ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Love & Lost] ให้รักก็ได้ .. ให้ร้ายก็เริ่ด

    ลำดับตอนที่ #3 : แรกเริ่ม .. ให้รัก

    • อัปเดตล่าสุด 8 เม.ย. 55


    ตอนที่ 3

     

    “นี่มึงเอาจริงเหรอวะ ไอ้วายุ”  ไอ้สนิทถามขึ้นทันทีที่รู้ข่าวเรื่องเด็กต้นกล้า และสัญญาบ้าบอนั่น มันมาหาผมที่คอนโดครับ

    “เออดิวะ เงินเป็นแสนนะเว๊ย ใครจะมาล้อเล่น กูอยากจบปัญหาคาราคาซัง น้องมะนาวไม่หยุดง่ายๆแน่ และแค่ปลอมๆเป็นแฟนกับผู้ชาย กูก็ว่าไม่ได้เสียหายอะไร กูไม่ได้มีอะไรจริงๆกับมันซะหน่อย” ผมอธิบายมันไป

    “แต่มันจะเป็นตราติดตัวมึงตลอดไปนะเว๊ย ว่าครั้งหนึ่งมึงเคยเป็นเกย์” ไอ้สนิทยังไม่หยุดทำให้ผมคิดมากครับ

    “กูไม่ได้เป็น กูแค่แกล้งเป็น เป็นจริงกับเป็นปลอมไม่ได้เหมือนกันซะหน่อย” ผมเถียงมันอีก

    “แล้วมึงจะแน่ใจได้ไง ว่าไอ้เด็กนั่นจะไม่ทำอะไรมึงเข้าสักวัน เด็กนั่นมันเป็นไม่ใช่เหรอ” ไอ้สนิทถามอีก

    “กูมีสัญญาผูกมัด ถ้ามันทำอะไรกูก็ถือว่ามันฉีกเงินแสนทิ้ง” ผมบอกไปอ้สนิทไป

    “แล้วถ้าเป็นมึงเองละ ที่จะทำอะไรมันเข้าสักวัน” ไอ้สนิทย้อนอีก

    “ถามอะไรบ้าๆ ไม่มีทางหรอกเว๊ย กูผู้ชายนะ ไม่เคยพิศวาสอะไรกับผู้ชายอยู่แล้ว ถ้าชอบผู้ช้ายด้วยกัน กูเอามึงเป็นเมียไม่ดีกว่าเหรอ  เอ๊ะ หรือว่านีมึงกำลังพูดยั่วกูอยู่ มึงคิดอะไรกับกูป่ะเนี่ยไอ้สนิท” จากที่พูดบอกมันแค่เฉยๆ ตอนนี้ผมทำหน้าหื่นมองมันแล้วครับ

    “ไม่ตลกนะครับคุณวายุ ผมก็เอาจริงนะครับ” ดูมันตอบมาหน้าตาจริงจังสิ

    “เอ๊ย ไอ้เลว กูล้อเล่น เล่นเอาขนตูดลุกชันเลยมึง”

    “พอๆ ไม่พูดละ เดี่ยวจริงขึ้นมาฟ้าผ่าสนิท แล้วนี่เด็กนั่นใกล้มาหรือยัง” ไอ้สนิทชวนเปลี่ยนเรื่องคุย

    “คงใกล้แล้งมั้ง กลับไปนานแล้ว กูยังทำตัวไม่ถูกเลย จะเริ่มต้นยังไงดี” ผมบอกไปพร้อมกับในหัวที่คิดอะไรหลายอย่าง

    “เอาให้มันผ่านช่วงสัปดาห์แรกๆไป เดี่ยววันหลังๆก็ชินเองนั่นแหละ อ้อ อย่าลืมนะว่าคอนโดนี้สายไอ้สมยศเยอะมาก มันรู้แม่งทุกคนที่เข้าออกห้องมึง ถ้าไม่อยากโดนประจานว่าเป็นพวกนาธานลวงโลก ก็ทำให้เนียนๆด้วยละ กูกลับก่อนดีกว่า ไม่อยากอยู่ขัดขวางผัวเมีย ข้าวใหม่ปลามัน”

    “ไอ้สนิท ไอ้เลว” ไม่รู้จะด่ามันยังไงดีครับ ด่ายังไงคงไม่เจ็บกันละ

     

