คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : Scene 15 :: พี่เขาสอน (100%)
Scene 15
พี่เขาสอน
“นึกไงถึงแต่งห้องให้ผม”
คำถามของคนตัวเล็กประสานกับเสียงคลื่นน้ำทะเลที่สาดเข้าหาฝั่ง ท่ามกลางกระแสลมยามเย็นในวันธรรมดาที่มีนักท่องเที่ยวไม่มากนักถ้าให้เทียบกับวันหยุด เด็กน้อยมองไปยังคนตัวสูงซึ่งยืนอยู่ห่างจากเขาราว ๆ สองช่วงแขน กับเงาสีดำบนพื้นทรายที่เกิดขึ้นจากแสงอาทิตย์
แบคฮยอนชอบตัวเองอีกแล้ว กับการที่เขาไม่งี่เง่าเพราะไม่ได้เดินขนาบข้างพี่พระเอก เขาชอบตัวเองเวลาเข้าใจโลกใบนี้มากขึ้น ว่าการจะเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคน ๆ หนึ่งก็ต้องเว้นระยะห่างไว้ให้อีกฝ่ายหายใจสะดวกด้วย
เราจับมือกันในที่สาธารณะไม่ได้เรื่องนี้แบคฮยอนเข้าใจดี และการที่คนตัวสูงถอดหมวกออกแล้วใส่มันลงบนศีรษะเขานั้นมันก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่มันกลับพิเศษขึ้นมาเพียงเพราะสัมผัสได้ถึงความใส่ใจ
“ผมบอกเหตุผลคุณไปทางข้อความแล้วนี่ครับ”
“เหตุผลมันน่าจะมากกว่าผมชอบตอนกลางคืนดิ”
ชายหนุ่มเพียงแค่ยิ้มบาง ๆ กับคำถามของเด็กน้อย เรื่องตกแต่งห้องนั้นเขาใช้เวลาคิดอยู่ไม่ถึงสิบนาทีก่อนจะหันไปบอกให้พี่อี้ฝานช่วยจัดการทุกอย่าง แน่นอนว่าสิ่งที่เขาเป็นมันสร้างความประหลาดใจให้ผู้จัดการส่วนตัวที่คอยตามล้างตามเช็ดมาตลอดหลายปี กับการที่พ่อพระเอกหนุ่มขี้หงุดหงิดคิดจะหยิบยื่นน้ำใจให้คนรอบข้าง
เขายังจำสีหน้าผู้จัดการส่วนตัวในตอนนั้นได้ คิ้วของพี่อี้ฝานขมวดเข้าหากันราวกับว่าไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ซึ่งชานยอลก็ให้เหตุผลกลับไปสั้น ๆ ว่า ‘ผมแค่อยากให้เขา’
“ผมอยากให้คุณประทับใจ”
“หา?” คนตัวเล็กเลิกคิ้วขึ้นแล้วกระพริบตาปริบ ๆ
สองขาหยุดยืนอยู่กับที่แล้วปล่อยให้น้ำทะเลสาดเท้าเปลือยเปล่า แบคฮยอนมองแผ่นหลังกว้างของคนตัวสูงที่ก้าวขาไปอย่างไม่เร่งรีบ ก่อนที่ใบหน้าคมจะหันกลับมาพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ
“คุณอยากเล่นน้ำไหมครับ?”
แบคฮยอนคิดว่าเขาคงไม่อยากได้คำตอบนั้นแล้ว ในเมื่อวินาทีนี้มีเรื่องที่น่าใส่ใจกว่านั้นมากกว่า เด็กน้อยยิ้มกว้างแล้วพยักหน้ารับก่อนจะมองตามอีกคนที่ล้วงกระเป๋ากางเกงสามส่วนเดินลงไปในน้ำเหมือนคนไม่เกรงกลัวคลื่นซัด
ท้องฟ้าถูกความมืดกลืนกินทีละนิด ดวงอาทิตย์ที่เคยส่องแสงสว่างทั่วท้องฟ้ากำลังจมหายลงไปในน้ำทะเลเมื่อมองไปยังสุดสายตา ร่างของพี่พระเอกถูกน้ำทะเลกลืนกินไปแล้วครึ่งตัว แบคฮยอนคิดว่าภายใต้เลนส์แว่นสีชาที่มองมาคงกำลังบอกให้เขารีบตามลงไปได้แล้ว เด็กน้อยหันซ้ายขวาดูท่าที พอเห็นว่าแถวนี้ไม่มีคนอยู่ก็รีบวิ่งลงไปในน้ำในวินาทีถัดมา
“ไม่คิดว่าพี่จะกล้าเล่น”
“ทำไมล่ะครับ?”
“บอกไม่ถูกอะ ตอนแรกคิดว่าพี่น่าจะนั่งมองอยู่ริมหาดมากกว่าจะลงมาเล่นด้วยกัน”
ชานยอลยิ้มกับสิ่งที่อีกคนพูดออกมา ซึ่งมันก็คงไม่ผิดถ้าเป็นก่อนหน้านี้ เขาไม่อยากเล่นน้ำเพราะไม่ชอบให้ตัวเปียกนาน ๆ แต่การมองเด็กคนนี้เปียกน้ำในระยะใกล้มันก็ดีไปอีกแบบเหมือนกัน
“ว่ายน้ำได้เกรดเท่าไหร่?”
