ตอนที่ 32 : ตอนที่ 17. งานใหม่ 2/2
17. งานใหม่ 2/2
หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว ธารน้ำก็พาพระเพลิงเดินลัดเลาะตามมาทางเล็กๆ ริมน้ำที่เชื่อมต่อกับเรือนปั้นหยา ระหว่างทางที่เดินเคียงคู่กันไปนั้น สายตาสงสัยใคร่รู้หลายคู่ก็พากันพุ่งเป้ามายังสองหนุ่มสาวตลอดทาง ทำให้ธารน้ำรู้สึกอึดอัดไม่สบายใจ ต่างกับพระเพลิงที่นิ่งเฉยไม่อนาทรร้อนใจอันใดทั้งสิ้น
จวบจนเมื่อเดินมาถึงอาณาบริเวณสวนกว้างด้านหน้าเรือนริมน้ำ พระเพลิงก็เหลียวซ้ายแลขวาไปรอบๆ กายอย่างระแวดระวัง ก่อนจะหันมาบอกกับเธอว่า
“เข้าไปคุยข้างในกัน”
“คุณพระเพลิงคะ เรื่องที่คุณจะพูดกับฉันนี่มันลึกลับซับซ้อนนักรึไงคะ ถึงต้องมีลับลมคมในกันขนาดนี้” ธารน้ำมองเขาอย่างไม่ไว้ใจ
“ก็ทำนองนั้น” เจ้าตัวยักไหล่บอก ก่อนจะเป็นฝ่ายเดินนำเข้าไปในตัวบ้าน เพราะไม่ต้องการให้เรื่องที่ว่าแพร่งพรายออกไป โดยเฉพาะกับบิดาของเขา
หญิงสาวจึงไม่มีทางเลือก จำต้องยอมทำตามคนเอาแต่ใจ เมื่อเห็นอีกฝ่ายชักจะหน้าตึงขึ้นมา
พอประตูถูกปิดสนิทลง พระเพลิงก็หยิบกระดาษที่พับเอาไว้ในกระเป๋ากางเกงออกมาคลี่ส่งให้ตรงหน้าเธอ
“เอ้า...เซ็นซะ”
“อะไรคะ?”
ธารน้ำยืนนิ่ง ไม่ได้ยอมเอื้อมมือไปรับ เพราะไม่รู้ว่ากระดาษแผ่นนั้นมันคืออะไร ขืนสุ่มสี่สุ่มห้าเซ็นชื่อลงไปมั่วซั่ว แล้วเกิดข้อความในนั้นระบุว่ามันคือสัญญาทาสตลอดชีพ เธอก็แย่น่ะสิ
“ใบสมัครงาน”
“หา!?” คนฟังงงเป็นไก่ตาแตก “งานอะไรคะ?”
“งานง่ายๆ” พระเพลิงตอบสั้นๆ อีกตามเคย เขาไม่ถนัดการโน้มน้าวใจใคร นอกเสียจากบังคับขู่เข็ญ ก็เลยไม่รู้ว่าจะต้องอธิบายแบบสุภาพชนกับเธออย่างไร
คนที่ซีเรียสเพราะมันหมายถึงปากท้องของคนในบ้านเธอด้วยจึงชักจะเริ่มยั้วะ ที่เขาทำราวจะเล่นทายคำกับเธออยู่นั่นแหละ
“นี่คุณ ช่วยอธิบายรายละเอียดให้มันเคลียร์มากกว่านี้หน่อยจะได้ไหมคะว่ามันเป็นงานอะไร อยู่ที่ไหน แล้วใครเป็นคนจ้าง ฉันจะได้ตัดสินใจถูกว่าควรจะรับดีรึเปล่า?”
“เรื่องมาก เลือกงานดีนัก เดี๋ยวก็ไม่จ้างซะเลย” คนเสนอบ่นอุบ “งานที่บริษัทฉันเอง จะทำไหม?”
