คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : CHAPTER 17 : แยกกันอยู่
บทที่ 17 แยกกันอยู่
ภายในห้องประชุมของสำนักงานใหญ่ธนาคารอุจิวะเต็มไปด้วยบรรยากาศกดดัน ผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหัวหงอกหัวดำพากันนั่งแทบไม่ติดเก้าอี้เมื่อบุคคลที่กำลังพูดอยู่ในขณะนี้คือชายที่ทรงอิทธิพลผู้กุมบังเหียนธนาคารอุจิวะและเป็นหนึ่งในผู้กำหนดกระแสเศรษฐกิจของประเทศ
ราชาแห่งอาณาจักรการเงิน...
อุจิวะ ซาสึเกะ!
“...ผมเห็นว่าเราควรเพิ่มข้อเสนอสำหรับผู้ที่ฝากประจำ แต่เราเพิ่มอัตราดอกเบี้ยไม่ได้มากไปกว่านี้แล้วเพราะฉะนั้นผมจะอนุมัติโปรเจ็คต์มอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าฝากประจำที่ผู้จัดการคาคาชิเสนอทดแทนให้” ซาสึเกะเอ่ยเสียงราบเรียบ ใบหน้าหล่อเหลาดูเรียบเฉยไม่แสดงอาการป่วยออกมาแม้แต่นิดทั้งที่ตอนเช้าเขายังลุกจากเตียงแทบไม่ไหว
อาจจะเพราะพักผ่อนเพียงก็เลยทำให้อาการไม่ทรุดหนักลงไปอีก...
“แต่ยอดขายประกันของเรายังสูงอยู่นะครับท่านประธาน” หนึ่งในผู้เข้าร่วมประชุมเอ่ยท้วง “หากทางเราต้องการจะดึงเงินเข้าธนาคารมากขึ้นก็น่าจะโฟกัสไปที่ยอดขายกรมธรรม์จะดีกว่า มันเสถียรและยั่งยืนกว่าเงินที่จะได้จากพวกลูกค้าฝากประจำอีกนะครับ”
“ไม่ ไม่ใช่...” ซาสึเกะแย้งขึ้นอย่างใจเย็น “ยอดขายประกันของเราจะตกฮวบลงทันทีในอีกสองเดือนข้างหน้า... เพราะธนาคารฟุวะจะเสนอประกันภัยแบบใหม่ที่ครอบคลุมโรครวมถึงอุบัติเหตุต่างๆมากกว่าเราและผลตอบแทนที่ได้ก็ดูเหมือนว่าจะดีกว่าของทางเราด้วย ดังนั้นในระยะเวลาอันใกล้นี้ผมมั่นใจว่าเราไม่มีทางสู้เรื่องยอดขายประกันกับฟุวะได้แน่ๆ”
“แต่ความเชื่อมั่น...”
“ความเชื่อมั่นกินไม่ได้...” เขาสวนขึ้นแทบจะในทันทีจนคนเอ่ยท้วงหน้าซีดตัวสั่น “ถ้ามองจากมุมมองลูกค้าผมย่อมจะเลือกลงทุนกับธนาคารที่ดูจะให้ผลกำไรดีกว่าอยู่แล้ว ไอ้คำว่า ‘ธนาคารอันดับหนึ่ง’ ในตอนนี้ไม่ได้มีความหมายอะไรเลย ดังนั้นผมขอให้พวกคุณทำใจ... ต่อจากนี้เราจะหวังพึ่งเงินทุนจากส่วนของการขายประกันเป็นหลักไม่ได้อีกแล้ว”
“ถ้างั้นเราก็เพิ่มข้อเสนอให้ทัดเทียมกับของธนาคารฟุวะสิครับ” ผู้จัดการสาขาอาวุโสคนหนึ่งเสนอ “ถ้าเรายื่นข้อเสนอที่เท่าเทียมกันเพียงเท่านี้เราก็จะเหนือกว่าฝั่งนั้นทุกด้าน ลูกค้าก็จะไม่หนีเราไปและเราก็จะยังทำยอดขายให้สูงขึ้นได้เรื่อยๆเหมือนเดิมได้”
“สิ่งที่ฟุวะทำจะให้ผลดีในทีแรกและมันจะล้มครืนลงมาทันทีโดยใช้เวลาไม่ถึงสิบปีเพราะข้อเสนอที่ดูอุดมคติเกินไป...” ผู้บริหารสูงสุดพูดพร้อมกับกวาดตามองเหล่าผู้บริหารระดับล่างที่ทำท่าอ้าปากจะแย้งขึ้นทีละคนจนคนมองถึงกับเสียวสันหลังวาบ เมื่อไม่เห็นว่ามีใครพูดอะไรนายธนาคารใหญ่ก็หันกลับมาสนใจชาร์ตผลประกอบการของธนาคารที่วางอยู่ตรงหน้าก่อนจะพูดต่อ
“ถ้ามองเป็นเกมก็เหมือนว่าตอนนี้ทางฝั่งนั้นกำลังขุดกับดักล่อเราอยู่ หากเราลงไปเล่นด้วยก็ต้องแลกกับผลประโยชน์ของธนาคารที่จะเสียไปไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ แบบนั้นผมไม่เอาด้วยหรอกครับ การทุ่มเงินจำนวนมหาศาลเพื่อซื้อใจลูกค้าน่ะให้ฟุวะบ้าไปคนเดียวก็พอแล้ว...”
