คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #36 : บทที่ 32 : คืนที่ดาวเต็มฟ้า
บทที่ 32 : คืนที่ดาวเต็มฟ้า
หมอกสีขาวที่ลอยละล่องอยู่ท่ามกลางหุบเขาสีเข้มที่มีต้นไม้สีเขียวครึ้มสลับซับซ้อนกันเรียกสายตาของคนที่นั่งอยู่ภายในรถให้เผลอมองทัศนียภาพที่รถเคลื่อนตัวผ่าน ยิ่งยามที่กดกระจกรถลง จะยิ่งสามารถซึมซับได้ถึงความเย็นชื้นของละอองหมอกที่ลอยพัดผ่าน ความคดเคี้ยวของท้องถนนเรียกท้องไส้ให้ปั่นป่วนชวนอาเจียนแต่เพราะความสวยงามของธรรมชาติทำให้อาการเหล่านี้จางหายไปได้
โรงเรียน ‘ดอยเอื้อมดาว’
ป้ายไม้สีซีดจางที่เอียงจนแทบจะกลับหัว ทำให้ฮั่นต้องยกเท้าแตะเบรก พลางหันมาถามคนที่นั่งอยู่เบาะหลัง
“ใช่โรงเรียนนี้หรือเปล่ากวาง”
“ใช่ค่ะพี่ฮั่น โรงเรียนนี้แหล่ะค่ะ เลี้ยวเข้าไปโลดเลย!”
เมื่อได้รับคำตอบ คนถามก็ตบไฟเลี้ยวแล้วเลี้ยวรถเข้าไปทางถนนดินลูกรังสีแดงเล็ก ๆ ที่อยู่เบื้องหน้าทันที รถที่ตามหลังมาทั้งสามคันก็เลี้ยวตาม สองข้างทางที่เต็มไปด้วยฝุ่นลูกรังสีแดง มีต้นสนสองใบและสามใบขึ้นเรียงรายเป็นทิวแถวสวย
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง โรงเรียนไม้หลังใหญ่สีซีดก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของทุกคน โรงเรียนที่ตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างภูเขาสองลูกที่โอบล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่น้อย ต้นพญาเสือโคร่งซึ่งตอนนี้มีเพียงสีเขียวของใบไม้เนื่องจากยังไม่ถึงฤดูหนาว ดอกสีชมพูสวยจึงยังไม่เบ่งบานให้ได้ชื่นชม นอกจากนี้แปลงดอกไม้สีสันสวยงามที่ถูกปลูกไว้บริเวณด้านหน้าโรงเรียน เรียกรอยยิ้มของทุกคนให้ประดับบนใบหน้า เมื่อมองเลยเข้าไปจะเห็นสนามฟุตบอลสีเขียวสวย และทันทีรถจอดสนิท แกงส้มก็เปิดประตูรถลงไปอย่างรวดเร็ว
“โห...สุดยอดไปเลย!”
“ฮ่า ๆ ๆ ชอบล่ะสิครับ” แคนที่เดินลงจากรถเอ่ยพูดออกมาเมื่อเห็นท่าทางของแกงส้ม
“ใช่ ๆ ชอบมาก โรงเรียนนี้น่าอยู่มากเลยเนอะพี่ฮั่นเนอะ” แกงส้มว่าพลางหันไปถามคนที่เพิ่งเดินมายืนข้าง ๆ ฮั่นพยักหน้ารับก่อนจะแย้มรอยยิ้มออกมาเมื่อเห็นสภาพโรงเรียนที่ตั้งเบื้องหน้า
จริง ๆ สภาพโรงเรียนแบบนี้ไม่น่าจะดูเดือดร้อนอะไรเลย คือเขาคิดว่าโรงเรียนที่พวกเขาจะมาสร้างห้องสมุดน่าจะดูทรุดโทรมมากกว่านี้ แต่นี่...ดูดีเกินกว่าที่คิดไว้มาก!
“ผมรู้นะครับว่าพี่ฮั่นกำลังคิดว่าโรงเรียนนี้ดูดีเกินกว่าที่เราจะมาช่วยเหลือใช่ไหมครับ” แคนถามพลางมองใบหน้าคมด้วยดวงตาที่คล้ายจะรู้ทันความคิด ฮั่นยิ้มมุมปากก่อนจะพยักหน้าน้อย ๆ
“ถ้างั้นผมว่า...พี่ควรจะเดินเข้าไปดูภายในโรงเรียนนะครับ โอ๊ะ! นั่นพี่แหวนนี่...” พูดยังไม่ทันจบประโยคดี แคนก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปหาหญิงสาวหน้าหวานสวยในชุดกระโปรงสีชมพูอ่อนที่ยืนอยู่ท่ามกลางแปลงกุหลาบสีชมพู
ฮั่นและแกงส้มรวมถึงคนอื่น ๆ ต่างมองตามร่างสมส่วนของแคนที่วิ่งไปหาหญิงสาวที่ยืนอยู่ไม่ไกล
“พี่แหวน...”
ใบหน้าหวานของหญิงสาวที่ยืนเด่นอยู่ท่ามกลางแปลงกุหลาบหันมาตามเสียงเรียก
“แคน ?”
“ใช่ครับผมเอง เป็นยังไงบ้างฮะ แล้วนี่พี่โดมไปไหนปล่อยให้พี่แหวนมายืนตากน้ำค้างแบบนี้” แคนถามก่อนจะจับมือบางที่ยื่นมาตรงหน้า
“โดมไปส่งน้องหมงที่บ้านจ้ะ” แหวนตอบ พลางเดินตามคนที่จูงมือเธอ และเมื่อแคนหยุดเดิน หญิงสาวก็รู้สึกได้ถึงจำนวนผู้คนที่ยืนอยู่เบื้องหน้า
“มากันหลายคนเลยหรอแคน”
“ครับ...มากันประมาณ 20 คนฮะ” แคนตอบก่อนจะส่งยิ้มไปให้คนที่ยืนมองเขากับหญิงสาวตรงหน้า
ทุกสายตาที่มองมามีแววสงสัยอยู่ในดวงตากันทุกคน...
หญิงสาวหน้าสวยหวานมีทุกอย่างเหมือนคนปกติทั่วไปทุกอย่าง แต่ที่ไม่ปกติคือดวงตาของเธอที่ไม่มีอาการวูบไหวหรือว่ากลอกไปมา...
“ทุกคนครับ...ผมจะแนะนำให้รู้จัก...พี่สาวคนนี้ชื่อพี่แหวนครับ เป็นแฟนของพี่โดมพี่ชายผมเอง แล้วทุกคนก็ไม่ต้องแปลกใจนะครับว่าทำไมดวงตาของเธอถึงไม่เหมือนกับของพวกเรา เพราะจริง ๆ แล้วพี่แหวนเธอ ‘ตาบอด’ ครับ”
จบคำพูดของแคน ทุกคนก็ยกมือขึ้นมาปิดปาก
ทั้ง ๆ ที่มีใบหน้าที่สวยหวานราวกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบชั้นดี แต่กลับต้องตกอยู่ในโลกแห่งความมืด...ช่างน่าสงสารนัก!
“สวัสดีค่ะ แหวนนะคะ ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนค่ะ เดี๋ยวเชิญด้านในดีกว่าค่ะ แหวนให้เด็ก ๆ เตรียมอาหารเย็นไว้ให้ทุกคนแล้วนะคะ อยู่ที่โรงอาหารด้านในค่ะ” เสียงหวานใสทำให้คนฟังรู้สึกรื่นหู ฮั่นยิ้มออกมาเมื่อได้ยินเสียงหวาน ๆ นี้...
