คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : Scene 16 :: พี่เขาหึง (100%)
Scene 16
พี่เขาหึง
สิ่งแรกที่มองเห็นเมื่อตื่นนอนคือแสงสว่างที่ลอดผ่านเข้ามาทางผ้าม่านสีน้ำตาลซึ่งเปิดออกเพียงเล็กน้อย ทั้งที่เมื่อคืนมันถูกเปิดไว้เพื่อให้เห็นวิวทิวทัศน์ของท้องทะเลยามค่ำคืน คาดว่าพี่พระเอกคงทำอะไรหลายอย่างตอนที่เขาผล็อยหลับไป
ปรือตามองอยู่แค่ครู่เดียวก่อนจะรู้สึกได้ว่าตอนนี้ร่างของเขานั้นถูกกอดไว้โดยใครอีกคน พร้อมศีรษะที่ควรหนุนอยู่กับหมอนแต่มันกลับเป็นท่อนแขนแกร่งอุ่น ๆ ของคนที่นอนซ้อนอยู่ข้างหลัง
เด็กน้อยไม่ได้ขยับตัว เขารู้สึกเหมือนร่างกายแทบเป็นหินหลังจากตั้งสติได้ แบคฮยอนไม่อยากคิดว่าตัวเองเป็นคนลามก แต่เรื่องราวเมื่อคืนมันดันผุดเข้ามาในหัวทันทีแม้ว่าจะไม่ตั้งใจ ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของพี่พระเอกที่คล้ายกับว่ากำลังกระซิบข้างหู สัมผัสจากมือใหญ่แล้วก็...
กู – ตาย – ไป – แล้ว
เด็กน้อยหลับตาปี๋พลางกัดริมฝีปากล่างแน่นจนเลือดห้อ รู้สึกเหมือนจะเป็นบ้าที่ตื่นขึ้นมาก่อนคนที่นอนกอดอยู่จากข้างหลัง แต่ถ้าตื่นช้ากว่านี้แบคฮยอนก็ไม่รู้ว่าต้องทำหน้ายังไงให้ดูปกติที่สุด เด็กน้อยค่อย ๆ ลืมตาขึ้นพร้อมใบหน้าที่ร้อนเหมือนไฟ
“บ้าเอ๊ย...” คนตัวเล็กงึมงำก่อนจะเบิกตากว้างเมื่ออยู่ ๆ วงแขนที่กอดร่างเขาเอาไว้ก็กระชับให้แน่นยิ่งขึ้นเข้าไปอีก
แบคฮยอนกระพริบตาปริบ ๆ ชั่วอึดใจเลยทีเดียวที่เขาให้เวลาตัวเองตั้งสติก่อนจะค่อย ๆ หันหน้าเข้าหาคนตัวโตที่อยู่ข้างหลัง
ใบหน้าคมตอนโดนแสงแดดส่องเพียงแค่เสี้ยวเดียวยังคงหล่อไม่ต่างจากตอนอยู่ในจอแก้ว แบคฮยอนขยับตัวเล็กน้อยเพราะไม่อยากให้คนหลับต้องตื่น
อดที่จะยิ้มไม่ได้กับความรู้สึกในตอนนี้ ถึงจะยังเขินเรื่องเมื่อคืนอยู่แต่ขอเดาเอาเองว่าพี่พระเอกคงไม่เก็บมันมาล้อให้เขาต้องอับอายแน่ ภาพตอนอีกฝ่ายแสดงออกถึงความอ่อนโยนยังคงตราตรึงอยู่ในใจ ถึงจะยังไม่มีอะไรกันโดยตรง แต่การถูกสอนให้รู้ว่าความรู้สึกนั้นเป็นยังไงก็นับว่าบยอนแบคฮยอนได้กลายเป็นของพี่พระเอกแล้วแม้ว่าเมื่อคืนผู้ชายคนนี้จะจัดการทุกอย่างให้เขาด้วยมือก็ตาม
ทำไมดูเพ้อเจ้อและลามกอย่างนี้...
“ตื่นแล้วเหรอครับ” เสียงงัวเงียแผ่วเบาทั้งที่ยังหลับตานั้นเซ็กซี่เป็นบ้า แบคฮยอนไม่รู้ว่าจะต้องปรับสีหน้าให้เป็นแบบไหนกับความเปลี่ยนแปลงที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อคืน ถ้าจะให้บ้าบอคอแตกเหมือนปกติก็ทำไม่ออกอีก
“อือ”
“ผมยังง่วงอยู่เลย”
“ก็นอนต่อเลย... ผมไม่ได้ปลุกพี่อะ” คนตัวเล็กรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นหมาน้อยเชื่อง ๆ อีกแล้ว วินาทีนี้พี่พระเอกจะนอนแล้วตื่นมาอาบน้ำกลับโซลก็ย่อมได้ ถือว่าบยอนแบคฮยอนมิชชั่นคอมพลีท
พระเอกหนุ่มค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมอง เด็กน้อยคิดว่าคนตรงหน้าไม่ควรบริหารอัตราการเต้นของหัวใจเด็กแต่เช้าแบบนี้ แบคฮยอนหลับตาลงเมื่ออีกคนเลื่อนใบหน้าเข้ามาจูบเหม่งเขาพร้อมทักทายยามเช้าเสียงพร่าเบาว่า ‘Good Morning.’
“นี่พี่”
“หืม...”
“เราจะอยู่แต่ในห้องกันจริง ๆ ดิ” เด็กน้อยถามอย่างชั่งใจ กลัวว่าอีกฝ่ายจะหาว่าลามกทั้ง ๆ ที่คำถามมันจำเป็นต้องได้คำตอบเคลียร์ ๆ
คืออยู่แต่ในห้องมันจะทำอะไรกันได้อีก เล่นฟรุ้ทนินจาสู้กันจนกว่าแบตจะหมดเหรอ หรือว่านั่งมองทะเลไปเรื่อย ๆ จนกว่าตะวันจะตกดิน พระเอกหนุ่มลืมตาขึ้นมองใบหน้าซนที่ฉายไปด้วยความสงสัยก่อนจะยิ้มบาง ๆ
“คุณไม่อยากอยู่เหรอ?”
“ไม่ใช่อย่างนั้น ก็ถามดู เผื่อพี่พูดเล่นไรงี้” แบคฮยอนกลอกตาหลบเมื่อรู้สึกได้ว่าเผลอสบตากับผู้ชายคนนี้นานเกินไป
“ผมไม่พูดเล่นกับเรื่องที่จริงจัง”
“เอ้อ... ก็นะ” ร่างเล็กพยายามทำตัวให้สบายที่สุดเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายจับผิดได้ว่าเขากำลังจะระเบิดตายกับเรื่องเมื่อคืนจนไม่กล้าสบตานาน ๆ ซึ่งมันจะดีนะถ้าพี่พระเอกตีเนียนไม่พูดถึงเรื่องนี้
“เมื่อคืนหลับสบายไหม?”
รวดเร็ว ทันใจ ยิ่งกว่าประกันรถอีกซั้ซ!
“ห... ห๊ะ?”
คนตัวสูงไม่ได้ถามซ้ำเมื่อเด็กน้อยในอ้อมกอดทำหน้าเหรอหราพร้อมแก้มที่ขึ้นสีจัด ชายหนุ่มเพียงแค่อมยิ้มกับท่าทางอีกฝ่ายก่อนจะรั้งร่างตรงหน้าเข้ามาใกล้ยิ่งกว่าเดิม ชานยอลไม่ได้อยากแกล้งให้เด็กสติแตก เขาแค่อยากกอดก็เท่านั้น
“พี่ถามไรวะเนี่ย ก็ต้องหลับสบายดิ แอร์เย็นเตียงนุ่มแบบนี้” สองมือเล็กพยายามดันแผงอกของเขาไว้พร้อมใบหน้าที่งุดลง แบคฮยอนกลายเป็นหนอนดักแด้ใต้ผ้านวมสีขาวไปแล้ว
“คิดลามกอยู่หรือไงครับ”
“ใคร ใครคิด?” คนตัวเล็กเชิดหน้าขึ้นสบตากับคนตัวโตกว่า ก่อนจะหลับตาแน่นเมื่อถูกคนขี้แกล้งจูบหน้าผากแรง ๆ ไปทีนึง “เฮ้ยพี่นี่ยังไงนะ!!!”
