ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ KIHAE-KYUMIN ] Heartless II.. หากจะเกิดมาไร้หัวใจ *

    ลำดับตอนที่ #15 : |; chapter 12

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 993
      8
      30 ม.ค. 53

    HEARTLESSII… หากจะเกิดมาไร้หัวใจ    *

    Leading Couple.. Kibum x Donghae

    Written By... PRETTY.KKZ

    08/00/2552   11.30 AM.

     

     

     

    Part 12

     

    .

    .

    .

    .

     

     

     

     

     

    ดอกกุหลาบสีแดงเริ่มแห้งเหี่ยวแต่ยังคงสภาพเดิมไว้ภายในหนังสือเล่มหนา

    มือเรียวบรรจงหยิบมันออกมาก่อนที่จะพินิจมองไปตามกิ่งก้านสีน้ำตาลแซมเขียว

    ใบหน้าเนียนละเอียดภายใต้กรอบแว่นสีดำระบายยิ้มออกมาเพียงเล็กน้อย

    นิ้วมือวนไล้ไปตามกิ่งก้านและกลีบดอกที่เริ่มโรย..

     

    แฟ้มเอกสารกองโตวางเรียงขึ้นนับสิบเล่ม

    ฮันคยองถอนหายใจออกมาแรงๆก่อนที่จะพลิกอ่านข้อมูลทีละหน้า

    ความง่วงเหงาก็เข้าคุกคามให้สมองทำงานเริ่มอ่อนล้า

    เที่ยงคืนกว่าแล้ว คุณหมอคนขยันก็ยังไม่ได้กลับบ้าน

    ทั้งๆที่ความเป็นจริงโรงพยาบาลอนุญาติให้เขากลับบ้านได้ตั้งแต่หกโมงเย็นแล้วก็ตาม

     

    เปลือกตาบางค่อยๆเปิดขึ้นท่ามกลางความมืดสนิท

    เสื้อสูทของใครสักคนห่มคลุมร่างของเขาเอาไว้ให้เกิดความอบอุ่น

    แรงสั่นสะเทือนเล็กน้อยจากบรรยากาศรอบข้างทำให้ฮันคยองแน่ใจว่า

    ที่นี่ไม่ใช่ที่โรงพยาบาล แล้วก็ไม่ใช่ที่บ้านของเขาเช่นกัน

    ร่างโปรงขยับตัวขึ้นมากระพริบตาเพื่อปรับแสงจนภาพข้างหน้าฉายชัด

    ชายหนุ่มร่างสูงที่เขาน่าจะคุ้นเคยดีกำลังใช้สมาธิในการขับรถ

    ดวงตาคมเพ่งมองไปตามพื้นถนนข้างหน้าที่มืดมิดก่อนที่จะหันมาคลายยิ้มให้เขาบางๆ

     

     

                คุณนี่ดื้อจริงๆ บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้รีบๆกลับบ้าน มีเวลาให้วิเคราะห์งานทั้งเดือน

                จะรีบทำไปทำไมก็ไม่รู้ ไม่ได้ส่งวันนี้พรุ่งนี้สักหน่อย

     

                กลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วที่วันนี้ฮันคยองได้เข้ามาอยู่ภายในรถยนต์ส่วนตัวของอีกฝ่าย

                เมื่อไรที่เขาต้องฟุบหลับคาโต๊ะทำงาน ซีวอนจะเป็นคนพาเขากลับบ้าน

                แต่วันนี้กลับดูเหมือนว่ากำลังจะออกนอกเส้นทางเสียแล้ว

                ถนนรอบข้างกลับไม่ได้ดูคุ้นเคยอย่างเช่นทุกวัน

     

                ซีวอนกำลังจะพาเขาไปไหน ?

     

     

                เราจะไปไหนกัน?

                ไวเท่าความคิด ร่างโปร่งพลั้งปากถามออกไปด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก

                ซีวอนหัวเราะขึ้นมาก่อนที่จะส่ายหน้าไปมาเบาๆ

                นิ้วมือเย็นค่อยๆลูบหน้า จัดทรงผมที่ไม่เป็นทรงก่อนที่จะก้มลงอย่างอายๆ

     

     

                คุณนี่ช่างหวาดระแวงจัง

     

     

                คุณก็รู้นี่นา...ว่าคนที่เราไม่ค่อยคุ้นเคยก็ไม่ควรจะไว้ใจ

     

     

                แล้วผมกับคุณนี่เรียกว่าไม่คุ้นเคยกันหรอครับ?