“ต้องสี่อยู่แล้ว ผมเป็นพวกเรียนไม่มากีฬาไม่ขาดนะพี่ไม่รู้เหรอ” พูดจบก็หัวเราะตาหยี ชานยอลยิ้มขำแล้วถอดหมวกออกจากศีรษะทุยของคนตรงหน้าแล้วช่วยปัดปอยผมที่เปียกน้ำออกจากแก้มขาวให้อย่างเบามือก่อนจะสวมเข้าไปใหม่อีกครั้ง
“เบื่อไหมที่มาเที่ยวกับผมสองคน”
“ทำไมถามงั้น กลัวผมเบื่อเหรอ”
“ถ้าพูดเอาตามความจริง ผมก็คงไม่ปฏิเสธ” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงโทนปกติ แบคฮยอนหรี่ตามองยิ้มแล้วลูบน้ำทะเลออกจากหน้า
“คนที่ต้องกลัวคือผมต่างหาก พี่โตแล้ว แถมหล่อด้วย ตัวเลือกมีตั้งเยอะ”
“ในขณะเดียวกัน คุณเป็นเด็ก ยังมีโอกาสได้เจอคนอีกมากมายในอนาคต”
ทั้งคู่สบตากันแล้วปล่อยให้เสียงคลื่นทะเลทำลายความเงียบ แบคฮยอนกลอกตาก่อนจะหันมาหยุดอยู่ที่ใบหน้าคมของคนตัวสูงแล้วถอดแว่นสีชาออกให้เพื่อที่จะเห็นแววตาของพระเอกหนุ่มได้ชัดขึ้น
“เอาจริงไหม ตอนนี้ผมกลัวไอ้คยองซูรู้มากกว่าเรื่องพี่จะไปชอบคนอื่นอีก”
เสียงแผ่วเบาของคนตัวเล็กที่ส่งมาราวกับว่ากลัวใครมาได้ยินเข้านั้นเรียกรอยยิ้มจากคนตัวสูงได้เป็นอย่างดี อย่างที่รู้ว่าเพื่อนสนิทของนักเขียนตัวแสบเป็นแฟนคลับตัวยงของเขาชนิดว่าตราชั่งที่ไหนในโลกก็ไม่สามารถคำนวณน้ำหนักความหึงหวงในใจได้
“ถ้าเขารู้คุณจะทำยังไง”
“ทำไงได้ ผมก็ตายน่ะสิ” เด็กน้อยว่าพร้อมแหวกว่ายมืออยู่ใต้น้ำ
“คุณกลั้นหายใจในน้ำได้นานแค่ไหน?” คำถามนี้ทำเอาเด็กน้อยขมวดคิ้วแล้วใช้เวลาคิดไปกับมันอยู่ครู่หนึ่ง
“สามสิบวิมั้ง ทำไมอะ”
“ผมว่ายไม่เป็น ก็เลยถามดูว่าถ้าผมจมน้ำแล้วคุณจะช่วยผมได้ไหม?”
“พูดเป็นเล่น ขาพี่ก็ยาวขนาดนี้จะเอาอะไรไปจม”
“นั่นสินะ”
คนตัวสูงเดินถอยหลังไปเรื่อย ๆ จนน้ำเริ่มท่วมถึงอก แบคฮยอนมองอยู่อย่างนั้นโดยไม่ได้ถามหาเหตุผลว่าอีกฝ่ายกำลังคิดจะเล่นอะไร พอเห็นสีหน้าเกร็ง ๆ เหมือนคนไม่ค่อยสนิทกับน้ำลึกของพี่พระเอกแล้วแบคฮยอนก็รู้สึกหวั่นใจขึ้นมาแปลก ๆ
ร่างเล็กเคลื่อนตัวเข้าไปหาอีกคนที่กำลังเดินเข้าหาน้ำทะเล ทั้งคู่สบตากันได้แค่ครู่เดียวก็ต้องหลับตาเมื่อคลื่นซัดเข้ามา ตอนนี้ขาของแบคฮยอนแตะไม่ถึงพื้นแล้วในขณะพี่พระเอกยังคงยืนอยู่ได้เพราะส่วนสูง แต่เขาก็ยังลอยในน้ำได้
“ทำอะไรของพี่เนี่ย” เด็กน้อยรีบกอดคนตัวสูงเอาไว้เพื่อรั้งไม่ให้อีกฝ่ายถอยหลังเข้าหาความลึกมากไปกว่านี้
“คุณเหมือนจะจมลงไปเลย”
“ก็จะให้ทำยังไงเล่า ถ้าผมไม่คว้าตัวพี่ไว้แบบนี้ เกิดคลื่นซัดพี่หงายหลังจมน้ำไปจะว่าไง” แบคฮยอนมองค้อน แต่คนตรงหน้ากลับเอาแต่หัวเราะในลำคอราวกับว่ามันเป็นเรื่องตลก
“มันต้องมีวิธีที่ทำให้เราทั้งสองคนไม่จมไปกับน้ำสิครับ”
“ให้ทำไงล่ะ ขี่หลังผมเลยป่ะล่ะ?” คนตัวเล็กหรี่ตามอง ก่อนจะเบิกตากว้างอย่างตกใจทันทีที่อีกฝ่ายรวบเอวเขาไว้แล้วรั้งเข้าหาตัว “เฮ้ยพี่!”
“มือไม้คุณเกะกะจังครับ หาที่วางมันหน่อยดีไหม?” พี่พระเอกพูดเหมือนสถานการณ์ที่เป็นอยู่มันปกติ ไหนจะใบหน้าหล่อ ๆ ที่กำลังยกยิ้มเล็กน้อยนั่นอีก พี่เขาจะเกินไปแล้วนะ
“ผมไม่กอดพี่หรอก อย่ามาแผนสูง” แบคฮยอนถลึงตามองคนอายุมากกว่าที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนเขาต้องยกมือขึ้นปิดปากตัวเองเอาไว้ ไม่ได้เด็ดขาด ถ้าพี่พระเอกคิดจะฆ่าเขาด้วยวิธีนี้ล่ะก็... ไม่ได้!
“คุณไม่รู้หรอกว่าแผนสูงสำหรับปาร์คชานยอลเป็นยังไง”
“...”
