คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : 3.3 รักคือการเสียสละ รีไรท์
ลิซ่าปล่อยให้อินทิราอยู่กับความคิดของตัวเองเพียงไม่กี่ชั่วโมง
เธอก็นำรถเข้ามาจอดบนลานดินที่ถูกปรับระดับให้ได้องศาพอดีเพื่อสร้างทัศนียภาพให้ตัวอาคารสีฟ้าดูโดดเด่นอยู่ภายใต้อ้อมกอดแห่งขุนเขาและเมฆหมอกงดงาม
บริเวณหน้าบ้านมีน้ำพุขนาดย่อมตั้งอยู่ภายในวงล้อมของต้นไม้หลากสีสันนานาพันธุ์
บ้านสไตล์อเมริกันคันทรีสีฟ้าใต้ถุนสูง
มุงหลังคาด้วยชิงเกิลรูฟ หรือวัสดุจำพวกยางมะตอย ที่ส่วนมากมักจะเห็นในภาพยนต์ต่างประเทศเพราะชาวต่างชาตินิยมใช้กันมากที่สุด
หลังคาหลักเชื่อมกับหลังคาจั่วขนาดเล็กซึ่งช่วยระบายอากาศภายในบ้านได้เป็นอย่างดี
รวมทั้งเป็นตัวเปิดรับแสงจากภายนอกเข้าสู่ภายใน จึงทำให้ตัวบ้านดูน่ารักอีกด้วย
โถงชั้นล่างเป็นห้องเก็บของและห้องครัว
เชื่อมต่อชั้นบนด้วยบันไดทางเดินสีขาว เรียงรายด้วยต้นไม้ประดับอยู่รอบๆ
ทอดขึ้นไปจนถึงระเบียงหน้าบ้านที่มีชิงช้าตัวเล็กลักษณะคล้ายเบาะนั่งแขวนติดอยู่กับขาเหล็กโยกไกวได้เบาๆ
กับเก้าอี้โยกสีขาวนวลวางอยู่คล้ายจะเชื้อเชิญชวนให้ผู้มาเยือนได้ลงนั่งดื่มด่ำชมทัศนียภาพโดยรอบ
สองสาวยกกระเป๋าลงจากรถและก้าวขึ้นไปตามขั้นบันได
จนถึงระเบียงหน้าบ้านที่ขณะนี้อาสาวคนสวยของอินทิรากำลังยืนรอทั้งคู่ด้วยรอยยิ้มกับสายตาอ่อนโยนคู่เดิม
เหมือนเช่นในอดีตที่ท่านเคยใช้ทอดมองลูกศิษย์ตัวน้อยทั้งสองไม่แปรเปลี่ยน
“สวัสดีค่ะอาปิ่น”
อินทิราวางกระเป๋าลงบนพื้นไม้พร้อมกับยกมือพนมไหว้อาสะใภ้คนสวยอย่างนอบน้อม
ในขณะที่เพื่อนสาวรีบวางข้าวของในมือลงและโผเข้ากอดเอวท่านไว้กระชับ
พลางยื่นริมฝีปากจูบแรงๆ บนแก้มนุ่มทั้งสองข้างของครูสาวด้วยความคิดถึง
“คิดถึงแม่ครูที่สุดเลยค่ะ แม่ครูคิดถึงเราไหมเอ่ย”
ลิซ่ายิ้มประจบโดยไม่ยอมปล่อยมือจากเอวครูคนสวยที่กำลังส่งยิ้มอบอุ่นทอดมองสองสาวด้วยสายตาแสดงความเอ็นดูและดีใจที่หลานทั้งคู่มาเยี่ยมเยือน
“ให้มันน้อยๆ หน่อยเจ้าลิซ่า
มาถึงก็ประจบแม่ครูยกใหญ่เลยนะ” ป้องปักษ์ถือถ้วยกาแฟเดินออกมาจากด้านใน
ทันได้เห็นท่าทางออดอ้อนของหญิงสาวพอดี จึงแกล้งกระเซ้าด้วยน้ำเสียงเอ็นดู
“สวัสดีค่ะอาป้อง
คิดถึงอาที่สุดเลย”
อินทิราไหว้อาหนุ่มแล้วโผเข้ากอดเอวคนเป็นอาไว้ด้วยท่าทางไม่ต่างจากเพื่อนที่กอดอาสะใภ้คนสวยของเธอ
“มัทรีก็ประจบอาป้องเหมือนกันนั่นแหละ
อาป้องไม่ต้องมาค่อนขอดหนูเลย”
ลิซ่าทำตาใสยื่นปากน้อยๆ
ใส่อาหนุ่มของเพื่อนด้วยท่าทางน่ารัก
ทำให้เธอได้รับรอยยิ้มตอบจากป้องปักษ์ที่ยกแขนขึ้นโอบบ่าหลานสาวพร้อมกับหอมเบาๆ
ลงที่แก้มเป็นการแสดงความรักและคิดถึง แทนคำพูดได้ดีที่สุด
“จริงสิ...อาได้ข่าวว่าเราสองคนไปรำอวยพรในงานวันเกิดท่านทรงยศ”
ป้องปักษ์ยกคิ้วสูงจ้องมองหลานสาวนิ่ง
“อาป้องนี่มีหูตาเหมือนสับปะรดจริงๆ
เชียว สายของอารายงานต่อด้วยหรือเปล่าล่ะคะ ว่าเราถูกตะเพิดกลับมาแทบไม่ทันน่ะ”
ลิซ่าทำหน้าเบ้เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ในคืนก่อน
“หึๆ...ถ้าหูตาอาไม่เยอะจริง
