ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    DON'T GROW UP, IT'S A TRAP #ฟิคเปย์เด็ก | CHANBAEK

    ลำดับตอนที่ #3 : CHAPTER 02 :: Keys

    • อัปเดตล่าสุด 3 ม.ค. 59


    ⒸQRD

     

     

     

     

    CHAPTER 02

    Keys

     

     

     

    หนูสั่งอันนี้ได้ไหมคะ

     

    เอาสิ

     

    งั้นเอาอันนี้ อันนี้ อันนี้ แล้วก็อันนี้ อ้อ! เอาอันนี้ด้วยนะคะ เอาสองที่เลย

     

    เสียงของปาร์คซูยองไม่เคยน่ารำคาญขนาดนี้มาก่อน ในร้านอาหารที่ถูกแต่งอย่างดี คาดว่าคงต้องมีเงินในระดับหนึ่งถึงจะเข้ามานั่งในนี้ได้ และแน่นอนว่าตอนนี้น้องสาวตัวดีกำลังนั่งเลือกเมนูอาหารที่เคยเห็นแต่ในทีวี แต่ไม่เคยกินมาก่อน โดยมีคุณแบคฮยอนนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

     

    ชานยอลถอนหายใจอย่างรู้สึกผิด บีบหน้าขาน้องสาวตัวแสบจนต้องนิ่วหน้า หวังปรามให้เด็กผู้หญิงพูดมาก สงบปากสงบคำเสียที

     

    อะไรเล่า

     

    สั่งเยอะขนาดนี้ จ่ายเองหรือไง

     

    ก็พี่แบคฮยอนบอกว่าสั่งอะไรก็ได้นี่นา พี่หิวก็สั่งเองสิ เมนูก็วางอยู่ตรงนี้ เด็กสาวชี้เมนูที่ยังคงวางนิ่งอยู่บนโต๊ะ ชานยอลเงยหน้าขึ้นสบตากับคนอายุมากกว่าซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เท้าคางมองเขาสองพี่น้องยิ้ม ๆ โดยไม่รู้ว่ากำลังเอ็นดูหรือเวทนาความจนของเราที่สั่งอาหารเหมือนขอทานถูกหวยกันแน่

     

     

    แต่เดี๋ยวนะ... เมื่อกี้ยัยซูยองเรียกว่าพี่แบคฮยอน งั้นเหรอ?

     

     

    สั่งไปเถอะ เหนื่อยกันมาทั้งวันแล้วไม่ใช่เหรอ?

     

    อยากเอาหน้ามุดลงไปในแกนโลกจริง ๆ คนตัวเล็กจะใจดีเกินไปแล้ว ถ้าแสดงออกว่าไม่ชอบในสิ่งที่เขาและน้องสาวเป็นก็อาจจะดีกว่านี้ ไม่สิ... ถ้าคุณแบคฮยอนรู้สึกไม่ดี มันต้องแย่แน่ ๆ บ้าเอ้ย... ไม่มีอะไรที่พอดีกับใจเลย

     

    ขอโทษด้วยนะครับ

     

    ขอโทษอะไรกัน เลิกทำหน้าเหมือนคนอมทุกข์แล้วกินกันเถอะ อีกฝ่ายยิ้มขำ ดันจานของว่างที่เพิ่งวางเสิร์ฟลงบนโต๊ะเมื่อครู่มาทางเขาและน้องสาว พร้อมพยักหน้าเป็นเชิงบอกให้ลองชิม โดยที่เจ้าตัวยังไม่แตะตะเกียบกับช้อนที่วางอยู่ข้างจานใบเล็กเลย

     

    กินแล้วนะคะ!”