“เด็กน้อย”
ท้องฟ้าถูกความมืดของตอนกลางคืนกลืนกินโดยสมบูรณ์แบบ แสงของดวงจันทร์ก็ยังสาดส่องลงมาให้ได้เห็นสีหน้าของพระเอกหนุ่มที่มีหยาดน้ำเกาะตามเส้นผมและใบหน้า แบคฮยอนเชื่อแล้วว่าไม่มีอะไรสามารถทำลายล้างความหล่อของพี่พระเอกไปได้
ทั้งคู่สบตากันในระยะใกล้ แน่ล่ะ... มันใกล้มากจนปลายจมูกของเราทั้งคู่แทบชนกันอยู่แล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่คนตัวเล็กรู้สึกว่าคนตรงหน้ามีส่วนสูงไม่ได้ต่างกันเลยก็ตอนที่ขาทั้งสองข้างตีน้ำอยู่เหนือพื้นทราย ในขณะที่อีกฝ่ายยังคงเหยียบมันไว้ได้
“พี่จะจมอยู่แล้ว กลับเข้าหาฝั่งหน่อยเถอะน่า...” สุดท้ายเขาก็ยอมวางมือลงบนไหล่อีกฝ่าย แบคฮยอนไม่กล้าสบตากับผู้ชายคนนี้ที่เอาแต่จ้องมองมาราวกับจงใจจะให้เขาสลายเป็นผุยผงให้ได้
“แบคฮยอน”
“อือ”
“รู้ตัวไหมว่าทำตัวน่ารักเกินไปแล้ว”
“...”
“ผมเชื่อว่าต่อให้ลงไปลึกกว่านี้ผมก็จะไม่มีวันจมน้ำ ถ้าคุณยังอยู่ตรงนี้” ชายหนุ่มสบตากับคนตัวเล็กที่ยังคงไม่ปล่อยมือออกไป ทั้งสีหน้าและวงแขนเล็ก ๆ ทั้งหมดนี้ล้วนแต่ทำให้เขารู้สึกได้ว่าแบคฮยอนจะไม่มีวันปล่อยเขาไปไหน เหมือนกับที่คนอื่นเคยทำในอดีต
“ผมจะปล่อยพี่ได้ยังไง ตลกแล้ว”
“นั่นน่ะสิ”
“ถ้าพี่จมผมก็จมไปด้วย ลองดูไหมล่ะ”
ร่างเล็กเชิดหน้าท้าทายกลบความอายในสถานการณ์ที่เป็นอยู่ หากแต่ไม่มีการตอบกลับด้วยคำพูดที่หวังจะปราบเด็กอวดดีเหมือนอย่างเคย พี่พระเอกเพียงแค่มองมาด้วยแววตาที่ชวนทำให้ใจเต้นเหมือนทุกครั้ง แววตาที่ทำให้แฟนคลับมากมายตกหลุมรักครั้งแล้วครั้งเล่า
สองมือใหญ่เย็นเฉียบพ้นขึ้นมาจากผืนน้ำ โอบใบหน้าของเขาเอาไว้แล้วช้อนให้เงยขึ้นเล็กน้อยเพื่อรับจูบที่แบคฮยอนไม่แน่ใจว่าเขาสมควรได้รับมันที่นี่จริงหรือ?
พี่พระเอกรู้ว่าวิธีไหนจะกำราบเด็กอย่างเขาได้ดีที่สุด ถึงแบคฮยอนจะไม่รู้วิธีการเลือกใช้คำที่ทำให้ผู้ฟังรู้สึกดีได้ แต่ผู้ชายคนนี้ก็ควรรู้ไว้ว่าต่อให้อะไรจะเกิดขึ้นไอ้เด็กตัวแสบนี่แหละที่จะไม่ยอมปล่อยให้พี่พระเอกจมดิ่งหายลงไปในทะเลลึก เด็กน้อยหลับตาลงรับรสจูบอุ่น ๆ ภายใต้น้ำทะเลเย็นยะเยือกในช่วงหัวค่ำ จูบนั้นนุ่มนวลเหมือนจะลิดรอนลมหายใจไปทุกขณะ ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกี่ครั้งเขาก็ยังคงใจเต้นแรงอยู่เสมอ
“ขึ้นฝั่งกันเถอะ ขืนอยู่นานกว่านี้ผมอาจทำให้คุณขึ้นไปอยู่บนข่าวหน้าหนึ่งอีก”
หลังจากอาบน้ำและกินมื้อเย็นเรียบร้อยทั้งคู่ก็เดินเที่ยวตามถนนที่มีสินค้ามากมายวางเรียงรายอยู่ทั้งสองฝั่งให้เลือก ชานยอลสวมหมวกกับผ้าปิดปากสีขาวพร้อมแว่นกรอบดำเหมือนอย่างเคย แม้ว่าแถวนี้จะมีแต่ชาวต่างชาติเสียส่วนใหญ่ แต่มันคงไม่ดีแน่ถ้ามีใครสักคนวิ่งเข้ามาทักเขาพร้อมขอถ่ายรูปจนคนรอบข้างหันมาให้ความสนใจ
แบคฮยอนกำลังสนุกไปกับการกินและซื้อของเล็ก ๆ น้อย ๆ ซึ่งเจ้าตัวอ้างว่าจะเอาไปฝากที่บ้านกับเพื่อนสนิทอย่างคยองซู ชานยอลเอาแต่ยิ้มขำเมื่อร่างเล็กหันหลังให้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงขบกัดกลับไปว่าเด็กนี่ทำตัวเป็นคนบ้านนอกไม่เคยมาเที่ยวทะเล แต่สิ่งที่เขาทำก็แค่ควักกระเป๋าเงินออกมาแล้วจ่ายสิ่งของเหล่านั้นด้วยเงินสด
คืนนั้นผ่านไปได้ด้วยดีนะ...
