ตอนที่ 65 : แกลลอนที่ 29 (100%)
ไกลออกไปตรงหน้าต่างที่เจ้าของบ้านเคยใช้แอบมองคู่หนุ่มสาว บัดนี้กลับถูกจับจองด้วยสองเพื่อนสนิทเหมือนเดิมอีกครั้ง แตกต่างกันตรงที่ครานี้มีแค่หนึ่งคนที่เคยอยู่ในเหตุการณ์นั้น ส่วนอีกหนึ่งกลับมิใช่!
ดวงตาคมดุที่เพิ่งจะได้รับภาพแห่งความอ่อนหวาน ซาบซึ้งกินใจที่คนทั้งคู่ถ่ายทอดให้แก่กัน แม้จะไม่มีเสียงเป็นเครื่องช่วยยืนยัน แต่เพียงท่าทางอิงแอบแนบชิดซบไหล่กันและกัน คนมองก็พลันรู้ถึงความหมายได้ในทันที
“เด็กสองคนนั้นเริ่มรักกันนานรึยัง?” อำไพพรรณหันไปถามเพื่อนรักด้วยแววตาเคร่งเครียด ทำให้มารดาของฝ่ายหญิงรู้สึกได้
“ก็สักระยะแล้วละ” มาลินีตอบกลับ นึกหวั่นใจจนอดเลียบๆ เคียงๆ ถามเพื่อนสนิทไม่ได้ว่า “ทำไมเหรอจ๊ะ?”
“อืม...” คิ้วเรียวขมวดลงอีกอย่างคิดหนัก “บางทีเธอกับฉันอาจจะกำลังเจอปัญหาใหญ่เข้าแล้วก็ได้”
ดวงตาของมาลินีเบิกออกกว้าง เมื่อลางสังหรณ์ของเธอแม่นยำอย่างกับตาเห็น
“เธอไม่อยากให้เด็กสองคนนั้นรักกันเหรอ หรือเป็นเพราะว่าเลือดครึ่งหนึ่งในตัวหนูนาเป็นของพี่ธม?”
อำไพพรรณไม่ตอบ ได้แต่เพียงหลบตาคนถาม ก่อนจะขอตัวเดินออกไปนั่งรอบุตรชายและบุตรสาวของพวกตนตรงหน้าเรือนชานด้านล่างแทน ทำให้มาลินียิ่งเครียดหนัก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกเสียจากมองดูเพื่อนรักเดินจากไป
“อ้าว! คุณแม่ครับ” จิรเมธร้องทักทันทีที่เดินขึ้นเรือนชานมาแล้วเห็นผู้เป็นมารดานั่งนิ่ง สีหน้าเรียบเฉย “มานั่งทำอะไรคนเดียวอยู่ตรงนี้ครับ นี่มันก็ดึกมากแล้ว ปกติคุณแม่เข้านอนไม่เคยเกินสี่ทุ่มเลยนี่ครับ”
“วันนี้แม่นอนไม่หลับน่ะลูก รู้สึกเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวไปหมด ก็เลยออกมานั่งกินลมชมวิวซะหน่อย” อำไพพรรณปดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ต่างจากก่อนหน้านี้ลิบลับ
“แล้วคุณแม่ทานยารึยังครับ?”
เขาได้รับคำตอบเป็นการส่ายหน้าปฏิเสธ จิรเมธจึงเอ่ยเสนอตัวทำหน้าที่ของลูกที่ดี
“งั้นเดี๋ยวผมไปหายามาให้ทานเอาไหมครับ?”
