Warm Memories of Kinderszenen - Warm Memories of Kinderszenen นิยาย Warm Memories of Kinderszenen : Dek-D.com - Writer

    Warm Memories of Kinderszenen

    เรื่องราวของเด็กหนุ่ม "เคิร์ธ" ผู้กลับมาเยี่ยมเยียนบ้านเกิดที่เคยถูกทอดทิ้งเพราะสงคราม สถานที่แห่งนี้เก็บรวบรวมความทรงจำของเขา เก็บความสุขในวัยเด็กของเขากับ "มาร์ติน" น้องชายคนเดียวของเขาเอาไว้

    ผู้เข้าชมรวม

    106

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    106

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  13 ส.ค. 57 / 15:05 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น


        





    Theme Credit : http://writer.dek-d.com/loveprettygang/story/viewlongc.php?id=595078&chapter=13


    :) Shalunla .head1 { background:#3c312b !important; border:1px solid #3c312b !important; } .head1 h1 { color:#f4f1ef !important; font-family: Tahoma ; border:1px dashed #f4f1ef !important;} .head2 font { color:#f4f1ef !important; font-size:12px; } .head2 table,.head2,.head2 td { background:#3c312b !important; } .tableblack { border-bottom:4px solid #ffffff !important; color:#ffffff; font-size:12px; font-weight:400; } h2 { color: #352b1f !important ;} span.desc_head {font-weight: bold;} span.small_title { color:#ffffff !important;} Shalunla
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
       

            "อา... มองเห็นแล้วล่ะ" เด็กหนุ่มผมสีทองตะโกนบอกคนราวสิบชีวิตซึ่งโดยสารเรือสำเภาที่ไม่เล็กและไม่ใหญ่นี้ เมื่อเห็นท่าเรือของเมืองร้างแห่งหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นจุดหมายปลายทางของการเดินทางของผู้คนมากมายบนเรือ "คินเดอร์ซีเนน... บ้านเกิดของผม"

       

           "ฮีบ!" เด็กหนุ่มกระโดดลงมาจากเรือทั้ง ๆ ที่สำเภาลำนั้นยังจอดไม่เรียบร้อยดีนัก ช่างเป็นการกระทำที่ไม่น่าเอาเยี่ยงอย่างเสียจริง...

       

           "เคิร์ธ! ข้าบองเอ็งแล้วไงว่าอย่ากระโดดลงไปอย่างนั้น! ทำไมต้องให้ข้าบอกทุกทีที่โดยสารไปกับเอ็งห้ะ?!" ชายวัยห้าสิบปลาย ๆ ส่งเสียงก่นด่าเด็กชายผู้มีนามว่าเคิร์ธด้วยอารมณ์เสียอย่างมาก

       

           "ขอโทษฮะลุงฮิว~"

       

           "น่ะ... บอกแล้วไงว่าข้าชื่อฮุกเบิร์ตไม่ใช่ฮิวเบอร์! นั่นมันชื่อน้องชายข้า!!" 

       

           "ครับ ลุงฮิวเบอร์~" เคิร์ธออกตัววิ่งเข้าไปในเมืองโดยไม่สนใจชายวัยกลางคนผู้กำลังหัวเสียอยู่บนเรือ ที่ที่เขากำลังวิ่งไปอยู่นั้นก็คือโบสถ์คริสต์ที่ถูกทิ้งร้างเอาไว้แห่งหนึ่ง ถึงแม้จะผ่านสงครามมานับชั่วอายุคนไม่ได้ โครงสร้างของอาคารแห่งนั้นก็ยังคงไม่ทลายลงมา นับเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก!

       

           เมื่อมาถึงโบสถ์แล้ว เด็กหนุ่มก็อ้อมไปที่หลังโบสถ์แห่งนั้น เผยให้เห็นสุสานที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยเหล่าต้นไม้มากมาย เขาหยุดหอบหายใจที่หน้าหลักของหลุมศพแท่นหนึ่งซึ่งสลักชื่อลาง ๆ เอาไว้ว่า 'Martin Frueh' ก่อนที่จะทิ้งตัวลงไปนั่งกอดหลักหลุมศพ ทันใดนั้น หยาดน้ำใส ๆ เริ่มไหลรินออกมาจากนัยน์ตาของเด็กชายโดยที่ใบหน้าของเขาก็ยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม "มาร์ติน..."

       

           เมื่อราวสิบปีที่แล้ว สถานที่แห่งนี้เคยเกิดสงครามที่พรากชีวิตของชาวเมืองไปนับไม่ถ้วน เกิดขึ้นเนื่องด้วยความโลภของเหล่าผู้มีอำนาจ ราชวงศ์ทั้งหลาย ทำให้ประชาชนผู้ยากไร้ซึ่งได้รับผลกระทบให้ลำบากมากมายได้ก่อกบฏขึ้น และประเทศก็ถูกแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ได้แก่ กลุ่มผู้ที่เรียกตัวเองว่า'Die Zivilisation (ดีซีวิลิสซัสซอน)' หรือย่อ ๆ ว่าดีซีวีลิส แปลตรง ๆ ได้ว่าเหล่าผู้มีอารยธรรม ซึ่งก็แน่นอนว่าเป็นกลุ่มของเหล่าผู้มีชนชั้นวรรณะสูง เป็นต้นว่าเหล่าขุนนางในวัง เหล่าทหาร หรือพวกชนชั้นสูงในขณะนั้น กับกลุ่ม 'Menschen (แมนเชิน)' หรือว่าแปลตรง ๆ ก็คือเหล่าประชาชนนั่นเอง สงครามครั้งนั้นจบลงโดยที่เหล่าดีซีวิลิสเป็นผู้พ่ายสงคราม แต่ทว่าก็พูดไม่ได้ว่าเหล่าแมนเชินได้รับชัยชนะ เพราะสามในสี่ของประชากรได้เสียสละชีพ เลือดเนื้อของตนไปกับสงครามครั้งนั้น รวมถึง มาร์ติน น้องชายของเคิร์ธด้วย... 

