ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC Naruto] เล่ห์ราชา [END]

    ลำดับตอนที่ #21 : CHAPTER 18 : คู่ปรับ (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.46K
      173
      10 ก.ย. 57

    บทที่ 18 คู่ปรับ

     

     

    ตอนนี้เธอกำลังทำอะไรอยู่?

    เธอมาที่นี่เพื่อมาทำงานไม่ใช่หรือ?

     

    แล้วทำไม...

     

    เธอถึง...

     

                “พนันพันนึง ใบต่อไปมันต้องสิบแต้ม!

     

    มานั่งอยู่ในคาสิโนได้ล่ะ!

     

                “ดับเบิ้ลดาวน์[1] ไปเลยครับ”

     

    ซากุระขมวดคิ้วอย่างลังเลว่าจะเชื่อคำพูดของร่างสูงที่ส่งเสียงเชียร์อยู่ดีหรือไม่ ตอนนี้ไพ่ในมือเธอนับแต้มรวมได้สิบเอ็ดพอดี ซึ่งถ้าเธอหยิบไพ่ใบต่อไปเป็นแต้มสิบอย่างที่ชายหนุ่มว่าเธอก็จะมีไพ่ในมือรวมยี่สิบเอ็ดแต้มซึ่งเป็นแต้มสูงสุดของเกมไพ่แบล็คแจ็ก[2]

     

    “เอ่อ...ฉันว่า...”

     

    “เชื่อพี่สิ! ฝีมือระดับนี้แล้ว” นารูโตะคุยโอ่ทั้งๆที่เขาเองก็ดวงตกจนต้องขอให้ร่างเล็กมาเป็นผู้เล่นแทน ซากุระมองคนข้างๆอย่างนึกขัดใจ

     

    เงินก็เงินของเขา...

    ทำไมเขาไม่มาเล่นเองเลยนะ!

     

                ซากุระบ่นก่อนจะส่ายหน้าอย่างระอาเมื่อคิดได้ว่าอย่าไปหาเหตุผลอะไรกับพฤติกรรมไร้เหตุผลของท่านประธานจะดีกว่า

     

    เพี้ยนจนกู่ไม่กลับแล้วล่ะ...

     

                “ถ้าพลาดล่ะหมดตัวเลยนะคะ” เธอหันไปบอกคนที่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ และก็จงใจเน้นย้ำคำว่า หมดตัวให้อีกฝ่ายได้ยินถนัดๆเพราะชิปที่เธอใช้เดิมพันกับเกมนี้สูงถึงห้าหมื่น ถ้าดับเบิ้ลดาวน์ก็ต้องเพิ่มยอดเดิมพันอีกเท่าตัวนั่นก็คือพวกเธอจะต้องวางเงินเดิมพันทั้งหมดหนึ่งแสน

     

    ชิปหมดกองนั่นแหละ...

    ได้ออกจากคาสิโนไปแบบหมดตัวแน่ๆ...

     

                แต่แทนที่เจ้าของเงินเดิมพันจะรู้สึกสะทกสะท้านกับคำว่า หมดตัวที่เธอพูดถึง เขากลับยกมือขึ้นกอดอกก่อนจะกระหยิ่มยิ้ม

     

                “ช่างสิ ธนาคารก็อยู่ใกล้ๆเดี๋ยวพี่ไปเบิกเงินมาต่อทุนให้ก็ได้”

     

                “พี่จะผลาญงบบริษัทโดยใช่เหตุนะคะ” ร่างบางเตือนอย่างอ่อนใจ แต่คนถูกเตือนกลับย่นจมูกเหมือนเธอพูดอะไรไม่เข้าหู

     

                “งบบริษัทที่ไหนกันนี่เงินพี่ล้วนๆ มาเดทกับสาวทั้งทีถ้าใช้งบบริษัทมีหวังคุณพ่อได้แพ่นกบาลพี่พอดี อ๊ะ!” นารูโตะพูดสาธยายก่อนจะทำหน้าตกใจแบบเด็กๆ ซากุระหรี่ตามองคนตัวสูงอย่างจับผิด

     

    เมื่อกี้เขาพูดประโยคแปลกๆออกมาใช่ไหม?

     

                “เอาสิ ดีลเลอร์มองแล้วนะ” เขาเปลี่ยนเรื่อง เบนความสนใจของเธอกลับไปที่เกม

     

                “...”

     

    “ดับเบิ้ลดาวน์เลยครับ” ร่างสูงพูดย้ำเมื่อเห็นว่าเธอยังลังเลโดยไม่ลืมจะใช้สายตาอ้อนๆเหมือนลูกแมวของตัวเองเป็นอุปกรณ์ประกอบฉาก ซากุระที่เห็นแบบนั้นถึงกับถอนหายใจ...

     

    เขาเป็นคนที่เอาแต่ใจอย่างร้ายกาจ...

    ชอบใช้มุข ลูกแมวอ้อนเหมือนเด็กๆไม่มีผิด...

     

                “ดับเบิ้ลดาวน์ค่ะ”

     

    สุดท้ายเธอก็ยอมเจ้าลูกแมวอีกจนได้...

     

    .

    .

    .

     

                “ฮ้า~ วันนี้อากาศดีนะครับ”

     

                “ไม่ต้องมา วันนี้อากาศดีนะครับเลย! พี่บ้าไปแล้วเหรอคะ!?! จู่ๆทำไมถึงต้องเอาเงินไปเททิ้งเป็นแสนแบบนั้น”

     

    หญิงสาวบ่นเป็นหมีกินผึ้งหลังจากที่เธอกับท่านประธานหนุ่มเดินออกมาจากคาสิโนด้วยความพ่ายแพ้ย่อยยับเพราะการเดิมพันครั้งสุดท้ายดันหยิบได้ไพ่เอซซึ่งมีแค่แต้มเดียวทำให้แต้มรวมของเธอมีแค่สิบสองแพ้เจ้ามือที่มีแต้มสูงถึงยี่สิบ

     

    อนาถจริง!

     

    ร่างสูงหยุดเดินชมนกชมไม้เบนสายตากลับมามองคนตัวเล็กที่ยืนหน้าหงิกหน้างอแทน มือหนาวางทับบนเส้นผมสีชมพูของอีกฝ่ายก่อนจะออกแรงขยี้เบาๆจนมันฟูเป็นหย่อมๆ เจ้าของผมหันมาค้อนใส่เขาทีหนึ่งแล้วสะบัดหน้าหนีไปทางอื่น

     

    น่ารัก...

     

                “อะไรกัน อย่าบอกนะครับว่าที่ทำหน้างอแบบนั้นเพราะยังคาใจเรื่องในคาสิโนอยู่น่ะ” ถามพร้อมกับจ้องคนหน้าบูดอย่างนึกสนุก

     

                “ฉันเสียดายเงินแทน” เธอบอกก่อนจะเอามือปัดๆสิ่งแปลกปลอมที่กำลังเล่นหัวของเธออย่างเมามัน

     

                “แต่พี่ว่ามันคุ้มนะ...” นารูโตะพูดพร้อมกับยิ้ม “ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้จะเท่าไหร่พี่ก็เสียได้หมดนั่นแหละ”

     

                “!!!