ไม่สิ... ต้องบอกว่าผ่านไปได้อย่างหวุดหวิด
กับการที่ปาร์คชานยอลต้องนอนอยู่เฉย ๆ แล้วปล่อยให้คนในอ้อมกอดรดลมหายใจอุ่น ๆ ลงบนซอกคอเขาครั้งแล้วครั้งเล่านี่มันเป็นเรื่องบ้าบอชัด ๆ มันก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เรานอนกอดกัน แต่มันคงเป็นความผิดของเขาเองที่ดันตาสว่างนอนไม่หลับเลยได้แต่ทอดสายตาออกไปนอกระเบียงเพื่อข่มจิตใจตัวเองกับกลิ่นแชมพูหอม ๆ ที่อยู่ใกล้จมูก
แบคฮยอนไม่ได้มีอะไรเหมือนผู้หญิงเลยสักนิด จะมีก็แค่ตัวเล็กผิวลื่นน่าจับนอกนั้นก็เหมือนเด็กผู้ชายทั่วไป แต่คนมันชอบไปแล้ว เรื่องความต้องการบางอย่างมันเลยเกิดขึ้นได้แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ใช่ผู้หญิง ต่อให้ไม่มีหน้าอกดุนดันตอนกอดกันมันก็ทำให้คนมากประสบการณ์อย่างเขาใจเต้นแรงได้อยู่ดี
ให้ตายเถอะ อาจเป็นเพราะต่างที่เขาถึงได้รู้สึกไม่ปลอดภัยแบบนี้
แบคฮยอนตื่นเกือบเก้าโมง ผมเผ้าชี้โด่เด่กับตาทั้งสองข้างที่ปรือมองมายังเขาคล้ายกับลูกหมาเหมือนกับทุกวัน ชายหนุ่มที่นั่งไขว่ห้างจิบกาแฟร้อนอยู่บนโซฟาพลางสไลด์จอมือถือเพื่อเบี่ยงความสนใจเด็กน้อยที่นั่งหาวอยู่บนเตียง เขาเห็นว่าเด็กคนนั้นโน้มตัวลงไปนอนก่ายกับผ้าห่มเหมือนไม่อยากลุกไปไหนแถมยังส่งเสียงอู้อี้ในลำคออย่างเด็กขี้เกียจอีก
ตัวแสบ... เมื่อคืนเล่นเอาเขานอนไม่หลับเลย
“ตื่นเช้าจัง”
“ปกตินี่ครับ”
“วันหยุดก็ต้องตื่นสาย ๆ สิโธ่...” แบคฮยอนว่าแล้วอ้าปากหาวอีกครั้ง พอลืมตาขึ้นก็เห็นสายตาคมของอีกคนที่มองมาเหมือนว่ากำลังคาดโทษเขายังไงอย่างนั้น “อาบน้ำแป๊บ”
วันนั้นทั้งสองคนขับรถไปเที่ยวหาดซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมมากนัก เรือส่วนตัวลำเล็กที่พี่พระเอกเช่าไว้ทั้งวันคาดว่าน่าจะเสียไปหลายตังค์อยู่ นึกอยากจะถามแต่ก็ไม่อยากให้เสียบรรยากาศดี ๆ พี่พระเอกป๋าอยู่แล้วคาดว่าเงินแค่นี้ขนหน้าแข้งคงไม่ร่วง
แบคฮยอนเอาแต่ยกมือถือขึ้นมากดถ่ายรูปวิวทิวทัศน์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน พี่พระเอกในชุดกางเกงขาสั้นกับเสื้อกล้ามและเชิ้ตขาวไม่ติดกระดุมนั้นยังดูดี ไหนจะแว่นกันแดดที่เหมาะกับโครงหน้าหล่อนั่นอีก หลายครั้งที่แบคฮยอนแอบยกกล้องมือถือขึ้นมากดถ่ายรูปอีกฝ่ายตอนเผลอ แต่ครั้งนี้เขาฉลาดพอที่จะกดปิดแฟลตและเสียงชัตเตอร์
วันที่สองผ่านไปอย่างรวดเร็ว เด็กน้อยที่ไม่เคยใช้เวลาอยู่กับความรักตลอดทั้งวันรู้สึกเต็มอิ่มจนไม่รู้ว่าหุบยิ้มมันทำยังไง พอกลับไปถึงห้องแบคฮยอนก็เป็นฝ่ายเข้าไปอาบน้ำก่อน จากการใช้เวลาบนเรือตลอดทั้งวันทำให้ร่างกายอ่อนเพลียจนต้องวิ่งหาเตียงทันทีที่แต่งตัวเสร็จ
“พรุ่งนี้อยากทำอะไรครับ?” คนตัวสูงถามก่อนจะนั่งลงบนเตียงนุ่มที่มีนักเขียนเด็กนอนคว่ำหน้าอยู่ข้าง ๆ
“ไม่รู้ พี่มีอะไรแนะนำไหม”
“มี”
“ไปไหน” ดวงตาของเด็กอายุสิบเจ็ดเป็นประกายตอนมองมาระหว่างรอคำตอบ แสงจากโคมไฟตรงหัวเตียงทำให้ใบหน้าซน ๆ ของคนตัวเล็กดูน่ารักขึ้นหรือความจริงแล้วบยอนแบคฮยอนเป็นเด็กน่ารักในสายตาเขาอยู่แล้วก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน
“อยู่ในห้องนี้”
“...”
