ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [BL] เป้าหมายของข้าคือ HaRem!!

    ลำดับตอนที่ #41 : ย้อนยุค 36 (100%) : ความเมาเป็นเหตุให้คิดถึงเจ้า

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 12.11K
      362
      14 ก.ค. 60


    ย้อนยุค 36

    ความเมาเป็นเหตุให้คิดถึงเจ้า

     

    “สือโถวววววววว”

    “อวี้อิ๋นนนนนนน”

    “ข้าคิดถึงเจ้าจัง แอ้ก!

    “อย่าโวยวายเสียงดังได้มั้ย”

    สือโถวได้แต่ยกแขนค้างเติ่งกลางอากาศ เมื่อเพื่อนตัวเล็กตาแมวโดนหลิวจี่ดีดกระเด็น อวี้อิ๋นยกมือกุมจมูก แยกเขี้ยวใส่ตัวต้นเหตุ

    “ข้าเสียงดังที่ไหนกัน อีกอย่างนี่มันงานเลี้ยงต้อนรับสือโถวนะ ทุกคนเขาก็โวยวายกันหมดนั่นแหละ!

    ผายมือไปด้านหลังเผยให้เห็นกลุ่มพี่ชายหน่วยอินทรีโลหิตและบรรดาศิษย์ที่เคยรู้จักกัน แต่ละคนยกเหล้าขึ้นดื่มสังสรรเฮฮา สือโถวว่าพวกนั้นมันไม่ได้อยากจัดงานต้อนรับเขาหรอก แม่มหาข้ออ้างดื่มเหล้าชัดๆ!

    ดีที่ไม่ใช่เงินของเขา ไม่งั้นแม้แต่หยดน้ำชาพวกแกก็อย่าหวังจะได้เลียเลยเหอะ!

    “เจ้าถามสือโถวรึยังว่าอยากกอดเจ้าหรือเปล่า”

    ข้ายกมือเตรียมพร้อมขนาดนี้ คงเตรียมตัวลุกขึ้นถีบอวี้อิ๋นมั้ง หลิวจี่

    “เจ้าเป็นไรมากป่ะ หลิวจี่?”

    สือโถวสะกิดสหายที่นั่งดื่มอยู่ข้างๆ เมื่อก่อนเอ็งไม่ได้เรื่องมากแบบนี้นี่หว่า วันนี้ใช้คำว่าแม่ผัวยังไม่พอ

    “ตั้งแต่เจ้าไม่อยู่หมอนั่นก็เพี้ยนแบบนี้แหละ” อวี้อิ๋นกระแทกเสียง ทรุดตัวนั่งอีกข้างของสือโถว ใบหน้ายู่ยี้ไม่สบอารมณ์ “เอาแต่ไล่กัดคนที่เข้าใกล้ข้า ไม่รู้จะหวงเพื่อนอะไรขนาดนั้น!

    “ข้าเปล่าซะหน่อย”

    “เห~”

    สือโถวหรี่ตาลง ระหว่างที่เขาไม่อยู่ ดูท่าจะมีเรื่องสนุกชวนใจเต้นเกิดขึ้นเยอะเลยสิท่า

    “สือโถว”

    กึก

    “เพ่ยอา”

    เบื้องหน้าเขามีร่างสูงใหญ่ในชุดบัณฑิตเนื้อดียืนนิ่ง เส้นผมสีทองสว่างยาวจรดเอวถูกมัดตึงเรียบร้อย เพ่ยอายังคงดูดีเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือดูมีภูมิฐานจากอายุที่มากขึ้น  อวี้อิ๋นเหล่มองสือโถวอย่างกังวลใจ

    “ยินดีต้อนรับกลับมานะ”

    “อืม ไม่ได้เจอกันนาน หล่อขึ้นเยอะนะเจ้า” เขายกมือเชิญให้เพ่ยอานั่งลงหน้าโต๊ะเตี้ยของตนเอง พออีกฝ่ายนั่งลงแล้วจึงรินชาเสริฟให้ เพ่ยอายิ้มขอบคุณ

    “เรื่องเมื่อสี่ปีก่อน...”

    “หือ?”

