ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    mindmate

    ลำดับตอนที่ #31 : ผู้หญิงคนนั้นชื่อ...

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 478
      5
      25 ต.ค. 58

    31

              ถ้าอยากเห็น ก็มาเจอเลยยย พาเหรดของแอลลี่เราจะใส่กำไลอันนี้นะ อย่าลืมพาเขามาด้วยล่ะ เจอกันนะ

              ผมอ่านคอมเม้นต์ที่ตอบมาล่าสุดจนจบและหันไปมองคนที่ยื่นโทรศัพท์มาให้ผมอ่าน

              ดูความลงทุนของซีนะครับทุกคน เรานั่งทำงานที่โรงเรียนต่อกันสักพักก่อนที่จะแยกย้ายกลับบ้านใครบ้านมัน เพราะรอตั้งนานเจ้าของกระทู้คนนั้นก็ไม่ตอบมาสักที กลับถึงหอผมก็แยกกับซีตามปกติ ตอนนี้เกือบจะทุ่มหนึ่งแล้ว มันดันมาหาผม เพื่อที่จะเอาคอมเม้นต์นี้มาให้ผมอ่าน

              แต่เจ้าของกระทู้ที่ตอนนี้เรารู้แล้วว่าเธอเป็นผู้หญิง อยู่ที่โรงเรียนแอลลี่ นี้ก็ฉลาดเหมือนกันนะ เธอไม่ได้ให้รูปมาเลยแบบที่ซีขอไปหรอกครับ แต่เธอตอบมาตามข้อความด้านบนเลย พร้อมกับแนบภาพกำไลเงินมาด้วย สวยดีนะครับ แต่แค่บอกมาว่าจะใส่กำไลอันนี้ในขบวนพาเหรด ก็ไม่ได้หมายความว่าจะหาเจอง่ายๆ ขบวนพาเหรดนี้ออกจะยาว คนก็เยอะ แล้วจะมีคนตั้งกี่คนที่ใส่กำไลนี้ล่ะ

              “ก็ไม่แน่ว่าจะเจอป่ะวะ”

              “กูว่าเจอ”

              “มึงรู้ได้ไง”

              “กูว่าเธอเป็นผู้หญิงมั่นคนหนึ่งเลยนะ มาตั้งกระทู้ตามหามึง แล้วพอขอรูป ก็ส่งรูปกำไลมาแล้วบอกว่าจะใส่เดินในขบวน แสดงว่าเธอต้องมั่นใจอยู่ระดับหนึ่งแหละว่ากำไลมันจะบอกว่าเป็นเธอได้ อาจจะใส่คนเดียวอะไรแบบนี้” อีกไม่ถึงอาทิตย์ก็กีฬาสีของแอลลี่แล้วสินะ รวมถึงเปิดเทอมของพวกผมด้วย แค่คิดก็ขี้เกียจแล้วชีวิต

              “น่าจะสวยน่าดูเลยนะ” ซีมันพยักหน้าเห็นด้วย

              “มึงอยากเจอมากกว่ากูอีกนะกูรู้สึก” ซีมันขำ

              “ก็เออ อยากเห็นอ่ะ คนที่ชอบมึงมากขนาดนั้นเลยนะ”

              “หึงกูอ่ะดิ” มันทำหน้าเบ้ครับ เอ๊ะนี้มึง...

              “ไม่เชิง แค่อยากเห็นอ่ะ อยากรู้จัก ถ้าสมมติว่าวันหนึ่งมึงรู้สึกว่าพลาดที่เลือกกู มึงจะได้เลือกคนใหม่ได้เลยไง” ทฤษฎีอะไรเนี่ย

              “กูเลือกแล้วเลือกเลยว่ะ ทฤษฎีมึงคงใช้ไม่ได้แล้วแหละ” ซีมันวางโทรศัพท์ลง เป็นสัญญาณว่ามันจะคุยแบบจริงจังแล้วครับ

              “กูพูดจริงๆนะ”

              “กูก็พูดจริงๆ”

              “กูอยากให้มึงเจอคนดีๆนะเคียว”

