ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กลรัก .. เปื้อนสี ( Yaoi )

    ลำดับตอนที่ #36 : ตอนพิเศษ :: ช้างน้อย – พี่บ่าว

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.45K
      8
      16 ธ.ค. 54




    “ช้าง น้อย เดี๋ยวเธอกลับกับใครเหรอ” นังหญิงเอ๋ยถามชั้นเบาๆ เมือ่ถึงเวลาแยกย้ายกันกลับบ้านกลับช่อง งานเลี้ยงย่อมมีวีนเลิกรา ชั้นรู้ดี แต่ชั้นนี่สิ ยังไม่เลิกเวิ้นเลย ทั้งหน้าพี่ปีโป้จูบนังน้ำมนต์ และพี่บ่าวหอมแก้มชั้นมันยังวิ้งๆอยู่ในหัวไม่หายเลย

    “อ้าว แล้วตอนมาช้างน้อยมากับใครเหรอ” พี่เอ็มหันมาถามชั้นบ้าง

    “อ๋อ เพื่อนที่วิทยาลัยมาส่งอ่ะคะ ก็คิดว่าตอนกลับจะให้พี่ปีโป้ไปส่งก่อน แต่เค้าก็ไปกันหมดแล้ว” ชันพูดไปด้วยความน้อยอกน้ออยใจ ที่ดันเกิดมาเป็นกระเทยที่ไม่มีใครสนใจเท่าไหร่นัก ได้แต่สร้างเสียงหัวเราะให้ทุกรอยยิ้ม แต่ก็ต้องอยู่อย่างคนเหงา พูดแล้วชั้นเศร้า น้ำตาอยากจะไหล




    “เดี๋ยวกูไปส่งเอง” และแล้วเหมือนเสียงฟ้าประทาน เสียงพี่บ่าวดังมาจากข้างหลัง พี่แกพูดกับพี่เอ็ม ชั้นหันไปมองแก เหมือนมีแสงออร่าอยู่ด้านหลงพี่เค้า .. พระเอกมาอ่ะ !!

    “จะดีเหรอออ .. พี่บ่าวก็” ชั้นถามพี่ไปแบบเขินๆอายๆ ก็รู้ๆกันอยู่ว่า look live love คนนี้แค่ไหน

    “อย่า เรื่องมาก หรือจะนอนเฝ้าร้าน” โห มามาดไหนอีกเนี่ย ดุเชียว เมื่อกี้ยังตบมุกกับชั้นอย่างกับมาจากคณะเชิญยิ้มเหมือนกัน พอตกดึก ตลกตกงานซะงั้น

    “ไปค่ะไป ชั้นแล้วนะหญิง ไว้เจอกัน” ชั้นบอกกับพี่บ่าว ก่อนจะหันไปลานังหญิง ที่ยืนเบียดๆกับพี่เอ็ม อย่างกับจะสิงร่างกันแล้ว 







    สาย ลมอ่อนๆในยามดึกของคืนนี้ช่างหนาวบาดขั้วหัวใจชั้นจริงๆในตายเถอะแจ็ก โรสหนาวปานอยู่ในทะเลน้ำแข็ง อยากเอามือโอบกอดพี่บ่าวเพื่อคลายความเหน็บหนาวแทบตาย แต่ก็ทำได้แค่มองแผ่นหลังที่กว้างและสง่านั้น รู้ดีว่าที่พี่แกเล่นด้วยก็เพื่อให้ทุกคนครึกครื้น เค้าไม่ได้จริงจัง หรือสนใจเราจริงจังอย่างคำยุของใครต่อใคร



    ชั้นก็เลยต้อง เจียมตัว ว่าแค่อยู่ในฐานะ ดาราตลกแค่นั้น ใครกันละจะมารักดาราตลกอย่างชั้น ก็ชั้นมันไม่ใช่นางเอกนี่ .. แค่มีบทบาทในเรื่อง ได้สร้างสีสันก็ดีแค่ไหนแล้ว




    “หนาวเนอะ” อยู่ๆพี่บ่าวก็พูดขึ้น

    “ช้างน้อยหนาวมั๊ย” พี่แกหันมาถามชั้น ชั้นได้แต่พยักหน้าเชิงรับรู้ว่าหนาวเหมือนกับที่พี่แกรู้สึกเหมือนกัน

