ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [fic reborn BM]ถึงตาย...ฉันก็ไม่ยอมเสียเธอ

    ลำดับตอนที่ #5 : สายหมอกคนใหม่

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.86K
      10
      15 ม.ค. 53

    Chapter 5 สายหมอกคนใหม่

     

    ฮะ...เฮ้ยนี่มาม่อนมาจากยุคไหนกันแน่เนี่ยและก็อายุเท่าไหร่กันแน่นะ

    นี่นาย ปล่อยฉันสักทีสิ ฉันตอบคำถามหมดแล้วไง เสียงหวานติดจะดุๆพูดเรียกสติที่เหม่อลอยของคนที่ตอนนี้กอดเธอซะแน่น จนแทบหายใจไม่ออก

    ปล่อยก็ได้ แต่ต้องหอมแก้มเจ้าชายก่อนน้า~~ชิชิชิ เบลพูดพร้อมใช้นิ้วจิ้มๆไปที่แก้มป่องๆอย่างน่ารัก

    ไม่ได้อยู่ในข้อตกลง ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่

    ไม่อาวววว ถ้าไม่หอมแก้ม เจ้าชายงอนจริงๆด้วย

    ฉันไม่แคร์มาม่อนใช้โอกาสที่เบลคลายอ้อมกอดเล็กน้อย สะบัดตัวจนหลุดแล้วชกเข้าท้องเบลอย่างแรง เบลถึงกับร้องไม่เป็นภาษาเมื่อหมัดของมาม่อนโดนที่แผล จนเลือดไหลทะลักออกมาอีกรอบ

    นายมีแผลที่ท้องหรอ ขอดูหน่อยสิ มือเรียวเลิกเสื้อร่างสูงขึ้น ดวงตาเบิกกว้าง

    ปทำอะไรมาเนี่ย แผลลึกแบบสุดๆเลย แล้วถ้าเมื่อกี้เธอชกไปโดนแผลล่ะก็…’

    ฉันจะพานายไปโรงบาลนะ

    ไม่ได้ โดนตามล่าอยู่ ไปไม่ได้เด็ดขาด

    งั้นฉันปฐมพยาบาลให้ก่อนละกันมาม่อนใช้มายาเรียกกล่องยาออกมา ใบหน้าเคร่งเครียด ภาพที่เห็นทำให้ร่างสูงอมยิ้ม

    ยังใจดีไม่เปลี่ยน

    นี่แผลนายไปโดนอะไรมาหรอ?

    โดนมาม่อนชกไง

    จะบ้าหรอ นายคิดว่าฉันแรงช้างขนาดชกท้องนายเป็นรูเลยรึไง แล้วก็เรียกชื่อฉันให้ถูกหน่อย ฉันชื่อไวเปอร์

    ยังไงก็เป็นมาม่อนของเจ้าชายอยู่ดีพูดจบ ก็รีบฉวยโอกาสที่ร่างบางเผลอ หอมแก้มนวลฟอดใหญ่ พร้อมเตรียมตัวรับคำด่า แต่กลับไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาจากริมฝีปากสวยสักคำ 

    นายน่ะ

    หืม

    ตายซะเถอะนะ….” ถ้อยคำเรียบๆแต่กลับแฝงความน่ากลัวจากร่างบางตรงหน้า เล่นเอาใจเบลตกลงไปถึงตาตุ่ม ในใจอยากร้องห้ามร่างบางใจจะขาด แต่ก็สายเกินไปเมื่อน้ำแข็งที่สร้างขึ้นจากภาพมายาค่อยๆเกาะกุมจากด้านล่างขึ้นมาอย่างรวดเร็ว นัยน์ตาเบลเบิกกว้าง มองเห็นร่างบางคว้ามีดที่ซ้อนไว้ขึ้นมา แล้วแทงไปที่หัวของเขา!!!............ซะเมื่อไหร่ มือของมาม่อนค้างไว้ในระยะเผาขน ห่างจากหัวเขาไม่ถึงมิล

    เอ๋?!”

    เป็นไง ตื่นเต้นดีไหม น่าจะได้เห็นภาพหน้าตัวเองเมื่อกี้นี้นะ ถ้าเอาไปขายในหมวดภาพหลุดๆ คงได้ราคาดี น่าเสียดายถ่ายไม่ทันซะนี่ หึรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นมาจากร่างบาง เล่นเอาเบลฉุนกึก แกล้งกันนี่หว่า

    หนอย แกล้งเจ้าชายหรอ นี่แหน่ะ

    เห้ย!” เบลผลักมาม่อนล้มลงนอนกับพื้น และตอนนั้นเองที่มือของมาม่อนสัมผัสโดนอะไรบางอย่างบนตัวเบล

    กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด!!!!”

    มาม่อน!!!”

     

     

            โอ๊ย ปวดหัวจัง เกิดอะไรขึ้นนะ สัมผัสแบบนี้ บนเตียงหรอ แล้วความอบอุ่นนี้ล่ะ มีคนนอนอยู่หรอ มีคนนอนอยู่ บนเตียง…..กับเธอ!!!’

            เฮ้ย!!!”