              “มึงถือไปคนที่ดีสุดๆอีกคนในชีวิตกูเลยนะ”

              “คนที่เขาพร้อม... ให้มึงบอกใครต่อใครอ่ะ”

              “กูพร้อมบอกนะซี อยากให้มึงรู้ไว้”

              “มึงแน่ใจใช่ป่ะเคียว” ผมพยักหน้า อาจจะจริงแหละที่ผมก็ค่อนข้างจะเจ้าชู้ แล้วเรื่องผู้หญิงอะไรพวกนี้ผมก็ผ่านมาเยอะ ถึงอยู่ๆผมจะมาคบกับผู้ชาย แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะชอบผู้ชายทุกคนนี้ครับ ผมก็ยังชอบผู้หญิง ยังมองผู้หญิงอยู่ แต่ก็อยู่ในขอบเขตที่ผมรู้ว่าผมรักใคร

              ผมไม่เคยรู้สึกอยากจะทำตัวดีๆกับใครสักคน จนมาเจอซีเนี่ย ผมตัดสินใจแล้ว และก็มั่นใจด้วย ว่าผมจะต้องเป็นคนดีสำหรับมัน ผมจะไม่มีทางทำร้ายมัน

              ความเสี่ยวทั้งหมดนี้...

              “เออ” ผมยังคงพูดย้ำไปอีกที

              “โอเค งั้นกูไม่เกรงใจนะ”

              “เรื่อง?”

              “กูอยากให้มึงรู้จักกับใครก็ตามที่ตั้งกระทู้นี้ เพราะกูรู้ว่ายังไงเขาคนนั้นก็หวังดีกับมึงแน่ๆ เขาดูแลมึงได้ กูเลยตื่นเต้น” ซีก็ยังคงเป็นซีครับ

              “มึงไม่ต้องทำเพื่อกูขนาดนี้ก็ได้ ถ้าสมมติกูชอบคนที่ตั้งกระทู้ขึ้นมาจริงๆ มึงจะทำไง” ซีมันยักไหล่

              “ทำไรไม่ได้ป่ะวะ ถ้ามึงจะไปอ่ะ แต่มึงก็พึ่งพูดไปว่ามึงจะไม่ไป กูก็ลอยตัวแล้ว” มึงนี้แม่ง

              “แต่เอาจริงๆ กูก็อยากเจออย่างที่พูดแหละ อย่างน้อยเห็นหน้ากันสักครั้งก็ยังดี แล้วจะยังไงต่อก็ค่อยว่ากันอีกที”

              “ตามนั้นล่ะกัน”

     

              เวลามันผ่านไปเร็วนะครับ

              เผลอแปบเดียวก็เปิดเทอม

              แต่เปิดเทอมยังไม่เท่าไหร่ เพราะส่วนมากครูเขาก็ให้เวลาเตรียมงานกีฬาสีทั้งนั้นแหละครับ รวมๆเลยยังไม่ค่อยมีงานอะไรให้เคลียร์เท่าไหร่ มีก็แต่กีฬาสีเนี่ย ที่ต้องเตรียมงาน

              พอเปิดเทอม เพื่อนเยอะๆมันก็เลยโอเคขึ้นแล้วครับ งานทุกอย่างเสร็จไปด้วยดี (โดยที่ผมนอนค้างโรงเรียนอยู่3วันกว่าจะมาถึงจุดนี้) เหลือเก็บงานรายละเอียดอีกนิดหน่อย

              แต่สิ่งที่อยู่ในหัวผมกลับไม่ใช่เรื่องงานกีฬาสีของโรงเรียนผม แต่เป็นกีฬาสีของแอลลี่ต่างหาก

              ว่าจะไม่ตื่นเต้นแล้วนะ

              พอถึงวันจริงๆมันก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้แหะ

              ความรู้สึกของคนไปดูตัวมันเป็นแบบนี้นี่เอง

              แต่ผมไม่ได้จะไปดูตัวนะ...

