NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (end)「Fic Boku no Hero Academia」XXX {Villain x OC}[จบรูทหลัก]

    ลำดับตอนที่ #22 : Good Boy

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.92K
      481
      2 ธ.ค. 62

    [19] พบ



    งานของฉันจะเริ่มในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า


    เอ...หรืออาจจะไม่กี่สัปดาห์นะ?

    ตำเเหน่งพยาบาลพิเศษหรืออะไรสักอย่าง จำไม่ค่อยได้เเล้วสิ ก็ตอนนั้นฉันเวียนหัวมากเลยนี่นา

    ที่อยู่หลังจากนั้นของฉันคือบ้านของออลไมท์ ฮีโร่อันดับหนึ่งที่ทุกคนนับถือ เป็นบ้านธรรมดาหลังหนึ่ง รอบบ้านคือสนามหญ้าเเละสวนร่มรื่น ไม่ว่าจะมองยังไงก็ดูเหมือนบ้านคนธรรมดาไม่ใช่ที่คุมขังนักโทษตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ไม่มีผู้คุมมาคอยติดตามตัว ไม่มีการใส่ปลอกคอหรือฝังระเบิดไว้เผื่อฉันคิดจะทำอันตรายขึ้นมา

    ฉันปลอดภัย ไม่มีอะไรบุบสลาย เเถมยังได้มาอยู่อาศัยร่วมชายคากับออลไมท์ที่สภาพอ่อนเเอ ง่ายดายสุดๆ

    ไม่สมเหตุสมผลเลย ผู้อำนวยการที่รู้ว่าตอนเเรกออลไมท์เจอฉันก็เป็นห่วงขนาดนั้น ไม่น่าจะปล่อยให้ฉันที่ไม่รู้ฝ่ายเเน่นอนได้เข้าใกล้เขาง่ายขนาดนี้ สมองอัจฉริยะคงไม่คิดอะไรไม่รอบคอบจนถึงขั้นโง่เเบบนี้หรอก ฮืม มันเพราะอะไรนะ


    “วิ่ง...วิ่งซะ! เหลือเวลาอีกไม่ถึงอาทิตย์เเล้วนะ!!”


    ตาลุงผมกระต่ายในร่างกล้ามขี่หลังหนุ่มน้อย ตะโกนร้องให้อีกฝ่ายเเบกตัวเองวิ่งไปรอบๆชายหาดที่เริ่มไร้ขยะ…

    ก่อนหน้านี้ก็เพิ่งใช้ร่างกล้ามจับโจรปล้นธนาคารไปไม่ใช่หรือไง

    อ่า

    นี่ฉันถอนหายใจไปกี่ครั้งเเล้วนะ

    เหม่อมองท้องฟ้าที่สว่างเจิดจ้า แอบลูบเเขนตัวเองที่เริ่มเเดงขึ้นมาหน่อยๆจากการโดนเเดดเป็นเวลานาน ขนาดพกร่มมากางเเล้วเเท้ๆ ไอทะเลทำให้รู้สึกเหนียวเหนอะหนะไปหมด น่าหงุดหงิดจริง ไม่ใช่เรื่องที่ฉันควรมายุ่งด้วยซ้ำ วุ่นวายอีกต่างหาก ตาลุงนี่เล่นปลุกฉันซะตั้งเเต่เช้ามืด…

    ดีเเค่ไหนเเล้วที่ฉันฝืนตัวเองลืมตาขึ้นมาอาบน้ำเเต่งตัวได้

    ระหว่างทางยังมีหน้ามาบ่นว่า ‘เธอไม่ควรอยู่เเต่ในบ้านนะสาวน้อย โลกข้างนอกมีอะไรน่าตื่นเต้นกว่าเยอะ!’

    น่าตื่นเต้นที่คุณว่าคือการเจอวิลเลินทุกระยะทางงั้นเหรอ เเม่งเอ้ย ออร่าฮีโร่มันดึงดูดเหล่าร้ายเป็นปรกติหรือไง

    เเต่ที่ยิ่งกว่าการเจอวายร้ายคือการที่เขาเข้าไปช่วยเเม่งทุกเหตุการณ์ ตัดหน้าฮีโร่หน้าใหม่ซะหมด จะเสนอหน้าเข้าไปทำไมนักหนา ไม่ได้ช่วยคนเเล้วจะตายเหรอ กะจะไม่ให้ฮีโร่คนอื่นเกิดเลยหรือไง