เพียะ!
แรงตีบริเวณต้นแขน เรียกสายตาคมให้หันมามองคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
“สายตาน่ะเกินไปแล้วนะพี่ฮั่น...” แกงส้มว่าด้วยน้ำเสียงที่เบาราวกับกระซิบพลางมองคนร่างสูงตาเขียวปั้ด ฮั่นหัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนจะเอามือไปโยกหัวทุย
“อย่าหึงจนออกนอกหน้าสิครับ ไม่ได้ยินหรอว่าเมื่อกี้แคนบอกว่าคุณแหวนเค้าเป็นแฟนของพี่ชาย เพราะฉะนั้น...พี่ไม่จีบคนมีแฟนหรอกครับ” ฮั่นตอบก่อนที่เขาจะรู้สึกจุก เมื่อแกงส้มปล่อยกำปั้นใส่ท้องเขา
“อ๋อ...ถ้าพี่แหวนเค้าไม่มีแฟน พี่ฮั่นจะจีบใช่ไหม!!!” คราวนี้แกงส้มไม่พูดเสียงเบาแล้ว แต่เขาตะโกนออกมาตามอารมณ์ที่พลุ่งพล่านอย่างรู้สึกเดือดทันที คนที่โดนพาดพิงถึงสะดุ้งก่อนจะสะกิดแขนแคนเบา ๆ เป็นเชิงถาม
“แคน...พี่แหวนที่ว่าใช่พี่หรือเปล่า”
“ใช่ครับพี่แหวน แกงเค้าพูดถึงพี่เต็ม ๆ เลย ฮ่า ๆ ๆ” แคนตอบก่อนจะหัวเราะออกมา เมื่อเห็นว่าฮั่นกำลังยกมือขึ้นมาเกาศีรษะตัวเอง เมื่อโดนแกงส้มเหวี่ยงใส่อย่างไม่แคร์สายตาหลายสิบคู่ที่มองมา
“แกง...ใจเย็น ๆ สิครับ พี่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะ” ฮั่นพยายามจะอธิบาย แต่ดูเหมือนว่าคนที่กำลังโดนความหึงบังตาจะไม่ฟังแล้ว เพราะแกงส้มสะบัดหน้าพรืดแล้วเดินดุ่ม ๆ ไปยืนข้างกวางทันที
“แกง...”
“พี่ไม่ต้องมาเรียกชื่อผม เราไม่รู้จักกัน”
“ง่ะ...” ฮั่นหน้าเหวอไปทันที ก่อนที่ชายหนุ่มจะรีบเดินไปยืนข้างคนที่กำลังทำหน้างอนตุ๊บป่อง
“ผมบอกแล้วไงว่าเราไม่รู้จักกัน มายืนข้างผมทำไม นู่น...ไปยืนข้างพี่แหวนเลย” แกงส้มว่าพลางชี้มือไปทางที่แหวนยืน แต่ฮั่นส่ายหน้าพรืด ก่อนจะคว้ามือบางของแกงส้มมากุมไว้หลวม ๆ ก่อนที่เขาจะส่งสายตาอ้อนไปให้คนเป็นเจ้าของมือ
“พี่จะไปยืนข้างคนอื่นได้ยังไงล่ะครับ ก็ ‘หัวใจของพี่’ ยืนอยู่ตรงนี้”
“โห่วววววววว~”
จบคำพูดของฮั่น ทุกคนต่างก็พร้อมใจกันโห่ออกมาทันที
“โอ๊ย!!! หวานเว้ย จะอ้วก...กวางว่าพวกเราเข้าไปข้างในกันดีกว่า ปล่อยให้คนสองคนนี้เค้าเคลียร์กันเถอะ” เมื่อกวางพูดจบ ทุกคนก็พร้อมใจกันเดินตามแคนที่จูงมือแหวนไปทางอาคารไม้ที่อยู่ตรงหน้า แกงส้มซึ่งกำลังจะก้าวตามทุกคนไป ก็ไม่สามารถก้าวตามได้ เพราะมือของเขาอยู่ในมือของคนร่างสูงที่กำลังทำหน้าอ้อน
“ปล่อยมือผม...”
“ไม่ปล่อยครับ”
“ปล่อย!”
“แกงครับ...” เมื่อได้ยินเสียงเข้มของคนหน้าหวาน ฮั่นก็เชยคางของแกงส้มขึ้นมาแล้วจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่โต
“สายตาของพี่อาจมองคนอื่น แต่มันไม่ได้เป็นการมองที่เต็มไปด้วยความรู้สึกรักเหมือนกับที่พี่กำลังมองแกงอยู่ตอนนี้ เพราะสายตาที่เต็มไปด้วยความรักของพี่มีไว้มองแกงคนเดียว...มือคู่นี้ของพี่ก็มีไว้เพื่อกุมมือของแกงเท่านั้น และหัวใจของพี่ก็เป็นของแกงคนเดียวเช่นกันครับ...”
คำพูดที่มาพร้อมกับสายตาที่แสดงออกถึงความจริงในหัวใจ ทำให้แกงส้มเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนที่เขาจะหันหลังให้กับคนพูด ริมฝีปากสวยแย้มยิ้มหวานพลางยกมือขึ้นมาจับที่หน้าอกด้านซ้ายของตัวเอง
ใจเต้นตุบตับไปกับคำพูดหวานแต่จริงใจของพี่ฮั่นอีกแล้ว...
เป็นแบบนี้ทุกครั้งเลย...ให้ตายเหอะ!
จึก ๆ
แรงสะกิดบริเวณหัวไหล่ ทำให้คนที่กำลังแย้มยิ้มต้องหุบยิ้มแล้วปั้นหน้าขรึมพลางหันไปมองคนที่กำลังใช้นิ้วเรียวสะกิดไหล่เขา
“แกง...”
“จำชื่อผมไม่ได้หรือไงครับ เรียกจัง!”
“ง่า...แกงเอ่อ...ตกลงว่าดีกันนะครับ...” ฮั่นพูดพลางมองใบหน้าหวานด้วยสายตาที่ลุ้นแสนลุ้น
“เราโกรธกันอยู่หรอครับ ทำไมเราต้องดีกันด้วย ก็ตอนนี้เรา ‘ดีกัน’ อยู่แล้วนี่ครับ” พอแกงส้มพูดจบ ใบหน้าคมก็ยิ้มออกมา
“แกงไม่หึงพี่กับคุณแหวนแล้วหรอ”
“ใครหึง...อย่ามามั่วนะพี่ฮั่น”
“เอ้า! ก็แกงนั่นแหล่ะหึงพี่” ฮั่นว่าพลางเอานิ้วไปจิ้มแก้มที่กำลังพองตัวขึ้นของแกงส้มอย่างนึกหมั่นเขี้ยวเบา ๆ
ทำหน้าน่ารัก...เดี๋ยวก็หอมสักฟอดหรอก...
