ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [BL] เป้าหมายของข้าคือ HaRem!!

    ลำดับตอนที่ #42 : ย้อนยุค 37 (100%) : เรียกหน่วยอินทรีโลหิตไม่ถนัด ขอเรียกไก่ห้าดาวแทนได้มั้ย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 13.09K
      394
      30 ก.ย. 61


    ย้อนยุค 37

    เรียกหน่วยอินทรีโลหิตไม่ถนัด ขอเรียกไก่ห้าดาวแทนได้มั้ย

     

    จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ

    “อืออออ หือ??”

    สือโถวขมวดคิ้ว เมื่อภาพท้องฟ้ายามเช้าที่เคยเห็นมาตลอดถูกแทนที่ด้วยเพดานหรูหรา รอจนหัวสมองเริ่มแจ่มใส เขาถึงนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่สำนักเหม่ยลี้ ไม่ใช่ใต้ต้นไม้เหมือนปกติ

    ยันตัวลุกขึ้นจากเตียงนุ่มพลางเสยผมหยักศกยาวเหยียดขึ้น ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นว่าข้างกายมีเรือนร่างขาวสว่างนอนน้ำตาคลออยู่

    และเขาจะไม่ตกใจเลย ถ้าบนอกมู่หลี่หลงไม่ได้เต็มไปด้วยรอยกัดแบบนี้!!

    “ละ ละ ละ” สันนิบาตแดกปากทันใด เขาไม่ได้ใสซื่อจนไม่รู้ว่ารอยนั้นเกิดจากอะไร

    แถมนอนกันอยู่บนเตียง เกือบเปลือยกายทั้งคู่

    ชิบผาย เมื่อคืนตูนั้นได้ทำอะไรลงไป!!!

    “ฮึก พะ ฮึก”

    ไม่รู้ว่าหูฝาดไปเองรึเปล่า ตอนนี้สือโถวเหมือนได้ยินเด็กหนุ่มสะอึกอื้นเป็นคำว่าคุก คุก คุกเต็มสองหู

    “ละ หลี่หลง ขะ ข้าขอโทษ! เจ้า เจ้า...” สือโถวปากสั่นจนแทบกัดลิ้นตัวเอง ไม่คิดว่าในชีวิตนี้จะได้มีโอกาศถามผู้ชายบนเตียงว่า เจ็บตูดมากมั้ย? ตัวเองเลยสักครั้ง!

    “เมื่อคืน ข้าบอกเจ้าแล้ว ฮึก”

    บะ บอกอะไร

    “ข้าบอกว่าเจ็บ... แต่เจ้าก็ยัง... ฮือ”

    ว้ากกกกกกกกกกกกกกกกก สือโถวยกมือขยี้หัว ใกล้สติแตกเต็มที่ แว่วเห็นเจ้าคุณพ่อรำดาบอยู่อีกมิติ ด้านหลังมีตำรวจถือกุจแจมือพร้อมป้ายยินดีต้อนรับเข้าสู่ลูกกรง

    ทำไมเขาจำอะไรไม่ได้เลยวะ ความทรงจำสุดท้ายคือตอนยกไอ้ขวดนั่นขึ้นดื่ม นอกนั้นจำไม่ได้เลยว่าปู้ยี้ปู้ยำท่าไห- เอ้ย ได้ยังไง

    “ไม่เป็นไรนะหลี่หลง” เขาพยายามสูดหายใจเข้าลึก เรื่องมันเกิดไปแล้ว ในฐานะ ละ ลูกผู้ชายเขาต้องแสดงความรับผิดชอบ! “ข้ายินดีรับผิดชอบทุกอย่างเอง” ขอน้องอย่าคิดสินสอดพี่แพงก็พอ เพราะพี่นั้นถังแตก และพี่หวังอย่างยิ่งว่าคงจะไม่มีพ่อตามายิงเสกหน้านะ...

    “รับผิดชอบ... ยังไง”

    นัยน์ตากวางช่ำน้ำช้อนขึ้นมอง ถ้าเป็นมู่หลี่หลงในอดีตคงจะน่ารักมาก แต่เมื่อมันอยู่บนใบหน้าหล่อใสบวกหุ่นสูงยาว... เอาเป็นว่าเราจะไม่ถีบ (ว่าที่) เจ้าสาวหลังเข้าคืนเรือนหอวันแรกละกัน

    “เอ่อ เป็นแฟน เอ้ย คะ คบกันเป็นไง” คือยังไม่มีเงินจัดงานแต่งจริงๆ

    “ไอ้คนกลิ้งกลอก!