    “ไปทางเดิมใช่มั๊ย” พี่กถามอีกครั้ง

    “ใช่ ครับ ทางเดียวที่เคยไปส่งวันก่อนนั่นแหละ” พี่แกเคยไปส่งชั้นมาครั้งนึงแล้ว ครั้งนั้นก็ที่พานังชะนีจอยไปส่งหอ ก่อนจะพาชั้นไปส่งอีกที

    “ครับเหรอ ?” พี่แกทักท้วงกับคำขานรับของผม

    “อ๋อ ค่ะ” อันที่จริง ก็ไม่อยากจะพูด คะ ขา ให้ใครต่อใครมองว่าแรดแบบนั้นแบบนี้ แต่ก็บอกไง เวลาชั้นอยู่กับเพื่อน เสียงหัวเราะของเพื่อน สำคัญกับชั้นที่สุด ใครจะมองยังไงก็ช่างหัวเค้า ชั้นไม่แคร์อยู่แล้ว

    “ตกลงจะคะ หรือจะครับ” พี่บ่าวยังไม่หยุดสงสัย

    “แล้วพี่ต้องการให้ช้างน้อยพูดแบบไหนละ” ชั้นเลยถามไปบ้าง

    “ลองพูดครับ ทำตัวแบบผู้ชายสักวันได้มั๊ย” พี่แกพูดพร้อมกับเลี้ยวรถเข้ามาจอดที่หน้าบ้านชั้น

    “สักวัน ?” ชั้นงงกับคำว่าสักวันนั้น

    “พรุ่ง นี้พี่จะมารับไปดูหนัง แต่ช้างน้อยต้องเป็นผู้ชายนะ ตอนเที่ยงก็แล้วกัน พีไปละ” พี่แกบอกชั้นแค่นั้น พร้อมกับควันรถและเสียงแว๊นก็หายไป ทิ้งให้ชั้นยืนงงกับเรื่องที่ได้ยิน








    “กรี๊ด ดดดดด” ชั้นกรี๊ดในใจเสียงดังกว่า 135 เดซิเบล ถ้ากรี๊ดออกเสียง ป่านนี้คนทั้งหมู่บ้านคงตื่นกันหมด  นี่พี่แกชวนชั้นไปเดทหรือเนี่ย ไม่น้า .. ชั้นเขินนะเนี่ย




    ตายแล้ว ต้องพอกหน้าก่อนสิ ไม่นะ เพิ่งกินเหล้ามา หน้าโทรมแน่ๆ แล้วชุดละ จะใส่ชุดอะไรไป โอ๊ยยย แม่จะซักชุดโปรดให้หรือยังนะ

    โอ๊ยย ตื่นเต้น คือนนี้ชั้นจะได้นอนมั๊ยเนี่ย !!!








    หลาย คนคงคิดว่าชั้นโอเว่อร์แอคติ้ง แต่ก็จริงคะ ก็ชั้นไม่ได้เดทมานานมากๆแล้วนะสิ ไม่ค่อยมีใครเข้ามาจีบชั้นหรอก ถ้าเป็นชายจริงก็จะเช้ามาหานังหญิง ถ้าเป็นชายเทียมก็จะหลงเสน่ห์นังน้ำมนต์ ชั้นเลยไม่ได้ชายไหนมาสนใจ บางทียังมีชะนีเล็กชะนีน้อยมาตามขอถ่ายรูปขอเบอร์ จนชั้นต้องแรดกลบเกลื่อนให้รู้ไปเลยว่า “กูเป็นตุ๊ด” อย่ามาจีบกูนะยะ





    ว่า แล้วกว่าที่ชั้นจะพอกหน้า จะขัดผิว จะจัดชุดเสร็จสรรพ ราตรีนี้ก็ใกล้จะหมดแล้วซะงั้น ชั้นหลับไปด้วยความเพลียตั้งแต่ตอนไหนไม่ยักรู้หรอก รู้แต่แผ่นมาร์คหน้าที่พอกไว้ ยังไม่ได้เอาออกเลย ตื่นมาก็กรี๊ด กร๊าดอยู่พักใหญ่ กลัวสิวอุดตันขึ้นสิ  กว่าจะหน้าใสแบบไม่พึ่งวุฒิศักดิ์เนี่ย ชั้นหมดไปหลายหมื่นแล้วนะ ใครบอกมีของดีมีสูตรเด็ด ชั้นลองมาหมด ถ้าใครมาถามเคล็ดหน้าใสจากชั้น ชั้นก็ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าตัวไหนดีสุด เพราะใช้มาเยอะมากกกกก





