คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #48 : บันทึกของมายุ
ยูกิอนนะกำลังแช่น้ำที่เย็นฉ่ำ แต่ความรู้สึกของเธอคือน้ำนั้นค่อนข้างจะอุ่นเกินไปสำหรับเธอเสียด้วยซ้ำ ผิวกายสีขาวผ่องที่เรียบเนียน นั้นกระทบกับแสงจันทร์ยามค่ำคืน ร่างบางรู้สึกผ่อนคลายอย่างมาก เธอไม่เคยแช่น้ำมาก่อน การเป็นยูกิอนนะนั้นมีแต่ความน่าเบื่อมากนัก เส้นผมสีขาวสยายตามแรงลม และนึกถึงเรื่องราวต่างๆมากมายร่างงามเสมือนเทพธิดานั้น กลับมีรอยบาดแผลอยู่ที่กลางอก เป็นรอยประดุจถูกของมีคมบาดลึก แต่เธอก็จำที่มาของรอยแผลเป็นนี้ไม่ได้แต่อย่างใดไม่ว่าจะพยายามนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกเสียที
“ช่างงามเสียจริง ข้าคิดว่าพบเจอเทพธิดาที่นี่เสียอีก…”ร่างบางหันขวับไปมองชายที่มีสุรเสียงที่น่าเกรงขาม ร่างของมังกรฟ้าปรากฏตัวขึ้น น่าแปลกที่เธอไม่รับรู้ถึงการมาอีกฝ่าย มือเรียวบางรีบปกปิดร่างกายของเธอและมองอีกฝ่ายอย่างไม่ไว้ใจนัก
“อย่ากลัวข้าไป ข้าเป็นเทพมังกรฟ้า นามว่าเซริว”เขาหันหลังให้หญิงสาว เพื่อให้เธอขึ้นมาแต่งตัวให้เรียบร้อย ร่างบางรีบขึ้นมาจากน้ำและคว้าเสื้อผ้าของเธอไว้
ก่อนจะรีบไปแต่งตัวหลังพุ่มไม้กอใหญ่ เมื่อแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว
จึงยืนหลบอยู่หลังต้นสนขนาดใหญ่เพราะไม่ไว้ใจอีกฝ่ายหนึ่ง
“เจ้าจำได้ไหมว่าข้าเป็นคนไปพบเจ้าบนยอดเขาสูง บอกให้เจ้ามาที่นี่”เขาถามไถ่ขึ้น ชิโระยูกิที่ชะโงกหน้ามาพบเขาก็ครุ่นคิดสักพัก
“จำได้แล้วเจ้าค่ะ”เธอนึกถึงตอนที่เธอเพิ่งตื่นขึ้นมา เธอพบเซริวบนยอดเขาหิมะนั้นอย่างที่เขากล่าวขึ้นจริงๆ
“ไดกิยังไม่ยอมให้เจ้าเข้าไปในเขตของเขาอีกรึ?”หญิงสาวส่ายหน้า แต่อีกฝ่ายกลับแสยะยิ้มออกมา
“เขาใจแข็งเสียจริง ถ้าเป็นข้าล่ะก็ คงจะพาเจ้าไปอยู่ที่วิหารและดูแลเจ้าอย่างดีแล้ว”ร่างกำยำยิ้มกริ่มให้เธอ แต่ชิโระยูกิรู้สึกกลัวอีกฝ่าย รอยยิ้มนั้นดูไม่จริงใจเสียเลย ผิดกับชายหนุ่มอีกคนที่ไม่แทบไม่เคยยิ้มออกมาแต่เขาไม่เคยทำให้ชิโระยูกิกลัวเช่นนี้ นิ้วเรียวของเขาเชยคางให้หญิงสาวเงยขึ้นมามองเซริว
“ท่านเบนไซเทนช่างทำให้นางสวยเกินกว่าหญิงใดที่ข้าเคยพบเจอ ถ้าข้าจะแอบแตะต้องเจ้า เจ้าไดกิคงไม่ว่าข้ากระมัง”เขาแสยะยิ้มออกมา
“ข้ากลัวแล้ว ท่านเซริวพอเถอะค่ะ”ร่างบางกล่าวขึ้น นิ้วมือของเขาลูบไปตามซอกคออีกฝ่ายอย่างเสน่หา ชิโระยูกิรีบหันตัวหนี
“ข้าเห็นเจ้าครั้งแรกก็ไม่สามารถสลัดใบหน้าที่งดงามของเจ้าออกไปได้แล้ว แม้ว่าตอนเจ้าจะเป็นมนุษย์เจ้าจะไม่ได้งามเสียขนาดจะทำให้ข้าหันมาสนใจเจ้าได้ แต่ตอนนี้มันต่างกัน…”เทพที่มักได้ทุกสิ่งทุกอย่างตามที่ตนต้องการมักจะทำให้เกิดความอยากอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และเขาจะต้องได้นางมาครอบครองให้ได้ โดยไม่สนใจแล้วว่าอีกฝ่ายจะยอมหรือไม่
“เจ้างดงามมากกว่าหญิงใดที่ข้าเคยพบเจอ
ข้าอยากจะเห็นเจ้าทุกเมื่อเชื่อวัน มาอยู่กับข้าเถิด”มือกำยำดึงเธอให้มาแนบชิดเขา
“ข้ามิยักรู้ว่าท่านจะชอบเด็กไร้เดียงสาอย่างนี้? นี่เจ้าเป็นมังกรหรืออีแร้งกันแน่….”เสียงที่กล่าวอย่างเย้ยหยันกล่าวขึ้นด้านหลังเซริว เทพมังกรฟ้าหันไปมองและพบไดกิที่ยืนกอดอกอยู่ด้านหลังเขาแล้ว
“อะไรกัน เจ้าเองก็แอบมาหานางนี่นา เจ้าน่ะไม่ต่างจากข้าหรอก ทำเป็นปากแข็งที่แท้ก็แอบมาหานางนี่เอง”เซริวกล่าวออกมาอย่างยียวน
“ข้ามาที่นี่เพราะรู้ว่าพวกเทพอย่างท่านต้องมารังควาญนาง ท่านมันเหมือนท่านซุซาคุไม่มีผิด ตอนกลางวันก็ทำร้ายนางไปรอบหนึ่งแล้วยังไม่พอใจอีกรึ?”ไดกิสาวเท้าเข้ามาใกล้
“ข้าจะพานางไปเป็นภริยาเท่านั้น เจ้าตอบมาให้ข้ารู้สิว่า จะรับนางไหมถ้าเจ้าไม่อยากปฏิเสธแต่กลัวว่านางจะไม่มีที่ไป ก็ไม่ต้องห่วงข้าจะดูแลนางอย่างดีเอง”ชิโระยูกิที่ยืนอยู่หลังเขารีบส่ายหน้าทันที ไดกิเองก็เห็นท่าทางนั้นชัดเจน
