ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Love & Lost] ให้รักก็ได้ .. ให้ร้ายก็เริ่ด

    ลำดับตอนที่ #2 : สัญญา .. ให้รัก

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 94
      0
      8 เม.ย. 55

    ตอนที่ 2

     

     

    ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ ว่าข่าวของการมีคู่ขาของผมไปไวยิ่งกว่าข่าวอินสตราแกรมลงมือถือระบบแอนดรอยส์ ตอนนี้ผมตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนที่ผมเดินผ่าน ทุกคนคงเข้าใจอย่างที่น้องมะนาวมาโพทะยายจนหมดเปลือก ไหนจะใส่สีตีไข่อีก ผมคงไม่เหลือภาพดีๆให้เห็นแล้ว

     

    “ไงมึง เป็นเกย์แล้วเหรอวะ” ไอ้สนิททักขึ้นทันทีที่เห็นหน้าผม

    “เหอะๆ รู้กันหมดแล้วเหรอวะเนี่ย” ผมถามไปอย่างไม่อยากเชื่อสายตา

    “แทบจะลงหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์มหาลัยอ่ะ” ไอ้สนิทตอบผมมา

    “เว่อร์ไปแล้วมึง”

    “เว่อร์อะไรมึง ระดับเดือนเศรษฐศาสตร์ หนุ่มหล่อพ่อรวยรถสวย เป็นเกย์ทั้งที จะไม่ให้ดังได้ไง สาวๆนะร้องไห้กันระงม กูนี่สงสาร”

    “สงสารกู ?”

    “สงสารสาวๆดิวะ”

    “แสดดดด นี่กูคิดถูกคิดผิดวะเนี่ย” ผมละสงสัยจริงๆ ว่าที่ทำไปเมื่อวานนี่ ดีแล้วหรือยัง

    “ถ้าอยากสลัดน้องมะนาว กูว่ามึงทำถูก แต่ถ้าการเปิดตัวเป็นเกย์ของมึง กูว่ามึงคิดผิด มึงดูโน่น พวกเก้ง กวาง มองมึงแทบจะกลืนกินอยู่แล้ว ปกติมันก็อยากได้มึงจนจู๋เปียกแล้ว แล้วนี่ยิ่งมารู้ว่ามึงเป็นพวกเดียวกับมันอีก มันคงรอดักทุบหัวมึงเข้าโพรงหญ้าแน่ๆ” ดูครับ ดูไอ้สนิทบรรยาย

    “เอ๊ยย พอเลยมึง ไมได้ช่วยให้กูรู้สึกดีขึ้นเลยนะเนี่ย โธ่เว๊ย หนีเสือปะจระเข้ หนีชะนีเจอเก้งจริงๆเลยกู” ผมบ่นออกมา

    “แล้วมึงได้เด็กที่ไหนมาช่วยสร้างภาพละ” ไอ้สนิทถาม

    “เด็กขายแถวนั้นแหละ เหมือนจะขึ้นมาขายแถวหนุ่มใหญ่บนคอนโดกู มันฉุกละหุก กูเลยลากๆมาแสดงละคร” ผมบอกไอ้สนิทไป

    “เกรดมึงนี่ต่ำขึ้นทุกวันนะ” ไอ้สนิทเหน็บผม

    “แสดด กูไม่ได้เอา แค่ให้มาสร้างภาพ กูไม่เอาผู้ชายโว๊ย ถ้าเอากูเอามึงนานแล้ว”  ผมพูดพร้อมหับหันไปมองหน้าไอ้สนิท

    “เออวะ ที่จริงกูเอามึงเป็นคู่ขาก็ได้นี่หว่า ทำไมกูต้องไปจ้างคนอื่นวะ” ผมพูดพร้อมกับทำหน้าหื่นใส่มัน

    “เอ๊ยไอ้วายุ อย่านะเว๊ย กูไม่เล่นด้วยกับมึงนะเว๊ย กูขนลุกหมดแล้วนะ มึงอย่ามองกูแบบนี้นะ”

    “ฮ่าๆๆ กูล้อเล่นเว๊ย ใครจะเอามึงลง คิดภาพแล้วสยองวะ” ผมพูดไปก็คิดภาพไอ้เด็กนั้น มันชื่ออะไรแล้วนะ

