ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Monster Companion

    ลำดับตอนที่ #1 : Prologue: Boy Meets Girl

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 395
      3
      18 ธ.ค. 55

     

    Prologue: Boy Meets Girl
     

    บนห้วงมิตินิรนามแห่งหนึ่งที่ไม่ทราบที่อยู่ สงครามย่อมๆ ได้อุบัติขึ้นบนสนามรบที่เป็นเพียงแผ่นหินลายตารางสี่เหลี่ยมขนาดแปดคูณแปด

    บนสนามรบขนาดย่อมแห่งนี้ปรากฏทหารศิลาจำนวนมากประจันหน้ากันอยู่ ทั้งสองนั้นแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันอย่างชัดเจน ไม่ใช่ด้วยสีเสื้อผ้า แต่เป็นสีของทั้งตัวต่างหากที่ใช้แบ่งแยก ขาว กับ ดำ

    พิรุณเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งต่อจากนี้ จะเป็นมาเป็นพระเอกของเรา กำลังยืนอยู่ข้างสนามรบฝ่ายสี ดำเขาเป็นเด็กหนุ่มวัยสิบสี่ ที่มีขนาดตัวเกินพอดี กล่าวคือ เล็กเกินพอดีเพราะส่วนสูงของเขานั้นไม่ต่างกับเด็กประถมแม้แต่น้อย ในขณะนี้พระเอกของเราอยู่ในชุดราชปะแตน พร้อมด้วยโจงกระเบนของฝ่ายสี ดำ

    เดินเบี้ยที่ช่อง 3-C”

    เสียงทุ้มต่ำของเด็กชายสั่งเบี้ยตัวหนึ่งในชุดเสื้อกั๊กทหารโบราณในยุคกรุงศรีอยุธยา ในมือถือหอกแสดงถึงความเป็นพลเดินเท้า ทั้งตัวของนักรบนี้มีสีเสมอกันตลอดทั้งตัว เหมือนกับรูปปั้นหินที่ทาสีดำ การเดินหมากในตานี้ ดูผิวเผินเหมือนจะเป็นการเดินอันผิดพลาด...

    หึ.. เดินเรือไปที่ 4-ตัดหัวเบี้ยตัวนั้นออกมาซะ

    อีกฝ่ายเป็นชายรูปร่างกำยำ สวมชุดราชปะแตนอันเป็นเอกลักษณ์ไทย นุ่งโจงกระเบนสี ขาว เป็นการบ่งบอกฝ่าย แม้จะอยู่ในชุดราชปะแตน แต่ก็ยังคงปิดกล้ามเนื้อเอาไว้ไม่มิด ออกคำสั่งพิฆาตตัวเบี้ยของพิรุณทันที

    พลเรือสามคนบนเรือพายสีขาวที่มีหัวเรือเป็นรูปพญานาค เอาพายกระทุ้งพื้น เรือสีขาวก็ลอยขึ้นมาในอากาศ เรือนั้นหันหัวไปทางเบี้ยสีดำ แล้วพุ่งตรงเข้ากระแทกอย่างรุนแรง ทหารราบนั้นก็แหลกเป็นชิ้นๆ จนตอนนี้กลายเป็นเหมือนเศษอิฐแตกๆ

    เป็นยังไงล่ะเจ้าหนู ถึงจะเอาชนะพวกเราไปได้หลายคน แต่ฉันไม่เหมือนกับพวกนั้นหรอกนะ ที่แกเอาชนะไป ก็เพราะพวกนั้นมันเล่นหมากรุกไม่เป็นต่างหาก ฮ่าๆๆ

    อูย... แค่กินเบี้ยได้ตัวเดียวถึงกับคุยใหญ่โต..

