ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กลรัก .. เปื้อนสี ( Yaoi )

    ลำดับตอนที่ #35 : รักเข้าใจยาก .. แต่ทุกคนอยากเข้าใจมัน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.5K
      10
      16 ธ.ค. 54


     

     

    ค่ำคืนแสนยาวนานนี้เริ่มต้นตั้งแต่พระอาทิตย์ตกดิน จนพระจันทร์ขึ้นแทนที่ การดื่มสังสรรค์ถือเป็นเรื่องปกติของช่วงหลังสอบเสร็จและเสร็จสิ้นกิจกรรม  ผมรู้สึกชอบเวลาได้อยู่กับเพื่อนๆที่ผมรัก และพี่ๆที่ผมสนิท และก็ได้อยู่กับนายปีโป้ในค่ำคืนแบบนี้แล้วสิ

     

    มันอบอุ่นดีเนอะ ..

     

     

    แต่ตอนนี้นายปีโป้ที่ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ก็ไปนานกว่าที่คิด ผมเริ่มรู้สึกเป็นห่วง เพราะวันนี้รายนั้นก็เมาใช่ย่อย ปากบอกผมว่าอย่าดื่มมาก แต่ตัวเองก็ซัดไปซะเยอะ แต่ก็เข้าใจ ว่าอยากสนุกกับเพื่อน เพราะผมก็มองว่าค่ำคืนนี้สนุกจริงๆ

     

    ช้างน้อยที่คอยสร้างอารมณ์ขันให้กับกลุ่มก็ยังพูดสร้างเสียงหัวเราะอยู่ไม่ขาดสาย โดยมีพี่บ่าวอยู่ข้างๆ คอยรับส่งมุขอย่างเข้าขา

    หญิงกับพี่เอ็มก็ดูจะมีโลกส่วนตัวของเขาสองคน ที่ดูช่างมีความสุข และช่างน่าอิจฉา

     

    “น้ำมนต์ ทำไมดื่มน้อยจังเลย” แพรทักผมขึ้นมาขณะที่ผมกำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆ

    “อ๋อ เราไม่ค่อยอยากเมาเท่าไหร่ กลัวเมาแล้วรั่ว” ผมตอบไปยิ้มๆให้กับสมาชิกใหม่ของวง ที่มาร่วมแจมกับพวกเราครั้งแรก

    “เหรอ อยากเห็นน้ำมนต์รั่วจังเลย” เธอตอบมายิ้มๆ ก่อนจะยื่นแก้วของเธอมา หมายจะชนแก้วกับผม ผมเลยยกแก้วชนเธอตอบ

    “เป็นไงถึงมากับพี่โอ๊ตได้ละ” ผมถามออกไป เมื่อได้ดื่มเหล้าในแก้วนั้นหมด

    “พอดีเราคุยกับพี่เค้าเข้ามาคุยกับเราได้พักนึง แล้วก็ชวนเรามา บอกว่าน้ำมนต์ก็มาด้วย เราเลยอยากมา” คำตอบของเธอทำให้ผมตีความหมายว่า ที่เธอมาเพราะผม ไม่ใช่เพราะพี่โอ๊ต .. เอ๊ะ ชักจะยังไงๆ

    “อ๋อเหรอ ดีๆ” ผมไม่รู้จะพูดอะไรต่อดีครับ

    “เดี๋ยวเรามานะแพร ไปเข้าห้องน้ำแป๊บ” ผมบอกพร้อมกับลุกออกมา ใจจริงไม่ได้ตั้งใจจะมาเข้าห้องน้ำหรอก แค่อยากมาดูว่านายปีโป้ทำไมมานนานจัง

     

     

     

    การเดินเข้าไปหานายปีโป้ของผมต้องหยุดลง เมื่อเห็นหลังของนางปีโป้ยืนนิ่งอยู่ตรงทางเข้า  พร้อมกับเสียงคนสองคนกำลังคุยกัน ผมเดินเข้าไปใกล้นายปีโป้มากขึ้น มากขึ้น

     

    “รวมทั้งเรื่องของเราเหรอ ?”

    “ถ้ามึงต้องการ กูก็พร้อม”

    “เชี่ยเดช !!!

    “มึงเลิกคิดว่าไอ้โป้จะชอบมึงได้แล้วไอ้โอ๊ต ยังไงมันก็คิดกับมึงแค่เพื่อน”

    “มึงไม่ต้องมายุ่ง ยังไงมึงก็ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้”

    “แต่กูกับมึง ..”