              อยู่ไหนแล้วเนี่ยยยยยย

              กำลังไปๆ

              เร็วๆได้ไหมพี่เคียววววว

              เออ 4นาทีเจอกัน ไม่ดิ3นาทีผมกดวางสายจากนอร์ธและเร่งฝีเท้าขึ้นไปอีก วันนี้เป็นวันกีฬาสีใหญ่ของแอลลี่แล้วครับ แล้วผมก็ตื่นสายตามระเบียบ เมื่อคืนนอนดึกมากอ่ะ นอนแบบเช้าอีกวันเลย จะไม่ให้ตื่นสายได้ไงจริงไหมล่ะ

              โชคยังดีอยู่นิดหนึ่งที่ผมแวะมาแอลลี่บ่อย (รู้ใช่ป่ะว่ามาทำไรอุอิ) ผมแทรกตัวผ่านคนนู้นคนนี้ที อาศัยความตัวเล็กของตัวเองให้เป็นประโยชน์ครับ เมื่อกี้ไอ้นอร์ธบอกว่าอยู่แถวๆใต้สะพานลอยสินะ เลือกที่ดีเลยนะมึง

              “พี่เคียว!

              “อะไรเล่า” ผมกำลังเดินแทรกผู้คนไปเรื่อยๆ แต่อยู่ๆไอ้นอร์ธก็โผล่มาก่อนครับ

              “ผมรู้ว่าพี่ต้องหาไม่เจอเลยมารับไง”

              “ดูถูกนะมึง กูไปถูกเว้ย”

              “รีบเหอะพี่ ขบวนจะเดินแล้ว” ผมเร่งฝีเท้ามากขึ้นไปอีก แต่เดินต่อไปได้อีกไม่กี่ก้าว ผมก็ได้ยินเสียงกลองขึ้นมาก่อน เสียงกลองของวงโย... ผมหยุดเดินไปเองโดยอัตโนมัติ ถ้าเราเดินและขบวนก็เดิน ก็ไม่ต้องดูมันแล้วครับ และเหมือนนอร์ธมันจะคิดเหมือนผม เพราะมันเปลี่ยนแผนเป็นแทรกผู้คนเพื่อเดินไปอยู่ข้างหน้าแทนโดยไม่ลืมที่จะลากผมตามไปด้วย

              สุดท้ายผมกับนอร์ธก็โผล่มาอยู่หน้าสุด พยายามจะย่อตัวให้ต่ำที่สุดเพราะกลัวบังคนข้างหลังครับ เห็นวงโยเดินมาแล้วครับ ระหว่างที่รอให้ขบวนพาเหรดเดินผ่านมา ผมก็หันไปเจอช่างกล้องที่ยืนรอขบวนอยู่อีกฝั่งหนึ่งก่อน แต่มันนี้ไม่เห็นผมหรอกครับ สุดท้ายเพื่อนของมันก็สะกิดให้มันหันมามองผม เพื่อนมันเนี่ยนะโอ้โหหหห

              เออผมขอเล่าหน่อย เพื่อนสนิทไอ้ซีที่ม.ส.นี้สุดจะทนจริงๆครับ เหมือนสร้างมาเพื่อฆ่ากับผมอ่ะ ทั้งกวนตีน ทั้งปากหมา เอาเป็นว่าเป็นคนประเภทที่จะได้หมัดจากผมอ่ะครับ แต่มันดันเป็นเพื่อนสนิทซีไง แล้วซีมีเพื่อนสนิทคนเดียว ผมล่ะเชื่อเลย มันชื่อไอ้เป้ครับ แต่ไม่ต้องไปรู้จักมันมากหรอก ขนาดผมยังไม่ค่อยอยากจะรู้จักมันเท่าไหร่เลย

              กลับมาที่ซี มันหันมาเห็นผมและโบกมือทักทายผม ซีโดนจ้างมาถ่ายรูปครับ จ้างอ่ะจ้าง จ้างที่ได้เงินอ่ะ ผมโครตอิจฉาเลย ผมไม่คิดว่าแอลลี่เขาจะจ้างช่างภาพจากม.ส.ครับ แต่ซีมันบอกว่าแอลลี่จ้างเกือบทุกปีนั้นแหละ ผมย้ายไปอยู่ชมรมถ่ายรูปไม่ทันแล้วใช่ไหม