    อย่าเพิ่งได้ใจไปเลยครับ.. เดินเบี้ยไปที่ช่อง 4-ปิดทางออกของมันซะ

    ปิดทางออก.. แย่ล่ะ เสียรู้มันซะได้ เดินโคนไปที่ 4-E”

    พลช้างศิลาตัวใหญ่สีขาวเริ่มขยับตัว ควาญช้างสีขาวใช้ตะขอเกี่ยวหูช้าง บังคับมันให้เดินเข้าหาตัวเบี้ยสีดำ พลทหารที่นั่งอยู่บนอาสน์หลังช้างเงื้อด้ามง้าวสีขาวปลอดขึ้น เมื่อช้างศิลาเดินมาได้ระยะ พลทหารก็ฟันง้าวลงมาปะทะกับร่างของทหารราบสีดำ เพียงครั้งเดียว ร่างสีดำก็แตกกระจายกองอยู่บนพื้น

    แบบนั้นก็ไม่ว่ากันครับ.. เดินโคนไปที่ 4-จัดการมันได้เลย

    เมื่อสิ้นคำสั่ง ตัวโคนฝ่ายสีดำก็ขยับตัวบ้าง ควาญช้างบังคับช้างศิลาสีดำให้พุ่งเข้าใส่ตัวโคนของฝั่งสีขาว งาช้างสีดำขนาดใหญ่ของช้างพลายพุ่งเสียบเข้าที่ลำตัวสีขาวปลอดของตัวโคนสีขาวจนปรากฏเห็นเป็นรอยแตก พลทหารบนอาสน์ก็ฟันง้าวตัดคอของพลทหารฝ่ายตรงข้ามจนหัวหุ่นลอยละลิ่วตกลงมา เมื่อหัวนั้นกระทบกับพื้นบอร์ดก็แตกกระจายออกไปคนละทิศละทาง ร่างของช้างศิลาสีขาวก็เสียหลักล้มลง ด้วยร่างขนาดใหญ่ของมัน เมื่อกระทบกับพื้นก็ทำให้แตกเป็นชิ้นๆ

    ชิ.. ขาดทุนชะมัด เดินเรือไปที่ 4-มันยังไม่จบหรอกน่า

    เรือศิลาสีขาวกับฝีพายสามนายก็ขยับตัว เอาไม้พายกระทุ้งกับพื้นบอร์ด เรือเวทมนตร์ก็ลอยขึ้นพร้อมกับบ่ายหน้าไปยังตัวโคนสีดำ ฝีพายทั้งสามนายหยิบปืนคาบศิลาขึ้นมาคนละกระบอกขึ้นตั้งประทับพร้อมเล็งยิงไปยังตัวโคนของผม

    ปังปังปังเสียงปืนสั่นขึ้นสามครั้งซ้อน ก็ปรากฏรูขนาดใหญ่บนร่างของช้างศิลาสีดำ ในชั่วอึดใจเดียว ร่างขนาดใหญ่ของโคนสีดำก็ค่อยๆ พังครืนลงมาเป็นกองหินขนาดใหญ่ แต่เมื่อเรือสีขาวแล่นไปยังตำแหน่ง กองหินทั้งหมดก็หายไปเหมือนกับภาพลวงตา

    ม้า เดินไปที่ช่อง 4-E.. ชิงพื้นที่คืนมา

    ทหารม้าสีดำเมื่อได้รับคำสั่งแล้ว ม้าศิลาก็กู่ร้องพร้อมกับยกสองขาหน้าขึ้นข่มขวัญศัตรู พลทหารม้าสีดำก็ควบตรงดิ่งเข้าหาเรือศิลาสีขาว พลทหารเล็งทวนไปยังข้างหน้า เล็งไปที่หัวของฝีพายคนหน้าสุด เมื่อทวนปะทะเข้ากับใบหน้า ศีรษะของหุ่นฝีพายสีขาวก็หลุดกระเด็นไป พลม้าชักบังเหียนขึ้น ม้าศิลาสีดำก็ร้องพร้อมกับชูสองขาหน้าขึ้นแล้วกลับทิศทางกลับไปยังตัวเรือ พลม้าก็พลิกมือตวัดหอกฟันลงมายังตัวเรือ ด้วยแรงมหาศาล เรือศิลาสีขาวก็แตกออกเป็นสองซีก

