คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : FRIEND LOVE| 07 #อสแฟนหก (100 per.)
7
‘กูไม่ใช่คนที่ทิ้งใครง่ายๆวะ
ลงเรือลำเดียวกันแล้วก็ต้องไปต่อด้วยกันแม้ว่ามันดูจะไปไม่รอดก็ตาม’
“แจ็คสันไปทำอะไรมา? ทำไมมอมแมมแบบนั้น”
“ฮึก…ยะ..ยองแจ…เรา…”
“……!!!”
พรึ่บ!
“ฝัน….”ยองแจสะดุ้งตื่นขึ้นหลังจากที่ตัวเองเผลอหลับไปพักหนึ่ง
ใบหน้าเขาท่วมเหงื่อและหัวใจเต้นเร็วผิดปกติมากบ่งบอกได้ว่าเรื่องเมื่อกี้ในฝันไม่ใช่เรื่องดีสำหรับยองแจเลย
มันเป็นเรื่องเลวร้ายที่เขาไม่มีวันลืมและลืมไม่ลงอีกด้วย
ใบหน้าคมหันไปมองทางซ้ายมองตนเขาพบว่าแจ็คสันกำลังนั่งดูรายการอะไรบางอย่างอยู่ข้างๆ
“ตื่นแล้วเหรอ? หลับนานเชียวนะเมื่อกี้ฝันร้ายป่ะเห็นกำมือแน่นมากเลย
แต่ถ้าตื่นแล้วก็ช่วยปล่อยมือกูออกด้วยนะเจ็บ”
แจ็คสันบอกพร้อมกับหรี่ตามองมือของตนที่ถูกมือยองแจบีบแน่นอยู่นิดๆ
ฝ่ายยองแจเมื่อได้สติก็รีบปล่อยมือจากร่างสันทัดอย่างรวดเร็ว
แจ็คสันดึงมือออกมาจับๆบีบๆเพื่อคลายความเจ็บของตนพลางเงยหน้าขึ้นมองดูรายการในโทรทัศน์ต่อเงียบๆ
“……”
“อะไร”
“เปล่า…”
“ประสาทบอกว่าเปล่าแล้วมึงจะมองกูเพื่อน?”
“หึ!”
“เฮ้ยปล่อย!”
ร่างเล็กถูกดึงเข้ามานั่งบนตักของยองแจใบหน้าอีกฝ่ายยิ้มเจ้าเล่ห์ปนซุกซนนิดๆ
ดวงตาเรียวจ้องมองใบหน้าตื่นตระหนกก่อนจะโอบรัดเอวคอดแน่นและฝังใบหน้าตนลงกับแผ่นหลังแจ็คสันนิดๆ
“หอม”ยองแจพูดบอกพร้อมสูดดมกลิ่นตัวแจ็คสันไปด้วย
หอมมากมันมีกลิ่นเหมือนกับดอกไม้ชนิดหนึ่งแต่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน
หนึ่งเดียวที่มีคือแจ็คสันเพราะมันเป็นกลิ่นเฉพาะตัวที่พิเศษกว่าใคร
ไม่ใช่กลิ่นจากน้ำยาปรับผ้านุ่มหรือจากผงซักฟอกมันเหมือนกับเป็นกลิ่นตัวที่แท้จริงของคนตัวเล็ก
มันยั่วยวนและทำให้ยองแจติดใจ
“ไอ้บ้าออกไปมึงก็ไม่ต่างจากพวกมันปล่อยนะเว้ย!!”
แจ็คสันพยายามที่จะแกะมือของยองแจออก
เขาพูดออกไปด้วยความโกรธและผิดหวังเพราะเขาคิดว่ายองแจจะเป็นคนดีจะไม่ทำอะไรเขา
แต่สุดท้ายสันดานก็คือสันดานมันดัดกันไม่ได้ง่ายๆ
ต่อให้มันทำตัวเหมือนจะดีกับเราแค่ไหนแต่ถ้าเกิดสันดานมันเลวเชื่อเถอะไม่กี่ชั่วโมงมันก็กลับไปเป็นเหมือนเดิม
“ไม่เหมือน”ยองแจกล่าวใบหน้าเงยหน้าขึ้นสบตาเข้ากับดวงตากลมของแจ็คสัน
แววตานั่นมันทำให้คนตัวเล็กหวนนึกถึงวันเก่าๆที่เราเคยผ่านมาร่วมกัน
อดีตยองแจและเจบีคือเพื่อนสนิทของเขา….แต่ตอนนี้จินยองทำให้พวกเขาต้องแยกกันทุกคนไม่เหมือนเดิมโดยเฉพาะกับตัวของแจ็คสันเองที่แปลกไปจากปกติ
“อย่าทำแบบนี้ได้ไหม…กูขอร้อง”แจ็คสันพูดพลางวางมือลงบนหลังมือยองแจ
ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่นจนกลายเป็นเส้นตรง
“แค่กอดอย่างเดียวได้ไหมกูขอแค่นี้นะแจ็คสัน”ยองแจเว้าวอนร้องขอกับแจ็คสันด้วยน้ำเสียงที่น่าสงสาร
แจ็คสันถอนหายใจยาวอย่างเหนื่อยหน่ายกับอีกฝ่าย…ใครๆก็รู้ว่าหวัง
แจ็คสันเป็นพวกใจอ่อนง่าย
โดยเฉพาะกับพวกเพื่อนๆในกลุ่มแค่โดนอ้อนแค่นี้เขาก็ยอมไปเสียหมดแล้ว
แค่ให้กอดคงจะไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง?