     

                “คราวหน้าไปแก้มือกัน!

     

                “ยังจะมายิ้มระรื่นอีก” เธอเอ็ดไม่จริงจังนัก

     

    เพิ่งรู้ว่าเขาเป็นพวกคนรวยที่ใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายก็วันนี้แหละ!

     

                “เหลือเวลาตั้งเยอะกว่าจะมืด ไปทำอะไรกันดี” นารูโตะเปลี่ยนเรื่องเร็วเสียจนคนที่กำลังขึงตามองเขาตั้งตัวไม่ทัน ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลกวาดมองไปทั่วบริเวณเพื่อหากิจกรรมสนุกๆทำเพื่อฆ่าเวลา ซากุระที่เห็นแววตาเกเรอู้งานของประธานหนุ่มถึงกับถอนหายใจเฮือก...

     

    เธอจำได้ว่าเขามาที่นี่เพื่อมาประมูลสัมปทาน...

    ทำไมสุดท้ายมันถึงกลายเป็นกิจกรรมทัวร์โอกินาว่าไปได้ล่ะ...

     

                “ท่านประธานเจ้าคะ...”

     

                “ไปนั่งรถรางรอบเมืองกันซักรอบเถอะ! น่าจะใช้เวลาซักสองชั่วโมง เสร็จแล้วเราก็ไปหาร้านอร่อยๆกินข้าวเย็นกัน ตอนกลางคืนก็ไปดูโชว์กระบองไฟ เป็นกำหนดการที่เพอร์เฟ็คต์!” นารูโตะพูดแทรกขึ้นอย่างร่าเริงโดยไม่ฟังเสียงคัดค้านของเธอเลยสักนิด แต่ที่น่าสลดหดหู่ใจยิ่งกว่านั้นก็คือในกำหนดการของชายหนุ่มไม่มีการพูดถึงเรื่องสัมปทานซักแอะ

     

    อีแบบนี้ไม่ใช่มาทำงานให้บริษัทหรอก...

    เขาเรียกว่าหนีงานมาเที่ยวชัดๆ!

     

                “ฉันจำได้ว่าเรามา...”

     

                “พี่ไปซื้อตั๋วนะครับ” พูดจบเจ้าของเรือนผมสีทองก็เดินไปซื้อตั๋วทัวร์รอบเมืองทันทีโดยทิ้งให้เธอยืนทำหน้าไม่ถูกอยู่ตรงนั้น

     

    เคยฟังกันซะที่ไหนล่ะนั่น!

     

     

                หลังจากเสียเวลาไปสองชั่วโมงกับการนั่งรถรางทัวร์โอกินาว่า ทั้งคู่ก็มาเดินรับลมยามเย็นบนถนนที่ปูด้วยอิฐ ใบหน้าหวานของซากุระชื้นไปด้วยเหงื่อ หญิงสาวรู้สึกเหมือนร่างกายถูกสูบพลังออกไปจนหมดจนแทบไม่มีแรงจะเดินซึ่งก็เป็นผลพวงมาจากการวิ่งขึ้นๆลงๆรถรางทุกครั้งที่มันจอดให้นักท่องเที่ยวชมสถานที่สำคัญ ซึ่งก็แน่นอนว่าทุกครั้งที่ว่านั่นเธอถูกคนตัวสูงลากไปดูโน่นดูนี่จนขาแทบขวิด ส่วนตัวต้นเหตุที่ทำให้เธอวิ่งเสียจนขาแทบจะเป็นตะคริวกลับเดินผิวปากสบายใจเฉิบอย่างไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย

     

    ถึกเกินไปแล้ว!

     

    “ฉันเดินต่อไม่ไหวแล้วค่ะ” เธอบ่นก่อนจะนั่งแหมะอยู่บนเก้าอี้สาธารณะข้างทางตัวหนึ่ง นารูโตะนั่งลงข้างๆก่อนจะหันมาทำตากรุ้มกริ่มใส่

     

    “ขี่หลังพี่มั้ย?”

     

    “ขอเดินดีกว่าค่ะ!” หญิงสาวพูดพร้อมกับเอามือนวดทุบๆไปที่ขาเพื่อคลายความเมื่อยล้า ร่างสูงมองดูพร้อมกับหัวเราะในลำคอเบาๆก่อนจะลงไปนั่งยองๆที่พื้นแล้วเอามือนวดขาเรียวสวยของอีกฝ่าย

     

    “อ๊ะ! พี่จะทำอะไร!?!” เธอร้องเสียงหลงพยายามจะชักขากลับแต่นารูโตะกลับดึงมันเอาไว้ ร่างสูงส่งสายตาดุๆมาให้เธอทีหนึ่งเมื่อเห็นว่าเธอยังพยายามดิ้นอยู่

     

    “อยู่เฉยๆเถอะเดี๋ยวพี่นวดให้”

     

    “มะ...ไม่เป็นไรค่ะ” เธอบอกปฏิเสธแต่ก็ได้รับสายตาอันคมกริบเป็นการตอบแทน... ซากุระเงียบไปทันที

     

    นารูโตะในโหมดเอาจริงนั้นน่ากลัวกว่าที่คิด!

     

    “คืนนี้อยากร้องไห้ขี้มูกโป่งเพราะปวดขาไหมล่ะ ถ้าไม่อยากก็อยู่เฉยๆครับ ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีหรอก”

     

    พูดจบต่างคนต่างก็พากันเงียบไป ซากุระนั่งตัวเกร็งปล่อยให้คนตัวสูงใช้ทักษะการนวดที่ไม่ธรรมดาช่วยผ่อนคลายความเมื่อยล้าที่ขา ใบหน้านวลที่ซับสีแดงเรื่อก้มหลบสายตาของผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาอย่างอายๆ ทุกคนต่างมองมาที่เธอแล้วพากันยิ้มแปลกๆจนเธอต้องส่งสัญญาณให้นารูโตะเลิกนวดให้เธอเสียทีแล้วรีบไปจากที่นี่แต่มีหรือที่คนดื้อรั้นเอาแต่ใจอย่างเขาจะยอม นารูโตะยังคงทำไม่รู้ไม่ชี้แล้วบรรจงบีบมือที่ขาของเธอต่อไป

     

    “ดูเหมือนมันจะหายบวมไปหน่อยนึง” เขาพูดหลังจากนวดให้เธอจนหมดกระบวนท่า “สงสัยต้องแวะซื้อยานวดก่อนกลับโรงแรมแล้วมั้ง”

     

    “...”

     

    “ซากุระ?” นารูโตะเรียกเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังเหม่อ และก็ได้ผลเมื่อหญิงสาวรู้ตัวแล้วหันมาทำหน้าดุใส่เขา

     

    “พี่นะพี่!” เธอแหวขึ้นอย่างอายๆ ใบหน้ากึ่งงอนของคนตัวเล็กทำให้ร่างสูงถึงกับหลุดหัวเราะ

     

    “เขินเหรอครับ?”

     

    “ฉันอายต่างหากล่ะ ดูสิคนมองกันหมดแล้วนั่น”

     

    “ไม่เห็นต้องอายเลย คนจะแสดงความรักต่อกันน่ะมันไม่ผิดซักหน่อย” พูดออกมาได้หน้าตาเฉยจนเธออยากจะเอามือไปข่วนหน้าหล่อๆของเขานัก!