“เมื่อคืนไม่เห็นดื้อกับผมแบบนี้เลย”
“เมื่อคืนก็ส่วนเมื่อคืน วันนี้ก็ส่วนวันนี้”
“งั้นแสดงว่าทุกอย่างเริ่มต้นได้เมื่อขึ้นเช้าวันใหม่สินะครับ?” ชานยอลถามหน้าตาเฉยซึ่งเด็กตัวแสบก็ยักคิ้วเป็นคำตอบ “งั้นเรามาเริ่มกันเลยดีไหม?”
“พี่!!!”
“หน้าแดงใหญ่แล้วเด็กน้อย”
“ก็ต้องแดงสิ ให้ผมพูดเรื่องทะลึ่งกับพี่ดูบ้างไหมล่ะ!!!” แบคฮยอนดิ้นหวังจะออกจากอ้อมกอดนี้แต่มันก็ไม่ได้ผล เมื่อผู้ใหญ่ขี้แกล้งจับขาข้างหนึ่งของเขาขึ้นมาก่ายเอวหนาเอาไว้
โอ๊ย... ไอ้บ้าพี่พระเอก!!!
“ผมจะอนุโลมให้คุณสักวันแล้วกัน ไหนลองลามกใส่ผมดูซิ”
“ตลกมากป่ะ” กวนตีนละพี่พระเอก นี่เล่นด้วยแล้วทำเคลิ้มเหรอ นี่คาดไว้มากเกินไปใช่ไหมว่าพี่เขาจะกลัวเด็กอายเลยจะรักษาน้ำใจไว้โดยการไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก แต่เปล่าเลย แซวกูหนักกว่าที่คิด
“ไม่ตลก แต่ผมชอบนะ”
“ชอบแกล้งผมว่างั้น? โอ๊ะ!” คนตัวเล็กนิ่วหน้าเมื่อถูกบีบจมูก มือพี่พระเอกนี่น่าจับหักทิ้งให้รู้แล้วรู้รอด ทำไมอยู่ไม่สุขแบบนี้นะ
“แกล้งก็ชอบ แต่ที่ชอบที่สุดก็คงเป็นคุณ”
“...”
แบบนี้ตลอดเลย... พี่พระเอกรู้ว่าจะต้องทำยังไงเด็กอย่างเขาถึงจะเงียบปากได้ คำพูดที่ออกมาพร้อมแววตาที่บอกว่าเจ้าตัวไม่ได้พูดเล่นนั้นทำให้เด็กตัวแสบยอมโอนอ่อนได้ง่าย ๆ แบคฮยอนยังคงพยายามปั้นหน้ามึนตึงใส่เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขากำลังเขิน แต่มันก็ไม่ได้ผลเลย เขาเขินมากจนหน้ามันร้อนแทบระเบิดอยู่แล้ว
“ก็ต้องชอบต่อไปเรื่อย ๆ ชอบผมให้มากขึ้นด้วย”
“แค่นี้ยังมากไม่พออีกหรือไงครับ เด็กโลภมาก” ชานยอลมองคนตัวเล็กอย่างเอ็นดู ขาที่เคยบังคับให้พาดเอวเขาตอนนี้ออกแรงรัดแน่นขึ้นพร้อมใบหน้าซน ๆ ที่กำลังยักคิ้วเป็นคำตอบ
“พี่เป็นดารา ได้เจอคนแยะแยะ วันไหนเจอคนที่คิดว่าดีกว่าผมจะทำไง”
“ไล่คุณออกจากตำแหน่งคู่ซ้อมบทเลยดีไหม?” ชายหนุ่มขมวดคิ้วจริงจัง ก่อนจะยิ้มขำพลางงอหน้าเมื่อถูกกำปั้นเล็กตุ๊ยท้องเข้าให้ “อา... เจ็บจัง”
“ถ้าพี่ทำอย่างนั้นผมจะแฉลงทุกสำนักข่าวเลยว่าพี่พรากผู้เยาว์ แล้วก็ไม่ต้องห่วงด้วยว่านักเขียนเด็กง่อย ๆ ที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักจะแคร์ภาพลักษณ์ไหม พี่ทำเรื่องแบบนั้นแล้วจะปล่อยเซอร์ผมไปหาคนอื่นไม่ได้นะ มันเสียผู้ใหญ่”
“เหรอครับ แล้วผู้ใหญ่ควรทำกับเด็กดื้อแบบไหนล่ะ?” คิ้วหนาขมวดมุ่นสบตากับเด็กน้อยที่กำลังมองอย่างหาเรื่อง อยากรู้เหมือนกันว่าเด็กตัวแสบจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง
ชานยอลไม่ต้องเสียเวลาคิดนานไปกว่านี้ เมื่อคนตัวเล็กโอบใบหน้าเขาเอาไว้แล้วเลื่อนเข้ามาจูบโดยไม่ทันได้ตั้งตัว พระเอกหนุ่มหัวเราะในลำคอแล้วตอบรับริมฝีปากที่ยังไม่ประสีประสากับเรื่องจูบก่อนจะจับคนตัวเล็กให้ขึ้นมาคร่อมทับตัวเขาเอาไว้ทั้งที่ยังไม่ละริมฝีปากออกจากกัน ซึ่งเด็กตัวแสบก็ไม่ได้ส่งเสียงแว๊ดบอกถึงความไม่พอใจเหมือนอย่างที่เจ้าตัวชอบทำอยู่บ่อย ๆ
แบคฮยอนไม่ใช่คนจูบเก่ง แต่จากที่เป็นอยู่ดูเหมือนว่าเด็กคนนี้อยากเอาชนะเขาด้วยการแสดงความเป็นเจ้าของ ชายหนุ่มกดท้ายทอยคนบนร่างลงมารับลิ้นร้อนให้แนบแน่นยิ่งขึ้น เด็กคนนี้ต้องรับผิดชอบที่ทำให้เขาตื่นตัวตั้งแต่เช้า
“สักวันผมจะทำให้พี่เป็นฝ่ายเรียกหาผมบ้าง”
คำพูดคำจาที่มาพร้อมแววตามุ่งมั่นนั่นน่ารักเป็นบ้า ปาร์คชานยอลจำเป็นต้องอธิบายหรือเปล่าว่าตอนนี้เขารู้สึกยังไงหลังจากเห็นว่าอีกฝ่ายพยายามมากแค่ไหนเพื่อที่จะดึงเขาไว้ให้อยู่กับตัว
“ตื่นเต้นจนทนรอให้ถึงตอนนั้นไม่ไหวแล้วสิ”
“พี่แม่งนิสัยไม่ดี”
“พูดไม่เพราะกับผมเหรอ จับตีก้นเลยดีไหม?”
“ผมไม่ใช่เด็กแล้ว มาตีกงตีก้นอะไร”
แบคฮยอนหรี่ตามองก่อนจะเบิกตากว้างทันทีที่ถูกจับให้พลิกลงนอนกับเตียง ก่อนที่คนตัวสูงจะเป็นฝ่ายขึ้นมาคร่อมทับตัวเขาเอาไว้ เด็กน้อยทำตาโตกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ อีกทั้งใบหน้าหล่อที่อยู่ห่างไม่ถึงคืบ เขากำลังเขินจนหัวใจจะหลุดออกมาจากอกอยู่แล้ว
“อยากผลักผมออกหรือเปล่าครับ?”
เป็นคำถามที่คาดไม่ถึง ซึ่งบางทีพี่พระเอกอาจแค่อยากหยั่งเชิงว่าเขาจะตอบคำถามเชิงจิตวิทยาแบบนี้ยังไง เด็กน้อยนิ่งไปครู่หนึ่งขณะสบตากัน ก่อนจะวางสองมือไว้บนแก้มคนตัวโตกว่าพร้อมส่ายหน้าปฏิเสธ
“พี่โตแล้ว พี่ต้องรู้สิว่าเด็กอย่างผมต้องการอะไร”
50%
แบคฮยอนเอาแต่นั่งเหม่อ แม้ว่าตอนนี้เสียงบ่นของเพื่อนสนิทจะลอยเข้าหูไม่ได้หยุด คยองซูมองไอ้ซื่อบื้อที่นั่งตาลอยเหมือนเด็กขาดยาอยู่บนเตียงขนาดสามฟุตของเขา ก่อนจะผลักหัวไปทีหนึ่งเพื่อเรียกสติ ไอ้เซ่อหน้าหมาถึงได้หันมาให้ความสนใจด้วยการส่งยิ้มให้
“ยิ้มไรมึง”
“ห๊ะ... กูกำลังยิ้มเหรอ?”