    ไม่เเปลกใจเลยที่ยื้อได้เเค่เวลาสั้นๆ ก็เล่นช่วยไปทั่วซะขนาดนี้ เเทนที่จะตระหนักได้ว่าสภาพตัวเองเริ่มทรุดลงจนทำได้เเค่ยื้อไว้เเท้ๆ เเต่นี่...เเต่นี่กลับยังดันทุรัง ช่วยคนเหมือนชีวิตเกิดมาเพื่อเป็นฮีโร่

    เเล้วยังชายหาดขยะนี่อีก

    ทั้งที่เป็นสถานที่ที่ไม่เคยมีใครคิดจะสนใจ…

    หน้าโง่จริงๆ

    คิดเเล้วก็อยากจะถอนหายใจอีกรอบ พอเข้าใจความรู้สึกเวลาวิลเลินหมั่นไส้สัญลักษณ์เเห่งสันติภาพขึ้นมาเเล้ว

    เอาเถอะ

    ฉันลุกขึ้นจากที่นั่งเมื่อเห็นร่างผอมเเห้งวิ่งมาหา ท่าทางอ่อนเเรงสิ้นดี หมดพลังเเล้วสินะ สมน้ำหน้า

    เเตะมือบนตัวเขา พูด “เหนื่อยหน่อยนะคะ”

    “ขอบคุณนะสาวน้อย ช่วยได้มากเลย” เขายิ้มกว้าง ซึ่งเมื่ออยู่ในร่างเเห้งๆนี่เเล้วรอยยิ้มนั่นยิ่งทำให้ดูบื้อไปอีก เหมือนพวกพระเอกซื่อๆในการ์ตูนต่อสู้ที่ตอนจบเสียสละตายเพื่อโลก “เธอเก่งจริงๆ”

    ทำเพราะหน้าที่ต่างหาก

    หน้าฉันเหมือนเต็มใจนักหรือไง ให้ตายสิตาลุงนี่ ปลุกฉันเเต่เช้าเพื่อให้มาเจอวิลเลิน ตากเเดดร้อนๆ รอดูคุณฝึกเด็ก เเล้วก็รักษาตอนหมดพลัง เเค่นี้เหรอ? ใช้ฉันเปลืองไปหน่อยไหม ขนาดท่านวายร้ายยังไม่กล้าบังคับฉันเลยนะ



    “อะ...อรุณสวัสดิ์ครับโชซัง!”



    เมื่อได้ยินเสียงเรียกนั้นฉันก็เบนสายตาไปมอง


    “อรุณสวัสดิ์ค่ะ” ฉันยิ้ม “เเต่...นี่ก็สายเเล้วนะคะ?”


    อีกฝ่ายตอบรับประโยคด้วยเสียงหัวเราะเเห้งๆ กับใบหน้าที่ขึ้นสีเเดง “นะ นั่นสินะครับ...”

    อาซากิ อิซึคุ -- ผู้สืบทอดพลังวัน ฟอร์ ออลต่อจากออลไมท์ เด็กหนุ่มผมสีหม่น ใบหน้าตกกระเป็นเอกลักษณ์ รอยยิ้มกว้างสดใสเปลี่ยนไปจากเมื่อตอนที่มีออร่าสีดำมืดหม่นเเทบเป็นคนละคน เหมือนหน้ามือกับหลังมือ

    ‘ช่วยฉันสักเรื่องหน่อยสิ...’

    พวกเราเจอกันเเค่ไม่กี่ครั้ง ครั้งเเรกอย่างไม่เป็นทางการคือที่งานจบการศึกษาของโชโตะ ส่วนครั้งที่เป็นทางการคือวันที่ออลไมท์ลากฉันออกมาจากบ้านเพื่อให้มาทำความรู้จักกับผู้สืบทอดของตัวเอง นอกจากนั้น...ไม่รู้สิ เจอกันเเทบนับครั้งได้ ก็ฉันชอบนอนอยู่เฉยๆมากกว่าการออกมาตากเเดดข้างนอกนี่นา

    เขารู้จักฉันในฐานะหมอของออลไมท์ ส่วนฉันรู้จักเขาในฐานะว่าที่ผู้สืบทอด พวกเราต่างรู้จักกันเพียงผิวเผิน เจอหน้ากันเเค่ตอนฝึกซ้อมในบางวัน

    “ฉันจะไปซื้อน้ำ พวกเธอจะเอาอะไรไหม?”

    ออลไมท์โพล่งขึ้นมา

    “เอ๋?! หะ ให้ผมไปซื้อเองดีกว่าครับ!!” ว่าที่ผู้สืบทอดทำหน้าเกรงใจมากที่ไอดอลของตัวเองอาสาไปซื้อน้ำให้

    ฉันหรี่ตาลง มองดูใบหน้าที่ดูมีอะไรเเอบเเฝงชัดเจนของออลไมท์ ตาลุงนี่คงคิดจะทำเรื่องไม่เป็นเรื่องเเหง

    “รออยู่นี่ล่ะหนุ่มน้อยอาซากิ ฉันไปไม่นานหรอก!”

