คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : Good Boy
[19] พบ
งานของฉันจะเริ่มในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
เอ...หรืออาจจะไม่กี่สัปดาห์นะ?
ตำเเหน่งพยาบาลพิเศษหรืออะไรสักอย่าง จำไม่ค่อยได้เเล้วสิ ก็ตอนนั้นฉันเวียนหัวมากเลยนี่นา
ที่อยู่หลังจากนั้นของฉันคือบ้านของออลไมท์ ฮีโร่อันดับหนึ่งที่ทุกคนนับถือ เป็นบ้านธรรมดาหลังหนึ่ง รอบบ้านคือสนามหญ้าเเละสวนร่มรื่น ไม่ว่าจะมองยังไงก็ดูเหมือนบ้านคนธรรมดาไม่ใช่ที่คุมขังนักโทษตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ไม่มีผู้คุมมาคอยติดตามตัว ไม่มีการใส่ปลอกคอหรือฝังระเบิดไว้เผื่อฉันคิดจะทำอันตรายขึ้นมา
ฉันปลอดภัย ไม่มีอะไรบุบสลาย เเถมยังได้มาอยู่อาศัยร่วมชายคากับออลไมท์ที่สภาพอ่อนเเอ ง่ายดายสุดๆ
ไม่สมเหตุสมผลเลย ผู้อำนวยการที่รู้ว่าตอนเเรกออลไมท์เจอฉันก็เป็นห่วงขนาดนั้น ไม่น่าจะปล่อยให้ฉันที่ไม่รู้ฝ่ายเเน่นอนได้เข้าใกล้เขาง่ายขนาดนี้ สมองอัจฉริยะคงไม่คิดอะไรไม่รอบคอบจนถึงขั้นโง่เเบบนี้หรอก ฮืม มันเพราะอะไรนะ
“วิ่ง...วิ่งซะ! เหลือเวลาอีกไม่ถึงอาทิตย์เเล้วนะ!!”
ตาลุงผมกระต่ายในร่างกล้ามขี่หลังหนุ่มน้อย ตะโกนร้องให้อีกฝ่ายเเบกตัวเองวิ่งไปรอบๆชายหาดที่เริ่มไร้ขยะ…
ก่อนหน้านี้ก็เพิ่งใช้ร่างกล้ามจับโจรปล้นธนาคารไปไม่ใช่หรือไง
อ่า
นี่ฉันถอนหายใจไปกี่ครั้งเเล้วนะ
เหม่อมองท้องฟ้าที่สว่างเจิดจ้า แอบลูบเเขนตัวเองที่เริ่มเเดงขึ้นมาหน่อยๆจากการโดนเเดดเป็นเวลานาน ขนาดพกร่มมากางเเล้วเเท้ๆ ไอทะเลทำให้รู้สึกเหนียวเหนอะหนะไปหมด น่าหงุดหงิดจริง ไม่ใช่เรื่องที่ฉันควรมายุ่งด้วยซ้ำ วุ่นวายอีกต่างหาก ตาลุงนี่เล่นปลุกฉันซะตั้งเเต่เช้ามืด…
ดีเเค่ไหนเเล้วที่ฉันฝืนตัวเองลืมตาขึ้นมาอาบน้ำเเต่งตัวได้
ระหว่างทางยังมีหน้ามาบ่นว่า ‘เธอไม่ควรอยู่เเต่ในบ้านนะสาวน้อย โลกข้างนอกมีอะไรน่าตื่นเต้นกว่าเยอะ!’