                ใบหน้าหล่อเหลาหันมาเอียงคอถามอีกครั้งก่อนที่จะเลิกคิ้วรอคำตอบ

                ฮันคยองส่ายหน้าไปมาเนือยๆ ก่อนที่จะยักคิ้วให้

                ส่งมือบอกใบ้เป็นนัยๆเพื่อปัดความเข้าใจผิดของอีกฝ่ายทิ้งไป

     

     

                ผมก็ไม่ได้พูดอย่างนั้นสักหน่อยนี่

                เว้นช่วงเวลาเอาไว้ในระยะหนึ่ง ท้องถนนทั้งมืดและเงียบ

                ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดวิสัยของเมืองหลวงที่เคยมีแต่ความวุ่นวายเช่นกรุงโซล

                จิตแพทย์คนเก่งแค่นไอออกมาเบาๆ ก่อนที่จะส่งยิ้มแหยๆให้อีกฝ่าย

                มือหนาหยิบซองยาที่เพิ่งซื้อมาหมาดๆส่งให้คนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ

                ดวงตาเล็กจึงมองตามอย่างสงสัย

     

     

                ไม่เห็นจำเป็นนี่ครับคุณซีวอน...ที่คอนโดของผมก็มียาประเภทนี้

     

     

                แต่ที่บ้านของผมไม่มีนี่ครับ

                เมื่อสิ้นเสียง ร่างโปร่งจึงกรอกตาไปรอบๆ

                ถึงแม้ภายนอกจะมืดมิดและวังเวงอยู่มากนัก

                แต่แสงไฟอ่อนๆจากสิ่งก่อสร้างตรงหน้าก็พอจะทำให้ฮันคยองเดาได้ว่า

                เบื้องหน้าของเขาที่หยุดอยู่นี้...คือ บ้านหลังเล็กๆของคุณหมอซีวอน

     

     

                วันนี้คุณมีไข้นิดหน่อยคงเพราะทำงานหนักเกินไป อยู่คนเดียวก็คงลำบาก

                พักที่บ้านของผมสักคืนคงไม่เป็นไรหรอกนะ ...แล้วนี่มันก็ดึกมากแล้ว

                ถ้าคุณกลับไปคนเดียว กว่าจะจัดการอะไรๆที่คอนโดเสร็จก็คงจะไม่ได้นอนกันพอดี

     

                จริงอย่างที่ซีวอนว่าไม่มีผิด..

                จิตแพทย์เจ้าระเบียบอย่างฮันคยองมักจะเห็นสิ่งของวางระเกะระกะไม่ได้

                จะต้องเอื้อมมือไปปัดเช็ด จัดเข้าที่เข้าทางให้ดูเป็นระเยียบเรียบร้อย

                ร่างสูงใหญ่หันมายิ้มให้อีกครั้งก่อนที่จะลงรถ

                ฮันคยองยกยิ้มคนเดียวบางๆด้วยความรู้สึกดีแบบแปลกๆ

                เพราะคุณหมอซีวอนเป็นคนอ่อนโยนเช่นนี้เสมอมากับเขา

                โดยที่เขาไม่รู้เลยว่า...

                คุณหมอซีวอนก็เป็นเช่นนี้กับคนอื่นๆเหมือนกัน

     

     

     

     

    --------------------------------------------------------------------------

               

     

     

    สามวันแล้วที่ทงเฮต้องนอนพักอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมกว้างนี้อย่างโดดเดี่ยว

    มีคุณยองอุนเท่านั้นที่เข้ามาทักทายพร้อมกับกระเช้าผลไม้บ้าง

    เป็นเพราะกิจการของทางต้นตระกูลนั้นกำลังเสียหาย จึงต้องใช้กำลังสมองของทุกๆคนเข้าร่วมแก้

     

    คุณคิมจองซู...เจ้านายของทงเฮคงกำลังเหน็ดเหนื่อยและไม่มีทงเฮคอยรับใช้

    ส่วนคุณชายตัวดีที่มีมันสมองเป็นอัจฉริยะกลายเป็นกำลังสำคัญในหารแก้ปัญหาไปโดยปริยาย

    คุณยองอุนเข้ามาบอกหลายครั้งแล้วว่า ตอนนี้ที่ในบ้านหรือนอกบ้านก็มีความวุ่นวายไม่ต่างกัน

    คุณหนูซองมินเริ่มเก็บตัวอยู่แต่ในห้องอีกครั้ง ซ้ำร้ายยังมีอารมณ์แปรปรวน ขว้างปาข้าวของ

    วันดีคืนดีก็กรีดร้องขึ้นมาแล้วก็ต้องปล่อยให้เธอหยุดไปเองเพราะขาดคนควบคุม

    ถึงแม้จะมีซันนี่คอยอยู่ดูแลก็ตาม..แต่คุณหนูซองมินก็ไม่ชอบหน้าซันนี่เท่าไรนัก

     

     

    กว่าที่คิบอมจะกลับเข้ามาภายในโรงพยาบาลอีกครั้ง

    เข็มสั้นของนาฬิกาก็เลยเลขสิบสองออกไปสักหน่อยแล้ว

    เที่ยงคืนสี่สิบห้านาที..