              ผมเลิกทักทายไอ้ซีเพราะตอนนี้ขบวนพาเหรดเดินเข้ามาในรัศมีที่พอจะมองเห็นแล้วครับ ผมมองแขนก่อนเลยเนี่ย เป็นครั้งแรกเลยนะที่ผมสนใจแขนมากกว่าส่วนอื่น แต่ผมอยากรู้จริงๆนี้หนาว่าคนไหน

              ตอนนี้มันก็มีแค่วงโยป่ะครับ วงโยก็ไม่ใส่เครื่องประดับอะไรอยู่ล่ะ ผมเลยไม่ได้ใส่ใจจะหาอะไรจริงจังมากนัก

              แต่เดี๋ยว...

              พอผมจะปล่อยอะไรสักอย่าง มันต้องมีอะไรให้สะดุดตาทุกทีสินะ

              “เหยด...” ผมได้ยินเสียงไอ้นอร์ธดังขึ้นมา เป็นคำที่ผมอยากจะพูดเหมือนกันครับ ใครมันจะไปคิดล่ะว่า

              เธอเป็นดรัมเมเยอร์ของโรงเรียน

              ดรัมเมเยอร์ที่นำขบวนพาเหรด

              บ้าไปแล้ววววว

              เธออยู่ในชุดสีขาว กระโปรงฟูฟ่อง สั้นเลยเข่าขึ้นมานิดหน่อย ประดับประดาไปด้วยอะไรสักอย่างที่เข้าใจยากแต่พอมารวมๆกันแล้วมันก็สวยดีนะครับ และที่สะดุดตาผมที่สุดก็คงหนีไปพ้นกำไลสีเงิน ที่เข้ากั๊นเข้ากันกับชุดของเธอ

              แล้วรองเท้านี้ใส่เข้าไปได้ไงครับ ผมว่ามันน่าจะสูงสัก2-3นิ้ว เป็นส้นเข็มด้วยนะ แถมเธอยังต้องควงคฑาไปด้วยอีก

              เธอโปรยยิ้มไปรอบๆและแล้วมันก็วนมาที่ผม

              ผมไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมยังยืนอยู่ตรงนั้น ตอนที่เธอหันมาเห็นผมเหมือนเธอจะเสียสมดุลบนส้นเข็มสูงๆนั้นของเธอไปสักหน่อย ถ้าเธอล้มขึ้นมานี้ทำไงครับ แต่สุดท้ายแล้วเธอก็กลับเข้าสู่โหมดเดิมได้สำเร็จ ความพีคมันอยู่ถัดจากนี้ครับ เพราะพอเธอจับจังหวะได้ ยืนตัวตรงเหมือนเดิมได้

              เธอก็ยิ้มให้ผม

              ตั้งใจยิ้มให้ผมสุดๆเลยอ่ะ

              ผมถึงกับต้องทำเนียนๆเป็นมองผ่านไป ปกติผมชอบนะครับโดนผู้หญิงรุกอ่ะ แต่ในกรณีที่ผมไม่สามารถเล่นกับเธอได้ ผมก็อยากให้เธอไปรุกคนอื่นแทนมากกว่า

              สุดท้ายผมก็ละสายตาจากเธอแล้วเดินแทรกเข้ามาด้านในแทน

              “พี่เคียวพี่เห็นใช่ป่ะ” ไอ้นอร์ธที่เดินตามผมเข้ามารีบพูดอย่างรัวเลยครับ แต่ผมไม่ได้ตั้งใจฟังมันสักเท่าไรหรอก ในหัวผมตอนนี้มีแต่ทำไมเป็นคนนี้อ่ะ ทำไมต้องผู้หญิงคนนี้

              เธอนี้สเปกผมสุดๆเลย

              ให้ตายเหอะ

               “เขายิ้มให้พี่ด้วย ผมสาบานได้ว่าเขายิ้มให้แค่พี่ ผมยืนอยู่ข้างๆผมเห็นชัดมากกกก” ไอ้นอร์ธยังคงพ่นคำพูดของมันต่อไป ส่วนผมก็ออกเดิน เรายังมีจุดมุ่งหมายที่จะไปหาเพื่อนที่ใต้สะพานเหมือนเดิมนี้ครับ

