่ยนะ”

    “ช่าย ก็บอกแล้วว่าฮยองเรียกผมได้ทุกเมื่อถ้าเหงา”

    “ใจดีจังนะ แจ็คสัน” มาร์คฮยองหันมายิ้มอ่อนโยน ผมยิ้มกลับ อยากจะบอกว่าผมชอบรอยยิ้มแบบนี้มากกว่ายิ้มเครื่องหมายการค้านั่นตั้งเยอะ แต่ถ้าพูดออกไปมีหวังได้กลับไปยิ้มแบบเดิมอีกแหงๆ ไม่พูดดีกว่า

     

    “ฮยอง ไว้วันหลังไปอีกนะ” ผมหันไปบอกพี่ชายผมแดงที่เดินแยกไปฝั่งบันไดหอพัก

    “ไปซื้อของเป็นเพื่อนนายอะนะ” มาร์คฮยองหันมาถามยิ้มๆ

    “ไปซื้อเป็นเพื่อนฮยองสิ”

    “นายซื้อเยอะกว่าฉันอีก” เออจริง

    “เอาน่า เป็นเพื่อนใครก็เหมือนกันแหละ”

    คนขี้เหงาแต่ไม่ยอมรับว่าตัวเองเหงาหัวเราะนิดๆ แล้วเดินขึ้นบันไดไป ส่วนผมหอบหิ้วของเข้าห้อง

    “ยองแจฉันซื้อของมาฝากนายด้วย ยองแจ!” ผมตะโกนเรียก เดินไปเปิดประตูห้องนอนรูมเมทแต่ไม่มี “ไปไหนวะ” พอไม่เห็นเจ้าตัวเลยวางถุงของฝากไว้บนเตียงมัน “อ้าว ถุงนี้ของมาร์คฮยองนี่”

    เอาของตัวเองไปวางไว้ในห้องนอนแล้ว ผมเลยเดินถือถุงของมาร์คฮยองที่หยิบติดมาตรงไปห้องเจ้าตัว

    “เหรอฮะ ถึงว่าวันนี้ผมไม่เห็นฮยองเลย” หืม เสียงแบมแบม ดีเลย มาร์คฮยองคงยังไม่ได้เข้าห้อง ผมรีบก้าวขึ้นบันไดเร็วๆ

    “นาย เอ่อ ฉันให้” เสียงทุ้มคุ้นเคยยืนยันได้ดีว่าเป็นมาร์คฮยองที่ยืนคุยกับแบมแบมอยู่

    “ให้ผมเหรอ”

    “อืม”

    “เอ่อ ซื้อมาฝากผมจริงๆ เหรอฮะ คือก่อนฮยองไปก็ไม่ได้...เจอผม แล้ว...”

    “ฉัน...”

    บทสนทนาน่าอึดอัดแปลกๆ นั่นมันอะไร เท้าผมหยุดชะงักอยู่ตรงบันไดขั้นก่อนสุดท้าย

    “พอดีหยิบติดมือมาแล้ว...เอ่อ มันน่าจะเหมาะกับนายมากกว่า”

    “...”

    “ฉันเข้าห้องก่อนนะ”

    “มาร์คฮยอง เดี๋ยวฮะ”

    “...”

    “คือผม เอ่อ...ขอบคุณนะฮะ”

    ผมค่อยๆ เดินออกมาจากตรงบันไดเงียบๆ มาร์คฮยองเข้าห้องตัวเองไปแล้วส่วนแบมแบมยังก้มมองถุงของฝากในมือสลับกับประตูห้องข้างๆ ที่เพิ่งปิดลง ร่างเล็กหมุนตัวเก้ๆ กังๆ ก่อนจะกลับเข้าห้อง คิ้วสองข้างขมวดเข้าหากัน ไม่เคยสังเกตเลยว่าระหว่างมาร์คฮยองกับแบมแบมมีความอึดอัดแปลกๆ แบบนี้ เพราะเวลาที่อยู่ด้วยกันหลายคนสองคนนี้ก็ดูปกติดี

    ติ๊งต่อง เดินไปกดออดห้องพี่ชายผมแดง จุดหมายตั้งแต่แรกของผม

    “แจ็คสัน มีอะไรเหรอ” มาร์คฮยองถาม สีหน้าท่าทางดูปกติ

    “ผมหยิบของฮยองติดมาด้วย” ยื่นถุงในมือให้

    “อ่า ขอบใจนะ”

    “ฮยอง...”