     

    กินเผ็ดได้จริง ๆ ใช่ไหม ระวังน้ำตาไหลนะ เสียงของคุณแบคฮยอนฟังแล้วอบอุ่นหัวใจ ผู้ชายคนนี้เป็นเหมือนคุณพ่อยังหนุ่มที่กำลังนั่งมองลูกสาวกินข้าวอย่างภาคภูมิใจ ใช่ เขาไม่ได้เวอร์เกินไปหรอก จากสีหน้าและน้ำเสียงที่คุมให้อยู่ในโทนนั้น มันไม่มีความโผงผางแฝงอยู่เลยสักนิด

     

    หนูกินเผ็ดเก่งที่สุดในบ้านเลยนะ รู้ไหม? ซูยองยกมือขึ้นป้องปากเพราะว่าที่บ้านมีแค่หนูกับพี่ชานยอลไง ก็เลยเก่งที่สุด

     

    คุณแบคฮยอนหัวเราะออกมาอย่างปิดไม่มิด ความรู้ใหม่ของปาร์คชานยอลในนาทีนี้ก็คือ ผู้ชายนิ่ง ๆ พอยิ้มที... ตาก็กลายเป็นสระอิเลย

     

    ตอนที่รู้ว่าพี่แบคฮยอนมาโรงเรียนอะ หนูกรี๊ดลั่นห้องเลย ทิ้งงานทุกอย่างแล้วรีบวิ่งลงมาหาพี่ทันทีซูยองยังคงสดใสร่าเริง ตามประสาเด็กอายุสิบหก ชั่วอึดใจหนึ่งที่เด็กหนุ่มคิดว่า ถ้าหากเขาสดใสอย่างนี้ คุณแบคฮยอนจะมองเขาแบบไหนกันนะ?

     

     “ดีใจหรือไงเรา?

     

    ดีใจสิคะ หนูอยากเจอพี่มานานแล้ว บอกพี่ชานยอลให้นัดเจอพี่แบคฮยอนไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่เขาก็ไม่ยอมทำตามที่ขอสักที

     

    ซูยอง...

     

    อะไรเล่า ก็มันจริงนี่นา เด็กสาวมุ่ยหน้า รีบยกมือขึ้นตั้งการ์ดทันทีที่รู้ว่าพี่ชายใจร้ายกำลังจะลงโทษเธอโดยการหยิกเอวอีกแล้ว

     

    น้องพูดอย่างนั้นจริง ๆ เหรอ? คำถามนี้ถูกยิงไปยังคนเป็นพี่ชาย เด็กหนุ่มตัวสูงนั่งนิ่งสบตากับอีกฝ่าย เลิกลั่กทำตัวไม่ถูกราวกับว่าการตอบคำถามนี้มันต้องใช้ความคิด และถ้าตอบไม่ดี ปาร์คชานยอลคนนี้ก็จะได้รับความอับอายเป็นรางวัล

     

    ...ครับ

     

    เด็กหนุ่มหลุบสายตาลง ให้ตายเถอะ ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเมนูจานละหนึ่งหมื่นห้าพันวอนจะน่ามองขนาดนี้ แต่มันต้องดีกว่าการสบตากับอีกฝ่ายขณะที่ถูกความกดดันเล่นงานแน่ ๆ

     

    เวลาผ่านไปประมาณห้าวินาทีเห็นจะได้ พอรู้ว่าคุณแบคฮยอนไม่ได้ถามอะไรขึ้นมา เด็กหนุ่มจึงเงยหน้าขึ้น ก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายกำลังยิ้มขณะมองหน้าเขา

     

     

    ...ปาร์คชานยอลไม่เคยเกร็งขนาดนี้มาก่อนเลย

     

     

    หลังจากกินมื้อค่ำเสร็จ ผู้มีพระคุณก็ขับรถไปส่งเราสองพี่น้องถึงบ้าน ซูยองรีบโค้งหัวลา ขอตัวเข้าไปในบ้านก่อน หลังจากกลั้นฉี่มาตลอดทั้งทาง ชานยอลยังคงนั่งอยู่ข้างคนขับ เชื่อไหมว่าตอนนี้ก็ยังเกร็งเพราะจำเป็นต้องนั่งอยู่ตรงนี้

     

    ก่อนขึ้นรถคุณแบคฮยอนบอกให้เขาย้ายมานั่งข้างหน้า เพราะเจ้าตัวไม่อยากถูกมองว่าเป็นคนขับรถ ตอนนั้นเด็กหนุ่มจึงลนลานย้ายไปนั่งข้างคนขับในเสี้ยววินาทีอันสั้น แต่พอลงไปและกำลังจะเปิดประตูด้านข้างคนขับออก จึงเห็นว่าฟิล์มรถคันนี้หนามากพอที่จะสร้างความสงสัยให้กับคนด้านนอกได้ว่า เจ้าของรถคันนี้หน้าตาเป็นอย่างไร