“คุณเนี่ยนะคะ...มีบริษัท!?” ธารน้ำร้องถามเสียงหลง พลางทำตาโตเป็นไข่ห่าน
“ใช่! มีอะไรไหม?” เขากระแทกเสียงตอบ ก่อนจะโยนใบสมัครไปบนโต๊ะอย่างไม่สบอารมณ์
“ปะ...เปล่า ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ฉันก็แค่...”ธารน้ำพูดยังไม่ทันจบ พระเพลิงก็ต่อให้เสียเองว่า
“เธอก็แค่ไม่เชื่อว่าคนเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่ออย่างฉันจะไปมีปัญญาทำงานอะไรได้...ใช่ไหมล่ะ?” เขาสะบัดเสียงถามอย่างน้อยใจ คนรึอุตส่าห์เป็นห่วง หวังจะสร้างรากฐานร่วมกัน หล่อนจะได้มีงานมีเงินไม่ต้องเดือดร้อน ยังจะมีหน้ามาว่าเขาอีก “ถึงจะเห็นฉันเป็นแบบนี้ก็เถอะ แต่ฉันก็มีสมอง ไม่ได้นั่งเอ้อระเหยลอยชายไปวันๆ อย่างที่เธอคิดหรอกนะ”
คนฟังเลยได้แต่ทำหน้าเจื่อนๆ ที่เจ้าตัวพูดตรงกับใจเธอเปี๊ยบ ก็ข้อมูลที่เธอรู้มาจากปากของแป้งร่ำนั้น พระเพลิงเรียนไม่จบอะไรมาสักอย่างเลยไม่ใช่หรือ... เธอจึงนึกสภาพไม่ออกจริงๆ ว่าเวลาที่พ่อคนเอาแต่ใจใส่สูทผูกไทไปทำงาน มันจะเป็นอย่างไร?
“ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ คุณอย่าเพิ่งเข้าใจผิดสิ ฉันเพียงแต่สงสัยว่าคุณทำงานอะไรเท่านั้นเอง” เธอพูดแก้ตัวกับเขาเสียงอ่อย แล้วละคำพูดในใจที่ว่า..
‘เพราะวันๆ ฉันเห็นคุณเอาแต่นอนเอกเขนกอยู่กับบ้านนี่คะ’
เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายยิ่งขัดเคืองหนักเข้าไปใหญ่
พระเพลิงถอนหายใจยาวเหยียด แค่เห็นหล่อนทำหน้าจ๋อยๆ เข้าหน่อย เขาก็พานโกรธไม่ลงเสียแล้ว จะไปโทษหล่อนเพียงฝายเดียวคงไม่ได้ เพราะอันที่จริงเขาไม่เคยบอกอะไรเกี่ยวกับตัวเองให้หล่อนรับรู้เลย นี่จึงถือว่าเป็นโอกาสดีที่เขาควรจะได้บอกกล่าวให้ธารน้ำรู้จักตัวตนของเขามากขึ้น
“ฉันไม่รู้หรอกนะว่ายายแป้งร่ำเคยบอกอะไรเธอไปบ้าง จริงอยู่ที่ฉันอาจเรียนไม่จบรัฐศาสตร์ตามที่พ่อต้องการ แต่ฉันจบปริญญาตรีมาทางด้านคอมพิวเตอร์ แล้วก็เลยต่อปริญญาโทกับเอกในด้านบริหารธุรกิจด้วย คนทั่วไปควรจะเรียกฉันว่าด็อกเตอร์ด้วยซ้ำ”
เขาไม่เคยเปิดเผยเรื่องนี้ให้ใครทราบมาก่อน แม้แต่กับบิดา จะมีก็แค่เตชิตที่เรียนด้วยกันมานั่นแหละที่รู้ดี ดังนั้นหล่อนจึงเป็นคนแรกที่ได้รับเกียรตินี้
พระเพลิงยืดอกหันกลับไปมองหญิงสาวอย่างเต็มภาคภูมิ แล้วเขาก็ต้องอึ้ง!
หล่อนกำลังอ้าปากค้าง และมันก็กว้างมากขนาดที่ว่าแมงวันทั้งฝูงบินเข้าไปทำรังได้ ดูแล้วช่างน่ารักน่าหมั่นไส้จนบอกไม่ถูก
“ขอโทษด้วยนะที่ทำให้เธอตกใจ เรื่องที่ฉันเป็นคนเอาอ่าวน่ะ” เขาเอ่ยประชด
เจ้าหล่อนโต้ตอบอะไรกลับมาอีก นอกจากนิ่ง แล้วก็นิ่ง สักพัก...ก็ทำท่าทำทางเหมือนจะตัดสินใจอะไรบางอย่างได้ขึ้นมา ก่อนจะหันมาถามเขาว่า
“ทำไมคุณถึงต้องทำแบบนั้นด้วยคะ ฉันไม่เข้าใจเลย”
“ฉันทำอะไร?”
