ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic reborn (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #74 : คู่ที่ 6 อัศนี ปะทะ พิรุณ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 761
      6
      15 พ.ย. 58


    “เอาล่ะๆ นี่ก็เริ่มดึกแล้ว มาเริ่มคู่รองสุดท้ายกันเลยดีกว่า”เบี้ยงกี้ หาวนิดหน่อย จากอาการเริ่มง่วง เลยนำเข้าสู่การต่อสู้คู่ถัดไป อย่างรวดเร็ว

     

    “แรมโบ้ กับ ฮานากาวะ ยูคิ เข้าสนามได้”

     



    “เอ่อ พี่สึนะ ผมไม่กล้าสู้อ่ะ พี่ชายของยูกิเลยนะ พี่สะใภ้ผมอ่ะ”แรมโบ้หันไปบอกสึนะ

     

    “เขาเป็นพี่สะใภ้แกตั้งแต่เมื่อไร”โกคุเทระถามทันทีที่ฟังจบ

     

    “คิดไกล ไปหน่อยมั้งแรมโบ้”ยามาโมโตะถามยิ้มๆ

     

    “ไกลแบบสุดหูรูดเลยล่ะ”เรียวเฮตะโกนแถมท้าย

     

    “น่าจะเป็นตั้งแต่ คำประกาศิตของรีบอร์นแล้วล่ะ มีใครกล้าหือด้วยเหรอ”แรมโบ้ตอบ

     

    ซึ่งคำตอบนั่น ทำเอาหนุ่มๆแต่ละคนเงียบกริบอย่างเถียงไม่ได้ และอาจไม่คิดจะเถียง

     

    “คุฟุฟุ งั้นผมมีทางเลือกเสนอนะครับ”มุคุโร่โพล่งทะลุกลางปล้องออกมา แถมเดินมาจับไหล่แรมโบ้ไว้ ทำเอาสึนะ รีบถอยหลังไปอีก 2 - 3 ก้าว (เผื่อความปลอดภัยของร่างกาย)

     

    “อะไรเหรอ ? พี่มุคุโร่”แรมโบ้หันไปถาม

     

    “พี่มุคุโร่!! แกเรียกอย่างนั้นได้ยังไง?”คนผมเงินได้ยินแล้วปรี๊ดแตก เรียกไอ้บ้าตาสองสี ผมทรงสับปะรด ว่าพี่เนี่ยนะ เอาอะไรคิดกัน!!

     

    “ก็เรียกคุณมันยุ่งยากนิ ยังไงก็ต้องอยู่ด้วยกันไปอีกนาน หรืออาจจะตลอดชีวิตการทำงานของเราเลยก็ได้ แค่นี้ไม่เห็นเป็นไรเลย พี่จะโวยวายไปทำไมเนี่ย พี่มุคุโร่ กับ พี่ฮิบาริยังไม่เห็นว่าอะไรเลย”แรมโบ้ร่ายเป็นชุด ส่วนคนฟังน่ะ อ้าปากค้างไปตั้งแต่ประโยคที่สองแล้ว

     

    “ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ครับ”(มุคุโร่)

     

    “จะเรียกอะไรก็ตามใจ อย่ายุ่งกับชั้นให้มากเป็นพอ”(ฮิบาริ)

     


    จากการใช้ลางสังหรณ์ของสึนะ การที่พวกเขาญาติดีด้วย กรณีของมุคุโร่ น่าจะเก็บเผื่อไว้ใช้ประโยชน์ได้มากกว่า อย่าเผลอให้พี่แกทำสัญลักษณ์ได้เชียวล่ะ ไม่งั้นมีกี่ชีวิตก็ไม่พอ กรณีของคุณฮิบาริ ถึงจะไม่ชอบแรมโบ้ตอนเด็กอยู่มาก แต่ก็เห็นใจอ่อนแวบๆตอนมองอยู่เหมือนกัน ตอนนี้ตัวโตขึ้นแล้วก็พูดรู้เรื่องแถมยังช่างอ้อนอีกต่าง เลยเผลอตามใจอยู่เรื่อย สรุปก็คือ พี่แกเกลียดสัตว์กินพืช แต่รักสัตว์ตัวเล็กสินะ(นกเหลืองฮิเบิรด์ เม่นน้อยเจ้าหนูบาริ วัวขี้แยแรมโบ้) แล้วสึนะก็ปลง


     

