คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : 1.2 แค่เพียง เศษเสี้ยวของหัวใจ รีไรท์
สามปีก่อน...ที่บ้านอินทุอรมารดาของอินทิรา
เพื่อนเธอรู้จักทัยวัตในวันนั้น เธอเองก็อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย อินทิราในวัยสิบเก้าปีเพิ่งได้รับข่าวดีจากการสอบเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดัง
ด้วยความตื่นเต้นหญิงสาวจึงอยากจะอวดมารดาให้ท่านได้ภาคภูมิใจกระทั่งลืมคิดไปว่าผู้หญิงที่ให้กำเนิดตนนั้นไม่เคยมีแม้แต่ความเมตตาให้กับบุตรสาวคนนี้
แล้วหล่อนจะไยดีอะไรกับความสำเร็จเล็ก ๆ ของอินทิรา ทว่าเพื่อนของเธอก็ยังคาดหวังเสมอว่าความสำเร็จก้าวแรกของตนเองจะสามารถทำให้มารดาหันมองกลับมาที่ลูกสาวนอกสายตาได้บ้าง
แต่ทุกอย่างไม่ได้เป็นไปตามที่อินทิราคาดหวังเพราะนางอินทุอรไม่เพียงแต่ไม่สนใจกับเรื่องน่ายินดีของบุตรสาวที่หล่อนชิงชังซ้ำยังขับไล่อินทิราด้วยน้ำเสียงประกอบกับสายตาเกรี้ยวกราดและท่าทางราวกับคลุ้มคลั่ง
หล่อนด่าทอและตบตีสาวน้อยจนเขียวช้ำไปทั้งตัว โชคดีที่ทัยวัตอยู่ในเหตุการณ์ด้วย ไม่เช่นนั้นแล้วอินทิราคงมีสภาพย่ำแย่มากกว่าที่ได้รับมาเป็นแน่
ความอ่อนโยนและคำปลอบประโลมใจที่เขามอบให้เด็กสาวซึมซับเข้าสู่หัวใจที่เจ็บปวดของอินทิราอย่างรวดเร็ว
ทัยวัตเป็นเพื่อนสนิทของอินตรา
พี่สาวร่วมมารดาเดียวกันกับอินทิรา ซึ่งเพื่อนของเธอทั้งรักและเทิดทูนในตัวพี่สาวคนนี้
แต่มันเป็นความรักที่ไร้ค่าในสายตาของอีกฝ่าย ใบหน้าเย็นชากับสายตาเกลียดชังที่หล่อนใช้มองคนเป็นน้องยังตราตรึงอยู่ในความทรงจำของลิซ่าอย่างไม่มีวันลบลืม
ลิซ่าถอนหายใจแรงพร้อมกับคิดถึงดวงตาอ่อนโยนของชายหนุ่ม
มีเพียงทัยวัตคนเดียวเท่านั้นที่ทำให้ความทรงจำวันวานของอินทิราไม่เลวร้ายเกินไปนัก
ชายหนุ่มกลายเป็นความรักครั้งแรกที่ยังคงเป็นรักเดียวของสาวน้อยเรื่อยมากระทั่งถึงทุกวันนี้
“นี่สินะต้นเหตุที่ทำให้แกเวียนหัวน่ะ”
ลิซ่าหันไปส่งสายตารู้ทันมองเพื่อนที่เอาแต่ทำหน้าตาเศร้าเพราะไยดีในตัวทัยวัตมากเกินไป
“ฉันจะกลับบ้าน”
อินทิรารีบหมุนตัวหันหลังให้ภาพบาดตาตรงหน้าและตัดใจเดินห่างออกมาโดยไม่หันกลับไปมอง
ไม่สนใจด้วยว่าลิซ่าจะเดินตามเธอมาหรือไม่
“แกจะหนีความจริงไปถึงเมื่อไหร่ฮะมัทรี
แกควรเลิกคิดถึงเขาได้แล้ว เลิกสนใจแล้วก็เลิกติดตามข่าวของเขาสักทีเพราะมันไม่สามารถช่วยให้เขาหันกลับมาสนใจแก”
ลิซ่าตัดสินใจจะไม่ยอมปล่อยให้เพื่อนเอาแต่หนีท่าเดียวแบบที่ทำอยู่อีกแล้ว
น้ำเสียงของสาวลูกครึ่งจึงดุและแสดงอารมณ์ไม่พอใจอย่างจริงจัง แม้จะเข้าใจว่าการแอบรักทัยวัตข้างเดียวไม่ใช่ความผิดแต่เธอก็ไม่อยากให้อินทิราปักใจอยู่ที่เขาคนเดียวแบบนี้อีกต่อไป