น่าตื่นเต้นที่คุณว่าคือการเจอวิลเลินทุกระยะทางงั้นเหรอ เเม่งเอ้ย ออร่าฮีโร่มันดึงดูดเหล่าร้ายเป็นปรกติหรือไง
เเต่ที่ยิ่งกว่าการเจอวายร้ายคือการที่เขาเข้าไปช่วยเเม่งทุกเหตุการณ์ ตัดหน้าฮีโร่หน้าใหม่ซะหมด จะเสนอหน้าเข้าไปทำไมนักหนา ไม่ได้ช่วยคนเเล้วจะตายเหรอ กะจะไม่ให้ฮีโร่คนอื่นเกิดเลยหรือไง
ไม่เเปลกใจเลยที่ยื้อได้เเค่เวลาสั้นๆ ก็เล่นช่วยไปทั่วซะขนาดนี้ เเทนที่จะตระหนักได้ว่าสภาพตัวเองเริ่มทรุดลงจนทำได้เเค่ยื้อไว้เเท้ๆ เเต่นี่...เเต่นี่กลับยังดันทุรัง ช่วยคนเหมือนชีวิตเกิดมาเพื่อเป็นฮีโร่
เเล้วยังชายหาดขยะนี่อีก
ทั้งที่เป็นสถานที่ที่ไม่เคยมีใครคิดจะสนใจ…
หน้าโง่จริงๆ
คิดเเล้วก็อยากจะถอนหายใจอีกรอบ พอเข้าใจความรู้สึกเวลาวิลเลินหมั่นไส้สัญลักษณ์เเห่งสันติภาพขึ้นมาเเล้ว
เอาเถอะ
ฉันลุกขึ้นจากที่นั่งเมื่อเห็นร่างผอมเเห้งวิ่งมาหา ท่าทางอ่อนเเรงสิ้นดี หมดพลังเเล้วสินะ สมน้ำหน้า
เเตะมือบนตัวเขา พูด “เหนื่อยหน่อยนะคะ”
“ขอบคุณนะสาวน้อย ช่วยได้มากเลย” เขายิ้มกว้าง ซึ่งเมื่ออยู่ในร่างเเห้งๆนี่เเล้วรอยยิ้มนั่นยิ่งทำให้ดูบื้อไปอีก เหมือนพวกพระเอกซื่อๆในการ์ตูนต่อสู้ที่ตอนจบเสียสละตายเพื่อโลก “เธอเก่งจริงๆ”
ทำเพราะหน้าที่ต่างหาก
หน้าฉันเหมือนเต็มใจนักหรือไง ให้ตายสิตาลุงนี่ ปลุกฉันเเต่เช้าเพื่อให้มาเจอวิลเลิน ตากเเดดร้อนๆ รอดูคุณฝึกเด็ก เเล้วก็รักษาตอนหมดพลัง เเค่นี้เหรอ? ใช้ฉันเปลืองไปหน่อยไหม ขนาดท่านวายร้ายยังไม่กล้าบังคับฉันเลยนะ
“อะ...อรุณสวัสดิ์ครับโชซัง!”
เมื่อได้ยินเสียงเรียกนั้นฉันก็เบนสายตาไปมอง
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ” ฉันยิ้ม “เเต่...นี่ก็สายเเล้วนะคะ?”
อีกฝ่ายตอบรับประโยคด้วยเสียงหัวเราะเเห้งๆ กับใบหน้าที่ขึ้นสีเเดง “นะ นั่นสินะครับ...”
อาซากิ อิซึคุ -- ผู้สืบทอดพลังวัน ฟอร์ ออลต่อจากออลไมท์ เด็กหนุ่มผมสีหม่น ใบหน้าตกกระเป็นเอกลักษณ์ รอยยิ้มกว้างสดใสเปลี่ยนไปจากเมื่อตอนที่มีออร่าสีดำมืดหม่นเเทบเป็นคนละคน เหมือนหน้ามือกับหลังมือ
‘ช่วยฉันสักเรื่องหน่อยสิ...’
พวกเราเจอกันเเค่ไม่กี่ครั้ง ครั้งเเรกอย่างไม่เป็นทางการคือที่งานจบการศึกษาของโชโตะ ส่วนครั้งที่เป็นทางการคือวันที่ออลไมท์ลากฉันออกมาจากบ้านเพื่อให้มาทำความรู้จักกับผู้สืบทอดของตัวเอง นอกจากนั้น...ไม่รู้สิ เจอกันเเทบนับครั้งได้ ก็ฉันชอบนอนอยู่เฉยๆมากกว่าการออกมาตากเเดดข้างนอกนี่นา
เขารู้จักฉันในฐานะหมอของออลไมท์ ส่วนฉันรู้จักเขาในฐานะว่าที่ผู้สืบทอด พวกเราต่างรู้จักกันเพียงผิวเผิน เจอหน้ากันเเค่ตอนฝึกซ้อมในบางวัน
“ฉันจะไปซื้อน้ำ พวกเธอจะเอาอะไรไหม?”
ออลไมท์โพล่งขึ้นมา
“เอ๋?! หะ ให้ผมไปซื้อเองดีกว่าครับ!!” ว่าที่ผู้สืบทอดทำหน้าเกรงใจมากที่ไอดอลของตัวเองอาสาไปซื้อน้ำให้
ฉันหรี่ตาลง มองดูใบหน้าที่ดูมีอะไรเเอบเเฝงชัดเจนของออลไมท์ ตาลุงนี่คงคิดจะทำเรื่องไม่เป็นเรื่องเเหง
“รออยู่นี่ล่ะหนุ่มน้อยอาซากิ ฉันไปไม่นานหรอก!”