“...”
“...เราอยู่ในวงการธุรกิจเวลาจะมองขอให้มองแบบก้าวกระโดด ถ้ามองแค่ใกล้ๆจนก้าวพลาดไปมันจะกู้อะไรคืนมาไม่ได้... อุจิวะเคยล้มมาครั้งนึงแล้วและผมก็จะไม่ทำให้มันต้องล้มอีกเป็นครั้งที่สอง”
“...”
“ถ้าไม่มีใครจะพูดอะไรต่อแล้วผมขอปิดการประชุม เอกสารการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินที่ผมสั่งให้พวกคุณทำขอให้ส่งผมภายในสัปดาห์นี้นะครับ ถ้าใครส่งช้าแม้แต่วันเดียว... ผมจะตั้งข้อสงสัยว่าเป็นผู้ทุจริตทันที”
สิ้นเสียงของประธานใหญ่แห่งอุจิวะ ผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหมดก็ทยอยลุกจากเก้าอี้ หลายคนทำสีหน้าประหลาดเพราะไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจที่ดูจะไร้สาระของประธานหนุ่ม แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีใครกล้าแย้งอะไรออกมาเพราะลึกๆแล้วทุกคนต่างก็เชื่อใจกับการตัดสินใจที่เฉียบขาดและเฉียบคมของหัวเรือใหญ่แห่งธนาคารอุจิวะ
ราชาไม่เคยก้าวพลาด...
นั่นเป็นสิ่งที่ทุกคนรู้ดี!
“เสร็จจากประชุมนี่ฉันมีงานอะไรต่ออีกมั้ย” ซาสึเกะถามเลขาสารพัดประโยชน์ที่เดินตามหลังต้อยๆ ทันทีที่เดินออกมาจากห้องประชุม
“เฉพาะงานที่นอกเหนือจากตารางปกติก็ไม่มีแล้วครับ แต่ยังมีเอกสารการขอกู้ยืมเงินกับเอกสารขอผ่อนผันอยู่อีกสามแฟ้มที่รอการพิจารณา ผมเอาทั้งหมดไปวางไว้ในห้องของคุณซาสึเกะแล้วครับ” ซุยเงสึตอบขึ้นทันทีหลังจากหยิบสมุดบันทึกของตนขึ้นมาดู
“เอสเอ็มอี?”
“เป็นเอสเอ็มอีสิบสองบริษัทกับบริษัทขนาดใหญ่ห้าบริษัทครับ”
“แยกเอสเอ็มอีออกไปเอาแต่ข้อเสนอของพวกบริษัทใหญ่มาให้ฉัน”
“เอ่อ...วันนี้คุณซาสึเกะ...”
“วันนี้ฉันเหนื่อยไม่มีเวลาไปดูแลเรื่องบริษัทเล็กๆหรอก นายเอาไปทำแล้วเขียนรายงานมาให้ฉันก็แล้วกัน ส่วนของที่จะเอาให้ฉันดูก็เอาไปส่งที่บ้าน”
“ครับ” ซุยเงสึรับคำอย่างงงงัน น้อยครั้งจริงๆที่ซาสึเกะจะยอมปล่อยให้งานพิจารณาอนุมัติเงินกู้แบบนี้ตกมาถึงมือเขา ครั้งล่าสุดคือเมื่อสองปีก่อนตอนที่ธนาคารปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำแล้วมีบริษัทขนาดเล็กขนาดใหญ่มายื่นขอกู้เงินกันวันละหลายสิบบริษัทจนเจ้านายของเขาไม่สามารถตรวจดูด้วยตัวเองได้หมดนั่นแหละ
แต่คราวนี้มีแค่สิบเจ็ดบริษัท...
