คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #28 : พงไพรยามดอกไม้ผลิบาน (NC)
ในทุกๆวันที่ผ่านมาหญิงสาวจะคอยมองดูชายหนุ่มที่ต้องฝึกบินที่ชายป่าอันเงียบสงัดอยู่เป็นประจำ จากอาการบาดเจ็บที่แต่ก่อน เขาแทบจะทรงตัวไม่ได้ จนกระทั้งทุกๆวันที่ผ่านไป ไดกิเองก็เริ่มกลับมาบินได้เป็นปกติมากขึ้นนัก ขนนกที่แหว่งไปก็เริ่มงอกขึ้นมาใหม่ ทำให้ปีกของชายหนุ่มเริ่มกลับมาดูงามสง่าเฉกเช่นดังเดิมแล้ว มือเรียวลูบลงบนปีกสีดำขนาดใหญ่ของเขาอย่างเบามือและมองดูรอยแผลที่เริ่มหายสนิท รอยแผลนั้นดูไม่มีปัญหาอะไรนัก ไม่นานไดกิต้องหายและกลับมากางปีกบินได้อย่างสง่าผ่าเผยแน่ๆ ชายหนุ่มเหลือบมามองเธอเท่านั้น และมองดูบรรยากาศของหุบเขาของฤดูใบไม้ผลิที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวายิ่งนัก อากาศที่อบอุ่นดูสบายยิ่งนัก ทั้งสองข้างทางที่ทั้งสองเดินไปนั้นมีสัตว์น้อยใหญ่มากมาย ดวงตาสีน้ำตาลจ้องมองเข้าไปที่ชายป่าอย่างเพลิดเพลิน
"ข้าสงสัยนัก มนุษย์อย่างเจ้ามาอยู่ที่นี่ เจ้าเคยรู้สึกลำบากบ้างหรือไม่"ไดกิถามขึ้น
"ถ้าตอนแรกๆก็เคยรู้สึกลำบากค่ะ ที่เมืองมนุษย์มีความสะดวกสบายมากมาย เราอยากได้อากาศเย็นหรือร้อนก็เลือกได้ ติดต่อกันได้อย่างสะดวกและก็รวดเร็ว คนที่อยู่อีกฟากหนึ่งของโลกก็สามารถติดต่อกันได้ในไม่กี่วินาที"
"ฟังดูแล้ว โลกมนุษย์ช่างก้าวหน้าเร็วเสียจริง ไม่นาน..พวกเขาคงรู้ว่ายังมีปิศาจอย่างข้าอยู่ในป่าแน่ๆ"ไดกิกล่าวด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล
"นั่นน่ะสิคะท่านไดกิ ดิฉันเองก็รู้สึกได้ เพียงแค่เวลาสิบปี ก็มีของมากมายที่คอยอำนวยความสะดวกขึ้นมาให้ได้ใช้กันแล้ว แม้แต่ดิฉันเองก็ยังคิดว่ามนุษย์นี่ฉลาดจริงๆ"มายุเดินจับมือไปกับไดกิตลอดทาง ก่อนเธอจะกล่าวต่อ
"แต่ดิฉันเอง ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องของปิศาจเลยค่ะ แม้ว่าจะอยู่ที่นี่มาสักพักแล้ว ท่านไดกิช่วยอธิบายได้ไหมคะ"เธอหันมาถามเขา
"ได้สิ ยังไงเจ้าก็ต้องอยู่ที่นี่ไปตลอด เจ้าอยากรู้เรื่องอะไรรึ"
"ดิฉันอยากรู้ว่า ปิศาจหลบหนีจากมนุษย์อย่างไร และก็ตอนที่ท่านไดกิไปทำสงครามกัน ไปทำสงครามกันที่ไหนหรือคะ แล้วมนุษย์ไม่รู้เลยหรือคะ เพราะพื้นที่แทบทั้งโลกมนุษย์ก็แทบจะไปเยือนมาหมดแล้วค่ะ"เธอมีสีหน้าสงสัยนัก
"ทุกๆที่ของปิศาจที่อาศัยอยู่ในโลกมนุษย์จะมีเขตอาคม และเป็นพื้นที่ที่เข้าถึงยาก มนุษย์ปกติจะมองไม่เห็น หากเดินหลงเข้าไปและถูกจับได้...ก็อาจจะมีหายสาปสูญไปบ้าง ตายไปบ้าง ถูกลบความทรงจำไปบ้าง"ไดกิมีสีหน้าครุ่นคิด
"แบบนี้ดิฉันคงถือว่าเป็นพวกหายสาปสูญสินะคะ"เธอหันมาถามเขา
"จะกล่าวเช่นนั้นก็ได้"ก่อนไดกิจะอธิบายต่อ
"โลกมีอยู่6มิติซ้อนทับกัน ได้แก่ สวรรค์ ยมโลก โลกมนุษย์ โลกของสัตว์ โลกของปิศาจ และโลกวิญญาณ ปกติแล้วมนุษย์ธรรมดามองเห็นแค่โลกมนุษย์ โลกของสัตว์แต่สำหรับปิศาจเองก็เช่นกัน พวกเราแค่มองเห็นโลกของปิศาจเพิ่มขึ้นเท่านั้น ข้าไม่สามารถมองเห็น สวรรค์ ยมนรก และโลกวิญญาณได้ แต่มนุษย์บางคนที่มีสัมผัสทางวิญญาณดีก็จะมองเห็นโลกวิญญาณได้ด้วย"มายุพยายามทำความเข้าใจ
"แปลว่าถ้าคนที่มีสัมผัสดีๆ ก็มองเห็นวิญญาณได้ คือมองเห็นมากกว่าสายตาปิศาจอีกหรอคะ"
"ก็คงจะเช่นนั้น แต่การมองเห็นมันมีหลายระดับ ตั้งแต่เห็นแค่เงาเลือนลางที่มองรูปร่างไม่ออก จนมองเห็นรูปร่างได้อย่างชัดเจน ข้าคิดว่ามนุษย์ที่มองเห็นวิญญาณก็มีขีดจำกัดในตัวเองเช่นกัน"