    “มาแล้วววววว” เสียงไอ้เด็กต้นกล้าดังมาพอดี พร้อมกับที่ไอ้สนิทกำลังจะออกจากห้อง

    “สวัสดีครับพี่สนิท” เด็กนั่นเห็นหน้าไอ้สนิท ก็ยกมือไหว้ให้พร้อมกับรอยยิ้ม

    “สวัสดีครับน้องต้นกล้า เข้าถ้ำเสือแล้วนะครับ” ดูครับ ดูไอ้สนิททักไอ้เด็กน้อยนั้น

    “อ่อ ไม่กลัวครับ ผมก็เป็นเสือเหมือนกัน “ และที่เด็ดกว่าคือประโยคไอ้เด็กแสบ มันใช่ย่อยจริงๆ

    “ฮ่าๆๆ พี่จะรอดูวันที่เสือสองตัวตะบันเล็บใส่หน้ากัน” ไอ้สนิททิ้งท้ายไว้อย่างมีเชิง ก่อนที่จะเปิดประตูออกจากห้องไป

    “ปากดีจริงๆนะ ตัวแค่เนี่ย” ผมทักไป

    “ก็เคยจูบแล้วนี่ เป็นไงละ ดีจริงๆหรือเปล่า” นั่น ดูครับ พูดยั่วอีก

    “คราวนั้นไม่นับว่าชั้นจูบนายนะ นายต่างหากฉวยโอกาสจูบชั้น” ผมบอกไป และผมคิดว่าผมควรใช้สรรพนามว่าชั้นกับมัน จะได้ดูเหนือระดับมากกว่าพูดเรา

    “เหรอครับ แต่ผมเห็นคุณเคลิ้มเชียวววววว” มันพูดพร้อมกับเอากระเป๋าของมันวางบนเคาว์เตอร์กลางห้อง เอาของมาแค่กระเป๋าเป้ใหญ่ๆเป้หนึ่งเท่านั้น

    “อย่ามาใส่ความ ชั้นไม่ได้ชอบผู้ชายซะหน่อย จะไปพิศวาสอะไรกับรสจูบนาย” ผมเถียงไป

    “งั้นก็อย่ามาใส่ความเหมือนกัน ถึงผมจะชอบผู้ชาย แต่ก็ไม่ได้พิศวาสอะไรคุณเลย” ดูครับดู รอบกายผมมีแต่คนปากดีทั้งนั้น

    “เลิกพูด แล้วเอากระเป๋าไปเก็บที่ห้องทางซ้ายมือนั่น แล้วเดี่ยวออกไปหาอะไรกินกัน” ผมรีบตัดบท ไม่อยากจะต่อปากกับเด็กแสบคนนี้

    “ได้ครับ” มันพูดพร้อมกับยิ้มให้ก่อนจะขนสัมภาระของมันเข้าไปวางในห้อง

     

     

    หุ่นตัวเล็กๆ ขาวๆ หน้าใสๆ ผมฟูๆทรงยอดนิยมของมัน ทำเอามันหน้าเด็กไปเยอะ แล้วยิ่งแต่งตัวสีสันสดใสตามวัยรุ่นสไตล์แล้ว เวลาเดินกับผมนี่ อย่างกับพี่น้อง ทั้งที่มันเด็กปีหนึ่งจะขึ้นปีสอง ส่วนผมกำลังจะจบปีสี่ เราห่างกันเกือบสามปีแหนะ

     

    ส่วนผมก็เข้ามาในห้อง เปลี่ยนชุดเหมือนกัน มองตัวเองในกระจกแล้วก็พบกับร่องรอยความเป็นผู้ใหญ่เล็กน้อย ถึงรูปร่าง ผิวพรรณ ตลอดจนหน้าตาของผมจะดูดี จนเป็นที่อิจฉาของคนทั่วไปก็ตาม แต่เหมือนว่าผมกำลังใช้ร่างกายที่ตัวเองมีเปลืองไปหน่อย มันเลยค่อยๆจะหมดสภาพไปตามกาลเวลา

     

     

    “ไปกันยัง หล่อแล้วครับ” ไอ้ตัวแสบเปิดประตูห้องผมเข้ามาทักครับ

    “อืม ไปกัน” ผมบอกไปสั้นๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องนอนตัวเองมา