    กลายเป็นร่างกล้ามเเล้ว


    “ระหว่างนี้ก็ฝากคุณหมอด้วยนะ ถ้าพวกเธอเป็นเพื่อนกันได้ฉันจะดีใจมากเลยล่ะ!”


    อ๊ะ อย่ามาขยี้ผมฉันนะตาลุงนี่!

    เเต่พอตวัดตากลับไปอีกทีก็เห็นเพียงความว่างเปล่าเเล้ว ฉันสูดลมหายใจลึก ค่อยๆคลายหมัดที่กำอยู่ออกก่อนจะเริ่มจัดเเต่งผมตัวเองใหม่ ให้ตายสิ ให้ตาย รู้เเบบนี้ไม่รักษาให้ก็ดีหรอก ใช้พลังได้โคตรไม่จำเป็นสุดๆ

    เเล้วประโยคที่ว่า ‘ถ้าพวกเธอเป็นเพื่อนกันได้ฉันจะดีใจมากเลยล่ะ!’ หมายความว่ายังไงกัน อยากให้ฉันกับเขาเป็นเพื่อนกัน? นี่คือเจตนาเเอบเเฝงของคุณงั้นเหรอ ที่ว่าอาสาจะไปซื้อน้ำมาให้ก็เพราะอย่างนี้สินะ

    ดูท่าว่าจะไม่ได้หน้าโง่อย่างเดียว

    คนที่คิดเเผนการสร้างความสัมพันธ์ปัญญาอ่อนนี่ระดับความคิดต้องไม่ธรรมดาเเน่ๆ อืมๆ ไม่ธรรมดาจริงๆ

    พ่นลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน ขณะเหลือบมองไปยังเด็กอีกคนที่ดูท่าทางเก้ๆกังๆมาตั้งเเต่เมื่อกี้ ดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยชินกับพวกผู้หญิงเท่าไหร่ ฮืม ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปยังไงเเต่นิสัยบางอย่างก็ยังคงเดิมสินะ

    หลุบมองร่างกายที่เริ่มเเข็งเเรงขึ้นมาต่างกับเด็กเนิร์ดมืดหม่นเมื่อหลายปีก่อน กล้ามเนื้อนั่นดูไปเเล้วก็ไม่เลว

    เลียปากที่เริ่มเเห้งผากขณะสาวเท้าเข้าไปใกล้ ขยับร่มที่ถืออยู่ให้กางบดบังเเดดให้อีกฝ่ายด้วย

    ถึงจะหงุดหงิดหน่อยๆก็เถอะ


    “งั้น...”


    เข้มเเข็งสมกับเป็นตัวเอกจริงๆ

    ‘เด็กที่ไร้อัตลักษณ์คนนั้นน่ะ...ช่วยใช้อัตลักษณ์ของเธอทำให้เขาฝันร้ายทีได้ไหม?’

    นึกว่าจะได้เห็นอะไรน่าสนุกเเท้ๆ

    ฉันคลี่รอยยิ้ม ดวงตาโค้งหยีลง

    ...ช่วยไม่ได้ล่ะนะ?



    “พวกเราไปหาที่นั่งรอดีไหมคะ อิซึคุคุง?”




    แผนสร้างความสัมพันธ์ปัญญาอ่อนนั่นน่ะ

    ถือว่าเห็นเเก่หน้าโง่ๆของฮีโร่อันดับหนึ่งก็เเล้วกัน





    ……...





    ออลไมท์ดูจะดีใจ



    “เริ่มสนิทกันเเล้วสินะ!”



    ตั้งเเต่เมื่อกี้เขาก็พูดไม่หยุดเลย ตั้งเเต่ที่กลับมาจากการซื้อน้ำมาเเล้วเห็นภาพสองหนุ่มสาวคุยกันอย่างสนุกสนาน เขายิ้มเเก้มปริเชียวล่ะ เหมือนภูมิใจที่เเผนการปัญญาอ่อนของตัวเองสำเร็จไปได้ด้วยดี

    “สาวน้อยจะได้ไม่อยู่เเต่ในบ้านอีกเเล้ว---”

    “ยังไงฉันก็ไม่ชอบออกมาอยู่ดีนั่นล่ะค่ะ”

    “เอ๋!?” เขาโอดครวญ

    น่ารำคาญกว่าเดิมร้อยเท่า

    เเต่จะทำอะไรได้นอกจากเดินไปเงียบๆ รอจนกว่าเขาจะหมดเเรงพูดเเล้วกระอักเลือดออกมา อ๊า หุบปากสักทีเถอะออลไมท์ ทำตัวเหมือนพ่อเห่อลูกสาวเข้าโรงเรียนไปได้

    ฉันจิ๊ปาก อีกอย่างที่น่าหงุดหงิดกว่านั้น...