    “ข้าขอโทษนะ”

    “ไม่เห็นมีอะไรต้องขอโทษนี่” สือโถวเท้าคาง “เจ้าไม่ได้ทำอะไรผิดซะหน่อย”

    ตอนแรกเพ่ยอาคิดจะแย้ง ริมฝีปากอ้าหุบเหมือนอยากจะเอ่ยอะไรบางอย่าง สุดท้ายก็ได้แต่ส่ายหัว ยิ้มอ่อนใจกับตนเอง

    กังวลมาตั้งหลายปี สุดท้ายก็ไม่มีอะไร เฮ้อ

    “แต่รู้ตัวแล้วใช่มั้ย? ว่าเจ้าไม่ได้ชอบข้าจริงๆ”

    “แค่ก”

    จู่ๆก็เปิดประเด็นดำมืดขึ้นกลางวง อวี้อิ๋นที่ดื่มน้ำชาอยู่ถึงกับสำลัก นัยน์ตาแมวเบิกกว้างจ้องทั้งสองคนสลับไปมา ผิดกับหลิวจี่ที่ยังคงสงบนิ่ง

    “อือ”

    “หา!?”

    เดี๋ยวนะ สือโถวรู้ความรู้สึกเพ่ยอา? แสดงว่าสารภาพรักไปแล้ว?? ตอนไหน? ตั้งแต่เมื่อไหร่!

    แล้วไม่ได้ชอบคืออะไร จะบอกว่าไอ้ท่าทางอยากกระโดดตึกทุกสามวินี่คือมโนไปเอง??

    หลิวจี่ยิ้มอบอุ่นเหมือนปกตื ดวงตาสีเทามองไปยังคนตัวเล็กที่กำลังว้าวุ่นใจด้วยสายตาอ่อนโยน “ข้ารู้แล้วล่ะ”

    “อวี้อิ๋น ข้าอยากได้เกี้ยวกุ้งเพิ่ม ไปเอามาให้ที”

    “หะ หา? ทำไมต้องข้า?”

    “เดี๋ยวข้าไปเอาเป็นเพื่อน ” เพ่ยอายกมืออาสา

    “ไม่ต้อง อวี้อิ๋น เจ้าไปกับข้า-” 

    หมับ

    “ไปกันเถอะ สือโถว!

    คนถูกกอดแขนแทบพ่นน้ำชาออกมาเป็นฝอย “เฮ้ย ไปไหนอะไร ข้าไม่ไปโว้ย เจ้าเลือกเอาจาก-“ กลืนน้ำลายเอื้อกทันใด เมื่อเห็นสายตาร้อนแรงจากบุรุษทั้งสอง ส่วนสาเหตุมาจากไอ้ตัวเล็กที่ไถหน้าออดอ้อนเขาไม่หยุดนี่ไง!

    สี่ปีจากนารีเป็นอื่น แต่สำหรับหลิวจี่กับเพ่ยอา ขอเปลี่ยนเป็น สี่ปีจากสหายเป็นศัตรูฆ่าเเม่ละกัน

    ข้ากำลังดื่มด่ำกับความเงียบสงบอยู่ดีๆ จะเอาตีนมาให้ข้าทำไมเนี่ย อวี้อิ๋น!

    “เจ้าไม่รักข้าแล้วหรือ ไปแค่นี้ก็ไม่ได้ ไอ้คนใจร้าย!

    “ห่ะ หะ? รักบ้าอะไรเล่า”

    “เรื่องที่ผ่านมาของเราไม่มีความหมายเลยสินะ!

    เรื่องอดีตเป็นไงไม่รู้ รู้แต่ขืนเจ้าดราม่าไม่เลิก เพื่อนเจ้าไม่มีอนาคตข้างหน้าแน่ๆ!!

    “ช่างเถอะ ข้าไม่อยากกินแล้ว” หลิวจี่บอกปัด พลางอ้อมตัวมาดันตุ๊กแกออกจากแขนเขา ส่วนเพ่ยอายิ้มหวาน หยิบขวดสีขาวแวววาวขึ้นมา

    “น้ำผลไม้ อร่อยนะสือโถว ลองดื่มดูสิ”

    ไม่ได้ถุยน้ำลายลงไปใช่มั้ย ศิษย์พี่

    รับขวดสีขาวแวววาวมาไว้ในมือ ในใจได้แต่หวาดระแวง 

    อวี้อิ๋นตาโตชะโงกหน้าเข้ามาพิจารณาของในมือเขา “โอ้โห ของหายากเลยนี่ เพ่ยอา!