    “ต้นกล้า” ผมพูดชื่อนั้นออกมา

    “มึงพูดว่าอะไรนะ” ไอ้สนิทเหมือนได้ยินแล้วถามผมมา

    “ต้นกล้า เด็กนั่นชื่อว่าต้นกล้าวะ”

    “วะ ถามชื่ออะไรมาด้วย ชอบเหรอวะ อย่าบอกนะว่ามึงเปลี่ยนรสนิยม” ไอ้สนิทยังไม่เลิกยัดเยียดความเป็นเกย์ให้ตัวผม

    “เปล่า กูแค่ไม่คิดว่าเด็กหน้าตาแบบนั้นจะขายไง หน้าตาดูดีนะมึง”

    “เดี่ยวนี้มึงมองผู้ชายดูดีแล้วเหรอวะ”

    “เอ๊ะ ไอ้สนิท มึงไม่อยากสนิทกับกูแล้วหรือไง หาเรื่องกูจังเลยนะวันนี้” ผมดุมันไปอีกที แทนที่จะหน้าเสีย กลับยิ้มร่าดีใจ จะอะไรขนาดนั้น

     

     

     

     

    “ไอ้วายุ มาหามึงแน่ๆ กูไปก่อนนะ”  ไอ้สนิทพูดบอกผมก่อนที่จะรวบกระเป๋า รวบหนังสือของมันแล้วรีบเดินหนีไป ผมเงยหน้าขึ้นมาดูข้างหน้าอีกทีก็เจอกับ

    “ไงจ๊ะ พ่อวายุ เดี่ยวนี้กลายพันธุ์แล้วเหรอ” เจอกับเก้งตัวเบ้งเลยครับ

    “ไม่เรื่องของเธอนะ สมยศ” ผมบอกนางไป

    “ว๊ายยยยย ตาวายุ ชั้นบอกแกแล้วไงว่าให้เรียกชั้นว่า ยศศินี” เธอกรีดร้องเล็กน้อยที่ผมเรียกชื่อจริงๆของเธอ

    “เออ จะชื่อไรก็ช่าง มันไม่ใช่เรื่องของเธอ” ผมบอกเธอไป

    “ชั้นก็ไม่อยากจะมายุ่งอะไรหรอกนะ แค่จะมาเตือนว่าการมาอยู่วงการสีรุ้งแล้ว มันก้าวออกไปยากนะ แล้วพวกเกย์อย่างเรามันก็ชอบขุดคุ้ยด้วยสิ  รับรองว่าคู่ขาเธอที่แอบซ่อนไว้ตั้งแปดปีนั้น ไม่กี่วันพวกเราคงได้รู้ว่าเป็นใคร จริงเท็จยังไง ถ้ามันเป็นเรื่องเฟค เราว่านายได้ดังกว่านี้แน่  เราก็คงจะได้เจอกันอีกที ชั้นไปละ  ยินดีต้อนรับอย่างเป็นทางการจ๊ะ พ่อวายุ” เธอพูดอะไรที่ชวนให้ผมคิดมากอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย

     

    นี่มันไม่ใช่จุดสิ้นสุดของเรื่องราวหรอกเหรอ แต่มันกลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นนั้นเหรอ โอ้ยย อะไรมันจะวุ่นวายขนาดนี้วะเนี่ย ถ้าโลกมนุษย์นี้เราไม่สนใจเรื่องของคนอื่น มากกว่าเรื่องของตัวเอง เราคงอยู่กันสบายขึ้น แต่นี่มันไม่ใช่ เรื่องของคนอื่นมันน่าสนใจ น่าติดตามมากกว่าเรื่องของตัวเองเสมอ

     

    และที่ทำให้ผมเครียดก็เพราะไอ้สมยศนี่มันทำอะไรมันทำจริง คราวก่อนมันสงสัยว่าเพื่อนในคณะผมว่าเป็นหรือเปล่า มันก็เล่นซะจนคนนั้นลาออกไปเลย อย่างที่มันบอกนั่นแหละ ว่าถ้ามันอยากรู้อะไร มันต้องรู้ให้ได้ ไม่รู้ว่าจะอยากรู้ไปทำหอกห่าอะไร วายุละเซ็งจิต

