ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    mindmate

    ลำดับตอนที่ #32 : nice to meet

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 451
      4
      28 ต.ค. 58

    32

              ผมวิ่งออกมาจากสนาม อยู่ๆซีมันก็โทรมาบอกให้ออกมาหาหน่อยครับ พอถามว่ามีอะไรก็ไม่ตอบแถมตัดสายไปเลยอีก ผมนี้ก็รีบวิ่งเลยครับ นึกว่ามีเรื่องอะไร แต่พอวิ่งออกมาจนถึงจุดที่มองเห็นซีลางๆ ผมก็พอจะมโนเรื่องเองได้

              ผมเปลี่ยนจากวิ่งเป็นเดินธรรมดาแทน ท่าทางมันดูสบายดีรึเกินครับ ไม่รีบก็น่าจะบอกหน่อยได้ไหมล่ะ อุตสาห์วิ่งออกมา หอบเลยเนี่ย

              ผมเดินเข้าไปหามันและรอให้มันพูดอะไรสักอย่าง

              “กูต้องเข้าไปทำงานอ่ะ ฝากนั่งเป็นเพื่อนเทียนหน่อยดิ” พูดจบมันก็ลุกขึ้นเลยครับ ดีที่ผมเร็วกว่า แต่เดี๋ยวนะเทียน... เทียนคือ...

              “อะไรของมึง” ผมกดเสียงต่ำใส่มัน และพยายามจะพูดให้เบาที่สุด มึงโทรตามกูออกมา พอกูออกมาก็จะทิ้งกูเลยแบบนี้อ่ะนะ จะง่ายไปล่ะ

              “นั่งเป็นเพื่อนเทียนหน่อย” เทียนคงจะเป็นชื่อของผู้หญิงคนนี้สินะ เจ้าของกระทู้คนนั้น

              “คิดอะไรอยู่” พอมันตอบกลับมาแบบนั้น ผมเลยเปลี่ยนคำถามแทน

              “เป็นเพื่อนกันไม่ได้เลยเหรอวะ” ไม่ใช่ไม่ได้... ซีมันมองผมที่นิ่งไปอยู่สักพัก ก่อนที่มันจะตบบ่าผมส่งท้ายและมันก็เดินออกไป

              โอเคคคค จะให้ผมยืนห่างๆเธอแบบนี้มันก็ดูจะเลวไปหน่อย (จากตอนแรกก็เลวอยู่แล้ว) คุยกันสักหน่อยก็ได้ว่ะ ว่าแล้วผมเลยเดินเข้าไปนั่งแทนที่ที่ซีนั่งเมื่อกี้แทน

              ผมนึกว่าเธอจะพูดอะไรออกมาบ้าง แต่เปล่าเลยครับ เธอเงียบสุดๆ แล้วผมมันก็ไม่ชอบอะไรที่ต้องนั่งรอเงียบๆด้วยดิ มันอึดอัดนะ

              “เราเคียวนะ” แนะนำตัวล่ะกัน ทำไมรู้สึกว่าตัวเองทำอะไรโง่ๆ

              “อ่า เรารู้ล่ะ เราเทียนหอมนะ เรียกเทียนก็ได้” ผมพยักหน้ารับ ตอนที่ผมแนะนำตัวขึ้นมาเธอสะดุ้งด้วยแหละครับ เธอคงไม่คิดว่าผมจะปล่อยให้เรานั่งรอกันเงียบๆหรอกนะ อึดอัดตายก่อนแน่

              “ซีบอกชื่อเราเหรอ” เธอพยักหน้า ก่อนที่จะรีบพูดต่อมาว่า

              “ขอโทษนะที่เราไม่ได้ถามจากเคียวเองอ่ะ”

              “เฮ้ย ไม่เป็นไร ไม่ซีเรียส แต่ถ้ามีอะไรสงสัยอ่ะ คราวหลังถามเราก็ได้นะ”

              “จริงดิ!” ผมว่าเธอมีรีแอคชั่นที่ชัดเจนดีนะครับ ฮ่าๆ

              “อื้ม ถามอะไรอ่ะ”