    ขณะ ที่ชั้นอยู่ในสภาพผ้าขนหนูพันคาดอก บนหัวใส่หมวกอาบน้ำ พาดผ้าเช็ดตัวผืนเล็กเอาไว้ที่คอ มือก็กำลังบีบครีมสำทารองพื้น คำพูดของพี่บ่าวเมื่อคืนก็ดังขึ้น




    “พรุ่งนี้พี่จะมารับไปดูหนัง แต่ช้างน้อยต้องเป็นผู้ชายนะ”





    กรี๊ด ดดดดดดดด  ต้องเป็นผู้ชายนะ !!!!! นี่มันอะไรของพี่บ่าวเนี่ย ทำอย่างไรละคะทีนี้ เปิดตู้เสื้อผ้ารื้อตู้ใหญ่ หาชุดที่แมนที่สุดในสามโลกมาใส่ แล้วมันจะมีไหมเนี่ย บริจาคเด็กข้างบ้านไปหมดแล้วห ม่าม้าอ่ะ รู้ว่าหนูไม่อบก็เอาไปให้เขาหมด ตอนนั้นชั้นก็ดีใจ แต่มาตอนนี้หนูชักโกรธหม่าม้าแล้วนะ







    ใน ที่สุดชั้นก็แปรงโฉมตัวเองเสร็จจนได้ ทันเวลาที่เสียงมอเตอร์ไซค์ของพี่บ่าวมาเทียบท่าจอดหน้าบ้านพอดิบพอดี ชั้นรีบคว้าเป้ที่เพิ่งรื้อมาจากลังเก็บของ อาจจะดูเชยไปหน่อย แต่แมนมากกกกกก






    “ตรงเวลาจังเลย พี่บ่าว” ชั้นพูดพร้อมกับเปิดประตู คว้าผ้าใบคู่โปรดใส่เท้าอย่างไว หันไปมองอีกทีก็เห็นพี่บ่าวมองชั้นตาค้างแล้ว นี่ถ้าไม่คิดว่าตัวเองเป็นแค่ตัวประกอบของเรื่องนะ ชั้นคงคิดว่าชั้นเป็นนางเอกไปละ ฉากที่พระเอกมองชั้นตอนนุ่ชุดราตรี เดินลงจากบันไดบ้าน




    ว้ายๆๆๆ วนิดาชัดๆ  .. เขินเลยนะเนี่ย !!!




    “แต่งตัวแบบนี้ก็น่ารักดีนี่” พี่บ่าวพูดมาพร้อมกับอมยิ้มเล็กน้อย แต่เล่นเอาใจชั้นสั่นไปทั้งตัว ใจสั่นนะคะ แต่รู้สึกได้ทั้งตัว




    ชั้น หันไปมองกระจกของบานประตูบ้าน ที่พอสะท้อนให้เห็นตัวชั้นในวันนี้อีกครั้ง ภาพข้างหน้าคือเด็กชายตัวเล็กๆ กับผมที่ไม่ได้เซ็ทอะไร แค่เป่าให้แห้ง เสื้อยืดที่พอดีตัว ยี้ห้อ YATTA ที่ดาราชอบใส่กัน ที่เพื่อนที่รู้จักซื้อให้ตอนวันเกิด และก็ไม่ได้ใส่มันสักที กางเกงยีนเดฟที่รัดขาเส้นเลือดแทบปริ กับผ้าใบสีฟ้าคู่โปรด และเป้สะพายข้าง ..




