ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ใต้อาณัติหัวใจ

    ลำดับตอนที่ #2 : 1.1 แค่เพียง เศษเสี้ยวของหัวใจ รีไรท์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 10.87K
      56
      7 เม.ย. 63

              ภายในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ใจกลางเมืองคลาคล่ำไปด้วยผู้คนจำนวนมากที่เข้ามาเลือกหาซื้อจับจ่ายสินค้า ผู้คนมากมายแต่จำเพราะให้เธอได้มาเจอเขาโดยบังเอิญ ร่างบอบบางในชุดนิสิตสถาบันดังชะงักเท้าที่เตรียมก้าวเดินเมื่อดวงตาคู่งามสะดุดหยุดอยู่ที่ใบหน้าคมเข้ม เหมือนเธอทำหัวใจหล่นหายทันทีที่สบสายตาหมางเมินคู่นั้นและยังเหยียบย่ำซ้ำเติมลงมาอย่างเลือดเย็นด้วยสีหน้าเย็นชา เสี้ยววินาทีที่สบตากับเขา เธอสังเกตถึงความเกลียดชังในดวงตาคมกับจังหวะก้าวเดินที่แปรเปลี่ยนไปของทัยวัต นรากร


    ทัยวัตเป็นเพื่อนสนิทของอินตรา พี่สาวต่างมารดาของอินทิรา แม้อินตราจะไม่ยอมรับว่าเธอเป็นน้องสาวตนตนทิราก็ยังให้ความรักและความหวังดีกับพี่สาวคนนี้เสมอ เธอพยายามจะเอาชนะใจอินตรากับมารดา แต่เหมือนจะไร้ประโยชน์ อินทิราไม่สามารถขจัดความชิงชัง รังเกียจที่ทั้งสองมีกับตน และนั่นน่าจะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ทัยวัต เพื่อนสนิทของอินตราแสดงอาการเฉยชากับเธอทุกครั้งที่พบกัน ไม่เหลือเค้าสายตาอ่อนโยนที่เคยส่งผ่านความรู้สึกเห็นใจเธอเหมือนครั้งหนึ่งที่เขาเคยมีน้ำใจให้...ในวันนี้ ทุกอย่างได้แปรเปลี่ยนไปจนเธอรู้สึกใจหาย


                    ทัยวัตชะงักเท้าที่เตรียมก้าวเดินเมื่อเผชิญหน้ากับหญิงสาวในชุดนิสิตสถาบันดัง ดวงตาเฉยชาสบตาเจ้าของดวงตาโศก กระทั่งเสียงกระซิบกระซาบถามจากคนข้างกายดึงความสนใจของเขาออกจากเจ้าของนัยน์ตาโศก ทัยวัตรีบสลัดความครุ่นคิดรกสมองนั้นทันที


                    “พี่วัต เด็กคนนั้นทำท่าเหมือนรู้จักกับพี่เลยนะ” หญิงสาวหุ่นระหงช้อนตามองชายหนุ่มที่ควงคู่มาด้วย คิ้วเรียงได้รูปยกเฉียงสูงขึ้นเล็กน้อยอย่างข้องใจ พลางพยักเพยิดไปที่หญิงสาวในชุดนักศึกษาอย่างสนิทสนม เนื่องจากเธอเป็นเพื่อนสนิทกับทิพย์ลดา นรากรน้องสาวของทัยวัต


                    ดวงตาคมกริบไหววาบเมื่อทอดสบตาโศกคู่นั้น แต่ครู่เดียวก็เลือนหาย เหลือเพียงความเงียบขรึมและมองผ่านเลยอินทิราไปอย่างไม่ไยดีพลางหันมาสนใจคนข้างกาย


    “ไปกันเถอะ”