ฟอด~
เร็วเท่าความคิด ฮั่นก็ก้มหน้าลงไปหอมแก้มใสที่อยู่ตรงหน้าทันที ความหอมที่ติดปลายจมูกทำให้ฮั่นนึกอยากจะก้มหน้าลงไปหอมแก้มใสอีกข้าง
“ฮื้อ...พี่ฮั่น! ทำบ้าอะไรเนี่ย แต๊ะอั๋งผมหรอ!” แกงส้มโวยวายออกมา พลางยกมือขึ้นมาจับแก้มข้างที่โดนหอมทันที
“หอมแก้มแฟนไม่ได้แปลว่าแต๊ะอั๋งนะครับ โอ๊ย!” แล้วคนพูดก็โดนมือบางฟาดไปที่ไหล่หนึ่งทีเต็ม ๆ
“พี่ฮั่นบ้า! ลวนลามผมแล้วยังจะมาพูดแบบนี้อีกหรอ!!”
“อ่ะ ๆ ๆ พี่ให้แกงหอมแก้มพี่คืนก็ได้ เราจะได้เจ๊ากัน” พูดจบ คนพูดก็ทำแก้มป่องพลางเอียงแก้มมาทางคนหน้าหวานที่บัดนี้ขึ้นสีแดงระเรื่อ
“ไม่เอาพี่ฮั่น อย่ามาเล่นแบบนี้” แกงส้มว่าก่อนที่เขาจะออกแรงดันใบหน้าคมที่ยื่นมาจนเกือบชิดใบหน้าเขาให้เขยิบออกห่าง ฮั่นหัวเราะออกมาก่อนที่เขาจะเอามือไปบีบจมูกโด่งรั้นที่เชิดขึ้นเบา ๆ เป็นเชิงหยอกเอินเล็ก ๆ
“พี่ไม่แกล้งแกงแล้วก็ได้ครับ งั้นเรารีบตามพวกนั้นไปเถอะ ป่านนี้คงนินทาเราสนุกแล้ว”
“อื้อ...”
แกงส้มรับคำก่อนที่เขาจะคว้ามือหนามาสอดประสานนิ้วทั้งห้าเข้าด้วยกัน แล้วออกเดินเคียงคู่กันไปยังอาคารไม้ที่ตั้งอยู่เบื้องหน้า สายลมเย็นที่หอบเอาความไอหมอกที่ลอยจาง ๆ ทำให้ร่างกายของคนสองคนที่เดินคู่กันรู้สึกหนาว แต่หัวใจของคนทั้งคู่กลับรู้สึกอบอุ่นและอบอวลไปด้วยความรู้สึกรัก
ความหึงไม่เข้าใครออกใครก็จริง แต่เมื่อหึงแล้วก็ต้องรู้จักปรับความเข้าใจกันด้วย เพราะความรู้สึกหึงหมายถึงเรารู้สึกหวงและห่วงคนที่เรารัก ซึ่งมันไม่ใช่ความรู้สึกที่ผิดถ้าหากมันไม่ทำให้ความรักที่มีของคนสองคนต้องจบลง...
“ปรับความเข้าใจกันเรียบร้อยแล้วหรอคะ...?” กวางเอ่ยถามก่อนจะต้องยกมือขึ้นมาถูหน้าผากตัวเอง เมื่อโดนด้ามส้อมในมือของข้าวฟ่างฟาดไปเต็ม ๆ ที่หน้าผาก
“พี่ข้าวฟ่างอ่ะ!”
“หยุดแซวชาวบ้านเรานั่งกินข้าวของเธอไปเงียบ ๆ เหอะยัยจุ้น”
“ชิ! ใครจุ้นพี่ข้าวฟ่าง พูดดี ๆ นะ” กวางว่าพลางหันมามองหน้าคนพูดด้วยดวงตาที่วาวโรจน์ แต่เมื่อโดนข้าวฟ่างมองกลับด้วยสายตาที่ดุ(กว่า) กวางก็ทำปากจู๋ก่อนจะหันไปก้มหน้าก้มตากินข้าวในจานของตัวเอง
ไม่ได้กลัวนะ...แต่แค่ไม่อยากมีเรื่อง!
“อะไรกันพี่กวาง...นี่กลายเป็นกวางน้อยสุดเชื่องไปแล้วหรอครับ โฮะ ๆ พี่ข้าวฟ่างเก่งนะเนี่ย ปราบพยศพี่กวางได้” แกงส้มว่าก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบริเวณเก้าอี้ที่ว่าง พลางรับจานข้าวในมือแคนที่ยื่นส่งมาให้
“ใครเชื่องไอ้แกง พูดมาก...รีบ ๆ ตักข้าวเข้าปากไปเลย..ว่าแต่พี่นะ แกนั่นแหล่ะ ง้ออะไรกับพี่ฮั่นตั้งนานสองนาน ฮื้อ...” กวางพูด ก่อนที่เธอจะแทบสำลัก เมื่อคนที่นั่งข้าง ๆ ตักข้าวมายัดใส่ปากเธอ
“บอกให้หยุดแซวชาวบ้านเค้าสักที ถ้าไม่หยุดนะ ฉันจะป้อนข้าวเธอทุกคำเลย เลือกเอาว่าจะกินเองหรือจะให้ฉันป้อน”
“’เดี๋ยวเค้ากินเอง...ก็ได้!”
“ฮิ้ววววววววววววววว~” เมื่อกวางพูดจบ เสียงฮิ้วก็ดังขึ้นรอบโต๊ะทันที
การแสดงออกในเรื่องของความรักของแต่ละคนและแต่ละคู่นั้นไม่เหมือนกัน บางคู่อาจจะแสดงออกในเรื่องของความรักด้วยความหวานแบบชัดเจนในความรู้สึก แต่บางคู่อาจจะแสดงออกด้วยอาการแง่งอนหรือง่องแง่งใส่กัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ว่าจะแสดงออกกันด้วยรูปแบบไหน หากหัวใจสองดวงรักกัน...ก็ไม่จำเป็นต้องสนใจว่าการแสดงออกของเรานั้นจะเป็นอย่างไรและไปกระทบใคร
เพราะท้ายที่สุดแล้ว...ความรักก็เป็นเรื่องของคนสองคนอยู่ดี!