     “แล้วแผนที่เสนอคืออะไรครับ ? ”

     

    “ไม่อยากสู้ก็แกล้งยอมแพ้ไปสิครับ ฟุฟุ เอาแบบให้บาดเจ็บเล็กๆน้อยๆ จะได้เอาไปอ้อนคุณคู่หมั้นของเรา ตามที่คุณยามาโมโตะเคยบอกไว้ไงครับ ได้อ้อน ได้ความเห็นใจจากเขา แถมยังไม่ทำร้ายพี่ชายเขาอีก ยิงปืนนัดเดียวได้นกสามตัวเลยนะ คุฟุฟุ”

     

    “นั่นสิน้า เอาตามนั้นล่ะกัน งั้นผมไปก่อนน้า”จากการเสนอของมุคุโร่ การตอบรับของแรมโบ้ ทำเอาคนดู คนฟัง ใบ้กิน อวยพรอะไรไม่ออกเลยทีเดียว

     

     


     

    อีกฝั่ง

     

    “เจ้าแรมโบ้ที่ว่า คือคนที่เข้ามาวุ่นวายกะนายตั้งแต่ยังไม่มาที่นี่ใช่มั้ย ยูกิ”ฮิคารุถาม

     

    “ดูยังไงก็จะเข้ามาจีบนาย”ยูคิแผ่รังสีหวงน้องออกมาในบัดดล

     

    “ง่า พี่ยูคิ อย่าเอาถึงตายนะ แรมโบ้เป็นคนใจดี ถ้าฆ่าตายไปจะแย่เอานะ”ยูกิรีบห้ามพี่ชายก่อน เมื่อเห็นรังสีอำมหิต

     

    “หึหึ ยังอุตสาห่วงมันอีกนะ ยังไงพวกนั้นมันมาเฟียทั้งนั้นนี่ ต่อให้ตายไปก็ไม่มีใครรู้หรอก”พูดจบยูคิก็เดินเข้าสนามไป

     

    “พี่ยูคิ ไม่ได้น้าาา”ยูกิเรียก แต่ยูคิก็ไม่ฟังซะแล้ว ส่วนคนอื่นๆ เมื่อพิจารณาแล้ว คงไม่ต้องอวยพร  เพราะคนที่น่าห่วง น่าจะไม่ใช่เพื่อนเขา แต่เป็นเด็กน้อยฝั่งตรงข้ามต่างหาก

     


    เมื่อทั้งสองฝ่ายเข้าสนามแล้ว เบี้ยงกี้ก็ประกาศเริ่ม

     

    “คู่รองสุดท้าย คู่ที่ 6 อัศนี ปะทะ พิรุณ เริ่มได้”

     

    ปลายโซ่ถูกปล่อยลงมาจากหนุ่มผมม่วงอ่อน และเริ่มหมุนเป็นวงกลมตามการขยับของเจ้าของ

     

    ภาพที่ปรากฏในสนามนี่ทำเอา คนดูเริ่มออกอาการหวาดเสียว ปนอาการเหงื่อตกอย่างแรง(โดยเฉพาะสึนะ กับยูกิ) เมื่อยูคิจุดไฟดับเครื่องชน ปล่อยให้เพลิงสีฟ้าไหลไปตามโซ่ ที่กำลังหมุนวน

     

    ยูคิปรายตามองไฟสีฟ้าในมือ ที่จุดติดนี่ เพราะแค่หวงน้องชายและหมั้นไส้อาการเป็นห่วงคนอายุน้อยกว่านี้ออกนอกหน้าไปนิดโดยไม่สนพี่ชายอย่างเขา หรือแค่อยากระบายอารมณ์จากเจ้าบ้าเนียนและอาจเผื่อแผ่ไปถึงเพื่อนของเขาทุกคน ที่โดนเจ้าพวกบ้ามาเฟียนี่ทำอะไร(?)หลายๆอย่าง อันนี้ตัวเขาก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน

     

    แรมโบ้มองไฟธาตุพิรุณที่ลุกโชนในมือของพี่สะใภ้(?) แล้วลอบกลืนน้ำลาย ก่อนจะถามออกไป

     

    “จะสู้จริงเหรอ ? แถมยังสู้แบบเอาจริงด้วย อย่าซีเรียสขนาดนั้นเลยนะ ขนาดคู่อื่นๆยังไม่เห็นต้องจุดไฟเลย ดับมันลงดีกว่านะ เพื่อความปลอดภัยด้วย”

     

    ยูคิมองหน้าอีกคน แล้วบ่นในใจตนเอง

     

    .....มิน่าล่ะ ถึงอยู่กับยูกิได้ ขี้กลัว ใจอ่อน ช่างอ้อนขนาดนี้ เหมือนกันเปี๊ยบ จะบ้าตาย แล้วคนแบบนี้จะปกป้องน้องชายเขาได้เรอะ(??)....