    “อืม ข้าซื้อมาขอโทษสือโถวน่ะ”

    “โอ้โห ลงทุนจังนะ”

    “นิดหน่อย”

    เสียงพูดคุยลอยผ่านหูไป สือโถวเปิดฝาขวด กลิ่นหอมหวานของดอกไม้ลอยฟุ้งชวนให้น้ำลายสอ เอาว่ะ เมื่อกี้คงตาฝาดไปที่เห็นศิษย์พี่เเยกเขี้ยวใส่ ไม่งั้นพี่แกไม่เอาของแพงมาเซ่นเช่นนี้หรอก

    เขายกมันขึ้นดื่มรวดเดียว กลืนของเหลวใสไหลผ่านคอ ความหวานและความร้อนผ่าวทำให้สือโถวต้องชมด้วยความถูกใจ

    “อร่อยมาก เจ้านี่...ตา...ถึง”

    ตึง!

    “อ่าวเฮ้ย!!

    อวี้อิ๋นร้องลั่นด้วยความตกใจ รีบพุ่งเข้าไปเขย่าไหล่สหายสนิทที่นอนสงบนิ่งหัวทิ่มโต๊ะ

    “เวรเถอะ กินเหล้าไม่ได้แล้วทำไมไม่บอกก่อนเล่า@”

    “ฮี่~ อา~ หึ หึ หึ”

    หนุ่มตาแมวพึมพำ เมื่อเห็นว่าสือโถวหน้าแดงจัด สติหลุดลอยไปโลกหน้าเรียบร้อย ส่วนสองหนุ่มที่รู้ตั้งแต่แรก แอบยกนิ้วโป้งให้กัน กำจัดศัตรู (?) ไปได้หนึ่ง

    ทั้งหน้าตาและความสนิทสนมเกินพอดี สือโถวถือว่าเป็นตัวอันตรายอันดับหนึ่ง

    จะประมาทไม่ได้

    พวกเขาที่เคยผ่านมาก่อน ย่อมรู้ดีกว่าใคร


     “นี่มันอะไร”

    เด็กหนุ่มวัยสิบห้าถามเสียงเข้ม หลังจากทำงานช่วยพ่อบ้านถังจนมืดค่ำตามคำสั่งนายหญิงเสร็จ เขาก็รีบพุ่งมาที่งานเลี้ยงต้อนรับทันที ไม่คิดว่าจะมาเจอสือโถวนอนเลื้อยขาโต๊ะเช่นนี้

    อวี้อิ๋นฉีกยิ้มแห้ง นับวันเด็กนี่ยิ่งน่ากลัววุ้ย

    “สือโถวดื่ม เอ่อ” ชี้ขวดสีขาวแวววาวแทนคำตอบ

    มู่หลี่หลงคิ้วกระตุก นั่นมันเหล้าผลไม้ที่แรงจนขึ้นชื่อว่า จอกเดียวพ่ายสิ้น ไม่ใช่รึไง? ไฉนของแพงขนาดนี้ถึงมาอยู่ในมือสือโถวได้

    “โอ้ คนงามที่ไหนกันเนี่ยยย เอิ้ก!

    “สือโถว สติ!

    “มีค่าเทอมยังจ๊ะ น้องสาววววววว” สือโถวเลื้อยมาเกาะขาเด็กหนุ่ม ท่าทางราวกับเสี่ยแก่ที่กำลังเกี้ยวหญิงชาวบ้าน

    “อย่ามาเรียกข้าว่าน้องสาวนะ!

    เด็กหนุ่มพยายามสะบัดขาออก เเต่คนเมากลับมันยึดมันไว้เเน่น หลิวจี่เอี้ยวตัวกระซิบกับอวี้อิ๋น

    “ความจริงแล้วสือโถวนิสัยเช่นนี้หรือ?”

    “ขะ ข้าว่าไม่นะ”

    อวี้อิ๋นเองก็ทำหน้าไม่ถูก นี่คือสือโถวผู้เฉื่อยชาจริงหรือ? อย่าบอกว่าสี่ปีที่หายไปเจ้าเต๊าะผู้ชายแบบนี้ตลอดเลย?!