“ไม่ต้องหรอกลูก” คราวนี้คนเป็นแม่เอ่ยปฏิเสธ ไม่อย่างนั้นพ่อลูกชายคงได้วิ่งวุ่น คอยตามประคบประหงมเธอไม่ห่าง เพราะความเป็นห่วงแน่ๆ เชียว
“ถ้าไม่ทานยา งั้นหนูจะช่วยนวดคลายเส้นให้คุณน้าเองนะคะ แต่ขอเวลาหนูไปเตรียมน้ำร้อนแช่ขาให้คุณน้าแป๊บเดียว เดี๋ยวหนูมาค่ะ” ลัลนาเอ่ยอาสาด้วยความเต็มใจ เพราะตัวเธอเองก็ปฏิบัติต่อผู้เป็นบุพการีทั้งสองเช่นนี้อยู่เสมอ สาวใต้วิ่งปรู้ดหายเข้าไปข้างในบ้าน โดยไม่รอฟังคำตอบของคนเป็นผู้ใหญ่
อำไพพรรณมองตามร่างบางไปด้วยสายตาบางประการ ก่อนจะหันมาพูดกับบุตรชายถึงเรื่องที่เธอตั้งใจทันที
“จิม... แม่จะกลับบ้านแล้วนะ”
เมื่อจู่ๆ มารดาก็พูดโพล่งขึ้นมาเช่นนี้ บุตรชายที่ยังไม่ได้เตรียมใจจึงพลันอึกอัก เพราะรู้นัยยะที่ถูกซ่อนเร้นเอาไว้เป็นอย่างดีว่า
‘เขาเองก็ต้องกลับบ้านกับท่านด้วย’
“ครับ” เขาตอบสั้นๆ แกล้งทำตีเนียน ไม่รับรู้ถึงความหมายที่มารดาสื่อถึงตน
อำไพพรรณเองก็รู้ว่า เจ้าตัวตั้งใจจะเฉไฉ เธอจึงบอกความประสงค์ออกมาตรงๆ โดยไม่อ้อมค้อม
“แม่อยากให้จิมกลับบ้านพร้อมกับแม่เลย”
“คุณแม่ครับ เราคุยเรื่องนี้กันเข้าใจแล้วไม่ใช่เหรอครับว่า ผมขอเวลาอยู่พัฒนาที่นี่อีกนิด รอให้โครงการและร้านค้าไปได้ดีกว่านี้สักหน่อย ผมก็จะกลับไปดูแลกิจการของเราตามเดิมครับ” จิรเมธกล่าวขอร้องท่านอย่างตรงไปตรงมา
“แม่ไม่สนเหตุผลของจิมหรอกนะ แม่รู้แค่ว่าลูกจะต้องกลับบ้านกับแม่เดี๋ยวนี้” อำไพพรรณสั่งด้วยสีหน้าเรียบเฉย เธอมิได้ตะเบ็งเสียงอย่างเอาเป็นเอาตาย ด้วยเกรงว่ามาลินีจะมาได้ยินแล้วเข้าใจผิด แต่กระนั้นก็สามารถกดดันบุตรชายได้ไม่น้อย
“โธ่! คุณแม่มีเหตุผลหน่อยสิครับ” จิรเมธโอดครวญเสียงแผ่ว สีหน้าลำบากใจเป็นอย่างมาก เพราะเขาเองก็เกรงว่าลัลนาจะแอบมาได้ยินความลับนี้เข้า “คุณแม่ก็เห็นอยู่ว่าผมกำลังบุกเบิกที่นี่ให้เจริญขึ้น แล้วจะให้ผมทิ้งมันไปได้ยังไงกันครับ ทำแบบนี้มันก็เหมือนกับผมสร้าง แล้วก็ทำลายมันเองกับมือ ถ้าอย่างนั้นผมจะลงทุนลงแรงไปให้เหนื่อยเปล่าตั้งแต่ต้นทำไมกันล่ะครับ?”
“แกก็เลยเลือกที่จะทิ้งพ่อกับแม่และบริษัท เพื่อมาอยู่ที่นี่แทนงั้นสิ?” คนฟังสวนกลับทันควันอย่างสุดจะทนกับความดื้อด้านของบุตรชาย “จะบอกให้นะตาจิม แม่มีลูกเป็นผู้สืบทอดกิจการเพียงคนเดียว แล้วแกจะให้แม่ทนเห็นลูกชายตัวเองทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างที่พ่อกับแม่ร่วมกันสร้างขึ้นมาได้ยังไงล่ะ?”
