ตอนที่ 19 : ตอนที่ 11. เหนื่อยกาย ลำบากใจ 1/2
ร่างสูงนอนเหยียดกายเต็มความยาวบนโซฟาตัวใหญ่ สายตาก็คอยลอบมองร่างบางกวาดพื้นบ้านอย่างเหน็ดเหนื่อย แปลก...ทั้งๆ ที่เขาน่าจะรู้สึกเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันคนจองหองอย่างหล่อน ซึ่งทำเป็นอวดฉลาดริอ่านมาสั่งสอนคนอย่างเขาเสียมากกว่า ทว่าพระเพลิงกลับบังเกิดความอบอุ่นวูบวาบขึ้นมาในจิตใจโดยไม่ทราบสาเหตุ ใบหน้าละมุนที่มีเม็ดเหงื่อเกาะพราวอยู่ตามขมับกำลังดึงดูดความสนใจของเขา จนไม่อาจจะละสายตาได้
พระเพลิงมองดูหญิงสาวทำนู้นทำนี่ไปเรื่อยๆ กระทั่งหล่อนเดินหายแวบขึ้นไปชั้นบนพร้อมไม้กวาดและที่ตักผง เขาจึงรีบดีดตัวลุกขึ้น เดินชะโงกหน้ามองหาคนที่คล้อยหลังไปเพียงแค่อึดใจ
“มองอะไรคะ?” เสียงหวานๆ ที่ถามกลับมา เล่นเอาคนไม่ทันคาดว่าหล่อนจะยังหยุดยืนอยู่ตรงปลายบันไดขั้นบนถึงกับสะดุ้ง
“ก็มองคนขี้ขโมยไงละ” พระเพลิงทำเป็นมองเมิน ด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะเห็นตัวตนของหล่อนสะท้อนอยู่ในแววตาของเขา แล้วจะล่วงรู้ได้ว่าเขากำลังให้ความสนใจหล่อนอยู่
“พูดให้ดีๆ นะคะ ฉันไปขโมยอะไร?” คนถามหน้าหงิกงออย่างไม่พอใจ “คุณอย่ามาหาเรื่องกันสิ”
“ถึงตอนนี้ยังไม่ได้ขโมย แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่าขากลับลงมา เธอจะแอบหยิบนู้นซุกนี่ติดมือมาด้วยรึเปล่า”
“ไร้สาระ! ถ้าคุณหวงสมบัติมากขนาดนั้นละก็ เดี๋ยวก่อนกลับ ฉันจะยืนให้คุณค้นตัวทุกซอกทุกมุมเลยดีไหมคะ?”
“ขอให้จริงเถอะ” คนพูดหรี่ตามองหล่อนเป็นประกาย
แม้ไม่ต้องทำมือทำไม้แสดงท่าทางประกอบ พระเพลิงก็รู้ดีว่าหล่อนทราบถึงความหมายที่ตนสื่อออกไปอย่างชัดแจ้ง ไม่อย่างนั้นเจ้าหล่อนจะหน้าแดงทำไมกัน ถ้ามิใช่เพราะกำลังคิดถึงขั้นตอนการตรวจค้นร่างกายวัยสาวด้วยฝ่ามืออันร้อนระอุของเขา
ยิ่งเมื่อเขากระตุกยิ้มยั่วขึ้นที่มุมปาก คนที่ยิ่งอับอายก็พลันรีบเปลี่ยนเรื่องไปในทันที
“บ้า! ฉันไม่ให้คนมือไวอย่างคนมาค้นตัวหรอก”
หล่อนยังไม่ทันจะพูดจบดี ก็รีบหมุนกายเดินหนีไปเสียดื้อๆ ทำให้คนยืนยั่วอยู่เบื้องล่างอมยิ้มนิดๆ เมื่อทันได้เห็นริ้วรอยแดงซ่านที่เกิดจากความขัดเขินของอีกฝ่าย
ชายหนุ่มเดินกลับมานั่งบนโซฟาตัวเดิมด้วยความเปี่ยมสุข เขายอมรับกับตัวเองอย่างไม่อายว่า การได้นั่งมองหญิงสาวทำงานไปเรื่อยๆ แบบนี้ มันก็ดูเพลินตาเพลินใจไปอีกแบบ รอยยิ้มจากเรียวปากหยักเชิดฉีกกว้างเป็นครั้งแรก หลังจากที่ต้องขับเคี่ยวกับยายแม่มดร้ายมาตั้งแต่เมื่อคืน