    “มึงอย่าเอาเรื่องนั้นมาอ้าง กูแค่พลาด”

    “เหอะๆ ครั้งแรกยอมรับว่าพลาด แล้วครั้งต่อมาๆละ มึงพลาดหรือมึงเงี่ยนกันแน่”

    “เชี่ยเดช หุบปากหมาๆของมึงซะ กูว่ามึงเมาแล้ว กูจะกลับโต๊ะแล้ว”

    “เดี๋ยวก่อนมึง แล้วมึงไปดึงแพรเข้ามาอีกทำไม เขาไม่เกี่ยวอะไรด้วยเลยนะ”

    “กูไม่ได้ทำไร แพรมันไม่ได้ชอบกูอยู่แล้ว มันชอบน้ำมนต์โน่น เป้าหมายกูกับมันเหมือนกัน”

    “มึงนี่ตัวช่วยเยอะเนอะ ทั้งกู ทั้งแพร”

    “มึงก็ชอบน้ำมนต์นี่ ไม่ได้ฝืนใจอะไรตัวเองไม่ใช่เหรอ”

    “ชอบกับรัก ยังไงมันก็ไม่เหมือนกัน”

    “เลิกพูดเหอะ กูไปแล้ว เดี๋ยวมีคนได้ยิน”

     

     

    เมื่อสิ้นประโยคสนทนา นายปีโป้ก็ขยับตัวเล็กน้อย  ก่อนจะหันหลังกลับมามองผม สายตาของเขาไม่ต่างจากคนที่กำลังจะร้องไห้ ตาที่ดุดัน แววตาแดงกร่ำ หน้าที่ปราศจากรอยยิ้ม นายปีโป้มองผมอย่างตกใจ เช่นเดียวกันผมก็ตกใจกับสายตานั้น ก่อนที่เขาจะปรับสายตา แล้วเดินมาจับมือผม ลากไปจากจุดนั้น

     

     

     

    นายปีโป้ลากผมเดินผ่านโต๊ะที่พวกเรานั่งอยู่ ทุกคนมองผมกับนายปีโป้แบบงงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับสองคนนี้ ผมไม่มีคำตอบให้กับสายตาที่มองมาอย่างสงสัยทุกคู่นั้น

     

     

    นายปีโป้ลากผมมาจนถึงม้านั่งฝั่งตรงข้ามของร้าน ซึ่งเป็นลานจอดรถ  เขานั่งลงบนม้าหินอ่อนนั้นโดยมือของเขายังจับมือผมอยู่ ผมเลยลงไปนั่งข้างๆ

     

     

    “นี่มันอะไรกันวะมึง กูงงไปหมดแล้ว” ประโยคที่หลุดออกจากปากนั้น ยากจะเดาว่าคนที่จับมือผมอยู่ กำลังแย่สักแค่ไหน

    “คงไม่มีอะไรหรอก อย่าเพิ่งคิดอะไรให้มันมากเลย” ผมพยายามพูดปลอบ

    “ไม่มีอะไรได้ไง มึงก็ได้ยิน สองคนนั้นมันต้องมีอะไรที่ปิดบังกู” สายตาที่ย้อนมาถามผมอย่างไม่พอใจ อารมณ์โกรธที่รอการปลดปล่อย

    “ในเมื่อเค้ายังไม่พร้อมจะบอกเรา เราก็อย่าไปอยากรู้เลย”

    “ให้กูโง่อยู่แบบนี้นะเหรอ โง่โดยไม่รู้ว่าสองคนนั้นมันกำลังเล่นอะไรกับกู ทำอะไรกับกูบ้าง” อารมณ์ของอีกคนเหมือนภูเขาไฟที่รอการปลดปล่อย แววตาเคลือบไปด้วยน้ำตาแห่งความผิดหวัง

    “แล้วเขาทำอะไรนายได้บ้างละ เขาทำให้นายรักเค้าได้ไหมละ เขาแย่งเราไปจากนายได้ไหมละ แล้วเป็นไปอย่างที่เขาต้องการสักอย่างไหม” ผมสวนเขากลับบ้าง ถึงไม่ได้มีน้ำเสียงที่ใช้อารมณ์ แต่คำพูดก็พยายามข่มให้อีกคนรับรู้ถึงเหตุผลของผม

     