     

    เจ้าชู้ประตูดินแบบนี้ต่อให้หยอดคำเสี่ยวมาเท่าไหร่เธอก็ไม่หลงกลหรอก!

     

    “หิวแล้ว” ร่างสูงพูดขึ้นพร้อมกับมองเธอตาแป๋ว

     

    “นึกว่าจะเป็นสายถึกแบบไม่ต้องกินอะไรก็อยู่ได้ซะอีก” เธอประชดแล้วก็ต้องแทบขำเมื่อเห็นใบหน้าที่ยิ้มระรื่นเจื่อนลงไปทันตา

     

    “โถ่ พี่ก็คนนะครับ” เขาประท้วงก่อนที่สายตาจะไปสะดุดกับภัตตาคารอาหารขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ได้ถูกที่ถูกเวลาสุดๆ

     

    “ไปกินที่ร้านนั้นกันเถอะ!

     

     

                ไม่มีข้อแก้ตัวสำหรับความล่าช้าขอรับT^T อีกครึ่งหนึ่งจะตามมาเร็วๆนี้นะคะ อาจจะดึกๆหรือพรุ่งนี้เช้า ทีแรกกะจะเขียนให้มันดุเดือดหน่อยแต่... เดี๋ยวรอดูนะคะ >.<

     

    ปล. สำหรับศัพท์เฉพาะที่วงเล็บไว้ ด้วยความขยันของไรท์ถ้ามีใครสงสัยเข้าไปตามลิ้งค์เลยค่ะ http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%88%E0%B9%87%E0%B8%81_(%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A1%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B9%88)

    ทีแรกกะจะพิมพ์ให้แต่มันปัจจุบันทันด่วนไปนิดนึง>.< 
     

    50%

     

                “เรื่องที่ฉันให้ไปตามน่ะถึงไหนแล้ว” ร่างสูงในเชิ้ตสีขาวสะอาดเอ่ยถาม ใบหน้าสมบูรณ์แบบเรียบนิ่ง ส่วนมือก็บรรจงหั่นเนื้อในจานเป็นชิ้นเล็กๆก่อนจะตักเข้าปาก

     

                “ผมกับซุยเงสึตรวจสอบไปได้เกือบทั้งหมดแล้วครับ” เลขาคนสนิทตอบ เขายืนห่างจากโต๊ะอาหารที่ซาสึเกะนั่งอยู่เกือบๆหนึ่งเมตรเพื่อทำหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดอารักขาเจ้านายไปในตัวเพราะการออกต่างจังหวัดเพื่อมาทำธุระสำคัญในคราวนี้ไม่มีทีมอารักขาเดิมติดตามมาด้วย

     

                “แล้วเจออะไรมั้ย”

     

                “มีสองคนที่มีพฤติกรรมน่าสงสัยครับ”

     

                “ฉันพอจะเดาได้ว่าเป็นใคร” ซาสึเกะพูด ดวงตาสีรัตติกาลวาวโรจน์ไปด้วยความชิงชัง

     

    เขาเกลียดคนทรยศที่สุด...

     

    “จัดการที่เหลือภายในอาทิตย์หน้า ถ้าช้ากว่านี้ธนาคารเจอปัญหาแน่”

     

    สั่งเสร็จชายหนุ่มก็วางมีดวางส้อมแล้วยกน้ำขึ้นดื่ม แต่ยังไม่ทันที่ของเหลวสีใสจะทันได้สัมผัสกับริมฝีปาก มือเรียวก็ชะงักค้างกลางอากาศเมื่อสายตาของเขามองผ่านกระจกไปปะทะกับร่างเล็กเจ้าของเรือนผมสีชมพูที่แสนคุ้นตากำลังนั่งเอียงอายโดยที่มีผู้ชายคนหนึ่งกำลังทำอะไรสักอย่างอยู่กับขาของเจ้าหล่อน

     

    ตึกตัก

     

                จู่ๆหัวใจที่ไม่ค่อยจะมีความรู้สึกก็เกิดเต้นแรงขึ้นมาจนเจ้าของยังตกใจ ซาสึเกะรู้สึกเสียดขึ้นมาในอกทันทีเมื่อเห็นใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นชัดๆ

     

    เจ็บ...

     

                หัวใจของเขามันร้องประท้วง

     

    เจ็บทำไม?

    ก็แค่สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำกำลังแสดงความรักกับคนอื่น

     

                ร่างสูงกำมือแน่น เขาเห็นใบหน้าของคนที่ก้มๆเงยๆอยู่ตรงเก้าอี้ตัวยาวที่หญิงสาวนั่งอยู่ไม่ถนัดนัก แต่แค่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ชายมันก็ทำให้เขาใจกระตุก

     

                “ตอบฉันมาซิจูโกะ...” ซาสึเกะพูดเสียงลอดไรฟัน มือหนากำแก้วไว้แน่นจนมันแทบจะแตกคามือ

     

                “ครับ?” เลขาขานรับอย่างงงๆไม่เข้าใจท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของผู้เป็นนาย

     

                “ทำไมยัยบ้านั่นถึงไปอยู่ตรงนั้นได้!!!

     

    เพล้ง!

     

    สิ้นเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธ แก้วในมือที่มีน้ำอยู่เต็มก็ลอยละลิ่วก่อนจะตกกระทบพื้นเสียงดังด้วยแรงเหวี่ยงที่ไม่ธรรมดา จูโกะตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เขายืนตลึงอยู่อย่างนั้นสักพักแต่พอได้สติเจ้านายตัวดีก็เดินปึงปังออกไปจากภัตตาคารเสียแล้ว ครั้นจะเดินตามไปก็ไม่ได้เพราะต้องเคลียร์บิลพร้อมกับชดใช้ค่าเสียหายให้ทางร้านก่อน เลขาหนุ่มถอนหายใจ

     

    พักนี้เจ้านายของเขาเป็นอะไรไป?

    หงุดหงิดงุ่นง่านง่ายเหมือนคนวัยทองไม่มีผิด!

     

                ด้านคนวัยทองก่อนกำหนดก็เดินหงุดหงิดออกมาข้างนอกโดยทิ้งปัญหาทั้งหมดให้เลขาของตนจัดการ ตอนนี้เขาไม่มีเวลาจะมาสนใจเรื่องหยุมหยิมอย่างอื่นหรอก! ยังไงก็ต้องไปเอาตัวแม่ตัวดีนั่นออกมาก่อน ออกจากบ้านเขาไปแค่สองอาทิตย์ก็ไปหาผู้ชายมาสนองตัณหาจนได้

     

    จับตัวได้เมื่อไหร่จะเฆี่ยนให้หลังลาย...

    ข้อหาไปควงผู้ชายคนอื่นระหว่างอยู่ในสัญญา!

     

                แต่เพียงก้าวแรกที่เดินออกมาจากภัตตาคาร ร่างสูงก็ต้องหยุดชะงักราวกับมีอะไรมาขัดขาเขาเอาไว้ ชายหนุ่มยืนนิ่งไม่ไหวติงขวางทางเดินอยู่ นัยน์ตาสีดำขลับไหววูบเล็กน้อยเมื่อเห็นคนที่เข้ามาปั่นป่วนความคิดของเขาตลอดสองอาทิตย์กำลังเดินเคียงคู่มากับ...