“กับผม”
60%
จากที่ตอนแรกง่วง ๆ ถึงกับตาสว่างเมื่อได้ยินประโยคนี้ แบคฮยอนชะงักไปเกือบครึ่งนาทีกว่าจะตั้งหลักได้แล้วพลิกตัวนอนหันหลังให้อีกฝ่ายพร้อมดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมถึงคอ แถมหาวเสียงดังเป็นสิ่งยืนยันว่ากำลังง่วงสุด ๆ อีกด้วย
ฮอร์โมนอ่อยเด็กของพี่เขาเริ่มกำเริบอีกแล้ว แบคฮยอนถอนหายใจทางริมฝีปากแล้วได้แต่บอกตัวเองว่าวันนี้เขาคงไม่มีพลังหลงเหลือเอาไปต่อกรกับความเขินที่อีกฝ่ายตั้งใจยัดเยียดให้แล้ว
แสงโคมไฟบนหัวเตียงดับลง สิ่งที่ทำให้สายตามองเห็นได้ในห้องสี่เหลี่ยมนี้คือแสงสว่างจากดวงจันทร์ด้านนอก แรงยวบบนเตียงกับเสียงผ่อนลมหายใจของคนที่อยู่ข้างหลังทำให้ใจเต้นแรงแปลก ๆ อีกแล้ว
เกลียดความลามกในหัวที่มันไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก แบคฮยอนปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคืนก่อนมาที่นี่ก็แอบคิดอยู่ว่ามันจะมีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นหรือเปล่า นึกอยากเอาหัวโขกกำแพงที่คิดเรื่องเกินวัยทั้งที่ยังอายุแค่นี้ แต่การมาทะเลกับแฟน หนังสือเล่มไหนก็จบด้วยเรื่องแบบนั้นกันไม่ใช่เหรอวะ
สำหรับเรื่องใต้กางเกง แบคฮยอนไม่ได้ใสซื่อถ้าจำเป็นต้องเอาไปเปรียบเทียบกับเด็กผู้หญิงที่มีภูมิคุ้มกันเรื่องลามกค่อนข้างต่ำ เขาจำได้ว่าเพื่อนผู้หญิงในห้องเคยตะโกนด่าด้วยใบหน้าขึ้นสีระเรื่อ เพียงเพราะได้ยินคิมแทฮยองพูดเรื่องลามกออกมาได้อย่างหน้าตาเฉย
เป็นเรื่องปกติที่เด็กผู้ชายต้องรู้เรื่องนี้ หนังโป๊เป็นร้อย ๆ เรื่องนี่แชร์กับไอ้คยองซูกันสนุก แต่ทฤษฏีกับปฏิบัติมันต่างกันอย่างกับฟ้าเหว ยอมรับว่าทุกครั้งที่ถูกจูบ เด็กแก่แดดคนนี้ก็จะคิดไปตลอดเลยว่ามันจะมากเกินไปกว่าทุกครั้งไหม
แล้วแบคฮยอนก็ได้รู้ว่าพี่พระเอกยังกลัวคุกอยู่
“พี่”
“ครับ”
“ถ้าไม่ได้เป็นดารา พี่คิดว่าตอนนี้จะทำงานอะไรอยู่”
พระเอกหนุ่มเงียบไปราวกับว่าคำถามนี้จำเป็นต้องใช้เวลาคิดคำตอบ แบคฮยอนค่อย ๆ พลิกตัวหันเข้าหาอีกฝ่าย ก่อนจะรู้สึกหน้าร้อนผ่าวทันทีที่เห็นว่าใครอีกคนนอนจ้องเขาอยู่
“ผมคงเป็นมนุษย์เงินเดือนที่ตื่นตั้งแต่ตีห้าขึ้นมาอาบน้ำ สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาว ติดกระดุมครบทุกเม็ดแล้วผูกเน็กไทให้ดูดีในขณะที่ปากผมยังคาบขนมปังปิ้งแข็ง ๆ เอาไว้ หลังจากนั้นก็ต้องรีบขึ้นรถเมล์ไปให้ถึงสถานีรถไฟใต้ดิน ถ้าสายกว่านั้นผมคงพลาดจนต้องไปยืนโหนราวเบียดกับมนุษย์เงินเดือนอีกสามสิบกว่าคนในขบวน”
“พูดซะเห็นภาพเลย”
“หมกมุ่นอยู่กับเอกสารทั้งวัน ช่วงพักเที่ยงก็ต้องรีบกินเพื่อที่จะมาเคลียร์งานเร่งด่วนบนโต๊ะต่อ ใช้เวลาอยู่กับมันไปจนถึงหัวค่ำแม้ว่าเพื่อนร่วมงานจะตอกบัตรออกไปแล้ว กว่าจะได้ขึ้นรถไฟฟ้าก็มืดค่ำ มื้อเย็นเป็นหมัน สิ่งเดียวที่มนุษย์เงินเดือนต้องการที่สุดคือเตียงนุ่ม ๆ กับหมอนสักใบเพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อน”
“พี่ดูไม่ชอบงานแบบนี้”
“ผมแค่ยกตัวอย่างน่ะ ที่จริงผมทำได้นะ”
“ไม่ได้หรอก พี่ขี้รำคาญ ขี้หงุดหงิดด้วย”
“ดีใจที่คุณรู้” ชายหนุ่มยิ้มขำพลางเขี่ยปลายจมูกรั้นของคนตัวเล็ก “แล้วคุณล่ะครับ อยากทำงานอะไร”
“ผมก็ยังอยากเป็นนักเขียนต่อไป อยากให้นิยายเข้าตาผู้กำกับเจ๋ง ๆ สักคนแล้วเอาไปทำเป็นหนัง” ชานยอลรู้สึกได้ถึงความจริงจังผ่านทางน้ำเสียง “แต่มันก็เป็นฝันลม ๆ แล้ง ๆ ของเด็กล่ะนะ...”
“พูดอะไรอย่างนั้น”
“ผมทำไม่ได้หรอก งานเขียนผมยังไม่ดีขนาดนั้น” แบคฮยอนหัวเราะก่อนจะชะงักไปเมื่ออีกคนวางมือลงบนแก้มเขา พลางใช้นิ้วมือเกลี่ยปอยผมเบา ๆ
“คุณเพิ่งเริ่มต้น ไม่ทันไรก็ท้อแล้วเหรอครับ?”