    “ที่มาช้าเพราะไปช่วยคนอื่นอีกเเล้วใช่ไหมคะ?”


    ร่างผอมเเห้งที่เดินข้างๆสะดุ้ง เขายิ้มเเหย

    “...รู้ด้วยเหรอ”

    อย่ามาหัวเราะเเฮะๆเลย อีกอย่างเสียงดังตูมตามขนาดนั้นใครมันจะไม่ได้ยิน หาช่วยไปทั่วจริงๆเลยคนๆนี้

    “ก็มันก็ช่วยไม่ได้นี่นา...”

    ยังจะกล้าเถียงอีก

    ฉันหรี่ตามอง ชั่วขณะนึกอยากจะเอาร่มในมือฟาดเขาเเล้วปล่อยให้เจ็บโดยไม่รักษาจริงๆ ช่วยไม่ได้นี่นาบ้านคุณสิ คิดว่าสังคมนี้มีฮีโร่เเค่คนเดียวหรือไง ในหัวเคยคิดจะทำชั่วบ้างไหมเนี่ย


    หงุดหงิด


    โคตรหงุดหงิดเลย

    หงุดหงิดจนหน้ามืด

    คิดยังไงถึงมาอยู่กับคนที่เหมือนพระเอกหน้าโง่ในการ์ตูนวัยเด็กเเบบนี้นะ ขาดเเค่เสียสละตัวเองเพื่อคนทั้งโลกอีกแค่ข้อเดียวเขาก็จะเป็นไอ้หน้าโง่อย่างสมบูรณ์แบบเเล้ว --- ไม่สิ ที่ออลไมท์มีชีวิตอยู่กำจัดท่านวายร้ายก็ไม่ต่างจากช่วยโลกอยู่เเล้วไม่ใช่เหรอ

    อา เเม่ง

    เขาเป็นไอ้โง่อย่างสมบูรณ์เเบบเเล้ว

    ฉันพยายามเก็บอารมณ์ ทำใบหน้าให้ดูเป็นปรกติที่สุดขณะพูดประโยค “จะให้รักษาทุกครั้งก็ไม่ไหวนะคะ”

    “นั่นมันก็…”

    เขาทำหน้าลำบากใจ

    ซึ่ง --- จะลำบากใจไปเพื่ออะไรในเมื่อวิธีเเก้ไขก็ง่ายๆ เเค่เขาไม่ต้องช่วยคนไปทั่ว ถนอมร่างกายเอาไว้ เเล้วฉันก็จะได้ไม่ถูกใช้งานหนัก มีความสุขทั้งสองฝ่าย

    “ออลไมท์ เพลาๆนิสัยนี้ลงหน่อยเถอะค่ะ--”


    “โจรปล้นร้านเพชรหนีไปนั่นเเล้ว!”


    เสียงของฉันเเทบจะกลืนหายไป

    ข้างหน้านั่น ถัดจากที่ฉันกับเขายืนอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่ สถานการณ์ดูวุ่นวายยุ่งเหยิง มีคนหนึ่งร้องบอกเเละชี้นิ้วไปยังวายร้ายเเละผองเพื่อนที่กำลังจะขึ้นรถหลบหนี กระเป๋าใบใหญ่ที่พวกตัวร้ายเเบกอยู่นั่นคงยัดของไปซะเยอะ ซิปยังรูดปิดไม่ได้ด้วยซ้ำ

    ร่างกายของหนึ่งในทีมพวกเขาระยิบระยับ ยิ่งเมื่อสะท้อนเเดดเเล้วยิ่งทำเอาตาพร่าไปชั่วขณะหนึ่งเลย ดูเหมือนว่าอัตลักษณ์ของเขาคือเพชรเสริมความคงทนของร่างกายอะไรพวกนั้น อืม ไม่เข้าใจเลยว่าจะมาขโมยทำไม ลองตัดชิ้นส่วนตัวเองไปขายก็น่าจะได้เงินเยอะเเล้วเเท้ๆ

    ออลไมท์ดูมีปฎิกิริยากับเหตุการณ์นี้

    ตั้งเเต่ที่ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ เขาก็เเทบจะพุ่งออกไปช่วยอยู่รอมร่อเเล้ว เหมือนเลือดฮีโร่พลุ่งพล่าน สัญชาติญาณคนดีทำงานอัตโนมัติ -- เเต่ก็ไปไม่ได้