    สะดุ้งเฮือกทันใด วินาทีนี้ไม่ว่าอะไรข้าก็สะดุ้งไปหมดแล้วนั่นแหละ! “เจ้าไม่อยากรับผิดชอบข้า ฮึก! สารเลว!!

    มู่หลี่หลงผลักอกเขาจนหงายหลัง เด็กหนุ่มกระโดดลงเตียง ชี้หน้าด่าอีกคนน้ำตาหนองหน้า

    “ดะ เดี๋ยว หลี่...”

    สือโถวที่เตรียมง้อน้องน้อยหยุดสะดุดกึก เมื่อสังเกตอะไรบางอย่างได้

    “มองอะไร ไอ้ผู้ชายใจร้าย!

    “ไม่เจ็บแล้วเหรอ?”

    “เจ็บอะไร”

    ท่าทางแตกตื่นตอนแรกถูกแทนที่ด้วยสายตาเรียบเฉยเย็นชา สือโถวลุกขึ้นจากเตียงนุ่มพลางยื่นแขนไปจะกระชากกางเกงมู่หลี่หลงออก แต่เด็กหนุ่มไหวตัวทัน

    “จะทำอะไร!

    “เอามาให้ข้าดู”

    “แล้วเจ้าจะดูไปทำไมเล่า!!

    “ก็ข้าเป็นห่วง...” สือโถวยิ้มอ่อนโยน แต่มันกลับดูสยองในความคิดมู่หลี่หลงมาก “เป็นครั้งแรกที่โดนทะลวง มันต้องมีแผลแน่ๆ ให้ข้าดูหน่อยสิ หลงเอ๋ออออ เหอ เหอ”

    ไอชั่วร้ายลอยออกมาจากร่างของสือโถว ชายหนุ่มยกมือขึ้นเตรียมขย้ำเหยื่อ จู่ๆ ภาพตอนถูกมัดก็ลอยขึ้นมาในหัวมู่หลี่หลง เด็กน้อยถอยหลังกรูด

    “อย่าเข้ามานะ ไม่งั้นข้าจะ!

    “จะอะไร”

    “จะหนี!!

    ปึง!!

    ว่าแล้วเด็กหนุ่มวิ่งหนีออกจากห้องไปแบบไม่ทิ้งฝุ่น ในใจได้แต่ตะโกนก้อง รอข้าโตกว่านี้ก่อนเถอะ แล้วเจ้าจะขำไม่ออก!!

    สือโถวแค่นคอ ดึงมือกลับมาข้างลำตัว จะตอแหลว่าเสียตัวกับใครช่วยดูหน้าคู่กรณีด้วย ไอ้เด็กเวร!

    เดินปร๋อเหมือนมีพ่อเป็นแชมป์มาราธอนขนาดนั้น ยังจะกล้ามาบีบน้ำตาร้องห่มร้องไห้!

    เดี๋ยวเจอสือน้อยของจริงไปแล้วหนูจะเซ!!


    “เงื่อนไขการคัดเลือกมีอยู่สามอย่าง หนึ่งคือมีความรู้ สองคือมีพละกำลัง สามคือฝีมือ! พวกเจ้าที่ผ่านมาแล้วสองข้อ ต้องเจอการทดสอบข้อสามโดยการประลองหาผู้ที่เก่งกาจที่สุด!!

    สือโถวยืนสงบนิ่งอยู่กลางลานกว้างพร้อมผู้คัดเลือกหน่วยอินทรีโลหิตคนอื่นอีกหนึ่งร้อยชีวิต

    สวรรค์ ไม่คิดเลยว่าข้าต้องมายืนทำหน้าเถื่อนแข่งกับเหล่าบุรุษเช่นนี้ คือพวกท่านเห็นว่าชาติก่อนข้าทำตัวเป็นสลอตมากเกินไปสินะ ชีวิตนี้ถึงได้มีแต่เรื่องออกกำลังเนี่ย

    “มีเพียงสิบคนเท่านั้นที่จะได้ไปต่อ!!

