ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วิวาห์ร้าย ใต้เงารัก

    ลำดับตอนที่ #28 : บทที่19 "ลูกเมียข้าใครอย่าแตะ!!" Part2 รีไรท์แก้คำผิดค่ะ ว่างๆอ่านใหม่นะคะ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.14K
      28
      23 พ.ย. 52


    บทที่19 "ลุกเมียข้า ใครอย่าแตะ!!" part2
    ************************************

               ************************************

                   “ปัง” เสียงประตูปิดลง ห้องพักคนไข้เงียบสงัดชั่วอึดใจเมื่อลับร่างของชายหนุ่มที่ทำกิริยาไม่ต่างจากคนเถื่อน เธอรู้สึกโกรธเขาจริงๆ...อยากจะโกรธกับท่าทีหยาบคายที่เขาแสดงออกกับราล์ฟซึ่งเปรียบเสมือนพี่ชายคนหนึ่งของเธอ แต่ไม่รู้เพราะอะไรหัวใจของเธอมันถึงได้เต้นแรงแถมอ่อนยวบยาบไปหมดเหมือนมีผีเสือนับพันตัวแข่งกันกระพือปีกอยู่ข้างใน

                ไม่ต้องมีใครมาบอกพิมลดาก็รู้ว่าพี่วินหึงเธอจนลมออกหู และเหมือนคำพูดของเขายังวนเวียนอยู่ในหัวเธอไม่ไปไหน ถ้าคิดจะเอาไอ้ฝรั่งหัวทองนี่มาเป็นกันชนล่ะก็...พี่ไม่ยอมแพ้แน่ พิมกับลูกไม่มีทางสลัดพี่ทิ้งได้ง่ายๆหรอก' มันคงไม่ผิดหรอกใช่ไหมหากเธอจะดีใจกับสิ่งที่ได้ยิน เพราะคงมีแต่เพียงพระเจ้าเท่านั้นที่ทรงทราบว่าเธอไม่เคยแม้แต่จะคิดสลัดเขาทิ้ง!!

                หญิงสาวยิ้มกับตัวเองอย่างสุขใจกับความคิดที่ว่าอย่างน้อยเขาก็ไม่เคยคิดจะไปจากเธอ พิมลดากอดลูกน้อยในอ้อมแขนที่ยังคงสะอื้นฮักๆ อยู่อย่างน่าสงสารพลางปลอบโยนไปด้วยอย่างใจเย็น “ออกัส...หนูอย่างอแงสิลูก เดี๋ยวคุณพ่อก็มาหาเราอีก ไม่ใช่ว่าจากกันแล้วจะลาลับเสียเมื่อไหร่”

                ศีรษะเล็กเลื่อนห่างจากใบหน้าของคนเป็นแม่ ริมฝีปากแดงปลั่งยื่นออกอย่างแสนงอนบ่งบอกถึงความเอาแต่ใจ แต่ออกัสอยากให้พ่ออยู่ด้วยนี่...ทำไมพ่อไม่อยู่กับออกัสล่ะฮะ

                พิมลดาถอนใจบางทีออกัสก็เอาแต่ใจจนไม่ยอมฟังใครเหมือนกัน เธอไม่สงสัยเลยว่าลูกไปได้เชื้อเอาแต่ใจแบบนี้มาจากใคร...อย่างกับโคลนนิ่งกันออกมาเชียวนะ!

                หญิงสูงวัยที่มองอยู่นานทนไม่ไหว จำต้องยื่นมือเข้ามาช่วย "คุณพิมปล่อยคุณหนูออกัสให้ป้าเถอะคะ"

                “ขอบคุณค่ะมิเชล เดี๋ยวช่วยจัดการเรื่องค่ารักษาพยาบาลด้วยนะคะ พิมจะกลับบ้านคืนนี้เลยดีกว่าค่ะ ไม่อยากนอนโรงพยาบาลนานๆ ยิ่งนายใหญ่บินตรงมาจากอังกฤษเองแบบนี้ ถ้าพิมอู้งานลาพักมีหวังพาดีพาร้ายได้ตกงานแน่ๆ”พิมลดาบอกกับพี่เลี้ยงสูงวัยพลางลุกขึ้นจากเตียงในอ้อมแขนยังมีร่างของลูกชายที่ยังคงซบหน้าอยู่กับซอกคอของเธอไม่ยอมห่าง