“กระจกอยู่ตรงนั้น” คยองซูดันหน้าเพื่อให้หันเข้าหากระจก เขาเห็นว่าไอ้หน้าเซ่อกระพริบตาปริบ ๆ และแทนที่จะหุบหน้าโง่ ๆ ลงแต่มันเสือกยิ้มกว้างกว่าเดิมอีก เด็กน้อยหรี่ตามองจับผิดเพื่อนสนิทจนกระทั่งมันหันมา
“แหะ มึงคุยกับพี่เวปเสร็จแล้วเหรอวะ”
“ยัง ไฝว้อยู่เนี่ย” เด็กน้อยตาโตยังคงมองท่าทีอีกฝ่ายอยู่อย่างนั้น เมื่อกี้บ่นไปตั้งเยอะเรื่องที่แอดมินเวปเหล็กดีแบนฉากเอ็นซีที่โดคยองซูผู้นี้อุตส่าห์อุทิศตนให้กับการเขียนไปตั้งสิบสองชั่วโมง แต่มันกลับถูกแบนทั้งที่แยกลิงค์ออกไปแล้ว
“ปวดร้าวเนอะ”
“สีหน้ามึงดูอินมาก” คยองซูเลิกคิ้วพูดจาเหน็บแนมไอ้หน้าหมาที่อยู่ ๆ ก็ยิ้มออกมาอีกแล้ว แบคฮยอนทิ้งตัวลงไปนอนบนเตียงเพื่อนสนิทพร้อมดึงผ้าห่มขึ้นมากอดแนบอกคลายอาการเขินอายแม้ว่าเหตุการณ์ในโรงแรมริมทะเลจะผ่านไปแล้วเกือบสองวัน
บ้าเอ๊ย... ตอนนี้ยังรู้สึกเหมือนถูกพี่พระเอกเป่าลมใส่ต้นคออยู่เลย
“เป็นเหี้ยไรนอนบิดเป็นไส้เดือนโดนเกลือ”
ห่านี่ก็ตัดอารมณ์กูตลอด ซั้ซ
แบคฮยอนส่ายหน้า เขากำลังรู้สึกล่องลอยไปกับความเพ้อฝันอีกครั้ง ทุกครั้งที่นึกถึงพระเอกหนุ่มอยู่ ๆ หน้าก็ร้อนขึ้นมาเสียดื้อ ๆ เด็กน้อยซุกหน้าลงกับผ้าห่มหวังจะให้มันช่วยซับความร้อนออกไปแต่ก็ไม่ได้ผล เฮ้อ คนที่เพิ่งรู้จักความรักเป็นแบบนี้ทุกคนเลยหรือเปล่านะ
“มึงไปเที่ยวกับดารานะแบคฮยอน ไม่ใช่ไก่กาอาราเล่ที่เตะหาข้างถนนก็เจอ นั่นคือสิ่งมหัศจรรย์ชิ้นที่แปดของโลก มึงได้มีทแอนด์กรี๊ดพี่เขาในระยะเผาขน แต่มึงเสือกถ่ายแต่รูปทะเล กองทราย กะโหลกกะลาหลาย ๆ มุมมาโดยที่ไม่มีเบ้าหน้าหล่อ ๆ ของพี่ชานยอลมาได้ยังไงวะ นี่มึงโง่หรือโง่” นึกแล้วก็โมโหไม่หายที่ไอ้เพื่อนชั่วมันกล้าเอาโมบายกะโหลก ๆ มาให้ถึงบ้าน แล้วบอกว่าเป็นของฝากจากทะเลแทนที่จะเป็นรูปถ่ายหล่อ ๆ ของพระเอกหนุ่มที่เขารออย่างมีหวัง
“มึงเข้าใจกับว่าเวลาส่วนตัวไหม กูไม่ได้ไปกับพี่เขาสองคนนะเว้ย” กลัวหัวจะขาดเลยต้องตอแหลหน้าตายเพื่อให้เพื่อนสบายใจ แต่ดูเหมือนว่าคยองซูจะไม่เห็นด้วย
“เวลาส่วนตัวของดาราเป็นเรื่องของพวกกู มึงไม่รู้เหรอ” เด็กน้อยตาโตเหล่มองอีกคนที่นอนอยู่บนเตียงพลางรัวนิ้วโต้ตอบกับแอดมินเวปเหล็กดีไปด้วย “กูเคยเห็นในทวีตนึงบอกว่า ‘ดาราก็เป็นสินค้าอย่างหนึ่ง จะมาเรียกร้องเอาความเป็นส่วนตัวไม่ได้’ มึงคิดว่าไงล่ะแบคฮยอน”
“จะให้ว่าไง ถ้ามึงเป็นดารา มึงไม่อยากได้เวลาส่วนตัวบ้างเหรอ ไม่ว่าใครก็ต้องการพื้นที่ส่วนตัวทั้งนั้น”
“มันก็ใช่” คยองซูไหวไหล่ “กูเข้าใจนะ แต่กูก็ยังอยากรู้ว่าพี่เขาทำอะไรบ้างในแต่ละวัน ชีวิตติ่งก็งี้”
เด็กน้อยทั้งสองคนเงียบไปโดยที่ไม่มีใครพูดถึงความเป็นส่วนตัวของดาราอีก ไม่บ่อยนักที่คยองซูจะทำหน้าซึมแบบนั้น พอเป็นเรื่องของคนที่ชอบแม่งก็เซนซิทีฟขึ้นมาเลยนะห่า นี่ถ้าสารภาพไปว่าความจริงเป็นยังไงคาดว่าสายใยความเป็นเพื่อนอาจจะขาดสิ้นลง
“มึง”
“อะไร”
“ฟิคที่โดนแบนนี่เรื่องไหนวะ”
“เรื่องที่บ้านของเมะกับเคะไม่ถูกกัน เกลียดขี้หน้ากันแต่ชาติปางไหน พี่อินซองจับฮันคังอูไปขังในบ้านร้างแล้วแก้แค้นโดยการข่มขืนเช้าเย็นอย่างทารุณไง”
“อะไรวะ วิธีแก้แค้นมีตั้งเยอะเสือกเลือกที่จะอึ้บผู้ชายด้วยกัน นี่พระเอกฟิคมึงเป็นคนประเภทไหน”
“มันเป็นวิถีของคนอีโรติกมึงไม่เข้าใจหรอก ฟิควายก็ต้องอึ้บผู้ชายสิวะ จะให้ไปอึ้บต้นตาลที่ไหน” คยองซูยกเท้าขึ้นมาหวังจะถีบหน้าเพื่อน เขาเห็นว่าไอ้หน้าหมามันชะงักไปครู่หนึ่ง ราวกับว่ากำลังคิดอะไร
“แล้วใกล้จบยัง”
“ถามทำไม มึงอยากลองเขียนฟิควายบ้างเหรอ”
“ไรวะ ที่ถามเพราะอยากรู้ว่าชีวิตมึงเดินทางไปถึงจุดไหนแล้วก็เท่านั้น” แบคฮยอนฟาดมือลงกับหน้าขาตัวเองเป็นท่าประกอบ คยองซูได้แต่เบ้ปากแล้วส่ายหน้าหน่าย ๆ “พรุ่งนี้ไปไหนเปล่า”
“ไปเอาแท่งไฟกับผ้าเชียร์ของพี่ชานยอลมากอดไงเล่าเพื่อนเอ๋ย” คยองซูหัวเราะออกมาเหมือนพวกฆาตรกรโรคจิตอีกแล้ว แบคฮยอนหรี่ตามองเพื่อนสนิทอย่างหวาด ๆ แล้วก็นึกอะไรออก
“ที่มึงสั่งไปสองเดือนที่แล้วป่ะ”
“เออ ถามทำไม”
“ถามเฉย ๆ” เด็กน้อยเม้มริมฝีปาก กลอกตาครุ่นคิดแล้วหันไปสะกิดเพื่อน “มึง”
“อะไรของมึงอีก ว้าวุ่นเหลือเกิน”
“ของที่มึงสั่งอะ... มีเหลือสต๊อกสักชิ้นสองชิ้นเปล่าวะ” นิ้วที่เคยจิ้มคีย์บอร์ดหยุดอยู่แค่นั้นก่อนที่ใบหน้าอันเหี้ยมโหดจะหันเข้าหาเจ้าของคำถาม
คยองซูเลิกคิ้วขึ้นโดยที่ไม่ต้องปริปากถาม ว่าทำไมไอ้คนที่สนแต่เกมออนไลน์กับนิยายบ้าพลังจะมาใส่ใจกับของพวกนี้ที่มันเคยบอกว่าสิ้นเปลือง ไร้สาระ
“ถามเพื่อ มึงจะซื้อไง?”