หลังจากที่รับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดมที่เพิ่งมาถึงก็เดินมาทักทายทุกคน
“สวัสดีครับ...ผมโดมนะครับ เป็นเจ้าของโรงเรียนดอยเอื้อมดาวครับ”
“สวัสดีค่ะ กวางนะคะ เป็นแกนหลักในการออกค่ายอาสาครั้งนี้ค่ะ เอ่อ...ขออนุญาตเรียกพี่โดมนะคะ” กวางยืนแนะนำตัวเอง ก่อนที่เธอจะเดินไปยืนใกล้ ๆ กับร่างใหญ่
“ตามสบายครับ ว่าแต่ทุกคนทานอาหารกันอิ่มแล้วใช่ไหมครับ”
“เรียบร้อยแล้วครับ” โตโน่ตอบก่อนที่เขาจะเอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้อย่างรู้สึกอิ่ม
“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมจะพาทุกคนเดินชมโรงเรียนนะครับ พอดีผมเห็นว่ามันยังไม่เย็นมาก ข้าวของของทุกคนก็เอาไว้ที่นี่แหล่ะครับ เดี๋ยวกลับมาค่อยจัด” เมื่อโดมพูดจบ ทุกคนก็พร้อมใจกันลุกขึ้นยืน แล้วเดินตามคนเป็นเจ้าของโรงเรียนไปทันที
บริเวณอาคารไม้สีซีดนี้ถูกแบ่งเป็นห้องเรียนเล็ก ๆ ประมาณ 3 ห้อง โดยทุกห้องจะมีโต๊ะและเก้าอี้ไม่เกิน 20 ตัว แม้ว่าบริเวณรอบ ๆ โรงเรียนจะดูดีเพราะความสวยงามของต้นไม้และดอกไม้ หากแต่เมื่อได้ลองมาเดินสำรวจภายในอาคารไม้นี้แล้ว ทุกคนก็พบว่ามันอยู่ในสภาพที่ค่อนข้างจะเก่าและทรุดโทรม เมื่อทุกคนเดินมาจนสุดปลายทาง บริเวณนี้ก็มีที่ว่างอยู่ ซึ่งทุกคนดูแล้วก็ทราบได้ทันทีว่า...บริเวณนี้แหล่ะที่พวกเขาจะสร้างห้องสมุดให้กับน้อง ๆ
“เมื่อวานผมให้ผู้ปกครองของเด็ก ๆ มาช่วยกันถางหญ้าไว้ครับ เพราะแคนโทรมาบอกว่าพวกคุณจะมากันวันนี้ ที่นี่ภายนอกอาจจะดูดีก็จริงนะครับ แต่ก็ยังขาดแคลนอีกหลายอย่าง หนังสือเรียนเอย อุปกรณ์การเรียนเอย โรงเรียนที่อยู่ห่างไกลก็แบบนี้แหล่ะครับ” โดมว่าพลางถอนหายใจออกมา
มือบางของแหวนที่ตบเบา ๆ ที่บ่าเรียกมือหนาของโดมให้คว้ามือบางนั้นไปกุมไว้
“แล้วเด็ก ๆ ที่นี่มีกี่คนหรอคะ” จ๋าถามพลางหันซ้ายหันขวามองสำรวจสถานที่ที่เธอยืนอยู่อีกครั้ง
“ประมาณ 50 คนครับ ส่วนใหญ่ก็เป็นเด็กชาวเขาที่อยู่บนดอยนี้แหล่ะครับ แล้วส่วนหนึ่งก็เป็นลูกของชาวบ้านแถวนี้ด้วยครับ”
“อืม...แล้วมีคุณครูกี่คนครับเนี่ย” คราวนี้ฮั่นเอ่ยถามบ้าง
“อ๋อ...มีผมคนเดียวครับ”
“หา!!!!!!”
คำตอบของโดม ทำให้ทุกคนแทบจะพร้อมใจกันร้องหาออกมา
“จริงหรอครับ ?” แกงส้มถามพลางมองคนตรงหน้าอย่างนึกทึ่ง
เป็นทั้งเจ้าของโรงเรียน เป็นทั้งคุณครู...เจ๋งโคตร ๆ เลย!
“จริงค่ะ โดมเป็นคุณครูเพียงคนเดียวของที่นี่ค่ะ ถ้าเป็นก่อนที่แหวนจะตาบอด แหวนก็เป็นคุณครูอีกคนหนึ่งค่ะ แต่พอแหวนประสบอุบัติเหตุจนสูญเสียการมองเห็น โดมเค้าก็เลยต้องรับภาระนี้ไว้คนเดียว แถมโดมยังต้องมาดูแลแฟนตาบอดอย่างแหวนอีก...โดมเค้าไม่ได้เป็นแค่พ่อพระของเด็ก ๆ ที่นี่นะคะ แต่เค้ายังเป็นพ่อพระสำหรับแหวนด้วย”
ใบหน้าหวานยามที่พูดถึงชายหนุ่มที่กุมมือเธอไว้ระบายไปด้วยรอยยิ้มแห่งความปลาบปลื้มใจ หากเธอร้องไห้ได้ เธอคงร้องไห้ไปแล้ว...แต่เพราะดวงตาของเธอไม่สามารถมีน้ำตาได้อีก หญิงสาวจึงทำได้เพียงบีบมือหนาที่กุมมือเธอไว้อย่างรู้สึกซาบซึ้งในหัวใจ
ทุกคนมองคนเป็นทั้งเจ้าของโรงเรียนและเป็นทั้งคุณครูด้วยความรู้สึกที่มากกว่าคำว่าทึ่งและยิ่งยามที่พวกเขามองใบหน้าของหญิงสาวผู้เป็นแฟนของโดม ทุกคนยิ่งรู้สึกและสัมผัสได้ถึงความรักที่คนสองคนมีให้กัน
ความรักที่แม้มองไม่เห็นด้วยสายตา แต่ทว่าซึมซับได้ด้วยความรู้สึกในหัวใจ...ช่างซาบซึ้งจริง ๆ
“ทุกคนคงทราบแล้วว่าเราจะสร้างห้องสมุดกันตรงไหน เพราะฉะนั้นเดี๋ยวผมพาทุกคนเอาของไปเก็บในที่พักดีกว่า แล้วเดี๋ยวผมจะพาทุกคนไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง...ที่รับรองว่าเมื่อทุกคนไปแล้วจะต้องประทับใจครับ”
จบคำพูดของโดม ทุกคนก็หันมามองหน้ากันทันที
สถานที่...ที่ต้องประทับใจ ?
“ว้าว !!!!!!” ทุกคนร้องอุทานคำนี้ออกมาพร้อมกัน เมื่อเห็นลานหินกว้างที่ถูกยื่นออกไปเป็นหน้าผา เบื้องหน้าของพวกเขาคือหุบเขาที่เต็มไปด้วยทะเลหมอกสีขาวซึ่งจับตัวกันเป็นกลุ่มก้อนแอ่งใหญ่ราวกับท้องทะเลปุยนุ่น มีพระอาทิตย์สีส้มแสดค่อย ๆ หล่นลงไปในทะเลปุยนั่นช้า ๆ...รอบข้างของพวกเขาคือต้นพญาเสือโคร่งที่มีใบสีเขียวครึ้มเนื่องจากอยู่ในช่วงปลายฝนต้นหนาวขึ้นเรียงรายอยู่เป็นสิบต้น หมอกจาง ๆ ที่ลอยเอื่อย ๆ รอบตัวทำให้ทุกคนที่ยืนอยู่บริเวณนี้ต้องยกสองแขนขึ้นมาโอบกอดตัวเองเพื่อคลายความหนาวเย็น
“ที่นี่เรียกว่า ‘ดอยเอื้อมดาว’ ครับ เดี๋ยวรอให้มืดและดึกกว่านี้เราจะสามารถมองเห็นดาวบนท้องฟ้าได้อย่างชัดเจนและดวงดาวเหล่านั้นก็อยู่ใกล้มือเราจนแทบจะเอื้อมถึง ชาวบ้านจึงเรียกที่นี่ว่า ‘ดอยเอื้อมดาว’ ครับ”
จบคำพูดของโดม ฮั่นก็จูงมือแกงส้มไปนั่งบริเวณลานหินกว้างทันที ตามมาด้วยโตโน่ที่และหมิว คิมและจ๋า แคนและฟลุ๊ค ป๊อกและหนุ่ม ๆ ที่เป็นลูกน้องของคิม ส่วนกวางนั้นแยกตัวไปนั่งบริเวณใต้ต้นพญาเสือโคร่งซึ่งห่างจากที่ทุกคนนั่ง ข้าวฟ่างที่ตอนแรกลังเลว่าจะไปนั่งรวมกับทุกคนดีหรือว่าจะเดินไปนั่งกับคนที่เดินไปคนเดียว แล้วสุดท้าย...ชายหนุ่มก็เลือกที่จะเดินไปนั่งกับคนที่หัวใจของเขาเริ่มรู้สึกดี ๆ ด้วย
ฟุ่บ!