    ถ่ายรายการเดอะเฟสอยู่เหรอลุง ให้ข้าเดินแคทวอล์คโชว์ด้วเลยมั้ยล่ะ แหม่

    ท่ามกลางเสียงอวดครวญ มีเพียงสือโถวที่ยืนกรอกตามองบน เออ จะทำอะไรก็ทำเถอะ

    “ตื่นเต้นจังเนาะ” ผู้ร่วมการคัดเลือกหันมาพูดเสียงเบากับเขา

    “อือ”

    “ดูเจ้าไม่ร้อนใจเลยนะ เอ๊ะ? เจ้ามันคนที่ผ่านด่านทดสอบสมรรถภาพร่างกายคนแรกนี่”

    สือโถวเพียงพยักหน้ากลับไป อีกฝ่ายตาโตทำหน้าปลาบปลื้มเขามากกว่าเดิม

    ด่านทดสอบสมรรถภาพที่ว่าคือการเอาตัวรอดในป่าใหญ่ หน้าผา แอนด์ เดอะซีล ต้องกราบขอบคุณตงฉินกับตาแก่ที่ทำให้เขามีประสบการณ์ด้านนี้เป็นพิเศษ ในขณะที่เหล่าบุรุษอกสามศอกร้องลั่นป่าวิ่งหนีตายจากบรรดาสรรพสัตว์และกับดัก สือโถวกลับเดินได้สบายเหมือนสวนหลังบ้านจนเพื่อนร่วมคัดเลือกตาค้าง

    สือโถวได้แต่ยิ้มขื่น ลองเจ้าใช้ชีวิตเซอร์ไวเวิลกับบ้านที่แค่ไปขี้ยังเลือดอาบได้ อาจาร์ยที่คอยถีบเจ้าลงเหวสูงสิบเมตร ผู้ร่วมเดินทางที่เอาเจ้าไปปล่อยไว้กลางทะเล  รับรองว่าไอ้พวกนี้ก็เหมือนของเล่นแก้เซ็งแหละว่ะ

    ถ้าเจ้ารอดมาได้ (แบบครบสามสิบสองประการ) อ่ะนะ

    “...และวันนี้ท่านตงฉินจะเป็นผู้ร่วมตัดสินด้วย”

    “หวา รองหัวหน้ามาเองเลย น่ากลัวจั- เฮ้ย นั่นเจ้าจะไปไหน” พ่อหนุ่มฝึกหัดคว้าคอเสื้อสหายร่วมศึก เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหันหลังเตรียมวิ่ง

    “กลับน่ะสิวะ!

    สือโถวตะโกนกลับไป ใครจะไปอยู่ให้พี่แกเชือดเล่นเล่า นั่นใคร? พ่อเสือดำแห่งหุบเขาเหม่ยลี้เลยนะ แค่สอนปกติข้ายังเลือดอาบต่างน้ำ ต้องมาประลองฝีมือกัน ข้าไม่เหลือแค่วิญญาณเลยเหรอ!

    ไม่เข้ามันแล้ว ไอ้หน่วยอินทรีโลหิต ข้าไปเข้ากลุ่มกองโจรสลัดไก่แจ้แถวน่านน้ำก็ได้เว้ย

    สวัสดิการไม่ดีเท่า แต่ก็ยังไม่เลือดอาบเท่าอยู่กะพี่แกอ่ะ

    “ตรงนั้นเงียบๆหน่อย!!

    ทุกสายตาหยุดลงที่พวกเขาสองคน สือโถวกับพ่อหนุ่มด้านข้างโค้งตัวขอโทษขอโพย ลุงผู้คัดเลือกส่งเสียงฮึดฮัดไม่ชอบใจ “ถ้าเจ้าไม่มีความมุ่งมั่นที่จะคัดเลือกก็ไสหัวไปซะ!

    “เอ๊ะ ได้หรอขอ...”

    “โอ๊ะ ท่านตงฉิน มาแล้วหรือขอรับ”

    “อืม” สือโถวกลืนคำพูดต่อไปลงคอแทบไม่ทัน ด้านบนระเบียงไม้สองชั้นที่ใช้สังเกตการณ์ลานประลอง ปรากฎร่างสูงใหญ่ในชุดสีดำลายเสือคำราม ดวงตาคมปลาบกวาดสายตาไปยังผู้คัดเลือกแต่ละคน บรรยากาศรอบด้านกดดันจนแทบหายใจไม่ออก

    “เริ่มการทดสอบได้”

    ข่มขวัญจนพอใจ ตงฉินก็สะบัดปลายเสื้อนั่งลงบนเก้าอี้ประธาน สือโถวแอบถอนหายใจ มาเป็นคนดูนี่เอง

    กรรมการโค้งทำความเคารพตงฉินทีหนึ่ง ก่อนจะก้าวขึ้นหน้าประกาศก้อง

    “เริ่มการทดสอบ คู่แรก สือโถวกับจางกวง จงก้าวออกมา!!