"ท่านไดกิรู้เรื่องเยอะจังเลยนะคะ"มายุชมอีกฝ่ายหนึ่ง
"ของแบบนี้มันพื้นฐานมากสำหรับปิศาจอย่างข้า แต่ที่มนุษย์มองไม่เห็นพวกเราเพราะพวกเรามีพลังอาคม ใช้อาคมง่ายๆก็สามารถหลอกตาของมนุษย์ได้แล้ว แต่ข้าก็กังวลว่าวิทยาการของมนุษย์ที่ก้าวหน้ามากขึ้น ข้าก็ต้องถูกท้าทายจากพวกมนุษย์มากขึ้นเช่นกัน ที่แห่งนี้ยังถือว่าเป็นโลกมนุษย์อยู่ เพราะเมื่อก่อนมนุษย์ยังนับถือปิศาจ พวกเราที่อยากได้การยอมรับนับถือจากมนุษย์ก็เลยมาอยู่บนโลกมนุษย์ แต่ตอนนี้ไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว ข้าเองก็คิดอยู่เช่นกันว่ามันอาจจะใกล้ถึงเวลาที่จะต้องย้ายไปที่อื่น ที่อยู่ลึกเข้าไปในโลกปิศาจมากกว่านี้เหมือนกับปิศาจตนอื่นๆ"สายตาของไดกิในฐานะที่เขาเป็นผู้นำก็มีความกังวลอย่างมาก จนมายุรู้สึกได้
"ข้าเอง...ก็อยากลองพาเจ้าไปที่โลกปิศาจบ้าง เจ้าคงต้องตื่นตาตื่นใจเป็นแน่ แต่ว่ามนุษย์อย่างเจ้า แค่เข้ามาที่อาณาเขตของข้าได้ ก็ถือว่าเก่งมากแล้ว เพราะต่อให้พวกเจ้าฝืนเดินทางต่อไปให้ตายยังไง เจ้าก็ไปโลกปิศาจไม่ได้ สุดท้ายก็คงเดินหลงอยู่ในป่า รอคนมาช่วยเป็นแน่"
"อย่างนั้นหรือคะ?"
"ใช่แล้ว ที่นี่แค่เป็นที่ที่อาณาเขตที่แบ่งแยกระหว่างโลกมนุษย์กับโลกปิศาจนั้นบางเบากว่าที่อื่น แต่ก็ยังมีอีกหลายร้อยหลายพันที่ ที่เปรียบเสมือนทางออกไปสู่โลกมนุษย์ได้ แต่มนุษย์จะมองไม่เห็นและไม่อาจผ่านเข้าไปได้ ซึ่งก็ดีเหมือนกัน ถ้ามนุษย์มองเห็นล่ะก็คงวุ่นวายน่าดู แค่เจ้าคนเดียวข้าก็ปวดหัวจะแย่แล้ว"เขาแสยะยิ้มออกมา
"ว่าดิฉันอีกแล้วนะคะ ท่านไดกิ"มายุกอดอกตนเอง เพราะถูกอีกฝ่ายเย้าแหย่ แถมยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องโลกมนุษย์ โลกปิศาจเพิ่มแต่อย่างใด
"เรื่องนี้จะอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ก็คงไม่ได้หรอก ข้าเองก็ถือว่ายังมีชีวิตอยู่บนโลกได้ไม่ยาวนานพอนักที่จะรู้เรื่องราวต่างๆของโลกได้อย่างแจ่มแจ้ง จะให้อธิบายให้เจ้าฟังก็กลัวว่าจะบอกสิ่งที่ไม่ถูกต้องให้เจ้าได้ฟัง"ร่างบางมีสีหน้าประหลาดใจที่เขา ไม่อวดว่าตนเองเก่งกาจดั่งเช่นเคย และมองเห็นกวางตัวหนึ่งกระโดดไปมาอยู่ตามชายป่าก็มองด้วยความตื่นตาตื่นใจ
"กวางเป็นสัตว์ที่น่ารักจังเลยนะคะ...เอ...แต่ถ้าเป็นที่จังหวัดนารา คงไม่น่ารักสักเท่าไหร่ ดิฉันเคยเห็นกวางพยายามแย่งอาหารคนด้วยค่ะ แล้วถ้าไม่ยอมแบ่งอาหารให้ มันจะไล่ขวิดด้วยค่ะ"เธอมองกวางตัวนั้นวิ่งหายกลับเข้าไปในป่า
"จริงรึ? ตลกเสียจริง ดูเหมือนที่ที่เจ้าจากมาจะมีอะไรน่าสนใจอยู่มากเลย ข้าล่ะอยากจะลองไปเที่ยวในเมืองมนุษย์กับเจ้าบ้าง"เขายิ้มออกมา
"ท่านไดกิอยากเห็นมนุษย์ถูกกวางไล่ขวิดหรือคะ ท่านไดกิช่างเหมาะสมกับการเป็นปิศาจจริงๆเลยค่ะ"มายุหัวเราะออกมาอย่างตลกขบขัน
"แค่ท่านไดกิอยากลองไปเห็น ดิฉันก็ดีใจแล้วค่ะ"มายุมองหน้าไดกิอย่างมีความสุข ก่อนเธอจะนึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้
"... แต่ว่าดิฉันชอบที่นี่มากกว่าค่ะ ดิฉันอยู่คนเดียวมานานแล้ว แถมตอนหลังๆยังไม่ได้กลับบ้านอีกตั้งหลายปี จนช่วงนั้นดิฉันเหมือนกับคนไม่มีที่ไป การย้ายไปเรื่อยๆไม่มีที่สิ้นสุดด้วยความหวาดระแวงนั้นมันรู้สึกไม่ดีเลยค่ะ ดิฉันเคยคิดว่าไม่มีบ้านให้กลับไปแล้วสิ แต่ว่าพอได้มาอยู่ที่นี่ ได้อยู่กับท่านไดกิ ดิฉันมีความสุขมากเลยค่ะ ดีใจจริงๆที่ท่านไดกิให้ที่นี่เป็นบ้านของดิฉัน"เธอกล่าวออกมาด้วยน้ำตาที่รื้นและทราบซึ้งใจชายหนุ่มเบื้องหน้า