คนเป็นแม่ร้องถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ทำเอาจิรเมธถึงกับนิ่งงันอย่างสำนึก เมื่อตระหนักได้ถึงความเป็นจริงที่ท่านกล่าวมา อำไพพรรณจึงฉวยจังหวะนี้รีบกล่าวบีบคั้นบุตรชายต่อไปว่า
“การที่แม่บอกให้แกกลับบ้าน ไม่ได้เกี่ยวกับใครทั้งสิ้น ไม่ใช่เพราะแม่งกเงิน หรือเป็นเพราะแกเกิดไปรักลูกสาวของไอ้ธมเข้าหรอกนะ”
“คุณแม่รู้?!” จิรเมธถามเสียงหลง เมื่อสิ่งเร้นลับในใจของเขาถูกเปิดเผยออกมาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ที่สำคัญมันเป็นเรื่องที่เขาไม่เคยบอกใครเลยแม้แต่ตัวของลัลนาเอง
แล้วมารดาของเขารู้ได้อย่างไร...
ความสงสัยถูกส่งผ่านออกมาจากสายตาของผู้เป็นลูกอย่างจะแจ้ง อำไพพรรณจึงไขข้อข้องใจให้แก่เจ้าตัว โดยที่เขาไม่ต้องเอ่ยปากถาม
“แกไม่ต้องสงสัยหรอกว่าทำไมแม่ถึงรู้ เพราะตัวแกเองนั่นแหละที่แสดงออกซะชัดเจน จนคนในหมู่บ้านเขารู้กันไปทั่ว แล้วฉันที่เป็นแม่ของแกจะไม่รู้ได้ยังไง... ฮึ?”
“จริงเหรอครับ?” คนฟังขมวดคิ้ว ที่ผ่านมาเขาแทบไม่เคยออกอาการหวานแหววกับเธอสักเท่าไรนี่นา
เอ๊ะ! หรือว่าจะมีนิดๆ หน่อยๆ
“ฉันจะโกหกแกให้ได้อะไรล่ะ?” อำไพพรรณพูดอย่างหมั่นไส้ “ถึงฉันจะไม่ชอบหน้าไอ้ธม แต่เลือดในตัว ครึ่งหนึ่งของแม่หนูนั่นก็เป็นของเพื่อนรักฉันเอง แล้วแกคิดว่าฉันจะรังเกียจลูกสาวเพื่อนรักได้ลงคอรึไงตาจิม?”
ผู้เป็นแม่อธิบายเหตุผลให้บุตรชายได้ฟัง ทำเอาเจ้าตัวยังต้องพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย
“ที่แม่พูดนี่ก็ไม่ใช่อะไรหรอกนะ แต่แม่รู้จักนิสัยแกดีว่า ถ้าขืนปล่อยให้แกขลุกอยู่ที่นี่คอยสร้างโน่นสร้างนี่ต่อไปเรื่อยๆ ละก็ ฉันคงได้เสียลูกชายไปแน่ๆ เพราะแกก็เหมือนกับพ่อของแกนั่นแหละ รักทุกสิ่งที่ตั้งใจทำและจะไม่ยอมล้มเลิกง่ายๆ ด้วย”
ยอดคุณแม่เล่นตีแผ่นิสัยของเขาออกมาจนหมดเปลือกแบบนี้ จิรเมธเลยได้แต่นิ่งเงียบอย่างยอมรับ