    มาร์คฮยองเลิกคิ้วเชิงถาม แต่ผมก็ดันถามไม่ออก

    “มากับผมแป๊บดิ” พูดแล้วก็คว้าข้อมือคนตรงหน้าดึงให้ตามมา

    “เดี๋ยวๆ แจ็คสัน เดี๋ยว จะไปไหน”

    “ถ้าผมขอเข้าไปคุยในห้อง ฮยองก็คงไม่ให้ผมเข้าไปอยู่ดีใช่ไหมล่ะ” ผมพูด มือก็ลากคนอายุมากกว่าลงบันไดตามมาด้วย

    “แจ็คสัน ฉันไม่ชอบแบบนี้นะ”

    “ผมก็ไม่ชอบแบบนี้เหมือนกัน” ผมเปิดประตูห้องตัวเอง ได้ยินเสียงถอนหายใจปลงๆ มาจากด้านหลัง

    มาร์คฮยองยอมให้ผมจูงจนมายืนกอดอกอยู่ในห้องนอน ทำสายตาเหมือนรออยู่ว่าผมมีเรื่องอะไร

    “อ๊า ผมจะเริ่มยังไงดีล่ะเนี่ย” ผมเกาหัวตัวเองจนยุ่งก่อนจะหันไปประจันหน้า “เฮ้อฮยองมีเรื่องอะไรกับแบมแบมหรือเปล่า” เพราะเรียบเรียงคำพูดเกริ่นเข้าเรื่องไม่ถูก เลยตัดสินใจถามมันไปตรงๆ เลย

    ใบหน้าหล่อเหลาที่มักจะติดเรียบเฉยดูตกใจกับคำถามโต้งๆ จากผม

    “มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า”

    มาร์คฮยองมองหน้า แต่ไม่ตอบ

    “ฮยอง ผมถามอยู่นะ”

    ผมจ้องหน้า มองลึกลงไปในดวงตา แววสั่นไหวในนั้นทำให้เริ่มเข้าใจ

    “เรื่องนั้นใช่ไหม เรื่องที่ฮยองบอกว่าลืมไม่ได้” มาร์คฮยองหลบตาวูบ และนั่นก็เพียงพอให้รู้ว่าผมคิดถูก ผมอึ้ง ไม่คิดว่าสาเหตุจะเป็นคนใกล้ชิด ไม่คิดว่าจะเป็นแบมแบม

    “ฉันขอตัว...”

    “ไม่!” ผมรีบคว้าแขนคนตรงหน้าไว้ “นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ ระหว่างฮยองกับแบมแบม!

    “นายเคยบอกว่าไม่อยากรู้แล้ว”

    “นั่นเพราะผมไม่รู้ว่ามันเกี่ยวกับแบมแบมด้วย!

    “ฉันไม่มีอะไรจะพูดทั้งนั้น”

    “ฮยอง!

    “มันไม่ใช่เรื่องของนาย!

    ผมอึ้ง ไม่ใช่เรื่องของนาย ไม่น่าเชื่อว่าประโยคสั้นๆ แค่นี้จะทำให้รู้สึกเจ็บขึ้นมาได้ ผมมองหน้ามาร์คฮยองที่ยังคงไม่สบตาก่อนจะค่อยๆ พูดช้าๆ “ใช่ มันไม่ใช่เรื่องของผม แต่มันเป็นเรื่องของคนที่ผมใส่ใจ เป็นเรื่องของพี่ผมน้องผม”

    มาร์คฮยองหันกลับมามอง “แจ็คสัน ฉัน...”

    “ฮยองคงรำคาญใช่ไหมล่ะ ที่ผมเอาแต่ตามติดถามนู่นถามนี่ วุ่นวายอยู่ตลอด แต่ผมจะบอกให้นะว่าถ้าไม่ใช่คนที่ผมใส่ใจ ถ้าไม่ใช่คนสำคัญผมจะไม่ยุ่งเลย”

    ไม่มีคำพูดใดๆ จากคนตรงหน้า

    “ผมไม่อยากให้ฮยองแยกตัวเองไปอยู่คนเดียว ไม่อยากเห็นรอยยิ้มเครื่องหมายการค้า ไม่อยากเห็นกำแพงตรงนี้” ผมยกมืออีกข้างขึ้นมากางตรงหน้าคนตัวสูงกว่า