    เวลาที่คนไข้ควรจะพักผ่อนเนื่องจากต้องฟื้นฟูสภาพร่างกาย

    หากแต่อีทงเฮยังคงนอนลืมตาอยู่ท่ามกลางความมืดมิด

    ร่างสูงถอดชุดสูทออกก่อนที่จะเข้าไปล้างหน้าล้างตาภายในห้องน้ำแล้วทิ้งตัวลงบนเตียงเฝ้าไข้

    แขนแกร่งข้างหนึ่งยกขึ้นก่ายหน้าผาก อีกข้างถือหนังสือเล่มเล็กๆเอาไว้ในมือ

    เปลือกตาหนาปิดลงอย่างอ่อนล้า ..ไวกว่าที่ใจคิด ทงเฮค่อยๆลุกขึ้นมาจากเตียงผู้ป่วย

    นอนพักมาหลายวันก็พอจะทำให้มีเรี่ยวมีแรงบ้างแล้ว อาการเจ็บปวดตามเนื้อตัวก็ทุเลาลงไปเยอะ

    ทำให้ไม่เป็นอุปสรรคต่อการเดินเหินเช่นหลายวันก่อน

     

    ร่างบางค่อยๆลากเสาน้ำเกลือเดินไปตามทางอย่างเชื่องช้า ก่อนที่จะหยุดฝีเท้าลง

    เอื้อมมือออกไปหมายจะดึงผ้าห่มให้คลุมร่างของคนตรงหน้าเอาไว้ด้วยเกรงว่าจะหนาว

    หากแต่พอคิดย้อนไปถึงเรื่องเก่าๆ ทำให้ทงเฮแทบจะโก่งคออาเจียนออกมาเสียจนได้

    คุณชายคิบอมทำทุกอย่างได้รุนแรงเกินกว่าที่ทงเฮจะให้อภัยได้ในเวลาเพียงเท่านี้..

     

    คนตัวเล็กหันหลังกลับทันที่พร้อมทั้งตั้งใจเอาไว้แล้วว่าคงจะต้องไม่สนใจคนพันนี้อีก

    หากแต่ยังไม่ทันก้าวขาออกจากที่ตรงนั้น กลับมีแรงหนึ่งดึงรั้งเขาไว้เบาๆ

     

    โครม !

    เสาน้ำเกลือล้มลงพร้อมทั้งกระชากเข็มที่ทิ่มลงบนข้อมือซ้ายออก

    แผลเล็กๆกลับขึ้นสีแดงขึ้นมาเพราะโลหิตต่างค่อยๆไหลรื้น

    คนตัวเล็กทรุดลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง ร่างทั้งร่างจึงค่อยๆสั่นสะท้าน

     

     

                ทงเฮ...ทงเฮ...

                ร่างสูงคุกเข่าลงกับพื้นหากแต่ไม่มีส่วนใดสัมผัสกับร่างกายของทงเฮแม้แต่นิดเดียว

                คิบอมกลัวว่า ถ้าเขาจับต้องร่างกายของทงเฮอีก ทงเฮอาจจะต้องหวาดกลัวว่านี้อีกหลายเท่า

                ใบหน้าขาวกลับซีดเผือด ริ่มฝีปากสั่นระริก ก่อนที่จะมีหยาดน้ำใสเอ่อล้นท่วมดวงตา

               

     

                ฮึก..ไป...ไปให้ไกลทงเฮ...

                ร่างบางเค้นเสียงออกปากสั่งให้อีกฝ่ายหลบหลีกไปให้พ้น

                สีหน้าของคิบอมกลับชาเฉย หากแต่เมื่อมองเข้าไปในดวงตาสีรัตติกาลนั้นแล้ว

                กลับพบถึงความอ่อนโยน อ่อนไหวอยู่ไม่น้อย..

     

                คิบอมกำลังจะแพ้ความอ่อนแอของทงเฮแล้วหรือนี่ ?