    หนอย..! เดินขุนไปที่ช่อง 2-C ขวางมันเอาไว้

    กษัตริย์นักรบสีขาวบนบัลลังก์ศิลาใช้ดาบประดับยศในฝักเคาะกับพื้นหนึ่งครั้ง บัลลังก์ก็เลื่อนไปยังตำแหน่ง 2-C..

    ด้วยคำสั่งอันแสนชาญฉลาดของฝ่ายตรงข้าม นั่นทำให้ใบหน้าของพิรุณเกิดรอยยิ้มเล็กๆ ขึ้นมา

    เดินเรือไปที่ 2-D...

    ฝีพายสามนายบนเรือศิลาสีดำก็ล่องไปยังตำแหน่ง 2-ขนาบอยู่กับตัวขุนของอีกฝ่าย..

    รุกฆาต..พิรุณประกาศชัยชนะ ตัวหมากทุกตัวของสีขาวก็ทิ้งอาวุธทั้งหมดในมือลง

    แคร๊งแคร๊งแคร๊งเสียงอาวุธกระทบกับพื้นบอร์ดดังระงมเหมือนห่าฝน

    โถ่เว้ยมันยังไม่จบแค่นี้หรอก

    ฝ่ายตรงข้ามแสดงคำพูดอันบ่งบอกถึงสโลแกน เกมแพ้ คนไม่แพ้ตามมาตรฐานตัวโกงเอาไว้แบบเห็นชัดๆ ทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนที่จะหายไปจากโลกต่างมิติ

    พิรุณถอดแว่นสามมิติออกมาเพื่อทำการล๊อคเอาท์จากเกม ศึกชิงจ้าวหมากรุกไทย เบื้องหน้าของเขาตอนนี้ปรากฏก๊วนเด็กวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งที่เป็นคู่กรณีเกมหมากรุกเมื่อครู่ ที่ว่าเป็นคู่กรณีได้ก็เพราะทั้งหมดนี้ ได้แพ้เขาในเกมหมากรุกทั้งหมด รวมถึงนายเสื้อกล้ามขาวที่ได้ปะมือมาเมื่อครู่นี้

    เมื่อกี้แกโกงใช่มั้ย? ฉันไม่มีทางแพ้เด็กประถมอวดดีแบบแกแน่

    ด้วยตรรกะแบบไม่ยอมคน นายเสื้อกล้ามก็ชี้นิ้วที่มีกล้ามใส่พิรุณ ว่าแต่นิ้วก็มีกล้ามได้..? นอกจากนี้ใบบทพูดเมื่อครู่ ก็มีอะไรบางอย่างที่พิรุณไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่นัก..

    ด้วยความเคารพเป็นอย่างยิ่งนะครับ ไม่ทราบว่าคุณใช้สมองส่วนไหนคิดครับ ถึงได้บอกว่าหมากรุกมันโกงได้นะครับ?”

    อึก..! ไม่รู้ล่ะ ถ้าแกไม่โกง ฉันไม่แพ้แกแน่”

    หึๆ ถ้าแบบนั้นผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ แต่ว่าฝีมือแบบคุณ ผมไม่โกงให้เสียเวลาหรอกครับ”

    แกว่าไงนะ!”

    ด้วยคำพูดที่แทงไปยังใจดำ เส้นสติของนายเสื้อกล้ามก็ขาดลง วินาทีต่อมา มืออันเต็มไปด้วยกล้าม..? ก็รี่เข้ามากระฉากคอเสื้อยืดคอกลมของพิรุณ

    ใจเย็นหน่อยครับ ที่นี่มันที่ของสารธารณะนะครับ”

    พิรุณใช้มือเล็กๆ ของเขาแตะที่หลังมือของนายเสื้อกล้ามแล้วออกแรงที่นิ้วมือของเขาจิ้มลงไป

    โอ้ย!”