     

    “จะพาเราไปเลี้ยงอะไร” ต้นกล้าถามขณะกำลังลงลิฟต์ไปข้างล่าง

    “เออหน่า กินๆไปเถอะ อะไรก็ได้ ชั้นไม่ค่อยเรื่องมากเรื่องกิน ขอให้เป็นในห้างก็พอ” ผมบอกไป

    “โห ชีวิตติดหรูนะเนี่ย ดีเลยวันนี้จะได้กินของแพง” มันแอบแขวะผมครับ  ก่อนจะคิดเข้าข้างตัวเอง

     

     

    มื้อนั้นผมเลยพามันมากินร้านในห้างใกล้ๆคอนโดครับ เลือกร้านที่คนไม่ค่อยเยอะ ผมไม่ค่อยชอบรอนาน  และอีกอย่าง ผมไม่ค่อยชอบความวุ่นวายเท่าไหร่  ขนาดเที่ยวกลางคืนผมยังไปเที่ยวผับที่คนไม่ค่อยเยอะเลยครับ

     

    “อ่ะ เรามาทำความรู้จักกัน” ผมพูดกับนายต้นกล้า เมื่อเราสั่งอาหารเรียบร้อยแล้ว

    “อ่ะ ก็ได้ อยากรู้จักยังไงว่ามา” อีกคนก็ตั้งหน้าพร้อม

    “ชั้นชื่อ วายุภักษ์  เสรีพิทักษ์มณีกุล” ผมบอกชื่อเต็มผมไป

    “ทำไมนามสกุลยาวจังเลยอ่ะ” อีกคนถามมาอย่างสงสัย

    “ไม่ต้องถามมาก มีหน้าที่จำก็จำไป” ผมบอก

    “ครับ ครับ เจ้านาย ส่วนเราชื่อ ต้นกล้าไท  ประเดื่องคุณ” อีกคนบอกชื่อเขามา ผมอมยิ้มให้กับชื่อนั้น

    “ยิ้มอะไร” นั่นไงครับ นึกแล้วว่าต้องถูกซัก

    “ชื่อแปลกดี นามสกุลก็แปลกมาก” ผมบอกไป

    “ใครจะไปนามสกุลใหญ่โตโด่งดังแบบนายละ”

    “ไม่แขวะซักเรื่องได้มั๊ย”

    “ใครเริ่มก่อนกันแน่”

    “นี่เราเป็นแฟนกันนะ ทะเลาะกันอย่างกับเป็นศัตรู”  เงียบครับ เงียบ ต้องเจอผมดุบ้างสินะ

    “ชั้นชอบกินสปาเก็ตตี้ ซอสเห็ด” ผมบอกไป

    “เอ่อ ผมชอบกินผัดไทยกุ้งสด” อีกคนบอกมา

    “ชั้นชอบสีฟ้า ดูแล้วสบายตาดี”

    “ผมชอบสีแดง ดูมีพลังอำนาจ”

    “ชั้นไม่ชอบไปที่คนเยอะๆ ไม่ชอบอะไรที่วุ่นวาย แต่ถ้าเป็นงานหรือจำเป็นก็ไปได้”

    “ผมชอบผู้คน ชอบเจอะเจอคนใหม่ๆ ชอบไปในที่ที่ไม่เคยไป รักท้องฟ้า แม่น้ำ ภูเขา สายลม” มันพูดพร้อมกับทำท่าสาธยาย อย่างกับอยู่บนยอดดอยอินทนนท์

    “เยอะตลอดสินะ” ผมบอกไป

    “ผมชอบจริงๆนะ”

    “เออ รู้แล้ว อาหารมาแล้ว กินก่อน ค่อยทำความรู้จักกันใหม่” ผมขัดก่อน

     

     

    “ทำไมนายต้องจ้างเราเป็นแฟนด้วยละ” ในระหว่างกินต้นกล้าก็ถามขึ้น

    “ชั้นแค่อยากให้ผู้หญิงที่เคยติดพันชั้นหายไปจากชีวิตชั้น เพราะชั้นไม่อยากให้คู่หมั้นของชั้นต้องโดยพวกเธอตามราวี” ผมตอบไปคร่าวๆ

    “อ่อ คุณนี่ดีจังเลยเนอะ ดูท่าจะรักคู่หมั้นคุณมาก” ต้นกล้าพูดชมผม ผมอมยิ้มให้กับคำชมนั้น