    แค่นี้ .. พี่บ่าวก็ตะลึงชั้นแล้วเหรอเนี่ย หลงใส่บิ๊กอาย พอกหน้าซะนาน .. หึหึ



    “ไปกันยัง” พี่แกเรียกให้ชั้นรู้สึกตัวอีกครั้ง

    “อ่า .. ครับ” ผมตอบพี่แกไป ก่อนที่พี่บ่าวจะส่งหมวกกันน็อคมาให้ชั้น ชั้ยสวมมันเข้าศีรษะ รู้สึกดีที่วันนี้ไม่เซ็ทผมมา มางั้นคงเสียทรงไปกับหมวกใบนี้ แต่มันก็ใส่ที่ล็อกใต้คางยากเย็นจริงๆ


    “มา พี่ช่วย” พี่บ่าวพูดพร้อมกับเอามือของแกมาจับสาย แล้วก็ใส่สายรัดคางหั้น สายตาพี่แกวันี้ ทำไมมันดูแตกต่างจากทุกๆวันนะ พี่บ่าวหนุ่มพูดทองแดง ที่คอยแต่พูดอะไรกวนประสาท ทำตัวกวนตีนเพื่อนในกลุ่ม สายตาของแกวันนี้ช่างดูอบอุ่น ชวนมองมาก ชั้นตื่นเต้นฉี่แทบเล็ด กับสายตานั้น  อุ๊ยย !!!






    แล้วพี่บ่าวก็พาชั้นมา ที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดังของจังหวัด พี่แกลากชั้นเดินอย่างไว ชั้นไม่ทันได้สนใจเลยว่าใครมองมา หรือใครมาห้างวันนี้บ้าง รู้เพียงแต่พี่บ่าวแกมุ่งหน้าไปชั้นดูหนังในทันที





    “จองตั๋วก่อน” พี่แกหันมาบอกแค่นั้น

    “ครับ ..” ผมตอบไป

    แล้ว พี่แกก็เข้าช่องซื้อตั๋ว โดนไม่ได้ถามชั้นสักคำว่าจะดูเรื่องอะไร รอบไหน แต่ก็ปล่อยไปเถอะ แกคงเลี้ยงชั้น ชั้นยังไงก็ได้ แค่สงสัยว่าพวกเด็กช่างนี่ ไม่มีความโรแมนติกอะไรเลยหรือไง




    “อ่ะ ตั๋วของช้างน้อย” พี่แกส่งตั๋วมาให้ชั้น ชั้นก็รับไป

    “140 บาท” พี่แกบอกต่อ ชั้นหันควับไปมองอย่างงงๆ

    “ไม่ ได้เลี้ยง แค่ชวนมาดู” พี่แกยืนยันว่าจะเอาเงินชั้น  กรี๊ดดดดด แล้วทำไมไม่บอกแต่แรกคะ จะได้เลือกเรื่องกับเค้าบ้าง ชั้นควักเงินให้พี่แกไปอย่างลวกๆ วางไปบนฝ่ามือของพี่แก





    “ไป กินข้าวกัน” พี่แกพูด แล้วก็เดินนำไปอีกแล้ว

    “เดี๋ยวพี่บ่าว” ชั้นเลยต้องห้ามพี่แกก่อน

    “มีอะไรเหรอ” พี่แกหยุดแล้วหันมาถาม

    “จะไปกินอะไร ถามช้างน้อยด้วยสิ” ชั้นบอกแกไป แกทำหน้าคิดเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มๆมาให้ผม

    “แล้วน้องช้างน้อยอยากกินอะไรละ”

    “กินพิซซ่า” ชั้นบอกไป

    “หือ ไม่เอาอ่ะ ไม่เห้นจะอร่อย เลี่ยนก็เลี่ยน” พี่บ่าวให้เหตุผลมา

    “เคเอฟซี ดีมะ” ชั้นให้อีกอย่าง

    “โห กินไก่ทอดหาดใหญ่ ยังอร่อยกว่าอีก”  เอ่อ .. พี่แกเปรียบเทียบซะ

    “เอ็มเค เอาป่ะ”

    “กินหมูกระทะโก๊ะตี๋ก็ได้มั้ง”

    “แล้วพี่อยากกินอะไรละ”  ชั้นเริ่มจะไม่ไหวกับสิ่งที่พี่แกแทนเข้ามาแล้วนะ

    “ข้าวแกงแล้วกัน พี่อยากกินอะไรเผ็ดๆ” พี่แกพูดเสร็จก็เดินนำชั้นไป 







    กรี๊ดดดดดดดดดดด นี่เหรอการเดทของชั้นกับพี่แกในวันนี้ ..