     

    คู่ปรับตลอดกาล...

    ศัตรูเพียงคนเดียวในโลกที่ทำให้เขาประสาทเสียทุกครั้งที่เห็นหน้ามัน!

     

                “อุซึมากิ นารูโตะ...” ซาสึเกะพึมพำชื่อของชายปริศนาที่เขาเห็นเมื่อครู่ ฝ่ายเจ้าของชื่อที่มัวแต่เดินหยอกล้อกับเลขาส่วนตัวของตนก็เงยหน้าขึ้นมองทันทีเมื่อได้ยินชื่อตัวเอง

     

                “โอ๊ะ!” นารูโตะอุทานออกมาทันทีเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนเรียก ดวงตาสีฟ้าสดใสเบิกกว้างอย่างตกใจเล็กน้อยก่อนที่ริมฝีปากหยักได้รูปของเขาจะยกยิ้ม

     

                “จู่ๆก็มาเจอ เพื่อนเก่าดีใจแทบบ้าเลยว่ะ”

     

     

    เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!?!

    มันบังเอิญมากเกินไปรึเปล่า!?!

     

                ซากุระโอดครวญในใจเมื่อชายที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเธอคือคนๆเดียวที่เธอคอยหลบหน้าหลบตาเขามาตลอดสองเดือน  

     

    บทจะหลบก็หลบได้ง่ายๆ

    แต่บทจะเจอทำไมมันถึงแจ็คพ็อตขนาดนี้หนอ!

     

                แต่มันก็ยังมีแจ็คพ็อตเหนือแจ็คพ็อตที่ทำเอาเธออยากจะกัดลิ้นตัวเองตายเสียตรงนี้จริงๆ คนบนโลกก็มีเป็นล้านคน... ทำไมท่านประธานของเธอถึงต้องมารู้จักกับซาสึเกะด้วย!

     

                “เห็นทีคงต้องเปลี่ยนกำหนดการซะแล้ว ไม่ว่าอะไรพี่ใช่มั้ย?” คนตัวสูงหันมาถามพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ ซากุระสั่นหัวแทนคำตอบ เธอตั้งใจจะบอกว่าอย่าไปยุ่งกับเขาเลยหากแต่คนถามกลับแปลความว่าเธออนุญาตเสียอย่างนั้น

     

                “ขอบคุณครับที่เข้าใจ” พูดจบก็หันไปจ้องหน้าชายอีกคนที่ยังคงตีสีหน้าเรียบเฉยผิดกับใจที่ร้อนระอุราวกับถูกไฟเผา

     

                “ไปรำลึกความหลังกันหน่อยมั้ย?”

     

                “ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับนาย” แต่กับแม่นั่นน่ะมีแน่... พูดต่อประโยคในใจพร้อมกับจ้องคนตัวเล็กอย่างเอาเรื่อง เธอเอาแต่ก้มหน้าก้มตาไปยืนหลบอยู่หลังศัตรูหมายเลขหนึ่งของเขาอย่างกลัวๆ

     

    มันน่านัก!!!

     

                “เสียดายจังแฮะ อุตส่าห์ไม่ได้เจอกันตั้งเกือบสิบปี” ถึงปากจะบอกว่าเสียดายแต่รอยยิ้มที่ดูชั่วร้ายนั่นก็ทำให้ซาสึเกะรู้สึกเหมือนถูกเยาะเย้ยอยู่กลายๆ

     

                “ถ้างั้นฉันก็ขอตัว พอดีว่ามีธุระอีกเยอะน่ะ” พูดจบนารูโตะก็คว้าข้อมือบางแล้วพาเข้าไปในภัตตาคาร กลิ่นกายหอมๆที่แสนคุ้นลอยผ่านจมูกคนที่ยืนบื้ออยู่

     

    เขาควรจะปล่อยไปแบบนี้หรือ?

    ทำเป็นไม่รู้จักเธอแล้วปล่อยให้เสือผู้หญิงอย่างนั้นพาตัวเธอไป...

     

    ยอมได้รึไง?

     

                ซาสึเกะตั้งคำถาม มือทั้งสองข้างกำแน่นจนเส้นเลือดปูดโปนเพื่อระงับความโกรธ แต่ถึงกระนั้นมันก็ไม่ได้ลดน้อยลงไปเลย คนทั้งคู่เดินห่างออกไปเรื่อยๆโดยที่เขาทำได้แค่มองตาม...

     

    ร่างเล็กที่เขาเคยเอาตัวไปซุกอยู่ค่อนคืน...

    กำลังถูกมือของศัตรูโอบกอด...

     

                ในขณะที่สมองยังไม่รู้จะสั่งการยังไง สัญชาตญาณก็ผลักให้ขาทั้งสองข้างของเขาก้าวตามไป ความโกรธที่ก่อตัวมาตั้งแต่เมื่อครู่กำลังจะปะทุในไม่ช้า...

     

    พลั่ก!

     

    ซาสึเกะเข้าไปขวางก่อนจะแยกคนทั้งคู่ออกจากกัน เขามองใบหน้าที่ฉายแววประหลาดใจของนารูโตะอย่างโกรธแค้นก่อนจะเค้นคำพูดออกมา

     

                “อยากจะไปรำลึกความหลังนักใช่มั้ย!

     

                “!!!

     

                “ได้! ที่ไหนก็ว่ามา!!!

     

    ใครมันจะไปยอมได้!

    ในเมื่อนั่นมันแม่ของลูกเขา!

     

    .

    .

    .

     

                บรรยากาศภายในห้องคาราโอเกะของโรงแรมที่พวกเธอพักอยู่กำลังคุกรุ่น มันเต็มไปด้วยความกดดันจนทำให้ผู้หญิงเพียงคนเดียวในห้องตัวสั่นสะท้าน หัวใจเต้นแรงอย่างไม่มีทีท่าว่าจะสงบ...

     

    ใครก็ได้พาเธอออกไปจากตรงนี้ที!

     

                “สุดท้ายนายกับฉันก็อยู่ในตำแหน่งประธานกันทั้งคู่ เสมอกันซักทีสินะ”

     

                “อย่าเอาตัวมาเทียบกับฉัน... ฉันอยู่ในตำแหน่งนี้มาก่อนนายเจ็ดปี”

     

                “แต่ตอนนี้เราก็เท่ากันแล้วไง แถมยังมีความสนใจในเรื่องเดียวกันด้วย” นารูโตะพูดพร้อมกับยิ้มระรื่น แต่ประโยคของเขากลับทำให้คนฟังเดือดปุดๆ ดวงตาสีรัตติกาลจ้องไปที่คนตัวเล็กที่นั่งก้มหน้าก้มตา

     

    ความสนใจเดียวกัน?

    หรือจะเป็นแม่นั่น!?!

     

                “หมายความว่ายังไง!