     

    เพราะฉะนั้นจึงอดคิดไม่ได้เลยว่า... คุณแบคฮยอนไม่อยากถูกมองอย่างนั้น หรือเป็นเพราะอยากให้เขาย้ายมานั่งข้าง ๆ กันแน่

     

    ขอบคุณมากนะครับ

     

    คุณแบคฮยอนทอดสายตาไปยังเบื้องหน้า ยกยิ้มบาง ๆ ก่อนจะหันมาสบตากับเขาที่เพิ่งเอ่ยประโยคสุดเบสิกออกไป แต่เชื่อเถอะว่ามันได้ถูกกลั่นกรองออกมาจากความรู้สึกในใจเขาทั้งนั้น

     

    ที่วันนี้ประเมินคะแนนให้ผม พาผมกับน้องไปกินของแพง ๆ แถมยังขับมาส่งถึงบ้านอีก ขอบคุณมากครับ เด็กหนุ่มโค้งศรีษะ ค้างไว้อยู่ท่านั้นเพื่อยืนยันว่าเขารู้สึกอย่างที่พูดจริง ๆ

     

    เช่นกัน

     

    ชานยอลเงยหน้าขึ้น สบตากับคนอายุมากกว่าที่ยังคงยิ้มบาง ๆ จนถึงวินาทีนี้ครับ?

     

    ขอบคุณที่เป็นเด็กดี ขอบคุณที่ตั้งใจเรียน ขอบคุณที่ไม่เคยทำให้ฉันผิดหวัง

     

    ...

     

    เพราะอะไรที่ทำให้เธอต้องลำบาก? จดจำความรู้สึกเหล่านั้นไว้ให้ดีนะ แล้วให้มันเป็นแรงผลักดันตัวเอง เด็กหนุ่มนั่งตัวเกร็ง เมื่ออีกฝ่ายวางมือลงบนไหล่ พร้อมบีบเบา ๆ เป็นการให้กำลังใจ

     

    ชานยอลพยักหน้ารับคำสั่งสอน เขาจะไม่พูดเพื่อเอาใจคุณแบคฮยอนใด ๆ ทั้งนั้น ในส่วนเรื่องของอนาคต เด็กคนนี้จะสร้างมันขึ้นมาให้เห็นเอง

     

    พอโตขึ้น มีงานทำ พ่อกับแม่จะได้สบาย

     

    ผมจะจำคำพูดของคุณเอาไว้ครับ

     

    ดีมาก

     

    รู้สึกอบอุ่นไปทั้งหัวใจ นานแค่ไหนแล้วที่เด็กอย่างเขาไม่ได้รับคำชมและการปลอบประโลมด้วยคำพูดและมือที่ลูบลงมาบนศีรษะ ชานยอลยิ้มอย่างขลาดอาย พอทิ้งช่วงไปประมาณครึ่งนาที เขาจึงนึกขึ้นได้ว่าควรเข้าบ้าน

     

    งั้นผมไปแล้วนะครับ

     

    อืม ไว้คุยกันในไลน์

     

    เด็กหนุ่มยิ้มพลางโค้งศีรษะ และพอเปิดประตูออกก็ต้องชะงัก เมื่อได้ยินประโยคปิดท้าย ที่ทำให้ปาร์คชานยอลอยากกระโดดข้ามไปให้ถึงวันนั้นเร็ว ๆ

     

    เสาร์สุดท้ายของเดือนฉันว่าง ถ้าวันนั้นเธอกับซูยองไม่ได้ไปไหน ฉันก็มีร้านอร่อย ๆ ที่อยากพาเธอสองคนไปกิน

     

    ...

     

    ยังไม่ต้องตอบก็ได้นะ ไว้ใกล้ถึง--

     

    ผมจะไปแน่นอนครับ!”