    “โห เจ้าได้เปิดประเดิมคนแรกเลยนะเนี่ย ยินดีด้วย ยินดีด้วย"

    ยินดีด้วยมารดาเจ้าสิ!!!

    สือโถวเดินห่อเหี่ยวขึ้นบันไดหินพร้อมจางกวง เขาสูดหายใจลึก พยายามตั้งสติกับการประลองให้มากที่สุด

    กติกาการประลองก็ไม่มีอะไรมาก แค่เอาชนะอีกฝ่ายให้ได้ ขอเพียงไม่ถึงตายจะใช้อาวุธอะไรก็เเล้วเเต่ตามที่ตนเองต้องการ

    บนร่างของสือโถวมีธนูสะพายไว้ด้านหลัง กริชในแขนเสื้อ และหอกยาวในมือ ฝั่งตรงกันข้ามก็ไม่ต่างกันมากนัก แค่เปลี่ยนจากหอกยาวเป็นดาบใหญ่

    “เริ่มได้!!

    เคร้ง!!

    เขาเปิดการโจมตีก่อน ทวนยาวกระแทกดาบใหญ่จนเกิดประกายไฟ จางกวนที่ตั้งรับไม่ทันเซไปด้านสามก้าว สือโถวไม่รอช้าส่งกริชในมือไปอีกระลอก

    เคร้ง เคร้ง เคร้ง

    “หึ คิดว่าแค่นี้จะทำอะไรข้าได้หรือไง”

    “ไม่รู้โว้ย! ไม่ได้มีพ่อเป็นหมอดู”

    พลิกตัวหลบคมดาบ กระชับทวนในมือ แทงสวนกลับไปยังช่องว่างตรงเอวด้วยความรวดเร็ว

    ข้าอยากให้เจ้าเตรียมใจที่จะต้องปลิดชีวิตของใครสักคนไว้

     “เวรเอ้ย”

    เป้าหมายถูกเปลี่ยนกระทันหัน ปลายหอกเฉี่ยวต้นแขนจางกวน เกิดรอยถลอกเป็นทางยาว จางกวนคำรามในลำคอก่อนจะบิน อืม อ่านไม่ผิดหรอก พี่แกบินเลย!

    สือโถวมองร่างที่ลอยอยู่บนอากาศ สลับกับอดีตอาจารย์บนชั้นสอง คือเฮียยังไม่ได้สอนวิชาตัวเบาให้ข้าไง ไม่ต้องมาทำหน้าปวดขี้ส่งสายตาไม่ชอบใจมาให้ข้าเลยเฟ้ย

    “ฮ่าๆ!! เป็นไงเล่า อึ้งล่ะเซ่! ที่ข้ามีวรยุทธขั้นสอง จงรับท่ามังกรเหินสะท้านฟ้าของข้าไปซะเถอะ!!

    จางกวนเริ่มออกลวดลายกลางอากาศเหมือนที่เขาเคยดูในหนังจีน เหล่าผู้คัดเลือกส่งเสียงอื้ออึงชื่นชมไม่มีหยุด

    สือโถวทำสายตาตายด้าน ขว้างหอกทิ้ง ยกธนูขึ้นเล็ง ก่อนจะปล่อยสายดึงใส่มังกรเหินที่ลอยอยู่กลางอากาศ

    ฉึก!

    “จ้ากกกกกกกกกกกกกก”

    แม่นราวจับวาง จากท่าเหินสุดเท่กลายเป็นกิ้งกือปีกหัก ชายหนุ่มร่วงลงมากองบนพื้น และเหมือนโชคชะตาฟ้าลิขิตที่เขาดันกลิ้งมากองอยู่แทบเท้าสือโถว

    “จะ เจ้าช่างไร้ยางอายนัก!

    “หา?”

    สือโถวแคะขี้หู ปกติเวลาเห็นช่องว่างก็ต้องรีบเสียบให้มากที่สุดไม่ใช่เหรอวะ ข้าไม่ใช่ตัวร้ายในการ์ตูนเซล่ามูน ที่จะได้รอให้แม่นางกรีดกรายพูดว่า ตัวแทนแห่งดวงจันทร์จะลงทัณฑ์แกเองหรอกนะ

    ไม่ต้องรอให้ตัวแทนที่ไหนมาลงทัณฑ์ ข้านี่แหละจะสอยมันร่วงเอง!