“อยากจะกอดก็กอดแต่ห้ามทำเกินกว่านี้ ไม่อย่างนั้นก็ไม่ต้องมาคุยกับกูอีก”
สุดท้ายก็ใจอ่อนยอมให้ยองแจกอดอย่างว่าง่ายอยู่ดี
อ้อมกอดอุ่นๆกับลมหายใจและใบหน้าหล่อที่ซุกอยู่บริเวณซอกคอขาวทำให้แจ็คสันรู้สึกเบาสบายซะจนอยากหลับอีกรอบ
มือขาวยกขึ้นจับที่มือของอีกฝ่ายก่อนจะกุมแน่นดวงตากลมปิดลงช้าๆพร้อมกับร่างกายที่เหมือนไร้แรงโน้มถ่วงเอนตัวพิงกับแผ่นอกของอีกฝ่าย
ยองแจยกยิ้มขึ้นเขาใช้มือข้างที่กอดเอวแจ็คสันอยู่ยกขึ้นลูบเส้นผมเจ้าตัวแผ่วเบาด้วยความเอ็นดู
“แจ็คสัน”
“หืม”
“….เรื่องเมื่อวันนั้น…บอกได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ระหว่างมึงกับจินยองพวกมึงกำลังปกปิดอะไรพวกอยู่กันแน่วะ”
“…มันไม่เกี่ยวกับพวกมึงเพราะวะ-…”
ยังไม่ทันที่ร่างสันทัดจะได้พูดจบยองแจกับแจ็คสันก็ต้องหันไปตามเสียงถีบประตูห้อง
ยองแจลุกขึ้นดันร่างเล็กไว้ข้างหลังก่อนจะเดินไปหยิบมีดปลอกผลไม้ที่อยู่ตรงข้างๆถาดใส่แอปเปิ้ลขึ้นมาถือไว้แล้วค่อยๆก้าวขาตรงไปที่ประตู
แจ็คสันยืนหลบอยู่ด้านหลังยองแจโดยที่เจ้าตัวนั้นก็ใช้แขนข้างหนึ่งของตนกั้นร่างของอีกฝ่ายเอาไว้
พยายามที่จะดันให้แจ็คสันหลบอยู่ด้านหลังตนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เผื่อว่าบางทีฝั่งนั้นมีปืนอย่างน้อยเขาก็เป็นโล่ให้อีกฝ่ายได้
ปัง! ปัง!
เสียงถีบยังดังต่อเนื่องยองแจหันไปมองแจ็คสันที่แสดงสีหน้าหวาดกลัว
เขายกมือขึ้นวางลงบนหัวอีกฝ่ายก่อนส่งยิ้มแล้วลูบหัวของแจ็คสันแผ่วเบาแต่กระนั้นยองแจก็ยังรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะท้านของคนด้านหลังอยู่ดี….แจ็คสันคงจะไม่ชินกับสถานการณ์แบบนี้สินะ
เขาเองก็ไม่อยากจะให้มันเกิดขึ้นเช่นกัน ‘การแย่งชิงตัวหงส์’
แกร๊ก…
ปัง!
“หนี!”ยองแจตะโกนบอกพร้อมผลักให้แจ็คสันวิ่งไปที่หน้าต่าง
เขาถูกการ์ดร่างยักษ์สองคนจับรัดแขนเอาไว้แน่นยองแจทั้งถีบทั้งต่อยพวกมันเพื่อหวังจะให้หลุดจากการจับกุม
หัวใจเต้นรัวเลือดในร่างกายสูบฉีดทั่วร่างสิ่งเดียวที่ยองแจกังวลคือแจ็คสันเขาอยากจะให้เจ้าตัวหนีรอด
ไม่อยากให้หงส์ต้องถูกหักปีกโดยสัตว์ชนิดอื่นโดยเฉพาะจิ้งจอกกับราชสีห์
ถึงแมงป่องจะตัวเล็กและเสียเปรียบเรื่องร่างกายแต่แมงป่องอย่างเขาก็มีพิษที่ร้ายแรงพอตัวเช่นกัน…จะไม่ยอมให้ถูกใครจับกุมคุมขังง่ายๆแน่!!
ยองแจกัดเข้าที่แขนของการ์ดทั้งสองคนเพื่อให้หลุดจากการจับกุม
ก่อนจะวิ่งไปคว้าเอวคนตัวเล็กแล้วจัดการเปิดหน้าต่างโอบร่างแจ็คสันไว้แน่นก่อนจะกลั้นใจกระโดดจากชั้นสามของโรงแรมลงไปยังชั้นล่างที่เต็มไปด้วยปูนและคอนกรีต
ตุ๊บ!