    ซึ่งนั่นทำให้เจ้าเสื้อกล้ามต้องปล่อยมือในทันที

    หนอย... เห้ยพวกเราขึ้นมาจัดหนักให้เจ้านี่หน่อย

    เด็กวัยรุ่นที่เหลืออีกสามคนกรูขึ้นมาบนเวที พิรุณพอจะบอกได้คร่าวๆ ว่า...ตัวประกอบฉากแน่ๆ...

    เรียงจอแจเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ เพราะสเตจที่พวกเขากำลังยืนอยู่นี้ สูงจากพื้นขึ้นมาพอสมควร ทำให้เหล่าไทยมุงสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น

    อันที่จริงแล้ว พิรุณนั้นเป็นเพียงสายลับธรรมดาที่ได้รับภารกิจอันธรรมดา คือให้มาคอยจับตาดูเด็กสาววัยรุ่นธรรมดา ที่เป็นลูกของเศรษฐีธรรมดา... นี่ธรรมดาแล้ว...?

    พิรุณแค่อยากจะมาฆ่าเวลาก่อนทำภารกิจที่จะเริ่มต้นในวันถัดมา เพราะเขาไม่ค่อยจะมีโอกาสมาเล่นที่เกมเซ็นเตอร์บ่อยนัก แต่ความวุ่นวายก็ไม่ยอมห่างจากตัวเขาสักเท่าไหร่

     “มันเผลอแล้ว.. พวกเราลุย!

    ...ไม่ได้เผลอครับ แค่ขออินกับชีวิตหน่อยเดียวก็ไม่ได้... นั่นคือสิ่งที่พิรุณคิด

    ฟ้าวตัวประกอบเบอร์หนึ่งประเดิมหมัดแรกเข้าทักทาย โดยอาศัยท่วงท่าแบบมวยวัด นั่นคือขอแค่ซัดหน้าก็เป็นใช้ได้ นั่นควรจะโดนเข้าที่ใบหน้าของพิรุณแล้ว...หากเขาเผลอจริงๆ ล่ะก็นะ

    แม้ใบหน้าจะเป็นอวัยวะที่บอบบาง แต่ก็เป็นเป้าหมายขนาดเล็ก เพียงแค่พิรุณเอี้ยวหลบเล็กน้อย หมัดนั้นก็วืดไป แต่เขาก็ไม่ปล่อยจังหวะนี้ให้ผ่านไปอย่างไร้ค่า พิรุณใช้มือข้างหนึ่งจับไปที่แขนของฝ่ายตรงข้ามที่เหวี่ยงหมัดออกมา จากนั้นใช้แขนข้างนั้นเป็นแกนแล้วหมุนตัวหนึ่งรอบเพื่อเพิ่มความเร็ว แล้วใช้ศอกอีกข้างกระทุ้งเข้าไปที่บั้นเอวของตัวประกอบเบอร์หนึ่ง

    “อั๊ก..”

    เนื่องจากเป็นจุดที่ไม่มีซี่โครงป้องกัน การโจมตีนี้จึงได้ผลอย่างจัง

    เมื่อตัวประกอบเบอร์หนึ่งล้มลง หมายเลขสองก็เข้ามาแทนที่อย่างรวดเร็วเหมือนกับเตี้ยมบทเอาไว้ เบอร์สองร่ายรำมวยจีนเหมือนหลุดออกมาจากเรื่องพยัคฆ์หยก เขายกขาข้างหนึ่งขึ้น แล้วกางแขนสองข้างออกเหมือนกับท่านกกระเรียนโบยบิน

                “หวอ...ย๊า..ย๊า..”