              “สุดยอดเลยอ่ะพี่ ดรัมไม้หนึ่งของแอลลี่ ดรัมของโรงเรียน แอบชอบพี่จนไปตั้งกระทู้ตามหา พี่ทำได้ไงวะ” แต่แลมึงจะพูดเยอะไปแล้วนะนอร์ธ

              “หุบปากนา”

              “ทำไมอ่ะ! ผู้หญิงคนเมื่อกี้ที่โครตสวยสุดๆนั้นนะ มองยังไงก็สเปกพี่ชัดๆเลยนะ ไม่ชอบเหรอ”

              “พอเลยนะนอร์ธ ได้เห็นหน้าแล้ว จบล่ะ เราจะไม่คุย ไม่สานต่ออะไรทั้งนั้น เราจะจบเรื่องนี้แค่ตรงนี้ โอเคนะ” นอร์ธมันทำหน้าไม่เข้าใจสุดๆใส่ผม เข้าใจหน่อยเถอะนอร์ธ ผมไม่รู้ว่าถ้าเราคุยกัน รู้จักกัน ผมจะเผลอหลงเสน่ห์เธอรึเปล่า ทางที่ดีคือชิงตัดไฟตั้งแต่ต้นลมดีกว่าครับ

              โลกมันเล่นตลกอะไรกับผมเนี่ย

     

    Cc :

    สไตล์มึงสุดๆเลยงึ

     

              ผมอ่านไลน์ที่ซีส่งมา ทุกคนพูดแบบนี้หมดครับ ทุกคนที่รู้จักผม ไม่ว่าจะไอ้รูท ไอ้เฟรม ไอ้ยะ ทุกคนทักเหมือนกันหมดว่าสไตล์มึงนิๆ ซึ่งผมก็ตอบทุกคนไปว่า จ๊ะ

     

    Kw :

    จ๊ะ

              รวมถึงตอบซีด้วย

     

    Cc :

    สงสาร 555555555555555555555555555555555555555555555555555555

     

              สงสารตอแหลมาก...

              ผมเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงและสนใจกับกีฬาชนิดแรกที่จะแข่งกัน เหมือนจะเป็นวิ่งผลัดนะ เหตุผลที่ผมมาอีกอย่างหนึ่งคือผมจะมาดูสแตนครับ เพราะพวกผู้หญิงนี้จะมีความคิดสร้างสรรค์ด้านความสวยๆงามๆเยอะ เผื่อจะไปดัดแปลงใช้กับกีฬาสีโรงเรียนตัวเองได้บ้าง แม้จากที่ดูจะยากหน่อยก็เถอะ มันอลังการรึเกินครับ ไม่มีสีไหนยอมกันทั้งนั้น

              แต่เขาจะแข่งกันแล้วเนี่ย ผมยังไม่เห็นไอ้ซีเลย มันอยู่ไหนเนี่ย ไม่ต้องถ่ายรูปรึไง เห็นแค่ทักไลน์มาแล้วตัวมันอยู่ไหนเนี่ย

              “เห็นซีป่ะ” ผมอยากจะทำเนียนๆเป็นเหวี่ยงมือตบหัวมันจริงๆ ผมกำลังมองหาซีอยู่แต่แล้วคนที่ควรจะอยู่กับมัน กลับมาทักผมซะก่อน

              “กูควรถามมึงป่ะ” ไอ้เป้มันทำหน้าย่นใส่ผม ทำไมมึงมีความสามารถทำให้กูหงุดหงิดได้ขนาดนี้เนี่ย แถมเมื่อกี้มันเอาไม้มาเขี่ยๆผมด้วยครับ สะกิดเป็นไหม มือไม่มีเหรออออ