    “ดูท่าสือโถวจะไม่ไหวแล้ว เจ้าพาเขาไปพักเถิด” เพ่ยอาแนะ มู่หลี่หลงชะงัก ก่อนเขม่นใส่ตัวต้นเรื่อง คิดว่าเขาจะเดาไม่ออกรึไง บ้านเพ่ยอาทำกิจการค้าขายใหญ่โต ไอ้ขวดน่าตายนี่ต้องเป็นของไอ้เวรนี่แน่ๆ

    “ไม่ต้องขอบคุณข้าก็ได้ อีกอย่างถือเป็นการเอาคืนเล็กๆน้อยๆ” ที่เขาเคยปฎิเสธข้าละกัน

    สำนึกผิดก็อยู่ส่วนสำนึกผิด ความหมั่นไส้ก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง

    “ใครจะไปอยากขอบคุณลุงอย่างเจ้ากัน!

    รอยยิ้มของเพ่ยอาแข็งไปชั่ววูบ ละ ลุง?

    “ลุกขึ้นเลยสือโถว”

    “จะพาพี่ไปเดทเหรออออออ เอร้ยยยย เขิล”

    หิ้วปีกคนเมาขึ้น มู่หลี่หลงจับแขนสือโถวให้พาดตนไว้ ก่อนจะประคองเอวอีกฝ่ายไม่ให้ล้ม ฮึ่ย ดีที่ไอ้ตุ๊ดนั่นยังไม่มา ไม่งั้น...

    ผลัวะ!

    “แอ้กเฮ้ยใครตบหัวข้าวะ!!

    “เดิน!

    อวี้อิ๋นได้แต่มองตามแผ่นหลังคนทั้งสองด้วยความเป็นห่วง หวังว่าเด็กนั่นจะไม่ฝังเพื่อนเขาไว้ข้างทางก่อนจะไปถึงห้องนะ...

     

    "หืมมมมม ทำไมวันนี้พื้นมันเอียงจังว้าาาาาา"

    "ช่วยหุบปากเเล้วอยู่นิ่งๆทีได้มั้ย!!"

    มู่หลี่หลงกระชากเสียงอย่างเหลือดอด มือพยายามประคองเอวสือโถวให้เดินตัวตรง

    "ไอ้เด็กเวรนี่! ข้าเป็นพี่เจ้านะ!! ใช้เสียงเเบบนี้ได้หรือ"

    "ข้าไม่ได้อยากเป็นน้องเจ้าเลยสักนิด"

    ในที่สุดก็มาถึงห้องนอนจนได้ มู่หลี่หลงเเทบจะพุ่งไปกราบฟ้าดินด้วยความยินดี เขามองซ้ายมองขวา พอเห็นว่าไร้ซึ่งเเววคน จึงตัดสินใจอุ้มสือโถวด้วยสองเเขน 

    คิ้วเรียวขมวดเเน่น ทำไมถึงได้เบาเช่นนี้ ตาเเก่หน้าตายนั่นไม่ได้ให้เจ้ากินข้าวกินปลาเลยเรอะ!

    "โอ้ยโย่วข้าบินด้ายยยย"

    เด็กหนุ่มส่ายหัวด้วยความจนใจ วางร่างผอมสูงลงบนเตียง บีบจมูกโด่งอย่างหมั่นไส้ "คราวหน้าห้ามกินเหล้าอีกนะ"

    "ฮึ่มมม"

    สือโถวหน้าตาบู้บี้ พยามดันมือที่จับจมูกออกไป ท่าทางน่ารักน่าชังเเบบนี้ทำมู่หลี่หลงหลุดยิ้มออกมา ดวงตาฉายเเววอ่อนโยนขบขัน

    "เจ้ายิ้มหรือ?" มู่หลี่หลงเก็บรอยยิ้ม ถลึงตาใส่คนบนเตียง

    "เลอะเทอะ! หลับไปเลย ไอ้คนขี้เมา"

    "อือ"

    ไม่เพียงเเต่ไม่โกรธ มือสากที่ไม่นุ่มนิ่มเหมือนคนทั่วไปลูบเเก้มเขา สือโถวฉีกยิ้มโง่งม "ดีเเล้ว ดีเเล้ว เจ้าเหมาะกับรอยยิ้มเป็นไหนๆ เลิกทำท่าเหมือนคนอมทุกข์ได้ก็ดี"

    "ข้าไปอมทุกข์ตอนไหนกัน"

    เเม้ปากจะว่าเช่นนั้น เเต่เขาก็หลับตารับสัมผัสที่เขาโดยหายมาตลอดสี่ปีนี้ เพราะบรรยากาศเก่าๆย้อนกลับมา เขาจึงเผลอหลุดปากถามออกไป

    "พี่สือโถว พี่...เคยคิดถึงข้าบ้างรึเปล่า?"