“ให้นางเลือก…นางมิใช่สิ่งของ ข้าตอบไม่ได้หรอก”ไดกิกล่าวออกมาและกอดอก
“ก็แค่ยูกิอนนะ ทำไมต้องถามนางด้วย!!”เซริวหงุดหงิดขึ้นมา
“ถามสิขอรับ นี่คือชีวิตของนาง ถ้านางอยากไปกับท่านข้าจะไม่ไปก้าวก่ายอะไรอีก แต่ถ้านางเลือกไดกิ…ข้าจะพานางไปที่คฤหาสน์ในตอนนี้เลยขอรับ”เซริวชะงักไปเมื่อได้ฟัง ชิโระยูกิเองก็มีสีหน้าที่ดีขึ้น
“ข้าจะอยู่กับท่านเทนกุ”ร่างบางรีบวิ่งไปหาเขาในทันที เทพมังกรฟ้าเสียหน้าอย่างยิ่ง แต่ก็พูดกลบเกลื่อน
“แบบนี้ก็ดี ข้ากะแล้วว่าเจ้าต้องรับนางไว้ในท้ายที่สุด”เขาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“แบบนี้เจ้าก็รับนางไว้ได้สักที
ถือว่าข้าทำงานสำเร็จแล้วสินะ”เซริวฝืนยิ้มออกมา
“ไม่ใช่หรอกขอรับ
นางเลือกที่จะอยู่กับข้าเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับสิ่งที่ท่านทำเลย
ท่านก็พอๆกับท่านซุซาคุเสียจริง ไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักอย่าง
นางมาที่นี่ด้วยตัวของนางเองแท้ๆ” เขากล่าวออกมาและเหยียดยิ้มอย่างมีชัย เซริวที่มีสีหน้าไม่สบอารมณ์นัก
รีบทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าในทันที ไดกิรอจนร่างนั้นหายลับไป
“ขอบคุณนะเจ้าคะ ที่ช่วยข้าผู้ชายคนนั้นน่ากลัวมากๆเลย”ชิโระยูกิกล่าวขึ้นและคำนับเขา
“เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?”ชายหนุ่มถามเธอขึ้นและมองไปรอบๆตัวของเธอว่าบาดเจ็บอะไรหรือเปล่า
“ไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ แค่ข้าอายเหลือเกินที่ถูกแอบมองตอนแช่น้ำ”ร่างบางยกมือขึ้นมาปิดหน้าของตน ทั้งอายทั้งโกรธอีกฝ่ายหนึ่งแต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้ ไดกิถลึงตาออกมาเมื่อได้ฟังเช่นนั้น
“เจ้าบ้า ถ้าเจอครั้งหน้าเจ้านั่นคงต้องถูกสั่งสอนบ้างแล้ว!!
เจ้างูลามก!!”ไดกิกัดฟันกรอด ชิโระยูกิรู้สึกสบายใจขึ้นเห็นชายหนุ่มผู้นี้ แม้ว่าเขาจะบอกเสียทีว่าเขามีนามว่าอะไร แต่หญิงสาวอยากอยู่ใกล้ๆเขา แล้วท่านไดกิสำหรับเธอล่ะ ชิโระยูกิเริ่มจะกังวลแล้วว่าหากเธอต้องไปพบท่านไดกิจริงๆจะใช่อย่างที่เธอหวังไหมนะ แต่ว่ามีเทนกุตนนี้อยู่ สิ่งต่างๆคงไม่แย่อย่างที่คิดไว้หรอก แค่มีเขาอยู่เธอก็สบายใจขึ้นมาบ้างแล้ว
“มากับข้า ข้าปล่อยให้เจ้าอยู่คนเดียวไม่ได้!!”ชายหนุ่มเดินนำเธอ
“แล้วท่านไดกิจะไม่ว่าหรือเจ้าคะ?”เธอถามขึ้น ด้วยเสียงที่เจื้อยแจ้ว ชายหนุ่มไม่ตอบอะไร แต่เดินนำเธอไปตามทางใบเมเปิ้ลร่วงหล่นไปตามทางที่ทั้งสองเดินไป ชิโระยูกิมองไปรอบๆเห็นเงาตะคุ่มๆตามต้นไม้เต็มไปทั้งหมด ดูน่ากลัวยิ่งนัก เหล่าการาสุเทนกุเริ่มรับรู้ว่ามีแขกแปลกหน้ามาเยือนจึงออกมาดูร่างบาง แต่ชิโระยูกิกลับตกใจกลัว เธอรีบเดินตามอีกฝ่ายไปติดๆ ท่ามกลางป่าไม้ที่มีเงามืด
“นั่นการาสุเทนกุ เจ้าอย่ากลัวไปพวกนั้นแค่อยากเห็นว่าใครเข้ามาในดินแดนของข้าก็เท่านั้น ข้าจะพาเจ้าไปพบกับทาโร่เสียที”เขาเดินนำไปเรื่อยๆ จนการาสุเทนกุตนหนึ่งรีบตรงออกมาเมื่อรับรู้ถึงพลังของยูกิอนนะ
“ชิโระยูกิ!! เจ้ามาเสียที”ทาโร่รีบวิ่งมาพบเธอ แต่อีกฝ่ายมีสีหน้างุนงงและใช้เวลาคิดสักพักหนึ่ง
“ทาโร่!!”เธอดูดีใจที่พบเขา
“ใช่ ข้าเองทาโร่ ท่านได-“ทาโร่ชะงักเมื่อมองหน้าเขาก่อนจะรีบหันไปกล่าวกับชิโระยูกิ
“เจ้าเข้ามาพักก่อนเถิด ท่านเองก็เช่นกันขอรับ ข้าจะไปบอกอากาเนะให้ขอรับ”ทาโร่รีบวิ่งจากไป ชิโระยูกิเดินตามเขาเข้าไปที่คฤหาสน์ และนั่งลงที่ห้องโถงใหญ่ อากาเนะยกน้ำชามาวางไว้ต่อหน้าคนทั้งสอง แต่ก็มองชิโระยูกิด้วยสายตาแปลกๆ และไม่เป็นมิตรนัก หญิงสาวเพียงหลบตาอีกฝ่ายเท่านั้นเพราะไม่อยากจะมีปัญหาใดๆ ก่อนหญิงในชุดเฮอันจะออกมาด้านนอกห้องและกล่าวกับสามีของนาง