“ก็ทำไมคุณจะต้องทำตัวเป็นอันธพาลประชดพ่อคุณด้วยล่ะคะ ในเมื่อตัวคุณเองก็มีคุณค่าถึงขนาดนี้”
“เพราะฉันพอใจ”
“บนความเสียใจของคุณพ่อคุณน่ะเหรอคะ?”
“ใช่!” เขาบอกห้วนๆ “เพราะท่านเอาแต่หลงเชื่อยายแม่มดที่คอยเป่าหู จนเตะโด่งฉันไปไกลถึงอเมริกาโน่น ฉันก็เลยต้องหาทางเอาคืนบ้างยังไงละ”
แววตาอ่อนแสงพลันกร้าวขึ้นมาทันที รอยยิ้มเยาะถูกประดับขึ้นตรงมุมปาก
ใช่! นี่เขายังแค่ผลาญเงินที่ท่านส่งไปให้แบบเบาะๆ เท่านั้นนะ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเขายังพอจะมีเลือดที่ใฝ่ดีอยู่บ้างกระมัง เลยคิดกลับตัวกลับใจได้ทันตามที่เตชิตคอยแนะนำและอยู่เคียงข้างเขาเสมอ
“ไร้สาระจริงๆ เลย” ธารน้ำส่ายหัวอย่างอ่อนใจ
เธอนึกวาดภาพออกเลยว่าเขาจะแกล้งทำตัวสำมะเลเทเมา จัดปาร์ตี้ประชดคนเป็นพ่อบ่อยขนาดไหน นี่คงจะใช้เงินยิ่งกว่าเบี้ยละสิท่า ทั้งหมดก็เพราะต้องการจะตอบโต้ให้บิดารู้สึกเจ็บปวดหัวใจไม่ต่างไปจากเขาที่ถูกทอดทิ้ง ซึ่งธารน้ำเห็นว่ามันเป็นการกระทำอันมิควร จึงตัดสินใจเอ่ยปากพูดกับเขาไปตรงๆ
“จะถูกจะผิดอย่างไรท่านก็คือพ่อแม่นะคะ ถึงแม้พวกท่านจะไม่ใช่ผู้ให้กำเนิดคุณโดยตรงก็เถอะ แต่ก็มีบุญคุณอย่างล้นเหลือที่ช่วยดูแลคุณมาตั้งแต่เล็กจนโต เพราะฉะนั้นคุณควรจะรักและเคารพท่านให้มากกว่านี้นะคะ”
“ทำไมฉันจะต้องเทิดทูนผู้หญิงสองหน้าพรรค์นั้นด้วยล่ะ...ฝันไปเถอะ!”
“สำหรับคุณหญิงรุ่งฤดีน่ะ ฉันขอไม่ออกความเห็น แต่คนที่ฉันอยากให้คุณนึกถึงท่านมากๆ ก็คือคุณพ่อของคุณต่างหากละคะ”
“พ่อที่ไม่เคยจะดูดำดูดีฉันเนี่ยนะ” พระเพลิงพูดเสียงขื่น
“คุณน่ะคิดมาก ฉันคิดว่าการที่คุณพ่อท่านเข้มงวดกับคุณ นั่นก็เพราะท่านอยากจะเห็นคุณได้ดิบได้ดีมีอนาคตที่สดใส จะได้ไม่มีใครมาดูถูกเอาได้ แล้วแบบนี้คุณยังคิดว่าท่านไม่รักไม่หวังดีกับคุณอีกหรือคะ ขนาดฉันเป็นคนนอกยังดูออกเลย แล้วคุณที่เป็นลูกแท้ๆ ทำไมถึงไม่เปิดตาเปิดใจยอมรับความหวังดีของท่านบ้างล่ะคะ”
ธารน้ำหยิบยกเหตุผลของคนเป็นพ่อเป็นแม่ที่เธอมักจะได้รับฟังจากบิดามารดาของตนอยู่เสมอมาบอกกล่าวให้เขาได้คิดอย่างใจเย็น พลางเอื้อมมือบีบมือหนาเอาไว้อย่างให้กำลังใจ ก่อนจะเอ่ยต่ออย่างหนักแน่นว่า
“เชื่อฉันเถอะค่ะ ไม่มีพ่อคนไหนในโลกที่จะไม่รักลูกของตัวเองหรอกนะคะ”
พระเพลิงก้มมองสองมือของตนที่ถูกหญิงสาวเกาะกุมเอาไว้ ความอบอุ่นแผ่ซ่านเข้ามาอย่างท่วมท้นจนทำให้หัวใจของเขาพลันเต้นผิดปกติ นี่คงจะเป็นอาการตกหลุมรักหล่อนอย่างถอนตัวไม่ขึ้นสินะ...