              “อันนี้เราคาใจมากเว้ย ขอเริ่มจากคำถามนี้ก่อนเลย” เพียงไม่กี่ประโยคกำแพงของเราทั้งคู่ก็พังลง ตอนนี้เราเลยสามารถนั่งคุยกันแบบสบายใจได้ เหมือนนั่งคุยกับเพื่อนคนหนึ่งแหละ

              “ว่ามา”

              “วันนี้เราสวยป่ะ” ผมพึ่งเคยเห็นคนถามประโยคนี้ด้วยหน้าตาจริงจังขนาดนี้ครับ

              “สวยดิ”

              “โกหก! ผู้ชายบนโลกเนี่ยเขาไม่เมินผู้หญิงสวยกันหรอกนะ”

              “ใครเมิน”

              “เคียวนั้นแหละ! ไม่ต้องมาไขสือ เราแต่งเต็มสุดๆล่ะ เมินได้ไงงงง ความมั่นหน้าของเรานี้ลดไปเกือบครึ่งเลยนะ” ผมควรจะรู้สึกผิดใช่ไหม แต่ทำไมผมขำอ่ะ

              “ฮ่าๆ” ขำจริงๆครับ

              “ขำอะไร” และเธอก็หยุดผมด้วยการตีแขนผมแบบเต็มแรง หูยยยยเจ็บแหะ

              “โหยยย โหดแหะ” แต่เธอกลับขำออกมาครับ ตอนนี้เลยกลายเป็นเราสองคนขำใส่กันซะงั้น แต่อย่าถามว่าขำอะไรนะ เพราะไม่รู้ ฮ่าๆ

              เราขำกันจนเหนื่อยเลยครับ สุดท้ายมันก็หยุดไปเอง ถ้าขำต่อผมว่าผมต้องขาดอากาศหายใจตายก่อนแน่ๆ

              “เคียว”

              “หืม”

              “ยินดีที่ได้รู้จักนะ” เทียนกำลังจ้องตาผมอยู่ มันทำให้ผมหลบตาเธอไม่ได้ และแววตาของเธอกำลังบอกผมว่าสิ่งที่เธอพูดออกมา เป็นสิ่งที่เธอคิดแบบนั้นจริงๆ

              “ยินดีที่ได้รู้จักเหมือนกัน” ผมก็คิดแบบนี้จริงๆ

              “ถามข้อต่อไปเลยได้ป่ะ” ผมพยักหน้า

              “เคียวมีแฟนรึยัง” ว่าล่ะ เป็นคำถามที่ถ้าผมตอบไปจะส่งผลได้2อย่าง อย่างแรกคือบอกเธอไปตรงๆว่ามี และเธอต้องไปสืบแน่ๆว่าใคร เธออาจจะสืบจนรู้ หรือไม่ก็สืบไม่ได้แล้วก็คิดไปเองว่าผมโกหกเพื่อผลักไสเธอ ส่วนอย่างที่สองคือ บอกเธอไปว่าไม่มีแฟน แต่นั้นหมายความว่า เธอก็มีสิทธิ์

              ปัญหาระดับชาติเหมือนกันนะ

              “ตอนแรกเราถามซี แต่ซีบอกให้มาถามเคียวเอง” ผมเลิกคิ้วกับประโยคนั้น แสดงว่าเธอถามซีไปแล้วงั้นเหรอ นี้คือมึงโยนให้กูอีกแล้วสินะ

              “...ไม่มีอ่ะ”

              “จริงนะ!” ผมมองท่าทางดีใจนั้นของเธอแล้วไม่อยากทำลายมันเลยครับ

              “แต่เรามีคนที่ชอบแล้วนะ” ผมคงเลวจริงๆแล้วแหละ

     

              หลังจากที่ผมบอกเทียนไปแบบนั้น เธอก็นิ่งไปเลย และน้องที่เธอนั่งรออยู่ก็มาถึงพร้อมกับรองเท้าแตะ เธอไม่ได้พูดอะไรอีก แค่ใส่รองเท้า และหันมาโบกมือลาผมนิดหน่อย เธอไม่ได้หันกลับมามองผมด้วยซ้ำ จากนั้นก็เดินออกไปเลยครับ และผมก็ไม่ได้เจอกับเทียนอีกเลย นี้ก็ผ่านมาอาทิตย์กว่าๆแล้วครับ ผมก็ไม่รู้ว่าเป็นความตั้งใจของเธอรึเปล่า แต่เป็นแบบนี้ก็ดีแล้วแหละมั้ง