     

    “ว่าไงไอ้สนิท” ผมรับสายโทรศัพท์ที่เพิ่งโทรเข้ามา เป็นเบอร์ไอ้สนิทที่กำลังทิ้งผมไปเมื่อกี้นี้เองครับ

    “แย่แล้วไอ้ยุ เด็กมึงกำลังมีเรื่องแล้ว” ไอ้สนิทบอกผมมา คงมีอะไรแย่จริงๆ ถึงกับต้องตัดชื่อผมให้สั้นลง

    “เรื่องอะไรของมึง เด็กอะไรของกูอีก” ผมบอกมันไป เพราะตอนนี้ผมแทบจะไม่มีเด็กเหลือที่ไหนแล้ว

    “ก็น้องมะนาว กับเด็กใหม่มึงไง กำลังประจันหน้ากันที่ลานบัวตอนนี้เลยเนี่ย” มะนาว เด็กใหม่ อะไรของมันวะเนี่ย

    “เด็กใหม่กู ใครวะ”

    “ไอ้แสดวายุ ต้นกล้าห่าเหวอะไรมึงไง ควย รีบมาเลย แค่นี้นะ สนิทขอลุ้นมวยก่อน” ไอ้สนิทพูดด่าผมเสร็จสรรพก็ตัดสายไป ทิ้งให้ผมงงอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะนึกขึ้นได้

    “ต้นกล้า ชิบหายละ” ผมรีบวิ่งไปยังลานบัวทีเกิดเหตุตามที่ไอ้สนิทบอกทันทีที่นึกออกว่า ต้นกล้าคือใคร ทำไมโลกมันกลมแบบนี้ว่ะ ไม่สิ มันแคบต่างหาก แล้วทำไมสองคนนี้ถึงเจอกัน แล้วมันจะประจันหน้ากันด้วยเรื่องอะไร คิดยังไม่ทันจบก็วิ่งมาถึงลานบัว มีกลุ่มนักศึกษามุงดูอยู่ไม่น้อย ส่วนมากจะเป็นผู้หญิง และบรรดาชายเทียม

     

    “นี่ไงพวกเรา เด็กใหม่พี่วายุ” น้องมะนาวพูดขึ้นเสียงดัง ใส่หน้าไอ้เด็กต้นกล้าที่ยืนอยู่กลางวงกับเพื่อนหน้าจืดมันอีกคน แต่มันก็ไม่ได้มีทีท่าจะกลัวอะไรน้องมะนาวเลยนะนั่น

    “โถ อินี่เองเหรอ ชั้นน่ารักกว่าตั้งเยอะ ทำไมพี่วายุถึงเอาหล่อนยะ” กระเทยนางหนึ่งแผลดเสียงขึ้นใส่หน้าไอ้เด็กต้นกล้า ไอ้เด็กนั่นก็ยืนยิ้มให้อย่างกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    “ที่ว่าแกคบกับพี่วายุมาแปดปีนี่ แกโม้ใช่มะ” อีกคนถามขึ้นอีก

    “ใช่ เราโม้” ไอ้เด็กต้นกล้าตอบไปยิ้มๆ

    “พี่วายุใช้แกหลอกเป็นแฟนเพื่อจะทิ้งเราใช่มั๊ย” น้องมะนาวถามบ้าง

    “ใช่” ไอ้เด็กต้นกล้าตอบมา ตอนนี้ทุกคนกำลังพูดกันเสียงดังระงม จับใจความประมาณว่า ชั้นว่าแล้วๆ

    “ที่เราบอกว่าใช่คือ พี่วายุต้องการทิ้งเธอ แต่เรากับพี่วายุเป็นแฟนกันจริงๆ ไม่เชื่อก็ลองถามเจ้าตัวสิ” ไอ้เด็กต้นกล้าพูดพร้อมกับซัดหน้ามาทางผม มันเห็นผมตั้งแต่ตอนไหนวะเนี่ย ทุกสายตากำลังจับตามามองทางผมเป็นสายตาเดียว  ผมกลืนน้ำลายตัวเองเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปในวงนั้น  แล้วตะโกนบอก