              “จะมาถามกูได้ไง มึงเป็นเมียมันนะ” ผมไม่เคยว่าเลยนะถ้าซีมันจะเล่าให้ใครฟัง และมันจะเล่าให้เพื่อนสนิทมันฟังก็ไม่แปลก แต่แปลกตรงที่ทำไมเพื่อนมันเป็นไอ้เป้นี้ มึงนี้เลือกคบเพื่อนไม่เป็นเลยนะซี

              “มึงเป็นเมียเก็บมันมาตั้งหลายปีทำไมไม่ถามตัวเองดูอ่ะ” มันกลอกตาใส่ผม จำได้เลยว่าครั้งแรกที่เจอมัน มันทักผมว่า คนนี้เนี่ยนะ ถามจริง มันคงคิดว่าผมจะเป็นผู้ชายตัวเล็กๆหน้าหวานๆอะไรแบบนั้น

              “ไม่รู้ก็บอกว่าไม่รู้ดิ ไม่ใช่มาชวนคุย มึงอ่อยกูไม่ติดหรอกนะ” คราวนี้ผมกลอกตากลับไปให้มัน มันตั้งใจจับผิดผมทุกเรื่องบนโลกครับ คงไม่สงสัยแล้วใช่ไหมว่าทำไมผมถึงไม่ถูกกับมัน

              “มึงก็สงบจิตสงบใจหน่อยนะ ท่องไว้ว่าแฟนเพื่อน ไม่ใช่เพื่อนเผลอก็มาชวนคุย” คราวนี้มันถอนหายใจใส่ผมแล้วก็เดินไปเลยครับ ไปสักทีเถอะมึง ให้มันรู้ซะบ้างว่าเล่นกับใคร

              ว่าแต่ซีมันหายไปไหนวะเนี่ย

     

    Special Part : Cirrus

              ผมกดส่งไลน์ไปแซวเคียว อดไม่ได้จริงๆครับ ผู้หญิงคนนั้นก็สวยจริงๆนั้นแหละ ผมเคยคิดว่าสเปกเคียวนี้น่าจะหายาก มันไม่ได้หาผู้หญิงที่โครตสวยจนไม่มีใครเทียบหรืออะไรแบบนั้น แต่มันหาผู้หญิงแบบนี้แหละครับ ผู้หญิงแบบที่ตามหามัน

              สงสารมันเหมือนกันนะ มาเจอในวันที่สายไปแล้ว

              แต่ไม่ต้องห่วงครับ ผมไม่พระเอกขนาดเดินจากมันมาแล้วให้มันไปรักกับคนนั้นแน่นอน ผมจะไปก็ต่อเมื่อเคียวเป็นคนบอกให้ผมไป ถ้ามันไม่บอก ผมก็ไม่ไปหรอกครับ

              ผมกำลังจะเดินไปสนามกีฬาแล้วตอนที่หันไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งรออะไรสักอย่างอยู่

              ผู้หญิงคนเดิม

              ไม่รู้อะไรเข้าสิงครับ แต่ผมเดินเข้าไปหาเธอ พอเธอยังคงนิ่งๆ ผมเลยถือวิสาสะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆเธอซะเลย

              “ไม่ให้ไลน์ ไม่ให้เบอร์ ไม่ให้จีบอะไรทั้งนั้นนะ ผัวดุ”

              “เฮ้ยจริงดิ” ตอนแรกเธอพูดโดยไม่หันมามองผมด้วยซ้ำครับ แต่พอผมตอบกลับไปพร้อมกับกลั้นหัวเราะไปด้วย เธอเลยยอมหันมามองผม

              “ทำไม” เธอถามกลับ

              “ก็แค่แปลกใจอ่ะ คนที่ผัวดุนี้เขาตั้งกระทู้ตามหาคนอื่นได้ด้วยเหรอ” คราวนี้เธอตกใจสุดๆเลยครับ เธออ้าปากค้าง ตาโตแล้วก็ชี้นิ้วมาที่ผม

              “รู้ได้ไงอ่ะ”

              “อ้าวววว ก็คุยกันอยู่”

              “เฮ้ย! นายที่คือคนที่ขอภาพเหรอ” ผมพยักหน้า

              “นึกว่าคนนั้นเป็นคนขอซะอีก”