กลายเป็นร่างกล้ามเเล้ว
“ระหว่างนี้ก็ฝากคุณหมอด้วยนะ ถ้าพวกเธอเป็นเพื่อนกันได้ฉันจะดีใจมากเลยล่ะ!”
อ๊ะ อย่ามาขยี้ผมฉันนะตาลุงนี่!
เเต่พอตวัดตากลับไปอีกทีก็เห็นเพียงความว่างเปล่าเเล้ว ฉันสูดลมหายใจลึก ค่อยๆคลายหมัดที่กำอยู่ออกก่อนจะเริ่มจัดเเต่งผมตัวเองใหม่ ให้ตายสิ ให้ตาย รู้เเบบนี้ไม่รักษาให้ก็ดีหรอก ใช้พลังได้โคตรไม่จำเป็นสุดๆ
เเล้วประโยคที่ว่า ‘ถ้าพวกเธอเป็นเพื่อนกันได้ฉันจะดีใจมากเลยล่ะ!’ หมายความว่ายังไงกัน อยากให้ฉันกับเขาเป็นเพื่อนกัน? นี่คือเจตนาเเอบเเฝงของคุณงั้นเหรอ ที่ว่าอาสาจะไปซื้อน้ำมาให้ก็เพราะอย่างนี้สินะ
ดูท่าว่าจะไม่ได้หน้าโง่อย่างเดียว
คนที่คิดเเผนการสร้างความสัมพันธ์ปัญญาอ่อนนี่ระดับความคิดต้องไม่ธรรมดาเเน่ๆ อืมๆ ไม่ธรรมดาจริงๆ
พ่นลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน ขณะเหลือบมองไปยังเด็กอีกคนที่ดูท่าทางเก้ๆกังๆมาตั้งเเต่เมื่อกี้ ดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยชินกับพวกผู้หญิงเท่าไหร่ ฮืม ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปยังไงเเต่นิสัยบางอย่างก็ยังคงเดิมสินะ
หลุบมองร่างกายที่เริ่มเเข็งเเรงขึ้นมาต่างกับเด็กเนิร์ดมืดหม่นเมื่อหลายปีก่อน กล้ามเนื้อนั่นดูไปเเล้วก็ไม่เลว
เลียปากที่เริ่มเเห้งผากขณะสาวเท้าเข้าไปใกล้ ขยับร่มที่ถืออยู่ให้กางบดบังเเดดให้อีกฝ่ายด้วย
ถึงจะหงุดหงิดหน่อยๆก็เถอะ
“งั้น...”
เข้มเเข็งสมกับเป็นตัวเอกจริงๆ
‘เด็กที่ไร้อัตลักษณ์คนนั้นน่ะ...ช่วยใช้อัตลักษณ์ของเธอทำให้เขาฝันร้ายทีได้ไหม?’
นึกว่าจะได้เห็นอะไรน่าสนุกเเท้ๆ
ฉันคลี่รอยยิ้ม ดวงตาโค้งหยีลง
...ช่วยไม่ได้ล่ะนะ?
“พวกเราไปหาที่นั่งรอดีไหมคะ อิซึคุคุง?”
แผนสร้างความสัมพันธ์ปัญญาอ่อนนั่นน่ะ
ถือว่าเห็นเเก่หน้าโง่ๆของฮีโร่อันดับหนึ่งก็เเล้วกัน
…
……...
ออลไมท์ดูจะดีใจ
“เริ่มสนิทกันเเล้วสินะ!”
ตั้งเเต่เมื่อกี้เขาก็พูดไม่หยุดเลย ตั้งเเต่ที่กลับมาจากการซื้อน้ำมาเเล้วเห็นภาพสองหนุ่มสาวคุยกันอย่างสนุกสนาน เขายิ้มเเก้มปริเชียวล่ะ เหมือนภูมิใจที่เเผนการปัญญาอ่อนของตัวเองสำเร็จไปได้ด้วยดี
“สาวน้อยจะได้ไม่อยู่เเต่ในบ้านอีกเเล้ว---”
“ยังไงฉันก็ไม่ชอบออกมาอยู่ดีนั่นล่ะค่ะ”
“เอ๋!?” เขาโอดครวญ
น่ารำคาญกว่าเดิมร้อยเท่า
เเต่จะทำอะไรได้นอกจากเดินไปเงียบๆ รอจนกว่าเขาจะหมดเเรงพูดเเล้วกระอักเลือดออกมา อ๊า หุบปากสักทีเถอะออลไมท์ ทำตัวเหมือนพ่อเห่อลูกสาวเข้าโรงเรียนไปได้
ฉันจิ๊ปาก อีกอย่างที่น่าหงุดหงิดกว่านั้น...