    “ยะ อย่าคิดว่าสวยแล้วข้าจะยอมนะ!

    “หือ?”

    เมื่อกี้หมอนี่ว่าไงนะ?

    “ข้าจะ อั่ก!!

    ไม่ทันจะได้กล่าวประโยคต่อไป เท้าใหญ่อันทรงคุณค่าของท่านรองหน่วยอินทรีโลหิตก็ประทับหน้าชายหนุ่มดังผลัวะ

    ตงฉินยืดตัวขึ้น เอ่ยเสียงเรียบนิ่ง “จบการประลอง”

    “...”

    เงียบกริบ

    นรกแดกแล้วไง ทำไมในกติกาไม่มีเขียนลงไปว่ามีการตอบแทนผู้แพ้ด้วยส้นตีนส์ท่านรองวะ!

    “มัวนิ่งอะไรอยู่”

    กรรมการได้สติฉับพลัน ยกธงประกาศชื่อผู้ชนะท่ามกลางความอึ้งแตกของแต่ละคน

    “สือโถว”

    “ขะ ขะ ขอรับ”

    แทบจะถอยหลังลงเวที หวังว่าคงไม่มีรางวัลตอบแทนผู้ชนะด้วยฝ่าเท้าเหมือนกันใช่มั้ยกั๊บ

    ผิดจากความคิดสือโถว ตงฉินเพียงวางมือบนหัวเขาเท่านั้น “ชนะให้ได้”

    “ขอรับ”

    ค่อยชื้นใจขึ้นมาหน่อย บางทีพี่แกอาจจะอ่อนยะ...

    “ไม่งั้นตาย”

    “ข้าจะคว้าที่หนึ่งมาให้ได้ครับท่าน” ฉีกยิ้มทั้งน้ำตา

    ถึงคุณแม่ในอีกโลกหนึ่ง... ผู้ชายยุคนี้โคตรโหดร้ายอ่ะม๊า!!

     

    แรงฮึดที่เหมือนจะไม่มีในตอนแรกลุกโชนท่วมตัว ส่งผลให้สือโถวชนะจนถึงรอบสุดท้าย แม้จะหอบแดกปอดแทบหลุดก็ตาม พ่อแก้วแม่แก้ว ข้ารอดตายแล้วโว้ยยยยยยยย ฮือ อยากจะร้องไห้เป็นภาษาบาหลี

    “ตงฉิน”

    ระหว่างที่สือโถวถูกท่านหมอทำแผลให้โดยมีตงฉินนั่งกอดอกเฝ้าไม่ห่าง พ่อบ้านถังกับอาเจ้เจียเจียก็เปิดประตูเข้ามา ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองหรือเปล่า เหมือนอุณหภูมิในห้องมันลดฮวบไงไม่รู้

    เหลือบมองท่านหมอที่นั่งปากสั่นคล้ายแก้ผ้าอยู่กับเผ่าแอสกิโม โอเค ข้าไม่ได้คิดไปเอง สาเหตุมาจากครอบครัวของพ่อเสือดำชัดๆ

    “...”

    “พี่ฉิน พ่อเขาพูดกับพี่อยู่นะ”

    “มีธุระอะไร”

    “พี่-!” พ่อบ้านถังยกมือห้ามลูกสาว ชายวัยกลางคนมองร่างสูงด้วยสายตาอ่านยาก “ทำไมวันนี้ไม่ไป”

    “ข้ามีงาน”

    “อย่าเอาเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้าง พ่อรู้วะ...”