อำไพพรรณได้ที จึงงัดไม้เด็ดใช้ทั้งเล่ห์ทั้งกลขึ้นมาหลอกล่อบุตรชาย เหมือนที่เธอเคยทำกับผู้เป็นสามีเมื่อครั้งพียรเฝ้าอ้อนวอนจนปากเปียกปากแฉะให้เขาละทิ้งบ้านเกิด เพื่อยอมไปอยู่กับเธอที่กรุงเทพ
“แม่ขอร้องเถอะนะตาจิม จะให้แม่กราบแกก็ยอม ขอเพียงอย่างเดียว...แกอย่างทิ้งแม่ทิ้งพ่อและทิ้งบริษัทของเราไปเลย”
“คุณแม่!” จิรเมธร้องตกใจ เมื่อเห็นท่านตั้งท่าจะทำตามที่ปากพูดจริงๆ ร่างสูงปราดเข้ามาประคองท่านอย่างรวดเร็ว “อย่าทำแบบนี้สิครับคุณแม่”
เขาไม่เคยเห็นมารดาพร่ำพูดวิงวอนสิ่งใดกับเขาเหมือนอย่างวันนี้มาก่อนเลย จิรเมธเลยยิ่งคิดหนักมากขึ้นไปอีก
“ก็ได้ แต่แกต้องรับปากแม่ก่อนว่ากลับบ้านพร้อมกัน” คนได้เปรียบเอ่ยต่อรอง
คนฟังนิ่งอึ้งไปเวลาหลายนาที สมองพลันคิดใคร่ครวญจนอ่อนล้า ก่อนจะเอ่ยปากบอกมารดาว่า
“ผมขอเวลาคิดสักนิดนะครับ”
ใช่! เขาจำต้องใช้เวลาทบทวนทุกสิ่งให้รอบคอบเสียก่อน เพราะคนที่เขากำลังรับมือด้วยมีดีกรีเป็นถึงนางพญาแห่งบริษัทเดชาธรผู้ยิ่งใหญ่เชียวนะ!
อีกอย่าง... เขาจะได้หาทางออกที่ดีที่สุดให้แก่ทุกฝ่ายด้วย
“ตกลง นี่มันเป็นเรื่องของแกล้วนๆ แม่ก็ควรจะให้เวลาแกได้คิดบ้างว่าจะเลือกทางไหน แต่...” คนพูดเว้นช่วง ก่อนจะกล่าวให้เจ้าตัวเก็บเอาคำพูดของเธอไปตริตรองให้จงหนัก “ถ้าแกเลือกที่จะปล่อยให้พ่อกับแม่อยู่กันตามลำพังสองคนตายายละก็ แม่ก็จะยอมรับ เพราะถือว่าแม่ทำดีที่สุดแล้ว”
อำไพพรรณแอบยิ้มรับในชัยชนะ เมื่อเธอหย่อนชนวนลูกสุดท้ายใส่บุตรชายไปแล้ว มีหรือที่เขายังจะกล้าปฏิเสธทำให้เธอเสียใจได้อีก อย่างน้อยบุตรชายก็ต้องเห็นแก่หัวอกของคนเป็นพ่อเป็นแม่อย่างเธอบ้าง เธอส่งเขาไปเรียนต่อเมืองนอกเมืองนาเสียนาน พอเจ้าตัวกลับมาอยู่บ้านได้ไม่ทันไร ก็ดันมาบอกว่าจะไปพัฒนาหมู่บ้านอื่นอีกแล้ว โดยเฉพาะหมู่บ้านที่ว่าอยู่ห่างใกล้จากกรุงเทพตั้งแปดร้อยกว่ากิโลเชียวนะ
แล้วอย่างนี้จะมีแม่ที่ไหนยอมได้บ้างล่ะ!?
ที่สำคัญอย่างที่สุด ถ้าบุตรชายของเธอรักใคร่ชอบพอกับลูกสาวของเพื่อนรักจริง จิรเมธจะทำอย่างไร...