       

           ครอบครัวของเคิร์ธนั้นมีเพียงแค่สองคนคือตัวของเขาและน้องชาย พ่อแม่ของเขาเสียชีวิตไปตั้งแต่ทั้งคู่นั้นยังเล็กและทั้งสองก็ถูกขายทอดตลาดกลายเป็นทาสให้กับเหล่าผู้มีเงิน วัน ๆ ก็ได้แต่โดนกระทำมิดีมิร้ายมากมายด้วยความต้องการของเหล่ามาดามและเซอร์ผู้เห็นชีวิตคนต่ำต้อยเป็นเพียงผักปลา หรือเพียงแค่สัตว์เลี้ยงเทียบเท่าเหล่าสุนัขหรือแมวเท่านั้น เมื่อเหล่าทาส ไพร่ หรือประชาชนอดทนไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้นจนความโกรธสะสมรวมกันเป็นพลัง สงครามนี้จึงเกิดขึ้นนั่นเอง

       

           "พี่กลับมาหาน้องแล้วนะ..." เด็กหนุ่มยังคงยิ้มทั้งน้ำตา ถึงแม้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นจะน่าเศร้ามากเพียงใด ในความเศร้านั้นก็คงยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขเช่นกัน ความสุขที่เคยได้อยู่กับน้องชายผู้เป็นที่รัก ความสุขที่ได้เห็นดวงอาทิตย์ยามอัสดงค่อย ๆ ตกสู่พื้นทะเลไปทีละน้อย ความสุขเล็ก ๆ ที่ก่อเกิดขึ้นด้วยสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น นั่นก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่เขาจะไม่เสียใจหรือร้องโหยหวนกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่เหตุผลที่สำคัญก็คือ เด็กหนุ่มสัญญาไว้กับผู้เป็นน้องแล้วว่า เขาจะยิ้มตลอดเวลา แม้ว่ายามทุกข์ หรือยามสุข ยามกังวล หรือยามคิดถึง หรือแม้วาระสุดท้ายของชีวิตใครก็ตาม...

       

           "เคิร์ธ... ให้ตายเถอะ มาอยู่ที่นี่เองสินะ!" ชายหนุ่มวัยยี่สิบปลาย ๆ ผู้มีผมสีแดงเข้มเอ่ยขัดจังหวะเวลาความสุขของพี่น้องได้อย่างเหมาะเจาะพอดี "อ่า... ไม่ใช่ว่าชั้นอยากจะมาขัดนายหรอกนะ แต่ว่าพิธีกำลังจะเริ่มในอีกสิบห้านาทีแล้วนะ"

       

           "ลุค? ขอชั้นอยู่แบบนี้อีกสักพักได้มั๊ย..." เคิร์ธบอกชายหนุ่มคนนั้นก่อนจะปาดน้ำตาออก

       

           "ตามใจนายละกัน..." ลุคถอนหายใจก่อนจะคลายผ้าพันคอสีแดงออกจากลำคอของเขาแล้วโยนไปให้เด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ "อยู่ในสภาพนั้นเดี๋ยวก็หนาวตายตามน้องชายนายไปหรอก!"

       

           "ผ้า...พันคอ? อื้ม! ขอบใจนะลุค ชั้นจะรีบไปก่อนพิธีเริ่ม" เคิร์ธยิ้มให้กับชายหนุ่มผู้กำลังหน้าแดงเล็กน้อย

       

           "กะ ก็ไม่ได้เป็นห่วงอะไรหรอกนะ! แต่ว่ารีบมาล่ะ ชั้นจะรออยู่หน้าประตูโบสถ์นะ" ลุคพูดก่อนจะหันหลังเดินออกไป

       

           "ใจดี... เหมือนกันแฮะ..." เด็กหนุ่มบอกก่อนจะหัวเราะเบา ๆ กับตัวเอง

       

       





       

           พี่ชาย... ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวแล้วสินะ?


       

           เพียงเท่านี้... ก็ไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว


       

           ผมรักพี่นะครับ...



       

       

      ----------------------------------------------------------------------------------------------------------

       

      Writer's Talk :

      นิยายสั้นอันนี้แต่งเป็นการบ้านของที่เรียนพิเศษน่ะ จริง ๆ เค้าให้แค่ฟังเพลงที่จะเล่น(อิเล็กโทน)แล้วมโนขึ้นมาเป็นเรื่อง เพื่อที่จะให้เข้าถึงฟีลอ่ะนะ.... แต่ทำไปทำมาเริ่มอินฮะ.... ยาวเบย ฟฟฟฟฟฟฟ

       

      ฝากติชม แก้ไขงานด้วยนะฮะ~ ; v ;)/

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×