     

     

     

     

    “แต่ถ้าดีกว่านี้ ไม่นอกใจตั้งแต่แรกคงจะดีกว่า” และนั่นไงครับ ประโยคหักมุมของมัน จะชมกูดีๆสักครั้งไม่ได้หรือไงวะ

     

    “แล้วทำไมถึงเลือกเราละ” ต้นกล้าถามมาหน้าตาสงสัย ผมมองแววตาอยากรู้เชิงรั้นนั้นแล้วก็กำลังคิดว่า ทำไมตัวเองต้องเลือกมันด้วยวะ หรืออาจเป็นเพราะว่าความบังเอิญวินาทีนั้น เจอแค่มัน บวกกับเรื่องที่คุยกับไอ้สนิทประจบเข้ามาพอดี เลยทำให้อะไรๆมันเลยเถิดมาถงตอนนี้

     

     

     

    “มันคงบังเอิญมั้ง  และอีกอย่าง นายคงจะไม่ลำบากเท่าไหร่ เยอะกว่านี้ก็คงเคยทำมา” ผมบอกไปอ้อมๆ ขนาดขายตัวยังเคยทำมาเลย แค่แกล้งเป็นแฟน ง่ายกว่าขายตัวตั้งเยอะ

    “อืม ก็จริงของนาย แบบนี้ง่ายๆ อยู่ไปรอรับเงิน ไม่เหนื่อยด้วย” อีกคนตอบมาหน้าดีใจ ก่อนจะรีบตักอาหารเข้าปากอย่างอร่อย 

    “เด็กน้อยจริงๆ” ผมพูดออกมาเบาๆ

    “นายว่าเราเป็นเด็กน้อยอีกแล้วนะ !!!

     

     

     

     

    “เพื่อนนายชื่อภานุ เขารู้เรื่องนี้ใช่มั๊ย” ผมถามเมื่อเราสองคนออกมาเดินย่อยในห้าง ช่วงนี้ยังคนยังไม่ค่อยเยอะ ผมเลยไม่ค่อยอึดอัดเท่าไหร่

    “รู้สิ นั่นเพื่อนสนิทเราเลยนะ ภานุอ่ะ โคตรเป็นคนดีเลย เรียนเก่ง นิสัยดี ช่วยเหลือเราทุกอย่าง”ต้นกล้าพูดถึงเพื่อนตัวเองอย่างอมยิ้ม ภานุคงเป็นเพื่อนที่เจ้าเด็กน้อยนี่รักพอควร

    “แล้วนายกับพี่สนิทละ” มีถามกลับผมด้วย

    “ก็เพื่อนกันตั้งแต่เด็ก บ้านอยู่ใกล้ๆกัน เรียนโรงเรียนเดียวกัน” ผมบอกไป

    “แล้วทำไมไม่ให้พี่สนิทมาแกล้งเป็นแฟน” ช่างชักจริงแฮะ

    “ก็เพราะว่า บอกไปก็ไม่มีใครเชื่อไง สนิทกันซะขนาดนั้น นอนแก้ผ้าในห้องเดียวกันก็ยังไม่มีคนคิดว่าเป็นคู่เกย์” ผมบอกไป พร้อมกับยกตัวอย่าง

    “ฮ่าๆๆ แต่พี่สนิทน่ารักนะ กวนๆดี” นั่น แอบชมเพื่อนผม

    “ชอบเหรอ ?” ผมแอบแกล้งหลอกถาม

    “ไม่รู้สิ แค่น่ารักดี” เด็กต้นกล้าตอบมาแบบไม่คิดอะไร แต่ใบหน้าแอบมีรอยยิ้ม สงสัยชอบเพื่อนผมซะแล้ว

     

     

    ผมกับต้นกล้าเดินดูของมาเรื่อยๆ สายตาผมก็ไปสะดุดกับกลุ่มคนสองสามคนที่ยืนแอบอยู่มุมห้างฝั่งตรงกันข้าม สายตามองมาทางผมกับต้นกล้า และก็พอรู้ว่าต้องเป็นนักศึกษามหาลัยผมแน่ๆ ไม่เป็นพวกของไอ้สมยศ ก็พวกของน้องมะนาว