              “พี่เคียวววว นี้พี่จะไปป่ะเนี่ย”

              “ไปดิ” ผมรีบเก็บของใส่กระเป๋า ไอ้พวกนี้นี่จะเร่งก็เร่งรึเกินครับ

              เทศกาลงานกีฬาสีของเรายังไม่จบแค่นั้นครับ หลังจากงานกีฬาสีของแอลลี่จบก็ถึงคิวของบ.ค. เมื่อเช้าพวกผมไปเกาะรั้วดูพาเหรดมาทีหนึ่งล่ะ และไอ้กัมก็มาบอกว่าตอนช่วงบ่ายๆจะเป็นแข่งบอล และไอ้ทีมที่ชนะเนี่ย คือทีมที่จะมาเจอกับโรงเรียนผมตอนงานบอลของ3โรงเรียน ผมก็ไม่รู้ว่าผมจะต้องตื่นเต้นทำไมนะ แต่เห็นไอ้กัม ไอ้เกมส์ ไอ้นอร์ธ มันตื่นเต้นกันรึเกิน เลยพลอยตื่นเต้นไปด้วย ตามกระแสนิดหนึ่ง

              แล้วก็พวกน้องๆนี้แหละครับที่มาชวนผมไปดูบอลด้วยกัน ซึ่งพวกผมก็ตอบตกลงกันแบบไม่เกรงใจงานที่ค้างอยู่เลย

              ดูบอลแปบเดียวเองนา

              ผมพึ่งโทรไปชวนไอ้ซีเมื่อกี้เองครับ มันบอกว่ามันกำลังจะไปดูเหมือนกัน หรือว่าเขาตื่นเต้นกันเป็นปกติ แต่ผมไม่ปกติเอง...

              “เฮ้ยพวกมึง! กูซื้อไอติมแปบนะ เดี๋ยวตามไป” บ.ค.อยู่ตรงนี้เองครับ เดินแปบเดียวก็ถึง พอมาถึงผมก็พบว่าของกินมันเยอะเหมือนกันแหะ และไอติมร้านที่ผมเล็งอยู่นี้ก็น่ากินมาก จนผมเลือกที่จะแยกกับเพื่อนไปซื้อไอติมก่อน เดี๋ยวค่อยตามเข้าไปก็ได้ครับ ผมไม่ได้ซีเรียสกับการดูการแข่งอะไรขนาดนั้นอยู่ล่ะ

              บางทีผมอาจจะคิดผิด

              คนมันเยอะขนาดนี้ได้ไงเนี่ยยยยย

              คนเยอะจนออมาข้างนอกเลยครับ อย่าว่าแต่เดินเข้าไปในสนามเลย คนในสนามก็ไม่น่าจะเดินออกมาได้นะ ผมพยายามจะแทรกตัวแล้ว บีบตัวแล้วบีบตัวอีก ก็ยังไม่สามารถผ่านเข้าไปในสนามได้สักที ยังคงติดแหงกอยู่ท่ามกลางผู้คนเหมือนเดิม ข้างหน้านี้มันติดอะไร ทำไมไม่เดินไปสักที

              ผมยอมแพ้แล้วครับ ผมพยายามจะชะเง้อมองบอลที่กำลังเตะกันในสนามหรือหาเพื่อนตัวเองอะไรก็แล้วแต่ แต่ไม่ใช่การพยายามแทรกตัวเข้าไปแน่นอน แลจะยากครับ เหมือนมันมีคนขวางทางเข้าไว้อย่างนั้นแหละ