เพราะอะไร...ทำไมกัน... เขาจึงเริ่มจะตระหนักว่า ความรู้สึกในครั้งนี้มันดูพิเศษแตกต่างออกไปจากครั้งก่อนๆ เพียงแค่ได้เห็นใบหน้าเรียบเนียนตั้งอกตั้งใจทำงานของเธออย่างขะมักเขม้น เขากลับคิดว่าตัวเองได้เห็นแววตามุ่งมั่นน่ายกย่องในตัวหล่อน
แล้วพอนึกย้อนถึงวันคืนเก่าๆ ก็สังเกตเห็นว่า เขามักจะได้เจอะเจอกับหล่อนทั่วทุกสารทิศ แตกต่างกันไปตามแต่ละอาชีพ ทั้งเป็นเด็กเข็นผักส่งของเอย เป็นวินมอเตอร์ไซค์เอย ล่าสุดก็ยังเป็นแม่บ้านทำความสะอาดเรือนของเขาอีก พระเพลิงเลยสามารถให้ข้อสรุปถึงความสงสัยของตนก่อนหน้านี้แบบฟันธงได้ว่า
หล่อนเป็นพวกรับจ้างทั่วราชอาณาจักรแน่ๆ
สิ่งนี้กระมังทำให้คนที่เคยผ่านงานสารพัดมาบ้างเมื่อครั้งอาศัยอยู่อเมริกาอย่างเขาเกิดประทับใจ
ก็ใช่! เขาเอาเงินของพ่อที่ส่งไปให้เลี้ยงดูปูเสื่อเพื่อนๆ จนหมด อย่างที่เมียของท่านตราหน้าว่า ‘ผลาญ’ นั่นแหละถูกต้อง ทว่าส่วนที่เอาไว้จับจ่ายใช้สอยเรื่องส่วนตัว เขาคนนี้มีความภูมิใจเป็นหนักหนาที่มิได้แบบมือขอท่านเลยแม้แต่สตางค์แดงเดียว เขาหามันมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตนเองล้วนๆ เขาจึงนึกชื่นชมและชอบในความขยันขันแข็งของสาวสู้ชีวิตตรงหน้าอยู่ไม่น้อย
พระเพลิงยิ้มขัน อดคิดไม่ได้ว่าสงสัยเขาคงจะเหงามากเกินไป ไม่มีอะไรทำ เลยเฝ้าวิเคราะห์ชีวิตของหล่อนได้เป็นฉากๆ อย่างนี้
เอี๊ยด...อ๊าด...
เสียงฝีเท้าที่เดินลงบันไดไม้มาอย่างแผ่วเบา ทำให้พระเพลิงหลุดจากภวังค์ พลางเหลียวมองไปทางต้นเสียง จึงได้พบว่าหญิงสาวปัดกวาดด้านบนเรียบร้อยแล้ว เธอเหลือบมองดูนาฬิกาตู้โบราณ ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำสักประเดี๋ยว แล้วจึงหิ้วถังใส่น้ำใบย่อมและไม้ถูพื้นกลับออกมา
ธารน้ำลงมือเช็ดพื้นเป็นขั้นตอนสุดท้ายอย่างคล่องแคล่ว ใช้เวลาเพียงไม่นานทั่วทุกซอกทุกมุมตั้งแต่ชั้นบนยันชั้นล่างก็สะอาดเอี่ยมอ่อง หญิงสาวยืดตัว ยกมือปาดเหงื่อที่ชื้นหน้าผาก จากนั้นก็นำอุปกรณ์ไปซักล้างและนำไปเก็บไว้ให้เรียบร้อย เหลือเพียงแค่เทน้ำในถังอีกอย่างเดียว จึงหันมาบอกกับเจ้าของบ้านว่า
“คุณพระเพลิงคะ ฉันทำความสะอาดทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขอตัวกลับเลยนะคะ”
คนรับสารขมวดคิ้วนิ่วหน้าไม่สบอารมณ์ทันที
เขายังไม่อยากให้เธอไป!
ถ้าไม่มีเธออยู่ เขาก็ต้องนั่งเหงาหาวนอนอยู่คนเดียวอีกน่ะสิ ใครจะยอมให้เป็นอย่างนั้นละ...