    “เอ๊ยย จับทำไม” ต้นกล้าร้องขึ้นมาทันที ที่ผมเอื้อมมือไปจับมือเขาไว้

    “มีคนแอบมองเราอยู่ ต้องทำให้เนียน” ผมดึงตัวต้นกล้าเข้ามาใกล้ๆ ก่อนที่จะกระซิบเบาๆ ต้นกล้ากวาดสายตามองเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มเปิดม่าน

    “ไปดูเสื้อผ้าร้านนี้กันครับพี่วายุ ต้นกล้าเห็นมันกำลังลดราคาอยู่ นี่ถ้าพี่วายุใส่คงเท่มากๆเลย ไปกันครับ” มันตั้งใจพูดเสียงดัง พร้อมกับดึงมือผมไปทางร้านเสื้อร้านหนึ่งข้างหน้า พร้อมกับโปรยยิ้มอย่างกับคนรักกันปานจะกลืนกิน

    “ครับน้องต้นกล้า” ผมรับปากก่อนจะเดินตามไปในร้านนั้นอย่างว่าง่าย และแอบเห็นว่าสายตากลุ่มนั้นก็มองตามมาเหมือนกัน

    “นี่คงแค่เริ่มต้นสินะ” ต้นกล้าพูดพร้อมกับส่งสายตาหวานมาให้ผม แต่คำพูดสีหน้า ช่างแตกต่าง ในมือของต้นกล้าก็เอาเสื้อที่แขวนโชว์ไว้ขึ้นมาทาบกับตัวผมดู สายตาไม่ได้ดูหรอกว่าเสื้อตัวนั้นเป็นอย่างไร

    “ใช่ และนายก็ทำมันได้ดีเสียด้วยนี่” ผมตอบไปพร้อมกับส่งส่ายตาชมเชยไปเช่นกัน หันซ้ายหันขวาทำท่าวัดตัวเสื้อไม่แตกต่างจากที่คนยื่นมา

    “สนุกจังเลยแบบนี้ ต้นกล้าชอบ” เหมือนอีกคนจะชอบใจ เดินลากผมเข้าไปในร้าน ลองเสื้อผ้าเป็นว่าเล่น ที่ลองไม่ใช่ผมหรอกครับ แต่เป็นอีกคนซะมากกว่า

    “นาย เสื้อผ้าร้านนี้เท่ดีนะ” นั่นไงครับ พูดมาพร้อมกับส่งสายตาหวานมาให้

    “เราแค่มาแสดงละครเฉยๆ นายไม่ต้องแสดงอาการอยากได้อย่างนั้นเลย” ผมบอกไป

    “แต่มันกำลังลดเลยนะนาย” เอากับเขาสิ

    “แล้วไงละ นายอยากได้งั้นเหรอ” ถามไปตรงๆ จะได้บอกมาตรงๆ

    “เปล่าหรอก เห็นว่ามันน่ารัก น่าจะเหมาะกับนาย” ทำเป็นพูด ดูที่ทำหน้าเศร้า พร้อมกับเอาเสื้อที่จับไว้วาง

    “อืม ชั้นไม่ค่อยชอบแบรนด์นี้ ไปกันเถอะ” ผมพูดพร้อมกับจับมือเดินออกจากร้านมา ใจจริงก็รู้ครับว่ามันอยากได้ แต่ถ้าซื้อให้ง่ายๆ เดี่ยวมันจะได้ใจ

     

    “ไปไหนกันต่อดี”  ต้นกล้าถาม

    “กลับคอนโดกันเถอะ ชั้นเหนื่อยแล้ว” ผมบอกไป พร้อมกับเดินนำหน้าไป แต่อีกคนไม่ได้เดินตามมา ผมเลยหันหลังไปมอง

    “หรือนายจะอยากไปไหนต่อ” ความรู้สึกตอนนี้เหมือนพี่กำลังถามน้องชาย ที่กำลังพามาเที่ยวยังไงยังงั้น  ไอ้เด็กต้นกล้าที่ทำหน้าเศร้า แววตาเป็นระยิบระยับมาเลยครับ พอผมถาม เฮ้ออ นี่กูกำลังหาเรื่องให้ตัวเองเพิ่มใช่ไหมเนี่ย