“ใช่ มีไหม?” แบคฮยอนขยับเข้าหาแต่คยองซูกลับเบี่ยงตัวหลบอย่างรังเกียจ
“ของแต่ละอย่างต้องมีต้นทุน แล้วมาสเตอร์นิมก็สั่งมาแค่พอจำนวนคน ไม่มีของเหลือให้พวกเลือดสีโคลนหรอกนะกูบอกแค่นี้” คยองซูพ่นคำเหยียดใส่จนคนฟังต้องนั่งปากกืก เดรโกมากไหมล่ะมึง
“สักชิ้นก็ไม่มีเลยเหรอ”
“เออ”
“เรื่องของเรื่องคือกูรู้สึกแย่มากที่ทำให้มึงผิดหวังกับการมีเพื่อนชั่ว ๆ อย่างกู ไปทะเลทั้งทีแต่เสือกไม่มีรูปไอดอลของเพื่อนรักมาให้ ทีนี้กูเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าถ้ากูมีพวกแท่งไฟหรือผ้าเชียร์บ้านที่มึงเล่นอยู่ แล้วเอาไปให้พี่พระเอกถ่ายรูปอัพลงไอจีมันคงจะฟินดีนะมึง”
“...”
“คิดว่าไง?”
แบคฮยอนได้แต่ขำในใจกับท่าทางของเพื่อนสนิทที่เปลี่ยนไปจากเดิม ไอ้ท่อนไม้นั่งนิ่งเหมือนกับกำลังให้ระบบคอมพิวเตอร์ในหัวประมวลผล ก่อนจะค่อย ๆ หันมาสบตากับเขาพร้อมวางมือลงบนไหล่อย่างจริงจัง
“งั้นมึงเอาของกูไปก่อนเลย มาสเตอร์นิมบ้านนี้ใจดี กูคุยกับเขาบ่อยเดี๋ยวรอรอบสต็อกก็ยังไม่สาย”
วันนี้พี่พระเอกมีถ่ายแบบโฆษณาคู่กับพี่ตัวโกงที่สวนสาธารณะ การเดินทางมาถึงที่นี่ไม่ใช่เรื่องยาก ซึ่งถ้าให้เทียบแล้ว จากตรงที่เขายืนอยู่กับจุดที่พี่พระเอกถ่ายโฆษานั้นเข้าถึงยากกว่าเป็นไหน ๆ เมื่อหันไปรอบข้างก็เจอเหล่าแฟนคลับเป็นสิบ ๆ ที่ยืนแออัดกันชูผ้าเชียร์เป็นกำลังใจให้ คาดว่าในนั้นคงมีทั้งแฟนคลับของพี่พระเอกและพี่ตัวโกงปะปนกันอยู่
แบคฮยอนไม่สามารถเข้าไปในกองถ่ายโฆษณาเพราะมันไม่เหมือนกับกองถ่ายละครเรื่องก่อนที่เขาสามารถเดินเข้าออกได้เมื่อพี่พระเอกออกปากบอกผู้กำกับว่า ‘เด็กคนนี้คือเพื่อนร่วมงานของผม’
เด็กน้อยหาม้านั่งใต้ต้นไม้ละแวกนั้นนั่งรอ เขากะมาเซอร์ไพร์สซึ่งไม่รู้ว่าพี่พระเอกจะดีใจหรือเปล่าที่ได้เห็นเขา คาดว่าอีกไม่นานคงใกล้เสร็จเพราะดูจากการอัพเดทรูปในทวิตเตอร์ของแอคแฟนเบสพี่พระเอก ระหว่างรอเลยเปิดกระเป๋าเป้เอาโน๊ตบุ๊คออกมาวางบนตัก เปิดหน้าจอเสร็จสรรพเสียบหูฟังเรียบร้อยก่อนจะเริ่มเขียนนิยายไปพลาง ๆ
“ฟังด้วยสิ”
“พี่ตัวโกง?!” แบคฮยอนถอยกรูดไปทางด้านขวาเมื่ออยู่ ๆ ใครอีกคนก็โผล่มานั่งด้วยพร้อมดึงหูฟังข้างหนึ่งของเขาออก พอเห็นใบหน้าหล่อชัด ๆ แล้วก็ยิ่งผวาเมื่อนึกไปถึงเหตุการณ์น่าอับอายวันนั้นที่ทำยังไงชาตินี้ก็คงไม่ลืม
“อันนยอง ♥”
“...พี่มาได้ไงวะ”
“พี่หายตัวมา แค่ดีดนิ้วอย่างนี้” จงอินทำมือประกอบก่อนจะยิ้มขำเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กเบ้หน้าใส่
“แฟนคลับพี่ไม่แห่ตามมาไง?”
“ไม่หรอก พี่บอกไปว่าถ้าเกิดยอมไปนั่งรอเงียบ ๆ ตรงนู้น... พี่จะแจกลายเซ็นให้ทุกคนหลังจากถ่ายทำโฆษณาเสร็จ” ชายหนุ่มชี้ไปยังกลุ่มเหล่าแฟนคลับที่อยู่อีกฝั่ง ซึ่งคงมีแค่ไม่กี่คนที่มองเห็นว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ ผ่านเลนส์กล้องแบบซูมมหาประลัย
“พี่พระเอกล่ะ”
“อะไรกัน เจอพี่แล้วถามหาคนอื่นได้ยังไง” จงอินขมวดคิ้วมองอย่างไม่พอใจ แต่อีกฝ่ายกลับกลอกตากลบเกลื่อน “ถ่ายรูปหมู่กับแฟนคลับอยู่ตรงนั้นน่ะ ทำไม เรามารอหมอนั่นเหรอ?”
“พอดีผ่านทางนี้เลยแวะมาเฉย ๆ” แบคฮยอนพยายามปั้นสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด แต่ดูเหมือนว่ามันจะปกปิดผู้ชายคนนี้ไม่ได้เลย กับแววตาคู่นั้นที่มองมาราบกับอ่านใจออกว่าเด็กอย่างเขากำลังโกหก
“งั้นเหรอ ไปเรียกให้เอาไหมล่ะ”
“ไม่เป็นไรอะ ให้พี่เขาอยู่กับแฟนคลับเถอะ” เด็กน้อยชะโงกหน้ามอง แล้วก็ได้เห็นว่าคนตัวสูงยังคงยืนยิ้มให้กล้องอยู่ตรงกลางโดยมีเหล่าแฟนคลับรายล้อมอยู่รอบข้างเพื่อถ่ายรูปหมู่ระหว่างพักกองถ่าย
“ว่าแต่เราน่ะเขียนอะไรอยู่” จงอินเอนศีรษะเล็กน้อยหวังจะอ่านตัวหนังสือมากมายบนจอสีขาว แต่มือเล็กกลับปิดฝาหน้าจอลงเสียอย่างนั้น “ย่าห์ จะทำตัวไม่น่ารักกับพี่เกินไปแล้วนะแบคฮยอน”
“อะไรเล่า พี่จะมาอ่านงานเขียนผมไม่ได้นะ มันยังไม่ถูกตีพิมพ์อะ อยากอ่านก็ต้องซื้อตอนที่รวมเล่มแล้วสิ โอ๊ย!” เด็กน้อยเลิกคิ้วเถียงก่อนจะหลับตาแน่นเมื่อถูกอีกคนแกล้งด้วยการบีบปาก
“จำไม่ได้แล้วใช่ไหมว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง?” จงอินปล่อยมือแล้วหันตัวเข้าหาคนตัวเล็กพลางเท้าแขนลงกับพนักม้านั่ง ชายหนุ่มยกยิ้มพอใจเมื่อเห็นว่าสีหน้าอีกฝ่ายเจื่อนไปหลังจากที่เขาพูดจบ
“พี่จะขุดอดีตมาพูดทำไม... เอ๊...”