" ที่นี่จะเป็นบ้านของเจ้าเสมอ ตลอดมาข้าเองก็รู้สึกว่าคฤหาสน์ของข้ามันใหญ่เกินไปสำหรับคนคนเดียว แต่ตอนนี้มีเจ้าอยู่ที่นี่แล้ว คฤหาสน์แห่งนี้ช่างมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น และไม่นานหลังเราเข้าพิธีวิวาห์กันก็คงมีเด็กตัวน้อยๆน่ารักๆเพิ่มขึ้นมาอีก แบบนี้คฤหาสน์คงได้กลับมาครึกครื้นดั่งที่เคยเป็นมาก่อน... ข้าดีใจเหลือเกินที่มีคนรอให้ข้ากลับมา ให้ที่นี่เป็นบ้านของเจ้า ที่ตรงนี้จะรอคอยเจ้าเสมอ" เขากล่าวออกมาด้วยความจริงใจ และเอื้อมมือปาดน้ำตาของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา
" ท.. ท่านไดกินี่ละก็ พูดให้ดิฉันซึ้งก็เป็นด้วยหรอ"มายุปาดน้ำตาของตน และอมยิ้มออกมาเมื่อได้ฟัง
ชายหนุ่มจึงพาหญิงสาวออกมาเดินชมดอกไม้ที่บานสะพรั่งที่น้ำตกแห่งเดิมที่เขาเคยพาหญิงสาวมาเมื่อฤดูใบไม้ร่วงเมื่อเกือบสามปีก่อน มายุมองความงามเบื้องหน้าอย่างละสายตาไม่ได้ ผีเสื้อมากมายที่มีสีสันสวยงามกระพือปีกบินไปทั่วบริเวณ ที่แห่งนี้ยังสวยงามไม่เปลี่ยนแปลงไปจากความทรงจำของเธอ ไดกิเหลือบมองมายุเพียงชั่วครู่ ร่างบางไม่อาจรับรู้ถึงแผนการณ์ของเขาว่าวางแผนจะทำสิ่งใดต่อ เธอไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าสิ่งที่เธอแกล้งหยอกเขาไปเมื่อวันก่อนนั้นยังทำให้จิตใจของชายหนุ่มมันว้าวุ่นถึงเวลานี้ ร่างบางมัวแต่มองผีเสื้อกระพือปีกบินล่องลอยอยู่ในอากาศอย่างเพลิดเพลิน และมองภาพทิวทัศน์โดยรอบ
"สวยจังเลยค่ะ"
"เจ้าจะบอกเช่นนี้ทุกครั้งเลยรึ ที่ข้าพาเจ้ามาที่นี่"เขายิ้มออกมา
"ค่ะ ท่านไดกิ"เธอนั่งลงข้างๆเขาและซบลงที่ไหล่อย่างมีความสุข
"เจ้าคอยให้กำลังใจข้าอยู่เสมอ ไม่นานปีกของข้าคงจะหายดี เมื่อนั้นข้าจะพาเจ้าไปเที่ยวในที่ต่างๆมากมาย"เขาเชยคางหญิงสาวขึ้นมาให้จดจ้องมาที่เขาคนเดียวเท่านั้้น
"ท่านไดกิจะพาดิฉันไปเที่ยวเลยหรือคะ น่าดีใจจังเลยค่ะ"เธอคลี่ยิ้มออกมา ก่อนจะหอมแก้มชายหนุ่ม ไดกิมีสีหน้าตกใจก่อนจะยิ้มออกมา
"ข้าจะจูบเจ้ากลับดีไหม?"เขายิ้มกริ่มออกมาและจูบมายุ สีหน้าของเธอดูประหลาดใจที่เขากลับจูบเธออย่างดูดดื่ม มายุทั้งเขินอายและก็มีความสุขอย่างมากก่อนเธอจะหลับตาลงช้าๆ ปล่อยให้มือใหญ่ประคองศีรษะของเธอเอาไว้ อยู่สักพักจนทั้งสองถอนจุมพิตออก ไดกิมองเธอด้วยสายตาที่หยาดเยิ้มนัก และยิ่งแสยะยิ้มออกมาเมื่อมายุอายจนต้องเอามือปิดใบหน้าของตนเอง ถ้าเธอยังทำตัวเช่นนี้อีก เขาคงห้ามตนเองไม่ไหวแน่ ไหนจะห่างกันนานนับปี และยังไม่ระวังตัวเช่นนี้อีก
"ไม่กล้าแล้วรึ?"ไดกิหัวเราะในลำคอ ส่วนอีกฝ่ายพยักหน้าออกมาช้าๆ ไดกิสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืน ดวงตาสีดำเรียวมองที่แอ่งน้ำเบื้องหน้าที่เย็นฉ่ำ
"ข้าจะลงไปแช่น้ำเสียหน่อย เจ้าจะลงมาด้วยหรือไม่"เขาถามออกมา สร้างความประหลาดใจให้อีกฝ่าย
"แ..แต่ว่าถ้าลงไปแช่น้ำ..."เธอพูดอย่างตะกุกตะกัก และหันไปมองหน้าอีกฝ่ายว่าเขาพูดจริงหรือไม่ ท่าทางของมายุช่างต่างกับเมื่อครู่จนลิบลับ
"เจ้ากลัวคนอื่นมาเห็นรึ ที่นี่มีแต่ข้ากับเจ้าเท่านั้นแหละ"เขายิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย และเริ่มถอดเสื้อของตน ออก มายุได้แต่นั่งหลบอยู่หลังหินก้อนใหญ่ริมน้ำตกเท่านั้นและยกมือขึ้นมาปิดตาของตนในทันที จนกระทั่งอีกฝ่ายเดินลงไปแช่ในน้ำที่ลึกใสราวกับกระจกอย่างเย็นสบาย เพื่อชำระล้างคราบเหงื่อไคลและความอ่อนล้าก่อนจะหันมายิ้มกริ่มให้เธอ ชายหนุ่มเองก็อยากรู้เสียจริงว่าเธอยังจะกล้าอยู่หรือไม่