              “ขอโทษครับ” ผมหันไปขอโทษผู้หญิงข้างๆเป็นครั้งที่2 คนมันเบียดกัน ผมเลยไปชนเธอตั้ง2ครั้งแล้วครับ แม้ผมจะขอโทษเธอทั้ง2ครั้ง เธอก็ไม่มีท่าทีจะสนใจผมเลยสักครั้ง ไม่รู้ว่าไม่ได้โกรธอะไร หรือโกรธจนไม่อยากเสวนาด้วยกันแน่ เห็นเธอนิ่งๆผมเลยพยายามจะเบียดตัวไปสิงคนอีกฝั่งหนึ่งให้มากกว่าเดิมครับ อย่างน้อยคนอีกข้างหนึ่งของผมก็เป็นผู้ชายอ่ะนะ ถ้าไปชนเขาคงจะไม่ดูแย่เท่าชนผู้หญิง

              “ขอโทษครับ...” ผมขยับจนไม่รู้จะขยับยังไงแล้วนะ ทำไมมันถึงยังชนอยู่นะ...

    คงไม่ใช่หรอกมั้ง...

              นั้นไง! เธอชนผมอีกแล้วอ่ะ ไม่ใช่ผมชนเธอแล้วครับ เธอนั้นแหละที่ชนผม เป็นการชนเบาๆ จะว่าเธอโดนดันมาก็ไม่น่าใช่นะ ทุกอย่างมันหยุดเคลื่อนไหวมาสักพักแล้ว และผมก็ขยับมาตั้งเยอะแล้ว เธอน่าจะมีที่เหลืออีกดิ

              ผมว่าผมหนีดีกว่า...

              ผมกำลังจะพยายามมองหาช่องทางแทรกไปข้างหน้า

              “ทำอะไรอ่ะ!!” สะดุ้งเลยครับ อยู่เธอตะโกนทำไมเนี่ย

              “นายนั้นแหละ เมื่อกี้ฉันเห็นนะว่านายแต๊ะอั๋งฉัน!” ห๊ะ

              “เข้าใจผิดแล้วครับ ผมเปล่า” ผมพยายามส่ายหัวรัวๆใส่เธอ หน้าผมตอนนี้คงงงเป็นไก่ตาแตกสุดๆ อยู่ๆเธอก็โวยวายขึ้นมาว่าผมแต๊ะอั๋งเธอ ผมไปแต๊ะอั๋งเธอตอนไหนเนี่ย

              “ไม่ได้ทำอะไรล่ะ ก็เห็นอยู่!” ถ้าตอนนี้คุณพูดอะไรออกมาเบาๆ ทุกคนบริเวณนี้ก็คงได้ยินหมดแหละครับ เพราะเราอัดกันเป็นปลากระป๋องเลย แต่นี้เธอดันพูดอย่างดัง ตอนนี้ทุกคนบริเวณนั้นเลยหันมามองที่ผมหมด แถมยังเป็นมองแรงแบบสุดๆด้วย ผมไม่ได้ทำคร้าบบบบ

              “เข้าใจผิดแล้วครับ ผมไม่ได้แต๊ะอั๋งอะไรคุณเลยนะ” ผมยังคงพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ นี้พยายามใจเย็นที่สุดแล้วครับ จะให้ผมโวยวายเธอกลับไปว่า คุณนั้นแหละ มาเบียดผมเอง มันก็คงไม่ใช่สิ่งที่ผู้ชายควรจะทำใช่ไหมล่ะ

              “เฮ้ย ทำจริงก็ยอมรับออกไปดิ” เรื่องมันเริ่มใหญ่ขึ้น เพราะเธอเริ่มร้องไห้ครับ ทำให้คนแถวๆนั้นเข้ามารุมผมกันมากขึ้น

              อะไรวะเนี่ยยยยย

              “อย่าร้องไห้ดิ” ผมเองก็ทำตัวไม่ถูกนะครับพอเธอร้องไห้ อยู่ๆก็รู้สึกว่าตัวเองผิด ทั้งๆที่ไม่ได้ทำสักหน่อย

              “ไหนขอดูน้ำตาหน่อยดิ แค่ทำท่าเหมือนร้องไห้ มันไม่ได้หรอกนะน้อง” ทุกคนเหมือนหยุดชะงักไปเลยเมื่อมีเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมา และเจ้าของเสียงก็ปรากฏตัวให้ทุกคนเห็นในไม่ช้า

               เทียนหอมเหรอ...