    ทัยวัตกางมือยื่นออกไปโอบรอบเอวสาวสวยข้างกาย รั้งเบาๆ จนร่างเพรียวขยับเข้ามาชิดทั้งที่สายตาชิงชังยังจับจ้องมองหญิงสาวที่บังเอิญผ่านมาพบกันก่อนกลบเกลื่อนแววตาเคืองขุ่นจนเลือนหายและจงใจหันมาเปิดยิ้มอ่อนโยนให้คู่ควงคนงาม


                    อินทิรารีบหลุบตาลงต่ำหลบสายตาคมกริบคู่นั้น ความเสียใจถาโถมเข้ามาเสียดแทงใจจนสัมผัสได้ถึงความปวดร้าววูบโหวงในอก ฝ่ามือชื้นเหงื่อกำแน่นอย่างพยายามระงับอารมณ์หากมีใครสักคนสังเกตคงเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงฉับพลันของเธอ เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดปฏิกิริยาตอบสนองต่อภาพบาดใจนั้นอยู่พักใหญ่กว่าจะตัดใจหมุนตัวหันหลังเดินห่างคนทั้งสองออกมาอย่างเจ็บปวด

     

                “เป็นอะไรไปมัทรี เดินหน้าซีดกลับมาเลย ที่นั่งเต็มหรือไงแก” ลิซ่ายกคิ้วสูงพลางเอ่ยถามเพื่อนที่ทำหน้าเศร้าเดินกลับมา ทั้งที่ก่อนไปอินทิรายังยิ้มแย้มร่าเริงอยู่เลย


    อินทิรา บริรักษ์สกุล หรือมัทรี เป็นลูกสาวคนเดียวของนายปองพล นักธุรกิจคนดังเมืองย่าโม เจ้าของอินทิรา       รีสอร์ต ที่กำลังถูกครหาว่ารุกล้ำพื้นที่เขตป่าสงวนเป็นข่าวดังเกรียวกราวอยู่ในขณะนี้ ดูจากภายนอกอินทิราอาจเป็นที่อิจฉาของเพื่อนๆ ด้วยรูปร่างสะโอดสะอง หุ่นระหงชวนมอง ใบหน้าสวยบาดตา ริมฝีปากอิ่มสีสดได้รูปน่าสัมผัส ผิวเธอขาวราววิปครีมหรือนมสด ทรวดทรงองค์เอวที่เย้ายวนใจ ชวนให้หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ลุ่มหลงเสน่ห์แห่งวัยสาว


                    ยิ่งยามเธอแต่งกายงดงามในชุดไทยหลายหลากที่ใช้ในการแสดง อินทิราก็คล้ายหลุดออกมาจากโลกของนิทานปรัมปราราวนางเอกในวรรณคดีเลยทีเดียว แต่ไม่มีเพื่อนๆ คนใดรู้จักอินทิราดีเท่าลิซ่าอีกแล้ว เพราะทั้งคู่เติบโตขึ้นมาพร้อมกัน เรียกได้ว่าตื้นลึกหนาบางของครอบครัวเพื่อน ไม่มีอะไรที่ลูกครึ่งสาวจะไม่รู้ และก็เช่นเดียวกัน ไม่มีสิ่งใดที่เกี่ยวกับตัวลิซ่าที่อินทิราไม่รู้


                    ภายใต้ใบหน้าสวยหวานแฝงความเศร้าสลดทางดวงตาที่เกลื่อนแทบไม่มิด อินทิราเกิดจากครอบครัวซึ่งไม่ได้เพียบพร้อมสมบูรณ์แบบเหมือนที่ทุกคนเข้าใจ บิดามารดาของหญิงสาวแยกทางกันตั้งแต่เธอเพิ่งลืมตาดูโลก หรือจะเรียกได้ว่า นางอินทุอรผู้เป็นแม่ทิ้งลูกไปตั้งแต่เกิดก็ว่าได้