    “เจ้าไม่ใช่พ่อข้า” ตงฉินสวนทันควัน ดวงตาคมปลาบตวัดสายตาใส่พ่อบ้านถัง “ไม่ใช่ ตั้งแต่วันนั้นแล้ว”

    วันที่ข้าต้องสูญเสียนางไป


    “แล้วเป็นไงต่อ”

    “ข้าก็ขอตัวหนีออกมาดิ เรื่องไรจะอยู่เป็นเทพีเสรีภาพให้กับสองพ่อลูกวะ”

    อวี้อิ๋นถามด้วยความตื่นเต้น นัยน์ตาแมวเบิกกว้างแทบถลนออกจากเป้า ผิดกับสือโถวที่เท้าคางคีบเกี้ยวเข้าปากอย่างเหนื่อยอ่อน คิดถึงเหตุการณ์เมื่ออาทิตย์ก่อนทีไรได้แต่ขนลุกซู่ สมกับเป็นพ่อลูกกัน แค่ยืนอยู่เฉยๆ ยังทำชาวบ้านตัวแข็งจนเอาไปปั่นเป็นบิงชูได้

    “เหอะ นึกว่าจะโง่ยืนรอให้เขาสับเล่นซะอีก”

    “หุบปากแล้วแดกเส้นหมี่ไปเลย ไอ้เด็กเวร”

    “ชิ”

    เด็กหนุ่มสะบัดหน้าไปอีกด้าน คีบเส้นหมี่เข้าปากตามคำสั่ง

    วันนี้เป็นวันแรกที่เขาได้พักหลังจากเข้าหน่วย เขาจึงลากน้องน้อยออกจากกองเอกสาร ด้วยความที่กลัวว่าหลี่หลงจะเหี่ยวตายคาห้องไปเสียก่อน เขาไม่เข้าใจเลยว่าอายุแค่นี้จะรีบทำงานอะไรนักหนาวะ วัยนี้มันเป็นวัยที่มีบับบี้เลิฟ ออกไปแรดกับเพื่อนฝูงแซ่ะ เหมือนน้องชายคนไม่น่ารักของเขาไง ออกไปแรดได้ตลอด ดีที่ไม่หิ้วหลานกลับมาด้วย ไม่งั้นคงได้มีการปานิยายศีลธรรมใส่น้องร่วมสายเลือดกันบ้างล่ะ

    “เหม่ออีกแล้วนะ คิดเรื่องอะไรอยู่”

    “คิดอยู่ว่าข้าชวนหมอนี่มาด้วยตอนไหน”

    หมอนี่’ ที่ว่าคือหลิวจี่ที่นั่งทำหน้าทรงภูมิอยู่ข้างกายเพื่อนตัวเล็ก หลิวจี่เพียงเลิกคิ้วขึ้น วางถ้วยชาลงด้วยมาดคุณชาย “ข้ามาไม่ได้รึ?”

    “เปล๊า!

    ไอ้หมอนี่ก็เหมือนกัน ไม่รู้จะเป็นห่วงอะไรนักหนา ข้าไม่หน้ามืดลากอวี้อิ๋นเข้าพงหญ้าข้างทางหรอกโว้ย!!

    ปกติสือโถวไม่หงุดหงิดเลยที่จะมีหลิวจี่มาร่วมขบวนด้วย เมื่อก่อนเองก็ไปไหนด้วยกันตั้งบ่อย แต่ไม่รู้ทำไม ตั้งแต่เขากลับมา หลิวจี่ถึงเปลี่ยนท่าทีจากหนังหน้าเป็นหลังเท้า (หน้ามือเป็นหลังมือมันน้อยไป) แค่เฉียดเข้าใกล้อวี้อิ๋นก็แยกเขี้ยวใส่ แตะไหล่ปุ๊บพี่แกกระโดดถีบเขาบั๊บเลยนี่อ่ะดิ!

    ข้าไปทำอะไรให้เจ้าฟะ! งงโว้ย!!

    “เออ สือโถว ข้าได้ยินมาว่าสำนักเราจะเป็นแม่งานศึกประลองยุทธปีนี้เหรอ”

    “อืม ข่าวเร็วเหมือนกันนี่”

    อวี้อิ๋นยืดอก หลิวจี่ส่ายหัว

    ศึกประลองยุทธคืองานที่ชาวยุทธทั่วดินแดนจะเดินทางมาประลองแลกเปลี่ยนฝีมือกัน ใครเป็นผู้ชนะก็จะได้ตำแหน่งเจ้ายุทธภพไป หน่วยอินทรีโลหิตพึ่งได้รับคำสั่งให้ดำเนินงานคุ้มครองและควบคุมความสงบของงานที่จะจัดขึ้น เนื่องจากนี่เป็นงานใหญ่ ผู้คนมากมายต้องหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย ความปลอดภัยของผู้คนในเมืองรวมถึงผู้เดินทางจึงเป็นสิ่งสำคัญ

    “น่ารำคาญชะมัด”

    มู่หลี่หลงพึมพำ จัดงานใหญ่ขนาดนี้ แสดงว่างานก็ต้องหนักขึ้นอีกสิบเท่าน่ะสิ

    “ถ้าทำไม่ไหวก็บอกข้า ข้าจะช่วยเจ้าเอง”

    “ไม่ต้อง ทำงานของตัวเองไปซะ เจ้าไม่ต้องมายุ่งกับงานของข้าเลย”

    “บ๊ะ บอกให้เรียกข้าว่าพี่ไง”

    “ไม่เอา!