พระเพลิงลุกขึ้นเดินตรงปรี่เข้าไปหาคนที่กำลังก้มหน้าจะหยิบถังไปเทน้ำทิ้ง แล้วทันใดนั้น! ขาแข็งแรงก็เตะตวัดมันเข้าดังโครมใหญ่ ผลคือน้ำครำสีดำสกปรกสาดกระจายไปทั่วอาณาบริเวณที่เพิ่งจะเงาวับอยู่เมื่อครู่
“คุณพระเพลิง!?” ธารน้ำร้องตะโกนอย่างตื่นตะลึง
แต่เจ้าตัวกลับยักไหล่ไม่แคร์ หนำซ้ำยังยกมือกอดอกยืนดูผลงานของตนอย่างไม่รู้ไม่ชี้ ก็เธอดันจะกลับทำไมล่ะ เขาก็เหงาน่ะสิ ฉะนั้นถ้าต้องการให้เธออยู่ต่อนานกว่านี้ เขาก็ต้องคอยถ่วงแข้งถ่วงหาให้งานมันเสร็จช้าลงเท่านั้น...ช่วยไม่ได้!
“คุณทำเกินไปแล้วนะคะ จะแกล้งอะไรฉันก็ควรมีลิมิตกันบ้างสิ อย่างนี้ฉันก็กลับไปเข็นผักส่งไม่ทันกันพอดี” ธารน้ำหันมาขึงตาใส่เขา คราวนี้เธอโกรธขึ้นมาจริงๆ แล้วนะ
“ไปไม่ทัน ก็ไม่ต้องไปสิ” คนเกเรพูดแบบไม่รับรู้รับเห็นความเดือนร้อนของเธอเลยสักนิด ธารน้ำเลยยิ่งโมโหจนควันแทบออกหู
“ได้ยังไงกันคะ แบบนี้คราวหลังจะมีใครเขามาจ้างฉันล่ะ” เธอโวยวาย พร้อมทั้งรีบหาผ้ามาซับน้ำที่เจ่อนองไปทั่ว ตาก็เหลือบมองดูนาฬิกา เพื่อเร่งมือให้ทันกับเวลาที่เดินไปเรื่อยๆ
“เขาไม่จ้าง เดี๋ยวฉันจ้างเอง เอาไหมล่ะ?” พระเพลิงถามทีเล่นทีจริง
ธารน้ำหยุดมือ แล้วเงยหน้ามองเขา ก่อนจะเอ่ยเสียงเครียด
“อย่ามาพูดเล่นแบบนี้นะคะ คนรวยคุณไม่เข้าใจหัวอกของคนจนๆ อย่างพวกเราหรอก ถึงเราจะทำงานเพื่อแลกกับเศษเงินเพียงเล็กๆ น้อยๆ แต่เราก็มีความภูมิใจและมีความรับผิดชอบในหน้าที่ ไม่ใช่ว่าจะรับเงินมาจากใครก็ได้หรอกนะคะ” เธอแอบอาศัยจังหวะนี้พูดกระทบคราดอีกฝ่ายไปในตัวซะเลย
“ก็ดี ถ้าเธอเป็นคนอย่างที่ปากพูดมาละก็ งั้นช่วยเช็ดน้ำที่ฉันทำหกให้สะอาดด้วยละ” พระเพลิงเหยียดยิ้มหยัน
ทว่าข้างในลึกๆ กลับตรงกันข้าม ทันทีที่ได้เห็นความเหนื่อยยากของหญิงสาวตรงหน้า ความรู้สึกผิดก็พลันจู่โจมเข้าหาเขาอย่างรวดเร็ว แต่จะทำยังไงได้ล่ะ... ในเมื่อเขาทำไปแล้ว และที่สำคัญเขาไม่อยากถูกทิ้งไว้ให้นอนเกลือกกลิ้งไปมาตามลำพังนี่นา แม้จะรู้ว่ามันไม่ดี ไม่ควรทำ แต่เขาก็ยังตั้งใจว่าจะรั้งเธอเอาไว้จนกว่า...