“ข้าไม่ชอบนางเลย นางจะมาแทนที่ท่านมายุ ได้อย่างไรกัน”เธอพูดด้วยความขุ่นเคือง
“เจ้าต้องใจเย็นก่อนอากาเนะ…”คาบูโตะกล่าวด้วยเสียงอันเบา ชิโระยูกิเหลือบมองทั้งสองคุยกันอย่างเงียบงัน ทำไมถึงมีแต่คนไม่ชอบเธอกันนะ แน่นอนว่าชายหนุ่มเบื้องหน้าก็ได้ยินเช่นกันเพียงแต่เขาไม่กล่าวอะไรออกมา
“ท่านมายุ…คงเป็นที่รักของทุกคนสินะเจ้าคะ”หญิงสาวยิ้มออกมาเมื่อกล่าวเช่นนั้น พร้อมกับความรู้สึกกดดันอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน และก็เป็นอีกครั้งที่เธอถูกเกลียดตั้งแต่ที่ยังไม่ทันได้ทำอะไรแม้แต่น้อย
“ใช่…มายุทำให้คนที่ไม่ค่อยชอบนางก็ยังยอมสยบลงได้ นางเป็นคนที่มีวาทศิลป์ในการพูดและมีความจริงใจ”ไดกิกล่าวออกมา ชิโระยูกิยิ้มรับเท่านั้น และมองถ้วยชาด้านหน้าเธอที่มีไอร้อนออกมา แน่นอนว่ายูกิอนนะอย่างเธอดื่มของร้อนขนาดนั้นไม่ไหวอย่างแน่นอน และมองอีกฝ่ายนั่งจิบชาเท่านั้น
“ข้าขอบคุณท่านเทนกุมากเลยเจ้าค่ะ ที่ช่วยข้าไว้จากเทพเซริว ข้าสัญญาว่าจะไม่ก่อความเดือดร้อนให้ท่านเป็นอันขาดเจ้าค่ะ”เธอกล่าวขึ้น อากาเนะรีบตะโกนบอกอีกฝ่ายหนึ่ง
“เจ้าเรียกท่านไดกิว่าเทนกุได้อย่างไรกัน!!
ท่านไดกิน่ะเป็นไดเทนกุผู้ยิ่งใหญ่นะ”ไดกิกระแอมเบาๆเมื่อได้ยิน ส่วนชิโระยูกิที่เพิ่งรู้ว่าอีกฝ่ายคือไดกิก็อึ้งไปสักพักใหญ่
“อากาเนะถ้าเจ้ามีปัญหานักก็เข้ามานั่งคุยด้วยเลยไหม”ชายหนุ่มกล่าวขึ้น
“ไม่...หรอกเจ้าค่ะ”เธอรีบก้มหน้างุด อย่างสำนึกผิดอยู่อย่างนั้น
“เจ้าฟังไว้นะอากาเนะ ข้ารับนางมาอยู่ที่นี่ ก็เพราะข้ามั่นใจในระดับหนึ่งแล้วว่าจะต้องเป็นนาง แม้เมื่อครู่นางก็ยังเลือกข้า ข้าเชื่อว่านางเป็นมายุแน่นอน”หญิงผู้สวมชุดเฮอันเงียบลงเมื่อได้ฟัง และมองอีกฝ่ายหนึ่ง
“ท่านไดกิมั่นใจขนาดนนั้นเลยหรือเจ้าคะ? ข้าไม่เห็นว่านางจะเหมือนท่านมายุเลยเจ้าค่ะ”อากาเนะมีสีหน้าฉงน เธอสงสัยในตัวไดกิเหลือเกินว่าทำไมเขาถึงมั่นใจได้ขนาดนี้
“ข้าเห็นว่านางยังเหมือนเดิมนะอากาเนะ ทุกอย่าง...เจ้าจำน้ำเสียงของมายุไม่ได้รึ กิริยาท่าทางของนาง ข้ามองแวบเดียวข้าก็ดูออกแล้ว”ดวงตาสีดำขลับมองตรงไปที่ร่างบางที่นั่งอยู่เบื้องหน้าเขา
“แต่ว่าก็ยังไม่มีอะไรชัดเจนจริงๆเลยนะเจ้าคะ ท่านไดกิ!!”อากาเนะกล่าวออกมากลัวว่าเขาจะเป็นฝ่ายคิดไปเองเสียมากกว่า ก่อนคาบูโตะจะสะกิดอีกฝ่ายว่าให้พอได้แล้วจนในที่สุดการาสุเทนกุหญิงก็ยอมแพ้ไป ไดกิหันมามองชิโระยูกิและคลี่ยิ้มออกมาด้วยความอ่อนโยน
“ท่านไดกิ...ข้าเคยเป็นมายุมาก่อนหรือเจ้าคะ”ยูกิอนนะถามขึ้นด้วยความตกตะลึงเธอไม่เข้าใจอะไรสักอย่างแม้แต่น้อย แม้แต่ตัวของเธอเองก็ยังไม่มั่นใจเลย หากอากาเนะหรือคนอื่นๆจะเคลือบแคลงสงสัยก็คงแปลก
"ข้าเคยสาบานกับเจ้าเอาไว้ ข้ามั่นใจว่าเป็นเจ้าอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้ข้ายังไม่ไว้ใจที่เจ้าเป็นปิศาจ ทาโร่ คาบูโตะ พานางไปที่ห้องและห้ามให้นางออกมา"เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบท่ามกลางความตกตะลึงของคนทุกคน ก่อนไดกิจะกล่าวออกมา
“ถ้าเจ้าเลือกที่จะเจอข้าให้ได้ เจ้าก็สมหวังแล้ว… ทีนี้ข้าเลือกบ้างว่าจะให้เจ้าเหมาะสมจะที่จะเป็นนายหญิงหรือไม่?”ชายหนุ่มแสยะยิ้มออกมา
ยูกิอนนะนั่งลงในห้องนอนกว้างห้องหนึ่งที่มีตู้เตียง และของทุกสิ่งทุกอย่างพร้อม เช่นนั้น ห้องนอนที่ปูด้วยเสื่อทาทามิ และระเบียงที่มองออกไปเห็นวิวทิวทัศน์ได้ก็ยังดีสำหรับเธอนัก แต่ทำไมเธอถึงต้องมาถูกขังอยู่ในที่แห่งนี้เธอกลับไม่เข้าใจเลย หรือว่าการที่เธอเป็นยูกิอนนะจะถือว่าอันตรายกับเขาอย่างนั้นหรือ แต่เธอไม่ได้อยากสูบพลังผู้อื่นอย่างเอาเป็นเอาตายเสียหน่อย ทำไมต้องหวาดกลัวขนาดนั้นด้วย ก่อนชิโระยูกิจะได้ยินเสียงอากาเนะกล่าวกับไดกิอยู่เบื้องหน้าไกลๆนัก
“ท่านไดกิจะให้นางอยู่ห้องของท่านมายุหรือเจ้าคะ?”