    “เค้าไม่เคยได้ในสิ่งที่เค้าต้องการ  และเค้าจะไม่มีวันได้มันไป ถ้าเรายังเชื่อใจกัน” มือผมอีกข้างหนึ่งนำไปวางทับมือเราสองคนที่จับไว้ และกุมมือนั้นไว้อย่างแนบแน่น ตามคำที่ผมพูด แววตาของผมคงสื่อให้คนข้างๆรู้สึกดีขึ้น รอยยิ้มเริมปรากฏบนในหน้าเขา ทำเอาผมยิ้มตามไปด้วย

     

    “ขอบใจมึงมากนะ” นายปีโป้พูดพร้อมกับเอามือมาโอบตัวผมไปไว้ในอ้อมกอดเค้า

    “ในวันที่กูมีปัญหา กูขอแค่มีมึงข้างๆให้กูกอดแบบนี้ เรื่องที่ว่าร้ายแรงแค่ไหน กูเชื่อว่ากูจะผ่านพ้นมันได้”  มันพูดออกมาเบาๆ พร้อมกับมือที่ลูบผมเล่นไปด้วย

     

     

     

     

     

    ผมลากนายปีโป้กลับมาที่โต๊ะจนได้ เพราะอีกคนบอกยังไม่อยากจะไปเจอใคร ไม่อยากทำอะไร ไม่อยากเจอหน้าพี่โอ๊ต พี่เดช  แต่ผมก็บอกไปว่าอย่ามาทำนิสัยเด็ก โตจนมีแฟนเป็นผู้ชายแล้ว ยังทำตัวแบบนี้

     

     

    “ไปไหนกันมาวะ สองคนนี้” พี่เอ็มถามทันทีเมื่อผมกับนายปีโป้มาถึงโต๊ะ

    “แหนะ อดใจไม่ไหว ไปซั่มกันมาแล้วเรอะ” พี่บ่าวเริ่มแซว

    “ปากเสียไอ้บ่าว เดี๋ยวโดนตีนกูเลย” นายปีโป้หันไปดุพี่บ่าว ก่อนจะพาผมไปนั่งที่เดิม

    “มานั่งนี่” ยังไม่ทันที่ผมจะได้นั่งลงบนเก้าอี้ นายปีโป้ก็ลากผมไปนั่งบนตักซะแล้ว ผมรู้ดีว่าเค้าต้องการจะสื่ออะไร ผมเลยต้องยินยอมเขาไป

     

    “กูละอิจฉาสองคนนี้จริงๆ กว่าจะรักกันได้ก็ยากเย็น พอรักกันก็รักกันปานจะกลืนกิน” พี่บ่าวพูดถึงผมกับนายปีโป้ครับ

    “พี่บ่าวก็มีช้างน้อยไง มามะ เรามารักกันให้หวานกว่าเค้าสองคน” ช้างน้อยพูดพร้อมกับเดินไปทำท่าจะนั่งตักพี่บ่าวบ้าง

    “เอ๊ยยย อย่ามานะมึง กูเอาเรื่องจริงด้วย” พี่บ่าวเริ่มป้องดันตัวเอง

    “ว้ายยย จะเอาจริงๆเลยเหรอคะ ช้างน้อยยังไม่พร้อมเลย” แต่ดูที่ช้างน้อยตีความสิครับ ความหมายเป็นอย่างอื่นไปแล้ว

    “โอ๊ย อินี่ ไปกลับหอกับกู เดี๋ยวกูจัดให้ชุดใหญ่” พี่บ่าวพูดพร้อมกับลุกขึ้นทำว่าจะไปจริงๆ

    “ไปก่อนนะน้ำมนต์ ถึงจะรักกันหลังเธอ แต่ก็ได้กันก่อน ชั้นชนะยะ” ดูสิครับ ท่าทางดีใจออกนอกหน้าของเธอ ไม่ทำให้พวกเราอมยิ้มตามได้ไง

    “พี่จะเอาหนูจริงเหรอ หนูยังซิงอยู่เลย” เธอหันไปคุยกับพี่บ่าว ทำท่าบิดตัวเขินอาย

    “พี่บ่าวพาไปเลยคะ เอาให้กลับมาขาถ่างเลยนะคะ” หญิงที่อยู่ในสภาพกรึ่มๆ เริ่มอยากมีบทบาทบ้าง

    “แหม นังหญิง อิจฉาก็บอกมาเถอะ พี่บ่าวอ่ะ มังกรนครศีเลยนะ” น่านครับ ช้างน้อยอวดสรรพคุณ