     

    “ก็จริงน่ะสิ ถือซะว่าเป็นความซวยของนายล่ะกัน ชั้นแค่อยากหาที่ระบายอารมณ์เท่านั้นแหละ ถึงจะเซงนิดหน่อย ที่เหมือนต้องรังแกเด็กอายุน้อยกว่าก็เถอะก็เหอะ”ยูคิตอบ(ข้าว : อันที่จริง ถ้ามันไม่โดนบาซูก้าทศวรรษ มันก็แค่เด็กม.ต้นเองนา จะยังไงก็รังแกเด็กอยู่ดี)

     

    “แต่ผมไม่อยากสู้กับพี่สะใภ้นี่นา”

     

    จบคำพูดของแรมโบ้ ยูคิก็เลิกพูด แล้วเหวี่ยงโซ่ใส่แรมโบ้ทันที

     

    ปลายโซ่ที่พุ่งเข้าหา ทำเอาต้องรีบหลบอย่างรวดเร็ว นอกจากให้พ้นระยะโซ่ ก็ยังต้องพ้นระยะของไฟดับเครื่องชนด้วย

     

    “น่าเสียดาย ที่มันเป็นแค่ลานประลองโล่งๆ ไม่มีอะไร ถ้าไม่อย่างนั้น จะเอาให้เลือดออกจากหัวซะ พี่สะใภ้เรอะ ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วสินะ”ยูคิเอ่ยเสียงเย็นพร้อมกับดึงโซ่กลับมาอีกครั้ง สร้างความหวาดกลัวให้แรมโบ้อยู่มาก แต่ก็ยังทำใจดีสู้เสือ พูดต่อไป

     

    “มันก็ต้องอยากมีชีวิตอยู่สิคร้าบ แต่ที่พูดน่ะ ความหมายมันก็เหมือนกันนี่นา ต่อให้ผมไม่ได้อยู่กับยูกิ แต่เชื่อเถอะ ร้อยทั้งร้อย พี่ยามาโมโตะไม่ปล่อยพี่ให้หลุดมือหรอก พี่ยามาโมโตะก็เป็นพี่ชายผม มันก็ลงเอยเหมือนกันอยู่ดี”

     

    ยูคิยืนนิ่งเมื่อฟังจบ แรมโบ้ก็มองคนตรงหน้า ว่าสงบยัง แต่แล้วยูคิก็พูดตอบกลับมา

     

    “นาย....ถ้ายังเอาแต่พูด โดยไม่คิดจะสู้...ให้ตายชั้นก็ไม่ยกยูกิให้กับคนที่ดูแล ปกป้องน้องชายชั้นไม่ได้หรอก ส่วนเรื่องของชั้น จะเหมือนหรือไม่เหมือน ดูไปเดี๋ยวก็รู้ แต่โทษฐานที่พูดไม่เข้าหู ยังไงก็ศพไม่สวนแน่แก”

     

    พูดจบ ยูคิก็เริ่มหมุนโซ่ของตนอีกรอบ พร้อมกับคราวนี้ที่ไฟดับเครื่องชน ที่ลุกโชนมากกว่าเดิม เมื่อกำหนดเป้าโจมตีได้ ปลายโซ่ก็ถูกเหวี่ยงออกมาทันที โดยมีเป้าหมาย ที่แขน เพื่อตั้งใจที่จะกระชากให้ล้มลง

     

    แต่เป้าหมายก็ต้องหวืดลง เมื่อแรมโบ้หยิบเขาของเขาสวมที่หัว พร้อมกับจุดไฟดับเครื่องชน ธาตุอัศนีขึ้นมา เพื่อเป็นเกราะป้องกันไว้

     