เขาเจอแล้วจริงๆ คนที่มีค่ามากที่สุดในชีวิต...
พระเพลิงบอกตัวเองอย่างนั้นยามที่สบตาหล่อน ความอ่อนโยนในดวงตาและน้ำเสียงแว่วหวานมันช่วยกระตุ้นให้เขารู้สึกสดชื่นแจ่มใสได้อย่างน่าประหลาด เขาเลยไม่อยากจะขัดใจหล่อนจนเกิดทะเลาะบานปลายต่อกัน จึงแสร้งพยักหน้าเข้าใจ เพราะอยากจะเก็บความสุขนี้ไว้ในทุกอณูของร่างกายและหัวใจให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ตราบนานเท่านาน
“ก็ได้ ฉันจะยอมเชื่อเธอสักครั้ง แต่...” พระเพลิงมองคนตรงหน้าอย่างเจ้าเล่ห์ “เธอจะต้องเอาใบสมัครนี่ไปกรอกซะให้เรียบร้อย แล้วพรุ่งนี้ก็มาเริ่มงานเลย”
“หา! ทำไมมันเร็วนักล่ะคะ ฉันเพิ่งจะได้งานใหม่เป็นผู้ช่วยคลินิกรักษาสัตว์ตรงหน้าตลาดนี่เองนะ”
“รีบไปบอกเขาซะว่าเธอไม่ทำ” เขาสั่งเสียงเฉียบ
“คุณก็พูดง่ายๆ” ธารน้ำเขวี้ยงค้อนวงโตให้เขาจังเบ้อเริ่ม “คราวก่อนคุณก็เพิ่งทำฉันตกงาน แถมยังมาคว่ำเรือฉันไปด้วย พอคราวนี้ฉันได้งานใหม่ คุณก็ดันมาบอกให้ฉันลาออกซะ แล้วฉันจะเชื่อคุณได้ยังไงว่าจะไม่หลอกหรือแกล้งให้ฉันต้องปวดหัวอีก”
“น้อยๆ หน่อยแม่คุณ มันจะดูถูกกันเกินไปแล้วนะ ก็บอกแล้วไงว่าฉันจะจ้างเธอเอง หัดเชื่อเรื่องที่คนอื่นเขาพูดบ้างสิ” เขากล่าวตัดพ้อหล่อน
“ก็วีรกรรมที่คุณทำกับฉันแต่ละอย่างมันน่าให้เชื่อนักนี่” ธารน้ำประชดกลับ “อีกอย่าง...ฉันก็ยังไม่รู้ด้วยว่าจะทำงานให้คุณได้รึเปล่า เพราะฉันเรียนจบบัญชีมา”
“งานพวกนั้นฉันมีคนอื่นทำอยู่แล้ว เธอจะมัวไปนั่งหลังขดหลังแข็งทำไม สู้มาทำในตำแหน่งที่ฉันเสนอให้ดีกว่า สบายกว่ากันเยอะ”
“ตำแหน่งอะไรคะ?” ธารน้ำขมวดคิ้วนิ่วหน้าด้วยความสงสัยเป็นรอบที่ร้อย
พระเพลิงไม่ตอบคำถาม แต่กลับกระตุกข้อมือเล็กให้เข้ามาสู่แผ่นอกกว้างกำยำ มืออีกข้างตวัดโอบกระชับเอวบางไว้มั่น ก่อนจะเลื่อนมือหนาที่กอบกุมมือบางขึ้นมาเชยคางหล่อนให้สบกับแววตากรุ้มกริ่มของเขา
“จะ...จะทำอะไรคะ?” ธารน้ำร้องถามเสียงสั่น
“กำลังจะแสดงให้ดูว่าเธอควรอยู่ตำแหน่งไหนดี” คนตัวสูงเอียงคอกระซิบตอบข้างกกหู
ใบหน้าหวานร้อนผ่าวและกำลังลุกลามไปทั่วทั้งตัว ยามเมื่อแววตาคมทอดมองมาอย่างมีความหมาย
“ตะ...ตำแหน่งอะไรคะ...ทำไมเวลาบอกต้องมีโอบมีกอดกันด้วย”
“ก็เขียนบอกไว้ในใบสมัครแล้วไงว่าให้ทำตำแหน่งเลขา” คนพูดยักคิ้วหลิ่วตา ทำหน้าล้อเลียนใส่
“แล้วงานเลขาที่ว่าเนี่ย...มันต้องถึงเนื้อถึงตัวกับเจ้านายแบบนี้ด้วยเหรอคะ?”