"จะมาหรือไม่?"เขาถามเธออีกทีหนึ่ง มายุเหลือบมองกองผ้าและเห็นว่าเขาถอดกางเกงฮากามะทิ้งเอาไว้ด้วย
"ท่านไดกิไม่ใส่เสื้อผ้า ดิฉันไม่กล้าลงไปด้วยหรอกค่ะ"เธอรีบกล่าวออกมา ก้มหน้าคุกเข่าอยู่อย่างนั้น ข้างหลังก้อนหินใหญ่ ไดกิเมื่อได้ฟังเพียงแสยะยิ้มออกมา ยังไงเธอก็คงถอดใจไปเรียบร้อยแล้วล่ะที่เขาทำเช่นนี้ แม้ว่าจะเสียดายโอกาสนิดหน่อยแต่ก็ต้องยอมรับ
"ถ้าเช่นนั้น ข้าก็บังคับเจ้าไม่ได้ ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ช่วยรอข้าสักพักก็แล้วกัน"เขากล่าวออกมา และหันหลังให้เธอ ไดกิเองก็รู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่มีทางกล้าลงมากับเขาอย่างแน่นอน จึงไม่ได้ผิดหวังอะไรมากนัก และคิดเรื่องราวต่างๆนาๆที่เขาต้องทำต่อไป ตอนนี้ก็ถือว่าเขาได้พลังกลับมาแล้ว เหลือเพียงคอยทำงานตามที่เหล่าจตุรเทพสั่งมาเท่านั้น และคงจะได้รับรางวัลเป็นบางครั้งบางคราว เขาเองก็ก้าวมาไกลแล้วตั้งแต่เริ่มแรกที่ถูกพรากอำนาจทุกอย่างไป แต่ตอนนี้เขาควรจะพอใจได้หรือยังนะ บางทีแค่นี้ก็คงจะพอแล้วสำหรับเขา การเป็นอสูรรับใช้เทพต่อไปก็คงไม่ย่ำแย่เท่าไหร่หรอก ฉับพลันเสียงหนึ่งที่กำลังเดินลุยน้ำมาทางเขา เรียกให้ชายหนุ่มหันขวับไปมองในทันที ดวงตาของเขาเบิกโพลงด้วยความประหลาดใจนักที่อีกฝ่ายหนึ่งยอมมาแช่น้ำกับเขาด้วย ร่างบางเอามือปิดส่วนสำคัญไว้ด้วยความอายเป็นอย่างมากแต่ก็นั่งลงแช่น้ำอยู่ด้านหลังของเขา
"ท่านไดกิ อย่ามองสิคะ ดิฉันอายจะแย่อยู่แล้ว"เธอรีบกล่าวออกมา ไดกิที่เห็นดังนั้นจึงยอมกางเขตอาคมในทันที
“ถ้าเช่นนั้นข้าคงต้องกางเขตอาคม… ข้าไม่อยากให้ใครมาเห็นเจ้าในสภาพนี้”เขาถอนหายใจออกมา และฉับพลัน ทุกสิ่งทุกอย่างก็เงียบสงบ จนเหมือนบนโลกนี้มีเพียงเขากับเธอเท่านั้นเพราะเขตอาคมของปิศาจเทนกุ
"แล้วท่านไดกิไม่อายหรือคะ ถ้าดิฉันไม่ลงมาเล่นน้ำ ท่านไดกิก็คงไม่กางเขตอาคมล่ะสิ"เธอกล่าวออกมาด้วยเสียงสั่น แม้แต่ตัวเธอก็ยังไม่เข้าใจตนเองเหมือนกันว่าทำไมต้องยอมลงมาแช่น้ำกับเขาด้วย แถมเขายังจ้องเธอตาเป็นมันอีก
"แล้วในที่แห่งนี้ ข้าควรจะอายใครล่ะ มายุ"เขายิ้มออกมา นั่นทำให้เธอชะงักไป
"เอ่อ น่าจะ...ดิฉันล่ะมั้งคะ"เธอตอบออกมาโดยไม่แน่ใจนัก แต่ตามความรู้สึกของตนเองแล้ว การที่ต้องมานั่งแช่น้ำกลางแจ้งเช่นนี้มันน่าอายจริงๆไม่รู้ว่าตนเองตัดสินใจถูกหรือไม่
"ข้าเป็นเทพแห่งป่าเขาปกครองป่าที่นี่ เจ้ากลัวว่าจะมีใครมาเห็นข้ารึ...แบบนี้จะถือว่าเจ้าหึงหวงข้าได้หรือไม่กันนะ"เขาแสยะยิ้มออกมา และเอื้อมมือไปโอบเอวของเธอไว้ มายุหน้าแดงแป๊ดเมื่อผิวหนังของเขาสัมผัสกับเธอโดยตรง
"ผิวของเจ้ามันนุ่มเนียนเสียจริง"เขากล่าวออกมาตรงๆ และจ้องมองเธอไม่วางตา เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังใช้แขนเรียวเล็กและฝ่ามือปิดบังร่างกายของตนก็อดที่จะรู้สึกสนุกสนานไปไม่ได้เมื่อเห็นท่าทางเช่นนั้น
"อย่าพูดเช่นนี้สิคะ!!"เธอก้มหน้าด้วยความอาย ตอนนี้หญิงสาวเริ่มจะคิดอะไรไม่ออกแล้วด้วยความรู้สึกอายเช่นนี้ แม้ส่วนหนึ่งมันมาจากความต้องการของเธอที่จะลงมาแช่น้ำกับชายหนุ่มเอง
"ท..ท่านไดกิ ดิฉันอายนะคะ"เธอกล่าวออกมาในทันทีก้มหน้างุดไม่กล้าสบตาชายหนุ่ม
"ข้าเคยเปลี่ยนเสื้อให้เจ้านะมายุ เจ้าจะอายไปทำไมกัน"เขาแสยะยิ้มออกมา แม้ว่าการเปลี่ยนเสื้อครั้งนั้นมายุจะไม่ได้เป็นขอให้เขาเปลี่ยนให้เองก็ตามที และแน่นอนว่าแม้เขาจะไม่เคยกล่าวออกมา แต่ร่างกายของเธอนั้นช่างน่าเชยชมยิ่งนัก ปิศาจเบื้องหน้าชักอยากจะแกล้งอีกฝ่ายให้สาสมเสียแล้วสิ