    “น้องช้างน้อยไม่กินอะไรเหรอ” พี่แกพาชั้นมากินที่ฟู๊ดคอร์ทของห้าง และพี่แกก็ไปซื้อหาอาหารของแกมาจนได้

    “ช้างน้อยยังไม่ค่อยหิว เดี๋ยวช้างน้อยเดินไปซื้อขนมกินก่อนนะ” นบอกพี่แกก่อนจะเดินมาซื้อเบเกอรรี่ร้านดังของเมืองไปนั่งกินกับพี่แก





    ขณะ นั่งกินข้าวนั้น ชั้นรู้สึกได้ถึงความเหนียวเหนอะหนะบนใบหน้า  นี่หน้าจะมันเท่ากระทะทอดกล้วยแขกยังเนี่ย รู้สึกเสียความมั่นใจ เอามือลูบริมฝีปาก ก็รู้สึกได้ถึงริมฝีปากที่แตกแห้งระแหงไปหมด


    โอ๊ยยย หมดกัน ปากอมชมพูของชั้น ไมได้รับวิตามินตามที่ควรได้ หน้าชั้นจะเป็นสิวไหมเนี่ย หน้ามันซะอย่างนี้





    “เวลาแต่งตัวแบบนี้ก็น่ารักดีนะ ไม่เห็นต้องแต่งอะไรให้มากเลย” พี่บ่าวบอกชั้น

    “แต่ ..” อยากจะถียงใจแทบขาดว่าแบบนี่อ่ะ มันไม่ใช่ชั้น แต่ก็นะ อย่าดีกว่า

    “อ่าครับ อิ่มหรือยัง ไปดูหนังกัน” ชั้นบอกพี่บ่าว แกยิ้มให้ชั้นเล็กน้อย ก่อนที่จะเดินออกจากศูนย์อาหารไปพร้อมๆกัน








    “เอ๊ย ไอ้บ่าว” ยังไม่พ้นจากศูนย์อาหารก็มีเสียงเรียกพี่บ่าวดังมาจากด้านหลัง ชั้นหันควับไปมองด้วยความสงสัย 

    “อ้าว ไอ้นนท์ ว่าไงวะ กลับมั้งแต่เมื่อไหร่” พี่บ่าวหันไปสนทนากับชายหนุ่มที่เดินมา ชั้นแอบกรี๊ดในใจดังกว่าเดิม เพื่อนพี่บ่าวคนนี้หล่อมากกกก หล่อจนชั้นอยากลากกลับบ้าน

    “เพิ่งถึงเมื่อเช้านี่แหละ มึงละเป็นไงบ้าง”

    “เออ กูสบายดี ไม่เจอนาน หล่อขึ้นเยอะเลยนะมึง เป็นเด็กเทพก็งี้แหละนะ”

    “เอ๊ย ชมเกินไปแล้ว แล้วนี่มึงมากับใคร” พี่เค้าพูดแล้วหันมามองชั้น ทั้งที่ชั้นก็ยังจ้องหน้าพี่เค้าอยู่ อุ๊ยตาย หลบไม่ทัน

    “อ๋อ เพื่อน ชื่อช้างน้อย” พี่บ่าวหันมามองชั้น ก่อนที่จะหันไปพูดกับพี่คนนั้น

    “เอ๊ย ชื่อน่ารักดีวะ ดีครับช้างน้อย ผมนนท์นะครับ” พี่แกชื่อนนท์ พี่แกบอกชั้น ได้ยินกันทั่วมั๊ยยะ

    “ดีครับ” เก็กเสียงหล่อที่สุดในสามโลก ตอบแกไป

    “เพื่อนมึงน่ารักดีนี่ ไม่น่าเป็นเด็กช่างเหมือนมึงนะ” พี่นนท์ชมชั้นอีกแล้ว อ๊ายยย ชั้นเขินที่สุดในสามโลก

    “เออ มันเรียนวิทยาลัยศิลป์ มันมีเมียแล้ว” อ๊ากกกก พี่บ่าวพูดอะไรออกไป ทำไมพูดทำร้ายช้างน้อยแบบนี้ มีเมียเนี่ยนะ