“ถ้านางคือมายุ นางก็ต้องจำได้เองสิว่าเคยอยู่ในห้องนี้ นี่คือแบบทดสอบของข้าเสียแล้วกัน ระหว่างนี้ใกล้ฤดูหนาวเต็มที ข้าคงมาเยี่ยมเยียนนางได้ไม่บ่อยนัก อย่างไรยูกิอนนะอย่างนางก็เป็นอันตรายได้เช่นกัน ข้าจึงต้องให้นางอยู่แต่ข้างในห้องเท่านั้น จนกว่าข้าจะมั่นใจได้ว่านางควบคุมอารมณ์ได้ ฝากเจ้าทำอาหารมาให้นางด้วยนะอากาเนะ”
“ข...ข้ารึเจ้าคะ!??!”อากาเนะตกใจอย่างมาก ส่วนชิโระยูกิได้เพียงเดินนั่งลงที่ปลายเตียง และล้มตัวลงนอน ก่อนจะคิดถึงเรื่องราวมากมาย
ข้าจำไม่เห็นได้เลยว่าข้าคือมายุ มายุเป็นเช่นไรกัน ถ้าข้าเป็นมายุทำไมทุกคนถึงทำกับข้าเช่นนี้นะ ข้ามันโชคร้ายพลังที่ข้ามีกลับใช้ไม่ได้เลย ไม่ต่างจากตัวตลกให้คนอื่นเหยียบย่ำ ข้านั้นต่างจากมายุอยู่มากสินะทำยังไงจะเป็นคนในแบบที่ท่านไดกิชอบได้นะ ข้าต้องจำเรื่องของมายุให้ได้ มันยากจังเลยข้านึกเท่าใดก็นึกไม่ออก
ชิโระยูกินอนก่ายหน้าผากตนเองอยู่อย่างนั้น ความคาดหวังให้เธอเป็นคนรักของเขานั้น เธอจะเป็นให้เขาได้หรือเปล่านะ และไหนจะเหล่าเทพอีก
“ข้าไม่มีความสุขเลย…”เธอพึมพำออกมา และนอนอยู่เช่นนั้นเป็นเวลาสักพักใหญ่
การถูกขังในที่นี้ก็ไม่ได้แย่เสียเท่าไหร่ แต่ชิโระยูกิกำลังถูกกดดันให้เป็นมายุนี่สิ ถึงขนาดทำให้เธอถอนหายใจออกมา ก่อนอากาเนะจะเข้ามาในห้อง พร้อมอาหารหนึ่งชุด และวางลงอย่างเบามือ กลิ่นที่หอมหวน ชิโระยูกิจนต้องลุกขึ้นมาดู
“ข้าทำอาหารมาให้ ลองทานดูไหม?”อากาเนะกล่าวขึ้น แม้จะดูดีกว่าการพบเจอครั้งแรก แต่เพราะว่าหญิงผู้สวมชุดสมัยเฮอันนั้นไม่รู้ว่าตนควรจะทำตัวเช่นไรดีกับอีกฝ่าย อีกทั้งยังหวาดระแวงด้วย ร่างบางเดินเข้ามานั่งและมองอาหารตรงหน้า
“นี่คงเป็นอาหารสินะเจ้าคะ? น่าอร่อยนะเจ้าคะ อากาเนะทำเก่งจังเลยค่ะ”เธอมองอย่างน่าสนใจ
“เจ้าต้องลองชิมก่อนนะ ถึงจะรู้ว่าอร่อยไหม ข้าพอรู้ว่ายูกิอนนะไม่กินอาหารกันหรอก”
“เจ้าค่ะ ข้าไม่เคยกินอาหารเลย…
และก็ไม่เคยเห็นยูกิอนนะทานอาหารกันด้วย ยกเว้นท่านยูกิคนเดียวเท่านั้น”ชิโระยูกิจะหยิบตะเกียบขึ้นมาแต่ก็นึกขึ้นได้ว่าเธอใช้ไม่เป็น
“ข้าใช้ตะเกียบไม่เป็นเจ้าค่ะ ช่วยสอนข้าใช้ได้ไหมเจ้าคะ”เธออ้อนอีกฝ่าย อากาเนะที่ถอนหายใจด้วยความเหนื่อยใจ จึงลงมือสอนการจับตะเกียบตั้งแต่เริ่ม และรู้สึกว่าตนเองต้องมาสอนเด็กน้อยธรรมดาๆคนหนึ่งเท่านั้น
“จับแบบนี้นะ และก็ค่อยๆคีบขึ้นมาแบบนี้ เวลากินปลาก็ระวังก้างด้วย…”เสียงหัวเราะคิกคักดังมาจากหน้าประตูนั้นไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นคาบูโตะ
“อากาเนะ เจ้ามีลูกสาวเพิ่มแล้วล่ะ”
“เดี๋ยวเถอะ!!”อากาเนะแผดเสียง ก่อนจะค่อยส่งตะเกียบให้ชิโระยูกิลองใช้ตะเกียบคีบมือเรียวค่อยๆใช้ใช้ตะเกียบคีบขึ้นมา น่าแปลกที่ทำได้ดีกว่าที่คิด และค่อยๆนำปลาย่างเข้าปากอย่างพอดีคำ
“อร่อยจังเลยค่ะ”เธอชมอากาเนะ อีกฝ่ายจึงพอจะวางใจได้แล้ว จึงออกมาจากห้อง ชิโระยูกิค่อยๆลงมือทานอาหารแต่ก็ทานได้เพียงนิดหน่อยเท่านั้นก็รู้สึกอิ่มแล้ว