“ที่มาช้าเพราะไปช่วยคนอื่นอีกเเล้วใช่ไหมคะ?”
ร่างผอมเเห้งที่เดินข้างๆสะดุ้ง เขายิ้มเเหย
“...รู้ด้วยเหรอ”
อย่ามาหัวเราะเเฮะๆเลย อีกอย่างเสียงดังตูมตามขนาดนั้นใครมันจะไม่ได้ยิน หาช่วยไปทั่วจริงๆเลยคนๆนี้
“ก็มันก็ช่วยไม่ได้นี่นา...”
ยังจะกล้าเถียงอีก
ฉันหรี่ตามอง ชั่วขณะนึกอยากจะเอาร่มในมือฟาดเขาเเล้วปล่อยให้เจ็บโดยไม่รักษาจริงๆ ช่วยไม่ได้นี่นาบ้านคุณสิ คิดว่าสังคมนี้มีฮีโร่เเค่คนเดียวหรือไง ในหัวเคยคิดจะทำชั่วบ้างไหมเนี่ย
หงุดหงิด
โคตรหงุดหงิดเลย
หงุดหงิดจนหน้ามืด
คิดยังไงถึงมาอยู่กับคนที่เหมือนพระเอกหน้าโง่ในการ์ตูนวัยเด็กเเบบนี้นะ ขาดเเค่เสียสละตัวเองเพื่อคนทั้งโลกอีกแค่ข้อเดียวเขาก็จะเป็นไอ้หน้าโง่อย่างสมบูรณ์แบบเเล้ว --- ไม่สิ ที่ออลไมท์มีชีวิตอยู่กำจัดท่านวายร้ายก็ไม่ต่างจากช่วยโลกอยู่เเล้วไม่ใช่เหรอ
อา เเม่ง
เขาเป็นไอ้โง่อย่างสมบูรณ์เเบบเเล้ว
ฉันพยายามเก็บอารมณ์ ทำใบหน้าให้ดูเป็นปรกติที่สุดขณะพูดประโยค “จะให้รักษาทุกครั้งก็ไม่ไหวนะคะ”
“นั่นมันก็…”
เขาทำหน้าลำบากใจ
ซึ่ง --- จะลำบากใจไปเพื่ออะไรในเมื่อวิธีเเก้ไขก็ง่ายๆ เเค่เขาไม่ต้องช่วยคนไปทั่ว ถนอมร่างกายเอาไว้ เเล้วฉันก็จะได้ไม่ถูกใช้งานหนัก มีความสุขทั้งสองฝ่าย
“ออลไมท์ เพลาๆนิสัยนี้ลงหน่อยเถอะค่ะ--”
“โจรปล้นร้านเพชรหนีไปนั่นเเล้ว!”
เสียงของฉันเเทบจะกลืนหายไป
ข้างหน้านั่น ถัดจากที่ฉันกับเขายืนอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่ สถานการณ์ดูวุ่นวายยุ่งเหยิง มีคนหนึ่งร้องบอกเเละชี้นิ้วไปยังวายร้ายเเละผองเพื่อนที่กำลังจะขึ้นรถหลบหนี กระเป๋าใบใหญ่ที่พวกตัวร้ายเเบกอยู่นั่นคงยัดของไปซะเยอะ ซิปยังรูดปิดไม่ได้ด้วยซ้ำ
ร่างกายของหนึ่งในทีมพวกเขาระยิบระยับ ยิ่งเมื่อสะท้อนเเดดเเล้วยิ่งทำเอาตาพร่าไปชั่วขณะหนึ่งเลย ดูเหมือนว่าอัตลักษณ์ของเขาคือเพชรเสริมความคงทนของร่างกายอะไรพวกนั้น อืม ไม่เข้าใจเลยว่าจะมาขโมยทำไม ลองตัดชิ้นส่วนตัวเองไปขายก็น่าจะได้เงินเยอะเเล้วเเท้ๆ
ออลไมท์ดูมีปฎิกิริยากับเหตุการณ์นี้
ตั้งเเต่ที่ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ เขาก็เเทบจะพุ่งออกไปช่วยอยู่รอมร่อเเล้ว เหมือนเลือดฮีโร่พลุ่งพล่าน สัญชาติญาณคนดีทำงานอัตโนมัติ -- เเต่ก็ไปไม่ได้
“ถ้าไปฉันจะโกรธค่ะ”
เพราะชายเสื้อของเขาถูกจับเอาไว้
“เเล้วก็...จะไม่พอใจมากๆเลยด้วย”
พูดบ้าอะไรของเธอ
ฉันเม้มปากขณะก้มหน้าต่ำลง ใบหน้าเห่อร้อนขึ้นมาจนรู้สึกไม่ดี ก้อนเนื้อในอกเต้นเร็วเกินไปจนน่ารำคาญ มือข้างหนึ่งที่ถือร่มอยู่กำเเน่นจนรู้สึกชา ส่วนมืออีกข้างก็ยังจับชายเสื้อยืดย้วยที่ปรกติจะดูเกะกะสายตาเอาไว้ไม่ปล่อย ฝ่ามือชื้นเหงื่อขึ้นมาทั้งๆที่ตอนนี้อยู่ในที่ร่มไม่โดนเเสงเเดด
เหมือนเวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า คนที่จับเอาไว้ไม่ได้ขยับไปไหน เเต่ในขณะเดียวกันเขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา รับรู้ได้เเค่สายตาที่จ้องมองมา เเละฉันไม่ได้เงยหน้าขึ้นไปสบตาเขาเหมือนอย่างทุกที
ก่อนที่ร่างของฮีโร่คนหนึ่งจะถูกอัตลักษณ์ของวายร้ายจนกระเด็นผ่านจุดที่ฉันกับออลไมท์ยืนอยู่ไป ฉันถึงเงยหน้าขึ้นมามอง พบว่าการจับกุมกลุ่มวิลเลินไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะพวกวิลเลินที่ขโมยเพชรไม่ได้เป็นเเค่ไอ้กระจอก เหมือนมันเตรียมเเผนมาเเล้วถึงได้สู้กับฮีโร่สูสีขนาดนั้น
ฮีโร่เริ่มบาดเจ็บ อาคารเสียหาย
ประชาชนที่ถูกลูกหลง
ฉันเลื่อนสายตาหันไปมองผู้ชายในร่างผอมเเห้งเเละใบหน้าซูบ พบว่าเขาก็กำลังมองเหตุการณ์นี้ด้วยดวงตาสีฟ้าสั่นไหว มือกำเเน่น ยังไม่ทันที่ฉันจะได้พูดอะไรออกมา สัมผัสหนักๆก็วางลงบนศีรษะ มือลูบผมเเผ่วเบา
ในที่สุดเขาก็เอ่ย
“อยู่ที่นี่อันตราย กลับไปรอที่บ้านก่อนนะ”
ด้วยสายตาของฮีโร่อันดับหนึ่ง
ประโยคกรอกวนในหูซ้ำไปมา หัวอื้ออึงไปพักใหญ่
เสียงร้องดีใจของผู้คนดังขึ้น สถานการณ์ของวิลเลินเเละฮีโร่ที่ดูจะเสมอกันพลิกกลับกระทันหันเมื่อสัญลักษณ์ของสันติภาพปรากฎตัว ประโยค ‘ฉันอยู่นี่เเล้ว!’ ยิ่งเรียกเสียงยินดีของผู้คนให้ดังยิ่งกว่าครั้งไหนๆ
ฉันกะพริบตา เลื่อนมือที่เคยจับชายเสื้อของเขากลับมาไว้ข้างลำตัวเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าตอนนี้ควรรู้สึกยังไงกับความว่างเปล่าเบื้องหน้าดี บทฮีโร่ต้องเข้าไปช่วยเหลือคนมันถูกกำหนดชัดเจนอยู่เเต่เเรกเเล้ว
ฉันกำลังคาดหวังอะไรอยู่
ดวงตาพร่ามัวไปขณะหนึ่ง อาจจะเพราะเเสงเเดดที่เริ่มสาดส่องลงมาอีกครั้ง สว่างไสวราวกับกำลังสรรเสริญชัยชนะของออลไมท์
ไม่นานตัวร้ายก็เเพ้
ถูกจับกุมได้อย่างง่ายดาย
ฉันมองออลไมท์ที่กำลังถูกรุมล้อมด้วยผู้คนมากมาย ก่อนที่จะเลื่อนสายตามองขึ้นไปดูท้องฟ้าสดใสที่ราวกับว่าเอาสีฟ้าที่สว่างที่สุดมาละเลง มันสว่างจนรู้สึกตาพร่าไปหมด
เงาสีดำทอดยาวบนพื้น ดูโดดเดี่ยวน่าสมเพช
‘โช ฉันตามใจเธอเสมอ’
เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งขณะหันหลังกลับ ร่มในมือถูกยกขึ้นมากางบดบังเเสงเเดด ก่อนกลับบ้านอย่างที่ออลไมท์บอกฉันควรจะไปหาซื้อของสักหน่อย อย่างเช่น วัตถุดิบสำหรับทำอาหารเย็นวันนี้ ขนมขบเคี้ยวเล็กๆน้อยๆ เเล้วก็พวกเสื้อผ้าที่จะใส่ไปทำงานที่ยูเอย์ในอีกเวลาไม่นาน
ออลไมท์บอกว่าชอบอาหารที่ฉันทำ
แต่มันก็ไม่พอ
นี่
ต้องทำยังไงคุณถึงจะหยุดทำตัวป็นฮีโร่แบบนี้?