“เลขาสมัยใหม่ หุ้นทางหัวใจ ให้กำไรเป็นความรัก” เขาพูดเสียงนุ่ม เจตนาให้ลมหายใจเป่ารดลำคอขาวผ่อง แล้วค่อยๆ เคลื่อนใบหน้าห่างออกมาอย่างอ้อยอิ่ง
พระเพลิงแทบจะกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่ เมื่อเห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนของอีกฝ่ายที่ทำราวกับจะสำรอกวาจาเลี่ยนหวานหูของเขา
“งั้นฉันขอผ่านค่ะ ไม่ใช่งานถนัด”
“แต่ฉันให้เงินเดือนสูงนะ” เขาพยายามหว่านล้อม
“สูงแค่ไหนก็ไม่เอา” ธารน้ำบอกอย่างหนักแน่น
“สามหมื่นต่อเดือน”
“ฮ้า!!!” ธารน้ำร้องเสียงสูง มองหน้าเขาทันที
“เป็นไง สนใจขึ้นมาบ้างไหม?” พระเพลิงเลิกคิ้วถามอย่างเป็นต่อ
“ก็...” ธารน้ำพูดอะไรไม่ออก ได้แต่หลบตาเขาอย่างนึกละอาย จะให้เธอรีบบอกออกไปว่ารับได้ยังไงล่ะ เพราะเมื่อกี้เธอยังนั่งยันนอนยันกับเขาอยู่เลยว่าไม่ทำ แล้วจะมากลับคำง่ายๆ เพียงแค่เวลาไม่กี่นาที มันก็ดูน่าสมเพชแย่น่ะสิ
“ไม่ต้องคิดมากหรอกน่า” อีกฝ่ายพูดยิ้มๆ ก่อนจะกล่าวเลียนเสียงเธอว่า “ฉันจะแกล้งปิดหูทำเป็นไม่ได้ยินตอนที่เธอบอกว่า ถึงเงินเดือนสูงแค่ไหน ฉันก็จะไม่ทำค่ะ เอาไว้ก็แล้วกัน”
อีตาบ้า! รู้แล้วยังจะแกล้งว่าเราอีก มันน่านัก! ธารน้ำนึกเข่นเขี้ยวเขาซะจริงๆ
เธอมองใบสมัครอีกครั้งอย่างคิดไม่ตก พลางคำนวณรายจ่ายภายในบ้านต่อเดือน ก่อนจะได้ข้อสรุปว่าหากเธอตกลงยอมทำงานนี้ละก็ ต่อให้กินใช้สุรุ่ยสุร่ายก็ยังมีเงินเหลือเก็บอีกเป็นจำนวนมาก หนำซ้ำยังเอาไว้สมทบทุนเป็นค่าเล่าเรียนของน้องได้อีกด้วย ทีนี้พ่อกับแม่จะได้ไม่ต้องลำบากคอยนั่งเครียดว่าจะไปหาเงินมาจากไหนเสียที
แต่ถึงกระนั้นธารน้ำก็ยังไม่มั่นใจในตัวเขาร้อยเปอร์เซ็นต์ซะทีเดียว เธอจึงอยากจะขอถามรายละเอียดบางอย่างอีกสักหน่อย เพื่อความชัวร์!
“ฉันอยากรู้ว่าถ้าฉันยอมไปทำงานกับคุณ จะมีสวัสดิการอะไรให้บ้างคะ?”
“ทุกอย่าง”
“ขออย่างละเอียดค่ะ”
“ขี้เกียจตอบตอนนี้” เขาพูดอย่างเอาแต่ใจ
“ถ้าอย่างนั้นฉันก็ไม่สมัคร” ธารน้ำเชิดหน้าใส่
คนบ้าอะไร กับอีแค่สวัสดิการยังไม่คิด แล้วอิหรอบนี้เธอจะคิดฝากผีฝากไข้กับเขาได้อย่างไรกันล่ะ...