    หลังจากที่ตัดสินใจหันหลังออกจากหุบเขาโดยที่ทิ้งเขาไว้ที่นี่

    “.ก็.”

    “...”

    ทุกวินาที"

    เหมือนเส้นสะกดอารมณ์ถูกตัดขาด มู่หลี่หลงโถมตัวทับคนบนเตียงทันที ริมฝีปากไล้ใบทั่วกรอบหน้าสวย ในใจมีเเต่ความรู้สึกยินดีจนอยากจะร้องไห้ออกมาเป็นครั้งเเรก

    ที่เเท้ก็ไม่ใช่เเค่เขาคนเดียวที่คิดถึง

    ไม่ใช่คนเดียวที่เอาเเต่เห็นภาพหลอนของอีกฝ่ายทั่วบริเวณ

    ไม่ใช่คนเดียวที่เจ็บปวดจนเเทบบ้าทุกวินาที

    "สือโถว"

    ในที่สุดข้าก็ได้กอดเจ้าด้วยมือคู่นี้เสียที

     

    ในขณะที่กำลังปลดสาบเสื้อออกจากตัวสือโถว ฝ่ามือหยาบกร้านก็คว้าข้อมือเขาหมับ มู่หลี่หลงเลิกคิ้ว

    "มีอะระ..."

    ตุบ

    เด็กหนุ่มโดนดึงลงเตียงนุ่ม ไม่ทันจะตั้งตัวสือโถวก็พลิกตัวขี้นคล่อมเขาเเทน ใบหน้าเย้ายวนขึ้นสีเเดงจัด เส้นผมสีดำหยักศกทิ้งตัวลงมาคลอเคลียไปหน้าของมู่หลี่หลง เเสงเทียนที่ส่องสว่างจากด้านหลัง ทำให้ดวงตาของสือโถวดูหวานเชื่อมมากกว่าเดิม 

    นิ้วเรียวดึงผ้าคาดเอวของตนออกอย่างเชื่องช้า ก่อนจะใช้ฟันขาวขบกัด

    มู่หลี่หลงกลืนน้ำลายเอื้อก รู้สึกตื่นตัวจนปวดร้าวไปหมด

    จะยั่วกันเกินไปแล้ว

    "ทำหน้าเช่นนั้นหมายความว่าอย่างไร"

    สือโถวกระซิบเสียงเเหบพร่า ไล้มือบนตัวมู่หลี่หลง

    "ตื่นเต้น?"

    "อืม ฮึก เจ้า"

    กึก

    ???

    นัยน์ตากวางกระพริบปริบๆ เลื่อนสายขึ้นบนหัวเตียง ก่อนจะเบิกกว่าเมื่อพบว่ามือทั้งสองข้างของตนถูกผูกเงื่อนตายด้วยผ้าคาดเอวเมื่อครู่

    เห็นเด็กหนุ่มใต้ร่างอ้าปากค้าง สือโถวก็หัวเราะในลำคอ

    "คิดว่าข้าจะออนท็อปละซิ"

    "อะ ออนท็อป?"

    "เเต่เสียใจด้วยนะน้องชาย เเมนๆอย่างพี่ต้องเป็นฝ่ายเสียบเฟ้ย!"

    "เฮ้ย!!"

    ดีดดิ้นให้หลุดจากการจับกุมทันที ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมัดเเน่นเกินไป หรือคนบนร่างซนเกินไปกันเเน่ เขาถึงได้อ่อนแรงเป็นเทียนลนไฟเช่นนี้

    ลิ้นสีสวยไล้ตามไหปลาร้า ขบกัดเหมือนเขาเป็นอาหารหวานอันโอชะ มู่หลี่หลงทั้งรู้สึกสุขสมและหนักใจปนกัน

    เจ้าบ้านี่ไม่ได้คิดจะกดเขาจริงๆหรอกใช่มั้ย!

    "สือโถว ปล่อยข้า!" ข้าต้องเป็นฝ่ายสัมผัสเจ้าสิ!