    “หือ อะไรนะ นึกว่ายังโสด เสียดายจัง” ม่ายยยยยยยยยย ช้างน้อยอยากตาย ใครก็ได้ลากช้างน้อยไปเผาหน่อย ทำไมพี่บ่าวถึงทำกับช้างน้อยแบบนี้

    “เสียดงเสียดายอะไร แฟนมึงเยอะแยะ” พี่บ่าวหันไปคุยกับพี่นนท์ต่อ โดยทิ้งให้ชั้นยืนก้มหน้ามองเล็บตีบตันตัวเองอย่างอนาถใจ

    “เยอะแยะอะไร ก็เลิกหมดแล้ว” นั่นไง พี่เค้าอยากจีบชั้นแน่ๆ

    “เออ ค่อยคุยกันมึง เดี๋ยวกูไปธุระก่อน” พี่บ่าว จะรีบไปไหนนนนนนน ยังอีกนานกว่าหนังจะเข้า

    “เออ เดี๋ยวค่อยโทรชวนไปกินเหล้า” พี่นนท์พูดพร้อมกับกับโบกมือไป

    “ไปก่อนนะช้างน้อย” กรี๊ดดดด ยังไม่ลืมหันมาลาชั้น

    “ครับ ไว้ค่อยเจอกัน” อ๊ายยย ชั้นอยากบอกว่า ขอเบอร์ ขอพิน ขอวอทแอพได้มั๊ย อยากพูดมากกว่านี้  แต่ติดกับสายตาตรงหน้านั้น






    “ชอบอะดิ เพื่อนพี่” หันมามองแบบรู้

    “ทำไมพี่บ่าวพูดไปแบบนั้นละ ช้างน้อยเสียหายหมดนะ” ชอบยังไงก็ต้องแอ๊บไว้ แอ๊บไว้ช้างน้อย พุทโธ ธัมโม สังโฆ

    “ก็ ทำไมละ บอกไปว่าโสด มันก็จีบเราดิ มันอ่ะเสือไบ ขาฟันเลยนะ อย่างช้างน้อยอ่ะ หลงมันแน่ โดนมันฟันแล้วทิ้งอยู่แล้ว พี่ไม่อยากให้ไปยุ่งกับมันนัก”

    พี่แกตอบมาด้วยหน้าตาจริงจัง จนอิชั้นน้ำตาจะไหล นี่พี่แกเป็นห่วงชั้นเหรอเนี่ย 

    “หน้า มันหมดแล้ว ไปห้องน้ำก่อนมั๊ย” พี่บ่าวทักชั้น ยอมรับว่ารู้สึกเสียเซลฟ์ ถ้ามีใครมาทักชั้นแบบนี้ แต่วันนี้ตั้งใจจะแมนแล้วก็แมนให้ทั้งวัน หน้ามงหน้ามันไม่สนใจ เพราะชั้นมั่นใจว่าคนไทยเกินหนึ่งล้านคนก็เหมือนชั้น

    “ไม่เป็นไรครับ ไปดูหนังกันเถอะ” ชั้นบอกพี่แก พี่แกยิ้มให้ชั้นเล็กน้อย ก่อนจะเดินใกล้ชั้น แล้วเอามือมาเกาะบ่าพาชั้นเดิน





    “ตึก ตึก ตึกตึก” ชั้นสัมผัสได้ถึงใจที่สั่นของชั้นแทบไม่เป็นจังหวะ นี่มันอะไรกันเนี่ย แค่พี่แกเดินมาเกาะบ่าใจชั้นก็สนั่นหวั่นไหวหมดแล้ว





    แต่ใจต้งอมาสั่นเป็นสองเท่า เมื่อชั้นเดินมาเจอกับสิ่งนี้

    “พี่บ่าวววว !!!” ชั้นเรียกชื่อพี่แกออกมา

    “มีอะไรช้างน้อย” พี่แกถามมาด้วยสีหน้าตกใจไม่แพ้ชั้น








    “เครื่องสำอางลดราคา !!!” 