“พี่ก็รู้ว่างานผมมันห่วย”
“คุณว่าผมคิดอย่างนั้นจริง ๆ หรือไง?” ใบหน้าคมเลื่อนเข้ามาใกล้ทั้งที่ยังสบตากันอยู่อย่างนั้น พอเป็นเรื่องนิยายแล้วความมั่นใจก็หายไปหมด
หลายครั้งที่แบคฮยอนต้องถามความเห็นจากเพื่อนสนิทอย่างโดคยองซู เพื่อขอความมั่นใจว่าที่ทำไปมันดีแล้วหรือยัง และไอ้เพื่อนหอกหักก็ตอบกลับมาเสมอว่า
‘เขียน ๆ ไปเถอะ ตอนนี้มึงอาจจะเขียนกาก ก็ถือว่าฝึกไปเรื่อย ๆ สักวันมันก็ต้องดีขึ้นเอง’
“คุณเป็นคนมีพรสวรรค์ ที่เหลือก็คือเพิ่มพรแสวงเข้าไป” พอรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังปลอบใจ น้ำเสียงทุ้มต่ำก็ฟังดูอบอุ่นขึ้นมาเสียอย่างนั้น “อย่าถอดใจล่ะ ผมอยากดูหนังที่คุณเป็นคนเขียนบท”
“พี่เชื่อเหรอว่าผมจะทำได้”
“คุณต้องเคารพตัวเองให้มาก อย่าดูถูกกับสิ่งที่ทำลงไป อะไรที่คิดว่าทำออกมาได้ไม่ดีพอก็ให้บอกตัวเองว่ามันคือประสบการณ์ที่ต้องเรียนรู้ แล้วครั้งต่อไปก็พยายามให้มากขึ้น”
แบคฮยอนคิดอยู่เสมอว่ากำลังใจจากจากการเป็นนักเขียนคือความคิดเห็นจากคนอ่าน และที่ขาดไม่ได้คือกำลังใจจากครอบครัว คนรอบข้าง เพื่อนสนิท คนเหล่านี้ล้วนแต่มีผลต่อจิตใจเขาทั้งนั้น รวมไปถึงตอนนี้ด้วย พี่พระเอกจะรู้บ้างไหมว่ากำลังทำให้เด็กอายุสิบเจ็ดที่ฝันไกลเกินเอื้อมนึกฮึดสู้ขึ้นมา
“ถ้านิยายของผมได้ทำเป็นหนังจริง ๆ” ร่างเล็กเว้นจังหวะไปครู่หนึ่ง แล้วมองเข้าไปยังดวงตาคู่นี้ที่กำลังมองมาเช่นกัน “พี่ต้องมาเป็นพระเอกให้ผมนะ”
หลายครั้งที่บยอนแบคฮยอนดูเป็นเด็กแก่แดดในสายตาเขา แต่ปาร์คชานยอลก็สัมผัสได้ถึงความไร้เดียงสาของเด็กที่กำลังเพิ่งรู้จักโลกใบนี้ ร่างเล็กขยับเข้ามาเพื่อบดเบียดหาอ้อมกอดอย่างที่ไม่ได้เห็นบ่อย ๆ แบคฮยอนจะกลายเป็นเด็กขี้อ้อนทันทีเวลาพระเอกหนุ่มแสดงออกถึงความเข้าใจหัวอกการเป็นเด็ก เขารู้ดีว่าอะไรที่จะทำให้คนอายุน้อยกว่าคล้อยตามได้ จากประสบการณ์ในชีวิตที่มีทั้งเรื่องดีและร้าย ไม่ว่าใครก็คงรู้สึกดีเวลามีคนเข้าใจอยู่ข้าง ๆ
บางครั้งที่มีปัญหา คนเหล่านั้นอาจจะไม่ได้ต้องการความคิดเห็นดี ๆ แต่พวกเขาแค่ต้องการคนรับฟังและเข้าใจความรู้สึกนั้นโดยที่ไม่แสดงออกว่ารำคาญ แบคฮยอนก็เหมือนกัน ถึงเจ้าตัวจะทำเหมือนไม่ใส่ใจ ไม่คิดมากกับเรื่องไหน ๆ บนโลกใบนี้ แต่ใจเจ้าตัวคงรู้ดีที่สุดว่าความกังวลที่อัดอั้นภายในใจโดยไม่บอกใครมันเป็นยังไง
แบคฮยอนยังมีความกลัวกับสิ่งที่พยายามลงไปแต่ไม่รู้ว่ามันจะถูกใจคนอื่นหรือเปล่า
“ค่าตัวผมแพงนะ”
“เดี๋ยวหยอดกระปุกสะสมเรื่อย ๆ พอถึงตอนนั้นคงมีเงินจ้างพี่แล้ว”
ชานยอลชอบเวลาต่อปากต่อคำกับแบคฮยอน เพราะเวลาเด็กคนนี้พยศเขาก็มีความคิดนึกอยากปราบให้อยู่หมัด แต่พอทำตัวเป็นลูกหมาขี้อ้อนอย่างนี้ก็น่ารักไปอีกแบบ
“นี่พี่”
“หืม?”
“สมมติพี่เป็นนักเขียน พี่จะเขียนนิยายแนวไหน” สีหน้าเด็กน้อยดูใคร่รู้ เชื่อว่าตอนนี้เด็กตัวแสบคงพยายามชวนคุยกลบความเขินอายที่เกิดขึ้นเมื่อก่อนหน้านี้ ซึ่งเขาก็ไม่อยากขัดใจนัก อะไรที่ทำให้แบคฮยอนไม่อึดอัดเขาก็อยากจะทำให้ทั้งนั้น
“ลองเดาดูสิครับ”
“อีโรติกแน่ ๆ”
“ไหงงั้น? ผมอาจจะเขียนแนวสงครามเหมือนคุณก็ได้” ชานยอลขมวดคิ้ว
“ไม่ได้หรอก ผมเคยอ่านหนังสือของอีชางโจ เขาบอกว่าคนที่จะเริ่มเขียนอะไรสักอย่างก็ต้องมีความสนใจเกี่ยวกับเรื่องนั้น ๆ ก่อน แล้วพี่ก็ไม่มีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับทหาร สงครามเลยสักนิด ยังไงก็ไม่ใช่” แบคฮยอนกระดิกนิ้วชี้ระดับใบหน้าตัวเอง
“แล้วอะไรที่ทำให้คุณคิดว่าผมจะเขียนแนวอีโรติกล่ะ?” ชายหนุ่มเริ่มนึกสนใจกับบทสนทนาหัวข้อนี้
“ก็...” พอถูกถามกลับคนตัวเล็กดันตอบไม่ได้ ชานยอลมองอีกคนที่กำลังกลอกตากลบเกลื่อน เขาต้องเอาคำตอบจากปากเด็กคนนี้ให้ได้
“ครับ?”