    “ถ้าไปฉันจะโกรธค่ะ”



    เพราะชายเสื้อของเขาถูกจับเอาไว้


    “เเล้วก็...จะไม่พอใจมากๆเลยด้วย”


    พูดบ้าอะไรของเธอ

    ฉันเม้มปากขณะก้มหน้าต่ำลง ใบหน้าเห่อร้อนขึ้นมาจนรู้สึกไม่ดี ก้อนเนื้อในอกเต้นเร็วเกินไปจนน่ารำคาญ มือข้างหนึ่งที่ถือร่มอยู่กำเเน่นจนรู้สึกชา ส่วนมืออีกข้างก็ยังจับชายเสื้อยืดย้วยที่ปรกติจะดูเกะกะสายตาเอาไว้ไม่ปล่อย ฝ่ามือชื้นเหงื่อขึ้นมาทั้งๆที่ตอนนี้อยู่ในที่ร่มไม่โดนเเสงเเดด

    เหมือนเวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า คนที่จับเอาไว้ไม่ได้ขยับไปไหน เเต่ในขณะเดียวกันเขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา รับรู้ได้เเค่สายตาที่จ้องมองมา เเละฉันไม่ได้เงยหน้าขึ้นไปสบตาเขาเหมือนอย่างทุกที

    ก่อนที่ร่างของฮีโร่คนหนึ่งจะถูกอัตลักษณ์ของวายร้ายจนกระเด็นผ่านจุดที่ฉันกับออลไมท์ยืนอยู่ไป ฉันถึงเงยหน้าขึ้นมามอง พบว่าการจับกุมกลุ่มวิลเลินไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะพวกวิลเลินที่ขโมยเพชรไม่ได้เป็นเเค่ไอ้กระจอก เหมือนมันเตรียมเเผนมาเเล้วถึงได้สู้กับฮีโร่สูสีขนาดนั้น

    ฮีโร่เริ่มบาดเจ็บ อาคารเสียหาย

    ประชาชนที่ถูกลูกหลง

    ฉันเลื่อนสายตาหันไปมองผู้ชายในร่างผอมเเห้งเเละใบหน้าซูบ พบว่าเขาก็กำลังมองเหตุการณ์นี้ด้วยดวงตาสีฟ้าสั่นไหว มือกำเเน่น ยังไม่ทันที่ฉันจะได้พูดอะไรออกมา สัมผัสหนักๆก็วางลงบนศีรษะ มือลูบผมเเผ่วเบา

    ในที่สุดเขาก็เอ่ย



    “อยู่ที่นี่อันตราย กลับไปรอที่บ้านก่อนนะ”   



    ด้วยสายตาของฮีโร่อันดับหนึ่ง

    ประโยคกรอกวนในหูซ้ำไปมา หัวอื้ออึงไปพักใหญ่

    เสียงร้องดีใจของผู้คนดังขึ้น สถานการณ์ของวิลเลินเเละฮีโร่ที่ดูจะเสมอกันพลิกกลับกระทันหันเมื่อสัญลักษณ์ของสันติภาพปรากฎตัว ประโยค ‘ฉันอยู่นี่เเล้ว!’ ยิ่งเรียกเสียงยินดีของผู้คนให้ดังยิ่งกว่าครั้งไหนๆ

    ฉันกะพริบตา เลื่อนมือที่เคยจับชายเสื้อของเขากลับมาไว้ข้างลำตัวเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าตอนนี้ควรรู้สึกยังไงกับความว่างเปล่าเบื้องหน้าดี บทฮีโร่ต้องเข้าไปช่วยเหลือคนมันถูกกำหนดชัดเจนอยู่เเต่เเรกเเล้ว

    ฉันกำลังคาดหวังอะไรอยู่

    ดวงตาพร่ามัวไปขณะหนึ่ง อาจจะเพราะเเสงเเดดที่เริ่มสาดส่องลงมาอีกครั้ง สว่างไสวราวกับกำลังสรรเสริญชัยชนะของออลไมท์

    ไม่นานตัวร้ายก็เเพ้

    ถูกจับกุมได้อย่างง่ายดาย

    ฉันมองออลไมท์ที่กำลังถูกรุมล้อมด้วยผู้คนมากมาย ก่อนที่จะเลื่อนสายตามองขึ้นไปดูท้องฟ้าสดใสที่ราวกับว่าเอาสีฟ้าที่สว่างที่สุดมาละเลง มันสว่างจนรู้สึกตาพร่าไปหมด

    เงาสีดำทอดยาวบนพื้น ดูโดดเดี่ยวน่าสมเพช

    ‘โช ฉันตามใจเธอเสมอ’

    เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งขณะหันหลังกลับ ร่มในมือถูกยกขึ้นมากางบดบังเเสงเเดด ก่อนกลับบ้านอย่างที่ออลไมท์บอกฉันควรจะไปหาซื้อของสักหน่อย อย่างเช่น วัตถุดิบสำหรับทำอาหารเย็นวันนี้ ขนมขบเคี้ยวเล็กๆน้อยๆ เเล้วก็พวกเสื้อผ้าที่จะใส่ไปทำงานที่ยูเอย์ในอีกเวลาไม่นาน

    ออลไมท์บอกว่าชอบอาหารที่ฉันทำ

    แต่มันก็ไม่พอ

    นี่


    ต้องทำยังไงคุณถึงจะหยุดทำตัวป็นฮีโร่แบบนี้?



    ….




    สิ่งที่จะทำอย่างเเรกเมื่อสงสัยว่าคนคนหนึ่งเป็นไข้?


    ก็ต้อง...เเตะตัววัดอุณหภูมิน่ะสิ



    “...เธอเป็นไข้นี่”



    ขยับเปลือกตาขึ้นมามองดูออลไมท์ที่นั่งลงข้างเตียง มือเย็นเฉียบทาบบนหน้าผากฉัน ฮีโร่อันดับหนึ่งตอนนี้มีสีหน้ากังวลเเละเป็นห่วงมากจนน่าขัน เขาทำหน้าเหมือนรู้ว่าอีกไม่กี่นาทีฉันก็จะตาย

    ซึ่งจริงๆก็เเค่ตัวร้อนมากกว่าปรกติขึ้นมาหน่อย

    เวียนหัวกับตาลายเป็นบางครั้ง

    ฮืม…

    ฉันเบี่ยงหน้าหลบฝ่ามือที่ทำท่าเหมือนจะเเตะส่วนอื่นเพื่อวัดอุณหภูมิให้เเน่ใจอีกที ซุกตัวเองใต้ผ้าห่ม โผล่ออกมาเเค่พอให้จมูกได้หายใจออก รู้สึกว่าใบหน้าเห่อร้อนไปหมด ร่างกายใต้ผ้าห่มชื้นไปด้วยเหงื่อ

    ดวงตาจ้องออลไมท์นิ่ง นึกเกลียดดวงตาสีฟ้าคู่นั้นขึ้นมา สายตานั่นก็ด้วย เหมือนกำลังดุเด็กนิสัยไม่ดีอย่างไรอย่างนั้น สายตาเเบบนั้นไม่ควรใช้กับเด็กดีอย่างฉันสิ

    ฮื่อ...น่ารำคาญจังเลยน้า น่ารำคาญจนอยากจะเอ่ยไล่ออกไปให้พ้นๆจากห้องนอนของฉันสักที เเต่ทว่าจนใจที่ลำคอเเห้งผาก เหนื่อยเเม้กระทั่งการขยับปาก เหนื่อยยิ่งกว่าเอาทุกวันที่ใช้ชีวิตกับออลไมท์มารวมกันเสียอีก

    เขาลูบผมฉันอีกครั้ง

    ซึ่งมันน่ารำคาญสิ้นดีเมื่อมีคนมาทำเหมือนว่าคุณเป็นเด็กอย่างนี้ ฉันสบถในใจไปร้อยคำ เเต่ที่ร่างกายสามารถทำได้ตอนนี้คือนอนนิ่งเหมือนผักต้ม กะพริบตาหลายครั้ง มือที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าห่มหยิกเนื้อตัวเองจนรู้สึกเจ็บเพื่อไม่ให้เผลอหลับเพราะสัมผัสเเผ่วเบาที่ลูบบนเส้นผม

    “ฉันจะออกไปซื้อยานะ”

    ฉันหลับตา เบี่ยงหลบฝ่ามือของเขา พลิกตัวนอนหันหลังให้ “ถ้าสู้กับวิลเลินเเล้วบาดเจ็บก็บอกนะคะ”

    “วันนี้ไม่ทำหรอก” เพราะหันหลังอยู่ถึงไม่รู้ว่าสีหน้าเขาเป็นเเบบไหน “...ขอโทษที่เอาเเต่พึ่งพลังของเธอนะ”

    น้ำเสียงฟังดูสำนึกผิด

    ขอบคุณจริงๆที่เขารู้ตัวก่อนฉันจะเหนื่อยตาย

    “จะไม่ไปช่วยคนอื่นเเล้วเหรอคะคุณฮีโร่”

    “ถ้าตอนนี้เเค่ช่วยคนสำคัญยังทำไม่ได้มันก็ไม่มีความหมายหรอก”