    “ใช่ พี่กับต้นกล้าเป็นแฟนกัน” ผมพูดพร้อมกับเดินไปโอบเอวต้นกล้าไว้ ไอ้เด็กนี่ดิ้นเล็กน้อย ก่อนที่ผมจะเกร็งเอวไว้ไม่ให้มันขยับ แหมทีเมื่อวานจูบกับกูยังไม่คิดอะไร กอดนิดกอดหน่อยทำดัดจริตดิ้นนะ ไอ้เด็กแสบ

    “ไม่จริงอ่ะ พี่วายุโกหก พี่จะคบกับมันตั้งแปดปีได้ไง มะนาวไปคอนโดพี่ยังไม่เคยเจอมันเลย พี่บอกความจริงมะนาวมาเถอะ มะนาวไม่ถือสาอะไรพี่หรอก” น้องมะนาวยังไม่จบครับ

    “ใช่พี่โกหกว่าคบกันมาแปดปี ที่จริงเราเพิ่งคบกันมาได้ปีกว่าๆ ตั้งแต่ที่ต้นกล้าเข้ามาเรียนที่นี่ และนี่ต้นกล้าก็กำลังจะย้ายไปอยู่กับพี่ที่คอนโด” ผมตอบไปอย่างไม่ทันคิด เล่นเอาไอ้เด็กแสบที่กอดเอวอยู่หันหน้ามองอย่างงงๆ ผมได้แต่พยักหน้าบอกแบบขอไปที

    “มีนี้ก็อย่ามายุ่งอะไรกับต้นกล้ามันอีกนะ เรื่องของเรามันจบแล้วน้องมะนาว ไปกันเถอะต้นกล้า” ผมพูดพร้อมกับพาไอ้เด็กต้นกล้าเดินผ่าวงล้อมนั้นมา  พร้อมกับสายตาใครต่อใครที่จ้องมองกันอยู่

     

    “แปะ แปะ แปะ แปะ  พระเอกชิบหายเพื่อนกู” เสียงปรบมือเสียงดัง ก่อนที่คำชมแกมเหน็บของไอ้สนิทจะดังขึ้นตามหลังผมมา

    “แสดดด ไม่ต้องมาล้อเลยนะมึง ไม่ช่วยกันเลย ทีแบบนี้แล้วหายหัวตลอด” ผมบอกมันไป

    “กูรู้ว่ามึงทำได้ ไม่มีกูมึงก็แสดงได้ดีเยี่ยมนี่” ไอ้สนิทยังไม่หยุดแซวผม

    “ปล่อยเราได้แล้ว” ไอ้เด็กต้นกล้าพูดพร้อมกับเอามือมันมายกมือผมออก

    “ต้นกล้าเป็นไงบ้าง” เพื่อนของมันที่เดินตามพวกผมมาถามขึ้น

    “อืม ไม่เป็นอะไรแล้วภานุ เราไปกันเถอะ” เด็กต้นกล้าหันไปพูดกับเพื่อนมัน ก่อนจะทำท่าเดินออกไปจากมุมที่ผมพามันเข้ามา

    “เดี๋ยว จะรีบไปไหน เรื่องมันยังไม่จบนะครับคุณต้นกล้า” ผมทักท้วงขึ้น

    “จะอะไรอีก” อีกคนหันมาถามชักหน้าใส่

    “ขี้ทิ้งไว้เยอะซะขนาดนั้น จะเดินกลับไปแบบสบายๆได้ไง ต้องช่วยกันเช็ดก่อนสินครับ” ผมบอกไป

    “ใครขี้กันแน่ นายต่างหากที่ขี้ไว้ ไม่ใช่เราซะหน่อย ขี้ของใคร คนนั้นก็เช็ดเองดิ” มันย้อนผมมาครับ