    “ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะว่านาย” มาร์คฮยองพูด น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเสียใจ ในขณะที่ผมมองแล้วอดไม่ได้ ต้องดึงคนตรงหน้าเข้ามากอด

    ผมไม่ได้อยากจะทำร้ายมาร์คฮยองเพิ่ม ไม่ได้อยากรื้อฟื้นหรือทำให้ต้องเจ็บปวด ผมก็แค่ปล่อยไปไม่ได้ ปล่อยคนคนนี้ไว้แบบนี้ไม่ได้ ไม่ได้จริงๆ

    “ก็ได้ ผมจะไม่ถามเรื่องแบมแบม” ผมคลายอ้อมกอดแล้วถอยออกมา “แค่เรื่องแบมแบม”

    มาร์คฮยองมองหน้า

    “ผมเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าผมมันหน้าด้าน เพราะงั้นต่อให้ฮยองจะปฏิเสธผมอีกเป็นร้อยเป็นพันครั้งมันก็เรื่องของฮยอง กำแพงนั่นถ้าฮยองไม่เอามันออกไป ผมนี่แหละจะทุบมันเข้าไปเอง”

    “นาย...”

    “ถ้าจะปฏิเสธ ฮยองก็รู้ไว้เลยว่ามันไม่ได้ผล”

    มาร์คฮยองจ้องประสานสายตาผมที่จ้องกลับ ก่อนจะหันหลังแล้วเดินออกไปโดยที่ไม่พูดอะไร

     

    ผมหลับตาแล้วทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง เอามือสองข้างเท้าขอบเตียงไว้ เงยหน้าขึ้น

    “พูดไปจนได้” ลืมตามองเพดานนิ่งอยู่พักหนึ่งก่อนจะล้วงกระเป๋าหยิบกุญแจสำรองออกมา

    สีหน้าแววตาของมาร์คฮยองตอนงานเลี้ยงวันเกิด ทั้งคำพูดที่บอกว่าฉันลืมไม่ได้ ทุกอย่างบ่งบอกได้ดีถึงความรู้สึกมากมายที่มีให้น้องชายตัวเล็กคนนั้น ความรู้สึกที่จนกระทั่งตอนนี้มันก็ยังไม่เปลี่ยนไป

    มือพลิกกุญแจดอกเล็กไปมา ผมไม่ได้...รู้สึกอะไรแบบนั้น ผมแค่เป็นห่วง แค่อยากให้ทุกคนสนิทกันเข้าไว้ ผมก็แค่ผิดสังเกตกับรอยยิ้มแปลกๆ ของมาร์คฮยอง ก็แค่บังเอิญเห็นกำแพงนั่น ผมก็แค่...อยากช่วย ใช่...ก็แค่นั้น

    กำแพงนั่นผมจะทุบมัน ผมพูดจริงๆ ผม... บางทีผมอาจจะรู้เยอะเกินไป

    เบนสายตามามองกุญแจในมือก่อนจะลุกขึ้นเดินออกจากห้อง จุดหมายอยู่ที่ห้อง 202 ห้องของแบมแบม



    --------------------------------------------------------------------------------------------TBC


    หวังแจ็คสันกผู้ชายตัวจริงกระทิงแดง ผ่าง!!!! จะเบรคอารมณ์รีดไปไหน  ฮ่าๆๆๆๆ
    แอบฮาคอมเม้นที่ลุ้นว่าหวังจะเป็นเคะหรือเมะ บางทีเรื่องนี้อาจจะน่าลุ้นกว่าใครคู่ใครนะ ลองคิดดูเล่นๆ จะเป็นเจบีแจ็คสันหรือแจ็คสันเจบีดีนะ เดี๋ยว! ทำไมมายกตัวอย่างคู่นี้ล่ะ (ข้ามตรงนี้ไป ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่อง ฮา)
    ส่วนกลุ่ม 7 หนุ่มของรุ่นพี่ อาจจะโผล่มาแว้บๆบางคนไม่ก็มีพูดถึงนิดๆหน่อยๆในอนาคตนะคะ แต่คงไม่ถึงกับมาเล่าทั้งหมดหรือเป็นไซด์สตอรี่อะไรขนาดนั้นค่ะ แค่ 7 คนรุ่นนี้ก็ไม่ไหวจะซับซ้อนวุ่นวายแล้ว แหะๆ

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×