มีหรืออาจะกล้าปล่อยเราสองคนไปอยู่ตามลำพังในกรุงเทพฯ แบบนี้ฮะยายเด็กซ่า”
ป้องปักษ์ยกมือขยี้ผมสาวลูกครึ่งเบาๆ ด้วยความเอ็นดู
“ถ้าเราบริสุทธิ์ใจก็ไม่ต้องไปกังวลกับความเข้าใจผิดของใครทั้งนั้น
เพราะเราไม่สามารถห้ามความคิดของใครได้ แค่เราห้ามใจเราเองไม่ให้ไปใส่ใจคำคนจะดีกว่านะจ๊ะ”
ปิ่นไหมส่งสายตาเห็นใจมองสาวน้อย พลางตักเตือน
“หนูไม่สนคนใจแคบพวกนั้นหรอกค่ะแม่ครู
จะมีก็แต่มัทรีคนเดียวนี่แหละที่ยังแคร์สองแม่ลูกใจยักษ์คู่นั้นไม่เลิก”
ลิซ่าอดไม่ได้ที่จะฟ้องอาคนสวยด้วยความรู้สึกขัดใจ
“อารู้ข่าวเรื่องแม่กับพี่สาวของเราจากหนังสือพิมพ์แล้ว
เราใช่ไหมที่เป็นเจ้าของเลือดที่บริจาคให้คุณอรนะ”
ป้องปักษ์ก้มหน้าลงสอบถามหลานสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ค่ะ
โชคดีที่คืนนั้นหนูอยู่ในเหตุการณ์พอดี” อินทิราตอบเสียงเบา
“หนูทำดีที่สุดแล้วในฐานะของลูก
แต่อาไม่อยากให้หนูยึดติดอยู่กับการเอาชนะใจคุณอรนะมัทรี
เรื่องบางเรื่องมันฝังรากลึกจนคนบางคนไม่สามารถแยกแยะถูกผิดออกจากกันได้ต่อให้เราทำดีกับเขามากสักแค่ไหนก็คงไม่สามารถลบล้างอคติในใจของเขาได้เหมือนกัน”
อาสะใภ้เอ่ยอย่างเข้าใจความรู้สึกของอินทุอร
“กรณีของคุณอร
บางทีหนูอาจไม่ได้รับความเมตตาจากเธอเลย ไม่ว่าหนูจะทำดีต่อเธอสักแค่ไหน
เพราะฉะนั้นอย่าผูกใจตัวเองไว้กับปลายเท้าของคนอื่น
ทำในสิ่งที่ใจเราบอกว่าดีที่สุดแล้วเท่านั้นเป็นพอ
อย่าคิดหวังผลตอบแทนที่เราต้องการจากเขาอย่างเด็ดขาดเข้าใจไหมมัทรี”
ปิ่นไหมสอนหลานสาวสามีด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนไม่เปลี่ยน
เพราะในสายตาท่าน อินทิราก็ยังเป็นมัทรี
หญิงสาวนัยน์ตาเศร้าชวนให้สงสารเหมือนอดีตไม่เปลี่ยนแปลงเช่นกัน
“แม่ของหนูน่ะเป็นพวกรักแรงเกลียดแรง
และที่ร้ายที่สุดคืออคติในใจของเขานั่นแหละ
ที่เปรียบเสมือนโคลนซึ่งทับถมดอกบัวไว้ไม่ให้สามารถโผล่ขึ้นอยู่เหนือน้ำชูช่อเบ่งบานแสดงความงามออกมาได้
ความเมตตาที่ควรมีให้แก่เลือดในอกที่ถูกกลบทับไว้ด้วยอคติและความเกลียดชังก็เปรียบได้กับดอกบัวที่อยู่ใต้โคลนนั่นแหละมัทรีเอ๊ย”
ป้องปักษ์ถอนหายใจแรงๆ
เพราะความสงสารหลานสาว
อดรู้สึกเวทนาอินทิราที่ยังพยายามหาทางเอาชนะใจผู้เป็นมารดาไม่ได้ เขารู้อยู่แก่ใจดีว่าคนทิฐิสูงอย่างนางอินทุอร
ไม่มีวันจะยอมรับสายเลือดอีกครึ่งหนึ่งในตัวอินทิราเด็ดขาด
เพราะฉะนั้นไม่ว่าหลานของเขาจะทำดีต่อผู้เป็นแม่สักแค่ไหน
ก็คงไม่มีวันได้รับน้ำใจตอบกลับมา
“หนูจะจำคำสอนของอาปิ่นกับอาป้องไว้ค่ะ
ต่อไปนี้หนูจะขอแค่รักแม่กับพี่รี่โดยไม่หวังว่าเขาจะต้องรักหนูอีกแล้วค่ะ
ในเมื่อหนูมีคนที่รักหนูอยู่แล้วตั้งเยอะแยะที่นี่ จริงไหมคะ”
ทุกครั้งที่คนอ่อนไหวอย่างเธอพบเจอเรื่องสะเทือนใจ
แต่เมื่อได้อยู่ในอ้อมแขนของอาทั้งสอง
และได้ใช้สติไตร่ตรองพิจารณาตามคำสั่งสอนของท่าน เธอจะรู้สึกเหมือนความเจ็บปวดในใจนั้นเบาบางลงเสมอ
“ถูกต้องแล้วคร้าบ...”
ลิซ่าทำหน้าทะเล้น
ตะโกนเสียงดังเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนก่อนจะพากันเดินกลับเข้าไปในบ้าน
ความคิดเห็น