กวางหันไปมองคนที่นั่งข้างเธอทันที ใบหน้าหวานฉายแววความงุนงงอย่างเห็นได้ชัด จนคนที่นั่งข้าง ๆ รู้สึกได้ ข้าวฟ่างยกยิ้มขึ้นมา ก่อนจะทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนี้เลยนะพี่ข้าวฟ่าง มานั่งข้างเค้าทำไม เค้าอุตส่าห์จะนั่งคนเดียว”
“นั่งคนเดียวมันจะไป ‘อุ่น’ อะไร...อากาศหนาว ๆ แบบนี้มันต้องมีคนนั่งข้าง ๆ นะ” ข้าวฟ่างไม่พูดเปล่า แต่เขายังเขยิบกายมาจนไหล่หนาเบียดกับไหล่บางเบา ๆ คนโดนเบียดเม้มปากแน่นหน้าแดงวาบขึ้นมาทันที
“...”
กวางไม่พูดตอบอะไร แต่หันไปมองใบหน้าของคนที่นั่งเบียด ก่อนที่เธอจะยิ้มออกมา
บางทีอีตาพี่ข้าวฟ่างขี้บ่น...ก็มีมุมหวานกับคนอื่นเขาเหมือนกันนะ
แล้วคนสองคนที่นั่งแยกตัวจากคนอื่น ก็เงยหน้าไปมองเบื้องหน้าด้วยความรู้สึกที่อบอุ่นเล็ก ๆ ในหัวใจ การมาค่ายอาสาครั้งนี้...สงสัยจะทำให้มีคนเหงาลดน้อยลงอีกสองคนจริง ๆ...
“พี่ฮั่น...ดูนั่นดิ” แกงส้มชี้มือไปที่คนสองคนที่นั่งเบียดกันให้ฮั่นดู ซึ่งพอฮั่นเห็นภาพนั้น เขาก็เขยิบตัวมาชิดคนพูดทันที
“ขนาดเค้ายังไม่ได้เป็นแฟนกันยังแอบหวานกันเบา ๆ แล้วคนเป็นแฟนกันอย่างเราไม่หวานมั่งหรอครับ” แทนคำตอบ แกงส้มก็เอนตัวลงนอนหนุนตักฮั่นทันที
“โหน้องแกง...หวานไม่เกรงใจเจ้เลยนะ!” จ๋าที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ถึงกับอุทานออกมา ก่อนที่เธอจะต้องเบือนหน้าหนีจากภาพตรงหน้า
ฮื้อ...น้องแกงใจร้ายกับเจ้ที่สุด!
“พูดมากไอ้จ๋า แกก็มีคิมแล้วไง จะมายุ่งอะไรกับ ‘แฟนของฉัน’ วะ” คำว่าแฟนของฉันยิ่งตอกย้ำความชัดเจนในความสัมพันธ์ของฮั่นและแกงส้มมากขึ้น
“อ๊ายยยยยยยย ฮั่นนี่ใจร้ายอ่ะ! พูดเต็มปากเต็มคำเลยนะว่าแฟนของฉัน ฮั่นนี่ทำร้ายจิตใจคิม” คิมโวยวายออกมา
“โอ๊ย!!! ป้าสองคนเลิกโวยวายใส่พี่ฮั่นกับแกงสักทีเถอะค่ะ เสียบรรยากาศหมด ตอนนี้คนเค้าจะใช้เวลาสวีทกันนะคะ ถ้าอยากมีโมเม้นท์แบบนั้นบ้างก็สวีทกันเองสิคะ” เมื่อหมิวพูดจบ จ๋ากับคิมก็หันหน้ามามองกันทันที
ถึงแม้ว่าเหตุการณ์ก่อนหน้านี้จะทำให้เธอสองคนรู้สึกได้ถึงความรู้สึกแปลก ๆ ในหัวใจ แต่ถึงอย่างไรพวกเธอก็ยังไม่ยอมรับความรู้สึกที่เกิดขึ้นนี้หรอก...
ไม่เอา...ไม่ยอมรับ!
คนปากแข็งยังไงก็ยังคงเป็นคนปากแข็งอยู่วันยังค่ำ เพราะยังไม่เคยต้องสูญเสียคนที่รัก แต่หากวันหนึ่งที่ต้องสูญเสียคนสำคัญของกันและกันไป วันนั้น...คนปากแข็งก็จะเข้าใจว่าการอยู่โดยที่ไม่มีใคร มันสุดแสนจะทรมาน...!
เมื่อโดนหมิวโวยวายใส่ คิมและจ๋าก็สงบ ความเงียบที่โรยตัวปล่อยให้ทุกคนได้นั่งซึบซับกับบรรยากาศที่แสนงดงามในยามเย็นนี้
แสงสุดท้ายของวันได้จางหายไปพร้อมกับดวงอาทิตย์ที่ลับเข้าไปในภูเขาลูกโต สายลมที่พัดเย็นหอบเอาไอความเย็นจากหมอกที่ลอยเอื่อยเรียกร่างของแกงส้มที่นอนหนุนตักฮั่นให้ชันตัวลุกขึ้น แล้วนั่งเบียดกับร่างสูง ฮั่นเขยิบตัวซ้อนด้านหลังแกงส้มทันที ก่อนที่เขาจะใช้สองแขนโอบรอบตัวร่างที่อยู่ตรงหน้า แล้วใช้คางคมเกยบนไหล่ของแกงส้ม
ทางด้านโตโน่ที่บัดนี้ถอดเสื้อแขนยาวของตัวเองห่มให้กับร่างบางที่นั่งข้าง ๆ ก็เรียกรอยยิ้มหวานจากหมิวให้ส่งมาแทนคำขอบคุณ
ส่วนแคนและฟลุ๊คต่างคนก็ต่างยกสองแขนขึ้นมาโอบรอบตัวเอง พลางหันมาใช้ไหล่กระแทกใส่กันเบา ๆ เป็นเชิงก่อกวนกันเล็ก ๆ แก้หนาว
ป๊อกมองภาพคนเหล่านี้ก็ ก่อนที่เธอชันเข่าขึ้นมาแล้วโอบกอดตัวเองอย่างรู้สึกหนาวทั้งร่างกายและหัวใจ ยิ่งเธอหันไปมองโดมและแหวนที่บัดนี้กำลังอิงแอบโอบกอดกัน หญิงสาวยิ่งรู้สึกเศร้า...
“ป่านนี้ตฤณจะทำอะไรอยู่นะ...จะคิดถึงป๊อกเหมือนอย่างที่ป๊อกคิดถึงหรือเปล่า...” ป๊อกเอ่ยกับตัวเองเบา ๆ ก่อนที่ดวงตากลมโตจะรื่นไปด้วยน้ำตา
ความคิดถึงที่ทรมานที่สุดคือการคิดถึงโดยที่ไม่รู้ว่าคนที่เรากำลังคิดถึงเขาเองก็คิดถึงเราหรือเปล่า...มันอาจจะมีความสุขก็จริงที่คิดถึงไปโดยไม่ต้องหวังให้คนที่เราคิดถึง...คิดถึงตอบกลับมา แต่ในความเป็นจริงของหัวใจแล้ว ทุกคนล้วนแต่ต้องการเป็น ‘คนที่ถูกคิดถึง’ ด้วยกันทั้งนั้น...
จริงไหม...
ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่แค่เธอที่เป็นคนไม่คู่ เพราะยังมีลูกน้องของคิมอีกเป็นสิบคนที่มาแบบเดี่ยว ๆ แต่อย่างไรก็ตาม...วันนี้เธอได้ถูกความหนาวเย็นของอากาศครอบงำหัวใจจนรู้สึกร้าวระบม...
เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง ดวงดาวที่ค่อย ๆ กระจายตัวเกลื่อนท้องฟ้าที่ทาสีดำสนิท ก็เรียกดวงตาของคนที่นั่งมองให้เงยขึ้นไปสบตากับดวงดาวเหล่านั้น แสงดาวที่ส่องประกายระยิบระยับล้อกับสายตาของคนมอง
ดาวดาวที่อยู่ใกล้จะเหมือนจะเอื้อมถึง ทำให้คนที่นั่งอยู่ทุกคน พร้อมใจกันพิสูจน์ด้วยการเอื้อมมือขึ้นไปเพื่อคว้าดวงดาวเหล่านั้น...
เอื้อมคว้าออกไปแม้จะรู้ว่าคว้าไม่ได้...
“จริงสิ...ผมลืมบอกทุกคนไปเลยว่า...คืนนี้ชาวบ้านเค้าบอกว่าจะมีดาวตกนะครับ”
“ดาวตก ?”
“ใช่ครับดาวตก...โอ๊ะนั่นไงครับดาวตก...!”
แล้วแสงสีขาวที่พาดลงมาจากฟากฟ้า ก็เรียกสมาธิของทุกคนให้พุ่งไปยังแสงนั้น ทุกคนพร้อมใจกันหลับตาเพื่ออธิษฐานถึงสิ่งที่ตนเองปรารถนาทันที
ต่างคนก็ต่างเลือกอธิษฐานถึงสิ่งที่ตัวเองต้องการ...
“แกงอธิษฐานว่าอะไรครับ” ฮั่นเอ่ยถามคนที่นั่งอยู่เบื้องหน้าเมื่อเขาลืมตาขึ้นมา แกงส้มหันมามองใบหน้าของคนพูดก่อนจะยกยิ้มเจ้าเล่ห์พลางแลบลิ้นออกมา
“ไม่บอกหรอกครับ ถ้าบอก...เดี๋ยวคำอธิษฐานไม่เป็นจริง” ฮั่นเห็นท่าทางน่ารักนี้แล้วก็นึกอยากจะฝังจมูกลงไปที่แก้มของคนพูด
แต่เขาก็ไม่กล้า...ถ้าอยู่กันสองต่อสองล่ะก็...เจ้าตัวแสบโดนแน่!
ชอบมาทำท่าน่ารักให้ชวนลวนลามอยู่เรื่อยเลย!!
“แล้วพี่ฮั่นล่ะครับ...อธิษฐานว่าอะไร”
“ถ้าบอก...เดี๋ยวคำอธิษฐานก็ไม่เป็นจริงสิครับ”
เมื่อเจอคำพูดของตัวเองยอกย้อนกลับมา แกงส้มก็เอามือไปหยิกต้นขาคนยอกย้อนทันที
“อื้อ...เจ็บนะแกง”
“ก็พี่อยากมายอกย้อนผมทำไมล่ะ!”
“โอ๋ ๆ ๆ ก๊อกแก๊ก ๆ ไม่งอนเค้าน้า~ แกงส้มคนดีของเค้า” เสียงง้องแง้งผสมกับใบหน้าที่แอ๊บแบ๊วเรียกรอยยิ้มหวานให้ประดับบนใบหน้าของแกงส้ม
“ผมก็ไม่ได้งอนพี่ซะหน่อยพี่ฮั่น”
“จริงนะ...”
“ก็จริงสิครับ ผมจะงอนพี่ทำไมล่ะ ก็พี่น่ารักซะขนาดนี้...” แกงส้มว่าพลางเอามือไปบีบจมูกคนเป็นพี่หนึ่งทีเบา ๆ สนับสนุนคำพูดของตัวเอง จากนั้นคนสองคนก็นั่งหยอกล้อกันอย่างไม่สนใจสายตาของดวงดาวที่มองลงมาหรือแม้แต่สายตาของคนที่นั่งอยู่ไม่ไกลหลายสิบคน
ราวกับโลกนี้มีเพียงพวกเขาสองคน...
ยามที่ได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกับคนที่รัก เราก็ควรที่จะตักตวงช่วงเวลานั้นไว้ให้มากที่สุด เพราะเมื่อไม่มีเขาอยู่ เราก็จะสามารถคิดถึงช่วงเวลาที่มีความสุขนี้ แล้วใช้มันมาเติมต่อชีวิตให้ก้าวเดินต่อไป
“ตกลงว่าพี่นอนเต็นท์เดียวกับแกง โตโน่ แคน ข้าวฟ่างนอนด้วยกันอีกเต็นท์หนึ่ง พวกเด็ก ๆ ก็ไปนอนที่เต็นท์ใหญ่ ส่วนสาว ๆ ไปนอนที่บ้านพักที่คุณโดมจัดไว้ให้ใช่ไหม” ฮั่นเอ่ยถามเมื่อพวกเขาเดินลงมาจากดอยเอื้อมดาวจนถึงเต็นท์ที่ถูกกางไว้เรียบร้อยแล้ว
“ใช่แล้วครับคุณฮั่น”
“ถ้างั้น...ขอตัวไปนอนก่อนนะ ไม่ไหวแล้วเพลีย ขับรถไกลแถมยังรู้สึก ‘ดวงตา’ ล้า ๆ ยังไงไม่รู้” พูดจบ คนพูดก็เดินดุ่ม ๆ เข้าเต็นท์ไปอย่างรวดเร็ว
“เฮ้ยพี่ฮั่น! ไม่อาบน้ำก่อนหรอ”
“ไม่อ่ะแกง พี่เหนื่อยมาก อยากนอน” แล้วร่างสูงก็มุดเข้าเต็นท์ไป ทิ้งให้แกงส้มมองตามไปด้วยสายตาเป็นห่วง
ปกติพี่ฮั่นดูถึกและบึกบึนจะตาย แต่ทำไมวันนี้พี่ฮั่นดูเนือย ๆ เหนื่อย ๆ พิกล
“เป็นห่วงเค้าทำไมไม่ตามเข้าไปล่ะเจ้าแกง” ป๊อกที่ยืนมองคนหน้าหวานทำสายตาเป็นห่วงจนออกนอกหน้าแล้วส่ายศีรษะเบา ๆ
ชัดเจนไม่เคยเปลี่ยนเลยไอ้แกงเอ๊ย!
“งั้น...ฝันดีนะครับทุกคน ผมขอตัวไปดูพี่ฮั่นก่อน” แล้วแกงส้มก็สาวเท้าเร็ว ๆ เดินไปยังเต็นท์ของตัวเอง
“แล้วทุกคนจะเอายังไงครับ จะนอนเลยหรือว่ายังไง” โดมถามก่อนที่เขาจะโอบกระชับร่างบางที่ยืนข้าง ๆ ให้เข้ามาอยู่ใกล้ตัวมากขึ้น เมื่อเขารู้สึกได้ว่าแหวนกำลังตัวสั่นเพราะอากาศที่หนาวเย็น
“เดี๋ยวพวกเราขอนั่งเล่นตรงนี้กันก่อนดีกว่าค่ะ น่าจะอุ่น...” กวางว่าก่อนที่เธอจะเดินไปนั่งที่ขอนไม้ซึ่งอยู่เบื้องหน้ากองไฟที่กำลังลุกโชน และเมื่อเธอหย่อนก้นนั่งลง ร่างสูงของข้าวฟ่างก็นั่งข้าง ๆ ทันที
“มานั่งข้างเค้าทำไมพี่ข้าวฟ่าง ที่นั่งเยอะแยะ”
“อยากนั่งตรงนี้...” พูดแค่นั้น ข้าวฟ่างก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ กวางเห็นแบบนั้นก็อดที่จะหมั่นไส้จนต้องยกกำปั้นไปต่อยเบา ๆ ที่ไหล่คนพูดไม่ได้
“หมั่นไส้คนปากแข็ง!”