     

    บรรยากาศในรถเงียบไป หลังจากเด็กหนุ่มโพล่งให้คำตอบออกมาแม้ว่าเขาจะยังพูดไม่จบประโยค แบคฮยอนยิ้มขำ เขามองเด็กหนุ่มที่ทำหน้าเลิกลั่ก หูแดงเหมือนตอนอยู่ในร้านอาหารอย่างเอ็นดู

     

     

    .

    .

     

     

     

    เป็นอะไรไปซูยอง ทำหน้าหงิกเชียว?

     

    ในที่สุดคนอายุมากกว่าก็มาถึงห้างสรรพสินค้าตามที่นัดกันเอาไว้เมื่อสองอาทิตย์ก่อน วันนี้คุณแบคฮยอนแต่งตัวสบาย ๆ เสื้อเชิ้ตสีขาว พับแขนขึ้นถึงข้อศอกกับกางเกงยีนส์สีเข้ม

     

    ก็พี่ชานยอลน่ะสิคะ เด็กสาวเบ้ปาก เหล่มองพี่ชายตัวดีที่ขัดใจเธอตั้งแต่เช้า

     

    หืม? คนตัวเล็กมองมา เขาจึงกลอกตาเพราะไม่อยากตอบ

     

    พี่ชานยอลบอกว่าวันนี้จะไม่ยอมให้พี่แบคฮยอนเลี้ยงเด็ดขาด เขาบอกว่าวันนี้จะเป็นเจ้ามือเอง

     

    ว่าไงนะ? คนตรงหน้ากำลังยิ้ม หลังจากได้ฟังคำตอบบ้า ๆ นั่นซึ่งเขาเป็นคนคิดเอง

     

    วันนั้นคุณหมดไปหลายหมื่นวอน ถ้าให้เลี้ยงอีกครั้งผมกับน้องต้องรู้สึกผิดไปจนวันตายแน่ ผมเลยคิดว่าวันนี้จะเป็นเจ้ามือเอง ถึงมันจะเป็นเงินของคุณที่ส่งให้ผมกับซูยองทุกเดือน... แต่อย่างน้อยผมก็สบายใจกว่าให้คุณจ่ายในร้านแพง ๆ ครับ

     

    แบคฮยอนล้วงกระเป๋ากางเกง มองเด็กหนุ่มตัวสูงที่เผลอกลืนน้ำลายเพราะความประหม่า ปาร์คชานยอลไม่ใช่เด็กเดาใจยาก นั่นเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เขาเอ็นดูเด็กคนนี้

     

    อืม... งั้นกินอะไรดีนะวันนี้

     

    คนอายุมากกว่าขมวดคิ้ว กวาดสายตาไปยังโซนร้านอาหารต่างประเทศที่ถูกจัดอยู่ในแถบเดียวกัน ชานยอลกำกระเป๋าเงินแน่น ในหัวมีแผนสำรองว่าถ้าหากเงินไม่พอจริง ๆ เขาจะแกล้งขอตัวไปเข้าห้องน้ำ แล้ววิ่งแจ้นออกไปธนาคาร

     

    อยากกินยุคเกจังกับกิมจิบกกึมบับ ชานยอลเลิกคิ้ว เมื่อเมนูที่อีกฝ่ายบอกมามันเรทราคาต่ำกว่าที่เขาคำนวณไว้เสียอีก คุณแบคฮยอนกำลังกวาดสายตามองหา ก่อนจะหันมายิ้มให้สองพี่น้อง มีเจ้าไหนอร่อยกว่าที่นี่ไหม พาไปกินหน่อยสิ

     

    อ๋า ยุคเกจังอีกแล้วเหรอ หนูกินบ่อยแล้วนะ ซูยองพูดเสียงยาน

     

    พาพี่ไปกินหน่อยสิ เดี๋ยวคราวหน้าพาเข้าร้านอาหารอิตาเลี่ยน ผลัดกันนะ แบคฮยอนวางมือลงบนศีรษะเด็กสาว โคลงเบา ๆ จนกระทั่งเธอยอมใจอ่อนในที่สุด

     

