คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #37 : บทที่ 33 : ค่ายอาสา...มหาสนุก (1)
บทที่ 33 : ค่ายอาสา...มหาสนุก (1)
-วันที่ 1-
ขลุกขลัก ๆ
ร่างที่เล็กกว่ากำลังดิ้นขยับดิ้นขลุกขลักไปมาในอ้อมกอดของคนร่างใหญ่ แขนเรียวที่ขยับยุกยิกทำให้ร่างหนาที่นอนหลับอยู่ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ฮั่นมองหัวทุยที่เบียดซุกมาที่แผ่นอกของเขาด้วยรอยยิ้ม มือหนาโอบร่างที่อยู่ในอ้อมกอดให้เขยิบเข้ามาใกล้มากขึ้น พลางจับถุงนอนที่ห่มอยู่ให้เลื่อนมาคลุมถึงต้นคอของแกงส้ม
คงจะหนาวล่ะสิ...
“อืม...พี่ฮั่น...” เสียงหวานที่เรียกชื่อ ทำให้คนเป็นเจ้าของชื่อขมวดคิ้ว
ร่างที่อยู่ในอ้อมกอดค่อย ๆ ก่ายขาของตัวเองมาที่ขาของร่างสูง พลางบดเบียดตัวเองเข้ามามากยิ่งขึ้น จนร่างสองร่างแทบจะไร้ซึ่งช่องว่างของกันและกัน ลมหายใจร้อนจากใบหน้าหวานที่เป่ารดบริเวณแผ่นอก ทำให้ฮั่นใจเต้นแรงพลางหอบหายใจถี่ด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
เขาว่า...ถ้าเขาอยู่ในท่านี้ต่อ...เขาคงทำอะไรที่ไม่ดีกับคนที่กำลังกอดก่ายเขาแน่ ๆ เพราะเขาไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะที่จะได้ไม่รู้สึกอะไรเวลาที่โดนร่างบาง(กว่า)บดเบียดตัวเองเข้ามาชิดใกล้แบบนี้
กระผมก็คนนะขอรับ...มีหัวใจมีความรู้สึก...มีอารมณ์คึกยามเช้านะเออ!
“แกง...แกง...”
ฮั่นเอ่ยเรียกคนที่กอดก่ายเขา พลางใช้มือเขย่าไหล่ของแกงส้มเบา ๆ
“อืม...ใครอ่า...~” ใบหน้าหวานเงยหน้าขึ้นมา ก่อนจะยกมือขยี้ตาตัวเอง
อ๊าก...หน้าตาโคตรเด็กน้อยน่ารักเลย!!!!!!
“พี่เองแกง” ฮั่นเอ่ย ก่อนจะเบือนหน้าหนีภาพตรงหน้า เสียงหัวใจที่เต้นตุบตับ ทำให้ร่างสูงต้องนอนหงายแล้วยกมือขึ้นมาจับที่หน้าอกด้านซ้ายของตัวเอง แล้วพยายามท่องพุทโธ ธัมโม สังโฆในใจ
หมับ! คนที่เหมือนจะตื่นแล้ว ขยับมานอนกอดเขาอีกครั้ง พลางขยับเลื่อนใบหน้าขึ้นมาวางเกยบริเวณที่มือของฮั่นวางอยู่
“เสียงหัวใจของพี่เต้นแรงจังพี่ฮั่น...”
“หืม ? นี่แกงตื่นดีแล้วหรอครับ” ฮั่นเอ่ยถามก่อนที่เขาจะต้องหน้าแดงแป๊ดเมื่อได้ฟังคำพูดประโยคต่อมาของคนที่นอนกอดเขาอยู่
“ผมตื่นตั้งแต่ตอนที่พี่ขยับถุงนอนมาห่มให้ผมแล้วล่ะครับ”
“ตื่นตั้งแต่ตอนนั้น...แต่ยังนอนกอดพี่...ร้ายไม่เบานะไอ้ตัวแสบ~” ฮั่นว่าก่อนที่เขาจะเขยิบมือออกปล่อยให้ใบหน้าหวานได้วางอยู่ใกล้กับอกของเขามากขึ้น
“ก็ผมอยากจะดูว่า...ถ้าผมอยู่ ‘ใกล้’ พี่ขนาดนี้ พี่จะทำอะไรผมหรือเปล่า” แกงส้มตอบพลางกระชับวงแขนของตัวเองให้แน่นขึ้นเพราะรู้สึกหนาวจากความเย็นของอากาศที่ลอยรอบตัว
“ทำอะไรคือทำอะไรครับ...?”
“ก็...อาทิเช่น...แอบ ‘ลักหลับ’ ผม...อะไรทำนองนั้นอ่ะครับ” พูดจบ แกงส้มก็เงยหน้าขึ้นแล้วเท้าคางมองใบหน้าคมที่กำลังอมยิ้ม ดวงตากลมโตส่งสายตาหวานไปให้คนที่มองสบขึ้นมา พลางใช้อีกมือไล้ปลายนิ้วเรียวไปตามใบหน้าที่คมสัน ก่อนจะหยุดปลายนิ้วเรียวนั้นที่ริมฝีปากของคนเป็นพี่
อากัปกิริยานี้ของแกงส้มทำให้ร่างสูงถึงกับกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่
มันจะ ‘ยั่ว’ กันเกินไปแล้วนะไอ้ตัวแสบ!
เดี๋ยวเจอดีแน่..หึ ๆ
“ดูพูดจาเข้าสิ อย่างพี่น่ะหรอจะไปลักหลับแกง ถ้าพี่จะทำอะไรแกง...พี่ทำตรง ๆ ดีกว่า...เช่นตอนนี้ไง!” พูดจบ ฮั่นก็อาศัยจังหวะที่แกงส้มเผลอ ขยับตัวพลิกร่างของตัวเอง ส่งผลให้ร่างที่กำลังเท้าแขนอยู่ด้านบนตกอยู่ใต้อาณัติของร่างสูง ข้อมือทั้งสองข้างถูกมือหนาจับตรึงไว้กับพื้นเต็นท์ ใบหน้าคมก้มลงมาจนหน้าผากกว้างชนกับหน้าผากมน ลมหายใจร้อนเป่ารดที่ใบหน้าหวาน เรียกการเต้นของจังหวะหัวใจให้แรงขึ้น
“ฮื้อพี่ฮั่นอ่ะ...ปล่อยผมเดี๋ยวนี้เลยนะ” แกงส้มโวยวายออกมา พลางบิดข้อมือของตัวเองออกจากมือหนา แต่ทว่าเขาก็ไม่สามารถทำได้อย่างใจคิด
พี่หมีแรงเยอะชะมัด!