    “เอ๊ย จริงเหรอช้างน้อย” พี่เอก พี่เอ็มและคนอื่นๆตกใจกันใหญ่

    “เอ๊ย ช้างน้อยก็พูดเกินไป พี่เขินนะนเนี่ย”  พี่บ่าวนี่ก็ช่างเล่นตามนะครับ

     

     

    ภายในบรรยากาศที่ดูเหมือนจะครึกครื้นนี้ มีคนนึงที่ไม่ขำกับสิ่งที่ตลกนั้น คนที่โอบผมไว้นี่แหละครับ เขาได้แต่ยกแก้วเหล้ากินอย่างไม่สนใจอะไรข้างนอก หน้าเขาหันไปมองหน้าพี่โอ๊ต พี่เดชสลับกันไปมา โดยที่ทั้งสองคนก็หันมองกลับมาบ้าง เหมือนทั้งสามต้องการจะสื่อสารอะไรกัน แต่ก็ไม่พูดออกมา เวลาหันหน้าเจอ นายปีโป้ก็จะยื่นแก้วไปชนกันมากกว่า

     

     

    “เป็นอะไรวะโป้ ชนยับเชียว” พี่เอ็มคงสังเกตนายปีโป้มาพักนึง ถึงได้ถามไป

    “กูอยากกินกับเพื่อน ไหนมึงยกแก้วมาชนกับกูหน่อย” นายปีโป้ตอบพี่เอ็ม ก่อนจะยื่นแก้วไปหา

    “หมดแก้ว” เสียงแก้วชนกัน พร้อมกับเสียงจากปากนายปีโป้

     

    “กินเยอะไปแล้วนะ” ผมหันไปบอกคนที่อยู่ข้างหลัง

    “ไม่เมาหรอก เชื่อพี่นะคะ” จะเชื่อดีไหมเนี่ย สรรพนามเปลี่ยนไปซะขนาดนี้

    “พี่เลยเหรอ ?” ผมย้อนถาม

    “ทำไมละ ปกติกับแฟนคนอื่น พี่ก็พุดแบบนี้” อ้อ จริงสินะ กับแฟนคนอื่นก็พูดเพราะ มีแต่กับผมที่พูดมึงกูกันอยู่ตลอด

    “แล้วทำไมตอนไม่เมาไม่พูดละ” ผมถาม

    “ก็พี่ชินแล้วนี่คะ คราวหลังพี่จะพูดกับน้องน้ำมนต์เพราะๆนะ” ปากคนพูดนี่เฉิ่มด้วยกลิ่นเหล้า ตานี้หวานปานน้ำผึ้งเดือนห้า และนั่นจะขยับปากเข้าหาผมทำไมอีกละนั่น

    “ถอยเลย ไม่ต้องเอาปากมาใกล้” ผมบอกห้าม

    “ทำไมละคะ พี่ขอหอมแฟนพี่ไม่ได้เหรอ” ดูครับ ปากว่ามือถึงจริงๆ มือตอนนี้ก็กอดผมแน่นกว่าเดิมอีก

    “ไม่เล่นนะนาย เราอายคนอื่น ทั้งร้านมีแต่พวกเราวะทีไหนละ”

    “พี่ก็มาได้เล่นค่ะ พี่จะจูบจริงๆ” โอ๊ยย อยากจะบ้า

    “น้ำมนต์ขา .. ถ้าหล่อนไม่ให้พี่ปีโป้ขาของช้างน้อยจูบ ชั้นจะยื่นหน้าที่ปัดแก้กับอีทูดี้ประเทศเกาหลีให้พี่ปีโป้จูบเดียวนี้แหละ”  นั่นไงครับ เสียงช้างน้อยแขวะมานั่นแล้ว แปลว่าทุกคนในโต๊ะกำลังสนใจผมอยู่

    “ช้างน้อย กำลังนอกใจพี่นะ” และเสียงพี่บ่าวก็ขึ้นมาอย่างเอาจริงเอาจัง

    “ว้าย ตาเถน ช้างน้อยลืมตัว มีผัวแล้วชอบอ่อยไปทั่ว โอ๊ย แย่ๆๆๆ”  ดูกิริยาเธอครับ ทำท่าตกใจอย่างกับไฟไหม้บ้าน ผมเลยได้แต่ยิ้มๆ