              “ว่าไงคะน้อง จะแสดงละครให้ดูอ่ะ มันต้องตีบทให้แตกนะคะ ถ้าตีบทไม่แตกมันจะโปะได้นะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงปกติอาจจะนิ่งกว่านิดหน่อย แต่แค่นั้นก็ทำให้เทียนตอนนี้ดูนิ่งและน่ากลัวสุดๆเลยครับ

               “ได้ยินที่พี่พูดไหมคะ” เธอยังคงถามน้องคนนั้นซ้ำ (ผมพึ่งรู้ว่าเป็นน้องตอนที่เทียนพูดนี้แหละ) และเดินเข้าไปหาน้องเขามากขึ้น แต่ผมกลัวอ่ะ กลัวเธอโกรธที่น้องไม่ตอบและกินหัวน้องเขาก่อนเลยคว้าแขนเธอไว้และดึงให้เข้ามาหาผมแทน

              “ไม่เอาน่า”

              “ไม่เอาอะไรอ่ะเคียว! เรายืนอยู่ข้างหลัง เราเห็นทุกอย่างเลยเว้ย เคียวขยับแล้วขยับอีก น้องคนนี้ก็ยังพยายามจะเข้าไปเบียดเคียวอีก แล้วพอชีเห็นว่าเคียวจะหนีแล้ว ชีเลยดราม่าไง แล้วยังไงอ่ะ เคียวต้องมายอมรับเหรอ ต้องให้คนอื่นเขาตราหน้าว่าเป็นพวกโรคจิตเหรอ ทั้งๆที่เคียวไม่ได้ทำอ่ะนะ เราไม่ยอมหรอกเว้ย!” เธอหันมาตอบผม ดูเทียนตอนนี้จะโกรธแบบฉุดไม่อยู่แล้วครับ

              “ใจเย็นนนน” เธอเกือบจะเข้าไปกระชากน้องคนนั้นแล้วครับ นี้ถ้าผมปล่อยแขนไปเนี่ย คงเข้าชาร์ตน้องเขาเรียบร้อยแล้ว

              “ขอโทษดิน้อง! มีปากไว้ทำไมอ่ะ”

              “เทียน...” เธอไม่ฟังผมเลยครับ ผมทั้งเรียก ทั้งกดเสียงใส่ เธอก็ยังคงจะไฝว้กับน้องเขาให้ได้

              “น้องค่ะ!

              “หนูขอโทษค่ะพี่เทียน...” สุดท้ายน้องคนนั้นก็รับแรงกดดันจากเทียนไม่ได้ จนเอ่ยปากขอโทษออกมา ตอนแรกเธอคงแกล้งร้องไห้เฉยๆแหละครับ แต่ตอนนี้เธอร้องจริงแล้ว ผมบอกแล้วว่าเทียนโครตน่ากลัวเลย น้องเขายังคงร้องไห้สะอึกสะอื้นและพูดไปด้วย

              “หนูไม่รู้ว่าเป็นผู้ชายของพี่เทียน” นี้เธอมีชื่อเสียงในโรงเรียนยังไงเนี่ยเทียนหอม...

              “เปล่า เขาไม่ได้เป็นผู้ชายของพี่หรืออะไรทั้งนั้น แต่ประเด็นคือน้องไม่ควรไปทำแบบนี้ กับใครทั้งนั้น เข้าใจไหมคะ?” น้องเขาพยักหน้ารัวๆส่งคืนมาให้ จะผิดไหม ถ้าผมบอกว่าผมสงสารน้องเขา

              “แล้วที่พี่ให้ขอโทษเนี่ย พี่ให้ขอโทษคนที่น้องไปใส่ร้ายเขา แต่ถ้าน้องจะแถมขอโทษสถาบันเลยก็ได้นะ พี่รู้สึกผิดแทนเลยอ่ะ” ยิ่งเทียนพูดน้องเขาก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้นๆครับ