“ถ้าข้ากินอาหารพวกนี้แล้ว ก็คงไม่ต้องสูบพลังชีวิตคนอื่นๆสินะ”เธอพึมพำออกมา คงเพราะยูกิอนนะอยู่ในที่อากาศเย็นมากจึงไม่สะดวกที่จะทำอาหาร ร่างบางเก็บตะเกียบอย่างเรียบร้อยและวางถาดอาหารไว้ที่มุมห้อง ส่วนซุปมิโซะนั้นร้อนเกินไปจนเธอทานไม่ได้ ยูกิอนนะจึงเข้าใจว่าตนเองอาจจะไม่เหมาะกับอาหารมนุษย์จริงๆ แต่ก็ต้องทนไปยังไงก็ไม่อยากจะไปสูบพลังชีวิตคนอื่นๆเช่นกัน ร่างบางเดินไปที่ระเบียงและมองใบเมเปิ้ลสีแสดจากต้นไม้ในป่าใหญ่ เธอมองอยู่อย่างนั้นก่อนจะหันมาเห็นระเบียงห้องทำงานของชายหนุ่มที่อยู่เยื้องๆเช่นกันและเขาก็นั่งอยู่ที่ระเบียง ชิโระยูกิหัวใจเต้นอย่างไม่เป็นจังหวะเมื่อเห็นเขาที่นั่น ก่อนไดกิจะหันมามองเธอ แต่หญิงสาวทำเป็นมองไปทางอื่นเสียก่อนด้วยความเขินอาย
ช่างรู้สึกคุ้นเคยเสียจริง ความรู้สึกนี้ ภาพวิวทิวทัศน์เช่นนี้…
ร่างบางเดินไปมาในห้องอยู่อย่างนั้นก่อนจะพบกระเป๋าเก่าๆสีดำใบหนึ่งอยู่มุมห้อง กระเป๋าเอกสารนั้นดูแปลกตานัก และชิโระยูกิเปิดออกมา ก่อนจะพบเอกสารมากมาย โชคดีที่เธอยังพออ่านหนังสือได้บ้างเพราะท่านยูกิสอนเธอไว้ ร่างบางนำเอกสารมากมายออกมากางและใบอนุญาตว่าความ จึงนำออกมาเปิดดูและพบรูปของหญิงสาวที่ชื่อว่ามายุ
นี่สินะมายุ….คนรักของท่านไดกิ
เธอดูเอกสารนั้น ทั้งชื่อของมายุ ประวัติต่างๆมากมาย และพบกับรูปใบหนึ่งเป็นรูปเด็กผู้หญิงสองคน คนหนึ่งผมยาวและผมสั้น มีสีหน้าที่สดใสร่าเริง ด้านหลังภาพมีลายเซ็นต์เขียนเอาไว้
“มายุ และ ยูกิ”เธอพึมพำออกมา ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่านี่คือท่านยูกิมาที่เธอพบ แต่ท่านยูกิไม่เคยพูดเรื่องมายุเลยสักครั้งเดียว เมื่อเห็นข้าวของต่างๆแล้วทำให้ชิโระยูกิตื่นเต้นเป็นที่สุด
“ท่านมายุเก่งเสียจริง ข้าอยากเป็นแบบท่านมายุบ้างจัง”มือเรียวค้นกระเป๋าเอกสารไปต่อและพบสมุดเล่มหนึ่ง เป็นไดอารี่ของมายุ เธอค่อยๆเปิดอ่านอย่างตั้งอกตั้งใจ
ไม่น่าเชื่อว่าฉันจะมาเสียเวลานั่งเขียนไดอารี่เช่นนี้ทุกวัน แต่ฉันตั้งใจแล้วว่าจะเขียนมันออกมา รู้ไหมว่าฉันถูกยิงได้รับบาดเจ็บในป่าแถวๆจังหวัดไอชิ แต่ว่าฉันถูกเทนกุช่วยเอาไว้ด้วย ตอนนี้ฉันอาการดีขึ้นแล้ว เพราะท่านไดกิช่วยเอาไว้ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ฉันพบเจอมาได้สักพักแล้วแต่ไม่มีโอกาสได้เขียนลงไดอารี่สักทีหนึ่ง แต่พอดีมีสมุดว่างๆอยู่ในกระเป๋าจึงหยิบมาเขียนเอาไว้ เผื่อว่าสักวันฉันจะกลับไปที่เมืองและรู้ว่า ในโลกนี้ปิศาจมีอยู่จริงและใจดีมากๆด้วย….
ชิโระยูกิอ่านไดอารี่ไปเรื่อยๆ ดูเหมือนมายุจะเขียนไดอารี่ในวันที่เธอกลับมาที่นี่ ร่างบางตั้งใจอ่านและรู้สึกสนุกเสียด้วยซ้ำประดุจหนึ่งว่าเธออ่านนิยาย และเรื่องราวก็ดำเนินมาถึงวันแต่งงานก่อนหน้ากระดาษต่อๆมาจะว่างเปล่าลง ชิโระยูกิหาไดอารี่หลังจากวันนั้นไม่พบแล้ว มายุคงไม่ได้เขียนต่อ หรืออาจเกิดเรื่องบางอย่างขึ้น พอดีกับเสียงเปิดประตูและไดกิก็หันมามองเธอกำลังรื้อค้นของมายุอยู่พอดิบพอดี
“เจ้าช่างซุกซนเสียจริง ข้าวของรกเต็มห้องไปหมดแล้ว”ชายหนุ่มกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงปกติ เขาไม่ได้จะตำหนิเธอแต่อย่างใด
“ข...ขอโทษเจ้าค่ะ ข้าจะเก็บเดี๋ยวนี้”ร่างบางรีบลุกขึ้นและเก็บของต่างๆนาๆ ก่อนชายหนุ่มจะเห็นรูปภาพของยูกิและมายุอยู่บนพื้น จึงหยิบขึ้นมาพิจารณาดู แต่ก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมา
“ท่านไดกิเจ้าคะ ข้าเจอไดอารี่…เออ สมุดที่เขียนเรื่องราวของตัวเองที่ ท่านมายุเขียนไว้ด้วยเจ้าค่ะ ท่านไดกิเคยอ่านไหมเจ้าคะ?”