แถมตัวเองยังเอาไปดูแค่ห้าบริษัท...
น่าสงสัย...
“แล้วเรื่องสัมปทาน?” ซาสึเกะไม่ปล่อยให้เลขาของตนคิดฟุ้งซ่านอยู่นาน เขาถามขึ้นทันทีเมื่อนึกถึงเรื่องสำคัญที่มอบหมายให้อีกฝ่ายไปจัดการได้
“ผมเตรียมเอกสารให้เรียบร้อยแล้วครับ ว่าแต่คุณซาสึเกะจะเดินทางไปด้วยตัวเองจริงๆหรือครับ มันค่อนข้างไกล...”
“นี่เป็นก้าวแรกของอุจิวะที่จะทำธุรกิจการท่องเที่ยว มันจะพลาดไม่ได้และแน่นอนว่าฉันคงไม่บ้าพอที่จะปล่อยให้คนอื่นทำ” ซาสึเกะตอบด้วยเสียงเนิบๆ เขาเดินเลี้ยวเข้าไปในห้องทำงานพร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางทิ้งไว้บนโต๊ะก่อนจะออกไปประชุมใส่กระเป๋าแล้วหันมาพูดกับคนที่ยืนสงบเสงี่ยมอยู่ตรงประตู
“บอกให้คนขับรถไปรอรับฉันที่หน้าสำนักงานในอีกสิบนาที อ้อ และวันนี้พอส่งพี่เสร็จฉันจะกลับบ้านเลย ไม่ต้องเตรียมมื้อเย็นให้ฉัน”
“หา!?!” เลขาหนุ่มร้องเสียงหลง
นี่เขาฟังอะไรผิดไปหรือเปล่า?
เจ้านายของเขาจะกลับบ้านทั้งที่ตะวันยังไม่ตกดินเนี่ยนะ!?!
“เอ่อ...นี่เพิ่งจะบ่ายสามเองนะครับ และคุณอิทาจิก็ขึ้นเครื่องตอนบ่ายสามครึ่ง ยังเหลือเวลาอีกตั้ง...”
“ฉันบอกว่าฉันจะกลับบ้านไง” คนสั่งพูดด้วยเสียงหงุดหงิด ความจริงเขาก็ไม่อยากจะกลับบ้านเร็วและเอางานทุกอย่างมาจัดการด้วยตัวเองอยู่หรอก แต่ว่าที่ต้องกลับเร็ววันนี้น่ะ...
เพราะมีคดีจะเคลียร์กับคนที่บ้าน...
ทำเอาไว้ซะแสบ...
“แต่...”
“ไปได้แล้ว!”
สิ้นเสียงประกาศิตที่มาพร้อมกับสายตาแข็งกร้าวทำให้ซุยเงสึหมดคำแย้งในทันที เจ้าของดวงตาสีอะเมทิสต์โค้งให้เจ้านายหนุ่มก่อนจะเผ่นแผล็วออกไปแทบไม่ทันเพราะเกรงว่าหากยืนอยู่ตรงนั้นต่ออีกแม้แต่วินาทีเดียวคงไม่พ้นถูกสายตาดุๆนั่นเผาจนเป็นจุลแน่
วันนี้เจ้านายของเขามาแปลก!
ถ้าไม่อยากตายก็อยู่ให้ห่างๆจะดีกว่า!
.
.
.
เจ้าเล่ห์!
นั่นเป็นคำเดียวที่ซาสึเกะพอจะนึกได้ตอนนี้จริงๆ ยิ่งคิดถึงใบหน้าที่ดูดื้อตาใสของอีกฝ่ายมันก็ยิ่งทำให้อารมณ์หงุดหงิดทวีคูณเป็นสิบเท่า
ร่างสูงทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มอย่างอ่อนแรง นัยน์ตาคมมองไปยังขวดยาแก้ไข้ที่วางอยู่ข้างๆแก้วน้ำที่บัดนี้ว่างเปล่าแล้วเขาก็ต้องเอามือตบหน้าผากตัวเองอย่างแรงเมื่อมองมันแล้วดันนึกถึงเหตุการณ์อันน่าอับอายของตัวเองเมื่อคืน
เมื่อคืนเขาถูกบังคับให้ตื่นขึ้นมากินยา...