    “จ๊วบบบบ” ไม่ทันใด นายปีโป้ก็ขโมยหอมแก้มผมตอนเผลออีกแล้ว

    “แอร๊ยยยยยยย พี่ปีโป้อ่ะ  ช้างน้อยอิจฉานะ”

    “จะไปอิจฉาเค้าทำไม มาพี่ก็หอมเป็น จ๊วบบบบ”

    “อร๊ายยยยยยยยยย พี่บ่าวละก้อ เป็นผัวหนูเลยนะ ทำบัดสีบัดเถลิงต่อหน้าประชาชีแบบนี้ พี่ทุกคนเป็นพยานนะคะ หนูสองคนได้กันแล้ว”

    “ชิบหายแล้วกู ได้เมียในวงเหล้าแล้วหลาว” พี่บ่าวพูดใต้ออกมาเลยครับคราวนี้ คงหายเมากันเลยทีเดียว

     

     

     

    “มีความสุขกันจังเลยเนอะ” อยู่ๆ เสียงพี่โอ๊ตก็ดังขึ้น ทำลายเสียงหัวเราะของทุกคน ทุกคนหันหน้าไปมองพี่โอ๊ต ที่ตอนนี้กำลังยกแก้วเหล้าเข้าปาก

    “เป็นไรวะไอ้โอ๊ต จริงจังอะไรนักหนาวะ” พี่เอกถามมาอีกฟากหนึ่ง

    “ไม่มีไรพี่ ผมแค่อิจฉา” พี่โอ๊ตตอบไป

    “มึงจะอิจฉาทำไม น้องแพรก็นั่งอยู่ข้างๆมึง ทำไมไม่หวานบ้างละ” พี่บ่าวถามขึ้นมา

    “กูไม่ชอบโชว์หวาน”

    “ไม่ชอบโชว์หวาน หรือไม่ได้ชอบเค้าจริงๆกันแน่”  เสียงของคนข้างหลังผม ดังผ่านใบหูผมไป

    “นาย ..” ผมส่งเสียงเพื่อเตือนให้เขาเงียบๆ

    “มึงพูดอะไรของมึงไอ้โป้” พี่โอ๊ตเริ่มมีอารมณ์

     

    คนข้างหลังผมเงียบลง ถอนหายใจเข้าออกหนึ่งครั้ง ก่อนจะพูดอะไรออกไปด้วยสำเนียงเมาๆ อย่างคนจะร้องไห้

    “มึงเปลี่ยนไปเยอะเลยนะโอ๊ต คนที่กูเคยคิดว่าแสนดี ทำไมวันนี้มึงถึงกลายเป็นคนอารมณ์ร้อน ทำไมวันนี้มึงถึงกลายเป็นคนเจ้าเล่ห์ที่กูตามแทบไม่ทัน คนที่ไม่เคยมีพิษมีภัยกับใคร ทำไมวันนี้มึงถึงดูลึกลับจังเลยวะ .. ทำไมมึงคนเดิมมันหายไปไหนวะ มึงบอกกูหน่อยซิ” ผมหันไปมองนายปีโป้ ที่พูดด้วยสายตาที่มองฟ้า แต่น้ำตาไหลอาบสองแก้ม

     

    “เอ๊ย เป็นไรวะโป้ กูว่าถ้ามันเรื่องส่วนตัวก็เอาไว้คุยกันสองคนก็ได้นะเว๊ย” พี่เอ็มเห็นสถานการณ์ไม่ดีเลยพูดขึ้น

    “ถ้ามึงเปลี่ยนไปเพราะกู กูขอโทษนะเว๊ย ที่กูให้อะไรที่มึงต้องการไม่ได้ กูมีให้แต่ความเป็นเพื่อน เพื่อนที่ไม่ว่ายังไงจะไม่สูญหาย จะไม่พังสลาย ไม่ว่ากูจะมีแฟนกี่คน กูก็ยังมีเพื่อนคนเดิม กูเลิกกับแฟนไปกี่คน กูก็ยังมีพวกมึงเหมือนเดิม มึงอย่าทำให้กูลำบากใจเลยโอ๊ต”  แม้ว่าประโยคที่นายปีโป้พูดไป จะดูเป็นเรื่องราวของคนสองคน แต่ผมเชื่อว่าทุกคนรู้เรื่องนี้ดี เพราะสายตาของทุกคนไม่ใช่สายตาแห่งความสงสัย แต่เป็นสายตาของความสงสาร พี่เอกยกแก้วเหล้าดื่มอย่างไม่สนใจอะไร พี่บ่าวนั่งก้มหน้าเงียบมองแก้วเหล้าในมือ พี่เอ็มนั่งมองหน้านายปีโป้สลับกับหน้าพี่โอ๊ตไปมา พี่เดชนั่งเอามือกุมบ่าพี่โอ๊ตไว้