“ข้ารึ?”เขารับหนังสือมาเปิดอ่านแต่ก็ส่งคืนชิโระยูกิ
“ข้าอ่านตัวอักษรสมัยใหม่ไม่ได้หรอก”
“แต่ข้าอ่านได้ ถ้าท่านไดกิอยากจะทราบข้าจะอ่านให้ท่านฟังได้นะเจ้าคะ”อีกฝ่ายมองเธออย่างสงสัย
“เจ้าเกิดมาไม่กี่ปี ทำไมถึงเก่งได้ขนาดนี้กันล่ะ”ชายหนุ่มครุ่นคิด แม้แต่อากาเนะยังเล่าถึงการจับตะเกียบของนาง เหมือนหญิงสาวจะเพียงไม่ได้จับตะเกียบมาเป็นเวลานานเท่านั้นไม่ใช่จับตะเกียบไม่เป็นเลย
“ท่านยูกิก็บอกว่าข้าเรียนรู้เร็วเจ้าค่ะ”ชิโระยูกิกล่าวขึ้น
“ถ้าเช่นนั้นข้าขอทดสอบเจ้าหน่อยแล้วกัน”ชายหนุ่มนั่งลงและฟังชิโระยูกิเล่าเรื่องราวที่ถูกเขียนในไดอารี่อีกรอบหนึ่ง อย่างไม่รู้สึกเบื่อหน่าย จนเวลาผ่านไปเนิ่นนานเสียเหลือเกินกว่าชิโระยูกิจะอ่านจนจบได้ ไดกิมักจะนั่งมองเธออยู่เงียบๆและฟังไปด้วยเท่านั้น ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีแสดในเวลาเย็น เมื่อเรื่องทุกอย่างจบลงความรู้สึกเหงาและว้าเหว่ก็ก่อตัวขึ้น ชิโระยูกิรีบเก็บของให้เรียบร้อย ก่อนชายหนุ่มจะหันมาถามเธอขึ้น
“ชีวิตของนาง มันเปลี่ยนไปตั้งแต่วันนั้น…วันที่เราแต่งงานกัน”ไดกิเพียงลุกขึ้นยืน หญิงสาวรู้สึกได้ถึงความเศร้าของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน
“ท่านไดกิเจ้าคะ ท่านมายุคงไม่อยากให้ท่านโทษตัวเองหรอกเจ้าค่ะ”เธอกล่าวขึ้น ชายหนุ่มจึงหันมาถามเธอบ้าง
“แล้วเจ้าล่ะ ยูกิเองก็คงจะสอนให้เจ้าพูดภาษาสมัยใหม่ด้วยใช่ไหม?”
“ได้เจ้าค่ะ”
“ถ้าเช่นนั้นชอบพูดแบบไหนมากกว่ากัน”เขาถามขึ้น
“ที่จริงแล้ว ข้าคิดว่าพูดแบบสมัยใหม่ก็ง่ายกว่าเจ้าค่ะ เหมือนข้าจะคุ้นเคยมากกว่า แต่คงไม่มีใครพูดเหมือนกับข้าหรอกเจ้าค่ะ ให้ข้าลองกล่าวสักประโยคนึงก็ได้เจ้าค่ะ”
“เจ้าอยากพูดอะไรก็พูด ข้าไม่ห้ามเจ้าหรอก”
“ค่ะ ท่านไดกิ ขอบคุณท่านไดกิมากเลยค่ะ”ไดกิรู้สึกคุ้นเคยกับคำพูดแบบนี้มากกว่า ก่อนร่างบางจะนั่งข้างๆเขาหลังจากที่เธอเก็บของเสร็จ
“ท่านไดกิจะขังดิฉันไว้จนถึงเมื่อไหร่หรือคะ?”เธอถามขึ้นด้วยความอยากรู้
“แค่สองวันเจ้าก็ถามข้าแล้วรึ?”
“ก็ ดิฉันไม่ทราบนี่คะว่าท่านไดกิ จะให้ดิฉันออกไปเดินเล่นได้เมื่อไหร่ค่ะ”เธอทำหน้าสงสัย
"ถ้าเช่นนั้นขอดิฉันพูดแบบนี้ต่อไปได้ไหมคะ"ชิโระยูกิกล่าวออก
"ได้สิ ข้าชอบเวลาเจ้าพูดภาษาสมัยใหม่"ไดกิกระซิบข้างหูของเธอ มือกำยำไล้เส้นผมสีขาวของเธอและสูดดมเส้นผมของหญิงสาว
“ท...ท่านไดกิทำอะไรหรือคะ”ชิโระยูกิที่เห็นถามขึ้น ก่อนมือกำยำจะดึงเธอเข้ามา จมูกที่เป็นสันไล่ไปตามต้นคอของยูกิอนนะ จนเธอดิ้นเพราะความจักจี้
“ท่านไดกิคะ พอเถอะค่ะ มันจักจี้”หญิงสาวหัวเราะออกมา เธอยังไร้เดียงสาเกินไปที่จะรู้ว่าทำไมชายหนุ่มถึงทำเช่นนี้ ก่อนไดกิจะปล่อยเธอลง ร่างบางยังหัวเราะร่าอยู่อย่างนั้น
กลิ่นของเจ้าช่างทำให้ข้านึกถึงนางเสียจริง... อยากจะมอบความรักให้เจ้าจะแย่แล้ว แต่เจ้าในตอนนี้รู้จักความรักแบบชายหญิงหรือยังนะ ข้าควรจะรักเจ้าด้วยความเอ็นดูแบบผู้ใหญ่ที่มีต่อเด็กหรือเปล่านะ เจ้าในตอนนี้รู้สึกรักข้าบ้างหรือเปล่า ข้าเคยบอกเจ้าไปแล้วว่าข้าจะรักเจ้าไม่ว่าเจ้าจะเกิดเป็นผู้ใดก็ตาม
“ชิโระยูกิ…”เขาดูลังเลที่จะกล่าวออกมา
“คะ?”