“ไม่ได้ขุด เขาเรียกว่าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่างหาก”
“พี่กวนประสาทผมอะ” แบคฮยอนถอนหายใจแล้วเก็บโน๊ตบุ๊คใส่กระเป๋า ก่อนจะหันไปมองข้างหลังเป็นระยะเมื่อได้ยินเสียงกรี๊ดดังมาจากกลุ่มแฟนคลับของพี่ตัวโกง
“ได้เรื่องไหม?”
“อะไรคือได้เรื่อง”
“เอ้า ก็ที่สารภาพไปวันนั้นไง แต่ถ้าให้เดาก็คงลงล็อกล่ะมั้ง ก็ยังเห็นไปมาหาสู่กันอยู่ตลอดเลยนี่...” จงอินส่งสายตาเจ้าเล่ห์อย่างผู้ชนะ แบคฮยอนนั่งนิ่งพลางกลอกตาก่อนจะมองตาขวางใส่คนอายุมากกว่า
“ไม่ได้เรื่องอะไรเลยเถอะ ผมไปแล้วนะ เพิ่งนึกได้ว่ามีธุระต้องไปต่อ” แบคฮยอนทำตาโตมองนาฬิกาข้อมือล่องหนก่อนจะคว้ากระเป๋าเป้ แต่ลุกขึ้นยืนได้ยังไม่ทันเต็มตัวก็ต้องเทลงไปนั่งกับที่เหมือนเดิมเพราะถูกมือหนาดึงแขน “เฮ้ยพี่ ผมรีบ”
“ไหนนาฬิกา”
“นี่ไง” แบคฮยอนชูแขนซ้ายเปล่า ๆ ให้ดูก่อนจะส่งสายตาวอนขอให้คนตรงหน้าเข้าใจและปล่อยเขาไปเถอะ แต่มันไม่ได้ผลเลยสักนิดเมื่อพี่ตัวโกงคนดีของโลกใบนี้วางมือลงบนหัวเขาแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้
“บอกมาเถอะน่า พี่ไม่เอาไปพูดต่อให้ใครฟังหรอก”
“ก็บอกไปแล้วไงว่าไม่มี พี่จะรู้ไปทำไมอะ”
“ต้องรู้สิ หมอนั่นยังให้ความหวังดาซมอยู่เรื่อย ๆ พี่จะวางใจได้ยังไง”
“เออ เรายังไม่เคลียร์กันเรื่องคุณดาซมนะ พี่อะโคตรเอาเปรียบ ไม่ยอมเล่าให้ผมฟังสักอย่าง มีแต่จะคว้านเอาความลับจากปากเด็ก จิตใจทำด้วยอะไรห๊ะไหนบอกซิ” ทั้งคู่สบตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร แบคฮยอนพยายามแกะมือหนาออกแต่ก็ไม่ได้ผล เขาได้แต่ส่งเสียงจิ๊ปากขณะที่อีกคนเอาแต่ยิ้ม
“เป็นเด็กรู้น้อย ๆ ก็ดีแล้ว”
“แต่เรื่องคุณดาซมเป็นน้องสาวพี่นี่ก็ควรบอกผมเปล่าวะ”
“เรื่องนั้นมนุษย์ครึ่งโลกเขาก็รู้กันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?” จงอินตีหน้ามึน
“งั้นผมก็คงเป็นอีกครึ่งโลกที่เหลือ”
“แต่เราก็รู้แล้วนี่ เอาเป็นว่าผ่านประเด็นนี้ไปนะ” ชายหนุ่มดูไม่ยี่หระกับสิ่งที่เด็กน้อยจริงจัง เขาหัวเราะในลำคอพลางมองคนตัวเล็กที่พยายามปัดมือเขาออกอย่างรำคาญ
“ผ่านผมไปด้วย ลาล่ะ”
“เฮ้ ไม่เอางี้สิ เราจะปล่อยให้พี่ทุกข์ใจอยู่กับปัญหาเดิม ๆ ไม่ได้นะ” คนตัวเล็กหลุบสายตาลงมองมือหนาที่คว้าข้อมือเขาเอาไว้
“กรี๊ดดดดดดดดดดดด!!!”
“พี่ก็รั้งผมไว้แบบนี้ไม่ได้เหมือนกันแหละ...” แบคฮยอนกดเสียงลงต่ำ ถลึงตามองคนอายุมากกว่าสลับกับกลุ่มแฟนคลับที่ส่งเสียงกรีดร้องหนักขึ้นกว่าเมื่อก่อนหน้านี้
จงอินหยัดตัวลุกขึ้นเต็มความสูงทั้งที่ยังไม่ปล่อยมือออก ลดระดับสายตาลงให้พอกับใบหน้าเด็กน้อยที่ขมวดคิ้วมองเขาอย่างไม่พอใจ เด็กก็ยังเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำ จะดื้อไปได้สักเท่าไหร่กันเชียว
“พี่ไม่อยากให้เราถูกหลอกเหมือนที่ดาซมโดน พี่ผิดเหรอหืม?” เด็กน้อยขมวดคิ้ว เขาไม่อยากเชื่อหรอกว่าคำพูดของผู้ชายคนนี้จะเป็นเรื่องจริงหรือโกหก แบคฮยอนได้แต่บอกตัวเองว่าอย่าเชื่อใครนอกจากพี่พระเอก
“...”
คนตัวเล็กชะงักไปเมื่ออยู่ ๆ ก็มีมือที่สามวางลงบนมือของพี่ตัวโกง พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นแววตาเรียบเฉยแต่สื่อได้เป็นอย่างดีว่าเจ้าตัวกำลังไม่พอใจ แบคฮยอนกระพริบตาปริบ ๆ มองใบหน้าหล่อของคนตัวสูง ก่อนที่มือของพี่ตัวโกงจะถูกจับออกจากข้อมือเขา
“ถ้าจะมีการหลอกเกิดขึ้นก็คงเป็นการหลอกตัวเอง แบบนั้นน่าจะฟังรื่นหูขึ้นโดยที่ไม่ต้องพาดพิงคนอื่นอย่างเสีย ๆ หาย ๆ” น้ำเสียงทุ้มต่ำที่ส่งมาช่างเข้ากับสีหน้าในตอนนี้ จงอินถอนหายใจอย่างรำคาญก่อนจะสะบัดมือออกแล้วหันไปประจันหน้ากับคู่กัดซึ่งจำเป็นต้องฝืนยิ้มทำงานกับไอ้หมอนี่ไปอีกหลายชั่วโมง
“เหมือนที่นายเป็น?”
“อย่างน้อยการหลอกตัวเองในกระจกมันก็ไม่ส่งผลเสียต่อคนอื่น คิดว่างั้นหรือเปล่าล่ะจงอิน?” พี่พระเอกยืนล้วงกระเป๋ากางเกงด้วยท่าทีสบาย ๆ แบคฮยอนรู้สึกได้ถึงออร่าสีดำที่ปล่อยออกมาจากตัวทั้งคู่ เสียงเหล่าแฟนคลับก็กรี๊ดกันคอแหบคอแห้งยังคงดังไม่หยุด ตอนแรกก็นึกว่าพวกนางกลัวสองคนนี้ตีกัน พอหันไปเจอป้ายไฟปุ๊บกูนี่รู้เรื่องเลย คือจิ้น
“ไม่ถ่ายรูปกับแฟนคลับแล้วหรือไง?”
“การแบ่งเวลาเป็นมันช่วยให้จัดการทุกอย่างได้ง่ายขึ้น แล้วนายล่ะ? จะปล่อยให้แฟนคลับส่งเสียงโวยวายอยู่อีกนานแค่ไหนหืม?” ชานยอลยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าชำเลืองมองไปยังกลุ่มแฟนคลับของตนเอง
“อา... ให้ตายเถอะ เด็กผู้หญิงพวกนั้นพูดไม่เคยฟังเลย” จงอินจิ๊ปากพลางส่ายหน้า ก่อนจะหันมาหยุดสายตาที่พระเอกหนุ่ม “น่าแปลก ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่ฉันอยู่กับแบคฮยอนนายก็จะเข้ามาขัดคอได้เสมอ พวกที่เป็นพระเอกแต่ในบทนี่ชอบทำตัวมีปัญหาทุกคนเลยหรือเปล่านะ?” จงอินยกยิ้ม เขาจะไม่ยอมแพ้ไอ้หมอนี่เด็ดขาดไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหน
“ไม่ใช่แค่คอหรอกนะจงอิน” ชานยอลเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้แล้วมองเข้าไปยังดวงตาคู่นั้นอย่างจริงจัง “ถ้านายยังเข้ามายุ่งกับเด็กคนนี้อีกล่ะก็... ฉันจะทำให้นายรู้เองว่าความรู้สึกการโดนขัดมากกว่าคอมันเป็นยังไง”
“...”