     

     

     

                ทงเฮ...บอกให้ไปให้ไกลไงฮะ...

     

     

                ไม่ได้...ฉันจากเธอไปไหนไม่ได้หรอก

                ทงเฮสะอึกเงียบไปชั่วครู่

                คำพูดของคุณชายบางทีก็ทำให้ทงเฮใจอ่อนลงได้เสียดื้อๆ

                ไปไหนจากทงเฮไม่ได้อย่างนั้นหรือ?

                ทงเฮหูฝาดไปใช่หรือเปล่า ? หรือตอนนี้...ทงเฮกำลังฝันอยู่กันแน่ ?

     

                ดวงหน้าเรียวขาวเงยขึ้นได้องศา ชายหนุ่มขยับร่างเข้ามาใกล้ขึ้น หากแต่ร่างกายไม่ได้แตะต้อง

                แววตาบริสุทธิ์มองหยั่งเข้าไปในดวงตาอีกคู่... ไม่พบความว่างเปล่าอีกต่อไปแล้ว

                แววตาของคุณชายคิบอมเป็นประกายรับความรู้สึกของทงเฮแล้ว

                แม้สีหน้าของคุณชายคิมคิบอมจะยังคงราบเรียบ แต่สิ่งที่ทงเฮเห็นคือ..

                แววตาของคุณชายกำลังเปลี่ยนไป..

     

     

                ทำไมถึงไม่ยอมไปจากทงเฮล่ะฮะคุณชาย?

                เพียงแค่คำถามเดียวผุดออกมาจากความนึกคิด

                ปากพลั้งออกไปไวกว่าการไตร่ตรองที่จะพูด ไม่ผิดหรอกที่ถาม

                เพราะทงเฮเองก็แค่ต้องการที่จะรับรู้..

                ถ้าหากคุณชายบอกสักคำว่าห่วงใยทงเฮ หรือ ไม่ว่าอะไรเทือกๆนั้น

                ความโกรธเคืองของทงเฮจะหายไปในทันใด

     

                แต่ถ้าหากไม่ใช่..

     

     

                เพราะเธอเป็นทาสของฉันไง...อี ทงเฮ

     

     

                ทงเฮก็ควรจะกลับไปเป็นเช่นแบบเดิมที่เคยเป็น..

     

                ทาสอย่างนั้นหรือคุณชายคิบอม ?

                ทาสคือคนที่คุณชายต้องการจะทำอะไรก็ได้ ดุด่าทำร้ายยังไงก็ได้ใช่ไหม ?

                แต่ทาสมีชีวิต...คุณชายจึงต้องรักษาชีวิตของทาสเอาไว้

                และเพราะทาสมีชีวิต เมื่อมีชีวิตก็ยอมมีสิทธิ์ที่จะรู้สึกรู้สา..

                เจ้าของทงเฮอย่างเช่นคุณชายคงจะได้อะไรตามที่ใจต้องการเช่นเดิม

                แต่จะไม่ได้เพราะทงเฮโอนอ่อนให้เช่นเดิม...ไม่มีทาง!

     

     

                อย่ายุ่งกับทงเฮเลยฮะ

                คิมคิบอมนิ่งงันก่อนที่คนตัวผอมบางจะลุกออกจากที่ตรงนั้น

                ทงเฮทิ้งร่างลงนอนบนเตียงของคนไข้เช่นเดิม

                ทุกตารางนิ้วบนใบหน้าของทงเฮในเวลานี้กำลังจะเปื้อนไปด้วยหยดน้ำตา

                หากแต่คงไม่มีเสียงสะอื้น..

                ทงเฮเจ็บจนจุกแล้ว เจ็บจนไม่อาจร้องไห้คร้ำครวญได้อีกต่อไปแล้ว

     

     

     

    แต่ถ้าหากจะให้เลือก ทงเฮก็จะไม่เลือกที่จะรักคนอย่างคุณชายเหมือนกัน

     

    ใช่...ถ้าต่อให้ทงเฮเลือก ทงเฮก็คงไม่เลือกที่จะรักคนอย่างคุณชาย

    แต่ถ้าไม่ใช่คุณชายคิมคิบอม ทงเฮก็ไม่รู้จะรักใครได้อีกเหมือนกัน..

     

     

     

    พรุ่งนี้คงกลับบ้านได้แล้วสินะ

    เจ้าของใบหน้าคมเข้มเอ่ยขึ้นมาหลังจากเงียบไปสักพัก

    ร่างบางเหม่อมองออกไปยังนอกระเบียงกว้าง เห็นหมู่ดาวนับล้านทอแสงทั่วฟากฟ้า..