เสียงแผ่นหลังของยองแจกระทบเข้ากับพื้นอย่างแรง
เขาทั้งจุกและเจ็บมือยังคงโอบเอวแจ็คสันไว้แน่นไม่ปล่อยยองแจค่อยๆลุกขึ้นนั่งก่อนจะจ้องมองไปยังด้านในที่เหล่าการ์ดพากันวิ่งมาทางเขา
“ลุกเร็วเข้าก่อนที่จะถูกพวกมันจับได้!”ยองแจบอกพร้อมลุกขึ้นกระชากให้แจ็คสันวิ่งตามร่างตน
เขาเหลือบหันไปมองยังด้านหลังพวกการ์ดก็ยังคงจะตามไม่เลิกจนยองแจชักรำคาญ
บวกกับเขาเจ็บที่แผ่นหลังและจุกอยู่แล้วจึงทำให้ไม่ค่อยสบอารมณ์มากนัก
“ถ้าเราถูกจับจะเป็นยังไง?”แจ็คสันถามขณะวิ่งข้างๆกับยองแจ
“มึงรอด…แต่กูเละ”ยองแจตอบไปตามความจริง
มาร์คคงจะไม่ปล่อยเขาไว้แน่เพราะยองแจทำผิดกฎและเขาต้องได้รับบทลงโทษสำหรับคนที่ฝ่าฝืน
“….ทำไม…ต้องเป็นกูที่รอด”แจ็คสันช้อนตามองยองแจด้วยความสงสัยปนสับสน
ยองแจทำเพียงแค่มองตาแจ็คสันกลับเขาไม่สามารถบอกได้ว่าเพราะอะไรทำไมเจ้าตัวถึงรอด
ถ้าแจ็คสันรู้ความจริงทั้งหมดไปมันอาจจะทำให้เจ้าตัวรู้สึกแย่ก็ได้…การที่ถูกใครสักคนทำเหมือนตนเองเป็นของเล่นส่งต่อๆกันแบบนั้นเป็นเขา
เขาก็คิดว่ามันไม่ยุติธรรมเอาซะเลย
“ไม่ต้องรู้หรอกวิ่งไปเถอะ”ยองแจบอกก่อนจับมือแจ็คสันแล้ววิ่งต่อ
ในขณะที่ตัวเองนั้นก็รู้สึกเจ็บไปทั้งตัวด้วยเหมือนกัน
เวลาผ่านไป 30
กว่านาทีแล้วแต่พวกยองแจกับแจ็คสันก็ยังวิ่งหนีไม่หยุด
พวกการ์ดเองก็ไม่รู้ไปเอาแรงมาจากไหนกันมากมายไม่รู้จักเหนื่อยตามพวกเขามาเรื่อยๆจนยองแจชักหวั่นใจกลัวว่าจะหนีไม่รอด
เขาหันไปมองยังด้านหลังก็ปรากฏว่าอีกแค่ไม่กี่เมตรการ์ดพวกนั้นก็จะสามารถตามพวกเขามาได้ทันแล้ว
ยองแจพยายามที่จะติดว่าตนควรจะทำยังไงดีเพื่อให้รอดจากการจับกุมของพวกการ์ด
จู่ๆร่างเขาก็เหมือนจะหน้ามืดยองแจล้มลงไปนอนกองกับพื้นอย่างไม่ตั้งใจ
แจ็คสันที่วิ่งอยู่ข้างๆตกใจเล็กน้อยเจ้าตัวช่วยพยุงร่างของยองแจให้ลุกขึ้นแต่ก็ไม่สำเร็จเหมือนกับว่าตัวเขามีอะไรบางอย่างรั้งเอาไว้อยู่ทำให้ไม่สามารถลุกขึ้นมาได้
“มึงแข็งใจหน่อยอีกนิดเดียวก็จะพ้นแล้ว”แจ็คสันกล่าวพร้อมจับแขนยองแจออกแรงดึงให้อีกฝ่ายลุก
“ไม่ไหว…มึงไปเถอะปล่อยกูไว้งี้แหล่ะ”ยองแจบอก
“ได้ไงวะมึงเป็นคนพากูมามึงก็ต้องเป็นคนพากูหนี
มึงจะทิ้งให้กูไปคนเดียวไม่ได้ลุกเดี๋ยวนี้!”แจ็คสันขมวดคิ้วพลางจ้องยองแจด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย
เขากระตุกแขนอีกฝ่ายแรงๆเพื่อให้เพื่อนตัวเองลุกยองแจเองก็พยายามเช่นเดียวกันแต่มันไม่ง่ายเลยร่างกายเขามันหนักอึ้งไปหมดเหมือนใครเอาหินมาทับไว้ไม่ให้เขาลุกไปไหนได้เลย
“เชื่อเถอะกูมาได้แค่นี้จริงๆทิ้งกูไว้ตรงนี้แล้วหนีไปก่อนเถอะ
บางทีอย่างน้อยมึงก็น่าจะกลับมาเยี่ยมกูได้…ที่โรงพยาบาล”
ยองแจพูดด้วยความท้อแท้และยอมแพ้ต่อสถานการณ์ในตอนนี้ แจ็คสันหรี่ตามองย่อตัวลงนั่งยองๆแล้วจับใบหน้าอีกฝ่ายให้หันเข้าหาตน
ดวงตากลมสบกับตาเรียวนัยน์ตาแจ็คสันแสดงถึงความจริงจังและซื่อตรงมันสื่อมายังยองแจ
โลกทั้งใบหยุดหมุดและเหลือเพียงเขาสองคนเท่านั้นที่สามารถขยับตัวได้
แม้แต่ลมหายใจในตอนนี้ยองแจก็ยังได้ยินจากคนตรงข้ามชัดเจน
“กู-ไม่-มี-วัน-ทิ้ง-มึง!”
คำพูดที่ถูกกล่าวออกมาจากปากคนตัวเล็กมันไม่น่าทึ่งมากเท่ากับการที่เจ้าตัวโน้มใบหน้าเข้ามาแตะสัมผัสริมฝีปากแผ่วเบาที่ปากของเขา
ยองแจเบิกตากว้างไม่คิดว่าสถานการณ์แบบนี้แจ็คสันยังจะมีอารมณ์มาจูบเขาได้อีก
แต่อย่างน้อยมันก็ช่วยทำให้ยองแจชื้นใจขึ้นมาครึ่งหนึ่งเพราะแจ็คสันบอกว่าเจ้าตัวจะไม่มีวันทิ้งเขา…ถ้าเจ้าตัวทำอย่างที่พูดจริงแบบนั้นถือว่าเป็นเรื่องดีสำหรับยองแจมากๆ
แจ็คสันล่ะใบหน้าออกจากปากยองแจดวงตากลมยังคงความจริงจังอยู่ไม่เปลี่ยน
เสียงฝีเท้าที่เหมือนกับคนวิ่งดังมากขึ้นเรื่อยๆเขายกร่างยองแจขึ้นใช้มือข้างหนึ่งพยุงตัวอีกฝ่ายไว้ส่วนอีกข้างก็จับแขนยองแจขึ้นพาดกับไหล่ตัวเองแล้วเริ่มวิ่งต่อ
แม้ว่ายองแจแทบจะไม่เหลือแรงวิ่งหนีแล้วก็ตามแต่ยังไงเขาก็ไม่มีทางทิ้งเพื่อนตัวเองที่กำลังบาดเจ็บเพราะตนได้ลงคอหรอก….เขาไม่ได้ใจหมาขนาดนั้น
บรื๋นนนนน!! บรื๋นนนนน!!