                ...ไร้ซึ่งคำบรรยายใดๆ... นั่นคือคำบรรยายสำหรับพิรุณในตอนนี้ เนื่องจากนอกจากท่ารำมวยจีนนกกระเรียนโบยบินแล้ว ยังมีท่ากระโดดถีบขาคู่อีกต่างหาก... แบบนั้นเวลาจะลงพื้น จะทำยังไงเล่า...?

    โครมเป็นเสียงที่เกิดจากการลงที่ผิดท่าแล้วเสียหลักไปสะดุดเข้ากับถังขยะที่วางอยู่ข้างสเตจเกม ทำให้กลายเป็นท่า เท้าชี้ฟ้า หน้าทิ่มดินแบบตรงตามสำนวนไป อันที่จริงแล้ว พิรุณยังไม่ได้ทำอะไรด้วยซ้ำ แค่ก้าวเดียวก็หลบพ้นแล้วนี่..

    วูบ! เก้าอี้พับตัวหนึ่งฟาดผ่านอากาศทำให้เกิดเสียงลม

    ตัวประกอบเบอร์สาม กับนายเสื้อกล้ามยืนขนาบซ้ายขวา โดยนายเสื้อกล้ามไปได้เก้าอี้ตัวนี้มาจากไหน ก็ไม่อาจทราบได้

     “นี่ พวกนาย ทำไมหลังเลิกเรียนถึงยังไม่กลับบ้านกันนะ!” เสียงเด็กผู้หญิงฟังดูใสๆ เหมือนกับกระดิ่งลมดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง เป็นเสียงที่ชวนให้เคลิบเคลิ้มไม่ใช่น้อย

    สารวัตรนักเรียนนี่หว่า ซวยแล้ว!”

    เจ้าเสื้อกล้ามอุทานขึ้นมา อย่าบอกนะว่าหมอนี่ก็เป็นนักเรียนกับเค้าด้วย? หน้าเกินอายุไปได้สักห้าปีได้แล้วเนี่ย

    นี่ ดูสินภัส ที่นอนอยู่ตรงนี้ก็นักเรียนของโรงเรียนเรานี่นา

                 เสียงเด็กผู้หญิงอีกคนดังแบบโทนทุ้มต่ำ ฟังดูดีไปอีกแบบ พูดเสริมขึ้นมา

    ท่าทางจะไม่มีการปะทะเกิดขึ้นมาอีกแล้ว พิรุณจึงคลายจากการตั้งท่าต่อสู้ แล้วหันกลับไปดูเจ้าของเสียงทั้งสองคน

    “…!”

    หนึ่งในนั้นคือเป้าหมายของภารกิจ และเพื่อนสนิทของเธอ.. เพียงแต่พิรุณไม่ได้คิดว่าจะมาเจอกันที่นี่ และตอนนี้

    นี่นายรณฤทธิ์ นอกจากจะไม่เข้าเรียนแล้ว ยังมาก่อเรื่องที่นี่เอง คราวนี้จะไม่มีการอนุโลมแล้วนะ”

    สาวเจ้าคนแรก อยู่ในชุดนักเรียนกระโปรงดำ เธอไว้ผมทรงหางม้าดูทะมัดทะแมง ดวงตากลมโตสีน้ำตาล โครงหน้าเธอดูสวยในแบบสาวในแถบเอเชียตะวันออก กล่าวคือหน้าตาคมสัน จมูกได้รูป ผิวขาวเหมือนหิมะตกใหม่ แม้ว่าเธอตัวไม่ได้สูงมากเท่าไหร่ แต่กลับมีรูปร่างที่อยู่ในเกณฑ์สมส่วน ซึ่งถ้าจำไม่ผิด นี่แหละ เป็นเป้าหมายในการจับตาดูของผม เธอชื่อ นภัส เป็นลูกของเจ้าของบริษัทเวิร์ดเอ็นเตอร์ไพรส์ ที่เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในการผลิตซอร์ฟแวร์ต่างๆ มากมาย แล้วยังเป็นเจ้าของเกมออนไลน์ชื่อดังในขณะนี้