“พี่โตแล้ว น่าจะรู้เรื่องพวกนั้นเยอะอะ”
“เรื่องอย่างว่าน่ะเหรอ”
“มันก็ไม่เชิง นิยายอีโรติกมันไม่ได้มีแค่เรื่องนั้นตลอดป่ะวะพี่” แบคฮยอนขมวดคิ้ว เห็นไหมล่ะ พอเริ่มเขินจนสู้ไม่ไหวก็หยาบคายแบบนี้ทุกที
“แล้วคุณเคยคิดจะเขียนมันหรือเปล่า?”
“ไม่อะ ผมเคยดูหนังโป๊แต่มันไม่เหมือนนิยายแนวนั้นหรอก มันองค์ประกอบเยอะพอ ๆ กับนิยายรักนั่นแหละ ผมเดินเรื่องให้พระนางมาเจอกันไม่ได้ ผมไม่รู้ว่าพวกเขาจะต้องรู้สึกยังไง” เด็กอายุสิบเจ็ดดูจริงจังขณะอธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจว่าตนเองไม่มีความสามารถด้านนี้จริง ๆ “แล้วคนเขียนนิยายแต่ละคนก็ใช่ว่าจะเขียนได้ทุกแนวนะพี่ บางคนเก่งเขียนแนวรักวัยรุ่น พอไปเขียนแนวเฮอเร่อนี่ล้มทั้งยืนเลย”
“แต่นักเขียนบางคนก็คิดว่าตัวเองเขียนแนวอื่นไม่ได้ ทั้งที่ความจริงแล้วเขาอาจจะชอบเขียนแนวเดิม ๆ มากกว่าการคิดลองเขียนแนวอื่น”
“ที่พูดงี้หมายความว่าไง พี่อยากให้ผมลองเขียนนิยายรักดูงี้เหรอ”
“ไม่ลองไม่รู้นี่ครับ” ชานยอลหัวเราะ
“ผมเขียนไม่ได้หรอก ความรักที่ว่าผมก็เพิ่งรู้จักมันจากพี่เป็นครั้งแรก จะเอาอะไรไปเขียน” เสียงของแบคฮยอนเบาลง อีกทั้งแววตาคู่นั้นที่ดูประหม่า คนตัวเล็กยังคงยืนยันว่าเจ้าตัวไม่มีความสามารถด้านนี้จริง ๆ
“ถึงจะเป็นครั้งแรก แต่คุณก็ได้รู้จักมันแล้ว”
“...”
“ไม่มีใครรู้จักแก่นแท้ของสิ่งที่เรียกว่าความรักหรอกครับ ไม่ว่านักเขียนนิยายรักเรื่องไหน พวกเขาต่างรู้ในสิ่งที่เคยเจอหรือเคยเห็นมา ผ่านทางนิยาย ละคร หรือหนังรักรางวัลออสการ์ และความรักที่พวกเขาอยากให้เกิดขึ้นจริง”
ตึกตึก... ตึกตึก...
ไอ้หัวใจบ้านี่มันเต้นแรงอีกแล้ว ทันทีที่คนตรงหน้าขยับเข้ามาใกล้จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ ที่รดลงใต้เปลือกตาราวกับพี่พระเอกอยากให้เขารู้ว่าอาการตื่นเต้นกับความรักมันเป็นยังไง คนตัวเล็กเพียงแค่นอนนิ่งเมื่อริมฝีปากเฉียดกันไปเบา ๆ
“ใช้ความรู้สึกเขียนมันสิ”
“ว... ไว้ผมจะเก็บไปคิดดูอีกที” แบคฮยอนรู้ว่าเสียงกำลังสั่นก็ตอนที่มือใหญ่ค่อย ๆ วางลงบนเอวเขาแล้วลูบไปด้วย
เด็กน้อยก้มหน้าลง อากาศที่เคยเย็นเพราะแอร์คอนดิชันเนอร์กลับร้อนวาบขึ้นมาอย่างน่าประหลาด ร่างเล็กกำลังหายใจติดขัด เมื่อมือนั้นค่อย ๆ ขยับทีละนิดราวกับว่าอยากปั่นหัวให้เขาสติแตก
“เขินเหรอครับ?”
“แน่อยู่แล้ว ต่อให้ไม่ใช่ครั้งแรกที่พี่ทำแบบนี้ผมก็ไม่ชินอยู่ดีนั่นแหละ” แบคฮยอนพยายามต่อปากต่อคำเพื่อไม่ให้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบมากไปกว่านี้ “ผมไม่ใช่พี่นะที่จะไม่รู้สึกอะไรเลย”
“อะไรที่ทำให้คุณคิดว่าผมไม่รู้สึก?” เสียงแหบพร่าที่จงใจกระซิบข้างหูนั้นกำลังทำให้คนตัวเล็กแทบเสียสติ แบคฮยอนเอาแต่ส่ายหน้า เขาไม่สนหรอกว่าพี่พระเอกจะเข้าใจว่าเขากำลังปฏิเสธคำตอบหรือกำลังเขินจนทนอยู่สภาพนี้ไม่ไหวกันแน่
“ก็ดูพี่ทำดิ...”
ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของผู้ใหญ่เจ้าเล่ห์ที่มาพร้อมวงแขนแกร่งซึ่งรวบตัวเขาไว้ราวกับจะบอกนัย ๆ ว่าจะไม่ยอมปล่อยให้เขาลุกหนีไปไหนทั้งนั้น แบคฮยอนรู้สึกตัวเล็กลงเรื่อย ๆ ขณะอยู่ในอ้อมกอดพี่พระเอก ก่อนจะเบิกตาโพรงอย่างตกใจเมื่อร่างของเขาถูกจับให้ขึ้นไปนอนทับตัวพี่พระเอก
“พี่!!!”