“เฮ้ยพามันขึ้นมา…เร็ว!”
เสียงรถคันใหญ่ดังขึ้นตรงหน้า
กระจกรถถูกเปิดออกให้เห็นเพียงแค่ครึ่งหน้าน้ำเสียงโหดๆกับการเหยียบคันเร่งเตรียมออกตัวนั่นกับคำชักชวนที่ให้คนตัวเล็กพายองแจขึ้นไปยังรถของตนทำให้แจ็คสันยกยิ้มอ้าปากกว้างขึ้น
เขาเดินพยุงร่างยองแจให้ไปยังรถของเจบี
เมื่อเห็นว่าทั้งแจ็คสันและยองแจขึ้นรถตนแล้วเจ้าของรถก็รับขับออกไปทันที
“ขอบใจมึงมากเจบี”แจ็คสันพูดยิ้มๆขณะยกมือขึ้นปาดเหงื่อเพราะเหนื่อยและร้อนจากการวิ่งเมื่อครู่มาก
“หุบปากมึงไป กูยังไม่ได้จัดการคดีของมึงเลยนะไอ้เตี้ย…ส่วนมึงเรื่องนี้กูจะปิดไว้กูพึ่งมารู้ว่าที่มึงทำไปเพราะอยากช่วยไอ้เตี้ยมัน”
เจบีหันไปโวยใส่แจ็คสันที่พูดด้วยใบหน้าระรื่นเหมือนไม่รู้ว่าตนทำความผิดอะไรไว้
ก่อนที่เจบีจะหันไปมองหน้ายองแจที่กำลังนั่งหน้าซีดเพราะเจ็บตามร่างกายอยู่
เขารู้สึกผิดจริงๆที่แจ้งคนอื่นไปโดยที่ไม่ถามถึงเหตุผลว่ายองแจเอาตัวแจ็คสันไปเพราะอะไรเพราะว่าเป็นห่วงกลัวว่าไอ้เตี้ยหลังเบาะนั่นจะหายไปจากตนจึงได้ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังทำให้เรื่องมันบานปลายเป็นแบบนี้
“กูไม่ต้องการ”ยองแจบอกเรียบๆดวงตาหันไปมองทางอื่นเพราะขี้เกียจที่จะจ้องเจบี
เขาเลือกที่จะมองแจ็คสันยังดีกว่ามองไอ้บ้านี่
“คิดว่ากูอยากจะช่วยมึงตายแหล่ะแต่ยังไงมึงก็เพื่อนกูคงทนเห็นมึงโดนกระทืบต่อหน้าต่อตาไม่ได้”
เจบีกล่าวขณะขับรถหนีพวกการ์ดของมาร์ค ดวงตาสบกับยองแจผ่านกระจกหน้ารถมันส่อแววเจ็บปวดและเศร้าใจออกมาเรื่องระหว่างเขาและอีกฝ่ายมันผ่านมานานแล้วทุกอย่างเริ่มต้นจากจินยองทั้งนั้น
การสร้างความร้าวฉานคือหน้าที่ของจิ้งจอก
“นึกว่ามึงจะเชื่อคำพูดมันเหมือนกับวันนั้นอีกซะแล้ว…หึ! กูคงต้องมองมึงใหม่”
ยองแจยกยิ้มขึ้นนิดๆใบหน้าและริมฝีปากซีดมากดวงตาเองก็จะปิดเต็มทน
ร่างกายของเขามันหนักไปหมดพร้อมที่จะทุ่มตัวลงนอนได้ตลอดเวลาแต่ที่ยังลืมตาอ้าปากเถียงได้อยู่ก็เพราะว่าเขาฝืนมันทั้งนั้น
ลองยองแจไม่ฝืนตัวเองดูสิ…ป่านนี้เขาสลบไปนานแล้ว
“………..”เจบีเงียบไม่ตอบเขาเลือกที่จะขับรถแทนการรื้อฟื้นความทรงจำที่แสนเจ็บปวดขึ้นมา
แจ็คสันที่นั่งเป็นหุ่นอยู่ข้างยองแจมองสลับทั้งสองฝ่ายไปมาด้วยความสงสัยว่าระหว่างสองคนนี้มีอะไรปิดใจกันแน่
ตั้งแต่คบกับพวกมันมาแจ็คสันยังไม่เคยเห็นมันทะเลาะกันสักครั้งเลยมีแต่ต่างฝ่ายต่างอยู่ในที่ของตน
ถามคำก็ตอบคำคนหนึ่งชิคอีกคนก็เงียบนิ่งอยู่ด้วยกันแล้วอย่างกับอยู่กับป่าช้า
คนร่าเริงอย่างเขาถ้าไม่สนิทจริงและใจกล้าหน้าด้านคงจะอยู่ไม่ได้
//พวกมึงนี่มีความลับปิดบังกูเยอะมากเลยนะเจบียองแจ…//
แจ็คสันคิดในใจพลางมองทั้งสองคนสลับกันไปมา ดวงตากลมค่อยๆปิดลงพร้อมกับมือข้างหนึ่งที่เอื้อมแตะอังที่หน้าผากของอีกฝ่ายแผ่วเบา
แจ็คสันรับรู้ได้ว่ายองแจแอบสะดุ้งแต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร อุณหภูมิร่างกายของอีกฝ่ายมันร้อนวูบวาบเหมือนโดนไฟลนเขาค่อยๆขยับเข้าไปนั่งเบียดข้างตัวอีกฝ่ายก่อนจะจับแผ่วเบาที่มือใหญ่และซบหัวลงกับไหล่ยองแจ
เจบีจ้องแจ็คสันกับยองแจผ่านกระจกหัวใจเขามันรู้สึกเจ็บนิดๆยามที่มองอีกฝ่ายค่อยๆซบใบหน้าตนลงกับไหล่ยองแจ
เขาอยากจะกระชากตัวร่างขาวออกมาหรือไม่ก็เข้าไปนั่งแทนที่ยองแจเสีย
อยากจะเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ให้อีกฝ่ายเอนหัวพิงเข้าที่ไหล่ของตนเหมือนกับยองแจบ้าง
ไม่ใช่แค่นั่งดูทั้งสองอยู่ตรงนี้โดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว
ณ. ฮ่องกง เวลา 18:30 PM.