“ทำไม?” คนถูกปฏิเสธชักสีหน้าทันที
“เพราะฉันไม่อยากจะเสี่ยงกับคุณ เกิดวันดีคืนดีคุณบอกว่าเบื่อ ไม่ทำแล้ว ฉันจะทำยังไงล่ะคะ ไม่ต้องเคว้งคว้างกลายเป็นคนไม่มีงานทำเหรอ?”
“เรื่องนั้นจะไม่มีทางเกิดขึ้นเด็ดขาด ฉันสัญญา” เขายืนยันเสียงหนัก
ธารน้ำย่นหน้าครุ่นคิดอย่างหนัก ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเอาอย่างไรดี... จะลองเสี่ยงกับเขาดูดีไหม เพราะค่าตอบแทนที่ได้ก็คุ้มแสนคุ้ม แต่อีกใจก็บอกว่าอย่าเร่งรีบ ให้ค่อยๆ ดูไป งานนะ ไม่ใช่เสื้อผ้ารองเท้า ถึงจะได้เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาวันละสามเวลาหลังอาหาร
ทว่าดูเหมือนพระเพลิงจะมีญาณทิพย์สามารถล่วงรู้จิตใจของธารน้ำเป็นอย่างดี เขาเลยจงใจกระชับวงแขนให้แน่นขึ้น ซ้ำยังโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ๆ เพื่อให้หล่อนเสียการควบคุม จนไม่มีเวลาคิดหาทางบอกปัดเขาได้
“อยู่กับฉันแค่สองคน เป็นตัวของตัวเองหน่อยได้ไหม เลิกดื้อ เลิกรั้นเสียที เธอก็รู้นี่ว่าที่ฉันทำไปทั้งหมดเป็นเพราะอะไร หรือว่าต้องให้พูดชัดๆ กว่านี้ ถึงจะเข้าใจ”
เสียงนุ่มทุ้มอย่างอ่อนหวานที่เปล่งกระซิบชิดริมปากเธออยู่นั้น บ่งบอกถึงความรู้สึกข้างในหัวใจของเจ้าตัวได้ดีทีเดียว เพียงแต่เธอไม่กล้าคิดลึกให้หัวใจของตัวเองต้องมาเจ็บทีหลัง เพราะไม่แน่ใจว่าการที่จู่ๆ เขาก็มาทำดีกับเธอนั้นมันเกิดจากอะไร?
บางทีเขาอาจจะเหงาและว้าเหว่มากเสียจนต้องการใครสักคนก็ได้มาคอยเติมเต็มความรักความเอาใจใส่ มอบกำลังใจให้แก่หลุมที่ลึกโหวงอยู่ในจิตใจ แล้วใครคนนั้นก็ดันเป็นเธอที่บังเอิญเดินผ่านเข้ามาพอดี อีกฝ่ายจึงไม่รอช้ารีบกระโจนไขว่คว้าเอาไว้ก่อน โดยมิได้ตรองดูให้รอบคอบว่า...
สาเหตุที่เธอสำคัญสำหรับเขานั้นเป็นเพราะ...ความรัก หรือ ความเหงา
ตรงกันข้ามกับหัวใจของเธอที่มักเต้นแรงไม่เป็นจังหวะเสียทุกครั้งยามเมื่อมีเขาอยู่ใกล้ๆ จนกระทั่งต้องคอยเตือนตัวเองอยู่เสมอว่า ‘ไฟ’ มิใช่ใครจะเอามือไปจับต้องครอบครองมันได้โดยง่าย หากเรายืนอยู่ห่างๆ ความร้อนจากไฟมันคงช่วยให้อบอุ่นสบาย แต่ถ้าเกิดวันใดเราเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้จนมากเกินควร นอกจากมันจะทำให้เรารู้สึกร้อนรุ่มแล้ว บางทียังอาจจะลุกลามเผาไหม้คนอยู่ใกล้ให้ดับดิ้นอย่างทุกข์ทรมานไปด้วยก็เป็นได้
ธารน้ำมองสบตากับเขานิ่ง...เนิ่นนาน... ก่อนจะตัดสินใจแกะมือหนาออก แล้วพยายามเบี่ยงกายหมายจะให้ตนหลุดพ้นจากการจองจำทั้งทางกายและใจ เพราะไม่อยากจะเอาตัวเข้าไปพัวพันอยู่ใกล้ๆ เขาอีก