    “ถึงจะเป็นขี้เรา แต่นายช่วยเบ่ง นายก็มีส่วนนะ” ผมยังยัดเหตุผลเข้ามาแทรก

    “พวกมึงหยุดพูดเอาขี้มาเปรียบเทียบได้ป่ะ กูได้ยินแล้วกูจะอ้วก ของมีเป็นล้าน เอาขี้มาเล่น กะไม่เข้าใจเลยจริงๆ” ไอ้สนิทขัดขึ้นอีกแล้วครับ

     

     

    “ตกลงจะเอาไง” ไอ้เด็กต้นกล้าหันมาถามหน้าตาจริงจัง

     

     

     

     

    “เราต้องเป็นแฟนกันหลังจากนี้สามเดือน” ผมพูดออกไปท่ามกลางพยานทั้งสอง นั่นคือไอ้สนิทเพื่อนผม และภานุเพื่อนของต้นกล้า

    “หา อะไรนะ” ไอ้เด็กต้นกล้าถามกลับมาเสียงดัง

    “ได้ยินไม่ผิดหรอก นายต้องแกล้งเป็นแฟนเราบังหน้าพวกสอดรู้พวกนี้สามเดือนหลังจากนี้ จนกว่าคู่หมั้นของเราจะกลับมาจากเมืองนอก” ผมบอกมันไป

    “แน่ใจนะไอ้วายุ ว่ามึงจะไม่ทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่กว่าเดิม” ไอ้สนิทถามมาด้วยหน้าตากรุ่มกริ่ม

    “นั่นนะสิ เราว่ามันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปแล้วนะต้นกล้า” เพื่อนของไอ้ต้นกล้าก็ทักท้วง

    “จ้างเราเท่าไหร่ ?” แต่เด็กต้นกล้ากลับถามอะไรที่คาดไม่ถึง

    “งกจริงเว๊ย อยากได้เดือนเท่าไหร่ละ” ผมคิดอยู่แล้วครับ ว่าไอ้เด็กนี่ เอาเงินซื้อได้

    “สามเดือนเหรอ เดือนละสามหมื่น สามเดือนเหมาจ่ายแสนนึง”

    “มันจะไม่มากไปหน่อยเหรอ เดือนละตั้งสามหมื่น แล้วเหมาจ่ายของนายมันเยอะกว่าจ่ายปกติอีกนะ” ผมคัดค้านทันทีที่มันยื่นข้อเสนอมา

    “ก็แล้แต่ เราจะได้ไปบอกน้องมะนาวของนาย ว่าแท้จริงแล้วนายใช้เราโกหก” ดูมันครับ ดูมัน ตกลงผมต้องง้อมันใช่มั๊ยเนี่ย

    “แสบใช่ย่อยแฮะ เด็กใหม่มึง” ไอ้สนิทครับ เงียบก็ได้ครับ ไม่ต้องชมไอ้เด็กแสบนี่ออกหน้าขนาดนั้น

    “เราจะรู้ได้ไงว่านายทำงานดี ไม่เบี้ยว” ผมถามข้อสงสัยขึ้นมา

    “ถ้านายคิดแบบนั้นก็ทำสัญญาเลยสิ เราต่างหาก ที่กลัวนายเบี้ยวเงิน” เคี่ยวชิบหายเลยครับ ดูเด็กๆตัวเล็กๆ แต่กลับเขี้ยวลากดินมาก นี่ถ้าไม่ใช่เพื่อหยุดปัญหาชู้สาวนะ และเพื่อแพรวใส ผมไม่ลงทุนแบบนี้หรอกนะ

    “ตกลง เราจะทำสัญญากัน” ผมบอกไป

    “เอาแล้วไง เอาแล้วไง เรื่องมันชักจะสนุกขึ้นแล้วสิ สนิทเริ่มอยากรู้ตอนต่อไปแล้วไง” ไอ้สนิทครับ พูดออกมาทำไมตอนนี้ครับ มึงไม่สมควรมีบทในตอนนี้เลยด้วยซ้ำ

     

     

     

     

     

    “นี่สัญญา อ่านซะ” ผมยื่นกระดาษเอสี่ที่ผมร่างสัญญาสำหรับการแกล้งเป็นแฟนกันครั้งนี้ของผมกับไอ้เด็กต้นกล้าให้ นี่ผมนอนคิดมาทั้งคืนเลยนะ ว่าจะเขียนยังไงให้ผมได้กำไรมากที่สุด เงินตั้งแสนนึงกับเวลาสามเดือน ผมไม่ยอมขาดทุนหรอก