คนปากแข็งไม่โต้ตอบอะไร เอาแต่นั่งเงียบแล้วอมยิ้ม
“หวานไปนะคะ~” หมิวที่นั่งอยู่ที่ขอนไม้ใกล้ ๆ เอ่ยแซวออกมา จนคนโดนแซวหน้าแดงก่ำ
“ไม่ต้องแซวเลยหมิว ตัวเองไม่หวานเลยสิ จับมือกับพี่โน่ไม่ปล่อยแบบนั้นน่ะ” เมื่อโดนแซวกลับ หมิวก็เป็นฝ่ายหน้าแดงขึ้นมาบ้าง
“โอ๊ยๆๆๆ หวานเวอร์ทั้งคู่นั่นแหล่ะค่ะ หมั่นไส้เนอะพี่แคนเนอะ” ฟลุ๊คพูดพลางหันไปขอความเห็นจากคนที่นั่งข้าง ๆ แคนพยักหน้ารับ แต่...
“ไม่เห็นหมั่นไส้เลยฟลุ๊ค เค้าก็หวานกันปกตินะ ฮ่า ๆ ๆ”
“อื้อ...พี่แคนบ้า! ไม่เข้าข้างฟลุ๊ค งอนแล้ว~”
“ฮ่า ๆ ๆ แต่ช้าแต่...ไม่งอนน้า~~”
แล้วรอบกองไฟนั้นก็เต็มไปด้วยความหวานที่เกินลิมิตของคนหกคน ส่วนคนอื่น ๆ ที่ไม่มีคู่ก็ได้แต่ยืนมองหน้ากันแล้วแยกย้ายกันไปนอน เพราะทนความหวานของคนเหล่านี้ไม่ไหว
ความเหงาของคนไม่มีคู่...คนมีคู่ไม่รู้หรอก!
“พี่ฮั่น...อย่าเพิ่งนอน” คนที่กำลังจะล้มตัวนอน ต้องนั่งหลังตรงแล้วหันมามองคนที่เพิ่งมุดเข้าเต็นท์มา
“อ้าวแกง...ไม่นั่งเล่นกับคนอื่น ๆ ก่อนหรอ”
“ไม่อ่ะครับ ผมเป็นห่วงพี่”
“โธ่แกง...พี่ไม่ได้เป็นอะไรซะหน่อย แค่รู้สึกเหนื่อย ๆ จากการขับรถเท่านั้นเอง” ฮั่นตอบก่อนจะโยกหัวทุยตรงหน้าอย่างเอ็นดู
“ไม่รู้อ่ะพี่ฮั่น ผมเป็นห่วงพี่ เพราะงั้นถ้าผมนั่งอยู่ข้างนอก ผมก็นั่งไม่เป็นสุขอยู่ดี” เมื่อแกงส้มพูดจบ ฮั่นก็เขยิบมานั่งใกล้คนพูด จนลมหายใจอุ่นเป่ารดพวงแก้มขาว มือหนายกขึ้นมาไล้ที่ข้างแก้มก่อนจะหยุดที่ริมฝีปากบาง
“ทำไมแกงถึงได้ดีกับพี่ขนาดนี้...แค่นี้พี่ก็รักแกงจนโงหัวไม่ขึ้นแล้วนะครับ ความรักของพี่ที่ให้แกงมันมากจนพี่ไม่รู้ว่า...ถ้าวันหนึ่งพี่ต้องขาดแกงไป พี่จะมีชีวิตอยู่ได้ยังไง...”
ฮั่นพูดทั้ง ๆ ที่จมูกของเขาค่อย ๆ เลื่อนไปไล้เบา ๆ ที่แก้มขาวตามความรู้สึกรักในหัวใจ
“มันจะไม่มีวันนั้นครับพี่ฮั่น...”
“แกงก็รู้ว่าสิ่งที่แน่นอนที่สุดคือสิ่งที่ไม่แน่นอนที่สุด...”
“เพราะผมรู้ไงครับ...ผมถึงพูดแบบนั้น...ผมจะไม่มีวันไปไหน ผมจะอยู่กับพี่คนเดียวครับพี่ฮั่น...”
พูดจบ แกงส้มก็ประทับริมฝีปากของตัวเองกับริมฝีปากสวยของคนตรงหน้า สัมผัสหวานที่ชวนให้หัวใจเต้นแรง ทำให้ฮั่นต้องใช้สองมือขึ้นมาโอบประคองใบหน้าหวานไว้ ริมฝีปากอุ่นของคนสองคนที่บดจูบด้วยความรู้สึกลึกล้ำในหัวใจทำให้ร่างกายที่เย็นจากสภาพอากาศภายนอกเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ร้อนขึ้นมา จูบที่แสนอ่อนโยนหวานไหวชวนให้หัวใจเต้นไปกับความรู้สึกอบอุ่น ค่อย ๆ เพิ่มความร้อนแรงมากขึ้นจากอารมณ์ปรารถนาส่วนลึกที่ถูกกักเก็บไว้ของคนสองคน สองแขนของแกงส้มโอบรอบคอของฮั่นทันที่ที่เขาเริ่มรู้สึกว่าร่างกายร้อนจนแทบลุกเป็นไฟ
ความรู้สึกวาบหวามที่กระจายตัวเกลื่อนในหัวใจเรียกมือหนาของฮั่นให้เลื่อนมาที่แผ่นหลังของแกงส้ม ดวงตาที่หลับเพื่อซึมซับไปกับสัมผัสของรสจูบของฮั่นค่อย ๆ ลืมขึ้น แล้วเขาก็พบว่าใบหน้าหวานกำลังแดงก่ำจากรสจูบที่ร้อนแรงของเขา...นั่นทำให้ฮั่นถอนริมฝีปากออกมา
ริมฝีปากบางที่เห่อแดงของแกงส้ม ทำให้ฮั่นยกมือขึ้นมาขยี้ผมตัวเอง
“แกง...พี่ขอโทษ...พี่...”
“ไม่เป็นไรหรอกครับพี่ฮั่น ผมเป็นคน ‘เริ่มก่อน’ นี่นา...” พูดจบ คนพูดก็ยกสองมือขึ้นมาปิดหน้าตัวเอง
ให้ตายเหอะ...นี่เขาเริ่มก่อนอีกแล้ว...เขาเริ่มก่อนอีกแล้ว!!!!
“แกง...พี่ขอโทษ...”
“ผมบอกว่าไม่ต้องขอโทษไงครับ ยังไงผมก็ไม่ได้รู้สึกแย่กับจูบเมื่อกี้หรอกครับ มันออกจะทำให้ ‘รู้สึกดี’...” แล้วแกงส้มก็ล้มตัวลงนอนแล้วเอาหน้าซุกไปกับหมอนทันที
ไม่ไหวแล้ว...เขาเขินจนตัวจะแตกแล้ว!