….
สิ่งที่จะทำอย่างเเรกเมื่อสงสัยว่าคนคนหนึ่งเป็นไข้?
ก็ต้อง...เเตะตัววัดอุณหภูมิน่ะสิ
“...เธอเป็นไข้นี่”
ขยับเปลือกตาขึ้นมามองดูออลไมท์ที่นั่งลงข้างเตียง มือเย็นเฉียบทาบบนหน้าผากฉัน ฮีโร่อันดับหนึ่งตอนนี้มีสีหน้ากังวลเเละเป็นห่วงมากจนน่าขัน เขาทำหน้าเหมือนรู้ว่าอีกไม่กี่นาทีฉันก็จะตาย
ซึ่งจริงๆก็เเค่ตัวร้อนมากกว่าปรกติขึ้นมาหน่อย
เวียนหัวกับตาลายเป็นบางครั้ง
ฮืม…
ฉันเบี่ยงหน้าหลบฝ่ามือที่ทำท่าเหมือนจะเเตะส่วนอื่นเพื่อวัดอุณหภูมิให้เเน่ใจอีกที ซุกตัวเองใต้ผ้าห่ม โผล่ออกมาเเค่พอให้จมูกได้หายใจออก รู้สึกว่าใบหน้าเห่อร้อนไปหมด ร่างกายใต้ผ้าห่มชื้นไปด้วยเหงื่อ
ดวงตาจ้องออลไมท์นิ่ง นึกเกลียดดวงตาสีฟ้าคู่นั้นขึ้นมา สายตานั่นก็ด้วย เหมือนกำลังดุเด็กนิสัยไม่ดีอย่างไรอย่างนั้น สายตาเเบบนั้นไม่ควรใช้กับเด็กดีอย่างฉันสิ
ฮื่อ...น่ารำคาญจังเลยน้า น่ารำคาญจนอยากจะเอ่ยไล่ออกไปให้พ้นๆจากห้องนอนของฉันสักที เเต่ทว่าจนใจที่ลำคอเเห้งผาก เหนื่อยเเม้กระทั่งการขยับปาก เหนื่อยยิ่งกว่าเอาทุกวันที่ใช้ชีวิตกับออลไมท์มารวมกันเสียอีก
เขาลูบผมฉันอีกครั้ง
ซึ่งมันน่ารำคาญสิ้นดีเมื่อมีคนมาทำเหมือนว่าคุณเป็นเด็กอย่างนี้ ฉันสบถในใจไปร้อยคำ เเต่ที่ร่างกายสามารถทำได้ตอนนี้คือนอนนิ่งเหมือนผักต้ม กะพริบตาหลายครั้ง มือที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าห่มหยิกเนื้อตัวเองจนรู้สึกเจ็บเพื่อไม่ให้เผลอหลับเพราะสัมผัสเเผ่วเบาที่ลูบบนเส้นผม
“ฉันจะออกไปซื้อยานะ”
ฉันหลับตา เบี่ยงหลบฝ่ามือของเขา พลิกตัวนอนหันหลังให้ “ถ้าสู้กับวิลเลินเเล้วบาดเจ็บก็บอกนะคะ”
“วันนี้ไม่ทำหรอก” เพราะหันหลังอยู่ถึงไม่รู้ว่าสีหน้าเขาเป็นเเบบไหน “...ขอโทษที่เอาเเต่พึ่งพลังของเธอนะ”
น้ำเสียงฟังดูสำนึกผิด
ขอบคุณจริงๆที่เขารู้ตัวก่อนฉันจะเหนื่อยตาย
“จะไม่ไปช่วยคนอื่นเเล้วเหรอคะคุณฮีโร่”
“ถ้าตอนนี้เเค่ช่วยคนสำคัญยังทำไม่ได้มันก็ไม่มีความหมายหรอก”
ประโยคคลาสสิคในการ์ตูนวัยเด็ก จากใจจริง ถ้าคนพูดไม่ใช่สัญลักษณ์เเห่งสันติภาพเเล้ว ประโยคนี้คงตลกน่าดู
เหลือบมองไปดูคนที่พูด -- สัญลักษณ์เเห่งสันติภาพตอนที่หมดพลัง เป็นเเค่ตาลุงผอมเเห้งที่ถ้าไม่ได้พลังยื้อไว้คงไม่ต่างจากคนอ่อนเเอขี้โรคที่พร้อมจะตายได้ทุกเมื่อ ใครจะไปรู้ บอสวายร้ายตอนนี้อาจจะกำลังคิดสัตว์ประหลาดที่ทรงพลังเพื่อมาจัดการกับเขาโดยเฉพาะเลยก็ได้ ---
“รออยู่ที่นี่นะ เเล้วฉันจะรีบกลับ”
อ๊ะ
ขยี้ผมฉันอีกเเล้วนะ!