    ไม่มีหิมะตกลงมาอย่างเช่นทุกๆวันแล้ว

    จบสักทีนะ...ฤดูของความเหน็บหนาว

    ต่อจากนี้ทงเฮจะไม่โหยหาอ้อมกอดจากคุณชายคิมคิบอมอีกต่อไปแล้ว

    ไม่มีอีกแล้ว..

    และจะไม่ต้องการมันอีกแล้ว..

     

     

     

     

     

    แสงไฟจากริมถนนสาดเข้ามาผ่านไรม่านสีเขียวอ่อน

    ร่างสูงยังคงนอนก่ายหน้าผากอยู่บนเตียงเฝ้าไข้ สายตาเหลือบมองคนที่ห่างไปไม่เท่าไรเป็นระยะๆ

    ยิ่งมองก็ยิ่งถอนใจ..

    ไหนจะเรื่องงาน เรื่องที่บ้าน ก็ทำให้เขาปวดหัวมากจนเกินพอแล้ว

    ยังจะต้องคอยมาสับสนกับเรื่องไร้สาระพันนี้ที่ทั้งชีวิตเขาไม่เคยใส่ใจเลยแม้แต่นิดเดียว

     

    แค่คนๆเดียวทำให้เขาคิดมากได้ขนาดนี้เชียวหรือ?

    เหมือนอย่างที่ทงเฮเคยบอกเอาไว้ไม่มีผิด.. อี ทงเฮ ไม่เหมือนกับ ซันนี่

    คุณชายรู้ดีทั้งสองคนนี้ต่างก็รักคุณชายมากไม่มีใครแพ้ใคร

    แต่สิ่งที่คุณชายกำลังรู้สึกมันกลับแตกต่าง..

    กับซันนี่เป็นดังเช่นของตาย...

    ที่ไม่ว่าคุณชายจะดี จะเลว จะร้ายยังไง ซันนี่ก็ยังรักคุณชายเช่นเดิม

    แต่กับทงเฮแล้ว...

    ทงเฮเป็นเหมือนสิ่งของสิ่งหนึ่งที่คุณชายทำอะไรก็ได้

    หากแต่ว่า สิ่งของสิ่งนั้นกลับมีชีวิต มีความรู้สึก ..ถ้าคุณชายไม่ถนอมรักษาก็อาจจะสูญหายไปเช่นกัน

     

    คุณชายมีคนมากมายผ่านเข้ามา..หากแต่ไม่เคย รักใคร

    แรกเริ่มอาจจะเข้ามาด้วยความสัมพันธ์ทางกาย และผูกมัดด้วยความต้องการในแต่ละช่วงเวลา

    เรื่องซันนี่กับคุณชายไม่มีอะไรมากไปกว่าเรื่องของ ความรับผิดชอบ

    ถึงแม้ซันนี่จะยินยอมให้ แต่ลูกผู้ชายก็ไม่ควรจะทิ้งขว้าง แต่เหตุผลที่ไม่ได้ถึงขั้นแต่งงาน

    ก็คงเป็นเพราะ ซันนี่ ไม่อาจทนรับสภาพของความเฉยชานั้นได้

    และคุณชายก็แทบจะไม่ได้ใส่ใจในความรู้สึกของซันนี่หรือเรื่องพวกนี้เลยสักนิด..

     

    แต่กับทงเฮ..คุณชายคิมคิบอมกลับละเอียดอ่อน

    แววตาที่คุณชายเคยมองทงเฮนั้น ถึงแม้มันจะลึกซึ้งขึ้นเป็นบางช่วงขณะเวลา

    หากแต่อย่างน้อยทงเฮก็ยังมีช่วงเวลานั้นที่คุณชายมอบให้

    และคิบอมเองก็พร้อมจะปฏิเสธหากทงเฮคิดว่ามันคือการเสแสร้งเพื่อหวังผล

    ซึ่งการกระทำแบบนี้ ทงเฮคงไม่รู้เลยสินะว่า..

    ความอ่อนโยนที่ผ่านมาให้เห็นเพียงน้อยครั้งนั้น คุณชายมอบมันให้แก่ทงเฮเพียงผู้เดียว..

     

     

     

                ตั้งแต่มีคุณชายเข้ามา ชีวิตของทงเฮก็วุ่นวายไปหมดเลยรู้ไหมฮะ?

     

     

                .....