“ข้าจะไม่ทำเจ้าให้โศกเศร้าเด็ดขาด ข้าสัญญา”เขากล่าวขึ้น ในที่สุดเขาก็ได้เพียงแต่กล่าวคำนั้นออกไปเท่านั้น เรื่องรูปแบบความความรักของชิโระยูกิเขาคงต้องค่อยๆดูท่าทางของอีกฝ่ายหนึ่งไปช้าๆ
“ค...ค่ะ”ร่างบางตอบรับอย่างงุนงง แบบนี้ถือว่าเขาจะยอมดูแลเธอแล้วล่ะสิ หญิงสาวสงสัยแต่ไม่ได้ถามออกมาและมองอีกฝ่ายเดินออกไปจากห้องอย่างไม่เข้าใจในการกระทำนัก
หลายวันผ่านไปจนกระทั่งต้นไม้เริ่มผลัดใบ ท้องฟ้าที่มืดมิดยามค่ำคืน ร่างบางได้นอนพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงใหญ่ ดวงตาสีเงินลืมตาขึ้นมากลางดึกช้าๆเพราะเธอนอนไม่หลับดีนัก แม้ห้องนี้จะมีของสะดวกสบายมากมาย แต่ชิโระยูกิก็คิดถึงหิมะแรกของปี ร่างบางรู้สึกถึงความหนาวเย็นที่มาเยือนได้เป็นอย่างดี จึงค่อยยันตัวลุกขึ้น และเดินไปเปิดประตูระเบียง ให้ลมเย็นปะทะใบหน้าของเธอ หลายวันมานี้ชิโระยูกิต้องทนนอนนิ่งตลอดเวลาเพื่อเก็บพลังให้ได้มากที่สุด แต่ตอนนี้พลังของเธอเริ่มกลับมาแล้ว และอยากออกไปวิ่งเล่นบ้างแล้ว เธอนั่งลงที่ระเบียงปล่อยลมหนาวปะทะที่ใบหน้าเธอจนกระทั่งหิมะสีขาวโปรยลงมาจากท้องฟ้ายามค่ำคืนไอควันสีขาวปกคลุมทั่วพื้นที่ ช่างเป็นภาพที่เธอคุ้นตาเสียเหลือเกิน
“ถ้าได้ออกไปวิ่งเล่นก็คงจะดีนะ”เธอกล่าวขึ้น และหลับลงเสียตรงระเบียง จนกระทั่งเวลาเช้ามาถึง หิมะสีขาวปกคลุมไปทั่วบริเวณ รวมถึงร่างของชิโระยูกิ หญิงสาวตื่นขึ้นมาโดยมีเศษหิมะติดเต็มเส้นผม พอดีกับอากาเนะที่เข้ามานำถาดอาการมาให้ เธอยังคงไม่ยอมพูดกับชิโระยูกิมากนักแม้ว่าหญิงสาวจะพยายามเท่าใดก็ตาม
“ข้าเอาอาหารเช้ามาให้”อากาเนะกล่าวด้วยน้ำเสียงที่นิ่งเรียบ
“ขอบคุณค่ะ แล้วดิฉันจะลงไปเล่นหิมะได้ไหมคะ”เธอถามขึ้น
“ไม่ได้หรอก ท่านไดกิไม่ได้สั่งเอาไว้ ข้าให้เจ้าออกไปไม่ได้หรอก”อากาเนะตอบปัดไป
“แล้วดิฉันต้องรอท่านไดกิมาใช่ไหมคะ?”อากาเนะพยักหน้ารับ
“แต่คงมิใช่เร็วๆนี้”
“ทำไมกันล่ะคะ?”เธอทำเสียงเศร้าสลด
ปกติเขาจะแวะมาคุยกับเธอ อยู่ทุกวัน แม้ว่าจะไม่นานก็ตาม
แต่เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เธอคลายความเหงาที่ต้องขังอยู่เดี่ยวๆในที่แห่งนี้ได้บ้าง
“ท่านไดกิป่วยน่ะ เขาไม่ชอบฤดูหนาวเท่าใดนัก
และก็เขามีงานมากมายที่ต้องทำ”หญิงรับใช้เลี่ยงที่จะบอกให้อีกฝ่ายรู้
“ดิฉันไปเยี่ยมได้ไหมคะ?”
“ไม่ได้!!”ชิโระยูกิทำหน้าสลดลงเมื่อได้ฟัง และมองอีกฝ่ายจากไป ชิโระยูกิลงมือทานอาหารซึ่งเธอรับประทานได้มากยิ่งขึ้นจากตอนแรกนิดหน่อย ร่างบางยังคงรอคอยให้ชายหนุ่มแวะมาหาเธอแต่ก็ผิดหวัง เพราะเขาไม่เคยมาหาเธอ เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กน้อยดังขึ้นที่ลานด้านล่าง การาสุเทนกุตัวน้อยสิบกว่าตัวกำลังเล่นหิมะกันอย่างสนุกสนาน ร่างบางได้แต่ยืนมองเท่านั้น ก่อนจะแอบย่องไปเปิดประตูออกช้าๆ คาบูโตะที่ยืนเฝ้าประตูอยู่หันขวับมามองเธอ
“จะออกไปไหน!!!”คาบูโตะกล่าวด้วยเสียงอันดังจนอีกฝ่ายตกใจ
“ดิฉันอยากไปเล่นหิมะได้ไหมคะ?”
“ไม่ได้ ท่านไดกิห้ามไม่ให้เจ้าออกมา”ร่างบางปิดประตูลง และเดินไปที่ระเบียง ก่อนจะยืนดูเด็กน้อยเล่นกันอย่างสนุกสนาน เธอมองด้วยความละห้อยนักอยู่นานจนลืมไปแล้วว่านานเท่าใด
กระทั่งประตูห้องของเธอเปิดออกอีกคราหนึ่ง ซึ่งก็คืออากาเนะ
“ท่านไดกิอนุญาตให้เจ้าออกไปเที่ยวเล่นได้
แต่ห้ามเข้าห้องของท่านไดกิเด็ดขาด”ชิโระยูกิพยักหน้าด้วยความดีใจ และรีบออกไปจากห้อง
แต่ก็หยุดวิ่งก่อนจะถามอากาเนะด้วยความสงสัย
“แล้วท่านไดกิอยู่ไหนคะ ดิฉันอยากคุยกับเขาค่ะ”
“ท่านไดกิเข้าสู้ห้วงจำศีลแล้ว
จะตื่นอีกทีก็ตอนฤดูใบไม้ผลิมาเยือน”ร่างบางชะงักไปเมื่อได้ฟัง
แปลว่าเธอจะไม่ได้เห็นเขาเลย ชิโระยูกิมีสีหน้าสลดลง เธอแต่เดินไปด้านนอกคฤหาสน์
และรู้สึกถึงความเย็นสบายนักและเดินไปหาเด็กน้อยทั้งหลาย
“เล่นกันสนุกไหม?”ชิโระยูกิโบกมือกลับและถามขึ้น