“มาลองให้ใจฉันเต้นแบบนี้ ฉันว่าเธอก็มีอาการใช่ไหม...” เสียงทุ้มที่ร้องออกมาเป็นเพลง บวกกับใบหน้าคมที่ค่อย ๆ ไล้ปลายจมูกไปที่ข้างแก้ม ทำให้คนที่ถูกลวนลามแต่เช้าใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
จากที่คิดว่าจะเป็นคนแกล้ง กลับกลายเป็นคนถูกแกล้ง...
“พะ พะ พี่ฮั่น...” เสียงหวานที่ร้องเรียกชื่อดังตะกุกตะกัก ทุกครั้งที่ร่างสูงลากปลายจมูกผ่านลำคอ อากาศที่เย็นในตอนแรก บัดนี้ได้ร้อนจนทำให้แกงส้มรู้สึกเหมือนเขากำลังจะละลาย
“หึ ๆ จำไว้นะแกงว่าอย่าแกล้งพี่ด้วยวิธีแบบนี้อีก...พี่อาจจะยอมแกงในทุกเรื่อง แต่ยกเว้น ‘เรื่องนี้’ นะครับ...” พูดจบ ฮั่นก็ประทับริมฝีปากของตัวเองที่ลำคอขาวแล้วใช้ฟันขบเม้มเบา ๆ จนเกิดรอยแดง
จากนั้นร่างสูงก็ปล่อยร่างที่บาง (กว่า) ให้หลุดจากพันธการ พลางขยับตัวลุกขึ้นนั่งหลังตรง แกงส้มรีบลุกขึ้นนั่งพลางตะครุบถุงนอนมาห่มมิดจนถึงลำคอทันที แล้วมองร่างสูงด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ
พี่ฮั่นน่ากลัว...!
“อะไรแกง...มองพี่ด้วยสายตาแบบนั้นหมายความว่ายังไงครับ” ฮั่นถาม พลางเขยิบกายเข้าไปใกล้คนที่นั่งอยู่ไม่ไกล แต่แกงส้มรีบยกมือขึ้นมาแล้วเอ่ยขู่คนที่เขยิบมาใกล้ด้วยเสียงที่สั่นเทา
“อย่าเข้ามาใกล้ผมนะ ถ้าเขยิบเข้ามาผมถีบพี่จริง ๆ ด้วย ถอยออกไปห่าง ๆ ผมเลย ไอ้พี่ฮั่นบ้า! โรคจิต! ซาดิสต์!” แกงส้มด่าไปก็เอามือเอามาถูคอตัวเองไป ความร้อนที่ยังคงประทับอยู่บริเวณนั้นเรียกใบหน้าหวานให้แดงก่ำยิ่งขึ้น
ไม่น่าเล่นก่อนเลยไอ้แกง...พลาดอย่างแรงจริง ๆ!
“โธ่แกง...นี่พี่ไม่ได้คิดจะทำอะไรแกงจริง ๆ นะครับ” ฮั่นว่าพลางทำหน้าแบ๊วอ้อนสุดฤทธิ์ แต่ดูเหมือนว่าคนตรงหน้าจะไม่เชื่อเขา เพราะแกงส้มยังคงส่งสายตาไม่ไว้วางใจมาให้อยู่ดี
“ขนาดไม่ได้คิดจะทำอะไรผมจริง ๆ พี่ยัง ‘กัด’ ผมเลยอ่ะ ถ้าพี่คิดจะทำอะไรผม...ผมไม่โดนพี่ ‘ขย้ำ’ เลยหรอครับ” แกงส้มว่าก่อนที่เขาจะต้องตัวแข็งทื่อ เมื่อร่างสูงที่เหมือนจะยอม กระชากแขนเขาให้เข้าไปอยู่ในอ้อมกอด แล้วใช้สองแขนโอบรัดรอบเอวเขาแน่น พลางเกยคางคมบนไหล่เขา
“แกงเชื่อพี่เถอะน้า...พี่ไม่ได้คิดจะทำอะไรแกงจริง ๆ ก็แค่อยากจะ ‘หยอก’ แกงเล่นเฉย ๆ พี่จะไปทำอะไรแกงได้ยังไงล่ะครับ ก็พี่รักและทะนุถนอมแกงของพี่มาโดยตลอดนะ...เชื่อพี่เถอะครับ...น้า~” เสียงทุ้มหวานอ้อนที่ดังไม่ไกล ทำให้คนโดนอ้อนต้องยิ้มออกมา
“ห้ามทำแบบนั้นอีกนะครับ”
“คร้าบ...ไม่ทำแล้ว...ถ้าแกงไม่ยอม...โอ๊ย!” พูดยังไม่ทันจบประโยคดี แกงส้มก็หยิกเอวคนพูด
“พูดยังไม่ทันขาดคำเลยนะพี่หมี!!!!” แกงส้มว่าเสียงเข้ม ทำให้คนโดนว่าเขยิบตัวออกห่าง พลางทำหน้ากรุ้มกริ่มเจ้าเล่ห์
“พี่พูดเล่นคร้าบ...แค่วันนี้ก็คุ้มไปหลายวันแล้ว ฮ่า ๆ ๆ ๆ” พูดจบ ฮั่นก็เอี้ยวตัวหลบมือบางที่ฟาดลงมาทันที
“พี่ฮั่นบ้า!!!”