ทว่าพระเพลิงก็แก้เกมกลับทันควัน เขาเหนี่ยวแขนรั้งเธอให้แนบชิดติดกันขึ้นไปอีก มืออีกข้างเลื่อนมากอบกุมดวงหน้าหวานเอาไว้อย่างทะนุถนอม ปลายนิ้วบังคับให้หญิงสาวเงยหน้าขึ้นเพียงนิด เพื่อที่เจ้าหล่อนจะได้เห็นแววตามุ่งมั่นและเปี่ยมไปด้วยความจริงใจของเขาอย่างถนัดถนี่
“ถ้าจะปฏิเสธ ก็ไม่ต้องพูด” ชายหนุ่มทอดเสียงบอกอย่างเว้าวอน “ฉันจะให้เวลาเธอคิดสักหนึ่งคืน แล้วพรุ่งนี้ฉันจะไปรับเธอที่หน้าบ้าน ตกลงนะ”
ธารน้ำยังไม่ทันจะได้ตอบตกลงหรือพยักหน้ารับอะไรทั้งสิ้น เขาก็จรดริมฝีปากหยักร้อนลงบนหน้าผากเกลี้ยงเกลาอย่างแผ่วเบา ไฟที่คราแรกเธอคิดว่าน่าจะร้อนระอุกลับให้ความรู้สึกอบอุ่นซาบซ่านไปถึงขั้วหัวใจเลยทีเดียว
“คนขี้โกง เล่นพูดแบบนี้ ฉันก็ไม่กล้าปฏิเสธกันพอดี” หญิงสาวบ่นพึมพำ แต่คนหูดีก็ยังได้ยินชัดทุกถ้อยทุกคำ เขาจึงคลี่ยิ้มละมุนส่งมาให้เธอ
ธารน้ำมองภาพแห่งความงดงามตรงหน้า แล้วก็ต้องถอนหายใจอย่างยอมแพ้ พลางหวนกระหวัดไปถึงคำพูดที่เขาเคยบอกกับเธอในทำนองที่ว่า เธอคือส่วนเติมเต็มซึ่งก้าวเข้ามาในชีวิตเขา...
ถ้านั่นคือความรู้สึกอันแท้จริง ไม่ว่าเขาจะเริ่มต้นมันเพราะรสจูบอันแสนหวานในยามค่ำคืน หรือจะเป็นเพราะกำลังใจที่เธอมีให้อย่างอบอุ่นในตอนที่เขารู้สึกอ้างว้างก็ตามแต่ มีเพียงสิ่งเดียวที่ธารน้ำรับรู้ได้ก็คือ...
เขากับเธอคิดไม่ต่างกัน
ฉะนั้นเธอจึงอยากจะขอให้ความปรารถนาดีที่ก่อเกิดขึ้นและจะมากมายต่อไปนับจากนี้ได้หล่อหลอมหัวใจทั้งสองเข้าไว้ด้วยกันให้กลายเป็นหนึ่งเดียว และหากวันใดที่ความรู้สึกนี้กล้าแข็งขึ้น เธอก็หวังให้มันแกร่งดั่งดวงใจเพชร ไม่ว่าจะผ่านร้อน ผ่านหนาว หรือต้องลมเจอพายุฝนสักเพียงใด ใจสองดวงที่สอดประสานกันอยู่นี้ก็จะไม่มีวันแยกจากไปไหน…
โปรดติดตามตอนต่อไป...
รีบมาลงต่อให้อย่างเร็ว
แล้วขอแวบพาแมวไปหาหมดก่อน
ไรเตอร์เป็นทาสแมวจริงจังมากกกกกกก
ใครสนใจหรือยังอ่านไม่จุใจ สามารถโหลดได้ที่ร้านอีบุ๊คชั้นนำนะคะ
รีบไปโหลดเก็บไว้ตามลิงก์นี้เลยค่า
ช่วงนี้มีโปรดีๆ ราคาถูกๆ อีกแล้ว
อย่าพลาดน้าาา!
![]() |
|
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

19 ความคิดเห็น
-
#16 loveningyou (จากตอนที่ 32)วันที่ 23 กรกฎาคม 2560 / 08:56ว้าวๆด็อกเตอร์#161
-
#16-1 ชมจันท์ / ณวภร(จากตอนที่ 32)23 กรกฎาคม 2560 / 10:29ฮีเป็นพวกคมในฝักค่า#16-1
-