เป็นอะไรกับหัวฉันมากหรือเปล่า หา มันน่าหงุดหงิดนะรู้ไหมเวลาต้องมาจัดผมใหม่เนี่ย เป็นเเค่ฮีโร่ผมกระต่ายเเท้ๆ
ฉันมุดเข้าไปใต้ผ้าห่ม ร้อนจนเหงื่อผุดซึมขึ้นตามไรผมเเละกรอบหน้า รอกระทั่งรู้สึกว่าเขาลุกขึ้นจากเตียงเเล้วต่อมาจึงได้ยินเสียงปิดประตู ฉันถึงค่อยโผล่หน้าออกมา มองซ้ายขวาไม่เห็นเขาอยู่ในห้องจึงค่อยๆยันตัวเองขึ้นกึ่งลุกกึ่งนั่ง
โคลงหัวเมื่อรู้สึกมึนเบลอ มือเลิกผ้าห่มขึ้น
ความเหนอะหนะที่ซอกขา เเละเมื่อขยับตัวห่างจากจุดที่นอนเมื่อกี้ถึงเห็นได้ชัดเจน
หยดเลือดบนผ้าปูที่นอน
ฉันสูดหายใจลึก ก่อนจะพลิกตัวดูกางเกงนอนที่สวมอยู่ของตัวเอง พบว่าตอนนี้สภาพของมันเละเเทบดูไม่ได้
“อือ...”
วันที่น่ารำคาญกลับมาอีกเเล้ว
ต้องรีบทำความสะอาดก่อนที่ออลไมท์จะกลับมา
ช่วยไม่ได้
เหลือบสายตามองกระเป๋าน้ำร้อนที่ซ่อนไว้ใต้ผ้าห่ม
ที่จะเอามาเพิ่มอุณหภูมิให้ดูตัวร้อนเหมือนป่วย
ฮืม...
ดันป่วยจริงซะได้
คง...ต้องเอามาประคบท้องเเทนเเล้วล่ะ
….
……....
เด็กคนนั้นสอบเข้ายูเอย์ได้เเล้ว
ก็ไม่เหนือไปจากที่คาดหมายไว้หรอก คะเเนนพิเศษจากการที่เขาเข้าไปช่วยคนช่วยเขาไว้เยอะเลย โปรฮีโร่หลายคนก็ดูชอบซะด้วย พื้นฐานของการเป็นฮีโร่เลยนี่นะ ถึงหลังจากนั้นผลจากการอัดพลังวัน ฟอร์ ออลเข้าไปอย่างเร่งด่วนจะทำให้บาดเจ็บนิดหน่อยก็เถอะ
เเค่กระดูกบิดเบี้ยว เเขนขาบิด...เเต่ก็ช่างเถอะ เรื่องรักษารีคัฟเวอรี่เกิร์ลทำได้ง่ายดายจะตายอยู่เเล้ว
กระดูกสันหลังของยูเอย์
หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้โรงเรียนฮีโร่จัดการทดสอบไม่เกรงใจเเบบนี้ได้ ยอมรับเลยว่าเธอเป็นมนุษย์ที่เก่งจริงๆ
อือ…
เเต่ก็เพราะเก่งนั่นเเหละ ตอนนี้ฉันก็เลยเบื่อมากๆเลย ตำเเหน่งพยาบาลพิเศษอะไรกันผู้อำนวยการ ถ้าไม่ได้ใส่ชุดกาวน์สีขาวอยู่ล่ะก็มันก็ไม่ต่างจากการให้ฉันมานอนเล่นที่ห้องพยาบาลทั้งวันเลยไม่ใช่หรือไง
นักเรียนยูเอย์ส่วนมากถ้าบาดเจ็บก็พากันไปห้องพยาบาลหลัก -- ห้องพยาบาลของรีคัฟเวอรี่เกิร์ลกันหมดเลย
ห้องพยาบาลที่ฉันประจำการอยู่เป็นเเค่ห้องขนาดปานกลาง มีเตียงคนไข้สองสามเตียง เเต่ละเตียงกั้นด้วยม่าน เเล้วก็โต๊ะอีกหนึ่งโต๊ะ เก้าอี้นวมให้นั่ง กล่องยาธรรมดาสามัญอีกหนึ่งกล่อง -- ดูไปเเล้วก็ไม่เหมือนห้องพยาบาลเท่าไหร่