ไม่สิ! เรียกว่าถูกจับเอายากรอกปากแล้วตามด้วยน้ำจะดีกว่า!
ยาน้ำแก้ไข้สำหรับเด็กด้วยนะ!
เรียกได้ว่าเป็นความอับอายและความขยะแขยงเกินจะกล่าวจริงๆ แค่นึกถึงก็ยังทำให้ขนลุกขนพองได้ขนาดนี้แล้ว
ทำไมยัยนั่นถึงได้กล้าขนาดนี้!
หลังจากเก็บสะสมความคับแค้นใจเอาไว้จนเต็มลิมิต วันนี้ซาสึเกะตั้งใจจะกลับมาสั่งสอน ‘คนในปกครอง’ ให้รู้จักที่ต่ำที่สูงเสียหน่อยก่อนที่เธอจะต้องระเห็จออกจากบ้านเขาไป แต่เขาที่กลับมารอตั้งแต่สี่โมงครึ่งจนตอนนี้เกือบทุ่มครึ่งก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาหัวสีชมพูของอีกฝ่าย และเมื่อลงไปดูที่ห้องเก็บของที่เล็กเท่ารูหนูที่เจ้าหล่อนใช้เป็นที่นอน ร่างสูงก็แทบจะล้มทั้งยืนเมื่อห้องเก็บของนั้นไม่เหลือข้าวของของเจ้าหล่อนเลยสักชิ้น! ที่เห็นก็มีแต่กองผ้าห่มหนาๆที่ถูกพับเก็บไว้อย่างดีกับของๆเขาที่ถูกเก็บไว้ในห้องมาแต่เดิม แต่ทั้งเสื้อผ้าและกระเป๋าเดินทางโกโรโกโสนั่นก็หายไป
หล่อนเก็บของออกไปจากบ้านตั้งแต่เช้า!
พอรู้ความจริงเท่านั้นล่ะราชาก็เหมือนถูกตบหน้าอีกครั้งโดยผู้หญิงคนเดิม เขาเดินปึงปังกลับขึ้นไปยังชั้นสองก่อนจะโทรสั่งพ่อบ้านให้ทำกับข้าวกับปลามาส่งอย่างหงุดหงิด
บอกให้เก็บของไปตอนเย็นแต่นี่เล่นขนออกไปตั้งแต่ตอนเช้า!
ชักจะขัดคำสั่งกันมากเกินไปแล้วนะ!!!
ด้านคนขัดคำสั่งตอนนี้ก็เอาแต่นอนจ้องเพดานห้องสีครีมที่คุ้นเคยมาตั้งแต่เด็ก นี่เป็นครั้งแรกในรอบเดือนกว่าที่เธอได้มีโอกาสกลับมานอนที่ ‘บ้าน’ ของตัวเองอีกครั้ง ร่างบางหลับตาพริ้มพร้อมกับระบายยิ้มเศร้าๆ
เธอไม่อยากกลับไปอยู่ที่บ้านหลังนั้นอีกแล้ว...
บ้านที่...
มีเขาคนนั้นอยู่...
พอคิดมาถึงตรงนี้แล้วหัวใจดวงน้อยก็เริ่มเต้นเป็นจังหวะประหลาดอีกหนจนเธอต้องยกมือขึ้นทาบอกอย่างตกใจ หัวใจของเธอมันออกอาการประหลาดมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ตั้งแต่ที่เธอ...
นอนกอดเขา...
ใบหน้าหล่อเหลายามหลับของเขาช่างดูไร้เดียงสา...
ลมหายใจอุ่นๆที่เธอสัมผัสมาทั้งคืน...
คิดแล้วใบหน้าหวานก็แดงเรื่อขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ นี่เธอกำลังหวั่นไหวหรือ? กำลังหวั่นไหวกับคนใจร้ายที่เห็นผู้หญิงเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำเนี่ยนะ!?!
บ้าไปแล้วรึไง!?!