ขนาดเธอยังไม่ยอมให้ผู้สืบทอดเพียงคนเดียวห่างกายเลย มาลินีเองก็คงจะคิดแบบเดียวกันคือ ไม่อยากจะเสียหัวเรื่ยวหัวแรงเพียงหนึ่งเดียวของหมู่บ้านให้ตามไปอยู่กรุงเทพพร้อมกับจิรเมธอย่างแน่นอน ฉะนั้นการที่เธอแยกเด็กสองคนออกจากกันเสียตั้งแต่เนิ่นๆ จึงถือเป็นวิธีที่เจ็บปวดน้อยที่สุดแล้วสำหรับในตอนนี้!
“แกจะขอเวลาคิดสักกี่วัน?” อำไพพรรณขอกำหนดเส้นตายแก่บุตรชาย
“ผมจะให้คำตอบคุณแม่ หลังวันเปิดร้านเขากะหมอกแล้ว... จะได้ไหมครับ?” ท้ายเสียงเจ้าตัวเอ่ยถามอย่างไม่มั่นใจนักว่า มารดาจะยอมหรือไม่…
“ได้สิ แม่จะรอการตัดสินใจของลูกนะ”
อำไพพรรณยอมผัดผ่อนให้เขาตามต้องการ เพราะเชื่อเถอะว่า... ลองเธอพูดกับเขาไปตั้งมากมายขนาดนี้ อย่างไรเสียบุตรชายก็ไม่มีทางขัดขืนเธอเป็นแน่ เธอก็เพียงแค่รอเวลาเท่านั้นเอง
คนที่จิรเมธไม่ต้องการให้รับรู้เรื่องนี้มากที่สุด ได้ยินทุกคำที่สองแม่ลูกสนทนากันเต็มสองหู ลัลนามิได้มีเจตนาจะแอบฟัง แค่บังเอิญผ่านมาได้ยินเข้าตอนที่ยกกะละมังผสมน้ำอุ่นมาให้มารดาของชายหนุ่ม สาวใต้เลยได้แต่ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยหัวใจที่ห่อเหี่ยว มือไม้ก็พานจะหมดแรงเหมือนรถที่ขาดน้ำมันวิ่งไม่ได้ยังไงยั้งงั้น
หญิงสาวรอให้คนทั้งสองพูดคุยกันเสร็จแล้วนั่นแหละ จึงรีบปรับสีหน้าและเดินเข้ามาสมทบ เพราะเกรงว่าขืนนานไปกว่านี้จะเป็นที่ผิดสังเกตเอาได้
“ขอโทษที่ทำให้คอยนะคะ” สาวใต้แย้มยิ้มกลบร่องรอยของความหม่นหมองภายในใจ
“อ๋อ... เปล่าหรอกจ้ะ” อำไพพรรณบอกเสียงเรียบ ไม่มั่นใจว่าเด็กสาวได้ยินอะไรบ้าง เธอจึงลองหยั่งเชิงถาม “ว่าแต่ทำไมหนูถึงหายไปเสียนานเลยล่ะจ๊ะ?”