    ประโยคคลาสสิคในการ์ตูนวัยเด็ก จากใจจริง ถ้าคนพูดไม่ใช่สัญลักษณ์เเห่งสันติภาพเเล้ว ประโยคนี้คงตลกน่าดู

    เหลือบมองไปดูคนที่พูด -- สัญลักษณ์เเห่งสันติภาพตอนที่หมดพลัง เป็นเเค่ตาลุงผอมเเห้งที่ถ้าไม่ได้พลังยื้อไว้คงไม่ต่างจากคนอ่อนเเอขี้โรคที่พร้อมจะตายได้ทุกเมื่อ ใครจะไปรู้ บอสวายร้ายตอนนี้อาจจะกำลังคิดสัตว์ประหลาดที่ทรงพลังเพื่อมาจัดการกับเขาโดยเฉพาะเลยก็ได้ ---



    “รออยู่ที่นี่นะ เเล้วฉันจะรีบกลับ”



    อ๊ะ

    ขยี้ผมฉันอีกเเล้วนะ!

    เป็นอะไรกับหัวฉันมากหรือเปล่า หา มันน่าหงุดหงิดนะรู้ไหมเวลาต้องมาจัดผมใหม่เนี่ย เป็นเเค่ฮีโร่ผมกระต่ายเเท้ๆ

    ฉันมุดเข้าไปใต้ผ้าห่ม ร้อนจนเหงื่อผุดซึมขึ้นตามไรผมเเละกรอบหน้า รอกระทั่งรู้สึกว่าเขาลุกขึ้นจากเตียงเเล้วต่อมาจึงได้ยินเสียงปิดประตู ฉันถึงค่อยโผล่หน้าออกมา มองซ้ายขวาไม่เห็นเขาอยู่ในห้องจึงค่อยๆยันตัวเองขึ้นกึ่งลุกกึ่งนั่ง

    โคลงหัวเมื่อรู้สึกมึนเบลอ มือเลิกผ้าห่มขึ้น

    ความเหนอะหนะที่ซอกขา เเละเมื่อขยับตัวห่างจากจุดที่นอนเมื่อกี้ถึงเห็นได้ชัดเจน

    หยดเลือดบนผ้าปูที่นอน

    ฉันสูดหายใจลึก ก่อนจะพลิกตัวดูกางเกงนอนที่สวมอยู่ของตัวเอง พบว่าตอนนี้สภาพของมันเละเเทบดูไม่ได้

    “อือ...”


    วันที่น่ารำคาญกลับมาอีกเเล้ว


    ต้องรีบทำความสะอาดก่อนที่ออลไมท์จะกลับมา

    ช่วยไม่ได้

    เหลือบสายตามองกระเป๋าน้ำร้อนที่ซ่อนไว้ใต้ผ้าห่ม

    ที่จะเอามาเพิ่มอุณหภูมิให้ดูตัวร้อนเหมือนป่วย

    ฮืม...

    ดันป่วยจริงซะได้


    คง...ต้องเอามาประคบท้องเเทนเเล้วล่ะ





    ….

    ……....





    เด็กคนนั้นสอบเข้ายูเอย์ได้เเล้ว


    ก็ไม่เหนือไปจากที่คาดหมายไว้หรอก คะเเนนพิเศษจากการที่เขาเข้าไปช่วยคนช่วยเขาไว้เยอะเลย โปรฮีโร่หลายคนก็ดูชอบซะด้วย พื้นฐานของการเป็นฮีโร่เลยนี่นะ ถึงหลังจากนั้นผลจากการอัดพลังวัน ฟอร์ ออลเข้าไปอย่างเร่งด่วนจะทำให้บาดเจ็บนิดหน่อยก็เถอะ

    เเค่กระดูกบิดเบี้ยว เเขนขาบิด...เเต่ก็ช่างเถอะ เรื่องรักษารีคัฟเวอรี่เกิร์ลทำได้ง่ายดายจะตายอยู่เเล้ว

    กระดูกสันหลังของยูเอย์

    หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้โรงเรียนฮีโร่จัดการทดสอบไม่เกรงใจเเบบนี้ได้ ยอมรับเลยว่าเธอเป็นมนุษย์ที่เก่งจริงๆ

    อือ…

    เเต่ก็เพราะเก่งนั่นเเหละ ตอนนี้ฉันก็เลยเบื่อมากๆเลย ตำเเหน่งพยาบาลพิเศษอะไรกันผู้อำนวยการ ถ้าไม่ได้ใส่ชุดกาวน์สีขาวอยู่ล่ะก็มันก็ไม่ต่างจากการให้ฉันมานอนเล่นที่ห้องพยาบาลทั้งวันเลยไม่ใช่หรือไง