ซากุระพยายามเก็บความคิดประหลาดของตัวเองแล้วปิดตายมันในส่วนที่ลึกที่สุดของจิตใต้สำนึก ที่เธอออกอาการประหลาดแบบนี้มาทั้งวันมันคงเป็นเพราะเธอเองแทบไม่เคยอยู่ใกล้ชิดกับผู้ชายคนใดมากขนาดนี้มาก่อน อย่าว่าแต่นอนกอดเลย จับมือก็ยังไม่เคยด้วยซ้ำ! เธอไม่เคยมีแฟนและยังบริสุทธิ์ร้อยเปอร์เซ็นต์แม้ว่างานพิเศษที่เธอเคยทำมันจะไม่ชวนให้คิดไปทางนั้นเลยสักนิด แต่เธอก็ยังเป็นแค่หญิงสาวที่ไม่ประสีประสาอะไรกับความรักและบุรุษเพศ การที่ได้เข้าไปอยู่ในบ้านเดียวกันกับผู้ชาย... ไม่สิ! ผู้ชายแค่เปลือกนอก...กับต้องนอนกอดเขาทั้งคืนแบบนั้นมันก็ต้องทำให้เธอหวั่นไหวเป็นธรรมดา
ก็แค่หวั่นไหว!
หวั่นไหวเพราะมันยังไม่เคยเท่านั้นแหละ!
เธอไม่ได้กำลังคิดถึงเขาสักหน่อย!
ในขณะที่ปล่อยให้ความคิดของตัวเองตีกันอย่างหนักในสมอง เสียงริงโทนอันคุ้นหูก็ปลุกให้ร่างบางยุติความคิดแปลกๆพิสดารของตัวเอง มือเรียวเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่อยู่ข้างตัวขึ้นมาดูเบอร์ของคนที่โทรเข้า ดวงตาคู่สวยเบิกโพลงอย่างตกใจเมื่อคนที่โทรเข้ามาเป็นคนเพิ่งขโมยจุ๊บหน้าผากเธอไปเมื่อตอนกลางวัน
ผู้ชายอีกคนที่ช่วงนี้เข้ามามีบทบาทในชีวิตของเธอมากซะเหลือเกิน!
“ว่างมั้ยครับ?” นั่นเป็นคำถามแรกที่เธอได้ยินทันทีที่กดรับสาย เขาไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ทักทายเลยด้วยซ้ำ ซากุระหยัดกายลุกขึ้นจากเตียงแล้วมานั่งอยู่ที่เก้าอี้หน้าโต๊ะเขียนหนังสือแทน
“ก็...ว่างค่ะ ท่านประธาน...” เธอตอบกลับไปแต่รออยู่นานก็ไม่ได้ยินอีกฝ่ายตอบอะไรกลับมาจนเธอนึกสงสัย ก่อนที่เธอจะนึกอะไรขึ้นมาได้
อย่าบอกนะว่าเขา...
“พี่นารูโตะมีธุระอะไรรึเปล่าคะ?” กลั้นใจถามออกไปทั้งที่ปากยังสั่น
กระดากปากจริงๆ!
“ออกมาหาพี่หน่อยได้มั้ย?” ทันทีที่เธอยอมเปลี่ยนคำเรียกใหม่ อีกฝ่ายก็ถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริงจนผิดปกติก่อนจะหัวเราะ
“พี่ไม่ได้จะเอาไปทำมิดีมิร้ายหรอกน่า ไม่ต้องทำหน้าเหวอขนาดนั้นก็ได้”
“มะ...ไม่ได้ทำหน้าแบบนั้นซักหน่อย!” เธอกำลังโกหก... เพราะสิ่งที่เขาพูดมันตรงกับอาการของเธอในตอนนี้เป๊ะ
จู่ๆก็มาชวนออกไปข้างนอก...
ใครเป็นเธอก็ต้องช็อค!
“อย่ามาโกหกเลยน่า~ แค่เดาดูพี่ก็รู้แล้ว อย่าลืมสิว่าพี่ตามส่องเราทุกวันนะแค่เดาสีหน้าของเราน่ะสบายมาก” เสียงทุ้มเอ่ยทั้งๆที่ยังกลั้วหัวเราะ “ตอนนี้คงกำลังเขิน”
“บ้า...” เธอเผลอพูดออกไป มือเล็กกำโทรศัพท์แน่นชนิดที่ว่าถ้ามันไม่ได้ทำด้วยวัสดุอย่างดีคงได้แตกละเอียดไปแล้ว
เธอกำลังเขินจริงๆ!
“จะชวนคุยเรื่องงานน่ะครับ ไม่น่ากลัวหรอก หึๆ” ปากบอกไม่น่ากลัวแต่น้ำเสียงนี่ชวนขนลุกชัดๆ! ถึงจะไม่อยากคิดไปในทางเสื่อมเสียแต่ภาพของเขาที่ล่อผู้หญิงไปกินสดบนรถมันยังติดตาเธออยู่เลย!