     

                “ทำไมต้องทำเสียงดุแบบนั้น?” นารูโตะถามพร้อมกับขมวดคิ้ว “การที่เห็นนายที่นี่ตอนนี้มันก็เท่ากับว่าการประมูลครั้งนี้นายเข้าร่วมด้วย ฉันพูดอะไรผิดไปรึเปล่า?”

     

                “หึ!” ซาสึเกะแค่นหัวเราะกลบเกลื่อนความเข้าใจผิดของตัวเอง

     

                “ยังคงทำหน้าไม่แยแสโลกเหมือนเดิม”

     

                “นายมันก็หน้าไอ้หมาขี้แพ้ไม่เปลี่ยน” นายธนาคารหนุ่มสวนกลับแทบจะในทันที นารูโตะหน้าชาแต่ก็ยังคงรักษารอยยิ้มเอาไว้ได้

     

                “ก็จริงที่ฉันเคยแพ้นายในอดีต แต่นั่นมันก็เกือบสิบปีแล้ว” นารูโตะพูดพร้อมกับหัวเราะ

     

                “...”

     

    “แต่คราวนี้ฉันอาจจะชนะนายก็ได้”

     

                “ไม่มีทาง!!!

     

                น้ำเสียงกระโชกโฮกฮากผิดวิสัยทำให้คนฟังนึกสงสัย

     

    เกิดอะไรขึ้นกับซาสึเกะ?

     

    ในฐานะที่เป็นศัตรูคู่แค้นกันมาตั้งแต่สมัยเรียน นารูโตะรู้ดีว่าผู้ชายตรงหน้าไม่ใช่คนที่แสดงอารมณ์ออกมามากนัก ไม่ว่าจะโกรธแค่ไหนซาสึเกะก็รักษาความสุขุมได้เป็นอย่างดี...

     

    มันเป็นปีศาจหน้าตาย...

     

                แล้วเหตุใดวันนี้ปีศาจตนนั้นถึงได้กลายเป็นคนอารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้ น้ำเสียงและท่าทางที่แสดงออกมาอย่างชัดเจนโจ่งแจ้งว่ากำลังโกรธอยู่นั่นคืออะไร? มันเหมือนไม่ใช่ซาสึเกะคนเดิมที่เขารู้จัก...

     

    คิดได้ไม่เท่าไหร่ประตูห้องคาราโอเกะก็เปิดออกอีกครั้ง เลขาของซาสึเกะเดินเข้ามาพร้อมกับบริกรหนุ่มที่เข็นอาหารและเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลฉายแววนึกสนุกเมื่อเห็นแก้วทรงสูงที่ตั้งเรียงอยู่

     

                “ก่อนจะลงสังเวียนจริงพรุ่งนี้ วันนี้เรามาดวลกันซักยกดีมั้ย” นารูโตะเริ่ม สังเวียนจริงที่เขาหมายถึงก็คืองานประมูลที่เขาจะต้องแข่งกับซาสึเกะในวันพรุ่งนี้ แต่จะให้ไปแข่งกันจริงแบบไม่ทันตั้งตัวมันก็กระไรอยู่ ขอลองซ้อมความรู้สึกยามต้องประชันกับราชาดูก่อนน่าจะดีกว่า

     

                “ว่าไง สนใจรับคำท้ามั้ย?”

     

                “ฉันไม่ปัญญาอ่อนพอที่จะไปเล่นเกมงี่เง่ากับนาย” ซาสึเกะตอบเสียงเรียบ คนท้าหน้าตึงไปเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจ

     

    ยังไงซาสึเกะก็ยังคงเป็นซาสึเกะ...

     

                “งั้นก็ตามใจ” เขาพูด เลิกสนใจคนอารมณ์แปรปรวนแล้วหันมากระซิบกระซาบกับคนข้างตัวแทน

     

    “เป็นอะไรครับนั่งตัวเกร็งเชียว”

     

                “ฉันอยากขึ้นห้องแล้วค่ะ” ร่างบางตอบเบาๆ พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่เงยหน้าขึ้นสบตากับดวงตาที่แสนน่ากลัวที่กำลังจ้องเธออยู่

     

                “นี่เพิ่งจะทุ่มนึงเองนะ กินอะไรก่อนสิค่อยขึ้นไป”

     

                “คือว่า...”

     

                “ถ้ากำลังกลัวไอ้บ้านั่นพี่พาไปที่อื่นก็ได้ เอามั้ย?” นารูโตะถามอย่างเป็นห่วง ก็ใช่ว่าเขาจะไม่สังเกตเห็นอาการแปลกๆของคนข้างกาย เธอตัวซีดตัวสั่นตั้งแต่เจอซาสึเกะที่หน้าภัตตาคารแล้ว แต่นารูโตะเองก็ไม่ได้นึกเอะใจอะไรกับความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ เขายังมองว่าที่เธอเป็นแบบนี้คงเพราะกลัวสายตารังเกียจเดียจฉันท์ของซาสึเกะ

     

                “จริงเหรอคะ?” หญิงสาวพูดเสียงใส ดีใจเหลือเกินที่จะได้ไปพ้นๆจากสายตาของเขาซักที “งั้นก็...”

     

    ปึก!

     

                ยังไม่ทันจะได้บอกความต้องการของตัวเอง เสียงของเธอก็ถูกขัดด้วยเสียงแก้วกระทบโต๊ะที่ดังจนทุกคนในห้องหันไปมอง ซาสึเกะกำลังมองมาทางเธอด้วยสายตาที่ไม่ต้องนั่งแปลความหมายให้ยาก

     

    เขากำลังโกรธ...

     

                “อยากจะดวลนักก็มาสิ!” ซาสึเกะพูดพร้อมกับกระแทกขวดเตกีล่าวางที่โต๊ะ “ ใครล้มก่อนแพ้!

     

                “โทษทีนะ แต่ฉันมีธุระแล้วล่ะ” นารูโตะที่หมดอารมณ์จะมาเชือดเฉือนปะทะอารมณ์กับคู่ปรับเก่าพูดขึ้น

     

                “กลัว?” ซาสึเกะพูดเสียงขึ้นจมูก

     

                “...”

     

                “เหอะ! นิสัยหมาขี้แพ้ชัดๆ”

     

                “อย่าทำเป็นอวดดีนักจะดีกว่า...”

     

                “งั้นก็มาสิ” ซาสึเกะพูดพร้อมกับเหยียดยิ้ม สายตาของเขาเต็มไปด้วยความดูถูกอย่างร้ายกาจ นารูโตะกัดฟันกรอด...

     

    เขาเกลียดสายตาของมัน!

     

                “ใครล้มก่อนแพ้... และฉันก็มั่นใจว่าไอ้ขี้แพ้คนนั้นต้องเป็นนาย!

    .

    .

    .

     

    ภาพแบบนี้มันไม่ควรจะเกิดขึ้น!

    ประธานของสองกลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่ผู้กุมอำนาจทางเศรษฐกิจของประเทศ...

     

    กำลังดวลสุรากันอย่างถึงพริกถึงขิง!!!

     

                “หนึ่งแก้วสำหรับหนุ่มน้อยโจเซฟที่ถูกหักอก”

     

                “หนึ่งแก้วสำหรับเอมิลี่ที่ถูกฟันแล้วทิ้ง”

     

                “หึ!