     

    “มึงก็พูดได้ มึงไม่มาเป็นกูนี่” พี่โอ๊ตพูดขึ้นพร้อมกบลุกเดินออกไป

    “แต่ถ้ามึงมาเป็นกู มึงก็จะไม่พูดแบบนี้ !!!” นายปีโป้ยังตะโกนบอกอีกครั้ง น้ำตาที่หลั่งออกมาของเขา ยังไหลออกมาเรื่อยๆ เพราะน้ำตานี้ด้วยกระมัง ถึงทำให้วงสนทนาวันนี้เงียบลงทันที

     

    พี่โอ๊ตไม่ได้สนใจเสียงอะไรของนายปีโป้ เขาเลือกเดินออกจากร้านไป ก่อนที่แพรจะวิ่งตามเขา และพี่เดชก็ตามกลับไปเช่นกัน บรรยากาศในวงเปลี่ยนไปจากก่อนหน้า จนยากจะกู้สถานการณ์กลับ ช้างน้อยที่ร่าเริง พอเห็นน้ำตาลูกผู้ชายของนายปีโป้ก็ไม่กล้าเปิดปากออกมาแม้แต่น้อย ผมหันหน้าเอามือเช็ดน้ำตาให้กับนายปีโป้ ที่มองหลังของเพื่อนหายไปจากร้าน บนโต๊ะไม่มีบทสนทนาใดๆอีกเลย

     

    “กูเสียใจ” คำพูดของนายปีโป้พูดบอกผม แววตาเขาดูเศร้ามากมาย

    “อือ เราเข้าใจ” ผมบอกพร้อมกับยิ้มให้

     

    ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ว่าชีวิตคนเราการทะเลาะกับเพื่อนที่เคยสนิทและรักกัน มันทำร้ายจิตใจมากกว่าการเลิกกับแฟนอีก ผมไม่เคยมีแฟน แต่ผมรู้ว่าการไม่เข้าใจกับเพื่อนนี่มันเจ็บยังไง มันทรมานอย่างบอกไม่ถูก แฟนเสียไปก็หาใหม่ได้ แต่เพื่อนคนหนึ่ง นิสัยแบบหนึ่ง เสียไป .. คงเสียใจน่าดู

     

     

     

     

    คืนนั้นเราแยกย้ายกลับกันด้วยบรรยากาศอึมครึม  คืนนี้ผมนอนค้างที่หอของนายปีโป้ เพราะว่าจะกลับตอนนี้ก็ดึกมาก และคนขับไปส่งก็อยู่ในอาการเมามากด้วย แต่ก็ยังฝืนขับรถกลับหอมาจนถึง

     

     

    พอมาถึงหอก็ต้องพบกับคนบางคนที่นั่งรออยู่ก่อนหน้าแล้ว

     

     

    “พี่เดช” ผมเรียกชื่อนั้น เพื่อบอกนายปีโป้ว่ามีคนรออยู่ นายปีโป้หันไปมองตาผม ก่อนที่พี่เดชจะเดินเข้ามาหา

    “กูมีเรื่องจะคุยกับมึง” พี่เดชพูดเมื่อเดินมาถึง

    “มีไรก็พูดมา กูชักจะยืนไม่ค่อยไหวแล้ว”

    “กูรู้มึงไหว”

    “ก็พูดมาสิ มึงมีอะไร น้ำมนต์มันรู้เรื่องกูทุกเรื่อง มันคือคนที่กูไว้วางใจ และไม่ใช่คนนอกสำหรับกู” นายปีโป้บอกพี่เดชไป เมื่อพี่เดชมองมาทางผม เหมือนต้องการให้ออกไปก่อน

    “เดี๋ยวเราขึ้นห้องก่อนก็ได้” ผมบอกนายปีโป้

    “ไม่ต้อง อยู่กับกูตรงนี้แหละ” นายปีโป้ห้ามผม พร้อมกับจับมือผมแน่นขึ้น

     

    แล้วบทสนทนาของทั้งสองก็เกิดขึ้น ภายใต้ความเคร่งเครียด

     

    “มึงรู้อะไรมาใช่ไหม ถึงพูดอะไรไปอย่างนั้น”