    "นี่ นายเป็นอะไรมากมั้ย ฮัลโหล.. ตอบหน่อยๆ

                 สาวอีกคนหนึ่ง กำลังนั่งยองลง แล้วเขย่าตัวของนักเรียนชายที่นอนแหมะอยู่บนพื้นร้านหลังจากโชว์ท่าลูกถีบขาคู่ไปหมาดๆ ด้วยเส้นผมสีเหลืองทอง และดวงตาสีฟ้าครามเหมือนท้องฟ้ายามรุ่งอรุณ บ่งบอกได้เป็นอย่างดีถึงสายเลือดชาวตะวันตก และเนื่องด้วยสีผิว และขนาดร่างกายที่สูงใหญ่ ถ้าเปรียบนภัสเป็นกระต่ายขาว เธอคนนี้ หรือ หยาดทิพย์ก็คงเป็นเหมือนกับหงส์ขาวไม่ผิดแน่

    อา.. ไม่คิดว่าจะเจอเป้าหมายก่อนกำหนด แถมยังเจอกันในลักษณะนี้อีกด้วย ผิดแผนไปนิด แต่ไม่เป็นไร

    นี่เธอ โดนพวกนั้นรังแกเอาหรือเปล่า ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ เด็กประถมควรจะกลับบ้านได้แล้วนะ

    นภัสแฝงน้ำเสียงแสดงความห่วงใยเอาไว้ด้วยความเต็มเปี่ยม แม้จะเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่..

    “ผมสบายดีครับ ไม่ได้โดนรังแก ส่วนเรื่องที่ผมควรจะกลับบ้านหรือเปล่า ผมคิดเองได้ครับ”

    เนื่องด้วยคำถามที่แฝงหมุดเล็กๆ มาด้วย คำตอบเมื่อครู่จึงดูยียวนนิดหน่อย นั่นก็ทำให้อุณหภูมิพื้นผิวของนภัสสูงขึ้นมาครึ่งองศาด้วยเช่นกัน

    “งั้นเหรอค่ะ ขอโทษด้วยที่พี่ไปยุ่งเรื่องของเธอ แต่ยังไงเด็กๆ ก็ไม่ควรจะมาอยู่แถวนี่นะค่ะ”

    “ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ครับที่บังเอิญผมมาอยู่แถวนี้ แต่พอดีว่าผมเองก็ไม่ใช่เด็กแล้ว เลยคิดว่าไม่เป็นไรถ้าจะมาเล่นที่เกมเซ็นเตอร์นะครับ”

    “ไม่ใช่เด็กเหรอค่ะ ถ้างั้นเธออยู่เท่าไหร่แล้วค่ะ พี่จะได้จดจำเอาไว้”

    “ครับ ไม่ใช่เด็กครับ เพราะผมก็อายุเท่ากับเธอที่อยู่ ม.2 นั่นแหละครับ”

    “หา.. เธอเนี่ยนะ อยู่ ม.2.. แล้วเธอรู้ได้ยังไงว่าพี่...ฉันอยู่ ม.2?”

    พิรุณทำหน้าย่นเหมือนกับว่านภัสถามอะไรที่ผิดปกติ ก่อนที่จะเอามือชี้ที่ฝั่งขวาบริเวณอกเสื้อของตัวเองเป็นสัญญาณให้นภัสนึกอะไรบางอย่างออกมา

    “หืม... อุ้ย..! นั่นสินะ”