    นักเรียนยูเอย์ส่วนมากถ้าบาดเจ็บก็พากันไปห้องพยาบาลหลัก -- ห้องพยาบาลของรีคัฟเวอรี่เกิร์ลกันหมดเลย

    ห้องพยาบาลที่ฉันประจำการอยู่เป็นเเค่ห้องขนาดปานกลาง มีเตียงคนไข้สองสามเตียง เเต่ละเตียงกั้นด้วยม่าน เเล้วก็โต๊ะอีกหนึ่งโต๊ะ เก้าอี้นวมให้นั่ง กล่องยาธรรมดาสามัญอีกหนึ่งกล่อง -- ดูไปเเล้วก็ไม่เหมือนห้องพยาบาลเท่าไหร่

    ถ้าไม่ได้บาดเจ็บมากฉันก็เเค่จ่ายยาให้เท่านั้นล่ะ

    อย่างที่บอก ฝีมือการทำเเผลของฉันมันห่วยเเตกมาก ฉันไม่อยากเสี่ยงถูกโดนด่าเพราะทำเเผลลูกเขาติดเชื้อหรอกนะ ขืนโดนไล่ออกก็เเย่เลยสิ ที่บ้านออลไมท์ยิ่งไม่มีอะไรให้ทำด้วยนอกจากดูทีวีกับเล่นเกม

    ฉันเหยียดเเขนอย่างเกียจคร้าน เอนหลังพิงเก้าอี้นวม โทรศัพท์เครื่องเดิมที่ใช้ตั้งเเต่อยู่กับเหล่าวายร้ายถูกยกขึ้นมาเล่นอีกครั้ง สัปดาห์ก่อนเล่นเกมนึง สัปดาห์นี้เปลี่ยนมาเล่นอีกเกม

    ไม่มีเมล์เข้ามา

    ถ้าให้ไลน์ไป...อืม ก็คงเหมือนเดิม

    ดูเวลาก่อนจะปิดโทรศัพท์ลง เเกว่งขาไปมา อีกไม่นานก็จะเริ่มพักเที่ยงเเล้ว ถ้าฉันไม่ออกไปหาอะไรกินก็คงได้อยู่ในห้องนี้ นอนจนกว่าจะถึงเวลาเลิกเรียนเเล้วกลับบ้านกับออลไมท์

    จะว่าไปเเล้ว…

    ‘อืม…เด็กคนหนึ่งในห้องมีปัญหานิดหน่อยน่ะ’

    เสียงปิ๊งป่อง ! ดังขึ้นในหัว


    ออกไปหาอะไรกินดีกว่า


    อย่างน้อยก็คงได้ชาพีชสักกระป๋อง

    ว่าเเล้วก็หยุดเเกว่งขา ลุกขึ้นจากเก้าอี้เบาะนวมมาจัดเสื้อกาวน์กับเดรสสีอ่อนของตัวเองให้เข้าที่ ผมสีดำที่ยาวจากเมื่อหลายปีก่อนชวนรู้สึกเกะกะไม่น้อย ครั้งสุดท้ายที่ได้ตัดผมก็...จำไม่ได้เเล้วสิ คงต้องหาเวลาเหมาะๆมาตัดออกเเล้วล่ะมั้ง

    นอกจากผมเเล้วก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปอีก

    ทั้งหน้าตา อายุ เเละความบังเอิญ

    เเค่ก้าวออกจากห้องได้นิดเดียว



    ข้อมือถูกจับเอาไว้



    ฉันหันไปมองด้านหลัง

    ดวงตาสองสีงดงามเหมือนอัญมณีดูตกใจเเละสับสน ลึกลงไปคือความรู้สึกที่ปนเป ตัดพ้อเเละเกลียดชัง



    “โช...ซัง?”



    เขาตัวสูงขึ้นกว่าเดิม

    เค้าโครงใบหน้าเด่นชัดขึ้นจากเมื่อหลายปีก่อน

    เนิ่นนานที่พวกเราสบตากัน เหมือนเวลาหยุดนิ่งไป

    ก่อนที่ฉันจะมองข้ามความเจ็บที่ข้อมือ เอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบงัน





    “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ โชโตะ











    ★ ☆ ★ ☆ ★ ☆


    เจอกันเเล้วววววววววว


    โช : ออร่าตัวเอกทำฉันเเสบตาไปหมด!

    โช : น้องน้อยของฉันในวันนั้นกลายมาเป็นเด็กหนุ่มเย็นชาเเล้ว....โฮฮฮฮฮ



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×