"แต่ครั้งนี้ข้าจะไม่ ห้ามตนเองแล้วนะมายุ"ชายหนุ่มกระซิบข้างใบหูของเธอ
“ท่านไดกิคะ พอได้แล้วค่ะ!!”หญิงสาวกล่าวขึ้นและหลบตาอีกฝ่าย พร้อมกับพยายามจะผลักเขาออกไป แต่ก็ฝืนแรงอีกฝ่ายไม่ได้อย่างน้อยให้เวลาเธอทำใจสักนิดก็ยังดี
“เจ้าสวยงามมากจนข้าละสายตาไปไม่ได้ เจ้าจะยังใจร้ายถึงขนาดไม่ให้ข้าได้เชยชมเจ้าเลยรึ?”เขากล่าวขึ้นด้วยความน้อยใจ แต่ดวงตาสีดำขลับยังมองอีกฝ่ายอย่างสนุกสนาน
“ท...ท่านไดกิ...”มายุอายจนตัวสั่นเทา ดวงตากลมโตจ้องมองอีกฝ่ายอย่างตกตะลึง
“เจ้าจะเป็นเจ้าสาวของข้าคนเดียวเท่านั้น ให้ข้าได้อยู่กับเจ้าเถอะ เจ้าก็รู้ว่าข้ารักเจ้ามากเพียงใด ไหนข้าจะต้องจากเจ้าไปอีกในที่ไกลแสนไกลตั้งสองปี เจ้ายังไม่เตรียมพร้อมอีกรึ”เขาส่งสายตาที่วิงวอน มายุเขินอายจนหน้าร้อนผ่าวเหมือนร่างกายจะไม่สบายเสียอย่างนั้น ยิ่งทั้งสองนั่งแนบชิดกายกันเช่นนี้หัวใจของเธอมันช่างเต้นระรัวเสียเหลือเกิน
“ถ้าเช่นนั้นจะให้ข้าสอนเจ้าไหมมายุ ข้าเป็นอาจารย์ของเจ้าอยู่แล้วนี่ จะให้ข้าสอนเจ้าเพิ่มอีกสักเรื่องจะเป็นไร”เขายิ้มกริ่มอย่างมีเลศนัย ยังเย้าแหย่เธอไม่เลิก จนหญิงสาวแทบจะสติแตกเสียให้ได้
“ไม่อยากจะเชื่อว่าท่านไดกิเป็นคนแบบนี้!!! ของแบบนี้ไม่ต้องสอนดิฉันก็ได้นะคะ”มายุรีบกล่าวออกมาและต่อว่าเขาด้วยความอายเป็นอย่างมาก ก่อนมืออีกฝ่ายจะเชยคางของหญิงสาวให้เงยหน้ามามองเขา
“เจ้าเองก็ใช่ย่อย มายุ เจ้าชอบให้ข้าประหลาดใจอยู่เรื่อย ใจกล้าเสียจริงกล้าลงมาแช่น้ำกับข้าเช่นนี้ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าขึ้นมาง่ายๆหรอก.....แต่ก็ดี ข้าอยากจะอยู่กับเจ้าสองคนเช่นนี้มานานแล้วมายุ”เขาจูบเธออย่างดูดดื่ม มายุตอบรับจุมพิตของเขาในทันทีแม้ตอนแรกจะตื่นกลัวก็ตาม แต่ไม่นานมือเรียวกอดรั้งต้นคอของเขาเอาไว้ จนอีกฝ่ายมีสีหน้าที่ประหลาดใจนัก แต่ก็แสยะยิ้มออกมา
“ดิฉันไม่ให้ท่านไดกิแกล้งดิฉันอยู่ฝ่ายเดียวหรอก”เธอกล่าวออกมา และยังตัวสั่นเทาด้วยความอายนักจนเขาต้องยิ้มออกมา กับการพยายามตอบสนองของอีกฝ่ายหนึ่ง
"ช่างเก่งกาจยิ่งนัก สำหรับเจ้ากล้าลอบทำร้ายข้าตอนข้าเผลอรึ แบบนี้ข้าคงจะต้องลงโทษเจ้าหนักขึ้นกระมัง"เขาจุมพิตที่ซอกคอของอีกฝ่ายหนึ่งอย่างสนุกสนานนัก จนร่างบางอ่อนระทวย ดวงตาสีน้ำตาลสะท้อนภาพชายหนุ่มเบื้องหน้า จนเขาเองก็ไม่อาจทานทนใบหน้าที่ยั่วยวนเขาไว้ได้ ไดกิดึงเธอมากอดจูบ มายุที่ทำได้เพียงไปตามแรงของอีกฝ่ายเท่านั้น ถูกชายหนุ่มอีกฝ่ายรุกหนักขนาดนี้เธอเองก็ไม่อาจต่อต้านเขาได้เลยแม้แต่น้อย จนฟุบใบหน้าของตนลงที่ไหล่ของไดกิ
“ท่านไดกิ...”เธอเรียกเขาออกมาด้วยเสียงหวาน ชายหนุ่มบรรจงจูบเธออย่างอ่อนโยนอยู่สักพักจนเริ่มกลายเป็นการจูบอย่างดูดดื่ม
หญิงสาวหลับตาลง อย่างเขินอาย จนเธอรู้สึกหมดแรง ชายหนุ่มถอดจุมพิตจากเธอช้าๆ
และมองแววตาที่หวานชื่นของเธอ มายุนึกสงสัยใจในว่าทำไมเธอถึงรักไดกิได้มากถึงเพียงนี้ รักเขาเหมือนกับว่าเธอรู้จักเขามาเนิ่นนานหลายร้อยปีเสียเหลือเกิน และตอนนี้เธอได้อยู่กับเขาเสียทีหนึ่ง ช่างมีความสุขอย่างมาก หญิงสาวสมัยใหม่เช่นเธอ ไม่ต้องสนใจใครหน้าไหนจะมองเธอว่าเป็นคนอย่างไรอีกต่อไปแล้ว เธอไม่ใช่มิวะ ตอนนี้เธอสามารถทำอะไรก็ได้ตามใจต้องการทุกอย่าง และอยากตอบรับความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอแล้ว