“นายคิดว่าฉันควรจะรับสายเธอไหม?”
จงอินไม่สามารถโต้ตอบกลับไปได้เมื่อเป็นเรื่องของน้องสาวที่สุดแสนจะดื้อรั้นถ้าเป็นเรื่องของไอ้เวรนี่ ดาซมชอบชานยอลมากแค่ไหนคิมจงอินรู้ดีที่สุด การที่ยัยนั่นยอมทำอะไรบางอย่างที่ขัดกับนิสัยตัวเอง หรือแม้แต่ยอมเหวี่ยงให้น้อยลงทั้ง ๆ ที่โมโหจนแทบบ้านแตก ที่ทำไปทั้งหมดก็เพราะอยากเอาใจไอ้หมอนี่ทั้งนั้น
พระเอกหนุ่มหันไปทางคนตัวเล็กที่มองอยู่ ชานยอลไม่รู้ว่าตอนนี้เด็กตัวแสบของเขาจะรู้สึกยังไงเมื่อได้ยินคำขู่ที่กล่าวถึงผู้หญิงอีกคน ตลอดเวลาที่ผ่านมาชายหนุ่มคาดเดาใจอีกฝ่ายออกเสมอ แต่ภายในแววตาคู่นั้นกำลังคิดอะไรอยู่ เขาเริ่มจะไม่แน่ใจ
ท่ามกลางความอึดอัดระหว่างทั้งสามคน มีเพียงแค่เสียงกรี๊ดของแฟนคลับเท่านั้นที่ทำลายความเงียบในสวนสาธารณะ แบคฮยอนกับจงอินชำเลืองมองหน้ากันเมื่อพระเอกหนุ่มคว้ามือถือออกมากดโทรออกแล้วเดินห่างไปจากตรงนี้ก่อนจะเดินกลับมาในไม่กี่วินาทีถัดมาเมื่อคุยเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“พี่อี้ฝานจะพาคุณไปส่ง เขารออยู่ที่ลานจอดรถครับ”
“อือ”
เด็กน้อยพยักหน้าแล้วกระชับกระเป๋าเป้ แบคฮยอนไม่ได้ถามว่าเพราะอะไรเขาถึงต้องกลับทั้ง ๆ ที่เพิ่งมาถึง แต่จากสีหน้าและน้ำเสียงที่ส่งมานั้นก็พอจะดูออกว่าไม่พอใจเท่าไหร่ ถ้าเทียบกับผู้ชายคนนั้นที่อยู่กับเขาสามวันเต็ม ๆ ในโรงแรมริมทะเล
พี่พระเอกไม่พอใจที่เห็นว่าเขามาที่นี่เหรอ?
แบคฮยอนเงียบมาตลอดทั้งทาง อันที่จริงเขาขอให้พี่อี้ฝานจอดรถเพื่อที่จะขึ้นรถเมล์กลับบ้าน แต่ผู้จัดการส่วนตัวดาราดังดันปฏิเสธอย่างสุภาพแล้วบอกว่าพี่พระเอกสั่งให้เขาไปรอที่คอนโด
“ผมไปนะครับ”
ร่างเล็กพยักหน้าตอบเมื่อผู้จัดการหนุ่มต้องกลับไปที่กองถ่ายทำโฆษณาอีกครั้ง แบคฮยอนทิ้งตัวนอนลงบนโซฟานุ่มแล้วเหยียดขาเงยหน้าขึ้นมองเพดาน จะให้อยู่รอเพื่อที่จะดุเรื่องไปกองถ่ายโดยพละการสินะ ได้เลย เดี๋ยวแคะหูรอ
เด็กน้อยจิ๊ปากนอนพลิกตัวไปมาแล้วก็ได้แต่คิดว่าสิ่งที่เขาทำในวันนี้มันผิดขนาดนั้นเลยเหรอ คนที่ก่อเรื่องคือพี่ตัวโกงนะ ยังมาทำหน้ามึนตึงใส่อีก คนนิสัยไม่ดี
นอนคิดไปเรื่อยเปื่อยจนเผลอหลับไป พอลืมตาตื่นขึ้นมาอีกทีก็เห็นใครอีกคนนั่งจ้องหน้าเขาอยู่ แบคฮยอนไม่ได้แสดงอาการตกใจหรือยิ้มต้อนรับ เขากำลังดูท่าทีอยู่ว่าพระเอกหนุ่มจะมาไม้ไหน
“กลับมานานแล้วเหรอ”
“นานพอที่จะนั่งมองคุณหลับได้”
“ทำไมไม่ปลุกผมอะ”
“แต่คุณก็ตื่นเองแล้วนี่ครับ” แบคฮยอนหรี่ตามองคนที่เอาแต่ตอบกวนประสาทอยู่ได้ เด็กน้อยดีดตัวลุกขึ้นแล้วมองไปยังชายหนุ่มซึ่งนั่งไขว่ห้างประสานมือไว้บนตักอยู่โซฟาตัวฝั่งซ้ายมือ
“ถ้าพี่ยังทำหน้า ทำเสียงแบบนี้อีก ผมจะกลับจริง ๆ ด้วย”
“คุณกำลังขู่ผมเหรอครับ?” พระเอกหนุ่มขมวดคิ้ว ยิ่งเห็นว่าคนตัวเล็กทำหน้าทำตาใส่ก็ยิ่งหงุดหงิด “รู้ไหมว่าทำไมผมถึงให้คุณมารอที่นี่”
“รู้”
“ครับ มันดีที่คุณรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป” แบคฮยอนแอบสะอึกเล็กน้อยเมื่อคำตอบไม่เป็นอย่างที่คาดหวัง บางทีพี่พระเอกน่าจะบอกว่า ‘เป็นเพราะผมคิดถึงคุณ อยากฟัดให้หายหมั่นเขี้ยวเลยให้มารออยู่ที่นี่’ แต่ตอนนี้คือไร
“ผมทำไรผิด บางทีผมอาจจะแค่ไปนั่งเอาบรรยากาศเขียนนิยายแถว ๆ นั้นก็ได้” เด็กน้อยลุกขึ้นยืนบนโซฟา เขารู้ว่าพฤติกรรมแบบนี้มันไม่น่ารักและยิ่งจะทำให้อีกฝ่ายหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ แต่ใครจะสนวะ ถ้าพี่พระเอกยังเอาแต่คิดว่าเขาไปป่วนก็อย่าหวังว่าจะเป็นเด็กดีให้เลย
“แต่เป้าหมายที่แท้จริงของคุณคือไปหาผม”
“ขอโทษได้ไหมล่ะ ขอโทษจ้า” แบคฮยอนยกมือทั้งสองข้างขึ้นสุดแขนพร้อมปั้นหน้าปั้นตากวนประสาท
เขาเห็นว่าคนตัวสูงหลุบสายตาลงพลางลอบถอนหายใจเบา ๆ ที่ต้องมาต่อกรกับเด็กอย่างเขา แต่ความผิดนี้อยู่ที่ใครล่ะ พี่พระเอกควรเข้าใจหัวอกเด็กเพิ่งมีความรักว่าวัยนี้มันถูกความคิดถึงเล่นงานง่าย ผ่านมาจะหนึ่งอาทิตย์แล้วที่ไม่ได้เจอกัน เขาก็แค่อยากไปเซอร์ไพร์สบ้างก็แค่นั้นเอง
ไม่มีรอยยิ้ม ไม่มีอะไรเลยสักอย่าง คนที่เฟลมันคือเขาไม่ใช่หรือไง
ร่างสูงหยัดตัวลุกขึ้นตรงมาหยุดอยู่ตรงหน้าคนตัวเล็กซึ่งยืนอยู่บนโซฟา ชานยอลเงยหน้าขึ้นสบตากับเด็กดื้อที่เอาแต่พูดจาไม่น่ารักกับเขาก่อนจะเอื้อมมือขึ้นไปหยิกแก้มขาวนั่นอย่างหมั่นเขี้ยว
“ห้ามเอามือลงครับ”
“อะไรอะ” เด็กน้อยขมวดคิ้วเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมให้เขาเอามือลงมา แบคฮยอนก้มลงมองใบหน้าหล่อของพระเอกหนุ่มที่ยืนอยู่บนพื้น ทั้งคู่สบตากันอย่างหยั่งเชิง และดูเหมือนว่าคนเป็นฝ่ายวิ่งตามหลังจะเป็นเด็กที่ประสบการณ์น้อยกว่า
“ผมจะทำโทษคุณ”
“ผมทำผิดมากเลยเหรอ ถามจริง” แบคฮยอนเสียงอ่อนลง เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าการไปหาถึงกองถ่ายจะทำให้พี่พระเอกไม่พอใจจนปั้นหน้ามึนตึงใส่แบบนี้
“ครับ ผิดมากด้วย”
“ขอโทษก็ไม่หายเหรอ ผมมีเหตุผลนะ”
จากที่เสียงเบาอยู่แล้วยิ่งเบาเข้าไปอีกเมื่อมือใหญ่ทั้งสองข้างวางลงที่เอวของเขา แบคฮยอนคิดว่าสถานการณ์ที่เป็นอยู่มันก็ไม่ได้แตกต่างไปจากตอนที่เคยอยู่ด้วยกันในห้องนี้ แต่ทำไมถึงขนลุกขึ้นมาอย่างน่าประหลาดก็ไม่รู้
“ผมแค่คิดถึงพี่เลยไปแอบอยู่ห่าง ๆ กะว่าถ้าพี่เลิกงานแล้วค่อยโทรหา”
จากเด็กดื้อกลายเป็นขี้ผึ้งลนไฟไปเสียทุกครั้งเมื่อคนตรงหน้าแสดงออกถึงความอ่อนโยน แม้ว่าจะไม่มีรอยยิ้มจากผู้ชายอย่างปาร์คชานยอล แต่การที่มือทั้งสองข้างที่กำลังค่อย ๆ รั้งเสื้อยืดของเขาขึ้นมาทีละนิดทั้งที่จ้องหน้ากันอยู่อย่างนั้นมัน...