ร่างสูงสมส่วนนั่งทอดการนวดขมับตัวเองอยู่บนโต๊ะข้างๆกันมีกองเอกสารและคอมพิวเตอร์ที่ถูกเปิดทิ้งค้างไว้ประมาณเมื่อสามสิบนาทีที่แล้วเปิดอยู่
กายีโคตรเกลียดเอกสารพวกนี้เลยเห็นแล้วก็อยากจะเผาทิ้งให้มันรู้แล้วรู้รอดแต่ก็ทำไม่ได้เพราะว่ามันเป็นเอกสารสำคัญต่องานและธุรกิจของเขามาก
เรียกได้ว่าถ้ามันหายไปล่ะก็งานนี้มีปะทะกันแน่
“เฮ้อ!”
ชายหนุ่มพ่นลมหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยหน่ายดวงตาคมเหลือบมองไปยังนาฬิกาบนผนังห้องอย่างเซ็งๆ
เขานั่งแช่ก้นในห้องนี้มานานหลายชั่วโมงแล้วนะป่านนี้ก้นตัวเองใหญ่เป็นถังหมดแล้วมั้ง
[“บอสคะ…คุณเหม่อยหลินขอพบค่ะ”]เสียงของเลขาดังจากสาย
กายีสะบัดหัวไล่ความคิดของตนก่อนจะจดจ่อและสนใจกับคำพูดของพนักงานตน…เหม่อยหลิน?
“ให้เข้ามา”
กายีพูดบอกเป็นเชิงอนุญาตก่อนที่ประตูจะถูกเปิดออกพร้อมร่างของหญิงสาวในชุดเดรสสีแดงและใบหน้าหวานสวยได้รูปตามสไตล์ของหล่อน
ชายหนุ่มแทบจะฟุ๊บหน้าลงกับโต๊ะทันทีเขาอยากหลับแบบไม่ตื่นให้มันรู้แล้วรู้รอดไป
ทำไมชีวิตของกายีจะต้องมาเจอะไรพวกนี้ด้วยนะ
ถ้าน้องชายเขามายังจะน่าดีใจกว่านี้อีก
“พี่กายีค่ะคิดถึงจังเลยกรี๊ดดดด!!”
หญิงสาววิ่งเข้าหากายีปานจะจับเขาไปเชือดคอหมกโถส้วม
กายีถึงกับเบี่ยงตัวหลบแทบไม่ทันให้ตายเถอะสมัยนี้พวกผู้หญิงนี่เริ่มจะน่ากลัวขึ้นทุกวัน
และผู้ชายอย่างเขาก็ต้องคอยต่อกรกับเหล่าสาวๆประเภทนี้ทุกๆสามสิบนาทีด้วย
แต่กายีไม่ขอโทษความหล่อของตัวเองหรอกนะทำยังไงได้ก็คนมันเกิดมาหน้าตาดีก็ย่อมมีสาวเยอะแบบนี้แหล่ะ
“หุบปากเหม่ยหลิน พี่จะเตือนเธอเป็นครั้งที่สามร้อยสี่สิบแปด”
กายียกนิ้วขึ้นชี้ไปยังปากบางๆที่อ้ากรี๊ดลั่นห้องตนอยู่
ให้ตายเถอะเสียงแหลมเป็นบ้าหูเขาจะแตกตายผู้หญิงนี่เขาเสียงแหลมกันแบบนี้ทุกคนเลยหรือไงกันนะ?
“ทำไมต้องเถื่อนใส่เหม่ยด้วยล่ะคะ เหม่ยก็แค่อยากจะปลดปล่อย…”
เธอบอกพร้อมทำหน้ายู่ใส่ด้วยความไม่พอใจ
กายีถอนหายใจยาวตั้งแต่เล็กจนโตยัยเด็กนี่ก็ไม่เคยเข้าใจเขาเลยสักนิดว่าที่เขาทำแบบนี้ใส่เพราะต้องการให้เธอรู้ว่าพวกผู้ชายไม่ชอบผู้หญิงเสียงดังแบบนั้น
ประเภทพวกเขามันเป็นพวกชอบคนตัวเล็กขาวๆเงียบๆขี้อ้อน….ยกตัวอย่างเช่นน้องชายของเขาเองทั้งน่ารักและน่าฟัดในเวลาเดียวกัน
แต่สำหรับเหม่นหลิน…นางพญาธิดาปลาดิบชัดๆ
“นี่หล่อนงานการไม่มีทำหรือไงถึงได้วิ่งแจ้นเข้ามาหาพี่เนี้ย
ถ้ามีเวลามาหาพี่สู้เอาเวลาพวกนี้ไปคิดวิธีหาผัวดีกว่าไหม?”