     

     

                แต่ทงเฮไม่โทษคุณชายหรอกฮะ... ทุกอย่างมันเกิดจากทงเฮเอง

                น้ำเสียงหวานพูดขึ้นเบาๆด้วยความสงบนิ่งทางใบหน้า

                หยาดน้ำอุ่นๆล้นปริ่มขึ้นแล้วไหลรินลากเป็นทางยาวจนสุดปลายคาง

                ความรู้สึกของทงเฮสมควรแก่การทะนุถนอม หากแต่คนรอบข้างกลับมองข้ามไป

                ไม่มีใครรู้หรอกว่า ที่ผ่านมานั้นทงเฮต้องอดกลั้นกล้ำกลืนความขื่นขมเอาไว้มากเพียงไหน

                ทงเฮจะไม่โทษใคร.. แม้กระทั่งพระผู้เป็นเจ้าที่ลิขิตทุกอย่างเอาไว้

                แต่ทงเฮจะโทษตัวของทงเฮเอง..โทษหัวใจที่อ่อนแอ

               

                มันเรื่องราวอะไรนักหนา ?

                หรือพระบิดาจะกำหนดให้ทุกสรรพสิ่งเกิดขึ้นมาล้วนแล้วแต่มีความผิดเพี้ยน

                สร้างคิมคิบอมขึ้นมาแต่กลับลืมเติมสิ่งที่เรียกว่าหัวใจให้..

                สร้างอีทงเฮแต่กลับใส่หัวใจที่อ่อนแอเกินจะทนต้านทานสิ่งอะไรไหว..

                ไม่มีสิ่งใดพอดี..

                หรือว่าชะตากำลังเล่นตลกอยู่กันแน่ ?

     

     

     

     

    --------------------------------------------------------------------------

               

     

     

    มีใครรู้ไหมว่า ?

    ทุกๆวันจะมีเพียงชั่วเวลาสั้นๆชั่วเวลาหนึ่งเท่านั้นที่น้อยคนจะได้พบเห็น

    ช่วงเวลาที่สิ่งรอบข้างหยุดนิ่ง ไม่มีสิ่งใดปรากฏให้วุ่นวาย

    มีเพียงสายลม สายน้ำ และดวงดาวเท่านั้น ที่พอจำให้รู้ว่าโลกยังไม่ได้หยุดนิ่ง..

     

    ร่างเล็กนั่งอยู่บนเก้าอี้โยกริมหน้าต่างบานเดิม

    เป็นเวลากว่า 4 วันแล้วที่คิมซองมินขังตัวเองอยู่และตัดขาดจากโลกภายนอก

    ห้องที่เคยทาด้วยสีชมพูหวานกลับถูกเปลี่ยนแปลงด้วยผู้เป็นเจ้าของ..

    บรรยากาศที่ซองมินคุ้นเคยกลับเปลี่ยนไปแล้ว..

    หากเป็นเมื่อก่อน ซองมิน จะมีความสุขเมื่ออยู่คนเดียว คิดอะไรคนเดียว ทำในสิ่งที่ตนชอบ

    อยู่ภายในโลกส่วนตัวที่ไม่มีใครสามารถจะเข้าใจได้...แต่ทุกคนก็ยอมรับได้

    แต่ในเวลานี้..

    ซองมินกลับเลือกที่จะอยู่บนความทุกข์ระทม จมอยู่กับความโศกศัลย์

    ถึงแม้ซองมินจะเคยเชื่อและเคยรอว่าโจคยูฮยอนจะต้องรักได้สักวัน..

    แต่ยิ่งนานความหวังนั้นกลับยิ่งห่างไกลนัก..

     

    จุดมุ่งหมายที่เขาวางเอาไว้ถูกเคลื่อนออกให้ห่างกว่าเดิม

    เช่นเดียวกับช่องว่างของหัวใจที่แต่แรกไม่อาจแตะต้องได้ ตอนนี้กลับยิ่งต้องปีนป่ายเพื่อไขว่คว้า

    เมื่อไรจะเหนื่อย..

    เมื่อไรจะหมดแรง..

    เมื่อไรจะเลิกหวัง..

    เมื่อไรซองมินถึงจะพอและยุติการกระทำเหล่านี้สักที !

     

     

                คิมซองมิน...

                น้ำเสียงแหบพร่าดังออกมาเบาๆจากเจ้าของลำคอแห้งผาก

                ร่างสูงยาวที่ตัวเขานั้นคุ้นเคยดีปรากฏอยู่เบื้องหลัง

                แม้คิมซองมินไม่ต้องหันไปมองเลยสักนิด แต่กลิ่นตัวที่เขาคุ้นเคยก็บ่งบอกให้รู้

               

                โจคยูฮยอนเข้ามาหาตั้งแต่เย็นแล้ว หากแต่ไม่ได้ลงไปพบหน้า..