    “ข้อหนึ่ง นายจ้างวายุ ทำอะไรก็ถูกเสมอ” เด็กต้นกล้าอ่านออกเสียงมา

    “แหม เขียนสัญญาได้กากมาก นี่ไม่ต้องอ่านข้อสองข้อสาม เราก็รู้แล้วนะว่านายจะเขียนอะไร เขียนแบบนี้เลิกเหอะ” มันบ่นออกมาครับ

    “อ่านให้จบก่อนค่อยพูดได้มั๊ย เราไม่ทำอะไรปัญญาอ่อนแบบนั้นหรอกหน่า” ผมดุกลับไป ยังอ่านได้แค่บรรทัดเดียว กลับสรุปใจความออกไปแล้ว

    “ข้อสอง ลูกจ้างต้นกล้า ต้องเชื่อฟังคำสั่งของนายจ้างว่ายุทุกคำสั่ง” เด็กต้นกล้าอ่านข้อสอง

    “แล้วมันต่างอะไรจากข้อแรกเนี่ย สมองมีปัญหาหรือเปล่า ถึงเขียนอะไรวกไปวนมา” นั่น ดูมันครับ บ่นอีกแล้ว

    “ข้อสาม ต้นกล้าต้องแสดงว่าเป็นแฟนจริงๆกับวายุ และถ้ามีความผิดพลาด เช่น ความลับหลุดลอดมาจากต้นกล้า วงเล็บเพื่อนต้นกล้าที่ชื่อภานุด้วย ให้ถือว่าสัญญาเป็นโมฆะ” ข้อสามจบไป

    “แล้วถ้าเกิดจากฝั่งนายละ เช่นนาย หรือไม่ก็พี่สนิทหลุดปากละ” นึกแล้วว่าต้องมีคำถาม

    “กลับไปอ่านข้อหนึ่งใหม่” ผมบอกไปพร้อมกับอมยิ้ม

    “เอ๊ย อย่างนี้มันขี้โกงกันนี่หว่า” นั่นครับ ขึ้นเสียงมาทันที นี่คงอยากจะต่อยหน้าผมมากสินะ

    “เออหน่า เราเป็นคนเสียผลประโยชน์กับเรื่องนี้นะ เราจะหลุดปากไปได้ไง ไอ้สนิทก็เพื่อนสนิทเรา และถ้าเกิดผิดพลาดจากฝั่งเรา เราก็จ่ายเงินนายตามปกตินั่นแหละ” ผมบอกไป

    “โอเค งั้นข้อนี้ผ่าน”

    “ข้อสี่ นายต้นกล้าต้องทำความรู้จักกับนายวายุถึงที่มาที่ไป ชอบอะไร ชอบสีไหน ชื่อเสียงเรียงนาม ชื่อพ่อแม่ปู่ย่าตายาย เพื่อตอบข้อสงสัยแกคนรอบข้างได้” ข้อสี่ถูกอ่านขึ้น

    “เขียนสัญญาได้ห่วยมาก”

    “นายว่าอะไรนะ” ผมถามไป เมือ่ได้ยินอีกคนบ่นอะไรแว่วๆ

    “เปล่าๆ เราเข้าใจแล้ว”

    “ข้อห้า ภายในเวลาสามเดือน ห้ามมีการล่วงเกินกัน ไม่อย่างนั้นจะถือว่าสัญญาเป็นโมฆะ” เด็กต้นกล้าอ่านจบแล้วมองหน้าผม

    “เราอ่ะต้องระวังตัวมากกว่านะ นายดูท่าจะหื่นไม่เบานี่” นั่น มีแซวผมด้วย

    “หุบปาก แล้วอ่านข้อต้อไป” ผมไม่อยากจะต่อปากต่อคำกับเด็กคนนี้

    “ข้อหก ในระยะเวลาที่เป็นแฟนปลอมๆกัน ห้ามมีการหึง การหวง และห้ามนายต้นกล้าไปมีแฟนฉันชู้หนุ่ม ชู้สาวกับคนอื่น ยกเลิกอาชีพเสริม   อาชีพเสริม ?  อะไรอ่ะ”