    อึ้ง อึ้ง พี่บ่าวอึ้งจนพูดอะไรไม่ถูก ก่อนจะทำหน้าบึ้งไม่พอใจใส่ชั้นมา ชั้นเลยต้องหลบตาต่ำ ลืมไปเลยว่าวันนี้ต้องแอ๊บแมน แต่ก็นะ เครื่องสำอางยี่ห้อโปรดของชั้นมันลดราคานี่ หึหึ ดูสิชะนีสี่ห้าตัวกำลังตบตีแย่งกันอย่างเมามัน ถ้าชั้นพลาดงานนี้ คงได้ซื้อราคาเต็ม เงินหมดกันพอดี  ม่ายยยยยย





    “จะดู มั๊ยหนังอ่า” พี่แกพูดพร้อมกับมือที่กระชับบ่าชั้นแน่นกว่าเดิม พร้อมกับออกแรงลากไป สายตาชั้นยังคงปรายตามองที่ร้านเครื่องสำอางนั้นเล็กน้อย จนลับสายตาชั้น





    ถือ ว่าหนังที่พี่บ่าวเลือกดูจะมีรสนิยม เหมาะกับชั้นพอสมควร เพราะพี่แกเลือกหนังฮอลีวู้ดทุ่มทุนสร้างดู เพราะชั้นก็ชอบหนังแนวนนี้อยู่แล้ว พระเอกแสนหล่อ นางเอกแสนเปรี้ยว ยิงกันตู้มต้าม  แอฟเฟ็กอลังการตระกาตาดาวล้านดวง มันเป็นอะไรที่ช้างน้อยไลท์มากๆ






    “ไง ชอบมั๊ย” พี่บ่าวถาม ระหว่างที่เราสองคนออกมาจากโรงหนังแล้ว

    “ชอบครับ มันมากเลย” ชั้นตอบไปยิ้มๆ และจริงใจ ไม่ได้เสแสร้ง

    “ดี ครับ ช้างน้อยชอบพี่ก็ดีใจ” พี่แกพูดพร้อมกับเดินมาเตะมือที่บ่าชั้นพาเดินอีกครั้ง ครั้งนี้ผมรู้สึกชินมากขึ้น และก็พอจะรู้เหตุผลที่แกให้ชั้นแต่งตัวแมนๆแบบนี้แล้วละ เพราะพี่แกคงไม่อยากให้ตกเป็นเป้าสายตาใคร ไปไหนมาไหนแบบเพื่อนๆกัน ซึ่งชั้นก็เข้าใจ เพราะถ้าเดินกับคนแรดๆอย่างชั้นสองต่อสอง ก็ต้องตกเป็นขี้ปากขี้ตาใครๆเค้า




    แต่วันนี้ชันก็อึดอัด เล็กน้อยเหมือนกันนะ ชุดนะไม่เท่าไหร่ เพราะปกติชั้นก็แต่งแบบนี้ แต่แค่เยอะกว่านี้นิดหน่อย แต่หน้าที่มันเยิ้ม ปากที่ซีดแตกนี่สิ มันทำให้ความมั่นใจในตัวชั้นลดลง 56.39 เปอร์เซ็นต์





    “รอพี่ตรงนี้แป๊บนะ เดี๋ยวพี่มา” เหมือนพี่แกมีอะไรต้องไปทำ ชั้นเลยยืนรอพี่แกอย่างที่พี่แกบอก






    จะ ว่าไปมาเดทกับพี่บ่าววันนี้ เอ๊ะ เรียกว่าเดทคงไม่ได้สิ เอาว่ามาดูหนังกับพี่แกวันนี้ ก็ไม่ได้เลวร้าย  ถึงแม้ว่าพี่แกไม่ได้หล่อเหลา เดินมาปุ๊บ สาวกรี๊ดเหมือนหนูวิ่งตัดหน้า แต่พี่แกก็มีเสน่ห์ในแบบของพี่แก เสน่ห์ของผู้ชายบ้านๆ ที่แสดงได้แค่ความจริงใจ และความเป็นห่วงเป็นใย ชั้นว่าถ้าผู้หญิงคนไหนได้พี่แกเป็นแฟน คงโชคดีไม่น้อยเลย อย่างน้อยพี่แกก็น่าจะดูแลผู้หญิงคนนั้นได้




    ภาพของเด็ก ช่างกวนบาทาเมื่ออยู่ในกลุ่มพี่เขา กับภาพที่ชั้นเห็นวันนี้ดูแตกต่าง แต่ก็ดูน่าสนใจไปอีกแบบ รู้สึกดีใจเล็กน้อยที่อย่างน้อยชั้นก็ได้สัมผัสกับอีกมุมหนึ่งของผู้ชายคน นี้ ถึงพี่เค้าจะไม่ได้คิดอะไรกับชั้น แต่ชั้นก็แอบคิดว่าตัวเองฉลาดที่เลือกชอบผู้ชายคนนี้ เพราะพี่แกมีดีกว่าที่คนอื่นๆคิด