    ชานยอลไม่ได้ถามว่าทำไมอีกฝ่ายจึงเลือกเมนูบ้าน ๆ ทั้งที่ยืนอยู่ในโซนร้านอาหารหลากหลายชาติ เขาเพียงแค่มองรอยยิ้มในแบบผู้ใหญ่ของคุณแบคฮยอน ที่เหมือนว่าจะอ่านความคิดของเด็กอย่างเขาออกจนหมดเปลือก

     

    รู้ว่าปาร์คชานยอลไม่มีเงินมากพอที่จะจ่ายอาหารแพง ๆ แต่ผู้ชายคนนี้ก็เลือกตอบในแบบของตัวเอง เพื่อไม่หักหน้าหรือทำให้เด็กคนนี้ต้องรู้สึกไม่ดีไป ทำไมถึงดีกับเขาขนาดนี้นะ...

     

     

    .

    .

     

     

    หลังจากกินมื้อเที่ยงเสร็จ คุณแบคฮยอนก็อาสาขับไปส่งซูยองที่บ้านเพื่อน เพราะเจ้าตัวมีนัดทำรายงาน ตอนนี้จึงเหลือแค่เขาสองคนที่อยู่บนรถ ในช่วงเวลาบ่ายสามเศษ ๆ

     

    วันนี้ว่างทั้งวันเลยเหรอครับ

     

    สองทุ่ม เป็นครั้งแรกที่อีกฝ่ายดูเหมือนเด็ก เพียงเพราะชูสองนิ้วขึ้นมาเป็นท่าประกอบ ชานยอลพยักหน้าพลางเกาแก้ม จนถึงนาทีนี้เขาก็ยังประหม่าไม่ต่างจากวันแรกที่เจอกันอยากไปไหนต่อไหม?

     

    ผมไม่มีไอเดียสำหรับเรื่องนี้เลยครับ เพราะปกติผมก็ไม่ค่อยได้ไปไหน แล้วคุณล่ะครับ?

     

    ฉันก็เหมือนกัน วัน ๆ เอาแต่ทำงานเป็นบ้าเป็นหลัง พอวันหยุดก็นอน ตื่นมาอีกทีก็หมดวันแล้ว คนตัวเล็กหัวเราะ

     

    อย่างนั้นคุณก็ไม่ได้กินอะไรทั้งวันเลยน่ะสิครับ?

     

    ใช่ ต้องโทรสั่ง Junk Food ตลอด

     

    ไม่เบื่อเหรอครับ

     

    เบื่อสิ แต่ทำไงได้ ที่มีบริการส่งก็พวก Junk Food กับจาจัง

     

    สองมือประสานไว้บนตัก ขณะทอดสายตาไปยังถนนเส้นยาวเบื้องหน้า ชานยอลกำลังรวบรวมความกล้า เพื่อที่จะพูดความตั้งใจของเขาออกไป

     

    กินของแบบนั้นมันไม่ค่อยดีต่อสุขภาพเลย มันจะเป็นไรไหมครับ... ถ้าเกิดผมจะบอกว่าผมไปทำอาหารให้คุณในวันหยุดได้

     

    ไม่รู้หรอกว่าตอนนี้คุณแบคฮยอนกำลังทำหน้าแบบไหน ปาร์คชานยอลปอดแหกมากเกินกว่าจะหันไปมอง เด็กหนุ่มกำมือแน่นจนเลือดห้อ หายใจติดขัดเพราะความกดดันที่สร้างขึ้นเอง

     

    คอนโดฉันอยู่ไกลนะ

     

    ไม่อยากให้ไปเหรอ?

     

    กว่าจะนั่งรถมาถึง คงใช้เวลาเป็นชั่วโมงเลย ไหนจะซื้อวัตถุดิบอีก

     

    ให้ตายเถอะ ไม่เอาแบบนี้ได้ไหม อย่าปฏิเสธกันเลยครับ

     

    เพราะฉะนั้น

     

    คุณแบคฮยอน

     

    เธอต้องรีบมาตั้งแต่บ่าย ๆ พอเตรียมวัตถุดิบเสร็จ ฉันจะได้ตื่นมากินพอดี

     

    เด็กหนุ่มเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง คุณแบคฮยอนกำลังยิ้ม ซึ่งมันทำให้เด็กหนุ่มที่กำลังเหี่ยวเฉาเพราะความคิดตัวเองกลับมามีชีวิตชีวาได้อีกครั้ง ชานยอลหันหน้าไปอีกทาง หลับตาลงพลางหายใจเข้าลึก ๆ กับความกล้าในครั้งนี้ ที่ทำให้เขาเข้าใกล้คุณแบคฮยอนได้อีกก้าวหนึ่ง

     

     

    .