คำพูดของกายีทำเอาเหม่ยหลินน้ำแทบพุ่งออกจากปากหญิงสาววางแก้วน้ำลงกับโต๊ะก่อนที่จะใช้มือทุบโต๊ะแล้วจ้องหน้ากายีอย่างอาฆาต
ซึ่งคนถูกมองก็ได้แต่แสดงหน้าตายใส่คำว่าสุภาพบุรุษของกายีไม่เคยมีให้สำหรับยัยเด็กลิงนี่หรอก
“กรี๊ดดดด! พี่กายีอีตาคนบ้าปากจริงๆ”
เหม่ยหลินกรีดใส่อย่างหัวเสียงที่พี่ชายคนนี้พูจากไม่สุภาพกับเธอ
ทีเวลาคุยกับผู้หญิงคนอื่นนะทำเป็นครับอย่างนู้นครับอย่างนี้ทำให้พวกสาวๆหล่อนเคลิ้มไปกับคำพูดบ้าๆพวกนั้น
เหม่อยหลินอยากจะบอกพวกหล่อนซะจริงว่าที่แท้แล้วกายีนั้นเป็นผู้ชายหยาบคายและนิสัยไม่ดีมากๆ
“ก็ไม่ได้โกหกนี่
เชื่อเถอะเอาเวลาพวกนี้ไปหาวิธีอ่อยผู้ดีกว่าไหมอย่างน้อยมันก็มีประโยชน์ดีกว่ามานั่งๆนอนๆในห้องทำงานพี่นะ”
กายียังคงแกล้งเหม่ยหลินไม่เลิกและก็ดูจะมีความสุขเวลาที่ได้แกล้งหญิงสาวเสียด้วย
เขาคิดว่าพอได้เห็นใบหน้าสวยๆนั่นยับยู่ยี่เป็นประดาษถูกพับแล้วมันดูตลกดี
แถมเวลาที่หล่อนโมโหยังน่ารักมากกว่าปกติอีกต่างหาก
“พี่กายี!”เหม่ยหลินเสียงดังใส่ด้วยความโมโห
แก้มเนียนทั้งสองแดงเพราะโกรธที่กายีเอาแต่แกล้งเธอไม่หยุด
“โอเคพี่ไม่แกล้งแล้ว…ว่าแต่มีเรื่องอะไรอีกล่ะคราวนี้พ่อไล่ออกจากบ้าน
แม่ลาออกจากการเป็นแม่ หรือว่า…มีคนที่สนใจ”
กายียิ้มหัวเราะให้กับเด็กสาวพลางยกมือขึ้นให้เธอดูว่าตนยอมแพ้แล้ว
เขาเริ่มถามไถถึงสาเหตุที่เจ้าตัวมาหาเขาเพราะปกติแล้วจะเจอกันทีก็ต้องเป็นตอนที่เหม่ยหลินประสบปัญหาหรือไม่ก็เจอกันเพราะนัดทานข้าวเท่านั้น
“รู้ใจน้องเอาไปเลยร้อยคะแนนเต็ม”เหม่ยหลินที่อารมณ์ดีขึ้นแล้วยกนิ้วขึ้นให้กับพี่ชายสุดหล่อของเธอพร้อมยิ้มจนเห็นฟันครบทุกซี่
กายีส่ายหน้าให้กับตัวเธอว่าแล้วเชียวว่าคงจะไม่พ้นปัญหาที่เขาทายออกมา
“แล้วสรุปเป็นอะไรทำไมถึงมาหาพี่?”กายีถาม
“ไม่มีอะไรมากหรอกพี่เหว่ยเทาเขาพาผู้หญิงเข้าบ้านด้วยแหล่ะเมื่อวาน”เหม่ยหลินบอกพร้อมกับนั่งไขว้ห้างตรงหน้ากายีที่ทำหน้านิ่งก้มหน้าเขียนงานอยู่
“บอกพี่เพื่อ?
มันจะพาใครมาก็เรื่องของมันพี่ไม่ได้เป็นอะไรกับมันสักหน่อย”กายีกล่าวน้ำเสียงดูไร้เยื่อใยกับเหว่ยเทาเสียเหลือเกิน
แต่นั้นก็เป็นสิ่งที่ทำให้เหม่อยหลินยกยิ้มเจ้าเล่ห์แสนซุกซนขึ้น
“ก็พี่เป็นสะใภ้ของเหม่อยหลินนี่ทำไมเหม่ยหลินจะบอกไม่ได้
ยังไงก็เถอะถ้าไม่รีบไปจัดการคุยกันให้รู้เรื่องเผลอๆพี่เหว่ยเทาอาจจะพาผู้หญิงเข้ามามากกว่านี้ก็ได้
เหม่ยขอเตือนด้วยความหวังดีนะคะเหม่ยไม่อยากให้พวกพี่ต้องเลิกกันเพราะผู้หญิงคนเดียว”
เหม่ยหลินพูดขณะที่ดวงตานั้นก็จับจ้องมองพฤติกรรมของกายี
อีกฝ่ายทั้งนิ่งสงบเหมือนสายน้ำไม่สะทกสะท้านใดๆกับคำพูดของเธอเลยแม้แต่น้อย
นี่กายีจะไม่ออกอาการหึงหน่อยเหรอ?