ไม่เอาน่า... แบคฮยอนยังไม่ทันได้ตั้งตัวเลย
สองมือที่ยกขึ้นเหนือศีรษะสั่นเครือเมื่อลมหายใจอุ่นร้อนรดลงบนหน้าท้องจนต้องแขม่วลง เด็กน้อยหลับตาแน่นทันทีที่ริมฝีปากหยักกดจูบลงบนสะดือก่อนจะค่อย ๆ ไล่ขึ้นมาจนเสื้อยืดตัวโคร่งที่ชอบใส่คลุมศีรษะคนตัวสูงซึ่งยืนอยู่บนพื้น
“พ... พี่”
“อย่าให้คิมจงอินแตะต้องเหมือนวันนี้อีก ผมไม่ชอบ”
“แตะ... แตะอะไร?” ร่างเล็กผ่อนลมหายใจออกมาหนัก ๆ แต่ถึงอย่างนั้นคนตรงหน้าก็ไม่คิดจะคลายความสงสัยให้
แบคฮยอนจะยืนไม่ไหวแล้ว ความรู้สึกเหมือนคืนนั้นมันกลับมาอีกครั้งจนได้ ร่างเล็กหอบหายใจไม่เป็นจังหวะกับสัมผัสที่ปลายลิ้นซึ่งกำลังจะทำให้เขาเป็นบ้า เด็กน้อยลดมือทั้งสองข้างลงวางบนไหล่กว้างเพื่อเป็นที่ยึด พลางก้มลงมองศีรษะที่มุดอยู่ใต้เสื้อ
“เดี๋ยวสิ... มาคุยกันก่อน... พ... พี่”
ไม่ใช่ผู้ชายตัวโตอายุมากกว่าถึงสิบปีที่กำลังลากเรียวลิ้นไปตามหน้าท้องเขาหรอกเหรอที่ทั้งดื้อ ทั้งเอาแต่ใจ แบคฮยอนจิกเล็บลงบนไหล่กว้างแต่มันก็ช่วยอะไรได้ไม่มากนัก
สะโพกมนถูกยกให้ลอยขึ้นจนต้องเอาขาทั้งสองข้างเกี่ยวเอวหนาไว้ ใบหน้าหล่อขึ้นสีเล็กน้อยหลังจากหลุดออกมาจากเสื้อของเขาดูเซ็กซี่เป็นบ้า แบคฮยอนสบตากับผู้ใหญ่เอาแต่ใจก่อนจะเป็นฝ่ายเลื่อนใบหน้าเข้าไปจูบก่อน
ก็อยากให้พี่พระเอกลองเสียเปรียบดูบ้าง
แบคฮยอนรู้ตัวว่าไม่ใช่คนจูบเก่ง แต่เชื่อว่าประสบการณ์ที่อีกฝ่ายสอนให้จนถึงครั้งล่าสุดมันจะทำให้เขาพัฒนาได้ดีขึ้น สองแขนเล็กตวัดกอดรอบคอแกร่งพลางเอียงใบหน้าปรับองศาขณะแลกลิ้นกับคนตัวสูงอย่างร้อนแรง
ริมฝีปากล่างที่ถูกขบจูบดูดดึงเบา ๆ ก่อนที่เจ้าตัวจะเปลี่ยนไปให้ความสนใจกับลิ้นของเขาอีกครั้ง ร่างของแบคฮยอนถูกวางลงบนโซฟาโดยที่ขาของเขายังไม่คลายออกจากเอวหนา พี่พระเอกเองก็คิดถึงเขาเหมือนกันใช่ไหม ความรู้สึกมันบอกมาอย่างนั้น
ชายหนุ่มผละริมฝีปากออกมาสบตากับเด็กน้อยที่ปรือตาหอบหายใจหลังจากผ่านการจูบแบบดูดดื่มที่ห่างหายไปเกือบหนึ่งอาทิตย์ ชานยอลซบหน้าลงกับไหล่บางเพื่อตั้งสติ ถ้ามากเกินไปกว่านี้เขาคงหยุดตัวเองไว้ไม่ไหวแน่
ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีกแม้แต่เรื่องความผิดในวันนี้ แบคฮยอนมองหูอีกคนที่ขึ้นสีแดงจัดก่อนจะซบแก้มลงไปพร้อมกระชับกอดแน่นยิ่งขึ้น คนตัวเล็กไม่สนใจแล้วว่าจะถูกดุหรือทำมึนตึงใส่ยังไง เขาจะกอดพี่พระเอกเอาไว้อย่างนี้จนกว่าอีกฝ่ายจะอารมณ์ดี
“พี่”
“ครับ” เสียงนั้นไม่ได้ดุดันเหมือนคนอยากลงโทษเด็กนิสัยไม่ดีอย่างก่อนหน้านี้ คนตัวสูงยังคงซุกหน้าอยู่กับไหล่คนใต้ร่างโดยที่ไม่ขยับตัวไปไหน
“หึงผมกับพี่ตัวโกงใช่ไหม” เด็กน้อยกระซิบถามเบา ๆ ครู่หนึ่งเลยทีเดียวที่ทั้งคู่ตกอยู่ในความเงียบ จนกระทั่งคนตัวสูงผละตัวออกมาเล็กน้อยเพื่อสบตากัน
“ครับ ผมหึง”
แบคฮยอนได้แต่กัดริมฝีปากล่างเพราะไม่อยากยิ้มกว้างในเวลาแบบนี้ สีหน้าคนขี้หึงตอนสารภาพความในใจนี่น่ารักเป็นบ้าเลย พี่พระเอกจะรู้ตัวบ้างไหมว่าเด็กอย่างเขาชอบอะไรมากที่สุด
ชอบเวลารู้ว่าตัวเองสำคัญ นั่นแหละที่ทำให้รู้สึกดี
“พี่ตัวโกงเขาไม่ได้ชอบผมหรอก พี่เขาก็แค่อยากให้ผมคายความลับของพี่แค่นั้นเอง”
“จะชอบหรือไม่ชอบผมก็ไม่อยากให้ใครมายุ่งกับคนของผมทั้งนั้น แล้วคุณก็ห้ามเถียงด้วย” แบคฮยอนเบะปากก่อนจะยิ้มตาหยี “โกรธที่ผมพูดถึงดาซมหรือเปล่าครับ?”
“คำตอบจะมีผลไหมอะ”
“Maybe?”