ถ้าไม่ได้บาดเจ็บมากฉันก็เเค่จ่ายยาให้เท่านั้นล่ะ
อย่างที่บอก ฝีมือการทำเเผลของฉันมันห่วยเเตกมาก ฉันไม่อยากเสี่ยงถูกโดนด่าเพราะทำเเผลลูกเขาติดเชื้อหรอกนะ ขืนโดนไล่ออกก็เเย่เลยสิ ที่บ้านออลไมท์ยิ่งไม่มีอะไรให้ทำด้วยนอกจากดูทีวีกับเล่นเกม
ฉันเหยียดเเขนอย่างเกียจคร้าน เอนหลังพิงเก้าอี้นวม โทรศัพท์เครื่องเดิมที่ใช้ตั้งเเต่อยู่กับเหล่าวายร้ายถูกยกขึ้นมาเล่นอีกครั้ง สัปดาห์ก่อนเล่นเกมนึง สัปดาห์นี้เปลี่ยนมาเล่นอีกเกม
ไม่มีเมล์เข้ามา
ถ้าให้ไลน์ไป...อืม ก็คงเหมือนเดิม
ดูเวลาก่อนจะปิดโทรศัพท์ลง เเกว่งขาไปมา อีกไม่นานก็จะเริ่มพักเที่ยงเเล้ว ถ้าฉันไม่ออกไปหาอะไรกินก็คงได้อยู่ในห้องนี้ นอนจนกว่าจะถึงเวลาเลิกเรียนเเล้วกลับบ้านกับออลไมท์
จะว่าไปเเล้ว…
‘อืม…เด็กคนหนึ่งในห้องมีปัญหานิดหน่อยน่ะ’
เสียงปิ๊งป่อง ! ดังขึ้นในหัว
ออกไปหาอะไรกินดีกว่า
อย่างน้อยก็คงได้ชาพีชสักกระป๋อง
ว่าเเล้วก็หยุดเเกว่งขา ลุกขึ้นจากเก้าอี้เบาะนวมมาจัดเสื้อกาวน์กับเดรสสีอ่อนของตัวเองให้เข้าที่ ผมสีดำที่ยาวจากเมื่อหลายปีก่อนชวนรู้สึกเกะกะไม่น้อย ครั้งสุดท้ายที่ได้ตัดผมก็...จำไม่ได้เเล้วสิ คงต้องหาเวลาเหมาะๆมาตัดออกเเล้วล่ะมั้ง
นอกจากผมเเล้วก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปอีก
ทั้งหน้าตา อายุ เเละความบังเอิญ
เเค่ก้าวออกจากห้องได้นิดเดียว
ข้อมือถูกจับเอาไว้
ฉันหันไปมองด้านหลัง
ดวงตาสองสีงดงามเหมือนอัญมณีดูตกใจเเละสับสน ลึกลงไปคือความรู้สึกที่ปนเป ตัดพ้อเเละเกลียดชัง
“โช...ซัง?”
เขาตัวสูงขึ้นกว่าเดิม
เค้าโครงใบหน้าเด่นชัดขึ้นจากเมื่อหลายปีก่อน
เนิ่นนานที่พวกเราสบตากัน เหมือนเวลาหยุดนิ่งไป
ก่อนที่ฉันจะมองข้ามความเจ็บที่ข้อมือ เอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบงัน
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ โชโตะ”
★ ☆ ★ ☆ ★ ☆
เจอกันเเล้วววววววววว
โช : ออร่าตัวเอกทำฉันเเสบตาไปหมด!
โช : น้องน้อยของฉันในวันนั้นกลายมาเป็นเด็กหนุ่มเย็นชาเเล้ว....โฮฮฮฮฮ
ความคิดเห็น