                หญิงสาวส่งลูกชายให้มิเชลที่รอรับอยู่แล้ว เอ่ยสอนลูกไปด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนน่าฟัง "ถ้าหนูงอแงและทำตัวไม่มีเหตุผลแบบนี้ มันไม่น่ารักรู้ไหมลูก หนูเป็นลูกผู้ชายอนาคตข้างหน้าต้องดูแลพึ่งพาตัวเอง ต้องใช้เหตุและผลนำทางชีวิต ไม่ใช่ใช้แต่อารมณ์ความรู้สึกเป็นใหญ่"

                พิมลดาไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่ตนพร่ำพูดกับเด็กสามขวบมาตลอดนั้นจะแทรกซึมเขาไปในหัวของลูกมากแค่ไหน หากเธอรู้ว่าในวันข้างหน้า เมื่อเขาเติบโตขึ้น เป็นผู้ใหญ่ขึ้น เขาจะนึกถึงน้ำคาที่แม่คนนี้พร่ำสอนปากเปียกปากแฉะมาตลอด

                    "บอกคุณแม่ไปสิคะ ว่าออกัสจะไม่งอแงแล้ว ออกัสจะเป็นเด็กดี"หญิงสูงวัยสอนเด็กชายเบาๆ จนร่างในอ้อมกอดของเธอหยุดร้องไห้

                    มือเล็กๆยกขึ้นปาดน้ำตาปอยๆ ใบหน้าที่แม้ยังเยาว์วัยหากดูเข้มแข็งไม่น้อย "ออกัสเป็นลูกผู้ชาย เป็นเด็กดีของคุณพ่อคุณแม่...ออกัสต้องมีเหตุผลไม่ขี้แง!"

                    พิมลดายิ้มกับลูก "เท่านั้นแหละจ๊ะที่แม่ต้องการ แค่ออกัสเป็นเด็กดีเป็นคนดี แม่กับ...พ่อก็ดีใจแล้ว"

                    'พ่อ' คำๆนี้หลุดออกมาจากปากเธออย่างภาคภูมิ ไม่ว่าความรู้สึกของเธอและเขาจะดำเนินไปแบบไหน หากความเป็น 'พ่อ' ที่พี่วินพยายามและตั้งใจทำอยู่นั้นส่งผลอย่างเห็นได้ชัด ลูกรักเขาและยอมรับเขาอย่างเต็มความหมายของคำว่า 'พ่อ'

                   "ออกัสออกไปกับป้านะจ๊ะ ให้คุณแม่เก็บข้าวเก็บของเตรียมตัวกับบ้านไปก่อน"

                    หญิงสาวมองตามร่างของมิเชลที่อุ้มออกัสออกจากห้องไปเงียบๆ

                    พิมลดาหันกลับมา เป็นจังหวะเดียวกับที่ร่างสูงของราล์ฟ แบรทเวลในชุดสูทหรูเดินออกมาจากห้องน้ำ เธอรู้ดีว่าเขาไม่ใช่ผู้ชายประเภทที่จะแต่งองค์ทรงเครื่องเหมือนเตรียมจะขึ้นเวทีเมื่อต้องเดินทางนานๆ เวลาที่เธอไปต่างประเทศกับเขาแม้จะเป็นเรื่องงาน เธอก็ยังจะพบเขาในชุดเสื้อเชิ้ตกับกางเกงยีนส์อาจจะสวมแจ็คเก็ตเก๋ๆทับเสื้อสักตัว  ไม่ใช่ชุดสูทเต็มยศของอมานี่แบบที่เห็นอยู่นี่แน่ๆ

                    ร่างสูงยิ้มที่มุมปากนิดๆอย่างน่าดู "คุณมองผมแบบนั้นทำไม...มันเสียมารยาทนะ รู้ไหม"           

                    พิมลดาแสร้งเลิกคิ้วใส่เขา ฉันมีคำถามผุดขึ้นมาอยู่ในหัว เหมือนดอกเห็ดเลยล่ะคะ"

                    ราล์ฟหัวเราะ "ลองทีล่ะคำถามสิ เอาช้าๆนะ บอกตรงๆว่าสมองผมตอนนี้ไม่ต่างกับโดนหมอนั้นฮุคด้วยหมัดขวา...ผู้ชายบ้าอะไรไม่รู้ ปากคมยิ่งว่าใบมีดโกน"

                “อย่างคุณไม่น่าไปว่าเขาเลยนะคะ ปากคอพอกัน”

                “ผมขอยกธงขาวยอมแพ้เลยได้ไหม ใครจะไปสู้สุดที่รักของคุณไหวล่ะ”

                พิมลดายิ้มหวาน “สู้กันจริงๆ ก็คงไหวค่ะ”