    .

     

     

    เพราะทั้งคู่ไม่ใช่คนชอบเที่ยว เวลาที่เหลืออยู่จึงดูเปล่าประโยชน์ไปโดยปริยาย เรื่องนี้ชานยอลไม่ได้ทำการบ้านมาก่อน หากรู้ว่ามีเวลาเหลือเฟือขนาดนี้ เขาจะวางแผนไว้ให้หมดว่าควรไปที่ไหน ทำอะไร เพื่อไม่ให้คุณแบคฮยอนรู้สึกว่าวันนี้มันโคตรเสียเวลาที่ได้อยู่กับเขา

     

    แต่พอเห็นอีกฝ่ายหยุดยืนดูโปรแกรมหนัง เขาจึงแนะนำไปตามที่ได้ฟังเพื่อนคุยกันในห้องเรียน คุณแบคฮยอนคงไม่ได้ดูหนังมานานแล้วเหมือนกัน สายตาที่ไล่อ่านพล็อตคร่าว ๆ นั้นดูจริงจังกลับเข้าสู่โหมดผู้ใหญ่อีกแล้ว

     

    สุดท้ายเราก็เลือกดูหนังไซไฟ เป็นเรื่องบังเอิญหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ ที่เราต่างก็ชอบดูแนวนี้เหมือนกัน ระบบสี่มิติได้เปิดโลกให้เด็กที่ไม่มีเงินจองตั๋วราคานี้ พอออกมาจากโรงหนังคุณแบคฮยอนก็เอาแต่กลั้นขำจนไหล่สั่น เมื่อเห็นสีหน้าอิดโรยของเขา

     

    แยกกันตรงนี้เลยไหมครับ มันใกล้จะทุ่มนึงแล้ว ชานยอลมองนาฬิกาข้อมือ จำได้ว่าอีกฝ่ายมีนัดอีกทีตอนสองทุ่ม ซึ่งถ้าออกช้ากว่านี้ก็กลัวรถจะติด เขาไม่อยากเป็นต้นเหตุทำให้คุณแบคฮยอนต้องสาย

     

     

    เอาล่ะ นี่มันถึงเวลาแล้วที่ปาร์คชานยอลจะ--

     

     

    เดี๋ยวฉันไปส่ง

     

    แต่คุณมีนัดตอนสองทุ่มไม่ใช่เหรอครับ?

     

    คุณแบคฮยอนไม่ได้ยกเหตุผลขึ้นมาอ้างเพื่อให้เขายอมเชื่อฟัง อีกฝ่ายแค่สบตากับเขาเท่านั้น และนั่นก็มีน้ำหนักมากพอที่จะทำให้เด็กหนุ่มอายุสิบเก้ายอมทำตามอย่างว่าง่าย

     

    บนรถเปิดเพลงอคูสติกคลอเบา ๆ เพื่อไม่ให้บรรยากาศในรถเงียบเกินไป พอไม่มีปาร์คซูยองอยู่ด้วย เราจึงคุยกันแค่ตอนที่ใครสักคนเป็นฝ่ายเปิดบทสนทนา หรือคุยเรื่องจำเป็นเท่านั้น

     

     

    แต่เขาก็ชอบแบบนี้ อยู่อย่างเงียบ ๆ แต่รู้ว่ายังมีอีกคนที่อยู่ข้างกัน

     

     

    ผมเริ่มไปทำอาหารเสาร์หน้าเลยได้ไหมครับ?