“โอ๋ ๆ ๆ ก๊อกแก๊ก ๆ ล้อเล่นน้า~ ไม่แกล้งแล้วครับ ไป ๆ ๆ เราออกไปสูดอากาศข้างนอกกันดีกว่า พี่ว่าตอนนี้...บรรยากาศคงจะสวยมาก ๆ เลยล่ะครับ”
“ชิ! พี่หมีบ้า! ครั้งนี้ให้อภัยก่อนก็ได้ เพราะถือว่าผมแกล้งพี่ก่อน แต่ถ้ามีครั้งต่อไปนะ...โดน ‘เอาคืน’ แน่!” พูดจบ ใบหน้าหวานก็สะบัดหน้าพรืด ก่อนจะคลานไปเปิดเต็นท์
อากาศเย็นชื้นลอยมาปะทะใบหน้าหวาน เรียกรอยยิ้มให้ปรากฏขึ้น ยิ่งเมื่อร่างโปร่งออกมายืนภายนอก แกงส้มก็ยิ่งยิ้มกว้างขึ้น
ไอหมอกสีขาวที่ลอยเอื่อยจาง ๆ รอบตัว ทำให้บรรยากาศยามค่ำคืนที่เขาเห็นเมื่อคืนถูกลบล้างด้วยภาพของยามเช้าที่ชวนมอง ดอกกุหลาบหลากสีที่มีแม่คะนิ้งเกาะดูงดงามมากในสายตาของแกงส้ม ชายหนุ่มรีบสาวเท้าเดินไปที่ภาพงดงามนั้น ก่อนจะใช้นิ้วแตะไปที่แม่คะนิ้งเบา ๆ
ความเย็นที่ติดปลายนิ้วเรียกรอยยิ้มให้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าหวาน
“ชอบล่ะสิแกง”
“หือ...ชอบสิครับพี่ฮั่น ชอบมาก ๆ ด้วย ผมไม่ได้กลับบ้านมานานมากแล้ว คิดถึงแม่คะนิ้ง คิดถึงสายหมอก คิดถึงบรรยากาศแบบนี้สุด ๆ เลยครับ” แกงส้มไม่พูดเปล่า แต่ยังหลับตาซึมซับกับบรรยากาศเหล่านี้ให้ความคิดและความรู้สึกของเขาให้ลอยละล่องไปกับบรรยากาศที่เขาแสนจะคิดถึง
ฮั่นมองอากัปกิริยาของคนตรงหน้าด้วยรอยยิ้มกว้าง จากนั้นร่างสูงก็เอื้อมมือไปสอดประสานนิ้วของตัวเองเข้ากับนิ้วมือของคนที่กำลังยืนหลับตา แกงส้มลืมตาขึ้นมามองคนที่กำลังจับมือเขาด้วยดวงตาแป๋วแหววราวกับเด็กน้อย
“พี่ก็แค่เห็นว่า...การจับมือกันในตอนที่อากาศหนาว ๆ แบบนี้ มันทำให้ ‘อุ่นหัวใจ’ ดีครับ”
“ผมก็ยังไม่ได้ว่าอะไรพี่ซะหน่อยพี่ฮั่น” แกงส้มว่า ก่อนจะเบนสายตาจากดวงตาคมไปมองที่แปลงกุหลาบสวยตรงหน้าอีกครั้ง
“อะแฮ่ม ๆ ๆ หวานกันแต่เช้าอีกแล้วน้า...” เสียงเอ่ยทักบริเวณด้านหลัง เรียกใบหน้าของคนสองคนให้หันไปมองร่างโปร่งของกวางที่ยืนเอามือถูกันไปกันมา เบื้องหลังของหญิงสาวมีหมิว คิม จ๋า ฟลุ๊คและป๊อกยืนกอดอกเนื่องจากอากาศที่หนาวเย็น
“มาแซวผมนะพี่กวาง แล้วแฟนพี่ไปไหนล่ะครับ”
“ฮะ ? แฟน ? ใครวะ ?” กวางถามพลางขมวดคิ้วมุ่นด้วยความงุนงง ก่อนที่หญิงสาวจะหน้าแดงก่ำเมื่อได้ยินคำพูดประโยคต่อมาของแกงส้ม
“แหม...ทำเป็นไม่รู้นะพี่กวาง ก็พี่ข้าวฟ่างไงครับ”
“ไอ้แกงบ้า! ไม่ใช่เว้ย ตานั่นไม่ใช่แฟนพี่ อย่ามาแซวกันนะ”
“แฟน...ใครแฟนใครหรอแกง...?” คนที่เพิ่งเดินมาถึง ถามพลางทำใบหน้างุนงง
“ไม่รู้สักเรื่องก็ได้มั้งพี่ข้าวฟ่าง” กวางว่าก่อนที่เธอจะส่งสายตาดุใส่แกงส้มที่กำลังอมยิ้มทำหน้ากวน
“อ้าว...ฉันถามดี ๆ นะ แล้วอีกอย่าง ฉันก็ไม่ได้ถามเธอด้วย ตอบทำไมมิทราบ!”
“เฮ้ย! พี่พูดแบบนี้หาว่ากวางสอใส่เกือกหรอ”
“แล้วแต่เธอจะคิด...”
“พี่ข้าวฟ่าง!!!!” ประโยคนี้กวางตะโกนออกมาเสียงดังด้วยความโมโห แต่ก่อนที่สงครามระหว่างคนสองคนจะเริ่มต้นขึ้น หมิวที่ยืนอยู่ใกล้ก็เดินมาแทรกระหว่างคนสองคน
“ไม่ต้องมาทะเลาะกันให้เสียบรรยากาศที่แสนดีตอนเช้าเลยค่ะ หมิวว่า...เราควรจะรีบไปเดินสูดอากาศแล้วไปทำธุระส่วนตัวของเราให้เสร็จ ๆ นะคะ แล้วเราจะได้ไปทำภารกิจของเรา เดี๋ยวเวลา 3 วันที่เหลือเราก็สร้างห้องสมุดให้น้อง ๆ ไม่เสร็จหรอกค่ะ”
เมื่อหมิวพูดจบ กวางและข้าวฟ่างก็สะบัดหน้ากันไปคนละทาง คนที่มองได้แต่ส่ายหน้าไปมากับอากัปกิริยาของคนทั้งสอง ก่อนที่พวกเขาทั้งหมดจะต่างแยกย้ายกันไปตามมุมของตัวเอง
โป๊ก ๆ ๆ ๆ เสียงค้อนที่ตอกลงไปที่ตะปูบนไม้สีน้ำตาลดังขึ้นเป็นระยะ ๆ แสงแดดที่สาดส่องลงมากระทบแผ่นหลังเรียกเหงื่อให้ผุดขึ้นตามรูขุมขนจนหยดไหลย้อยที่สองข้ามแก้ม ฮั่นยกหลังมือขึ้นมาเช็ด พลางเงยหน้าขึ้นไปสบตากับดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงอยู่บนท้องฟ้าสีสวย
วูบ~
ร่างสูงรู้สึกหน้ามืดขึ้นมา จนต้องก้มหน้าลงแล้วจู่ ๆ ดวงตาของเขาก็คล้ายจะเกิดความผิดปกติ
เขามองไม่เห็นอะไรเลย!
ที่เห็นตอนนี้มีแต่แสงสีขาวที่สว่างจ้า!!!!
นี่มันเกิดอะไรขึ้น!?!