พระอาทิตย์จะตกดินก็แล้วกัน
อย่างน้อย...ขอแค่มีคนให้คอยต่อล้อต่อเถียงด้วยทั้งวัน ก็ยังดีกว่าต้องนั่งน้ำลายบูดอยู่คนเดียวละ
เพราะเหตุนี้คนเกเรชอบเอาแต่ใจจึงเดินกลับไปทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาเหมือนเดิม รอเวลาให้หล่อนทำความสะอาดเสร็จ เขาจะได้หาเรื่องป่วนหล่อนอีกครั้ง
ธารน้ำเทียวเงยหน้าดูนาฬิกาอยู่หลายรอบ ในระหว่างที่เธอนั่งเช็ดถูพื้นเรือนไปด้วย หลังจากห้องนั่งเล่นกลับมาสะอาดสะอ้านดังเดิมอีกคราว ก็เป็นเวลาเกือบจะเที่ยงวันแล้ว
หญิงสาวรีบปาดเหงื่อที่ไหลหยดย้อยลงมาข้างขมับอย่างลวกๆ เตรียมตัวจะไปทำงานอย่างอื่นต่อ แต่ก่อนจะไปเธอจำต้องบอกลาเขาเสียหน่อย ไม่ยังงั้นจะเป็นการเสียมารยาท สองขาเรียวงามพาธารน้ำมาหยุดยืนตรงโซฟาที่เขาเอนกาย
ดูเขาสิ นอนกะดิกเท้าเป็นคุณชายเชียวนะ มันน่าโดนทุบสมองนัก ฮึ่ม!!!
จะได้เปลี่ยนนิสัยแย่ๆ ให้กลายเป็นผู้เป็นคนเหมือนมนุษย์ปุถุชนแบบคนอื่นเขาเสียที
แต่ก็นั่นแหละ...เธอคงจะได้แค่คิด ไม่กล้าทำหรอก เพราะเดี๋ยวตัวเองจะเดือดร้อนมากกว่าที่เป็นอยู่
“คุณพระเพลิงคะ…” ธารน้ำอ้าปากจะบอกลาขาดจากเจ้าตัว แต่ดูเหมือนว่าเขาจะรู้แกวเลยแกล้งเปิดปากร้องโวยวายแทรกขึ้นมา
“โอ๊ยยย หิวข้าว กลางวันนี้ไม่มีอะไรให้กินเลย ยายแป้งก็มั่วแต่ไปรับใช้คนที่ตึกใหญ่นู่น ไม่เคยมาดูดำดูดีคนเรือนนี้เล้ยยย” พระเพลิงยกมือกุมท้อง นอนดิ้นพล่านๆ เรียกร้องความเห็นใจ
มันไม่ได้ดูน่ารักเลยสักนิด!
ธารน้ำนึกค่อนขอดเขาในใจอย่างเข่นเขี้ยว ก่อนจะกรอกตาไปมาอีกคราว
“งั้นเดี๋ยวขากลับ ฉันจะแวะไปบอกให้พี่แป้งมาทำกับข้าวให้คุณทานนะคะ” เธอเอ่ยบอกเขาแกนๆ ก่อนจะเดินไปหน้าประตู ลากเก้าอี้ไม้ไปไว้ด้านข้าง แล้วเอื้อมมือขึ้นไปหมายจะปลดกลอน
ทว่า...คนที่กำลังหลีกเลี่ยงการอยู่คนเดียวกลับไม่ยอม พระเพลิงลุกพรวดจากโซฟาเดินเพียงสองก้าวก็ฉวยคว้าข้อมือเล็กเอาไว้ได้ เขากระหวัดร่างบางเข้ามาหา ก่อนจะรีบพลิกด้านหันกลับให้แผ่นหลังของตนติดอยู่กับบานประตู
“เอ๊ะ! อะไรกันอีกล่ะคะ?” ธารน้ำเริ่มแสดงท่าทางไม่พอใจ ร้องถามเขาเสียงขุ่นจัด
“ฉันยังไม่อนุญาตให้เธอกลับ เพราะฉะนั้นเธอยังไปไม่ได้!” เจ้าตัวสั่งเสียงเฉียบ สีหน้าขึงขัง
“แต่ฉันทำงานให้คุณเสร็จแล้ว”
“ใครบอก เธอยังมีหน้าที่ต้องทำกับข้าวให้ฉันกินอีกอย่าง” เขาพูดหน้าตาย
“เรื่องนั้นฉันก็บอกไปแล้วไงคะว่า เดี๋ยวฉันจะไปตามพี่แป้งมาทำให้”
“ไม่เอา ขืนให้ฉันรอยายแป้งมาทำกับข้าวละก็ ป่านนั้นฉันคงหิวไส้ขาดไปแล้ว”
“แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไง?” เธอเอ่ยถามอย่างอ่อนใจ
“เธอก็ไปทำให้ฉันกินแทนสิ”
“คุณจะบ้ารึไง ฉันบอกว่าฉันต้องไปทำงานที่อื่นต่อ เบี้ยวไม่ได้ แล้วจะให้ฉันมัวมานั่งเสียเวลาทำกับข้าวให้คุณกินอีกได้ยังไงล่ะ” ธารน้ำแหววใส่เขาเพราะหงุดหงิดเต็มแก่
“แต่ฉันหิว เพราะฉะนั้นฉันบอกให้เธอไปทำ ก็ต้องทำ อย่ามัวยืดยาด!”