    ไฟของสองธาตุที่ปะทะกัน ทำให้โซ่ถูกดีด กระเด็นกลับไป อันที่จริงการใช้ไฟธาตุพิรุณในต่อสู้นั่น จะทำให้ประสาทสัมผ้สช้าลง ซึ่งนั่นก็ทำให้โซ่ไม่ต้องกระเด็นกลับไปได้ แต่เนื่องจากยูคิเพิ่งหัดใช้ไฟดับเครื่องชน เมื่อเทียบกับแรมโบ้ที่ใช้มานานกว่า เลยแพ้ด้านความบริสุทธ์ของเปลวไฟ ส่งผลให้อาวุธถูกสะท้อนกลับออกไป

     

    ยูคิดึงโซ่กลับ พร้อมหรี่ตาคิด ว่าจะเอายังไงดี

     

    ส่วนแรมโบ้ ก็มองไปข้างหน้า พลางคิดว่าจะทำยังไงถึงจะจบการต่อสู้โดยไม่บาดเจ็บ

     


     

     คนที่เห็นแสงสว่างของชัยชนะก่อน ก็คือ....ยูคิ

     

    โซ่ถูกปล่อยเข้าหาคนอายุน้อยกว่าอีกครั้ง พร้อมไฟสีฟ้าที่เคลือบอยู่บนโซ่ แรมโบ้มอง แล้วสร้างเกราะจากไฟสีเขียวอีกครั้ง เพื่อปัดโซ่ออกไป  มองไปตรงที่ยูคิอยู่ อย่างไม่เข้าใจ ว่าทำไมถึงทำเหมือนเดิม แต่ยูคิก็ไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว

     

    “อ้าว ไปไหนแล้...”พูดยังไม่ทันจบ แรมโบ้ก็เห็นยูคิวิ่งเข้ามาหาเขา ทำเอาต้องรีบถอย แล้วลดขนาดไฟลง ถึงไฟดับเครื่องชน ไม่น่าจะทำให้ถึงตายได้ แต่ก็เจ็บอยู่ดี ยิ่งถ้าเขาใช้สายฟ้าที่มีประจุไฟอยู่ก่อนล่ะก็ คงไม่ดีแน่

     

    เป็นตามที่ยูคิคาด ถ้าเข้าใกล้ แบบไม่ทันตั้งตัว แรมโบ้จะลดระดับไฟ ส่งผลให้คราวนี้ ยูคิสามารถ เหวี่ยงโซ่เข้าหาแรมโบ้ได้ ปลายโซ่นั่น พันเข้าที่แขนขวา

     

    “แกร๊ก”เสียงโซ่พันล็อกแขนขวาของแรมโบ้ไว้ แล้วยูคิก็ออกแรงดึง ให้อีกฝ่ายเสียหลัก ล้มลง

     

    แต่แรมโบ้ก็ตั้งหลักได้ทัน แล้วดึงโซ่ส่วนที่พันแขนไว้ ที่ล้มลงนั้น ก็แค่เข่าแตะพื้นข้างนึง ไม่ถึงกับนอน ให้โดนนับ

     

    เมื่อเห็นว่าตัวเองไม่ได้ล้ม แรมโบ้จึงหันไปยิ้มให้พี่สะใภ้(ข้าว : อีกล่ะ เดี๋ยวก็ศพไม่สวยหรอก) จนลืมไปว่า

     

     


     

    ....ยังมีไฟดับเครื่องชน....เคลือบอยู่บนโซ่..และไฟที่ติดอยู่นั้น คือไฟธาตุพิรุณ...


     

     

     

    กว่าจะรู้สึกตัว ก็ตรึงโซ่กันอยู่หลายวิ

     

    “ซวยล่ะ ไฟธาตุพิรุณนี่ คุณสมบัติมัน..”พูดได้เท่านั้น แรมโบ้ก็ล้มลง น็อก ปล่อยให้ยูคิงงๆว่าล้มได้ไง

     

    หนุ่มๆฝั่งวองโกเล่ ก็ถอนหายใจ ลืมอะไรไม่ลืม ดันลืมคุณสมบัติของไฟ เพราะงั้นก็ทำใจน๊อกไปตามระเบียบเถอะ

     

    “นับ 5 จ๊ะ ผู้ชนะ ฮานากาวะ ยูคิ”เบี้ยงกี้สรุป พร้อมส่งสายตาให้เหล่าวองโกเล่เข้ามาเก็บศพ(?)แรมโบ้ออกไปจากสนาม

     

    ยูคิแสยะยิ้มอย่างพอใจ เอาล่ะ ชนะแล้วจะสั่งอะไรดีนะ คิดแล้วก็เดินออกจากสนามไป




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×