“รายละเอียดเดี๋ยวค่อยคุยกันก็แล้วกัน รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้านะครับ พี่ให้เวลาอีกแค่ยี่สิบนาที ถ้าเกินนี้แล้วพี่จะไปลากตัวออกมาจากบ้านนะ”
“เดี๋ยวสิคะ...”
พอขู่เสร็จก็ตัดสายทิ้งไปทิ้งให้เธองงงวยกับคำชวนสายฟ้าแลบอยู่พักใหญ่ แล้วจู่ๆร่างบางก็เอะใจอะไรขึ้นมาบางอย่าง
ประโยคของเขา...
‘ถ้าเกินนี้แล้วพี่จะไปลากตัวออกมาจากบ้านนะ’
และด้วยความสงสัยนั้นทำให้หญิงสาวรีบวิ่งไปที่หน้าต่างก่อนจะกระชากมันให้เปิดออกแล้วยื่นหน้าออกไปดู และสิ่งที่เธอเห็นมันก็ทำให้เธอแทบช็อค
นารูโตะกำลังยืนยิ้มโบกมือให้เธออยู่หน้าบ้าน!
นี่มันอะไรกัน!?!
เขารู้จักบ้านของเธอได้ยังไง!?!
แล้วทำไมจู่ๆถึงมาชวนออกไปนอกบ้านแบบนี้!?!
ซากุระเดินเซกลับมานั่งแหมะหมดแรงอยู่ที่เตียงอีกครั้ง ในหัวคิดเรื่องโน้นเรื่องนี้สับสนไปหมด ตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทั้งกับเขาคนนั้นและกับตัวเธอเอง...
เขาไปเมากัญชามาจากที่ไหนหรือเปล่า?
หรือกินยาผิดสำแดงจนเพี้ยนไปแล้ว!?!
.
.
.
หลังจากรอหญิงสาวอาบน้ำแต่งตัวโดยใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาที นารูโตะก็พา ‘เด็กฝึกงาน’กิตติมศักดิ์ที่เขาอุตส่าห์แวะไปช้อนตัวมาจากบ้านของเจ้าตัวเข้ามานั่งในร้านอาหารเล็กๆร้านหนึ่งที่ตกแต่งร้านด้วยโคมไฟหลากสีสันอย่างน่ารักและดูโรแมนติก ทันทีที่เดินเข้ามาในร้านร่างเล็กที่เดินตามหลังก็เผลอร้อง ‘ว้าว’ ออกมาจนคนเดินนำหันกลับไปมองแล้วก็ต้องอดยิ้มออกมาไม่ได้เมื่อเห็นใบหน้าสวยหวานของอีกฝ่ายกำลังยิ้มแก้มปริให้กับบรรยากาศของร้านที่เขาเสียเวลาร่วมครึ่งชั่วโมงนั่งเลือกกับที่ปรึกษาคู่ใจ
คิดไม่ผิดจริงๆที่ยอมอดอาหารฝีมือของฮินาตะแล้วมาที่นี่แทน...
แค่ได้เห็นรอยยิ้มแบบนั้นก็ถือว่าคุ้มแล้ว!
“โทษทีนะครับที่เรียกออกมาคุยธุระนอกเวลางาน” นารูโตะพูดขึ้นทันทีที่ทั้งคู่นั่งลงที่โต๊ะตัวหนึ่งซึ่งอยู่ติดน้ำพุเล็กๆหน้าร้าน หญิงสาวที่นั่งฝั่งตรงข้ามเสมองไปทางอื่นไม่ยอมสบตาเขาตรงๆซึ่งก็ไม่ใช่อาการที่ผิดจากที่เขาคาดการณ์เอาไว้นัก
คงกำลังเขิน...
“พอดีว่าจู่ๆก็เกิดคิดถึงขึ้นมาน่ะ” พูดแล้วก็อดไม่ได้ที่จะใส่มุขเสี่ยวๆเติมลงไป และมันก็ได้ผลทันทีเพราะคนตรงหน้าเลิกแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นเขาแล้วหันมามองเขาด้วยสีหน้าประหลาด
“ล้อเล่น” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับหัวเราะ
“แล้วตกลง...ท่าน...เอ่อ พี่...นารูโตะเรียกมีธุระอะไรกับฉันคะ?” เธอเอ่ยหลังจากถอนหายใจกับประโยคล้อเล่นสุดอันตรายของอีกฝ่าย ใบหน้าหวานแดงเรื่อนิดๆเพราะยังไม่ชินกับคำเรียกที่ดูสนิทสนม
“ก็มาคุยงาน...” เขาตอบด้วยน้ำเสียงสบายๆ ก่อนจะหันไปสั่งออเดอร์กับพนักงานที่ยืนมองยิ้มๆ หลังจากจัดการสั่งเมนูโปรดให้ตัวเองและยัดเยียดเมนูเดียวกันให้หญิงสาวแล้ว นารูโตะก็หันมาคนที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตามองพื้นราวกับว่ามันเป็นอะไรที่น่าสนใจมากกว่าใบหน้าหล่อเหลาแสนเพอร์เฟ็คต์ของเขา!