“คุณคะ...” ธารน้ำถอนหายใจแรงๆ “มีเหตุผลหน่อยได้ไหม ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ว่างจริงๆ คุณจะมาบังคับฉันอย่างนี้ไม่ได้นะคะ”
หญิงสาวไม่รอให้เจ้าตัวพล่ามอะไรได้อีก รีบใช้สองมือดันตัวเขาไปด้านข้าง เพื่อจะฉวยโอกาสนี้แทรกตัวออกไป แต่ไม่ว่าจะผลักจะดุนจะดันขนาดไหน...เท่าไร...กายหนาสูงใหญ่ก็ไม่ยอมขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวเลยสักนิด กระทั่งธารน้ำหมดแรงไปเสียเอง
“อย่าพยายามเลย เพราะฉันจะไม่ยอมขยับไปไหนทั้งนั้น จนกว่าเธอจะไปทำกับข้าวให้ฉันกินก่อน”
ถึงตอนนี้แม้เธอจะเปิดปากปฏิเสธอย่างไรก็คงหมดหวังเสียแล้วกระมัง ในเมื่อพ่อคนมากเรื่องเรื่องมากยืนกรานเสียงแข็งว่าเธอต้องทำ มิหนำซ้ำยังยืนปิดทางเข้าออกเอาไว้ด้วย แล้วเธอจะแทรกกายผ่านยักษ์ปักหลั่นออกไปได้อย่างไร นอกจากจะต้องทำตามที่เขาสั่งนั่นแหละ
เมื่อไม่มีทางเลือก ธารน้ำจึงได้แต่ยืนจับจ้องมองเขาเขม็ง ก่อนจะสะบัดหน้าพรืดเดินหันหลังกลับเข้าไปในครัว คิดเสียว่ารีบๆ ทำกับข้าวให้เขาทานก็แล้วกัน จะได้หมดเวรหมดกรรม รีบไปทำงานของตัวเองเสียที
กระนั้นคนที่ดูจะไม่อนาทรร้อนใจกับท่าทีขัดเคืองของเธอเลยก็เอ่ยไล่หลังตามมาให้ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดว่า
“เห็นไหมล่ะ ยังไงเธอก็ต้องทำ สู้รีบๆ ลงมือให้มันเสร็จๆ ไปซะ จะได้ไม่ต้องมานั่งเหนื่อยให้เสียเวลา”
โปรดติดตามตอนต่อไป...
โอ๊ยยยยยยยย
ใครอยากตบวิธีรั้งสาวของพ่อพระเพลิงบ้างคะ
หมั่นไส้มากก็ตบรัวๆๆๆได้เลยค่ะ ไรฯไม่ว่า
(ขอฝากตบเผื่อไรอีกสัก 2 ปาดนะคะ 555)
มาตามกันต่อว่าตอนหน้าหนุน้ำของเราจะได้ไปเข็นผักต่อมั้ย หุหุ...
ใครสนใจหรือยังอ่านไม่จุใจ สามารถโหลดได้ที่ร้านอีบุ๊คชั้นนำนะคะ
รีบไปโหลดเก็บไว้ตามลิงก์นี้เลยค่า
พรุ่งนี้มีโปรเด็ดลดแรงเหลือ 199 จากราคาเต็ม 300
2 วันเท่านั้นนะคะ ของดีมีไม่เยอะ
ชอบแล้วโหลดเลยจ้าาาา
![]() |
|
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