“พี่ฮั่น...เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” กวางที่นั่งตอกตะปูอยู่ไม่ไกล ลุกเดินมาหาร่างสูงที่ลงไปนั่งขัดสมาธิที่พื้น พลางมองใบหน้าคมที่ซีดขาวด้วยความรู้สึกเป็นห่วง
“เอ่อ...เปล่า ๆ พี่ไม่ได้เป็นอะไร” ฮั่นเอ่ยปฏิเสธอออกมา พลางชันตัวลุกขึ้น แต่เขาก็ทรุดลงนั่งที่เดิม เมื่อเขารู้สึกหน้ามืดอีกครั้ง
“ไม่ได้เป็นอะไรได้ไงคะ ก็เห็น ๆ กันอยู่ว่าพี่เหมือนจะเป็นลม”
“พี่ไม่ได้เป็นอะไรจริง ๆ กวาง แต่สงสัยจะเจอแดดเผาแรงไปหน่อย ปกติพี่เคยทำอาหารอยู่แต่ในห้องครัวอ่ะ ไม่เคยมาทำงานกลางแจ้งแบบนี้ ก็เลยเหมือนจะหน้ามืดเบา ๆ”
“แน่ใจนะคะ แต่กวางว่า...เดี๋ยวพี่ฮั่นไปนั่งพักก่อนดีกว่าค่ะ เดี๋ยวส่วนของพี่กวางจัดการเอง”
“พี่ไหวจริง ๆ กวาง” ร่างสูงว่าอย่างดื้อดึง กวางเห็นแบบนั้นก็ส่ายศีรษะไปมาทันที พลางหยิบค้อนออกจากมือหนา
“อย่าดื้อค่ะพี่ฮั่น ไม่งั้นกวางไปฟ้องเจ้าแกงนะ เลือกเอาว่าจะไปนั่งพักดี ๆ หรือจะให้ไอ้แกงมาลากไป” เมื่อเอาชื่อของคนเป็นแฟนมาอ้าง ฮั่นก็ย่นจมูกใส่คนพูด ก่อนที่เขาจะยอมลุกขึ้นแล้วเดินไปนั่งพักที่ใต้ร่มไม้ทันที
“ชอบให้เอาแกงส้มมาขู่อยู่เรื่อยเลยพี่ฮั่น!”
บ่นเสร็จ กวางก็เดินกลับไปที่เดิมของเธอแล้วทำหน้าที่ของเธอต่อไป ใบหน้าหวานที่ก้มหน้าก้มตาทำงานกลางแจ้ง เรียกสายตาคมที่มองจากระยะไกลให้หยุดสายตาไว้ที่ใบหน้านั้น
ทั้ง ๆ ที่เป็นผู้หญิง แต่กลับทำงานของผู้ชายได้คล่องแคล่ว...เขาที่เป็นผู้ชายแท้ ๆ ยังไม่สามารถทำได้แบบนั้น...
น่าทึ่งจริง ๆ!
“มองไม่วางตาเลยนะครับพี่ข้าวฟ่าง” เสียงที่เอ่ยทักด้านหลัง เรียกใบหน้าของข้าวฟ่างให้หันไปมอง
“อ้าวแกง นึกว่าใคร”
“โหอะไรกันครับ เดี๋ยวนี้แม้แต่เสียงผมพี่ก็จำไม่ได้แล้วหรอ ทีแต่ก่อนนะ แค่ผมเดินมาใกล้ ยังไม่เห็นหน้าด้วยซ้ำ พี่ก็จำได้แล้ว ใช่สิ...เดี๋ยวนี้พี่ ‘ชอบ’ พี่กวางแล้วนี่ครับ น้องชายคนนี้เลยไม่สำคัญแล้ว...” แกงส้มแกล้งพูดด้วยเสียงที่เง้างอดเล็ก ๆ เรียกมือหนาของข้าวฟ่างให้ตบเบา ๆ ที่ศีรษะทุยอย่างเอ็นดู
“แกงก็...อย่ามาแซวพี่สิครับ” ข้าวฟ่างไม่พูดเปล่า แต่ใบหน้าคมยังขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างรู้สึกเขินเล็ก ๆ ด้วย อาการนี้ของชายหนุ่มทำให้แกงส้มยิ้มหวานออกมา
“พี่ข้าวฟ่างชอบพี่กวางจริง ๆ ด้วย” แกงส้มว่าพลางเอานิ้วจิ้มแก้มที่ขึ้นสีแดงของคนเป็นพี่
“เฮ้ย! ไม่ใช่นะแกง” ข้าวฟ่างรีบปฏิเสธออกมาทันที พลางปัดนิ้วเรียวที่กำลังจิ้มแก้มเขาออก
ภาพของคนสองคนที่กำลังหยอกล้อกันนั้น ทำให้คนที่นั่งพักอยู่ใต้ต้นไม้รู้สึกเหมือนมีควันร้อน ๆ ออกมาจากรูหู แม้แต่คนที่กำลังตอกตะปูอยู่ เมื่อเงยหน้าขึ้นมา แล้วเจอะกับภาพนั้นพอดี คนมองก็โมโหตอกตะปูทีเดียวจมมิดเข้าไปในไม้จนคนที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ถึงกับสะดุ้งเฮือก
“อะ เอ่อพี่กวาง...เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” แคนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ตะกุกตะกักเมื่อเห็นใบหน้าหวานกำลังทำหน้าเหมือนอยากจะจกตับใครสักคน
“ไม่ใช่เรื่องของแคน! เงียบแล้วทำงานของตัวเองไปเลย โว้ย!” แล้วคนพูดก็หยิบตอกตะปูลงไปที่ไม้อีกครั้งและอีกครั้งด้วยแรงที่มีทั้งหมด
จำไว้เลยนะไอ้พี่ข้าวฟ่าง!
ส่วนฮั่นนั้นเบือนหน้าหนีจากภาพตรงหน้า พลางรู้สึกว่ากระบอกตาของเขาเริ่มร้อน ๆ
เขาต้องเชื่อใจแกงส้ม...
สิ่งที่เขาเห็น...มันไม่ใช่อย่างที่เขากำลังคิด...
แต่ทำไมรู้สึกอยากจะร้องไห้แบบนี้นะ...
ทั้ง ๆ ที่บอกกับตัวเองว่าเชื่อใจและคิดว่าสิ่งที่เห็นมันไม่ใช่อย่างที่คิด...แต่ความรู้สึกเจ็บที่ติดค้างอยู่ในหัวใจนี่มันคืออะไร...