พี่ชายเธอพาผู้หญิงเข้าบ้านเชียวนะทำไมถึงได้ไม่มีความหวงหรือโกรธอะไรเลยล่ะหรือว่ากายีไม่ได้สนใจในตัวของเหว่ยเทาอย่างนั้นเหรอ
“เลอะเทอะไปใหญ่แล้วสะพงสะใภ้อะไรพูดมั่วไปหมดแล้ว
พี่ไม่ได้เป็นอะไรกับเหว่ยเทาสักหน่อย”
กายีบอกพร้อมกับวางปากกาลงช้าๆดวงตาจ้องกลับไปที่เหม่ยหลินเรียบๆ
ริมฝีปากบางสีแดงของหญิงสาวกระตุกขึ้นเหมือนจะรู้ทันเธอลุกและยืนตรงต่อหน้าพี่ชายสุดหล่อ
มือบางวางทาบลงกับแก้มเจ้าตัวที่ค่อนข้างจะสากเล็กน้อยเพราะกายีไม่ค่อยได้ดูแลบำรุงผิวตนเองเหมือนพี่ชายเธอเสียเท่าไหร่
“งั้นเหม่ยหลินขอตัวนะคะเชิญพี่กายีอยู่คนเดียวตามสบายเลย”
เธอกล่าวราวกับกระซิบร่างอรชรเดินหันหลังให้ไปทางประตูห้องเปิดมันออกแล้วจากไปเงียบๆ
ทิ้งให้กายีนั่งอยู่เพียงลำพังภายในห้องกว้างที่ไม่มีใครสักคน ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเล็กน้อย
เขาคิดว่าเหม่ยหลินน่าจะดูออกกายีล่ะเบื่อหล่อนจริงๆ ร่างสูงลุกขึ้นเดินออกไปทางประตูเขาหยิบโทรศัพท์กดเบอร์โทรหาใครบางคนก่อนจะ
“ฮัลโหล…วันนี้มาเจอหน่อยสิ…อืมที่เดิมนั่นแหล่ะ”เขาพูดจบก็กดวางสาย “ฝากเคลียร์งานที่เหลือด้วยนะ”ชายหนุ่มบอกกับเลขาของตนพลางเดินออกจากบริษัทตัวเองเพื่อไปยังที่นัดหมาย
ณ. บาร์REN
กายีลงจากรถพร้อมเดินเข้าไปที่ประตูการ์ดสองคนโค้งหัวให้กับเขาเพราะกายีเป็นหุ้นส่วนของบาร์นี้
90%
เรียกได้ว่าถ้าบาร์นี้ไม่มีเขามันก็ไม่สามารถเปิดได้
ดังนั้นคนพวกนี้จึงให้ความเคารพกับกายีมากเพราะเขานี่แหล่ะที่เป็นคนมอบเงินให้กับคนพวกนี้ใช้
เป็นคนจัดหาที่อยู่สำหรับพนักงานและแม่บ้านทุกคนด้วยตนเองล้วนๆ
เมื่อเดินเข้าไปด้านในกายีก็รีบตรงไปยังโซน V.I.P. ที่ตนได้จองเอาไว้ เขาหยุดยืนนิ่งเมื่อเห็นคนตรงหน้ามานั่งรออยู่แล้ว
กายีค่อยๆยกยิ้มขึ้นด้วยความพึงพอใจก่อนจะย่อตัวนั่งอย่างสบายอารมณ์แล้วหยิบแก้วที่มีเครื่องดื่มที่ตนชอบยกขึ้นดื่มช้าๆ
เสียงเพลงเบาๆช่วยให้ผ่อนคลายบวกกับท่าทางสบายๆของคนข้างๆแล้วกายีคิดว่านี่แหล่ะสิ่งช่วยบรรเทาความเครียดของเขาล่ะ
“ทำไมถึงเรียกผมมาล่ะคุณกายี”
“ไม่ต้องมีพิธีอะไรมากหรอกเจิงซุ่นซีเรียกกายีก็พอ
ที่โทรหาก็เพราะอยากให้นายมานั่งดื่มเป็นเพื่อนเท่านั้นเอง”
“แต่นี่มันยังไม่ค่ำเลยนะ…ช่างเถอะดีเหมือนกันผมเองก็อยากนั่งเป็นเพื่อนคุณอยู่พอดี”
“หึ”
การสนทนาจบเพียงแค่นั้นต่างฝ่ายต่างเงียบ
กายียกแก้วเครื่องดื่มขึ้นแก้มแดงนิดๆเพราะสิ่งที่ตนดื่มมันแรงพอตัวน้ำแข็งในแก้วละลายเล็กน้อยเสียงตอนมันตกเหมือนกับเสียงของเศษแก้วที่ตกแตก
มันอาจจะฟังดูไม่น่าสบอารมณ์แต่กายีก็ชอบที่จะได้ยินมัน ดวงตาคมมองออกไปยังทางตรงหน้าอย่างเหม่อลอยหัวสมองไม่ได้คิดอะไรนอกจากดื่มอย่างเดียว
“ลุกทำไม?”เจิงซุ่นซีเอ่ยถามอย่างสงสัยเมื่อจู่ๆกายีก็ลุกขึ้นพร้อมวางแก้วลง
“อยากเต้น”
พูดเพียงแค่นั้นเจ้าตัวก็เริ่มจะเดินหายเข้าไปในฝูงชน
เสียงเพลงปลุกอารมณ์ทำให้กายีรู้สึกอยากเต้นออกมา เขายกแขนขึ้นโยกย้ายร่างกายตนไปทางซ้ายบ้างทางขวาบ้างนิดๆตามจังหวะเพลงที่เปิดขึ้น
ตัวของเขาชนกับคนนู้นคนนี้ไปทั่วกลิ่นตัวของแต่ละคนก็ชวนให้มึนเมาเสียเหลือเกิน
ดวงตาคมสบเข้ากับตาของใครบางคนเข้าเขาเป็นผู้ชายที่สูงกว่ากายีมากและท่าทางของเจ้าตัวนั้นก็สูงใหญ่และดูมาดแมนสมชาย
หน้าตาออกไปทางยุโรปนิดๆ
ไม่รู้ทำไมแต่จู่ๆกายีก็ยกยิ้มให้เขาเสียอย่างนั้นร่างกายขยับเข้าไปใกล้กับอีกฝ่ายเองโดยไม่ได้ตั้งใจ
นิ้วโป่งกับนิ้วชี้ยกขึ้นปลดกระดุมเสื้อตนออกสองสามเม็ดพอให้เห็นไหลปลาร้าสีน้ำผึ้งนวลสวย
แม้จะไม่ได้ดูแลตัวเองดีเท่าคนเป็นน้องแต่กายีก็มีผิวที่นุ่มและเนียนละเอียดเหมือนแจ็คสันเช่นกัน
“Who
are you?”
“You
don’t need to know….ok?”