     

                เธอชักจะสงสัยแล้วสิว่าสองคนนี้ไปสร้างความแค้นกันมาตั้งแต่ชาติปางไหน ทำไมถึงได้ทำหน้าเหมือนจะฆ่ากันอยู่ทุกวินาทีแบบนั้น เธอเห็นความพยายามอดกลั้นของคนทั้งคู่ที่จะไม่เอาหมัดหนักๆของตัวเองประเคนใส่หน้าของอีกฝ่าย

     

    ดูจะพยายามอดกลั้นกันมากเกินไปเสียด้วยซ้ำ

     

    มีอยู่หลายครั้งที่นารูโตะแทบจะกระโจนเข้าไปซัดหน้าของซาสึเกะ และก็เป็นอีกหลายครั้งเช่นกันที่ซาสึเกะคันไม้คันมืออยากจะเอาขวดสุราซักขวดฟาดใส่หน้าของนารูโตะ

     

    ความสุขุมของคนทั้งคู่ปลิวหายไปทันทีที่เจอกัน...

    นี่มันสงครามของเด็กอนุบาลชัดๆ!

     

                ผู้ติดตามของคนทั้งสองในตอนนี้ต่างพากันจับจองพื้นที่ในมุมมืดของห้องคาราโอเกะเพราะไม่อยากจะไปขัดขวางการประลองของเจ้านาย

     

    แต่จะบอกว่าเป็นการประลองอย่างเดียวก็คงไม่ถูกนัก เพราะนอกจากแข่งกันเติมแอลกอฮอล์เข้ากระแสเลือดแล้ว ต่างฝ่ายต่างก็พากันขุดคุ้ยประวัติคนที่คู่แข่งเคยไปหักอกมา เรียกง่ายๆมันก็คือ การแฉดีๆนี่เอง

    “หนึ่งแก้วสำหรับมาเรีย!

     

    “หนึ่งแก้วสำหรับวิกเตอร์!

    รายชื่อแปลกๆผุดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องทั้งผู้หญิงผู้ชายจนซากุระชักจะสงสัยแล้วล่ะสิว่าตกลงสมัยเรียนมอปลายชายหนุ่มทั้งสองไปเรียนหรือไปทำอะไรกันแน่

     

    ถ้านับรวมๆกันแล้วก็เกินครึ่งร้อยแล้วนะนั่น!

     

    เฮ้อ...บาปกรรมของเหล่าคนหน้าตาดี

     

                “ช่วงนี้เป็นไงบ้างครับ?” เสียงเรียกของจูโกะทำให้เจ้าของดวงตาสีมรกตละสายตาจากการประลองอันแสนงี่เง่า แล้วหันมาสนใจชายหนุ่มอีกคนที่นั่งเงียบมาตลอด

     

    เขาคือลูกชายเจ้าของร้านกาแฟที่เธอชอบไปกับพ่อบ่อยๆ...

    และก็เป็นผู้ชายคนที่พาเธอมาส่งให้ซาสึเกะ...

     

    จูโกะ...

     

               “ก็เรื่อยๆค่ะ ฉันสบายดี” เธอตอบพร้อมกับยิ้มแห้ง ไม่อยากสบตาคนถามเท่าไรนัก

               

    “พี่ขอโทษนะที่ต้องดึงเราให้มายุ่งกับเรื่องแบบนี้” จูโกะพูดอย่างรู้สึกผิด เขาก้มหน้ามองพื้นพยายามซ่อนความอ่อนแอไม่ให้อีกฝ่ายเห็น เขาไม่ขอให้เธอให้อภัย ไม่ขอให้เธอยกโทษให้ เพราะสิ่งที่เขาทำไปมันร้ายแรงกับเธอยิ่งนัก

     

    เขาทำให้เธอต้องตกนรกทั้งเป็น...

    เธอที่เขารัก...

     

                ในขณะที่ปล่อยให้จิตใจจมอยู่กับความรู้สึกผิดที่ก่อตัว จูโกะก็รู้สึกถึงมือเย็นๆสัมผัสอยู่ที่มือของเขา ชายหนุ่มเงยหน้ามองเจ้าของมือก็พบว่าเธอกำลังยิ้ม...

     

    เป็นรอยยิ้มที่แสนเศร้า...

     

                “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ตอนนี้ฉันทำใจได้แล้ว”

     

                “ซากุระ...”

     

                “อย่างน้อยฉันก็ยังรักษาบ้านเอาไว้ได้ ฉันต้องขอบคุณพี่มากกว่า” หญิงสาวพูดพร้อมกับระบายยิ้มอย่างขมขื่น ดวงหน้าหวานพยายามกลั้นน้ำตาที่ทำท่าจะไหล

     

    อาทิตย์หน้าเธอก็ต้องไปพบหมอแล้ว...

     

                “พี่... ไม่รู้จะชดใช้ให้ยังไง”

     

                “ไม่มีอะไรต้องชดใช้นี่คะ”

     

    “...”

     

    “ฉันเข้าใจเหตุผลของพี่ดี...” เธอพูดแล้วยิ้มทั้งน้ำตา ดวงตาสีมรกตมองไปยังคนที่ชอบแผ่รังสีอำมหิตอยู่เป็นประจำ “และฉันก็เข้าใจเจ้านายของพี่ด้วย”

     

    เธอต้องอยู่อย่างเข้าใจ... จะได้ไม่ต้องเจ็บมาก...

     

    “จูโกะ!!!” จู่ๆคนที่กำลังดวลก็หันมาทำตาเขียวใส่เลขาของตน ใบหน้างดงามดุจทูตสวรรค์ของซาสึเกะกำลังบึ้งตึงและเต็มไปด้วยความโกรธ เลขาหนุ่มสะดุ้งเฮือกมือที่ถูกหญิงสาวกุมไว้ร่วงลงไปอยู่ข้างตัว

     

                “ครับ!?!

     

                “ไปนั่งตรงนั้นทำไม มานั่งนี่!!!” ซาสึเกะสั่งเสียงดัง ฝ่ายคนถูกสั่งทำหน้างงเป็นไก่ตาแตก

     

    จู่ๆเรียกเขาไปนั่งข้างๆเนี่ยนะ!

     

                “เอ่อ...”

     

                “เดี๋ยวนี้!

     

                “ครับ!

     

                โดยไม่ต้องให้สั่งเป็นรอบที่สาม จูโกะก็เดินหลบขวดเหล้าที่กองเรียงรายอยู่แล้วไปนั่งใกล้ๆเจ้านายหนุ่มที่มองตาขวาง เขาทิ้งระยะเอาไว้ราวๆหนึ่งเมตรเพื่อให้แน่ใจว่าตัวเองจะอยู่พ้นรัศมีการทำลายของซาสึเกะหากเจ้าตัวเกิดคลั่งขึ้นมา

     

                “ชอบให้สั่งหลายรอบ มีหัวไว้คั่นหูรึไง!?!” ซาสึเกะบ่นเสียงดังแต่ไม่รู้ว่าเธอรู้สึกไปเองหรือเปล่าว่าถึงเขาจะกำลังพูดกับจูโกะแต่สายตาทิ่มแทงนั่นน่ะมองมาทางเธอชัดๆ!