“เจ้าเป็นลูกศิษย์ของข้า เป็นศิษย์ที่ข้ารักมากเสียเหลือเกิน รักหมดใจที่ข้ามี เจ้าอยากจะทำพิธีชูโดะกับข้าหรือไม่? เจ้ากับข้าจะได้เป็นหนึ่งเดียวกันเสียที”อีกฝ่ายเข้าใจแล้วว่าพิธีชูโดะคืออะไร แต่เธอก็เพียงยิ้มออกมาและกอดเขาเอาไว้ สร้างความประหลาดใจให้เขานัก
"ได้ค่ะท่านไดกิ ท่านไดกิเองก็เป็นท่านอาจารย์ที่ดิฉันรักมากๆเช่นกันค่ะ ขอโทษนะคะที่ไม่ได้รักท่านในแบบที่ควรจะเป็น"เธอยิ้มหวานออกมา
"เจ้าว่าอะไรของเจ้า มายุ แบบนี้แหละที่ข้าต้องการ ข้ารักเจ้าเหลือเกินมายุของข้า ข้าจะทำให้เจ้ามีความสุข"เขามองใบหน้านวลของเธอที่บอกความรู้สึกทุกอย่างให้เขาได้รับรู้ ไดกิอุ้มอีกฝ่ายขึ้นมานั่งตักเขาในทันที ทั้งสองจ้องตากันด้วยความเขินอาย ร่างบางที่ถูกอุ้มให้ขึ้นมานั่งตักอีกฝ่ายโดยหันหน้าเข้าหากันเช่นนี้ ก็ถึงกับยกมือขึ้นมาปิดใบหน้าของตน
“ท่าทางของเจ้าช่างน่ารักเสียจริง...มายุ ถ้าเจ้ากลัวหรือเจ็บจนไม่อยากทำแล้วก็บอกข้า”เขายังคงกล่าวออกมาเช่นนั้นเพื่อให้เธอค่อยคลายกังวล มือกำยำค่อยๆลูบศีรษะของเธออย่างแผ่วเบา
ฉันอยากใช้เวลากับท่านไดกิเช่นนี้จัง ฉันไม่สนใจหรอกว่าใครจะว่าฉันว่าการที่ได้อยู่ร่วมกับเขามันจะดูดีหรือไม่ แต่ฉันก็เป็นของฉันแบบนี้แหละ มันเป็นเรื่องปกตินี่นาที่ฉันอยากทำแบบนี้กับคนที่ฉันรัก และตอนนี้ฉันก็ไม่ใช่เด็กๆแบบมิวะแล้วด้วย ดังนั้นฉันไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องกังวลนี่...
“ฉันไม่เป็นไรหรอกค่ะ”ดวงตากลมโตจ้องมองอีกฝ่าย
ก่อนเขาจะยิ้มกริ่มออกมา และโอบเธอไว้แนบชิดกับเขา
“ข้าชอบความกล้าหาญของเจ้าจริงๆ”ไดกิกล่าวออกมา ร่างบางไม่อาจหลุดไปจากอ้อมกอดเขาได้
"ค่ะท่านไดกิ ดิฉันรักท่านไดกินี่คะ"มายุกล่าวกับอีกฝ่ายออกมา ไดกิถึงกับมองใบหน้าของร่างบางอย่างประหลาดใจกับคำพูดนั้น ก่อนจะแสยะยิ้มออกมา
“เจ้าตอบได้ดีมากมายุ
ข้าจะให้รางวัลเจ้าอย่างงาม จนกว่าเจ้าจะพอใจ” เขากล่าวขึ้นก่อนจะจูบอย่างแผ่วเบาไปตามเรือนร่างของหญิงสาว
ร่างบางตอบสนองรอยจูบของอีกฝ่ายในทันที
ก่อนจะค่อยๆเลื่อนต่ำลงมาที่เนินอกของหญิงสาว มายุหอบหายใจไม่เป็นจังหวะ
มือที่คอยปกปิดร่างกายก็ถูกมือกำยำของอีกฝ่ายดึงออกอย่างนุ่มนวล เรือนร่างเปลือยเปล่าของเธอปรากฏต่อหน้าเขา
“มายุ เจ้าช่างสวยงามไปเสียหมดทุกส่วน”เขาจูบเธออย่างดูดดื่มอีกรอบหนึ่ง คราวนี้มือกำยำทั้งสองเริ่มลูบไล้ไปตามเรือนร่างของหญิงสาว จนเธอครางออกมาเบาๆ ซบลงที่แผงอกของไดกิเพราะหมดแรง แต่มือของอีกฝ่ายยังคงซุกซนไม่เลิกจนกระทั่งหญิงสาวต้องกอดเขาไว้แน่น เพราะเธอไม่เหลือเรี่ยวแรงอีกต่อไปแล้ว
“ข้ารักเจ้ามายุ
จงมาเป็นเจ้าสาวของข้าคนเดียวเท่านั้น”
“ท่านไดกิเองก็ต้องเป็นของฉันคนเดียวเหมือนกันนะคะ”มายุกล่าวออกมา
ชายหนุ่มดวงตาเบิกโพลงด้วยความประหลาดใจชั่วครู่
“ได้สิมายุ ข้าเป็นของเจ้าคนเดียวเท่านั้น...ตลอดไป”เสียงนั้นกระซิบข้างหูของร่างบางอย่างแผ่วเบา ก่อนริมฝีปากจะขบเข้าที่ใบหูของเธอเบาๆ จนอีกฝ่ายบิดตัวไปมา มือกำยำค่อยๆลูบไล้ผู้ที่อยู่เบื้องหน้าจนมายุทำได้เพียงครางออกมาอย่างมีความสุขเท่านั้น ดวงตาสีน้ำตาลสะท้อนภาพชายหนุ่มที่เธอรักสุดหัวใจ