    “นายจะพาไปเหรอ” ดูถามเข้า

    “ไม่อ่ะ กลับห้องกัน ชั้นเหนื่อยแล้ว ชั้นเป็นเจ้านายนะ ไม่ใช่นาย ที่จะให้มาตามใจนาย” ผมพูดแล้วก็เดินนำไป ไม่หันไปสนใจสายตาอ้อนวอนอะไรนั่นหรอกครับ

     

     

    “วายุ เดี่ยวก่อน” มันวิ่งมาตัดหน้าผมครับ

    “มีไรอีก” ผมเริ่มชักจะหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย

    “งั้นนายกับไปก่อนนะ เดี่ยวเราขอไปทำธุระก่อน แล้วเดี่ยวจะกลับไปที่คอนโด” มันตอบมาหน้ายิ้มเชิงอ้อนวอน

    “ตามใจ แล้วอย่าไปทำอะไรไม่ดีที่ทำให้ความแตกละ” ผมบอกอย่างไม่อยากใส่ใจอะไรมากนัก ก่อนจะเดินต่อไปที่ลานจอดรถ

     

     

     

     

     

     

     

    ผมกลับมาถึงคอนโดก็ไปรื้อหนังที่ดูไม่จบมาฉายดูแก้เซ็ง ปกติวันหยุดแบบนี้ผมต้องไปอยู่ที่ใดที่หนึ่งในประเทศไทย หรือไม่ก็ต่างประเทศ แต่ไม่ใช่ในคอนโด ในเมืองหลวงแห่งนี้ แต่ชีวิตของผมก็ต้องเปลี่ยนไปตามกฎเกณฑ์ ใหม่ของชีวิต ที่ตัวผมวางขึ้นเอง

    หนังเริ่มฉายได้ไม่กี่นาที สายตาผมก็ปิดม่านลง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความน่าเบื่อของเนื้อเรื่อง หรือว่าความเหน็ดเหนื่อยจากความคิด ที่พยายามเข้ามาทำให้ผมรู้สึกเหน็ดเหนื่อยข้นทุกทีๆ

    พอรู้ตัวมองดูนาฬิกาก็ปาไปเกือบค่ำแล้ว ผมยังคงชีวิตตามปกติของตัวเอง ลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตา เตรียมจะไปหาข้าวเย็นกิน แต่เมื่อเดินผ่านห้องรับรองแขกที่มีกระเป๋าใบโตนั้นวางอยู่ตรงมุมตู้ก็ทำให้รู้ว่า ผมไม่ได้ใช้ชีวิตในห้องนี้คนเดียวอีกแล้ว และคนที่มาร่วมแบ่งพื้นที่หายใจกับผม ตอนนี้ก็ยังไม่กลับมา

    “ไปทำอะไรของเค้านะ ป่านนี้ยังไม่กลับอีก” ผมถามตัวเองเบาๆ แต่ในใจก็คิดว่าไม่รู้จะไปสนใจทำไม มันก็คงมีเพื่อนฝูงของมันบ้าง

    “ฮัลโหล ไอ้สนิท คืนนี้ไปไหนป่ะ” ผมโทรหาไอ้สนิท รู้สึกเบื่อห้องเต็มแก่

    “มึงอยากไปไหนวะ ไม่อยู่ห้องกับเมียเหรอวะ เพิ่งเข้าหอวันแรก ต้องอยู่ฉลองกันหน่อยดิวะ” ดูที่มันแซวผมครับ

    “หาที่ชิว คนน้อยๆ นั่งจิบเบียร์ดีกว่าวะ กูรู้สึกเบื่อ” ผมบอกมันไปตามความรู้สึก

    “เออ งั้นเจอกันทีเดิม กูออกไปรอนะ” มันบอกผมก่อนที่จะวางสาย

     

     

    ผมรีบจัดการตัวเองก่อนออกจากห้อง ขับรถมาจุดนัดพบที่นัดเจอกับไอ้สนิทเป็นประจำ เป็นร้านกึ่งนั่งกึ่งผับที่ผมชอบมานั่งกับไอ้สนิทมัน ร้านนี้คนไม่ค่อยเยอะ คนที่มาเที่ยวก็เกรดดีๆทั้งนั้น ถ้าไม่รวยจริง ก็สวยก็เด็ดจริง ถึงเข้ามานั่งจิบเหล้า จิบบรั่นดีที่นี่ได้