     

                “ซากุระจัง!” ด้านนารูโตะเองก็ไม่ได้น้อยหน้า เขาตะโกนเรียกเธอด้วยสรรพนามที่ไม่คุ้นหูนัก

     

    เมาแล้วแน่ๆ

     

                “คะ?”

     

                “มานั่งใกล้ๆพี่ครับ!

     

    เมาปลิ้นเสียด้วย...

     

                “ฉันว่าพี่เมาแล้วล่ะค่ะ พรุ่งนี้มีงานประมูล...”

     

                “ไม่ครับพี่ยังไม่เมา!

     

    ตาปรือซะขนาดนั้นน่ะนะ!

    ส่วนอีกคนก็ตาขวางซะ!

     

                เธอบ่นในใจแต่ก็ยอมเดินไปนั่งข้างๆท่านประธานหนุ่มที่ศีรษะเริ่มโคลงเคลงเอียงกะเท่เร่ แล้วงานประมูลวันพรุ่งนี้จะทำอย่างไรหนอ? สภาพเละเทะขนาดนี้มีหวังคงได้แฮงค์จนตื่นไปประมูลกันไม่ทันแน่ๆ

     

    ทำอะไรไม่เคยคิดเลย!

     

                “ขอพิงหน่อยนะ” พูดไม่พูดเปล่านารูโตะเอนตัวซบเข้าที่ไหล่ของเธอจริงๆ หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็ยอมเป็นหลักให้อีกฝ่ายพิง เธอได้ยินเสียงฮึดฮัดขัดใจดังมาจากคู่ประลองของเจ้านาย

     

                “โซเฟีย โอลิเวีย เอลิสัน รีเบคก้า เคลลี อลิเซีย เกรซ! โถ่เว้ย!!! ถอยออกมานะ!” ซาสึเกะพ่นชื่อหญิงสาวซึ่งเธอค่อนข้างมั่นใจว่าคงเป็นอดีตคู่ขาของนารูโตะเป็นแน่ แต่ประโยคสุดท้ายของเขานี่สิ...

     

    ถอยออกมา

    เหมือนจะเป็นประโยคคำสั่งมากกว่าประโยคบอกเล่า

     

                “...”

     

                “ฉันบอกให้ถอย!!!

     

                ซาสึเกะกระชากเสียงสั่งเป็นครั้งที่สองทำให้ซากุระเผลอขยับตัวออกห่างจากนารูโตะที่กำลังเอนศีรษะพิงไหล่เธออย่างไม่รู้ตัว ฝ่ายคนสูญเสียหลักพิงก็เหมือนจะได้สติหน่อยๆจากการที่หัวของเขาหล่นกระแทกพื้นโซฟานุ่มๆ นารูโตะเงยหน้าขึ้นมามองคนที่กำลังจ้องเขาตาเขียว

     

                “นายเมาแล้วมั้งซาสึเกะ พูดอะไรไม่รู้เรื่อง”

     

                “ต่อ!” ฝ่ายคนพูดไม่รู้เรื่องก็ยังคงท้าประลองต่อไป มือหนายกขวดสุราที่มีเปอร์เซ็นต์แอลกอฮอล์สูงลิบเทลงใส่แก้วทรงสูงจนเต็มก่อนจะกระดกดื่ม

     

                “พอเถอะค่ะ” ซากุระเผลอร้องห้ามเมื่อเห็นใบหน้าขาวของซาสึเกะแดงก่ำไปด้วยฤทธิ์ของสุรา ลืมเสียสนิทว่าต่อหน้าคนอื่นเธอกับเขาคือคนแปลกหน้ากัน

     

                “อย่าสะเออะมายุ่ง!

     

                “...”

     

    ถ้อยคำร้ายกาจที่ตอบแทนความหวังดีของเธอทำให้หญิงสาวรู้สึกสะอึกไปเล็กน้อย แต่อาจจะเพราะความเคยชินกับวาจาร้ายกาจของเขาทำให้เธอไม่รู้สึกเสียใจมากนัก...

     

    ไม่รู้สึก...

    จริงๆหรือ?

     

                “จะพูดจะจาอะไรก็ไว้หน้าฉันบ้างนะ!” กลายเป็นฝ่ายเจ้านายของเธอที่โกรธแทน นารูโตะที่หน้าแดงก่ำเพราะฤทธิ์สุราผสมกับความโกรธมองหน้าคู่กรณีราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

     

    “ซากุระมากับฉัน นายไม่มีสิทธิ์ตะคอกใส่เธอ!

     

    “ปกป้องกันดีเหลือเกินนะ”

     

    “เค้าเป็นผู้หญิงของฉัน”

     

    ประโยคเดียวสั้นๆทำให้ซาสึเกะชะงักไป ผู้หญิงของฉัน? ไอ้บ้านั่นมันกำลังจินตนาการอะไรอยู่!?! เขาล่ะอยากจะเอาใบทะเบียนสมรสที่อิทาจิยึดไว้มาปาใส่หน้ามันเหลือเกิน แต่ไม่สิ... จะให้คนนอกรู้ความสัมพันธ์ของเขาไม่ได้ มันน่าอับอายเกินไป

     

                “เหอะ! รสนิยมการเลือกผู้หญิงของนาย ต่ำถึงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ คิดยังไงถึงได้ไปคว้าผู้หญิงสั่วๆแบบนี้มาควง!” ซาสึเกะสวนกลับไปพร้อมกับแสยะยิ้ม

     

    “มันจะมากไปแล้วนะ!

     

    “ทำไม? แต่ก็เหมาะสมกันดีนะ ไอ้หมาขี้แพ้กับแม่เสือสาวมั่วไม่เลือก!

     

    แล้วเหตุการณ์ชุลมุนขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อนารูโตะถลาตัวเข้าไปหาซาสึเกะหมายจะตะบันหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่ายให้ล้มคว่ำไปแต่ยังดีที่หญิงสาวรั้งตัวเขาเอาไว้ได้ ในขณะเดียวกันจูโกะเองก็ทำหน้าที่รั้งตัวเจ้านายที่ตั้งท่าเตรียมแลกหมัด

     

    “คุณซาสึเกะครับ!” เลขาหนุ่มเอ่ยเตือนแต่ก็ต้องผงะไปเมื่อได้ยินถ้อยคำโต้ตอบของเจ้านาย

     

    “นายก็พอกันจูโกะ! เห็นนั่งอี๋อ๋ออยู่ด้วยกันตั้งนาน เป็นหนึ่งในคอลเล็กชั่นของแม่นี่รึไง!?!