    “เออ กูรู้ แต่กูก็ยังไม่รู้ในสิ่งที่กูควรจะรู้”

    “ไม่มีเรื่องอะไรที่มึงควรจะรู้แล้ว”

    “ทำไมมึงถึงพูดกับกูกับไอ้โอ๊ตไม่เหมือนกันวะ ฮ่าๆ มึงนี่มันกลับกลอกจริงๆ”

    “มึงจะว่ากูเลวยังไงก็ช่างมึง แต่มึงก็อยู่ของมึงไป ไม่ต้องไปอยากรู้อะไรอีกแล้ว”

    “ถ้ารักมันขนาดนั้น ทำไมถึงไม่ทำให้มันรู้ละ”

    “มันไม่ใช่เรื่องของมึง”

    “มึงก็คงไม่ต่างจากมัน เจ็บเพราะความรัก ยอมทำทุกอย่างเพื่อคนที่ตัวเองรัก โดยไม่รู้เลยว่าเค้าจะรักเราไหม ถ้ากูเดาไม่ผิด ครั้งไอ้น้องเดียว มึงก็คงไม่อยากทำ แต่เป็นเพราะมัน”

    “มึงคิดมากไปแล้ว กูแค่มาบอกมึงแค่นี้ กูไม่อยากเห็นมันเจ็บอีก” พี่เดชพูดพร้อมกับเดินออกไป

    “แล้วมึงไม่เจ็บหรือไง” นายปีโป้ตะโกนบอกไป พี่เดชหยุดนิ่งอีกครั้ง

    “กูรู้ว่ามึงก็เจ็บ ทำตามหัวใจของตัวเองบ้างเถะไอ้เดช อย่าทำตามที่คนอื่นบอกนักเลย ถึงคนนั้นจะมีอิทธิพลต่อหัวใจมึง แต่เค้าก็ไม่ใช่เจ้าของหัวใจมึง ยังไม่สาย ถ้ามึงจะเริ่มทำ  หัวใจ มันแตกต่างจากแก้ว ตรงที่มันสามารถแตกสลายได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า มึงอาจจะมองว่าความเป็นเพื่อนของเราเป็นแก้ว มันแตกร้าวมาพอควรแล้ว แต่ความรัก มันคือส่วนของหัวใจนะเว๊ย มึงจะให้มันแกสลายซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหรอ มึงไม่เจ็บเหรอวะ”

     

     

     

    “กูทนมาตั้งนาน กูทำทุกอย่างเพื่อมันมาตั้งมากมาย แค่นี้อีกนิดเดียว ทำไมกูจะทำให้มันอีกไม่ได้วะ”  สิ้นเสียงของพี่เดชประโยคนั้น พี่เดชก็ขับรถออกไปจากหอของนายปีโป้

     

     

    “พวกมึงมันดื้อ ดื้อกันทั้งหมด”  เสียงของคนข้างๆผมดังขึ้นเล็กน้อยก่อนที่จะหันหน้ามามองผม ผมยิ้มให้เขาอีกครั้ง

    “นายก็ดื้อไม่ต่างจากพวกเค้านักหรอก” ผมบอกไป

    “แต่ผลของการดื้อของกู กูก็ได้มึงมานี่ และกูก็ไม่ได้ไปยื้อแย่ง บังคับฝืนใจใครด้วย” อีกคนตอบมา ผมไม่รู้จะตอบยังไงไปดี จะบอกว่าเขาบังคับให้ผมรักก็ไม่ใช่ บอกว่าเขาไปยื้อแย่งผมมาจากใครก็ไม่จริง เลยเลือกที่จะยิ้มให้

     

    “ความรักมันเข้าใจยากจริงๆวะ” อีกคนพูดก่อนจะเดินมาจูงมือผมขึ้นหอเขาไป

     

     

     

    ผมว่านายปีโป้พูดถูกอยู่ครึ่งหนึ่ง และผิดอยู่ครึ่งหนึ่ง ความรักไม่ใช่เรื่องที่เข้าใจยากหรอก ถ้าใจของสองคนที่รักตรงกัน  ถ้าเขาสองคนรู้สึกเหมือนกัน ความรักก็เป็นเรื่องง่ายของคนสองคน เหมือนคู่พี่เอ็มและคู่หญิง