                    เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะนายปองพล บิดาของอินทิรา ได้พรากภรรยาชายอื่นมาจากลูกและสามี ทำให้อินทิราต้องถือกำเนิดขึ้นจากความเกลียดชังของผู้เป็นแม่ ทั้งที่ไม่ใช่ความผิดของเด็กหญิงตาดำๆ เช่นเธอเลยแม้แต่น้อย อินทิราไม่สมควรจะได้รับความรังเกียจจากผู้ที่ให้กำเนิดเธอ ดังเช่นที่นางอินทุอรกระทำต่อบุตรสาวซึ่งไม่เคยรับรู้เรื่องราวใดๆ ระหว่างคนเป็นพ่อและแม่เลยด้วยซ้ำ


                    “ฉันยังไปไม่ทันถึงเคาน์เตอร์จองตั๋วเลยลิซ่า อยู่ๆ ก็รู้สึกเวียนหัวขึ้นมาเฉยๆ ฉันคงไม่ดูหนังแล้วละ” เธอเลือกที่จะโกหก เพราะไม่มีกะจิตกะใจจะดูหนังเหมือนอย่างที่คิดไว้แต่แรกอีกแล้ว


                    “อ้าว...เป็นอะไรมากหรือเปล่า สงสัยเป็นเพราะเมื่อคืนแกนอนน้อยเกินไปน่ะสิ ถ้าอย่างนั้นฉันว่าเรากลับบ้านกันก่อนก็ได้นะ” ลิซ่ารู้สึกห่วงเพื่อนจึงรีบเสนอความคิดเห็น


                    “ฉันเลยเป็นต้นเหตุทำให้แกอดดูหนังไปด้วยเลย นี่ถ้าแกไปกับพวกมิ้มก็คงไม่ต้องเสียเที่ยวแบบนี้เนอะ”


                    ใบหน้าหวานแสดงความเสียใจเพราะรู้สึกเกรงใจ หากลิซ่าเลือกไปกับเพื่อนอีกกลุ่มแทนที่จะมากับเธอ ป่านนี้ลิซ่าคงได้คุยกับทุกคนสนุกไปแล้ว


                    “บ้าน่า ทำไมแกชอบคิดมากนักนะมัทรี ฉันบอกหลายครั้งแล้วว่าอย่าเอาแต่เกรงใจคนอื่นแล้วก็เก็บมาคิดเอาเองน่ะ ซ้ำแกยังคอยกลัวว่าเขาจะเสียน้ำใจอย่างนั้นอย่างนี้ ยิ่งกับฉันแกยิ่งไม่ต้องเกรงใจใหญ่ เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กยังจะคิดอะไรอีกนักหนา”


                    ลิซ่าบ่นพร้อมกับถอนหายใจยาวเหยียดเมื่อเพื่อนของเธอทำตัวเป็นคนขี้เกรงใจ คอยแต่จะกลัวว่าตนเองจะทำให้คนอื่นผิดหวัง จนลืมที่จะคิดถึงความรู้สึกของตัวเองอยู่ร่ำไปเหมือนเช่นที่กำลังเป็นกรณีกันอยู่อย่างตอนนี้ ก็เพราะอินทิราเป็นคนแบบนี้นี่แหละ ถึงทำให้เธอเป็นห่วงและตัดใจทิ้งเพื่อนคนนี้ไม่ลงสักที เธอถึงเลือกที่จะตามดูแลมัทรีด้วยการเลือกเรียนในคณะและมหาวิทยาลัยเดียวกัน ซึ่งมันก็เป็นโชคดีที่พวกเธอมีความชอบคล้ายคลึงกันอยู่แล้ว ทำให้การเรียนคณะศิลปกรรมศาสตร์ ภาควิชานาฏยศิลป์ ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเธอ


                    ลิซ่าออกเดินนำหน้าเพื่อนสาว เตรียมจะกลับอยู่แล้ว ถ้าสายตาของเธอจะไม่ไปสะดุดกับภาพหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่กำลังเดินหยอกล้อกันด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม ทัยวัต นรากร!


    นี่สินะคือต้นเหตุที่ทำให้อินทิราป่วยขึ้นมาอย่างฉับพลัน

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×