ลมพายุฝนเริ่มโหมกระหน่ำลงมาบนภูเขาที่เคยแห้งแล้งมีแต่ความแตกระแหง หยาดน้ำฝนที่ไหลเย็นที่ตกมาจากฟากฟ้าตกลงสู่ยอดเขาก่อนจะรวมตัวและค่อยๆไหลเอื่อยลงไปตามส่วนลาดชันอย่างใจเย็น ทั้งส่วนเว้าส่วนโค้งของภูผาจนทุกอย่างเปียกชุ่มจนถึงปากถ้ำที่อยู่เบื้องล่าง น้ำฝนเย็นฉ่ำตกลงกระทบดินและซึมซับน้ำผลนั้นในทันทีประดุจดั่งสิ่งที่ภูเขาที่แห้งแล้งแห่งนี้ต้องการมาอย่างเนิ่นนานแต่กลับได้ความรู้สึกที่ร้อนระอุจากภายในอย่างมิเคยเป็นมาก่อน หยาดหยดน้ำฝนจากฟากฟ้าให้ความชุ่มฉ่ำไปทั่วบริเวณภูเขาที่เคยมีแต่ความเดียวดายเท่านั้น ดวงตากลมโตลืมตามองชายหนุ่มเบื้องหน้ามองดูในสิ่งที่เกิดขึ้นทุกสิ่งทุกอย่าง เธอที่อยู่แนบชิดกายกับเขาช่างรู้สึกมีความสุขยิ่งนัก ดีใจที่ในที่สุดเธอจะได้เป็นหนึ่งเดียวกับเขาสักทีหนึ่ง สาวชาวมนุษย์ดีใจจนน้ำตาหยดใสๆไหลรื้นออกมา ดีใจที่อีกฝ่ายเป็นคนที่เธอเฝ้าหามาตลอดไม่ใช่ชายอื่นใด ป่าไผ่ที่สูงเสียดฟ้าเมื่อถูกลมพายุพัดต้นไผ่ที่โน้มตัวลงมาตามแรงลมด้วยวายุที่คอยประคองให้ต้นไผ่อย่างเบามือ ไม่นานลมวายุที่ค่อยพัดกระหน่ำรุนแรงขึ้นนั้น กอไผ่จึงเสียดสีกันในเป็นจังหวะก่อให้เกิดเสียงหวีดหวิวก้องไปทั่วบริเวณ
"ท่านไดกิ..." มายุเรียกชื่อเขาออกมาอย่างแผ่วเบา รู้สึกแปลกประหลาดกับความรู้สึกที่เธอไม่เคยพบเจอมาก่อน ดวงตากลมโตสบตากับปิศาจที่อยู่บนตัวของเธอ ดวงตาเรียวของอีกฝ่ายบ่งบอกความรู้สึกทุกอย่างที่เขาอยากให้เธอได้รับรู้เสียเหลือเกิน มือเรียวเอื้อมไปประคองใบหน้าชายหนุ่มด้วยความรู้สึกที่ใฝ่หาถึงเขา หากแต่ลมพายุพัดแรงขึ้นจนต้นไผ่เกือบที่มิอาจสู้แรงลมได้จะลู่จนขนานกับพื้นด้วยความอ่อนแรง ทั้งสองส่งเสียงประสานกันอย่างมีความสุข เวลาผ่านไปสักพัก ต้นไผ่สีเขียวยังคงส่งเสียงเมื่อยามลำต้นไม้ไผ่กระทบกัน ลมหายุหวนพัดมาอีกสามสี่ระลอกอย่างแรงก่อนทุกสิ่งทุกอย่างถึงจะค่อยสงบนิ่งลงในที่สุด เหมือนพายุนั้นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ท้องฟ้าเบื้องบนกลับมาสว่างไสวอีกครั้งหนึ่ง เหลือเพียงร่องรอยของเม็ดฝนที่มอบความสำราญกลับคืนมาสู่พื้นที่แห่งนี้ พร้อมกับต้นไผ่ที่หักโค่นลงกับพื้นผสุธา ด้วยคำบอกรักจากเมฆา
มายุนอนกอดไดกิอยู่อย่างนั้น ดูเหมือนร่างบางจะหลับไปแล้ว ชายหนุ่มเองก็เพียงกอดเธอเอาไว้อย่างแน่นหนานักอย่างมีความสุขอยู่นานแสนนาน เขาไม่รู้สึกเมื่อยที่อีกฝ่ายนอนหนุนเขาแต่อย่างใด แต่กลับมีอิ่มเอมใจนักที่เขาได้ใช้เวลานี้กับเธอ มือใหญ่ลูบริมฝีปากที่อวบอิ่มของอีกฝ่ายหนึ่งอย่างเบามือ แต่นั่นก็พอที่จะทำให้มายุตื่นขึ้นมาได้ในทันที เมื่อเธอจำได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นก็รีบผุดลุกขึ้นไปแต่งตัวของตนให้เรียบร้อยอยู่ด้านหลังก้อนหินไม่ไกลนัก
“วันนี้เจ้าทำให้ข้าพอใจเป็นอย่างมาก และเจ้าเองก็ดูจะพอใจเช่นกัน
ถึงกับจูบข้าอย่างดูดดื่ม ข้าไม่ยักรู้ว่าเจ้าจะจูบเป็น”เขายิ้มออกมาอย่างยียวนขณะที่อีกฝ่ายกำลังแต่งตัวอยู่ ตนเองจึงลุกขึ้นไปสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อยบ้าง
“ก็ดิฉันเคยเห็นมาแล้วค่ะ”อีกฝ่ายมีสีหน้าประหลาดใจ
แต่มายุยิ้มออกมาและกลั้นหัวเราะเมื่อเขาทำหน้าเช่นนั้น แน่นอนว่าหญิงสาววัยใกล้สามสิบอย่างเธอก็ต้องเคยเห็นอะไรมาบ้าง
มิใช่เด็กน้อยไร้เดียงสาที่ไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่าง
“ของเช่นนี้เขาทำในที่สาธารณะรึ?”ชายหนุ่มถามขึ้น
ก่อนร่างบางที่แต่งตัวเรียบร้อยจะเดินมานั่งใต้ต้นไม้
กลีบซากุระพัดปลิวไปตามลมดูสวยงามนัก
“ป…เปล่าค่ะ แต่ว่ามันก็ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดานะคะ และดิฉันก็ไม่ใช่เด็กๆแล้วนะท่านไดกิ”มายุก้มหน้างุดด้วยความอาย