                ชายหนุ่มยิ้มกว้างดวงตาพราวระยับ “แปลว่าผมมีหวังใช่ไหม”

                “ไม่!!” พิมลดาตอบทันที “เลิกล้อเล่นได้แล้วคะราล์ฟ คุณมาที่นี่ได้ยังไง ฉันคิดว่าคุณอยู่ลอนดอนเสียอีก”

                “...ทำไมผมมาไม่ได้หรือ คุณโกรธที่ผมมาเป็นกางขว้างคอคุณกับไอ้คนเถื่อนรูปหล่อนั้นใช่ไหม”

                พิมลดาหน้าแดงเพราะลึกๆแม้เธอจะไม่ได้คิดแบบนั้น แต่หากเขาไม่มาวันนี้หัวใจเธอคงอ่อนไหวไปกับพี่วินแล้วแน่ๆ

                “ตอบไม่ได้ใช่ไหม ผมพูดถูกล่ะสิ!”ชายหนุ่มส่ายศีรษะไปมาอย่างระอา รำพึ่งเหมือนผู้ใหญ่ที่กำลังอ่อนอกอ่อนใจกับเด็กเล็กๆ “พิมนี่เจ็บไม่จำจริงๆ ผมคิดไว้ไม่มีผิดเลยใช่ไหม แค่ไม่ทันไรคุณก็ใจอ่อน”

                “ฉันเปล่าใจอ่อน คุณก็รู้ว่าเขากำลังจะแต่งงานนี่คะ ไม่ว่าหัวใจพิมจะอ่อนจะแข็งมันก็ไม่มีความหมายอะไรสำหรับเขาอยู่ดี”

                เพียงสองก้าวร่างสูงใหญ่ของเขาก็มาหยุดประชิดร่างพิมลดา “มีสิ...สำหรับผมมันมี ทุกครั้งที่หัวใจพิมอ่อนไหวเพราะเขา ผมใจหายนะ มันเหมือนกับว่าพิมกำลังอยู่ห่างผมไปอีกก้าว โอกาสของผมยิ่งลดน้อยลงจนตอนนี้มันเลือนลางเต็มที”

                พิมลดาหน้าเสีย “โธ่!ราล์ฟคะ...คุณพูดอะไรพิมไม่รู้เรื่องเลย”

                “เพราะพิมมัวแต่ทำเป็นไม่รู้เรื่องไง พิมมัวแต่หลับหูหลับตาปิดรับความรัก ความห่วงใยจากผม พิมคิดแต่ว่าพิมรักมันคนเดียว พิมตอกมันลงไปในหัวใจพิมว่าไม่มีทางรักใครอีก...”ชายหนุ่มถอนใจยาว เขารู้สึกอึดอัดเหมือนจะระเปิด “ลืมตาเสียบ้างสิพิม มองมาที่ผมบ้าง เปิดหัวใจคุณให้ผมสักนิดก็ยังดี”

                “ราล์ฟคะ คุณไม่เข้าใจ...”เธออยากจะแก้ตัวเหลือเกิน หากแต่ไม่มีส่วยไหนเลยในประโยคตัดพ้อของเขาที่มันไม่เป็นความจริง

                ใบหน้าหล่อเหลาที่ไรหนวดเคราเริ่มครึ้มก้มต่ำลงเกือบชิดใบหน้างาม “ทำไมผมจะไม่เข้าใจ...ผมเข้าใจทุกอย่างดี เขาใจว่าคุณรักเขามากแค่ไหน แต่คุณรู้ไหมพิม...”ชายหนุ่มทิ้งช่วงประโยคให้ขาดหาย นิ้วมือเรียวเชยคางมนขึ้นเล็กน้อยเมื่อกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาไม่ต่างกับคนที่ทรมานแทบขาดใจ “แม้ว่าผมจะเหนื่อย จะท้อแท้แค่ไหน...แต่ผมก็เลิกรักคุณไม่ได้...ได้ยินไหมว่าผมเลิกรักคุณไม่ได้”

    โปรดติดตามตอนต่อไป
    *******************************
    เดี๋ยวจะพยายามกลับมาต่อค่ะ
    ตอนนี้กิจกรรมเยอะมากๆเลย งานเยอะด้วย
    เดี๋ยวพุธนี้หยุดจะมาอัพให้นะคะ ตอนนี้คำผิดและไม่สมบูรณ์เลย
    เลยแก้ไขตอนนี้ก่อนที่จะลงตอนต่อ รีไรท์ยกตอนเลย
    แต่หากขี้เกรียจก็ไม่ต้องอ่านก็ได้จ๊ะ อิอิ...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×