    “ก็ที่นายทำหารายได้อยู่อ่ะ  แต่ข้อนี้สำหรับเรา ยกเว้นนะ” ผมพูดเสริม

    “ขี้โกงชัดๆ”

    “ข้อเจ็ด นายต้นกล้าต้องย้ายมาอยู่คอนโดนายวายุตั้งแต่วันเริ่มสัญญา  เอ๊ยยยยยยยย ได้ไง เราก็มีหอของเรานะ”

    “นายอย่าลืมนะ เราบอกกับทุกคนไปว่านายจะย้ายเข้ามา แล้วคอนโดนี้ก็มีเด็กมหาลัยเราอยู่ไม่ใช่น้อยนะ พวกนั้นจ้องจะจับผิดเราอยู่นะ ถ้านายไม่ ..”

    “โอเคๆๆ พอๆๆ เข้าใจแล้ว แต่ถ้าย้ายมาอยู่นี่ต้องเพิ่มเงินเดือนนะ ไม่งั้นเรา ..”

    “นายก็พอเหมือนกัน ไม่มีการเพิ่มเงินอะไรทั้งนั้น มาอยู่คอนโดเรา เราจ่ายเงินค่าน้ำ ค่าไฟ นายก็ไม่ต้องจ่ายค่าเช่าหอ กำไรชัดๆ”

    “ข้อสุดท้าย ห้ามหลงรักกันเอง  แหวะ เขียนมาได้ไง ไม่ดูสภาพหน้าตัวเองเลย เรานี่นะจะไปหลงไอ้คนขี้เก็กแบบนาย”

    “หุบปากซะไอ้ลูกจ้าง ไม่มีสิทธิ์มาวิจารณ์นายจ้างแบบนี้ แล้วก็เซ็นต์สัญญาซะ เสร็จแล้วกลับไปขนของมาที่คอนโด เราต้องเริ่มต้นเรียนรู้กันและกันคืนนี้เป็นคืนแรก เข้าใจมั๊ยจ๊ะ เด็กน้อย”

    “เรียกเราว่าเด็กน้อยอีกที เราต่อยหน้าแน่”

    “ลองดูสิ ไอ้เด็กน้อย”

    “อึ๋ยย อึ๋ยยย อย่าให้หมดสัญญานะ ไอ้นายจ้างขี้กากกกกกกกกก” ดูครับดูมัน นี่มันด่านายจ้างใช่ไหมเนี่ย ผมหักเงินเดือนได้ใช่ไหมเนี่ยยยยยย ?

     

     

    หลังจากที่ไอ้เด็กแสบเซ็นต์สัญญาเสร็จและกลับไปจัดการกับของมันที่หอ ผมก็หยิบเอาใบสัญญามาดูอีกครั้ง ถึงแม้ว่าสัญญาจะหละหลวมไปมาก แต่มันก็ไม่น่าจะมีอะไรที่ผิดพลาด ในเมื่อผมต้องการให้มันช่วย และเด็กนั่นก็ต้องการเงิน เราสองคนแฟร์ๆ ต่างคนต่างได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ  เงินแค่แสนหนึ่งสำหรับผมไม่ใช่ปัญหา เพราะเวลาที่ผมคบสาวคนไหน พวกเธอก็ได้จากผมไม่มากไม่น้อยไปกว่านี้เท่าไห่นัก

    ถ้าผ่านสามเดือนนี้ไป ผมจะค่อยออกมาบอกความจริงกับทุกคนว่าทั้งหมดคือการแสดง ผมก็พ้นข้อครหาว่าเป็นเกย์ และก็ไม่มีพันธะใดๆกับบรรดาสาวๆอะไรของผม ผมกับแพรวใสก็จะได้ลงเอยกันอย่างที่ผู้ใหญ่วางแผนเอาไว้

     

     

     

     

    เอาวะ คิดว่าเล่นเกมสักเกมหนึ่ง !!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×