              “ไม่เป็นไรหรอก ไปเหอะ” สุดท้ายผมก็พยายามจะลากเทียนออกมาจากที่เกิดเหตุ ถ้าปล่อยเธอไว้ตรงนี้ น้องเขาต้องร้องไห้ไม่หยุดแน่ แต่ผมคงลืมไปว่าเราไม่สามารถจะเดินไปทางไหนได้ทั้งนั้น

              “ข้างหน้าทำอะไรอยู่ค่ะ! นั่งขวางทางแล้วข้างหลังเขาจะเดินเข้าไปในสนามยังไงล่ะคะ!” ดูเหมือนเธอยังคงฉุนอยู่แหะ แต่พอเทียนตะโกนแบบนั้น ทุกคนก็แหวกทางให้เราเดินทันที อย่างน้อยก็ได้ผลอ่ะนะ

              ผมลากเทียนเดินเข้ามาในสนามได้สำเร็จ เธอยังคงบ่นงึมงำเป็นหมีกินผึ้งอยู่ตลอดทางเลยครับ

              “เธอว่าน้องเขาแรงไปป่ะเนี่ย” และผมก็เดินเข้ามาจนถึงที่ที่เพื่อนผมนั่งอยู่ โชคดีที่มันจองที่เผื่อไว้ให้ แถมยังมีที่พอให้เทียนนั่งอีกคนด้วย

              “เคียวนั้นแหละ ไปยอมเขาได้ไงอ่ะ ถ้าเคียวยอม มันก็จะเอาอีกนะเว้ย คราวนี้นะ แอลลี่พังแน่ มีเด็กแบบนี้สัก3คนก็แย่จะตายแล้ว นี้ไอ้เด็กพวกนั้นยังโดนหนุนหลังอีกอ่ะ”

              “น้องเขาอาจจะไม่ตั้งใจก็ได้”

              “เคียวววว ต้องให้มันเรียกร้องอะไรก่อนอ่ะ ถึงจะรู้ว่ามันตั้งใจ” ทำไมผมรู้สึกว่ายิ่งเถียงยิ่งเหนื่อยครับ ผมปวดหัวตุบๆแล้วเนี่ย

              “คราวหลังอย่าไปยอมนะเว้ย ครั้งนี้เคียวยังโชคดีนะ คราวหน้าอาจจะไม่โชคดีแบบนี้แล้วก็ได้” ผมเงียบ พอผมเงียบก็ส่งผลให้เทียนเงียบไปด้วย และเธอก็อ่อนลง จากตอนแรกที่บ่นๆๆเริ่มยอมฟังอะไรบ้าง เหมือนเธอเริ่มสงบลงนั้นแหละ สุดท้ายเธอก็ผ่อนลมหายใจยาวๆออกมา

              “เราคงรับไม่ได้อ่ะ ถ้าเคียวยอม เรื่องมันต้องยาวกว่านี้แน่”

              “แต่เราก็ไม่ได้ยอมนะ”

              “แกยอมเว้ย ฉันเนี่ยไม่ยอม”

              “อ่ะๆ ขอบคุณนะ” และเธอยิ้มกว้างส่งคืนมาให้ผม เทียนคนนี้ดีกว่าเทียนคนดุคนนั้นตั้งเยอะครับ

              “แต่เดี๋ยวนะ มาอยู่นี้ได้ไงเนี่ย” เหมือนตอนเธอโกรธเธอหลุดไปอยู่อีกมิติหนึ่งเลยครับ หายโกรธแล้วก็มึนเลย

              “จะไปไหนรึเปล่าอ่ะ เราไม่รู้จะพาไปไหน เลยลากมานั่งกับเพื่อนเราก่อน” ไม่รู้ไอ้กัม ไอ้เกมส์ ไอ้นอร์ธไปไหนครับ ตรงนี้มีแค่รูท เฟรม ยะ เพราะอย่างนั้นผมเลยกล้าลากเทียนมานั่งนี้ด้วยแหละ ถ้าไอ้พวกนั้นอยู่ ต้องแซวกันยาวแน่ๆครับ