“Ok
little girl”
“Good”
กายียิ้มพร้อมกับค่อยๆไถตัวเต้นไปกับอีกฝ่าย
เขาแนบแผ่นหลังและก้นของตนลงกับอกแกร่งของอีกฝ่าย
หัวของกายีสูงถึงเพียงแค่หัวนมของชายคนนี้เท่านั้น
ร่างกายขยับเต้นไปเรื่อยๆมือเริ่มจะยกขึ้นไปคล้องคอกับอีกฝ่ายและใบหน้าก็โน้มเข้าไปใกล้กันเรื่อยๆ
ผู้คนต่างพากันรุมล้อมดูพวกเขาทั้งสองด้วยความสนใจ กายีไม่ใช่คนที่จะอายอะไรกับเรื่องแค่นี้อยู่แล้ว
ถ้าจะทำเขาก็จะทำจริงๆไม่เคยแคร์สายตาของใครทั้งนั้นต่อให้เป็นคนที่ตนไม่รู้จักก็ตาม
หมับ!
“กลับ!”
แขนสีน้ำผึ้งถูกใครบางคนคว้าเอาไว้
เหว่ยเทามีใบหน้าที่โกรธเกรี้ยวมากน้ำเสียงเองก็เจอปนความไม่พอใจอยู่ด้วยเช่นเดียวกัน
แต่กายีกลับสะบัดแขนตัวเองออกแล้วยกขึ้นไปคล้องคอของชายตรงหน้าต่อพร้อมส่งยิ้มหวานให้กับอีกฝ่ายด้วยเช่นเดียวกัน
“บอกให้กลับไงกายี!!”คราวนี้เหว่ยเทาถึงกับกระชากร่างกายีออกจากชายตรงหน้า
เขาจับอีกฝ่ายหันเข้าหาตนเองและสบตากับเจ้าตัว
กายีมีใบหน้าเฉยชาไร้อารมณ์ต่างจากเหว่ยเทาที่ตอนนี้เขาแทบจะระเบิดอยู่แล้วเพราะความโกรธที่คนตัวเล็กสร้างขึ้นให้กับตนล้วนๆ
“อย่ามายุ่งไสหัวไป”กายีบอกดวงตามองขวางใส่เหว่ยเทาพร้อมออกแรงผลักอีกฝ่ายให้ออกไปไกลๆตน
ด้านหลังมีเจิงซุ่นซียืนกอดอกมองพวกเขาอยู่
อีกฝ่ายส่ายหน้าก่อนจะเดินจากไปไม่คิดที่จะช่วยเหว่ยเทาแก้ไขสถานการณ์ตรงหน้าเลยแม้แต่นิดเดียว
“ไม่! กลับบ้านกับพี่เดี๋ยวนี้…อย่าให้พี่ต้องใช้กำลังลากกลับไปนะ”เหว่ยเทารั้นและออกคำสั่งให้กายีกลับบ้านกับตน
“หึ! ทำได้ก็ลองดูสิ”กายีพูดท้าทายอีกฝ่ายยกยิ้มมุมปากขึ้นกวนๆ
“อย่าท้าพี่”เหว่ยเทาเตือนด้วยความหวังดีเพราถ้ากายียังดื้อที่จะท้าเขาต่อแบบนี้มีหวังเจ้าตัวได้น้ำตาแตกกลางทางแน่นอน
เพราะเวลาโกรธเหว่ยเทาจะไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนได้เลยแม้แต่น้อย
“ทำไม่ได้อย่างที่พูดก็บอกมาเถอะ ไม่มีอะไรแล้วก็ไสหัวไปจะเต้นต่อ”
นอกจากจะไม่เกรงกลัวต่อเหว่ยเทาแล้วกายียังทำเมินเตรียมตัวจะหันไปเต้นกับชายชาวยุโรปด้านหลังตนอีกด้วย
ทว่ามือหนาก็จับเข้าที่ข้อมือเขาพร้อมออกแรงบีบแล้วลากกายีออกจากฝูงชนไปยังนอกร้านทันทีโดยไม่พูดอะไร
เพราะต่อให้พูดไปยังไงซะกายีก็ไม่ฟังอยู่ดี…เด็กดื้อแบบนี้มีแต่จะต้องใช้กำลังสั่งสอนเท่านั้นเพราะเตือนดีๆเจ้าตัวเคยฟังเขาซะที่ไหน
เดี๋ยวเหว่ยเทาจะสอนบทเรียนสำหรับเด็กดื้อให้กายีรู้เองว่า…จะเป็นยังไงถ้าเจ้าตัวไม่ยอมเชื่อคำพูดของเขา
TALK
ไม่ได้เจอกันนานคิดถึงไรท์ไหมอิอิลงดึกไปนิดอย่าว่ากันนะงานเยอะภารกิจแยะมาก555+
มาพูดถึงเรื่องของเราดีกว่าเห็นได้ชัดว่าทุกคนนั้นชอบยองแจมากไรท์เองก็เช่นเดียวกันบางทีก็แอบเขินฉากที่พวกเรารักกันแน่นไม่ทิ้งกันอีกด้วย
และสำหรับตอนนี้ก็มีปมหลังในอดีตระหว่างเจบีกับยองแจมาให้ทุกคนได้สงสัยกันอีกแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับทั้งสองกันแน่และต้นเหตุก็มาจากพี่จิ้งจอกของเราตามเคยค่ะ(เหมือนตัวร้ายเข้าไปทุกวัน)
คู่พี่กายีรายนี้พี่กาไม่หึงไม่ออกอาการค่ะแต่จะประพฤติประชดตัวเองแทนพี่เหว่ยก็กราวใจมากกระชากพี่กายีตัวปลิวเลยโอ้ยเขิน
ตอนหน้าจะเป็นยังไงต้องติดตามนะคะขอขอบคุณที่คนที่เข้ามาเป็นกำลังใจให้ไรท์นะรักทุกคนจ้าบาย!!!
#อสแฟนหก
ความคิดเห็น