แต่อีกฝ่ายกลับยิ้มมุมปากออกมา
“เจ้าทำให้ข้าประหลาดใจอยู่เสมอจริงๆ”หญิงสาวเอามือปิดหน้าของตน
ก่อนจะถามอีกฝ่ายกลับ
“แล้วท่านล่ะคะ
อยู่ในนี้มาตลอดแล้วท่านรู้ได้อย่างไรว่าเขาจูบอย่างดูดดื่มได้ยังไงคะ”มายุหยอกอีกฝ่ายกลับบ้าง
จนอีกฝ่ายเองก็มีสีหน้าที่บอกไม่ถูกนัก แต่ก็พยายามจะทำให้เป็นปกติมากที่สุด
“ดูเหมือนเจ้ามีเรื่องอยากรู้นัก ตลกเสียจริง!! ข้าไม่เคยนึกว่าแท้จริงแล้วเจ้าจะเป็นคนเช่นนี้”เขาหัวเราะออกมา และพูดตอบโต้คำพูดของร่างบางที่เคยต่อว่าเขาไว้ก่อนหน้านั้น
"เจ้ากับข้านี่ช่างเหมาะสมจริงๆ"ชายหนุ่มกล่าวออกมา ก่อนจะกล่าวต่อ
“แต่เจ้าสวยที่สุด มายุ
ข้าละสายตาจากเจ้าไปไม่ได้แม้แต่น้อย ข้าลุ่มหลงเจ้าเป็นที่สุด”เขากอดรัดเธอไว้แน่น
และจูบอย่างดูดดื่มอีกคราหนึ่ง จนหญิงสาวรีบผละออก
“ท่านไดกิคะ พวกเรากลับคฤหาสน์กันก่อนเถอะค่ะ”เธอกล่าวด้วยความเหนียมอายนัก
ไม่อยากจะเชื่อว่าตนเองทำเรื่องแบบนั้นลงไปแล้ว ช่างน่าอายเสียจริง
และยังไม่ใช่ในห้องอีก หญิงสาวยกมือมาปิดใบหน้าของตน
เพราะเธอใจอ่อนให้ชายหนุ่มแท้ๆ เรื่องมันเลยจบลงอย่างนี้ ไดกิยิ้มออกมาอย่างมีความสุขนัก เขาโอบไหล่ของเธอเอาไว้แน่น และมองหญิงสาวที่ทำหน้าเขินอายเช่นนั้นอย่างสนุกสนาน
"ข้าสัญญาว่าข้าจะมีเจ้าเพียงคนเดียวเท่านั้นมายุ"เขากระซิบออกมาข้างหูของเธอ นั่นทำให้ร่างบางยิ่งก้มหน้างุดด้วยความอาย และรีบจูงมืออีกฝ่ายเดินให้กลับไปยังคฤหาสน์ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ในวันรุ่งขึ้นที่แสงตะวันสาดส่องลงมาที่พื้นโลก ท้องฟ้าสีฟ้าสดใสและเสียงธรรมชาติจากรอบด้านที่ชวนให้ผ่อนคลายนั้น ในห้องนอนใหญ่ของคฤหาสน์ ร่างของทั้งสองยังคงนอนกอดกันอยู่ใต้ผ้าห่มบนเตียงใหญ่อย่างมีความสุข มายุได้ค่อยๆลุกขึ้นช้าๆ เพราะกลัวร่างกำยำจะตื่นขึ้น มือเรียวลูบไล้ไปบนร่างที่อกเปลือยเปล่าของไดกิของบ้างอย่างสนุกสนาน ดวงตาสีน้ำตาลมองใบหน้าของอีกฝ่ายที่หลับตาพริ้มอย่างมีความสุข เธอมองใบหน้านั้นอย่างหลงใหล ผิวของเขาช่างขาวและมีสีฝาด จมูกที่โด่งเป็นสัน มายุมองใบหน้าที่นอนหลับตาอยู่อย่างไม่มีเบื่อ
“ท่านไดกิคิดว่าดิฉันจะไร้เดียงสาขนาดนั้นเลยหรือคะ
ท่านไดกิรู้ไหมคะว่าตัวเองถึงกับหน้าเหวอออกมาเลยตอนที่เราคุยเมื่อวานนี้กัน”เธอกล่าวออกมาอย่างแผ่วเบา
และค่อยจุมพิตไล่ไปตามซอกคอของอีกฝ่ายหนึ่ง ก่อนจะลงมาที่แผงอก
“ดิฉันแค่อยากให้ท่านไดกิรู้บ้างว่าดิฉันเองก็รักท่านมากแค่ไหน ดิฉันรักท่านไดกิมานานแล้ว รักมากๆเลยค่ะ”เธอกล่าวออกมา และยิ้มออกมาอย่างสนุกสนาน เมื่อแกล้งกวนอีกฝ่ายขณะที่เขายังหลับอยู่
“ข้ารู้แล้ว…เจ้าออดอ้อนข้าเช่นนี้มีหรือที่ข้าจะไม่รู้”เขากล่าวขึ้นก่อนจะลืมตาขึ้นมามองเธออย่างมีความสุข แต่เมื่อเธอได้ฟังกลับรีบผละออกจากอีกฝ่าย ความกล้าเมื่อครู่ก็หดหายไปในทันทีทันใด ไดกิมองท่าทางของอีกฝ่ายก็เพียงยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
"เจ้าไม่กล้าลอบทำร้ายข้าแล้วรึ เหตุใดจึงหยุดเสียล่ะ ข้าตื่นมาเพื่อเล่นกับเจ้าเชียวนะ"เขากล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม เมื่อเห็นมายุเขินอายจนกลับไปซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มก็เพียงยิ้มออกมา หญิงสาวที่ปกติทำตัวจริงจังตลอดเวลา แต่พอได้มาเห็นมุมนี้บ้างก็อดคิดว่าอีกฝ่ายน่ารักเสียไม่ได้
“ข้าช่างมีความสุขยิ่งนัก
ที่มีเจ้าอยู่เคียงข้าง ข้าอยากจะเก็บเวลานี้ไว้นานๆ”ไดกิกล่าวออกมา
ความคิดเห็น