    ว้ายย เขินจังเลย คิดอะไรของชั้นเนี่ย






    “รอนานมั๊ย”  พี่บ่าวกลับมาละ

    “เปล่าคะ  เอ๊ย เปล่าครับ” ชั้นตอบไปยิ้มๆ  แหม มันไม่ชินสักที

    “ถ้ามันลำบาก ก็ไม่ต้องฝืนก็ได้ เป็นตัวของตัวเองเถอะ” พี่แกพูดมายิ้มๆกับชั้น ดูเป็นยิ้มของความจริงใจ หาใช่ยิ้มเยาะเย้ย
    “แต่ ..”

    “พี่ขอโทษ ทีไปบังคับให้เราทำอะไรที่ไม่ถนัด  เอ๊านี่  พี่ซื้อให้” พี่บ่าวพูดพร้อมกับยื่นถุงเครื่องสำอางร้านที่ลดราคามาให้ชั้น

    “พี่ชื้อให้ช้างน้อยเหรอ” ชั้นถาม ตาโตด้วยความสงสัย

    “ใช่ แต่ไม่รู้จะถูกใจมั๊ยนะ  พี่บอกพนักงานว่า เอาไอ้ตัวที่ทำให้หน้าไม่มัน และก็ไม่วอกมาก เอาแบบปากไม่แดง แต่ก็ไม่แตก  ช้างน้อยใช้ได้หรือเปล่า”  พี่บ่าวยิ้มๆ เอามือเกาหัวแสดงถึงความเขินอาย  ว๊ายยยย เวลาเขินอายพี่แกน่ารักขึ้น 25 เปอร์เซ็นต์นะเนี่ย




    “ขอบคุณนะคะ” ชั้นตอบพี่แกไป





    ก่อน ที่พี่แกจะเอาถุงไปถือให้ และมือกลับมาพาดบ่าชั้นอีกครั้ง  ชั้นไม่รู้หรอก ว่าพี่แกรู้สึกกับชั้นแบบไหน พี่น้อง เพื่อนกัน หรือมากกว่านั้น แต่ชั้นก็ดีใจนะ ที่พี่แกเข้าใจชั้น และไม่รังเกียจที่ชั้นเป็น


    คน เราถ้าจะรักจะชอบกัน ก็อย่าพยายามไปเปลี่ยนอีกคนให้มากจนเกินไป จนทำลายความเป็นตัวเค้า แต่ถ้าอีกคนพร้อมจะเปลี่ยนนั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง ไม่ผิดนี่ ถ้าจะเปลี่ยนเพื่อคนที่เรารัก 



    เส้นทางของใครก็ เส้นทางมัน แต่ถ้าจะมาร่วมทางเดินกัน ก็ตองเอาเส้นทางของทั้งสองมาต่อกัน ข้างทางข้างหนึ่งเป็นของตัวเอง ข้างทางอีกข้างหนึ่งก็เป็นของอีกคน ผลัดกันเดินชมข้างทางของกันและกันไปเรื่อยๆ

    สักวันหนึ่งมันก็จะเป็น “ทางของเรา” 


    ชั้น พล่ามไปอย่างนั้นแหละ เพราะตอนนี้ชั้นก็ยังเดินในทางของชั้น พี่บ่าวก็ยังเดินในทางของแก แค่วันนี้ทางเดินของเราสองคนมันมาตัดผ่านกันเฉยๆ ... พรุ่งนี้อาจจะแยกไปตามของตัวเอง หรือว่าจะสร้างถนนตัดใหม่ ก็ไม่มีใครรู้หรอก







    ขอบใจนะพี่บ่าว .. สำหรับวันนี้ ..











    ...........................................................................................................................................................
    ขอกำลังใจเป็นแสดงความคิดเห็น ติชม วิจารณ์ กดโหวตให้ด้วยนะครับ ขอบคุณมากๆครับ
    ...........................................................................................................................................................












    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×