    “ช้าตลอดนะมึง” ไอ้สนิทบ่นผม

    “ใครจะคอนโดติดร้านเหล้าแบบมึงละ” ผมก็เหน็บไปตามประสา คอนโดมันอยู่ตรงข้ามร้านนี่เลยครับ ลงลิฟต์มาเดินก็ถึง

    “บอกให้ย้ายมาอยู่แถวนี้ก็ไม่เชื่อ” มันพูดเรื่องเดิมๆอีก

    “ไม่เอาหรอก คอนโดมึงห้องเล็กจะตาย คนละเกรดกับคอนโดกู” ผมบอกมัน

    “ครับบบ ไอ้ท่านชาย ไอ้รวย ไอ้สลัด”

    “นี่มึงด่ากูว่าไอ้สัดเหรอวะ” ไอ้นี่ชักจะเอาใหญ่ครับ

    “กูเปล่านะ กูบอกว่ามึงเหมือนสลัด ดูมีคุณค่าทางโภชนาการ” ไอ้สนิทนี่ปากดีครับ แถไปได้เรื่อย

    “พอเลยมึง มาชนกันหน่อย” ผมยกแก้วที่เด็กบาร์เพิ่งส่งมาให้ ขึ้นมาจะชนแก้วกับมัน

    “เมื่อไหร่มึงจะมีแฟนซักทีวะไอ้สนิท อยู่แบบนี้ไม่เบื่อเหรอวะ” ผมถามเรื่องนี้กับมันครั้งที่ร้อย

    “จะไปเบื่ออะไร ชีวิตของกู กูก็อยากจะใช้ให้คุ้ม จะไปหาใครมาแบ่งเวลาของกูไปทำไม” มันก็ตอบแบบเดิมๆ พร้อมกับยกเหล้ารสชาติดีของมันเข้าปาก จะว่าไปไอ้สนิทมันไม่ค่อยมีแฟนครับ อาจจะเคยมีแต่แอบๆผม ไอ้นี่ชอบแอบเรื่องแบบนี้ ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมของมันเหมือนกัน ไอ้สนิทนี่หน้าตาไม่ใช่ขี้ๆนะครับ หล่อๆพอๆกับผมนั่นแหละ แต่ติดตรงที่นิสัยมันติสท์ไปหน่อย ทำอะไรตามใจตัวเอง แคร์คนที่อยากแคร์ สนคนที่อยากสน ไปไหนตามใจอยาก ฟังแต่เสียงหัวใจของตัวเอง แต่ทุกข้อยกเว้นสำหรับผมครับ

    “หรือมึงเป็นเกย์วะ”

    “ปู๊ดดดดดดดดดดดด ไอ้สัดวายุ มึงพูดอะไรออกมา อย่าเอากูไปเทียบกับมึงนะเว๊ย” ไอ้สนิทถึงกับเหล้าพุ่งครับ เมื่อผมถามมันออกไปอย่างลอยๆ

    “สกปรกวะมึง กูแค่ถามเฉยๆ ดูท่าทางร้อนตัวนะนั่น” ผมถามมันไป พร้อมกับยิ้มๆที่มุมปาก

    “มึงอย่ามา ตัวเองมีแฟนเป็นผู้ชายแล้วจะยัดเยียดให้คนอื่นมีด้วย ฝันไปเถอะ” มันพูดไปพร้อมกับเอามือเช็ดขอบปากที่ชุ่มด้วยเหล้าที่มันพ่น

    “เออ ไม่มีแฟนเป็นผู้ชายบ้างก็แล้วไป” ผมพูดพร้อมกับซดเหล้าหมดแก้ว และส่งไปให้กับเด็กบาร์ที่ทำท่าจะคอยบริการอยู่ทุกเวลา

    “แล้วไม่พามันมาด้วยละวะ ต้นกล้าอ่ะ” ไอ้สนิทถามผม

    “ไม่รู้ไปไหนของมันวะ หายไปตั้งแต่เย็นแล้ว แยกกันที่ห้างตอนไปกินข้าว” ผมบอกมัน ในใจก็คิดขึ้นได้ว่ามันหายไปไหนของมัน