     

    ใกล้จะถึงบ้านแล้ว ชานยอลจึงเปิดบทสนทนาใหม่ขึ้นมาเพราะเวลาเริ่มนับย้อนหลังเข้าไปทุกที น่าเสียดายจริง ๆ เขายังอยากอยู่ต่ออีกสักหน่อย แต่มันก็เป็นไปไม่ได้

     

    เอาสิ แล้วโทรมานะ

     

    มันจะไม่เป็นการรบกวนตอนคุณนอนใช่ไหม

     

    สิ่งที่เธอต้องกังวลคือ จะทำยังไงให้คนหลับลึกอย่างฉันตื่นได้ต่างหาก คนตัวเล็กหัวเราะ ความรู้ใหม่ที่เพิ่งได้รู้อีกเรื่องก็คือ... คุณแบคฮยอนเป็นคนขี้เซา

     

    ถ้าผมโทรไปหลายสาย... คุณก็อย่าโมโหนะครับ

     

    ส่วนมากฉันจะเป็นฝ่ายถูกโมโหซะมากกว่า ทำไมเป็นเด็กคิดเยอะอย่างนี้นะ ชานยอลก้มหน้าลงเล็กน้อย เมื่ออีกฝ่ายเอื้อมมือมายีหัวเขาเบา ๆ

     

    แก้ไม่หายด้วยครับ ผมไม่รู้จะทำยังไงกับตัวเองแล้ว

     

    มันเป็นเรื่องดีนะ แต่พยายามลดลงบ้างนิดนึง อะไรที่มากหรือน้อยไปก็ไม่ดีกับใจเราทั้งนั้น คุณแบคฮยอนยิ้ม มองถนนบ้าง หันมามองหน้าเขาบ้างสลับกันไป หาความพอดีให้ตัวเองให้ได้

     

    คุณเคยเป็นเหมือนผมหรือเปล่า

     

    กลับกันเลย เพราะฉันเคยเอาแต่ใจจนเสียคน ชานยอลไม่อยากเชื่อสักเท่าไหร่ คนอย่างคุณแบคฮยอนน่ะเหรอจะเอาแต่ใจตัวเอง? กว่าจะหาความพอดีให้ตัวเองได้ ก็เสียคนรอบข้างไปหลายคนเหมือนกัน

     

    ...

     

    ดูทำหน้าเข้าสิ คนตัวเล็กยิ้มขำ แน่นอนว่าเด็กหนุ่มตัวสูงไม่รู้ว่าตอนนี้ตนเองกำลังทำหน้าอย่างไรอยู่มันไม่แย่หรอก หมายถึงตอนนี้นะ

     

    แต่ตอนนั้นก็แย่ใช่ไหมครับ?

     

    สาหัสเลยล่ะ พัง

     

    ชานยอลไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังเครียดและขมวดคิ้วกับเรื่องนี้อยู่ จนกระทั่งอีกฝ่ายกดนิ้วหัวแม่มือลงบนหัวคิ้วของเขา

     

    ใช่ว่าจะมีแต่เรื่องไม่ดีเกิดขึ้นสักหน่อย มันก็มีทั้งดีและไม่ดีปะปนกันไป เพราะมันคือชีวิต และเธอก็ต้องผ่านมันไปให้ได้เหมือนกัน

     

    ชานยอลพยักหน้า หลังจากได้รับคำสั่งสอนจากคุณแบคฮยอน เป็นผู้ใหญ่มันยากจังครับ

     

    เป็นเด็กก็ไม่ง่ายหรอก ดูอย่างเธอสิ คนตัวเล็กยังคงยิ้ม และมันทำให้เขารู้สึกดี ที่ได้เห็นอีกฝ่ายในมุมนี้มากกว่ามุมเคร่งขรึม

     

    รู้สึกตัวอีกทีรถก็ขับจอดถึงหน้าบ้านแล้ว ตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งทุ่มสี่สิบ คุณแบคฮยอนเหลือเวลาแค่ยี่สิบนาทีกว่าจะไปถึงตามนัดหมาย ถ้าเป็นไปได้ เขาก็อยากมีความกล้า ขอให้อีกฝ่ายอย่าขับรถเร็วจนเกินไป แต่มันก็จะดูมากมาย เขาเป็นเด็ก ส่วนคุณแบคฮยอนเป็นผู้ใหญ่

     

    กว่าจะไปถึง ก็คงเลยสองทุ่มแล้ว คุณจะโดนตำหนิหรือเปล่าครับ

     