                คงเป็นความผิดพลาดของเขาเองสินะที่วันนี้ลืมล็อคประตู..

                โจคยูฮยอนจึงเข้ามาได้ง่ายดายเช่นนี้

     

                เป็นยังไงล่ะคยูฮยอน ?

                ความอ่อนแอของฉัน...ชัดเจนพอไหม ?

               

                ซองมินแทบอยากจะวิ่งหนีออกไปให้ไกลเสียเดี๋ยวนี้

                ทีแรกก็อยู่สงบดีอยู่แล้ว และคิดเสมอว่าจะต้องเข้มแข็งขึ้นได้แน่..

                แต่กลับไม่มีเหตุผลเอาซะเลย แค่เพียงกับพบเจอเท่านี้...หัวใจเขากลับปั่นป่วนขึ้นอีกครั้ง

     

     

                ทำไมถึงทาสีห้องแบบนี้?

     

                ใบหน้าคมคายกวาดสายตาไปรอบๆบริเวณห้องสีชมพูที่ถูกทาทับด้วยสีดำสนิท

                สรรพเสียงของความเงียบงันกลับดังขึ้นราวคำตอบ

                เสียงลมแรงๆลอดผ่านบานหน้าต่าง ทำไมผืนผ้าม่านปลิวสไว

                เรือนผมสีน้ำตาลอ่อนโอนเอนไปตามแรงลม

                ร่างเล็กยังคงยืนนิ่งอยู่เช่นนั้น ตีสีหน้าได้นิ่งสนิท

     

     

                นายหายไปไหนมาตั้งหลายวัน...

                น้ำเสียงหวานแหบแห้ง แผ่วเบาคล้ายคนหมดเรี่ยวแรง

                ความจริงแล้วพลังงานทางกายของซองมินนั้นยังคงเต็มเปี่ยม

                หากแต่แรงใจกลับลดน้อยจนแทบจะไม่มีเหลือ

                หลายวันที่ผ่านมาหลังจากเกิดเรื่องคืนนั้น ซองมินก็ไม่ได้พบกับคยูฮยอนอีก..

                ภาพแผ่นประตูไม้เคลื่อนปิดแผ่นหลังกว้างทิ้งความช้ำโศกเอาไว้ห้ซองมินจมปลักเพียงลำพัง

                และภาพนั้นก็ยิ่งทำร้ายจิตใจให้ทรมานสาหัส

                แม้จะไม่ต้องร้องไห้คร่ำครวญ หรือปวดหัวจนแทบเสียสติ

                แต่ความปวดร้าวราวแทบจะขาดใจก็สร้างความทรมานมากมายโดยไม่อาจหาที่สิ้นสุด

                จนกระทั่งวันนี้...

     

     

                ผมมีเรื่องยุ่งมากที่บริษัท

     

     

                บริษัทงั้นหรือ? แล้วเรื่องของเราล่ะ งานแต่งงานที่ใกล้จะเกิดขึ้น นายเอามันไปทิ้งไว้ไหน..

     

                ไม่มีเสียงใดเล็ดลอด

                คยูฮยอนรู้ดีว่าตนเองนั้นผิดจริง แทนที่จะเข้ามาดูแลว่าที่ภรรยาบ้าง

                แต่ตัวเข้าเองนั้นกลับละเลย..

                แม้เรื่องบริษัทจะสำคัญ แต่ก็มีลูกน้องที่ซื่อสัตย์และผู้ช่วยอีกมากมายทำตรงนั้นแทนได้

                ฐานะทางบ้านของคยูฮยอนนั้นร่ำรวยมหาศาลจนเรียกได้ว่าใช้สักสองชาติก็ยังไม่หมด

                เรื่องงานพวกนั้นจังสามารถพับเก็บ เททิ้ง ได้โดยไม่ต้องเสียดาย

                ยิ่งเจอเหตุการณ์เช่นนี้แล้ว...คุณชายโจยิ่งไม่มีคำแก้ตัว

     

     

                ผมได้ยินมาว่าที่ผ่านมานี้คุณอาละวาดหนักแทบทุกคืน เป็นอะไรไปซองมิน?