              “เพื่อนเคียวเหรอ” ผมพยักหน้า ก่อนที่เธอจะโปรยยิ้มให้รูท เฟรม ยะ ทีละคน

              “เราเทียนหอมนะ เรียกเทียนก็ได้” คำแนะนำประจำตัวเธอสินะ

              “นี้รูท เฟรม และนี้ก็ยะ” ผมชี้แนะนำเพื่อนทีล่ะคน ซึ่งเทียนเองก็พยักหน้ารับ

              “แล้วซีอ่ะ” เออนั้นดิ ผมหันไปมองรูท เป็นเชิงถามมันอีกรอบแทน

              “พาพวกไอ้นอร์ธไปทัวร์หลังเวทีอ่ะ มันบอกว่ามันรู้จักกับเพื่อนที่เป็นนักบอล” อ้ออออ ซีก็ยังเป็นที่รักของน้องๆในชมรมผมเหมือนเดิม

              “มันบอกว่ามันโทรหามึงด้วยนะ แต่มึงไม่รับ” และเฟรมก็เสริมอีกแรงครับ จริงดิ... ผมไม่ได้ยินเลย

              “นั้นไงซี” ผมหันมองตามนิ้วเทียน ซีกำลังเดินขึ้นมาครับ กับพวกไอ้นอร์ธนั้นแหละ

              “อ้าวไปไหนมา” มันทิ้งตัวลงนั่งข้างๆผม ส่วนไอ้พวกที่เหลือนี้ก็ลิ่วตาใส่ผมกันใหญ่เลยครับ พวกมึงนี้...

              “นิดหน่อยอ่ะ เดี๋ยวเล่าให้ฟัง” ซีมันพยักหน้ารับ และหันไปทักทายเทียนที่นั่งข้างผมแทน

              “ไม่เจอนานเลยนะ”

              “คนเรามันก็ต้องมีเวลาไปนั่งวางแผนบ้างป่ะ”  

               “แล้วได้แผนมาว่าไงบ้างอ่ะ”

              “ช่างมัน”

              “หมายถึง?”

              “เคียวบอกเราว่าเคียวมีคนที่ชอบแล้ว แต่คนที่ชอบเนี่ย อาจจะไม่ได้คบกันก็ได้ป่ะ เราก็เลยคิดว่าแล้วยังไงอ่ะ เคียวมีคนที่ชอบแล้ว เราก็แค่ชอบเคียว สักวันเคียวอาจจะชอบเราก็ได้” เธอตอบคำถามนั้นของซีโดยที่มองหน้าผมครับ

              “เราตัดสินใจแล้ว แม้ว่าเคียวจะจีบคนที่เคียวชอบอยู่ แต่เราก็จะจีบเคียวอีกรอบหนึ่ง คนไหนจีบติดก่อน ก็ชนะ”

              เทียนเป็นคนที่นอกเหนือการคาดการณ์ทุกอย่างของผมจริงๆครับ ผมคงต้องกลับบ้าน ไปนั่งวางแผนบ้างแล้วล่ะ

     

     

     

     

     

     

    -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ฮัลโหลลลลล พรุ่งนี้สอบแกทแพทแล้ว อย่าถามว่าพร้อมไหม นิยายยังต้องมาลงก่อนนอนเลยเนี่ย ตอนนี้รู้สึกว่าเหนื่อยมาก เอาจริงๆเลยคือสงสารเคียวมาก นางนี้เป็นทั้งประธานสี ไหนจะมีสาวมาติด ไหนยังต้องสอบแกทแพทอีก ชีวิตมันต้องสู้แบบนี้แหละลูก 55555 สำหรับตอนนี้ก็เป็นอีกหนึ่งตอนที่อาจจะสั้นไปสักหน่อยเนอะ เป็นตอนที่ตั้งใจจะให้รู้จักกับเทียนหอมกันแบบเต็มๆเลย ตอนนี้คงพอจับทางได้แล้วใช่ป่ะว่านางมาสายไหน ก็นั้นแหละ จะพยายามหาเวลามาต่อให้นะ ถ้าอัพช้าต้องขอโทษไว้ก่อนเลย นี้ก็พยายามไม่ให้มันช้าไปแล้วนะ

    คอมเม้นต์หน่อยนาจา

    ซียูซูน เย่

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×