เพื่อนของเธอควรเปิดใจมองคนอื่นที่ไม่ใช่ผู้ชายคนนี้เพียงคนเดียวเสียบ้างเพราะถึงอย่างไรความรักครั้งนี้ของมัทรีก็ไม่มีวันเป็นไปได้อย่างแน่นอน
“ใช่ว่าฉันจะไม่อยากทำตามที่แกพูด แต่ฉันทำไม่ได้เพราะว่าฉันรักเขาเข้าใจไหมลิซ่า
ฉันรักเขา”
ความน้อยใจที่ไม่เคยได้รับการไยดีจากชายหนุ่มเป็นแรงผลักดันทำให้เธอเผลอแสดงอารมณ์ใส่เพื่อนทั้งที่ไม่เคยทำ
“...ฉันขอโทษ
ฉันไม่ควรเสียงดังใส่แก”
“ช่างมันเถอะ
ฉันเข้าใจแกเสมอนะมัทรี แต่ฉันก็ยังหวังดีและอยากจะเตือนให้แกตัดใจจากเขาสักที ในเมื่อแกเองก็รู้ดีพอ
ๆ กับฉันว่าผู้ชายคนนั้นไม่มีวันที่จะรักลูกสาวศัตรูอย่างแกหรอก” ลิซ่าเอ่ยขึ้นอย่างอัดอั้นใจและหงุดหงิด
ขณะที่อินทิราได้แต่ก้มหน้าซ่อนความรู้สึก
ริมฝีปากเม้มเป็นเส้นตรงขณะครุ่นคิดอยู่ในใจ…ว่าไม่จำเป็นเลยที่จะต้องให้เพื่อนเตือนสติในเมื่อเธอซาบซึ้งแก่ใจตัวเองดีว่าทัยวัตจะไม่มีวันรักเธอได้เหมือนกับที่เธอรักเขา
สำหรับเขาแล้วเธอคงไม่ใช่แค่เพียงลูกสาวของศัตรูแต่เธอยังเป็นตัวแทนของรอยมลทินและตราบาปสำหรับครอบครัวอินตราเพื่อนสาวคนสนิทของเขาอีกต่างหาก
เพราะฉะนั้น...อย่าว่าแต่รักเธอเลย
แค่ชื่อของเธอเขาคงยังไม่อยากจะได้ยินด้วยซ้ำ
“มัทรี!”
เสียงร้องทักดังลั่นห้างของชายหนุ่มทำให้อินทิราและลิซ่าหมุนตัวกลับไปมองทำให้หัวข้อสนทนาเกี่ยวกับทัยวัตยุติลง
“คุณยศ…”
อินทิรากะพริบตาเบาก่อนจะแอบลอบระบายลมหายใจเนือย
ๆ ออกมาอย่างแรง หลังร้องทักชายหนุ่มที่ส่งยิ้มตาปิดให้เธอและเขาก็กำลังเดินตรงมาทางที่เธอยืนอยู่
เธอยังจำเหตุการณ์ที่ทำให้ได้พบกับเจ้าของชื่อ “ยศวิน” ได้อย่างแม่นยำเพราะในช่วงปิดเทอมใหญ่เมื่อหลายเดือนก่อนเธอสมัครเข้าร่วมโครงการปันน้ำใจแด่น้อง
ๆ
ผู้ยากไร้ที่ทางมหาวิทยาลัยจัดทำโครงการนี้ขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ให้นักศึกษาใช้เวลาว่างในช่วงปิดภาคเรียนบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคมด้วยการเข้าไปทำหน้าที่ฝึกสอนเด็กด้อยโอกาสในชุมชนต่าง
ๆ ตามความรู้ความสามารถของนักศึกษา
อินทิราจึงทำหน้าที่เป็นผู้ฝึกสอนนาฏศิลป์ให้กับเด็ก
ๆ ในชุมชนทำให้ได้รู้จักกับยศวิน บุตรชายคนเดียวของท่านทรงยศ เดชาหิรัญวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมคนปัจจุบัน
ยศวินเป็นเพื่อนนิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยเดียวกันกับเธอและลิซ่า
การที่อินทิราได้รู้จักกับยศวินทำให้เพื่อน