“งั้นไม่โกรธแล้วกัน ผมอารมณ์ดีแล้ว” พูดจบก็หัวเราะร่าเมื่อคนตัวสูงโน้มใบหน้าลงมาฟัดหอมเสียฟอดใหญ่
แบคฮยอนเอาขาเกี่ยวเอวหนาพร้อมตวัดแขนกอดร่างอีกคนไว้แน่น เขาชอบเวลาเป็นฝ่ายกอด แล้วก็ชอบเวลาตัวเองอยู่ในอ้อมกอดพี่พระเอกเหมือนกัน ทำไงดี ขนาดอยู่ด้วยกันอย่างนี้ยังไม่หายคิดถึงเลย
“ตอนแรกนึกว่าพี่จะโมโหที่ผมไปหาที่กองถ่ายซะอีก”
“ถ้าคุณไม่ไปทำกล้องเขาพัง ผมก็คงไม่ว่าอะไร” ชานยอลลูบหน้าผากมนแล้วก้มลงไปจูบเบา ๆ เห็นเด็กคนนี้ยิ้มตาหยีทีไรแล้วสติก็พังทุกทีเลยสิ ให้ตายเถอะ
“งั้นต่อไปผมจะไม่เซอร์ไพร์สแล้ว”
“เซอร์ไพร์สเรื่องอื่นสิ”
“เรื่องอะไรอะ ผมท้องงี้เหรอ” แบคฮยอนทำหน้าสลดก่อนจะระเบิดหัวเราะออกมาเมื่อเห็นว่าอีกคนทำหน้าเอือมระอาแค่ไหน “แต่ผมยังมีอีกอย่างนึง”
“ครับ?”
“ในกระเป๋าผม” ชานยอลเอื้อมไปหยิบเป้บนโต๊ะที่คนตัวเล็กชี้ จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่ยอมลุกออกจากตัวอีกฝ่าย ชายหนุ่มมองสองมือที่กำลังรูดซิปกระเป๋าก่อนจะเอาอะไรบางอย่างออกมา “แท่นแท๊น!”
“...”
แบคฮยอนยิ้มเก้อหลังจากเห็นสีหน้าอีกฝ่ายที่ไม่ได้รู้สึกยินดียินร้ายกับแท่งไฟและผ้าเชียร์ในมือเขา เด็กน้อยทำตาปริบ ๆ แล้วเปิดสวิตซ์ไฟจนมันส่งแสงวาววับกระทบใบหน้าหล่อ
“อะไรของคุณครับ”
“แท่งไฟไง ผมคือหนึ่งใน CHANFECT”
“เพ้อเจ้อ”
“โอ๊ะ!” คนตัวเล็กกุมหน้าผากเมื่ออีกคนเอาแท่งไฟเคาะลงมาเบา ๆ
ทั้งคู่หยัดตัวลุกขึ้นนั่ง ตอนนี้อาการพี่พระเอกคงดีขึ้นแล้วหลังจากปั้นหน้าเครียดมาสักพักหลังจากที่เราทั้งคู่ผละริมฝีปากออกจากกัน เหมือนกับคืนนั้นที่แบคฮยอนรู้สึกสงสารพี่พระเอกจับใจ
“ซื้อมาหลายตังค์เลยนะเนี่ย ไว้มีงานแฟนมีตที่เกาหลีผมจะไปดูกับเพื่อน”
“อารมณ์ไหนครับ?” ชานยอลชำเลืองมองเด็กน้อยที่นั่งเล่นแท่งไฟซึ่งมีชื่อของเขาอยู่บนนั้น พร้อมรูปแฟนอาร์ตจิบิที่แฟนคลับเป็นคนออกแบบ
“อารมณ์อยากไปให้กำลังใจ” แบคฮยอนเอนลงไปซบแขนแกร่งก่อนจะเลื้อยลงไปนอนบนตักกว้าง ชานยอลยิ้มขำกับใบหน้าซน ๆ ของคนตัวเล็กที่ดูเหมือนว่าจะสนุกกับเรื่องที่กำลังพูดถึง
“ไหนบอกว่าผมแสดงละครห่วยไง งานมีตตั้งสองชั่วโมง คุณจะทนนั่งไหวเหรอ”
“ไหวสิ ความจริงแล้วผมนั่งมองพี่ได้ทั้งวันเลย” เห็นปากแดง ๆ พูดแล้วก็หมั่นเขี้ยวจนอยากก้มลงไปกัดสักที “เดี๋ยวต้องช่วยเพื่อนจองบัตรด้วย”
“พูดเหมือนผมจะไม่หาให้”
“ก็เพราะรู้ว่าพี่คงไม่ใจดีหาให้ไง” แบคฮยอนขยับปากบ่นอุบอิบ “ถ้าผมขอพี่จะให้ไหมล่ะ” ทั้งคู่สบตาหยั่งเชิงกันอีกครั้ง พระเอกหนุ่มทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะยิ้มมุมปาก
“อ้อนก่อนสิครับ”
“หา?”
แบคฮยอนลุกขึ้นนั่งก่อนจะหลุบสายตาลงมองมือแกร่งที่ตบหน้าขาตัวเองเบา ๆ เป็นเชิงบอกให้เขาขึ้นไปนั่งบนนั้น เด็กน้อยหน้าขึ้นสีระเรื่อ ไม่เคยเตรียมตัวเตรียมใจได้เลยเมื่อต้องอยู่ในสถานการณ์วาบหวิวอีกครั้ง
“พี่ก็รู้ว่าผมอ้อนไม่เป็น”
“ผมว่าคุณคิดไปเองแล้วล่ะครับ” ชานยอลยิ้มแล้วตบหน้าขาตัวเองซ้ำอีกสองครั้ง
ชั่วอึดใจเลยทีเดียวที่แบคฮยอนใช้เวลารวบรวมความกล้า ร่างเล็กขึ้นไปนั่งคร่อมบนตักหนาพร้อมมือทั้งสองข้างถูกอีกฝ่ายจับให้วางลงบนไหล่ พี่พระเอกกลายเป็นคนชอบถูกอ้อนตั้งแต่ตอนไหนกันอยากจะรู้นัก หรือความจริงแล้วแค่นึกอยากแกล้งเขากันแน่
“พี่คิดว่าผมจะอ้อนเพราะอยากได้บัตรงานมีตฟรีงั้นเหรอ”
“ไม่เชิงครับ ผมแค่คิดว่าถ้าเกิดคุณลองอ้อนให้ผมพอใจสักนิด ผมอาจจะให้บัตรนั่งแถวหน้าสุดพร้อมบัตร All Area ที่คุณกับเพื่อนสนิทสามารถเข้าไปหาผมที่หลังเวทีได้” เสียงทุ้มต่ำของคนตรงหน้าคล้ายว่ากำลังกระซิบอยู่ข้างหู แบคฮยอนปรือตามองปลายจมูกโด่งที่คลอเคลียอยู่กับปลายจมูกของเขาก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ
“ผมไม่ได้เป็นคนดีขนาดที่จะทำแบบนั้นเพื่อหาบัตรให้เพื่อนหรอกนะ รู้ไว้เลย”
“ครับ และเหตุผลที่ทำให้คุณมานั่งอยู่บนตักผมก็ไม่ใช่เพราะบัตรมีตเหมือนกัน”
“...”
รอยยิ้มเล็กน้อยที่มุมปากนั้นชวนให้ใจสั่นอีกแล้ว แบคฮยอนพยายามต่อสู้กับสายตาพระเอกหนุ่มแต่ดูเหมือนว่าใจมันจะไม่ไหว เขารู้สึกเหมือนมันจะเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่าใบหน้าของเราทั้งคู่จะห่างกันเพียงแค่ปลายจมูก
“ผมมีช๊อยส์ให้คุณสองตัวเลือก”
แบคฮยอนได้แต่จ้องริมฝีปากคนตรงหน้า เขารู้สึกว่ามันมีอะไรบางอย่างที่ดึงดูดชวนให้มองและอยากสัมผัส อะไรบางอย่างที่...
“ระหว่างจะเป็นแค่แฟนคลับหรือว่าจะเป็นแฟนผมครับ แบคฮยอน?”
TBC
ไม่เอาไม่พูด ไม่ Talk
FANART จากคุณ @Diaya_Chanika ค่ะ ขอบคุณมากเลยนะคะ
ความคิดเห็น