    “เป็นแฟนกันประสาไรวะ ไม่รู้ว่าแฟนตัวเองหายไปไหน” นึกแล้วครับว่ามันต้องแขวะผม อยู่กับไอ้สนิทนี่ หัวเสียไม่แตกต่างกับอยู่กับไอ้ต้นกล้าเลยนะ

    “ก็มันไม่ได้บอกนี่หว่า”

    “แล้วไมมึงไม่ถามละ” นั่น กูผิดอีก

    “มันใช่หน้าที่กูมั๊ย ที่จะต้องไปอยากรู้ทุกเรื่องของมัน กิ๊กกูคนก่อนๆ จะไปไหนมาไหน กูยังไม่ค่อยใส่ใจเลย” ผมยกตัวอย่างมาบอกมัน

    “แต่แฟนมึงคนนี้ไม่เหมือนคนก่อนๆนะเว๊ย” ไอ้สนิทถามมาอย่างจริงจัง

    “กูรู้แล้ว ว่าแตกต่างตรงที่มันเป็นผู้ชาย ไม่ต้องย้ำ” ผมเถียงมันไป

    “มันไม่ใช่แค่นั้น ถ้ามึงคิดให้ดี มันเข้ามาช่วยมึงแก้ปัญหาที่มึงเครียดมาหลายอาทิตย์นะเว๊ย” ไอ้สนิทพูดมาอย่างจริงจัง

    “มึงเมาแล้วหรือเปล่าวะ” ผมถามไป

    “เมาห่าไรมึงละ เพิ่งกินไปสองแก้ว กูพูดจริงๆนะเว๊ย ถ้าไม่เนียนนี่ มึงเตรียมตัวกลับไปเข้าสู่ลูปเดิมเลย หนีน้องมะนาว อีกทั้งยังมีน้องกิ๊บ เชอรี่ น้องไวน์ อะไรของมึงอีก”

    “เออๆ เข้าใจแล้ว อย่าคิดมากเลยมึง ชนแก้วดีกว่า” ผมพูดพร้อมกับยกแก้วขึ้นชนกับมันอีกครั้ง ปากว่าอย่าคิดมาก แต่สมองผมก็คิดอยู่ดี ผมว่าผมหมกมุ่นกับเรื่องนี้มากเกินไปแล้ว

     

    แค่เพราะไม่อยากให้แพรวใสลำบากใจที่ต้องมีใครต่อใครมาก่อกวนใจเธอ มันทำให้ผมต้องลำบากใจเอง มากๆขนาดนี้เลยเหรอ แต่ก็นะ ผมเป็นคนเริ่มมันเองทุกอย่าง ก็ต้องจบลงด้วยตัวผมเองให้หมดสิ

     

     

     

    ผมกับไอ้สนิทนั่งดื่มกันไปได้สักพัก นั่งมองสาวที่เดินไปมา ส่งสายตามาให้บ้างเป็นครั้งคราว แต่เนื่องจากที่มีอยู่ก็ยังไม่หลุดพ้น ผมเลยต้องข่มใจแกล้งเพิกเฉยกับสิ่งยั่วยุที่เห็น ไอ้สนิทก็ได้แต่ยิ้มๆ กับผม

    “แล้วนี่มึงให้กุญแจคอนโดน้องต้นกล้าไว้เหรอวะ” อยู่ๆไอ้สนิทก็ถามขึ้นมา

    “เปล่า ทำไมเหรอวะ” ผมตอบไป สมองไม่คิดอะไร

    “แล้วถ้าน้องเค้ากลับมาก่อน น้องเค้าจะเข้าคอนโดยังไง” มันถามขึ้นอีก ไอ้นี่ชักสนใจแฟนผมเยอะไปแล้วนะ

    “มาถึงมันก็โทรหากูเองนั่นแหละ” ผมบอกไป พร้อมยกแก้วตัวเองซดเข้าไปอีกอึก ดับอาการอยากเข้าไปป้อสาว

    “พวกมึงมีเบอร์กันแล้วใช่มั๊ย” มันถามขึ้นมาลอยๆ

    “ตุ๊บ !!!” เสียงแก้วของผมวางลงบนบาร์เสียงดัง เล่นเอาคนแถวนั้นหันมองเป็นตาเดียว

    “อะไรวะมึง” ไอ้สนิทถามทันที

     

     

     

     

    “พวกกูยังไม่ได้แลกเบอร์โทรกัน !!!!



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×