              “ก็ประมาณนั้นแหละ แต่เราเป็นคนพิมพ์อ่ะ” เคียวมันก็อยากเห็นเหมือนกันนี้หนา

              “หมายถึงเขาก็อยากเห็นเราเหรอ” เขาในที่นี้คือเคียวสินะ

              “อื้ม”

              “ดีใจน้ำตาจะไหล เออนาย... นายอะไรนะ”

              “ซีรัส เรียกซีก็ได้”

              “โอเคซี เราเทียนหอมนะ เรียกเทียนก็ได้” และเธอก็ยืนขึ้นพร้อมๆกันหมุนตัว1ที ผมพึ่งสังเกตว่าเธอถอดรองเท้าส้นเข็มนั้นออกแล้วครับ ตอนนี้เธอเลยยืนเท้าเปล่า

              “วันนี้เราสวยป่ะ”

              “ห๊ะ”

              “ตอบมาเถอะนา”

              “ก็...สวยดีนะ” เธอทำท่าพอใจกับคำตอบของผมสุดๆก่อนที่จะทิ้งตัวลงนั่งเหมือนเดิม

              “นี้ตั้งใจแต่งสุดๆล่ะเถอะ ตื่นมาแต่งหน้าตี3นะเว้ย ชุดนี้ก็สั่งตัดอย่างดี รองเท้าบ้านั้นก็เดินลำบากจะตาย ยอมใส่เพราะมันใส่แล้วสวยหรอกนะ ดูเท้าเราดิ บวมหมดแล้วเนี่ย รองเท้ากัดด้วย ลงทุนขนาดนี้ล่ะ ทำไมเขาไม่สนใจเราเลยวะ”

              “ชื่อเคียว” เธอหันกลับมามองหน้าผม

              “เขา...ชื่อเคียวเหรอ...” เธอทวน หลังจากนั้นก็เงียบไปแปบหนึ่ง

              “เออเคียวนั้นแหละ ทำไมไม่สนใจเราเลยวะ หรือว่าไม่ชอบผู้หญิงแบบเรา”

              “ตรงกันข้ามเลยเหอะ”

              “จริงดิ แล้วทำไมเมินอ่ะ เฟลนะแก” เธอบ่น แต่ดูไม่น่าสงสารเลยครับ ดูน่าเอ็นดูอ่ะ เหมือนตอนเด็กตัวเล็กๆถูกพ่อแม่เมินอย่างนั้นแหละ

              “มันอาจจะไม่ได้เมินก็ได้ คิดไปเองรึเปล่า”

              “ไม่ได้เมินเหรอซี เคียวหันมา เราก็ยิ้มให้เว้ย แล้วทีนี้ก็หันไป แล้วก็เดินไปเลยอ่ะ” ทำไมพอเธอพูดแล้วเคียวดูใจร้ายสุดๆเลยครับ แต่มันทำแบบนั้นจริงดิ

              “ถ้าไม่ใช่เรื่องเราไม่สวย แล้วมันเรื่องอะไร” เธอยังคงบ่นงึมงำของเธอต่อไป

              “ไม่ใช่เรื่องความสวยหรอก มันไม่ได้เป็นคนแบบนั้น”

              “ใช่ป่ะ! เราก็ว่าเขาน่าจะเป็นคนดีนะ อุตสาห์อ่อยจะตายแล้วเนี่ยยยย” สุดท้ายเธอก็ตะโกนออกมาเลยครับ โชคดีที่บริเวณนี้ไม่มีใครแล้ว นอกจากผมกับเทียน คนอื่นๆน่าจะไปที่สนามกันหมดแล้วแหละ

              “อย่างน้อยๆก็น่าจะได้รู้ชื่อจากปากเขาดิ คุยกันสักคำ แนะนำตัวสักประโยคก็ยังดี แต่นี้ยังไม่ทันทำอะไรเขาก็เมินเราแล้ว มันเป็นแผลในใจเรานะ”