“เฮ้อ...”
ฮั่นถอนหายใจออกมา ก่อนที่เขาจะใช้นิ้วนวดขมับของตัวเองเบา ๆ
รู้สึกร่างกายไม่ปกติไม่พอ หัวใจดันมารู้สึกแบบนี้อีก...โคตรเพลียตัวเองเลย!
“ทุกคนคะ...มาทานอาหารกลางวันกันได้แล้วค่ะ” เสียงเรียกที่ดังมาจากตัวอาคารไม้บริเวณโรงอาหาร เรียกสายตาทุกคนให้หันไปมองคนเรียก
ใบหน้าหวานที่แย้มยิ้มสวย ทำให้อากาศที่ร้อนยามบ่ายรู้สึกเย็นขึ้นมา
เสียดายไม่น่าตาบอดเลย...ฮั่นคิดในใจก่อนที่เขาจะฉุกคิดอะไรบางอย่างได้
ตาบอดหรอ...?
ตาเขา...ทำไมถึงได้เกิดอาการแปลก ๆ...อย่าบอกนะว่า...
“จะเอ๋!”
“เฮ้ย!” ฮั่นร้องอุทานออกมา เมื่อคนตรงหน้ามาส่งเสียงจะเอ๋ทักทายเขา
“ฮื้อ...ตกใจอะไรขนาดนั้นพี่ฮั่น กำลังคิดอะไรอยู่ครับเนี่ย” แกงส้มถาม ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้างคนเป็นพี่ พลางใช้หลังมือปาดเหงื่อที่ไหลซึมที่ข้างแก้ม แต่ฮั่นเขยิบใบหน้าออกห่าง พลางมองใบหน้าหวานนิ่ง
“ไม่คุยกับพี่ข้าวฟ่าง ‘ของแกง’ ต่อแล้วหรอครับ”
“หืม...เราคุยกันเสร็จแล้วครับ ว่าแต่...พี่ฮั่นเป็นอะไรเนี่ย ทำไมถึงได้ทำหน้าแบบนี้ อย่าบอกนะว่า ‘หึง’ ผมกับพี่ข้าวฟ่างน่ะ”
แทนคำตอบ ร่างสูงก็หันหลังให้กับคนถามทันที
“พี่ฮั่นอ่ะ...ผมบอกแล้วไงครับว่าผมกับพี่ข้าวฟ่างเราไม่มีอะไรกันจริง ๆ” แกงส้มไม่พูดเปล่า แต่เขายังลุกขึ้นมานั่งคุกเข่าตรงหน้าคนที่กำลังนั่งทำหน้านิ่ง
“พี่ไม่เชื่อผมหรอครับ...” ถามพลางส่งสายตาอ้อน
ไม่ใจอ่อนก็ให้มันรู้ไปสิพี่ฮั่น!
แต่...คนถูกมองก็ยกสองมือขึ้นมาปิดตาตัวเองทันที แกงส้มถึงกับหน้าเหวอ
เล่นแบบนี้เลยหรอพี่ฮั่น...!
แต่คิดว่าผมจะยอมง่าย ๆ หรือ ?
แกงส้มคว้ามือที่ปิดตาของร่างสูงมาจับไว้แล้วสอดนิ้วมือของตัวเองเข้าไปที่นิ้วทั้งห้าของคนตรงหน้า พลางเงยหน้าขึ้นสบตากับคนที่มองลงมา
“ผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับพี่ข้าวฟ่างแล้ว เหมือนกับที่พี่ข้าวฟ่างเองก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับผม...เมื่อกี้ที่พี่เห็น...คือผมกำลังล้อพี่ข้าวฟ่างเรื่องพี่กวางครับ...” แกงส้มค่อย ๆ พูดช้า ๆ อย่างชัดถ้อยชัดคำราวกับต้องการให้ทุกคำพูดของเขาตอกและย้ำเข้าไปในใจของคนฟัง
“...” แต่ความเงียบก็ยังคงทำงานของมันต่อไป
“พี่ฮั่น...”
“...”
“พี่ฮั่นครับ...”
“...”
“ไอ้พี่ฮั่น! ถ้าพี่ไม่เลิกงอนผมนะ ผมจะเลิกง้อพี่แล้ว จะงอนอะไรกันนักกันหนา ก็บอกว่าไม่มีอะไรก็คือไม่มีอะไรสิ!” คราวนี้คนที่ง้อเริ่มรู้สึกโมโหขึ้นมาบ้างแล้ว
พอเห็นเรายอมเข้าหน่อยก็ได้ใจทำงอนนานเลยนะ ไอ้พี่หมีบ้า!
“...แกงไม่อยากง้อ ก็ไม่ต้องง้อสิครับ...” พูดพลางดึงมือตัวเองออกจากเกาะกุมของคนตรงหน้า พลางเบือนหน้าหนีสายตาของแกงส้มที่มองมา
“พี่ฮั่น...พี่เป็นอะไรครับ ทำไมพี่ถึงได้งอนนานขนาดนี้ ไหนพี่บอกว่าพี่เชื่อใจผมไง แล้วนี่อะไร...พี่ไม่เชื่อใจผมแล้วหรอ...ไหนบอกว่า ‘รัก’ ผมไง...คนรักกัน...ถ้าไม่เชื่อใจกัน แล้วจะอยู่ด้วยกันได้ยังไง” แกงส้มว่าก่อนจะเอื้อมมือไปจับคางคมให้หันใบหน้ามาสบตากับเขา
“ขอร้องนะพี่ฮั่น...อย่าทำเฉยชากับผมแบบนี้...ผม ‘ทนไม่ได้’ จริง ๆ ครับ...” พูดจบ คนพูดก็เริ่มมีน้ำใสไหลซึมออกมาทางหางตา ฮั่นเห็นแบบนั้นก็รวบตัวคนตรงหน้าให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอด
“พี่ขอโทษครับแกง พี่แค่...’คิดมาก’ ไปหน่อย...ขอโทษที่ทำให้แกงต้องร้องไห้นะครับ...ขอโทษ...” ฮั่นพูด พลางกระชับอ้อมกอดให้แน่นยิ่งขึ้นด้วยความรู้สึกผิด
เขาไม่ควรคิดมากจนต้องทำให้แกงส้มต้องร้องไห้เลย...
เพราะเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเกิดความผิดปกติ ทำให้ฮั่นเริ่มรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง
เขากลัวว่าความผิดปกติที่เกิดขึ้นของเขาจะทำให้คนที่อยู่ในอ้อมกอดต้องมีน้ำตา
เขาจึงคิดมาก...ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วเขาไม่ได้คิดมากเรื่องของแกงส้มกับข้าวฟ่างนัก เพราะเขาเชื่อใจแกงส้มของเขา แต่ทำไม...เขาถึงได้ทำงี่เง่ากับน้องออกไปแบบนั้นก็ไม่รู้...
เขาไม่รู้ตัวเลย...
เขาเริ่มไม่ชอบที่ตัวเองต้องเป็นแบบนี้แล้วนะ!!!
“ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ แค่พี่เข้าใจผมและเชื่อใจผมเหมือนเดิม...แค่นั้นก็พอแล้วครับ สัญญากับผมนะว่าจะไม่ทำเย็นชากับผมแบบนี้อีก...ผมทนไม่ได้จริง ๆ นะพี่ฮั่นถ้าพี่จะทำแบบนั้นกับผม...” แกงส้มว่าพลางเงยหน้าขึ้นสบตากับร่างสูง
“พี่สัญญาครับ...”
ฮั่นพูดแค่นั้นก่อนจะก้มใบหน้าลงมาประทับริมฝีปากบางกับหน้าผากเกลี้ยงของคนตรงหน้า สัมผัสที่แผ่วเบาที่มาพร้อมกับคำสัญญาชวนให้หัวใจของแกงส้มเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกดี ๆ ที่อัดแน่นอยู่ในนั้น
เขาอยู่ไม่ได้จริง ๆ นะ...ถ้าไม่มีพี่ฮั่น...
เพราะพี่ฮั่นเป็นดั่งลมหายใจ...
เป็นเหมือนอากาศ
เป็นเหมือนออกซิเจน
และเป็นคนที่สำคัญที่สุด...
-วันที่ 2-
โป้ก ๆ ๆ ๆ
เสียงของแผ่นไม้ที่ถูกตะปูตอกลงไปอย่างต่อเนื่อง เรียกดวงตาของจ๋าที่ยืนอยู่ไม่ไกลให้หันไปมอง
“โหยัยกวาง! นี่หล่อนเอาแรงมาจากไหนยะ ถึงได้ตอกตะปูได้รัวอย่างแข็งแรงขนาดนั้นน่ะ” เสียงของจ๋าที่เอ่ยแซวไม่อาจดังลอดเข้าไปในโสตประสาทการได้ยินของคนโดนแซได้ เพราะกวางเปิดเพลงฟังดังลอดออกมาจากหูฟัง เป็นการบ่งบอกให้รู้ว่า...ตอนนี้เธออยู่ในโลกของตัวเอง ใครก็เข้ามายุ่งไม่ได้
“ก็เอามาจาก ‘แรงใจ’ ที่นั่งสอนเด็ก ๆ วาดรูปตรงมุมนู้นไงไอ้จ๋า” ฮั่นจึงเป็นฝ่ายเอ่ยตอบแทนกวาง พลางพยักเพยิดไปทางข้าวฟ่างที่นั่งสอนเด็ก ๆ วาดรูปอยู่บริเวณใต้ร่มก้ามปูต้นใหญ่
“แรงใจ...แรงใจยังไงวะ นั่งกันคนละมุมเดียวกันแบบนี้” จ๋าเอ่ยถาม พลางยื่นส่งแก้วน้ำเย็นให้คนเป็นเพื่อน
“ก็แกเห็นผ้าที่กวางคาดที่หน้าผากหรือเปล่าล่ะ” จ๋าหันไปมองผ้าคาดหน้าผากสีเหลืองสดใสที่บริเวณหน้าผากกวางทันที
“เห็น...แล้วมันเกี่ยวอะไรกับแรงใจวะ แกช่วยอธิบายให้มันเคลียร์ ๆ หน่อยได้ไหมไอ้ฮั่น”
“ก็เมื่อวานนี้ตอนเย็น...”
แล้วฮั่นก็ย้อนเล่าเรื่องราวที่เขาไปประสบพบเจอมาให้กับจ๋าฟังอย่างละเอียดทันที
“กวาง...ยัยกวาง...นี่! ฉันเรียกเธออยู่นะ” ข้าวฟ่างเอ่ยเรียกคนที่เดินหนีเขาด้วยน้ำเสียงที่เริ่มจะหงุดหงิด แต่ร่างโปร่งก็ไม่ยอมหยุดเดิน ซ้ำยังออกเดินเร็วขึ้นอีกด้วย เป็นผลให้คนเรียกต้องรีบสาวเท้าให้ทันคนตรงหน้าแล้วคว้าแขนบางไว้พลางออกแรงกระชากให้หันมามองหน้าเขาทันที
“เป็นบ้าอะไรของเธอ ไม่ได้ยินที่ฉันเรียกหรือไง”
“ได้ยิน”
“ได้ยินแล้วทำไมไม่หยุดเดิน”
“ไม่อยากหยุด มีอะไรไหมคะ” ตอบพลางดึงแขนออกจากเกาะกุม แต่ข้าวฟ่างกลับไม่ปล่อยให้กวางได้ทำแบบนั้น เพราะเขาล็อกแขนบางไว้แน่น ก่อนจะจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของคนตรงหน้าแล้วส่งสายตาไม่เข้าใจไปให้
“เธอเป็นอะไรของเธอ อยู่ดี ๆ ก็ไม่ยอมมองหน้าฉัน ไม่พูด ไม่คุย ไม่กวน ไม่อะไรกับฉันทั้งนั้น นี่ฉันไปทำอะไรให้เธอไม่พอใจหรอ...”
“เปล่านี่คะ คุณข้าวฟ่างไม่ได้ทำอะไรให้กวางไม่พอใจค่ะ อีกอย่าง...กวางมีสิทธิ์ที่จะไม่พอใจคุณด้วยหรอคะ คุณจะทำอะไรยังไง กับใครที่ไหน ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับกวางนี่คะ”
สรรพนามที่ใช้แทนตัวเองและเรียกเขามันทำให้ข้าวฟ่างรู้ได้ทันทีว่าตอนนี้คนตรงหน้ากำลังโกรธ และถ้าเดาไม่ผิด...คงจะโกรธเพราะเห็นภาพเขากับแกงส้มแน่ ๆ!