ๆ ของเธอหลายคนต่างมองว่าเธอต้องการใช้เขาเป็นบันไดให้นายปองพลบิดาของเธอ ได้มีโอกาสก้าวเข้าไปสู่การทำความรู้จักกับบิดาของชายหนุ่มเพื่อผลประโยชน์ในคดีบุกรุกที่ดินซึ่งทางรีสอร์ตของครอบครัวเธอกำลังเผชิญกับปัญหาอยู่ในขณะนี้
และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้อินทิรารู้สึกอึดอัดที่จะคบหากับยศวินในฐานะเพื่อน
เธอจึงหลบเลี่ยงที่จะพบกับเขาเสมอ
“ยศนึกว่าจะหามัทรีไม่เจอซะแล้วสิ”
ยศวินรู้สึกยินดีที่หาหญิงสาวจนเจอเพราะข้อมูลจากกลุ่มเพื่อนของสองสาวที่ให้มามีเพียงทั้งคู่ชวนกันมาดูหนังที่นี่เท่านั้น
“คุณยศมีธุระกับมัทเหรอคะ”
อินทิราเอ่ยถามพร้อมกับเงยหน้าขึ้นสบสายตาชายหนุ่มด้วยความสงสัย
“มัทรีกับลิซ่ากำลังจะไปไหนกันหรือเปล่าครับ
คือ...ถ้าผมจะขอคุยด้วยสักครู่จะได้ไหมครับ” ยศวินมองสองสาวพลางเอ่ยถามอย่างเกรงใจ
“เราว่างค่ะ
กำลังคิดว่าจะกลับบ้านกันอยู่พอดี” ลิซ่าไหวไหล่พร้อมกับเป็นฝ่ายตอบคำถามแทนเพื่อน
“ถ้าอย่างนั้นเราไปหาอะไรกินแล้วก็คุยกันสักครู่นะครับ
คือผมมีเรื่องอยากขอความช่วยเหลือจากคุณทั้งสองคนนิดหน่อยครับ”
อินทิราหันไปส่งสายตาขอความเห็นจากลิซ่าซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้าให้แทนคำตอบและออกก้าวเดินนำ
ตรงไปยังร้านอาหารญี่ปุ่นที่อยู่ไม่ไกลจากจุดที่พวกเธอยืนสนทนากันอยู่ อินทิราและยศวินเดินตามเพื่อนไปพร้อมกัน
ลิซ่าเลือกนั่งด้านในสุดโดยเหลือที่ว่างไว้สำหรับอินทิราส่วนยศวินนั่งฝั่งตรงข้ามสองสาว
เมื่อพนักงานยื่นเมนูส่งให้ชายหนุ่ม
เขาก็รับมันมาส่งต่อให้กับสองสาว รอจนพวกเธอสั่งอาหารเรียบร้อย พนักงานคนดังกล่าวจึงหันหลังเดินกลับไปทำหน้าที่ของตัวเอง
“คือ...สัปดาห์หน้าคุณพ่อของผมท่านจะจัดงานเลี้ยงฉลองวันเกิดครบรอบห้าสิบเก้าปีน่ะครับ
ถ้าผมจะรบกวนให้มัทรีกับลิซ่าช่วยไปรำอวยพรในงานวันเกิดท่านจะได้ไหมครับ” ยศวินถามพร้อมกับมองสองสาวอย่างมีความหวัง
“แต่มันจะดีเหรอคะคุณยศ
งานใหญ่ระดับนั้นจะให้ฉันกับมัทรีไปรำกันแค่สองคนน่ะ”
ลิซ่าแย้งขึ้นอย่างไม่เห็นด้วย
“นั่นนะสิคะ
คุณยศไปติดต่อที่ชมรมของเราไม่ดีกว่าเหรอคะ”
มัทรีเห็นด้วยกับเพื่อนพร้อมกับแนะนำยศวิน
“ผมแค่อยากเซอร์ไพส์คุณพ่อนิดหน่อยเท่านั้นแหละครับ
ถ้าขืนติดต่อไปกันทั้งชมรมมันคงจะเอิกเกริกจนไม่ใช่เซอร์ไพส์เล็ก ๆแน่ นะครับลิซ่า
มัทรี กรุณาอย่าปฏิเสธผมเลยนะครับ” สองสาวมองหน้ากันอย่างชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง
อินทิราถอนหายใจยาวด้วยความรู้สึกหนักอก
ใจหนึ่งเธออยากจะปฏิเสธแต่ยศวินก็เป็นเพื่อนที่มีน้ำใจกับเธอ
เขาอุตส่าห์มาขอร้องแบบนี้จะปฏิเสธก็ใจดำเกินไป เธอจึงจำใจต้องหันไปตอบตกลงทำให้ใบหน้าของเขาปรากฏรอยยิ้มแจ่มใสขึ้นมาทันที
ความคิดเห็น