“แกง...” ฮั่นซึ่งเขินไม่แพ้แกงส้มก็ได้แต่เรียกชื่อของคนที่นอนเอาหน้าซุกหมอน ก่อนที่เขาจะล้มตัวลงนอนข้าง ๆ มือหนาเอื้อมไปสะกิดไหล่ร่างที่บางกว่า
“หยุดสะกิดผมนะพี่ฮั่น ไม่งั้นผมกัดหูพี่จริง ๆ ด้วย” เสียงดุที่พูดอู้อี้ ๆ ออกมา ทำให้คนโดนดุต้องยกยิ้มขึ้นมา
“โอเค ๆ พี่ไม่สะกิดแกงแล้วก็ได้ แต่แกงครับ...”
“ฮื้อ...ว่าไงพี่...”
“อากาศตอนดึก ๆ จะยิ่งหนาวนะ ไม่คิดจะนอน ‘กอดกัน’ แก้หนาวหรอครับ” ฮั่นถามพลางเขยิบตัวไปชิดคนที่นอนข้าง ๆ มากขึ้น คนโดนเบียดเงยหน้าขึ้นมาจากหมอน แล้วแยกเขี้ยวใส่คนพูดทันที
“อย่ามาได้คืบจะเอาศอกนะพี่ฮั่น นี่คิดอะไรหื่น ๆ กับผมใช่ไหม ถึงได้มาชวนผมกอดแก้หนาวอย่างนี้!” แกงส้มว่าก่อนที่เขาจะต้องตัวแข็งทื่อเมื่อฮั่นหันมานอนตะแคงแล้วใช้วงแขนแกร่งโอบรอบเอวเขาก่อนจะออกแรงดึงให้ร่างของเขาเข้าไปอยู่ในอ้อมกอด
...จนใบหน้าหวานเบียดกับแผ่นอกกว้าง...
“พี่ไม่ได้คิดอะไรหื่น ๆ กับแกงจริง ๆ ครับ แค่อยากกอด...แค่นั้นจริง ๆ” แล้วคนพูดก็ก้มหน้าลงมาจูบเบา ๆ ที่กลางกลุ่มผมนุ่ม สัมผัสที่อ่อนโยนนี้ทำให้คนที่ตกอยู่ในอ้อมกอดยอมใช้แขนของตัวเองโอบคนที่นอนใกล้แล้วเบียดซุกใบหน้าไปกับอกกว้างมากขึ้น
สองร่างที่ตระคองกอดกัน ทำให้อากาศที่หนาวเหน็บภายในอบอุ่นขึ้นมาทันที
ความรักที่ลอยอบอวลภายในเต็นท์ทำให้หัวใจของคนสองคนเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข หากแม้ว่าวันพรุ่งนี้พวกเขาจะต้องพบเจอกับอะไร พวกเขาก็พร้อมที่จะก้าวเดินไปด้วยกัน เพราะความรักที่พวกเขามีต่อกันนั้น...มากเกินกว่าที่จะยอมแพ้ต่ออุปสรรคที่อยากจะผ่านเข้ามา...
แต่ถึงแม้ว่าจะมีความมั่นคงสักเพียงใด...แต่หินผาที่สูงชันยังถูกคลื่นน้ำทะเลซัดกัดกร่อนได้ แล้วนับประสาอะไรกับความมั่นคงในหัวใจของคน ย่อมต้องเกิดความสั่นคลอนสั่นไหวไปตามคลื่นอุปสรรคที่ผ่านมาเข้ามา...อย่างแน่นอน...
อย่าเพิ่งคิดไปไกลถึงอนาคตที่จะเกิดขึ้น เพราะคนเราต้องอยู่กับปัจจุบัน แม้ว่าการวางแผนในอนาคตจะเป็นสิ่งที่ดี แต่การคิดมากตีตนไปก่อนไข้ย่อมไม่ใช่สิ่งที่ควรทำอย่างแน่นอน มีชีวิตอยู่เพื่อวันนี้อย่างมีความสุขดีกว่ามีชีวิตอยู่บนความทุกข์เพื่ออนาคตที่มองไม่เห็น...
//ตอนนี้ไม่แน่ใจว่าจะหวานพอไหม...แต่เขียนจากความรู้สึกที่นึกอยากจะไปเที่ยวเหนือค่ะ ไม่หรอก...ฮ่า ๆ ๆ จริง ๆ คือนึกถึงช่วงบรรยากาศตอนที่กวางไปเที่ยวภาคเหนือมาค่ะ กวางเคยไปเที่ยวที่ภูชี้ฟ้า จ.เชียงราย หลายครั้งมาก แล้วชอบกับบรรยากาศที่เราอยู่ใกล้กับดวงดาวจนแทบเอื้อมถึง ก็เลยเขียนฉากนี้ขึ้นมา...แต่ชื่อดอยในตอนนี้ กวางคิดเองนะคะ อย่าไปอ้างอิงกับเรื่องจริงเน้อ...หวังว่าคนอ่านจะชอบกับตอนนี้เหมือนกับที่ชอบในทุก ๆ ตอนของฟิคเรื่องนี้นะคะ
ถ้าคนอ่านอ่านแล้วยิ้ม...คนเขียนยิ้มกว่าน้า~
ติดตามกันต่อไปเรื่อย ๆ นะคะ...ที่หลายคนเดาเรื่องอาการของพี่ฮั่น...กวางก็อยากจะบอกว่าหลายคนเดาถูกนะคะ...มันมีดราม่าหนักแน่นอน (แต่ยังไม่ใช่ตอนหน้าเน้อ...อย่าเพิ่งรีบนอยด์กัน) ฮ่า ๆ ๆ ๆ อุปสรรคก่อให้รักบังเกิดนะคะ...ชีวิตของพี่ฮั่นและแกงส้มในฟิคนี้ก็ต้องเจอกับอุปสรรคเช่นกัน (อย่า...อย่าเพิ่งนอยด์...) กวางบอกและย้ำไว้แล้วในท้ายตอนนี้นะคะว่า...มีความสุขอยู่กับปัจจุบัน (นั่นคือตอนปัจจุบัน) อย่าเพิ่งไปคิดมากถึงอนาคตที่ยังไม่เห็น (นั่นคือตอนที่จะดราม่า) เพราะงั้น...อ่านจบแล้วยิ้มเถอะค่ะ...
แล้วพบกันใหม่ในตอนต่อไปนะคะ ^_____^
ปล. ขอบคุณสำหรับกำลังใจในการสอบค่ะ ไม่ต้องห่วงว่ากวางมาอัพฟิคแล้วจะไม่ได้อ่านหนังสือสอบนะคะ กวางอ่านตอนกลางวันค่ะ แล้วมาอัพฟิคตอนกลางคืน อิอิ~*
ปล.อีกที พี่ข้าวฟ่างในเรื่องมีตัวตนจริง ๆ นะคะ แต่พี่เค้าไม่ใช่แฟนกวางนะคะ...(อย่าเข้าใจผิด) ฮ่ะๆๆ
ปล.ครั้งสุดท้าย...ถึงแม้จูบของพี่น้องในตอนนี้จะดูร้อนแรงกว่าปกติ แต่ยังย้ำเสมอค่ะว่า...เรื่องนี้จะไม่มี NC อย่างแน่นอน !! (ไม่ต้องหวังลึก ๆ ในใจนะคะ) ฮ่า ๆ ๆ ๆ
ไปแล้วค่า...แล้วเจอกัน...รักคนอ่านทุกคนนะคะ จุ๊บๆ >3<
ความคิดเห็น