“คือพอดีหนูหากะละมังผสมน้ำอุ่นไม่เจอน่ะค่ะ ก็เลยค้นครัวอยู่ตั้งนาน” ลัลนาพูดปดพลางกระวีกระวาดหาเก้าอี้ให้หญิงสูงวัยนั่ง “คุณน้ามานั่งตรงนี้ก่อนดีกว่านะคะ จะได้แช่ขาในน้ำอุ่นสบายๆ เลือดลมจะได้เดินดีขึ้นด้วย แล้วเดี๋ยวหนูทายาบีบนวดให้ คุณน้าจะได้หายปวดเมื่อยไงละคะ”
“จ้ะ” อำไพพรรณลุกขึ้นเดินเข้าไปหย่อนกายลงนั่งบนเก้าอี้เอนหลัง ก่อนจะหันมาแย้มยิ้มกับเด็กสาว “ขอบใจหนูมากนะจ๊ะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ” ลัลนาส่ายศีรษะเบาๆ “หนูชอบทำแบบนี้ให้แม่จ๋าบ่อยๆ เวลาที่ท่านปวดเมื่อยน่ะค่ะ”
“อย่างนั้นเหรอจ๊ะ?” คิ้วโก่งที่ได้รับการตกแต่งวาดขึ้นอย่างสวยงาม เลิกถามด้วยความเอ็นดู
“ค่ะ” เสียงหวานใสรับคำ ขณะที่ปลายนิ้วป้ายยาจากหลอดทาลงบนช่วงต้นคอด้านหลัง ขยับกดนวดไปมาด้วยจังหวะและน้ำหนักที่พอเหมาะพอควร สร้างความพึงพอใจให้แก่ผู้ที่ได้รับบริการพิเศษเป็นอย่างดี จนอดคิดไม่ได้ว่า
‘น่าอิจฉาเธอจังเลยนะนี ที่มีลูกสาวน่ารักๆ แบบนี้
ถ้าลองเป็นลูกชายของฉันเรอะ สงสัยว่าจ้างคนใช้ให้ทำยังจะง่ายซะกว่า’
อำไพพรรณเหล่มองบุตรชายที่ยังยืนนิ่งดูลัลนาบีบนวดให้เธออยู่อย่างเงียบๆ แล้วยิ่งเห็นชอบในสิ่งที่เธอคิด ก็จะไม่ให้นึกอิจฉาได้อย่างไรกันล่ะ ในเมื่อเด็กผู้ชายนั้นรักแต่จะทำตัวทโมน ไม่เคยมาเอาอกเอาใจหรือคลอเคลียกับคนเป็นแม่มากสักเท่าไรนี่นา เธอจึงอดรู้สึกบังเกิดความหงอยเหงาขึ้นมานิดๆ ไม่ได้
ยิ่งเมื่อลัลนามาคอยปฏิบัติพัดวีเธอเป็นอย่างดีเช่นนี้ด้วยแล้ว ตัวเธอเองก็พานนึกอยากมีลูกสาวขึ้นมาเหมือนกับเพื่อนรักบ้าง
ความนึกคิดบางอย่างยังผุดซ้อนขึ้นมาในหัวของอำไพพรรณอีกว่า คงจะดีไม่น้อย...ถ้าเพื่อนสนิทของเธออยู่จังหวัดใกล้ๆ กรุงเทพ เพียงแค่เดินทางไปมาหาสู่กันไม่กี่ชั่วโมงก็ถึง เธอจะได้ไม่ต้องมานั่งเคร่งเครียดคิดอะไรให้ปวดสมองและรู้สึกผิดแบบนี้ เพราะตัวเธอก็อยากได้ลูกสะใภ้อย่างลัลนาอยู่เช่นกัน!!!
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เดินทางมาถึงโค้งสุดท้ายของเรื่องแล้ว ยิ่งลุ้นหนักมาก
ตกลงยอดคุณแม่จะก้าวข้ามความเกลียด แล้วยอมรับหนูนาเป็นว่าที่ศรีสะใภ้รึเปล่า
แหมมมมมมม....ลุ้นหนักมากจริงๆค่ะ
อีก 2 ตอนก็จบแล้วน้า มาเอาใจช่วยตาจิมกับหนูนากันเยอะๆนะคะ
หลังจากลงตอนสุดท้ายจบ ไรเตอร์จะยืดเวลาให้นักอ่านซึมซับความประทับใจกัน 1 อาทิตย์เต็มๆ
แล้วหลังจากนั้นขออนุญาตลงให้ติดตามกัน 15 ตอนนะคะ
หลังจากนี้ใครอ่านไม่ทันหรืออยากอ่านต่อ ขอให้ตามกันในรูปแบบอีบุ๊คในราคาย่อมเยาว์แทนค่ะ
ใครอดใจรอไม่ไหว อยากรู้เรื่องก่อนใคร แวะไปโหลดได้ที่เมพและร้านอีบุ๊คชั้นนำทั่วประเทศค่า เค้ารับประกันความน่ารักนะจ๊ะ
![]() |
|
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