“เมื่อไหร่จะเลิกนั่งตัวเกร็งแบบนั้นซักที อึดอัดมากเหรอครับ?”
“ก็...ไม่ ไม่เชิงหรอกค่ะ” เธอปฏิเสธเบาๆ แต่ในใจกลับคิดเหมือนที่เขาบอกเป๊ะ ใครมันจะไปทำใจมองหน้าเขาตรงๆได้เล่า! เขาไม่รู้หรอกหรือว่าการที่มาทำตัวสนิทกับเธอแบบนี้มันทำให้ความรู้สึกเก่าๆที่เธอพยายามจะสลัดทิ้งไปหวนกลับมาอีกรอบ
ความฝันลมๆแล้งๆตั้งแต่สมัยเด็กของเธอนั่นแหละ...
ความฝัน...
ที่อยากให้เขาเป็นฮีโร่ของเธอตลอดไป...
“เอาเถอะมันคงจะดูกะทันหันไปแต่มาเข้าเรื่องงานกันเลยดีกว่า” นารูโตะตัดบทเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำสีหน้ายุ่งยากลำบากใจ
คงต้องให้เวลาเธอปรับตัวเตรียมตั้งรับกับการรุกอย่างต่อเนื่องของเขาเสียหน่อย!
“สิ้นเดือนนี้ทางภาครัฐจะมีการประมูลสัมปทานเกาะแถวๆโอกินาว่า งานประมูลนี้ทางอุซึมากิ คอร์เปอเรชั่นจะเข้าร่วมด้วยและพี่จะเอาเราไปทำหน้าที่เป็นเลขาส่วนตัวของพี่ที่งานนั้น”
“อะไรนะคะ!?!” คราวนี้ล่ะคนฟังถึงกับหูตาตื่นเต็มที่ความคิดฟุ้งซ่านถึงกับกระเด็นหายออกไปทันทีเมื่อได้ยินประโยคสุดพิลึกจากผู้เป็นนาย
“ก็... ไปเป็นเลขาของพี่ที่งานประมูลครับ”
“จะ...จะบ้าเหรอคะพี่นารูโตะ!” เธอร้องเสียงหลงอย่างตกใจ “ฉันจะไปเป็นเลขาได้ยังไงกัน งานอะไรก็ไม่รู้เรื่องแล้วนี่ก็ดูเป็นงานใหญ่ไม่ใช่เหรอคะ?”
“ใหญ่มาก...” ชายหนุ่มลากเสียงยาวเพื่อให้อีกฝ่ายเห็นภาพว่ามันเป็นงานสำคัญจริงๆ “เป็นครั้งแรกเลยล่ะที่อุซึมากิคอร์ปจะจับธุรกิจด้านการท่องเที่ยว”
“นั่นยิ่งแล้วใหญ่! ฉัน...ฉันไปไม่ได้หรอกค่ะ ขอปฏิเสธ!” เธอว่าพร้อมกับสั่นหัวท่าเดียวจนคนฟังหน้าบูดลงเรื่อยๆ
“ใจร้าย” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับทำท่าเหมือนจะเบะปากร้องไห้เสียตรงนั้น
เอาอีกแล้ว...
มาดลูกแมวที่น่าสงสาร...
“ใจร้ายที่สุด” เขาพูดย้ำ น้ำตาคลออยู่ที่เบ้า...
เสแสร้งเหลือเกิน!
“มันไม่ใช่เรื่องตลกนะคะ!”