    แต่ถ้าความรักที่ไม่ตรงกัน แต่ใช้เวลาเพื่อนจูนเข้าหากันให้มันเข้าที่เข้าทาง และใจตรงกัน ก็คงเหมือนผมกับนายปีโป้ กว่าจะรู้สึกเหมือนกัน มันต้องใช้เวลาในการศึกษา อย่างน้อยก็ความเชื่อมั่น ว่าเขารู้สึกแบบนั้นกับเราจริงๆ

    และก็คงเหมือนพี่เดช กับพี่โอ๊ต ผมไม่รู้หรอกครับ ว่าที่มาที่ไปของสองคนนี้เป็นอย่างไร และถ้าผมไม่เข้าใจผิดไป ผมว่าพี่เดชคงรู้สึกดีกับพี่โอ๊ตไม่น้อย เรื่องราวของน้องเดียว เรื่องราวที่ทำให้พี่เดชต้องออกจากวิทยาลัย เรื่องราวที่ทำให้บาดหมางกับนายปีโป้ ผมว่ามันต้องเกิดจากสิ่งที่พี่เดชทำให้กับอีกคน หรือไม่ก็เพื่อให้อีกคนสบายใจ

    รักของพี่เดชดูยิ่งใหญ่กว่าที่ผมคิดอีกนะเนี่ย แต่พี่โอ๊ตกลับมองไม่เห็นมัน เพราะพี่โอ๊ตใช้หัวใจทั้งดวงมามองที่นายปีโป้เพียงคนเดียว ในเมื่อใจไม่ตรงกัน รักก็เลยกลายเป็นเรื่องยากของคนสองคน

     

    ผมก็ได้แต่หวัง ว่าใจของเขาทั้งสองคนจะตรงกัน และเรื่องมันจะจบลงด้วยดี

     

    แค่หวังนะครับ

    “น้ำมนต์”  เสียงของอีกคนเรียกผม เมื่อเราสองคนเข้ามาในหอของนายปีโป้ และปิดประตูปีโป้เสร็จ  สายตาเขาก้มต่ำมองมาที่ผม มือข้างหนึ่งท้าวประตู ข้างหนึ่งอยู่ที่ลูกบิด

    “หือ ว่าไง” ผมขานรับเงยหน้ามองคนที่แววตาแดงกล่ำ ไม่รู้เพราะเหล้าหรือเพราะร้อง ลมหายใจมีแต่แอลกอฮอล์ หน้าแดงไปทั้งหน้า

    “ไม่ว่าจะยังไง กูก็เลือกมึงแล้ว มึงเชื่อใจกูนะ กูจะไม่มีวันทิ้งมึง” อีกคนพูดด้วยสีตาตั้งมั่น

    “ไม่เคยกลัวนี่ นายนั่นแหละ ที่ต้องระวังตัวไว้” ผมบอกก่อนจะเลื่อนมือตัวเองเปิดไฟห้อง

    “ไม่มีทางหรอก มึงต้องไม่มีทางทิ้งกู” อีกคนพูดมาพร้อมเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก

    “มั่นใจขนาดนั้นเชียว” ผมย้อนถาม

    “คืนนี้นี่แหละ ที่กูจะทำให้มึงมั่นใจ”

     

     

     

     

     

    นายปีโป้บอกผมก่อนจะเลื่อนมือจากลูกบิดไปปิดสวิตซ์ไฟที่ผมเพิ่งเปิดเมื่อครู่ หน้าของคนที่ก้มอยู่ ก้มต่ำลงมาเรื่อยๆ ก่อนที่จะแนบกับหน้าผม ริมฝีปากของเขาประกบเข้าพอดีกับริมฝีปากของผม

     

    สายลมอ่อนๆพัดมาทางระเบียงที่ไม่ได้ปิด แสงสว่างจากข้างนอกที่บอกไมได้ว่าแสงจันทร์หรือแสงไฟฟ้าส่องเข้ามาทำให้ห้องดูไม่มืดจนเกินไป  เวลาและค่ำคืนนี้คงดำเนินอย่างเชื่องช้า ผ่านราตรีที่แสนยาวนาน อย่างที่ใครต่อหลายหลายคนต้องการให้เป็น

     








     

    เช่นเดียวกันกับการจูบกัน .. ครั้งนี้







    ...........................................................................................................................................................
    ขอกำลังใจเป็นแสดงความคิดเห็น ติชม วิจารณ์ กดโหวตให้ด้วยนะครับ ขอบคุณมากๆครับ
    ...........................................................................................................................................................





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×