    งั่ม

    "อึก"

    "หืมมมม มันอร่อยเเบบนี้นี่เอง พวกเจ้าถึงได้ชอบกัดกันนัก"

    "พวก...ไหน อืมมมมม"

    เขาเงยหน้าครางในลำคอ เมื่อสะโพกได้รูปบดลงมากลางลำต้ว ส่วนที่สัมผัสกันร้อนจัดจนเเทบระเบิด มู่หลี่หลงกัดฟันเเน่น

    "สือ-โถว"

    อย่าให้ข้าหลุดไปได้นะ!

    "จ๋าา...าาา..า"

    คร่อก

    ตุบ

    ก่อนที่มู่หลี่หลงจะได้กระชากผ้าขาดกระจาย สือโถวก็ฟุบบนตัวเขาเหมือนนกปีกหัก ใบหน้าเกลี้ยงเกลาซบลงบนอกเปล่าเปลือย สองตาหลับพริ้มอย่างเป็นสุข เป็นอีกครั้งที่มู่หลี่หลงต้องกัดฟันกรอด

    "เจ้าบ้า! อย่ามาหลับตอนนี้เซ่!"

    "หงึม ฉลาม ทะเล~~ ท้องฟ้า...สด...ใส"

    "สือโถววววววววว ตื่นนะ! เจ้าจะทำให้มันค้างคาเช่นนี้ไม่ดะ-"

    "...เสวี่ยอิง..."

    กึก

    ชื่อของใครบางคนดังลอดออกจากริมฝีปากได้รูป เขาชะงักมือ

    "เสวี่ยอิง"

    "..."

    "ข้าคิดถึงเจ้า"

    หยดน้ำร้อนหยดลงบนอกเด็กหนุ่ม

    "ทำไม...ถึงไม่ใช่ข้า"

    “...”

    "ข้าน่ะ ข้าน่ะนะ..."

    ทั้งที่ข้าพึ่งได้ 'ชอบ' ใครเป็นครั้งเเรกเเท้ๆ

     

    ความเงียบปกคลุมทั่วห้อง เขาปลดผ้ามัดมือออกเเล้ว เด็กหนุ่มนั่งชันเข่าเหม่อมองคนที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ข้างๆ มือที่ใหญ่เกินเด็กวัยเดียวกันลูบใบหน้าของคนที่ตนคิดถึงมาตลอดสี่ปี นัยน์ตากวางฉายเเววเศร้าสร้อยผิดจากปกติ

    "ข้าเองก็อยากถามเหมือนกัน..."

    ตั้งเเต่ครั้งที่อยู่ในจวนเศรษฐี จนถึงบัดนี้

    ทำไม

    เจ้าต้องเห็นข้าเป็น ตัวเเทน’ ของใครบางคนด้วย

    "ถึงข้าจะไม่พูด"

    "อืม"

     

    "ไม่ได้หมายความว่าข้าไม่เจ็บนะ พี่สือ"

     

    ..................................................................................................

     

      'ไม่พูด ไม่ได้หมายความว่าไม่คิด' อารมณ์ประมาณนี้

     เรื่องนี้น้องหลี่น่าจะเป็นคนที่น่าสงสารที่สุดในเรื่องมั้งเนี่ย โอ๋นะหนู เเต่ก็ดีเเล้วไม่งั้นไรท์อาจต้องส่งน้องหินเข้าคุกเร็วกว่าปกติ ข้อหาพรากผู้เยาว์เนาะ // ตบบ่า

    #จะพยายามเเก้คำผิดกับเนื้อหาเรื่อยๆนะคะ เห็นมันเเจ้งเตือนบ่อยอย่าพึ่งลำไยกันน้า




     

    มู่หลี่หลง (อายุ 15 ปี)

    "รอข้าโตก่อนเถอะ!"


    ***** ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะคะ  *****

    เห็นมีคนถามเรื่องทำเป็นเล่ม ไรท์เองก็เเอบคิดว่าจะทำอ่ะเเหละ (ถ้ารีดอยากเก็บสะสมกันอ่ะนะคะ 555) เเต่คงไม่เยอะ เเล้วน่าจะทยอยออกทีละเล่ม เพราะเรื่องนี้ไรท์คิดว่าจะให้มันจบที่เเปดสิบตอน ซึ่งปัจจุบันเหมือนจะปาไปที่ร้อย //ร้องห้ายยยยยยยยยย




     

     

     

     

     

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×