               “ถ้าคุยกันแล้วไม่ชอบ อย่างน้อยก็ยังได้เป็นเพื่อนกัน... นี้เราอุตสาห์ตั้งกระทู้ตามหาเขา ไม่อยากให้เขาหายไป แต่กลับกลายเป็นว่า เขาหายไปมากกว่าเดิมอีก คราวนี้เขารู้แล้วด้วยว่าต้องหนีหน้าใคร อย่างนี้เราจะทำยังไงอ่ะ แค่โอกาสเป็นเพื่อนยังไม่ได้เลยเหรอ...” ผมปล่อยให้เธอบ่นไปเรื่อยๆโดยไม่ได้พูดอะไรแทรกไป

              “ซี”

              “ว่าไง”

              “เคียวมีแฟนแล้วเหรอ” ผมหันไปมองหน้าเธอ เธอทำหน้าจริงจังส่งมาให้ผม เธอคงจะจริงจังกับคำถามนี้มากแหะ แล้วผมควรตอบว่าอะไรล่ะเนี่ย เอาจริงๆผมไม่อยากบอกเธอเลย ผมอยากเป็นเพื่อนกับเธอนะครับ

              “เราสืบมาแล้ว มีคนบอกว่ายังโสด แต่อาจจะคนนอกเกินก็เลยไม่รู้ก็ได้ แต่ถ้าเป็นซีก็น่าจะรู้ใช่ป่ะ” ผมยังคงเงียบอยู่

              “ถ้าเราถามเคียวด้วยตัวเองได้ก็คงดี... แต่ว่าเราทำไม่ได้ เลยต้องมาถามซีแทน”

              “ถ้าได้คุยกับมัน จะคุยเรื่องอะไร”

              “อันดับแรกก็ต้องรู้จักกันอย่างเป็นทางการก่อน เป็นเพื่อนกันก็ยังดี”

              “โอเค งั้นเก็บคำถามนั้นไว้ถามมันเองเหอะ” เธอเลิกคิ้วใส่ผม

              “หมายความว่า?”

              “เราจะโทรตามมันให้ แล้วจะคุยอะไรกับมันก็คุยซะ” เธอเหมือนจะยังอึ้งอยู่ แต่ผมนี้กดโทรออกหาเคียวแล้วครับ เอาน่า อย่างน้อยๆเป็นเพื่อนกันก็ยังดีใช่ไหมล่ะ แล้วเทียนก็บอกเองว่าอยากเป็นเพื่อนกับมัน เอาจริงๆแล้วถ้ารู้จักกันเทียนอาจจะไม่ชอบมันก็ได้ ผมแค่อยากจะให้โอกาสเธอได้ลองคุย มันคงแย่ถ้าเรื่องมันจบโดยที่เธอไม่รู้ว่าเธอผิดอะไรและก็เอาแต่โทษตัวเองแบบนี้

              เธอดูเป็นคนดีนะ เป็นคนน่ารัก เป็นผู้หญิงประเภทที่กล้าได้กล้าเสีย พร้อมเสี่ยง พูดจาตรงๆไม่มีเฟค

              มีผู้หญิงแบบนี้เป็นเพื่อนก็น่าจะดีนะครับ

    Special Part : The End

     

     

     

     

     

     

    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    ฮัลโหลลลลลล พรุ่งนี้เปิดเทอมจ้า #ฮือออออออออ เอาจริงๆนะ เราชอบบทเทียนหอมมาก เราชอบผู้หญิงแบบนี้ พวกลุยๆตรงๆเอาไงเอากัน ไม่กลัวใคร แรงๆหน่อย แต่ก็รักเพื่อนกับคนที่เขารักมากกกกๆ ดังนั้นเราเลยรอคอยเวลาให้เทียนหอมออกมายาวนานมาก ความชอบนี้เริ่มตั้งแต่ชื่อเลย เป็นไงล่ะชื่อเทียมหอม ความเวิ่นเว่อของคนแต่งล้วนๆจ้า 555555

    สุดท้ายนี้ ก็เหมือนเดิม คอมเม้นต์ค่ะ ขอบคุณล่วงหน้าเลยนะ เม้นต์หน่อยยยย

    เจอกันค่าาาา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×