    จุดสองจุดนั่นปักเอาไว้ที่อกเสื้อ แทนสัญลักษณ์บอกชั้นปี อันที่จริง ก็มีทั้งชื่อ-นามสกุล ชื่อย่อโรงเรียน รวมถึงเลขประจำตัวนักเรียนด้วย ซึ่งทั้งหมดนั้นก็ปักเอาไว้ที่อกเสื้อทั้งซ้ายและขวา อันที่จริง ถ้าปักชื่อบิดา-มารดา และที่อยู่ตามทะเบียนบ้านเอาไว้ด้วยก็คงดี เพราะวันหลังเจอกันก็จะได้ไม่ต้องถามอะไรให้เสียเวลาอีก.. นั่นเป็นความเห็นนิรนามของเด็กๆ หลายคนจากทั่วประเทศ

    ถ้านายอายุเท่าฉันจริง แล้วนายเป็นนักเรียนโรงเรียนไหนล่ะ สงสัยจะโดดเรียนมาเล่นเกมเหมือนกันสิท่า

    ผม

    “ยัยภัส ระวัง...!

    ระหว่างการถกเถียงอย่างเมามันของทั้งคู่ที่เพิ่งจะเจอกันครั้งแรก เสียงเตือนของหยาดทิพย์ที่อยู่นอกวงสนทนาจึงส่งไปไม่ถึงพวกเขา

    โครม!

    อูย...

     “โอ้ย.. เจ็บจังเลย..

    ทั้งนภัสและพิรุณต่างครางออกมา เพราะหัวของทั้งสองโขกเข้ากันอย่างจัง

    แม้ว่าตอนนี้พิรุณจะรู้สึกเจ็บที่หน้าผาก แต่ในสัญญาณไฟฟ้าที่ส่งเข้ามานั้นยังมีอีกจากบริเวณหนึ่งที่แตกต่างกัน มันเป็นสัมผัสที่ดี แต่กลับดังขึ้นจากตำแหน่งที่ไม่ควรสักเท่าไหร่ เมื่อทำการกรองสัญญาณแล้วก็พบว่า มือของเขาก็อยู่ในสัมผัสที่นุ่มๆ เหมือนกับขนมปังอบใหม่ แต่กลับให้ความรู้สึกหยุ่นๆ กว่าเล็กน้อย เมื่อพิรุณลองบีบลงไป มันก็เกิดปฏิกิริยาสะท้อนกลับขึ้น..

    อึก..

    เสียงเล็กๆ ดังขึ้นมาจากตำแหน่งที่พิรุณได้คาดคะเนเอาไว้ ทำให้เขารู้สึกถึงลางอะไรบางอย่างที่ไม่ค่อยเป็นมงคล

    และเมื่อพิรุณก้มลงมอง ก็เป็นจริงอย่างที่ว่า นั่นคือนภัสที่สีหน้าอันยากจะอธิบายได้ ตอนนี้ตัวเธอกำลังสั่นเหมือนกับอะไรบางอย่างที่จะกำลังปะทุออกมา ถ้าเธอเป็นภูเขาไฟ สิ่งนั้นก็คงจะเป็นเศษหินและลาวา แต่ถ้าเป็นเด็กผู้หญิงล่ะ?

    พลั่กโครมอย่างแรกที่ปะทุออกมาคือหมัดที่เร็วที่สุดเท่าที่โลกเคยเผชิญมา เร็วยิ่งกว่าเขาทรายแกแล๊คซี่ และหนักจนปาเกียวยังต้องชิดซ้าย

    ไอ้บ้าลามกผีทะเลไอ้...เธอเอาแขนทั้งสองข้างกอดหน้าอกเอาไว้ เหมือนกับว่ามันจะหายไปอย่างไง อย่างงั้นเลย ปากของเธอก็ยังพูดไม่หยุด แต่ตอนนี้ ในหูของพิรุณมีเสียงวี้ๆ เหมือนกับโทรศัพท์ที่สัญญาณไม่ดี จนเขาฟังไม่ค่อยจะรู้เรื่องเท่าไหร่

    เป็น..ไป..ตามแผน..นี่เป็นคำสุดท้ายที่หลุดออกมาจากปากของพิรุณก่อนโลกจะดับลง มันหมายความว่ายังไงกันนะ..?

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×