    สือโถวขยี้หัวเด็กหนุ่ม มู่หลี่หลงปัดมือออกอย่างหงุดหงิด แต่กระนั้นอวี้อิ๋นก็แอบเห็นว่าผิวขาวจัดนั้นขึ้นสีแดงเลือนลาง

    “อ๊ะ อีกอย่างหนึ่ง” อวี้อิ๋นทุบฝ่ามือเข้าหากัน ทั้งสองคนหยุดกึก หนุ่มตาแมวป้องปากกระซิบเสียงเบา “ข้าแอบได้ยินว่างานนี้ฮ่องเต้ก็จะมาดูด้วยล่ะ!

    “หา???” สือโถว

    “เพ้อเจ้อแล้ว” หลิวจี่

    “...” มู่หลี่หลง

    “ข้าพูดเรื่องจริงนะ!” เห็นแต่ละคนทำหน้าไม่เชื่อ อวี๋อวี้พองลมไม่พอใจ ข่าวนี้เป็นข่าววงในที่โคตรลึก กว่าจะได้มาก็โคตรแพงแต่การันตีความถูกต้องทุกอย่าง!

    ในหัวสือโถวปรากฎภาพคุณลุงหัวล้านลงพุงใส่ชุดสีทองอร่ามทั้งตัว ทั้งซ้ายขวาเต็มไปด้วยนางสนมงดงามคอยคลอเคลีย เขาส่ายหัว

    “เรื่องนั้นจะเป็นไงก็ช่างมันเถอะ”

    “เฮ้ย นั่นฮ่องเต้เลยนะ!

    “แล้วไงอ่ะ”

    ก็แค่คุณลุงพร้อมสาวสวยที่มีผั- แฮ่ม สามีแล้วมาร่วมงาน น่าตื่นเต้นตรงไหนวะ เอาไว้ลุงแกหล่อระดับคิมอูบิน*ก่อนแล้วกัน ข้าถึงจะตื่นเต้น

    “เจ้านี่นะ”

    อวี้อิ๋นถอนหายใจ ยังเฉื่อยชาไม่เปลี่ยน

    ครืดดดด

    “หือ?” จู่ๆ มู่หลี่หลงก็ลุกขึ้นกลางวง พวกเขาสามคนเงยหน้าขึ้นมองอย่างสงสัย

    “ข้ากลับละ”

    “เอ๊ะ ดะ เดี๋ยวสิ หลี่หลง!

    ไม่สนเสียงเรียกของอวี้อิ๋น ร่างสูงในชุดตัดเย็บชั้นดีเดินจ้ำอ้าวลงบันไดร้านน้ำชาไป สือโถวถือตะเกียบค้างติ่งกลางอากาศ “อะไรจะบ้างานเบอร์นั้น”

    นี่งานหรือเมีย ต้องรีบกลับไปดูใจมันขนาดนั้นเลยเรอะ

    “เฮ้อ นึกถึงงานแล้วข้าก็ห่อเหี่ยวเลยอ่ะ”

    อวี้อิ๋นแนบแก้มลงบนโต๊ะ เขากับหลิวจี่พลอยเซ็งไปด้วย หลังจากวันนี้คงหัวหมุนตายแน่ๆ ประสบการณ์เมื่อสี่ปีก่อนยังตราตรึง ขนาดเป็นแค่ศิษย์ในสำนักยังใช้งานแหลก นี่กลายเป็นลูกจ้างเต็มตัว... ไปทำประกันชีวิตไว้ก่อนดีมั้ยวะ

    ..............................................................................................................

     

    *คิมอูบิน ดาราเกาหลีผู้ซึ่งหล่อมาก กล้ามดีงามมาก


    เตรียมชูป้ายไฟให้กับฮ่องเต้ขร่ะ! (♡-♡)!!



    โจวเจว่ย (23 ปี)

    "อืม หวานดี"


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×