“พี่ก็จริงจังนะครับไม่ได้ตลก”
“งั้นพี่ก็ให้คุณชิสึเนะไปสิคะ เธอเป็นคนมีประสบการณ์ ยังไงก็ต้องช่วยพี่ได้มากกว่าฉันแน่” เธอพยายามอธิบายอย่างมีเหตุผล แต่มีรึคนที่อุตส่าห์วางแผน ‘เดทแรก’ มาเสียดิบดีจะยอม
“ไม่อ่ะ พี่เบื่อคุณชิสึเนะแล้ว” ร่างสูงตีมึนตอบออกไปอย่างไม่เกรงใจเลขาส่วนตัวของเขาเลยสักนิด
“พี่นารูโตะ!”
“ไม่รู้ล่ะ ถ้าเราไม่ไปพี่ก็ไม่ไป!” เขาพูดพลางเชิดหน้าขึ้นอย่างงอนๆ “เงินค่าประมูลหลักร้อยล้านก็เสียไปแล้ว... แต่ก็ช่างสิอนาคตของบริษัทมันแขวนอยู่กับการตัดสินใจของซากุระนี่ ไม่ต้องไปก็ได้นะครับพี่ไม่ว่าอะไรหรอก ถึงบริษัทจะขาดทุนก็ไม่เป็นไร มันไม่ใช่ความผิดของเราอยู่แล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดที่ดูตัดพ้อของประธานหนุ่มสุดเก่งที่มาพร้อมกับคำขาดที่ออกแนวบังคับเธออยู่กลายๆ เจ้าของเรือนผมสีดอกซากุระก็ขึงตามองอีกฝ่ายอย่างโกรธๆ
พูดออกมาได้!
นี่เขากลายเป็นคนเจ้าเล่ห์ลิ้นสองแฉกแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่!
“นี่พี่เอาอนาคตของบริษัทมาเล่นแบบนี้เหรอคะ?” หญิงสาวพูดเสียงขึ้นจมูก “คุณพ่อของฉันรึก็อุตส่าห์ชมว่าเด็กแสบของท่านรักบริษัทและก็เก่งอย่างกับอะไรดี...”
แล้วริมฝีปากอิ่มสวยของซากุระก็หยุดขยับไปราวกับถูกปิดสวิตช์ ดวงตาสีมรกตแทบจะถลนออกจากเบ้าเมื่อเห็นร่างสูงหยิบมือถือออกมาก่อนจะกดโทรหาใครบางคนแล้วพูดประโยคสุดเจ็บแสบให้เธอได้ยิน
“อ้อ คุณชิสึเนะเหรอครับ...”
“!!!”
“ครับ... ช่วยแคนเซิ่ลงานที่จะไปโอกินาว่าให้ผมที ผมไม่ไปแล้วล่ะงานประมูลสัมปทานนั่นน่ะ... ก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ แค่... อ๊ะ!” ร่างสูงอุทานออกมาไม่ดังนักเมื่อจู่ๆมือถือที่เขาเอาแนบหูอยู่ก็ถูกคนตัวเล็กตรงหน้าขโมยไปพร้อมกดตัดสายให้เสร็จสรรพ และเมื่อเงยหน้าขึ้นมองหัวขโมยตัวน้อยนารูโตะก็แทบจะกลั้นขำไม่อยู่เมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังมองเขาด้วยสายตาโกรธๆที่ดูยังไงมันก็น่ารัก
ติดกับเข้าแล้ว...
“ทำไมพี่ถึงเป็นคนแบบนี้นะ!” ซากุระพูดด้วยน้ำเสียงกึ่งดุกึ่งงอนเพราะถูกต้อนจนจนมุม ส่วนคนถูกแย่งมือถือไปก็ไม่ได้ว่าอะไรนอกจากระบายยิ้มอย่างผู้ชนะ ดวงตาที่ดูซุกซนเจ้าเล่ห์กำลังหัวเราะ!
“สรุปจะไปกับพี่แล้วใช่มั้ย?”
“ฉันมีสิทธิ์ปฏิเสธด้วยเหรอคะ!!!”
หุๆ ใกล้จะได้เจอกันแล้วสินะเกะกับบักโตะ>.< โตะตอนรุกที่ทำเอานางเอกของเราถึงกับไปไม่เป็น แต่ยกเรื่องจีบหญิงให้มันไปเถอะเพราะมันมือโปร สงสารก็แต่เจ้าเกะ ซึนๆมึนๆอยู่เดี๋ยวเขาแย่งม.เมียไปแล้วเอ็งจะร้องไม่ออกนะโว้ย =w=!
ปล. แอบอู้อีกแล้ว>.< เขินจัง (อีกหน่อยรีดเดอร์จะชิน-0-)
ความคิดเห็น