     

                ร่างยาวจับคนตัวเล็กให้นั่งลงบนพื้นเตียงหนา

                ใบหน้าหวานงดงามแน่นิ่งราวกับพร้อมที่จะรับรู้ทุกสิ่งอย่าง

                โจ คยูฮยอน เข้ามาดึกดื่นปานนี้ คงจะเพราะมีสิ่งร้อนใจหรือเร่งด่วนที่ต้องการจะพูดเดี๋ยวนี้

                ปกติแล้วคุณชายโจเป็นคนใจเย็น รู้จักเวร่ำเวลา

                แต่ครั้งนี้เขาคงจะเย็นไม่ไหวจริงๆสินะ...ร้อนใจมากเลยหรือคยูฮยอน?

     

     

     

                ถ้าเรื่องงานแต่งงานมันทำให้คุณต้องเป็นแบบนี้ก็พักๆมันบ้างเถอะ

                ได้ไหมซองมิน?  อย่าทำให้ผมและคนอื่นลำบากใจไปมากกว่านี้เลย..

     

     

    อย่าปล่อยตัวเองให้อยู่กับเรื่องงมงาย อย่าเอาชีวิตมาทิ้งไว้กับผู้ชายอย่างผม

    ในเวลานี้ผมบอกว่ารักไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าต่อไปจะรักคุณได้...

     

     

    บางครั้งบางที...ในชั่วกาลชาติผมนี้ ผมอาจจะไม่ได้เกิดมาเพื่อรักคุณ

    แต่ผม...อาจจะเกิดมาเพื่ออยู่กับคุณ เคียงข้างคุณ แต่ไม่ได้อยู่ในฐานะคนรักของคุณ

     

    เสียงทุกเสียงเงียบกริบ

    ทุกสรรพสิ่ง ทุกสรรพเสียงกลับเคลื่อนไหวอย่างช้าเชื่อง

    น้ำตาเม็ดแรกไหลเอื่อยลงมาตามเรียวแก้มนวลผ่อง ดวงตากลมโตหยุดนิ่งจับจุดไม่ได้

    น้ำตาเม็ดที่สองหยดลงตรงหน้าตัก พร้อมกับเสียงหัวใจที่แหลกสลาย

    น้ำตาเม็ดที่สามรินชำระความรู้สึกที่เกิดขึ้นจนหมดสิ้น

                น้ำตาเม็ดสุดท้ายแล้ว..

                หยดสุดท้ายที่คิมซองมินจะเสียมันไปเพื่อโจคยูฮยอน

     

     

                มันไม่ใช่เรื่องงมงายหรือไร้สาระ มันคือความหวังลมๆแล้งๆของคนไม่มีจุดหมายต่างหาก

                ทุกสิ่งที่ผ่านมา หากนายพูดว่าไม่รักฉัน ตรงนั้นคือจบ...ฉันจะไม่ขออะไรจากนายอีกแล้ว...

     

                แต่บอกได้ไหมคยูฮยอน...ไอ้ที่นายทำมาทั้งหมด หากไม่ได้เรียกว่ารัก มันจะเรียกว่าอะไร

                นายทำให้คนๆหนึ่งแทบเป็นแทบตายเพราะนายมาตั้งกี่ครั้ง เวลาที่ฉันต้องการนายกลับไม่มา

                เมื่อไรที่กำลังจะตัดนายออกไปจากชีวิตได้ นายก็เข้ามาอีกครั้ง...

     

     

     

                ถ้าหากฉันจะตาย ฉันจะไม่ตายเพราะงมงายในความคิดของฉันเอง

                แต่ฉันจะตาย... ก็ต้องตายเพราะนายค่อยๆฆ่ากันแบบนี้  รู้ไหม คยูฮยอน ?

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ------------------------------------------------------------------

     

     

    TO BE CONTINUE ON PART 13

    THANKS FOR COMMENT

    THANKS FOR ATTENTION

     

     

    >>> 

     !

     

     

    คิดถึงแฟนฟิค Heartless ที่สุด!


     

    ก่อนจะไป กี้มีอะไรจะขอ 3 อย่าง..

    1. ขอคอมเม้นท์ดีๆที่อ่านแล้วชื่นใจหน่อยได้ไหมค้ะ?
    2. ขอให้แฟนฟิคทุกคนติดตาม Heartless ต่อไปอย่าทิ้งกันนะ
    3. ขอขอบคุณแฟนฟิคที่ยังไม่ทิ้งกันไปไหน..

     

     

    รักคิเฮก็โหวต รักคยูมินก็เม้นท์ แต่ถ้ารักทั้ง คิเฮ + คยูมิน ก็โหวตแล้วเม้นท์   

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×