“นี่เธอ ‘หึง’ ฉันกับแกงใช่ไหม”
“จะบ้าหรอคะ ใครหึงคุณกัน อย่ามามั่วนะ!” กวางโวยวายออกมา ก่อนจะหน้าแดงเมื่อโดนดวงตาคมจ้องลึกเข้ามาในดวงตาอย่างต้องการสำรวจตรวจตราความรู้สึก
“ก็เธอหึงฉันเห็น ๆ อย่ามาปฏิเสธหน่อยเลยยัยบ๊อง” พูดจบ คนพูดก็ดีดนิ้วไปที่หน้าผากมนเบา ๆ หนึ่งที
“ฮื้อ...อย่ามาขี้ตู่นะ เค้าไม่ได้หึงพี่ซะหน่อย” กวางว่าพลางยกมือขึ้นมาคลำหน้าผากตัวเอง ก่อนจะทำปากยื่น
ข้าวฟ่างมองอากัปกิริยานั้นด้วยความเอ็นดู ก่อนที่เขาจะหยิบผ้าเช็ดหน้าสีเหลืองสดใสออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วพับมันเป็นสี่เหลี่ยมยาวคล้ายผ้าคาดหน้าผาก ก่อนจะยื่นมันไปตรงหน้าคนที่ยืนมอง
“อ่ะ...ฉันให้”
“หือ...ให้ ?”
“อื้ม...เอาไว้คาดตอนที่เธอออกไปทำงานกลางแดดไง เหงื่อจากหน้าผากจะได้ไม่ไหลเข้าตา” พูดจบ คนพูดก็เขยิบเข้ามาใกล้ ก่อนจะผูกผ้านั้นที่หน้าผากของคนที่กำลังทำหน้างง
“ฉัน ‘ชอบ’ เธอนะ...ไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้มันเกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่มันก็ได้เกิดขึ้นแล้ว...และฉันก็อยากจะบอกกับเธอว่า...ฉันอยากให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ความรู้สึกที่ฉันมีต่อเธอ เธอ ‘ให้โอกาส’ ฉันได้ไหมกวาง...”
ดวงตาเรียวเบิกโตขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดของผู้ชายร่างสูงตรงหน้า กวางอ้าปากเหวอก่อนที่เธอจะหุบปากฉับแล้วหน้าแดงวูบเมื่อโดนสายตาคมมองมาอย่างจริงจัง
“คือ...เค้า...เอ่อ...”
“เธออาจจะยังไม่พร้อมตอบฉันตอนนี้...ฉันเข้าใจ...ฉันรอเธอได้นะยัยบ๊อง” พูดจบ คนพูดก็ยกยิ้มขึ้นมาแล้ววางมือบนเรือนผมนุ่มแล้วขยี้เบา ๆ
“ฮื้อ...ทะเลาะกันประจำ แล้วจู่ ๆ มาพูดแบบนี้ เค้าไม่ชินนะ...” กวางว่าก่อนจะก้มหน้านิ่ง
ข้าวฟ่างเชยคางคนตรงหน้าขึ้นมาแล้วมองกวางด้วยสายตาที่แสดงออกถึงความรู้สึกในหัวใจ
“ก็บอกแล้วไง...ว่าเธอยังไม่ต้องตอบฉันตอนนี้ ฉันให้เวลาเธอตัดสินใจ...แค่เธอรับรู้ความรู้สึกของฉัน แค่นั้น...ก็พอแล้ว”
“อืม...” รับคำแค่นั้น กวางก็ก้มหน้าลงอีกครั้งด้วยใบหน้าที่ร้อนผ่าวราวกับเอาหน้าเข้าไปอยู่ในตู้ไมโครเวฟ
อ๊ากกกกกกกกกก เขิน!
“แล้วกวางก็ไม่ได้ตอบอะไร แต่มีอาการอย่างที่แกเห็นเนี่ยแหล่ะไอ้จ๋า” ฮั่นว่าก่อนจะเบนสายตามองไปยังใบหน้าหวานที่ตอกตะปูไปยิ้มไปราวกับโลกนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข
อย่างว่าแหล่ะเนอะ...มีคนมาบอกว่าชอบ...จะไม่ให้ยิ้มได้ยังไง...
“โหวววววววว ให้ตายเหอะ! นี่ตกลงว่าทุกคนจะมีคู่กันหมดเลยใช่ไหม แล้วฉันล่ะ ??????” จ๋าโวยวายออกมาก่อนที่เธอจะต้องตกใจ เมื่อจู่ ๆ คิมที่ยืนฟังอยู่ด้วยจับมือเธอขึ้นมาแล้วพูดว่า
“ยัยจ๋า...เราเป็น ‘แฟน’ กันเถอะ!!!”
“เฮ้ย!!! อะไรของคุณคิมเนี่ย!!! อยู่ดี ๆ ก็มาขอจ๋าเป็นแฟน เมาแดดหรอ...” จ๋าโวยวายออกมาก่อนจะสะบัดมือออกจากเกาะกุมของหญิงสาวที่อยู่ในชุดสีชมพูหวาน
“ฉันพูดจริง ๆ นะ...” คิมว่าพลางทำหน้าทำตาจริงจัง เรียกจังหวะการเต้นของหัวใจคนมองให้เต้นไหวไปกับความรู้สึกแปลก ๆ ที่มีอยู่เป็นทุนเดิม
“บะ บะ บ้าน่าคุณคิม เล่นแบบนี้จ๋าไม่ตลกกับคุณนะ” จ๋าเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงที่เริ่มตะกุกตะกัก ทำไมเธอถึงได้รู้สึกว่าอากาศวันนี้มันร้อนนักนะ
แก้มเธอกำลังร้อนมาก ๆ
อ๊าก...มันเป็นเพราะอากาศ ไม่ใช่เพราะความรู้สึกที่เกิดขึ้น!
“เป็นแฟนกับฉันนะจ๋า...” แค่เพียงถ้อยคำไม่กี่คำของคนตรงหน้า ทำให้คนถูกขอเป็นแฟนราวกับตกอยู่ในมนต์สะกด
อาจเพราะดวงตาคู่นี้ที่มองมาของคุณคิม...
ดวงตาที่แสดงออกถึงความรู้สึกลึก ๆ ในหัวใจที่เหมือนกับที่เธอกำลังรู้สึก
ทำให้เธอเผลอพยักหน้าตอบรับ...