“สนุกขอรับ ท่านยูกิอนนะมาเล่นด้วยไหมขอรับ”สึบาสะถามขึ้น
“ฉันคงเล่นด้วยได้ไม่นานหรอก แต่จะเล่นลูกเล่นอะไรให้ดูนะ”
เธอโกยหิมะขึ้นมาและโปรยลงไปยังที่พื้น หิมะนั้นสลายไปกลางอากาศและเกิดแสงระยิบระยับสวยงาม เกล็ดหิมะรูปร่างสวยงามกระทบแสงแดดจ้าจนเกิดประกาย เหล่าการาสุเทนกุตัวน้อยดูด้วยความตื่นเต้น
“สวยจัง~”ไอกล่าวขึ้น ร่างบางยิ้มออกมาเมื่อได้ฟัง และเนรมิตรมงกุฏแก้วใสขึ้นมา ส่งเสียงฮือฮาแก่ผู้พบเห็นมากนัก
“โห สุดยอด!!!”ทุกคนต่างตาค้างเพราะพวกเขาก็เหมือนอีกาที่ชอบของระยิบระยับ
แม้หญิงสาวจะเห็นเป็นเรื่องปกติที่ยูกิอนนะทำกันก็ตามที เธอส่งดอกไม้น้ำแข็งเหล่าให้เด็กน้อย ที่มองของระยิบระยับด้วยสายตาที่ชื่นชอบ และดูตื่นตาตื่นใจนัก
“ท่านยูกิอนนะใจดีจัง ขอบคุณขอรับ”หญิงสาวยิ้มให้
“พวกเธอไม่กลัวฉันหรอ”ชิโระยูกิถามออกมา
และถามทุกคนๆที่อยู่ตรงนั้น
“พวกข้าคิดว่าท่านจะทำให้ท่านไดกิมาความสุขได้
หากท่านเป็นท่านมายุแล้วล่ะก็ ท่านก็คือนายหญิงของพวกเรา
และก็ท่านมายุยังเคยช่วยการาสุเทนกุไว้ด้วย
แม้ว่าท่านจะเป็นยูกิอนนะแต่ข้าเชื่อว่าท่านคงไม่ทำร้ายพวกเราหรอก”แม้ประโยคหลังจะดูไม่ค่อยมั่นใจก็ตามที
ชิโระยูกิก็ยิ้มออกมา
“ดิฉันไม่ทำร้ายพวกท่านหรอกค่ะ”เธอกล่าว และโบกมือลา ก่อนจะเดินไปมองลานหิมะรอบๆ
และอยากให้เขามาเล่นหิมะด้วยกันกับเธอจัง ว่าแล้วก็แอบไปเยี่ยมเขาดีกว่า ร่างบาง กลายเป็นเกล็ดหิมะไปและลอยขึ้นกลับไปด้านบน แต่เลือกไปปรากฏตัวที่ระเบียงห้องของท่านไดกิ หญิงสาวแอบเลื่อนประตูเลื่อนอย่างเบามือเข้าไปข้างใน
เพื่อไม่ให้การาสุเทนกุทั้งสองที่เฝ้าประตูหน้าห้องรู้ตัว และมองห้องนอนใหญ่ด้วยความตื่นตาตื่นใจ ห้องนอนนั้นปิดเงียบ ก่อนเธอจะเดินไปที่ส่วนที่กั้นม่านเอาไว้อย่างดี และค่อยๆแง้มดูภายในม่านไม้ไผ่นั้น เธอเห็นร่างที่ซีดเซียวนอนสงบนิ่งอยู่บนเตียง ร่างของเขาหายใจเข้าออกช้าๆเป็นจังหวะ ถึงตอนนี้เธอกลับรู้สึกสงสารชายหนุ่มนัก ร่างบางก้าวเข้าไปในม่านนั้นและยืนอยู่ข้างเตียง ดวงตาสีเงินมองเห็นผ้าพันคอสีขาวคล้องคอเขาอยู่ มือกำยำจับผ้าพันคอแน่น และโต๊ะข้างเตียงมีปิ่นปักผมวางอยู่ สีหน้าของเขาดูไม่สู้ดีนัก ร่างบางนั่งลงข้างๆ นึกอยากจะช่วยเขาได้บ้างถ้านางเป็นมายุก็คงจะดีเธอกุมมือชายหนุ่มช้าๆ
“ดิฉันจะมาเยี่ยมท่านไดกิบ่อยๆนะคะ ท่านไดกิต้องเหงามากแน่ๆเลยอยู่คนเดียวตลอดหน้าหนาวเช่นนี้ดิฉันจะมาหาท่านไดกิทุกวันเลย”เธอสัญญากับเขา
หญิงสาวนั่งลงข้างเขาและมองชายหนุ่มอย่างเงียบงัน มือเรียวลูบใบหน้าที่นอนหลับตาอยู่
เขาเองก็ดูไม่มีความสุขเสียเลย ถ้ากำลังฝันร้ายอยู่แล้วจะทำเช่นไรดี คงเป็นฝันร้ายที่ยาวนานมากแน่ๆ
“ท่านไดกิ…คงไม่ได้นึกถึงชิโระยูกิคนนี้เลยสินะคะ”เธอฝืนยิ้มออกมา
แน่นอนว่าในใจของเขามีแค่มายุเท่านั้น
ทำไมทุกคนต้องการเปลี่ยนเธอให้กลายเป็นคนอื่นไปเสียได้ และนี่คือความรู้สึกที่เธอมีต่อเขามาตลอด
ถ้าฉันยอมทิ้งความเป็นตัวเองไปทั้งหมด
กลับมาเป็นมายุของเขาจะดีไหมนะ เขาคงมีความสุขมากแน่ๆ ถ้าเพื่อรอยยิ้มของเขาล่ะ
ฉันควรจะทำเช่นไรดี แล้วถ้าฉันฝืนตัวเองมากไปล่ะ ฉันก็คงไม่มีความสุขเหมือนกัน
แต่ถ้าได้รอยยิ้มของเขาตอบแทนล่ะมันจะคุ้มค่าไหมนะ
“ดิฉันเหงาเหลือเกินท่านไดกิ
แต่ก่อนดิฉันไม่เคยรู้จักความเหงา ดิฉันยืนอยู่ที่บนภูเขาหิมะอย่างโดดเดี่ยวมาตลอด
ไม่มีใครมาคุยด้วย แต่ว่าพอได้มาพบคนอื่นๆก็ได้รู้จักความรู้สึกมากมายมากขึ้น
และคงมีอีกหลายอย่างที่ดิฉันไม่รู้จัก
แต่อยู่กับท่านไดกิแล้วดิฉันมีความสุขจริงๆนะ
รู้สึกว่าที่นี่ปลอดภัยมากกว่าที่ที่ดิฉันจากมา ท่านไดกิคะรีบตื่นมาเล่นหิมะกับดิฉันได้ไหม?
ดิฉันเหงามากๆเลย”เธอแนบใบหน้าที่เย็นเฉียบของเธอลงที่ฝ่ามือใหญ่ของเขาก่อนร่างของเธอจะกลายเป็นปุยหิมะสีขาวและลอยออกไปจากห้องในที่สุด ชิโระยูกิคิดไว้แล้วว่าเธอจะแอบมาเยี่ยมเยียนเขาทุกๆวัน แม้ว่าอาจจะถูกทำโทษก็ตาม
ความคิดเห็น