สองมือเล็กดันแผงอกแกร่งไว้แล้วยันตัวลุกขึ้นนั่ง แม้ว่าในห้องจะมืด แต่แสงสว่างจากด้านนอกก็พอทำให้เห็นสีหน้าของคนที่นอนอยู่ใต้ร่างได้เป็นอย่างดี แบคฮยอนหน้าขึ้นสีจัด เขารู้สึกได้ถึงอุณหภูมิร่างกายที่มันร้อนระอุขึ้นเรื่อย ๆ เพราะการกระทำของอีกฝ่าย
“ทำอะไรเนี่ย?!”
“ผมเป็นฝ่ายเริ่มก่อนทุกครั้ง และนั่นคือเหตุผลที่คุณบอกว่าผมคงไม่รู้สึกอะไร”
“เออ ช่างมันแล้ว” แบคฮยอนทำท่าจะลงไปนอนที่เดิมแต่ก็ต้องค้างอยู่ท่านั้นเมื่อคนตัวสูงคว้าเอวเขาเอาไว้พร้อมยึดไม่ให้ขยับไปไหน “นี่พี่! ผมจะเขินตายอยู่แล้วนะเว้ย!”
คนอายุน้อยกว่าโวยวายพร้อมฟาดมือลงกับแขนแกร่งอย่างหัวเสีย ไม่รู้หรือไงว่าเขาทำตัวไม่ถูก ขาทั้งสองข้างที่คาบร่างคนตัวโตเอาไว้มันเกร็งจนสั่นไปหมด การนั่งอยู่บนร่างคนที่ชอบนี่มันไม่ตลกเลยนะ พี่พระเอกควรจะรู้เรื่องนี้
“ทำสิ”
“...”
“ทำในสิ่งที่คุณอยากทำกับผม”
แบคฮยอนรู้สึกเหมือนหัวใจจะหลุดออกมาจากอก เพียงเพราะได้ยินเสียงทุ้มนุ่มพ่นคำพูดชวนสติแตกออกมา รวมไปถึงแววตาที่กำลังสื่อว่าไม่ได้พูดเล่น
“ถ้าเป็นฝ่ายเริ่มคุณอาจจะเขินน้อยลง”
คนตัวเล็กไม่แน่ใจว่าพี่พระเอกหรือเขากันแน่ที่บ้าไปแล้ว แบคฮยอนนั่งนิ่งอยู่หน้าท้องแกร่งของคนใต้ร่างแล้วใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีในการตัดสินใจ ความคิดในหัวมันตีกันไปหมดระหว่างความต้องการที่หลบซ่อนอยู่ข้างใน กับความกลัวที่ไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไงถ้าเขาตัดสินใจเริ่มมัน
ร่างสูงค่อย ๆ ผละมือออกจากเอวคนตัวเล็กกว่าก่อนจะวางมันลงบนผืนเตียง ทั้งคู่สบตากันอย่างหยั่งเชิง แบคฮยอนกัดริมฝีปากบนเบา ๆ แล้วทาบมือลงบนแผงอกแกร่งอีกครั้ง ก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปใกล้... จนริมฝีปากทั้งคู่เกือบแตะกัน
“ผมจะจูบพี่แล้วนะ...”
“ผมรออยู่”
เสียงแหบพร่าตอบกลับมาก่อนที่คนตัวเล็กจะเป็นฝ่ายเริ่ม ความแปลกใหม่ที่เกิดขึ้นทำให้หัวใจเด็กน้อยเต้นระส่ำจนสมองทำงานรวนไปหมด เขาไม่สามารถตั้งสติได้กับจูบของพี่พระเอกที่ทั้งเดี๋ยวนุ่มนวล เดี๋ยวรุนแรง
มือเล็กทาบลงบนแก้มอีกฝ่าย หอบหายใจแลกอากาศกับคนใต้ร่างเหมือนว่าเราจะตายถ้าหากผละริมฝีปากออกจากกัน แบคฮยอนกำลังอ่อนระทวยไปกับลิ้นร้อนที่กระหวัดดูดดึงในโพรงปาก อีกทั้งมือใหญ่ที่วางลงบนสะโพก มันกำลังลูบไล้ไปตามเนื้อผ้าก่อนจะบีบเฟ้นเบา ๆ ราวกับว่าหมั่นเขี้ยวเขานักหนา
เราจูบกันอยู่อย่างนั้น ผละออกมาแล้วกดจูบซ้ำลงไปครั้งแล้วครั้งเล่า คนตัวเล็กเชื่อแล้วว่าการเป็นฝ่ายเริ่มทำให้มีความกล้ามากขึ้น เขารู้สึกได้ว่าดาราหนุ่มที่อยู่ใต้ร่างนั้นยอมทุกอย่าง ขอแค่แบคฮยอนต้องการ
“ผมต้องทำอะไรอีก...”
“คุณต้องถามตัวเอง” ปลายจมูกของเราคลอเคลียกัน ก่อนที่พระเอกหนุ่มจะกดริมฝีปากย้ำอีกครั้งแล้วผละออกเล็กน้อย “...ว่าคุณอยากทำอะไรผม”
“ผม... ไม่รู้”
“หืม?”
“ผมว่าผมเริ่มได้ดีแล้ว... ส่วนต่อไป...”
แบคฮยอนกำลังสติแตก แน่นอนว่าตอนนี้สติของเขาได้ลอยออกไปไกลเหมือนถูกน้ำทะเลซัดเมื่อมือแกร่งสอดเข้ามาในเสื้อเขา แล้วกรีดเรียวนิ้วไปตามแผ่นหลังอย่างแผ่วเบาจนขนลุกซู่ เขาต้องการผู้ชายคนนี้
“พี่... ต้องสอนผมแล้ว”
CUT
TBC
ฉากคัทก็หาเอาตามไบโอทวิตนะโคนันคุง
ความคิดเห็น