“เฮ้ย...ขอเป็นแฟนกันง่าย ๆ แบบนี้เลยหรอ!!!” คนที่ยืนมองเหตุการณ์และตกอยู่ในสถานะพยานจำเป็นพูดออกมา ก่อนที่เขาจะต้องดีลีทตัวเองออกมาจากตรงนั้นเมื่อคำพูดของเขาไม่ได้เข้าไปอยู่ในโสตประสาทของคนทั้งคู่
ราวกับตกอยู่ในโลกที่มีเพียงสองคน...
โลกแห่งความรัก...ที่คนนอกอย่างเขาไม่สามารถก้าวผ่านเข้าไป!
นี่เขากลายเป็นคนรู้เห็นเหตุการณ์หวาน ๆ แบบนี้ถึงสองเหตุการณ์ด้วยกันเชียวหรือเนี่ย...
ฮ่า ๆ ๆ ๆ ได้เป็น ‘ผู้กุมความลับ’ นี่มันก็สนุกไปอีกแบบแฮะ~
-วันที่ 3-
“เสร็จแล้ว!!!!!!”
ทันทีที่ทาสีเสร็จ แกงส้มก็ตะโกนประโยคนี้ออกมา แล้วภาพของห้องสมุดสีขาวสะอาดตาก็ปรากฏแก่สายตาของทุกคน
อาคารไม้หลังไม่ใหญ่นักสีขาวสะอาดตามีการตกแต่งด้วยภาพดอกไม้สีชมพูสวยบริเวณด้านล่าง ดูเข้ากันดีกับแปลงดอกกุหลาบสีเหลืองอ่อนที่ถูกปลูกไว้บริเวณด้านหน้า
ทุกคนมองอาคารไม้ตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่ปลาบปลื้มอิ่มเอมและสุขในหัวใจอย่างบอกไม่ถูกอธิบายไม่ได้ ความสุขจากการร่วมทำความดีด้วยกัน แม้มันจะไม่ได้มาจากตัวเงินแต่เป็นตัวแรงที่ร่วมลงไปด้วยกัน มันก็ยิ่งทำให้คนที่ได้ทำความดีนั้นร่วมกันมีความสุขมาก...
มากจนรู้สึกว่า...หากทำด้วยตัวเงินคงไม่มีความสุขได้เท่านี้!
ความดีไม่จำเป็นต้องใช้เงินทำ แค่เพียงใช้หัวใจทำ...แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว!!!
“ในที่สุดโครงการออกค่ายอาสาของพวกเราก็สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี เด็ก ๆ คงจะชอบห้องสมุดของพวกเรานะคะพี่โดม” กวางว่าพลางหันไปยิ้มให้คนร่างใหญ่ที่ยืนยิ้มไม่หุบ
“แน่นอนที่สุดครับ เด็ก ๆ ต้องชอบมาก แหวนจ๊ะ...เดี๋ยวรอให้สีแห้งก่อนนะ โดมจะพาแหวนเดินไปดูห้องสมุด...พวกเขาทาสีขาวแล้ววาดดอกไม้ที่แหวนชอบด้วยนะ...” พูดจบ โดมก็เช็ดน้ำตาของตัวเองที่ไหลซึมออกมาจากความรู้สึกปลาบปลื้มใจ
เขาปลื้มใจแทนเด็ก ๆ
ในที่สุดเด็ก ๆ ก็มีห้องสมุดแล้ว...
พรุ่งนี้เด็ก ๆ คงยิ้มและดีใจกันมาก...เขาอยากให้ถึงวันพรุ่งนี้เร็ว ๆ จัง
“เดี๋ยวคืนนี้เราทำกิจกรรมรอบกองไฟกันนะครับ ผมและผู้ปกครองของเด็ก ๆ อยากทำอาหารเลี้ยงพวกคุณครับ”
“โอเคเลยค่าพี่โดม~”
และก่อนจะถึงกิจกรรมรอบกองไฟ ทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนี้ก็พร้อมใจกันตะโกนประโยคนี้ออกมา
“ไชโย!!!!!!!!!!!!!”
ยามใดที่เราได้อยู่ใกล้กับคนที่รัก ยามนั้นความปรารถนาส่วนลึกจะผลักให้เรามีความรู้สึกต้องการคนรักจนยากที่จะหักห้ามใจไม่ให้สัมผัสคนที่รักได้...แต่กระนั้นเมื่อยังไม่ถึงเวลาที่สมควรและพร้อม เราก็ไม่ควรที่จะปล่อยให้ความปรารถนาเข้าครอบงำจนลืมความผิดชอบชั่วดี เพราะถ้ารักกันจริงแล้ว...ต่อให้ยากที่จะหักห้ามใจแค่ไหน ก็ย่อมจะหักห้ามใจได้ เพราะ ‘รักแท้...รอได้’...เชื่อในหัวใจที่รักกันมากกว่าที่จะเชื่อในความสัมพันธ์เพียงนอกกาย...
//ใจจริง...อยากจะเขียนให้จบการออกค่ายไปเลย แต่ด้วยอะไรหลาย ๆ อย่างไม่อำนวย จึงมาเขียนไว้เพียงเท่านี้ก่อนนะคะ...แล้วมาต่อกันในตอน ค่ายอาสา...มหาสนุก (2) ในอีกประมาณวันเสาร์หรือวันอาทิตย์นะคะ...เบื่อไหมนะกับการมาอัพบ่อยจนอ่านแทบไม่ทันแบบนี้ ฮ่า ๆ ๆ ๆ อยากจะบอกว่า...เค้าอัพบ่อยเวอร์จนน่าตกใจเนอะ ก็อยากผ่อนคลายจากการอ่านหนังสือสอบนี่นา...เดี๋ยวถ้าเค้าหายไปหลายวันจริง ๆ แล้วจะคิดถึงเค้านะเออ...ฮ่า ๆ ๆ ๆ
ดราม่าเริ่มมานิด ๆ และเนอะ...
ไม่ต้องกังวลไปนะคะว่าเรื่องนี้จะจบแบบดราม่าแบบหนังเรื่อง The letter ... ไม่จบแบบนั้นแน่นอนค่ะ เรื่องนี้ไม่ใช่แนวดราม่าน้า~...คงมีมาพอให้เสียน้ำตากันนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้น...ติดตามกันต่อไปค่า...
พายุแกมีจะเข้าแล้ว...ดูแลรักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ...พกร่มเวลาออกเดินทางข้างนอก และห่มผ้าหนา ๆ ตอนนอนด้วยนะค้าบ~ ไปแล้วค่ะ รักทุกคนนะคะ จุ๊บๆ >3<
ความคิดเห็น