     

    “ไอ้ซาสึเกะ!!!” นารูโตะตะคอกแทบจะเก็บกักความโกรธไว้ไม่อยู่ เขากำมือแน่นจนเส้นเลือดที่มือปูดโปน

     

    “สวะ!” ซาสึเกะสบถใส่อีกรอบ

     

    “เวลาเมาแล้วมันด่ากราดแบบนี้เลยรึไง” เจ้าของเรือนผมสีทองที่ดูเหมือนจะมีสติมากกว่าถามเลขาของอีกฝ่ายที่กำลังใช้ความพยายามอย่างหนักในการห้ามเจ้านายตัวเองไม่ให้ยกสุราแก้วถัดไปขึ้นดื่ม

     

                “ความจริง...ผมยังไม่เคยเห็นคุณซาสึเกะเมาเลยครับ นี่เป็นครั้งแรก” จูโกะตอบตามตรง ตั้งแต่ทำงานด้วยกันมาเขายังไม่เคยเห็นซาสึเกะเมาเลยสักครั้ง ถึงแม้ว่าจะเคยเห็นเจ้านายของตนร่ำสุราอยู่กับทนายเพื่อนสนิทยันเช้าก็เถอะ แต่สุรารสร้อนแรงนั่นก็ไม่เคยสร้างความเสียหายให้กับสติสัมปชัญญะของซาสึเกะ

     

     จะว่าเป็นคนที่คอแข็งสุดๆก็คงจะไม่ผิด

    แล้วทำไมครั้งนี้ถึงได้เมาได้ง่ายดายปานนี้หนอ?

     

                “ยอมแพ้แล้วเหรอครับ คุณที่สอง หึ! กระจอกเหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิด!” คนเมายังปากดีพูดต่อเล่นเอาคนยังไม่เมาเท่าไหร่ถึงกับเลือดขึ้นหน้า

     

                “ฉันคงจะได้ฆ่ามันเร็วๆนี้แหละ” นารูโตะพูดพลางกัดฟันกรอด

     

    “ยัง! จะต่ออีกกี่แก้วก็มา!

     

    .

    .

    .

     

    หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นสถานการณ์ก็กลับมาอยู่ในสภาพปกติ เงียบ...เป็นปกติ... เพราะตอนนี้ผู้เข้าแข่งขันชิงแชมป์คอทองแดงต่างพากันหมดสภาพไปตามๆกัน นารูโตะที่เธอคิดว่าคงมีประสบการณ์ด้านนี้มาไม่น้อยกลับล้มพับไปก่อนโดยที่ซาสึเกะยังคงประคองตัวให้อยู่ในท่านั่งได้แต่ก็เรียกว่าใกล้ล้มเต็มที

     

                “สภาพดูไม่ได้ทั้งคู่” ร่างบางพูดอย่างอ่อนใจ เธอเขยิบเข้าไปใกล้ประธานหนุ่มที่ตอนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวฉุนกึกไปด้วยกลิ่นของสุรา

     

    จะแบกกลับไปยังไง?

     

                “พี่คงต้องพาคุณซาสึเกะขึ้นไปพักก่อน รอพี่อยู่ที่นี่นะครับเดี๋ยวพี่จะมาช่วยแบกคุณนารูโตะ” จูโกะหันมาบอกกับหญิงสาว เธอพยักหน้ารับรู้ก่อนจะเอื้อมมือปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของประธานหนุ่มสองสามเม็ดเพื่อให้อีกฝ่ายหายใจหายคอได้สะดวกขึ้น

     

                “ไม่ต้อง!” ซาสึเกะตะคอกเสียงดังเมื่อเลขาคนสนิททำท่าจะเข้ามาพยุงตัวเอง “เอาตัวไอ้บ้านั่นออกไป ฉันมีเรื่องจะคุยกับยัยนี่แค่สองคน”

     

                “!!!

     

                ประโยคคำสั่งของซาสึเกะทำให้คนสองคนที่ยังมีสติสัมปชัญญะครบถ้วนต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ดวงตาสีมรกตของซากุระฉายแววประหวั่นอย่างปิดไม่มิด

     

                “ไม่ดีมั้งครับ” จูโกะพูดก่อนจะเงียบไปเมื่อเห็นสายตาข่มขู่ของเจ้านาย

     

                “นายเป็นใครถึงกล้ามาบอกฉันว่าดีหรือไม่ดี?” ซาสึเกะพูดเสียงเรียบ

     

    ใช่สิ! เสียงของเขาเรียบมาก...

    จนไม่เหมือนคนเมาเลยสักนิด!

     

    “เอาตัวนารูโตะออกไป”

     

                “ฉัน...ฉันไปด้วยคนค่ะ!” ซากุระพูดพร้อมกับลุกขึ้น

     

    เธออยู่ที่นี่ไม่ได้หรอก...

    กลิ่นอันตรายฉุนจมูกซะขนาดนี้...

     

                “อยู่ที่นี่!” ซาสึเกะตวาดเสียงดังทำให้คนที่กำลังจะลุกหนีถึงกับแข้งขาอ่อนแรง หญิงสาวทิ้งตัวลงบนโซฟาอีกครั้ง

     

    หมดทางหนีแล้ว...

     

                “ออกไปได้แล้ว และไม่ต้องกลับลงมาที่นี่อีก” 

     

                หลังจากที่จูโกะพาตัวนารูโตะที่เมาไม่ได้สติออกไปแล้ว ห้องคาราโอเกะที่เคยเต็มไปด้วยเสียงก่นด่าและคำสบถก็เงียบกริบลงจนเหมือนร้าง ซากุระไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงๆเลยด้วยซ้ำเพราะกลัวว่ามันจะไปกระตุกต่อมอะไรสักอย่างจนทำให้คนที่คลุ้มคลั่งง่ายอย่างเขาโกรธขึ้นมา

     

    เธอไม่ได้ทำอะไรผิด...

    ไม่มีอะไรต้องกลัว...

     

                ซากุระท่องในใจ แต่ถึงกระนั้นมันก็ไม่ได้ทำให้เธอสบายใจหรือรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาเลยสักนิด มันเงียบเกินไปแล้ว... ไม่มีถ้อยคำดูถูกถากถางที่ฟังแล้วเจ็บปวดก็จริงแต่บรรยากาศที่ถูกทิ้งให้เงียบกริบแบบนี้มันกัดกร่อนจิตใจเธอได้ยิ่งกว่าคำดูถูกเสียอีก!

     

                “ตามฉันมา” ซาสึเกะเอ่ยทำลายความเงียบก่อนจะลุกขึ้นยืน น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความกดดันจนเธอรู้สึกเสียววาบในใจ

     

                “คุณ...”

     

    “ห้ามพูดห้ามถามแล้วตามมาเงียบๆ!

     

     

     

                กลับมาต่อให้ครบแล้ววว จริงๆไอ้ครึ่งแรกที่ลงไปอย่าเรียกว่า 50% เลยค่ะเพราะมันมีแค่ 8 หน้า ครึ่งหลังที่เหลือคือ 21 หน้า เอิ่ม ตอนนี้จะยาวไปหนายยยยT^T บอกตามตรงว่าที่ช้าเป็นเพราะนั่งแก้ไปหลายรอบมากกก เปลี่ยนเหตุการณ์ไปรึก็เยอะเพราะไม่รู้จะถ่ายทอดอารมณ์เจ้าเกะออกมายังไง สุดท้ายมันก็มาด้วยประการฉะนี้แล ไรท์ปล.ไว้ก่อนว่าตอนต่อไปคงใช้เวลาแต่งค่อนข้างนานเพราะ...(ทำหน้ากรุ้มกริ่ม) รู้ๆกันอยู่น่ะนะ ฮ่าๆๆ ไม่ๆ เราจะไม่สปอยล์อย่างเด็ดขาด >.<

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×