    ไม่เป็นไรหรอก คุยกันได้ มันไม่ใช่เรื่องด่วนอะไร แค่นัดกินข้าวน่ะ คนตัวเล็กตอบอย่างสบาย ๆ และนั่นทำให้เด็กหนุ่มใจชื้นขึ้นมาบ้าง

     

    งั้นขับรถกลับดี ๆ นะครับ

     

    คืนนี้ฉันอาจจะไม่ได้ตอบไลน์ ยังไงก็รีบเข้านอนล่ะ

     

    ครับ เด็กหนุ่มพยักหน้า เม้มริมฝีปากเพื่อรวบรวมความกล้าอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนจะล้วงกระเป๋ากางเกงออกมา แล้วยื่นบางอย่างที่ตั้งใจจะให้ตั้งแต่อยู่ในห้าง และอีกฝ่ายก็เลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย

     

    แบคฮยอนมองพวงกุญแจที่ห้อยฟิกเกอร์ลูฟี่ในมือเด็กตัวสูง ชานยอลมองหน้าเขาได้ไม่ถึงสองวินาทีแล้วก็ลดระดับสายตาลง ราวกับว่ากำลังประหม่าและขลาดอายกับสิ่งที่ทำอยู่

     

    กุญแจบ้านผมครับ...

     

    อ้อ

     

    ผมไม่รู้ว่าถ้าพูดออกไป มันจะทำให้คุณรู้สึกไม่ดีหรือเปล่า คนตัวเล็กหลุดยิ้มออกมาอีกครั้ง กับความขี้เกรงใจของเด็กหนุ่มที่มาพร้อมความกล้าเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เจ้าตัวพยายามรวบรวมมันกลั่นกรองออกมาเป็นคำพูด

     

    ไหนว่ามาซิ ฉันอยากรู้เหมือนกันว่าจะรู้สึกแย่ได้แค่ไหน แบคฮยอนเท้าแขนลงกับพวงมาลัย พลิกตัวเล็กน้อยเพื่อตั้งใจฟังอีกคนพูด

     

    คุณดูแลผมกับซูยองมาหลายปี โดยที่พวกเราไม่ได้ตอบแทนอะไรเลย ผมกับคุณอยู่กันห่าง ๆ มาตลอด คุยกันแค่ในไลน์ ไม่เคยเจอหน้า ไม่เคยมีโอกาสได้ตอบแทน... เอ่อ ผมจะบอกว่าผมกับซูยองเห็นคุณเป็นคนในครอบครัวไปแล้วน่ะครับ

     

    อื้ม

     

    เพราะฉะนั้น คุณสามารถเข้าออกบ้านผมได้ตลอดเวลาเท่าที่คุณต้องการเลยนะครับ

     

    ยกเค้าเลยดีไหม ให้กุญแจบ้านขนาดนี้แล้ว แบคฮยอนพูดติดตลก เขาคว้าพวงกุญแจไว้แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมปล่อยมือ

     

    และตอนนี้สีหน้าของชานยอลเหมือนอยากบอกผู้ใหญ่อย่างเขาว่าไม่ได้พูดเล่น

     

    ผม เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายอย่างประหม่าไม่เคยทำแบบนี้กับใคร

     

    ...

     

    ได้โปรดรับมันไว้ด้วยนะครับ

     

    ประโยคสุดท้ายที่ได้ยินจากปากเด็กคนนั้น ตอนนี้ชานยอลลงจากรถไปแล้ว โดยที่เจ้าตัวไม่หันมาโค้งปิดท้ายเหมือนครั้งก่อนเพื่อย้ำถึงความขอบคุณ แบคฮยอนมองฟิกเกอร์ลูฟี่ในมือ ยิ้มบาง ๆ พลางเงยหน้าขึ้นมองประตูบ้านที่ปิดลงไปแล้ว ก่อนจะเปิดเก๊ะหน้าคอนโซลรถเพื่อเก็บพวงกุญแจบ้านหลังที่สามเข้าไป

     

     

    บ้านหลังที่สามที่กำลังจะกลายเป็นอีกครอบครัวหนึ่งของเขา

     

     

     

    TBC

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×