            โอ๊ย/โอ๊ยสองเสียงประสานกัน เมื่อหัวโขกกันอย่างแรง

            นายอีกแล้วหรอ มาม่อนหันไปโวยใส่ไอ้คนหัวเหลืองๆ ใส่มงกุฎ ยิ้มประหลาดๆ ที่นอนกุมหัวอยู่ข้างเตียง

            มาม่อนทำเจ้าชายตกเตียง

            แล้วใครใช้ให้นายมานอนบนเตียงล่ะ เออ จะว่าไปทำไมนายมาอยู่บนเตียงกับฉันได้

            ก็นี่มันห้องเจ้าชาย นี่ก็เตียงเจ้าชาย เจ้าชายอยากมองหน้ามาม่อนชัดๆ ก็เลยก้มลงไปดู ใครจะไปคิดล่ะว่ามาม่อนจะตื่นเอาหัวมาโขกเจ้าชายเล่นล่ะ ชิชิชิ

            อยากมองหน้าหรอ!!!” มือเรียวรีบสัมผัสใบหน้าตน ก็พบว่าหมวกสำหรับไว้ปิดใบหน้าตนนั้นไม่อยู่แล้ว ดวงตาคมสีครามสวยเบิกกว้าง

            นายมีสิทธิ์อะไรมาถอดหมวกฉัน!!!?”

            เวลามาม่อนอยู่กับเจ้าชายก็ไม่เคยใส่หมวกอยู่แล้ว

            ฉันบอกแล้วไงว่าใช่มาม่อนอะไรนั่น เลิกเรียกฉันอย่างนั้นซะที!” เสียงตะคอกกลับเล่นเอา

    ลุซเซอเรียที่กำลังกำลังแอบฟังการสนทนาอยู่หน้าประตูถอนใจเฮือกใหญ่

            หลังจากที่เบลจังพามาม่อนจังมาที่ฐานทัพ ก็ผ่านไป 1 อาทิตย์แล้ว ตอนนี้เหตุการณ์วุ่นวายไปหมด ทั้งเรื่องบอสกับสควอโล่ เรื่องของพวกรุ่นที่สิบ ส่วนเบลจังก็ยังบาดเจ็บหนักต้องนอนอยู่บนเตียงแท้ๆ แต่ก็ยังอุส่าห์ฝืนสังขาร เพื่อมาดูแลมาม่อนจัง แต่พอมาม่อนจังตื่นไม่ถึง 1 นาที ก็ทะเลาะกันซะแล้ว เฮ้อ เจ๊ล่ะกลุ้มมมมมมมมมมม เอาเถอะ เข้าไปก่อนดีกว่า

            ก๊อก ก๊อก ก๊อก

            เข้ามาสิ

            เจ๊สู้ตาย…’

            ขอโทษที่มารบกวนนะจ๊ะ เบลจัง มาม่อนจัง

            ไวเปอร์ เสียงเย็นเหยียบดังขึ้นจากคนที่นอนบนเตียง เล่นเอาลุซเซอเรียลอบกลืนน้ำลาย เอื๊อก

            ใครก็รู้ว่ามาม่อนจังเวลาโกรธ น่ากลัวกว่าบอสซะอีก

            คือว่าเบลจังจ๊ะ พอดีมีเรื่องนะจะ ชช่วยมากับเจ๊หน่อยได้มั้ย

            อืม

            ขอบใจจะ

            ปึง!

            เสียงปิดประตูพร้อมกับที่ทั้งสองคนออกไป ร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงก็ถอนใจเฮือกใหญ่

            ออกไปกันได้ซะที เฮ้อ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับฉันกันแน่นะ ไม่ว่าท่าทีที่รู้จักฉันดีของพวกนั้น ความเครียด ความผิดปกติที่เห็นได้ชัด และยังอาการปวดหัวนี้อีก เอ๊ะ….จะว่าไป รู้สึกว่าเราจะสลบไป แต่เพราะอะไรล่ะ จำไม่ได้เลย เหมือนจะเห็นอะไรสักอย่างนี่นา แต่ก็จำไม่ได้….โอ๊ย….ช่างมันเหอะ ถ้าลุกขึ้นไหวเมื่อไหร่ จะรีบไปให้พ้นๆจากที่นี่เลย แต่ยังงัยก็ต้องไปคิดเงินไอ้ตัวปัญหาหัวเหลืองนั้นซะก่อน หึหึหึ…” ร่างบางคิดถึงเรื่องเงินอย่างมีความสุข โดยที่ไม่รู้เลยว่ามีสายตาหนึ่งจับจ้องมายังตนอย่างมุ่งร้าย………

     

     

            มีเรื่องอะไรหรอ ลุซเซอเรีย เบลเอ่ยถามขณะเดินตามลุซเซอเรียไปยังห้องโถง

            เรื่องใหญ่สุดๆเลยล่ะจะ เบลจังไปดูเองดีกว่านะ นี่จะ ลุซเซอเรียเปิดประตูห้องโถงให้เบล เบลที่สงสัยจัด จึงรีบเดินเข้าไปดู ภาพที่เห็นเล่นเอาสะดุดกึก

            นะนี่มันอะไรกันเนี่ย!!!?”

            ทั้งรีบอร์น โคโรเนลโล่ รัลมิลจิ เวลเด้ สกัล ฟง ลูซี่….อัลโกบาเลโน่ทั้งก๊กเลยยยยยยยยยยยย

            แกจะยืนทำหน้าเอ๋ออีกนานมั้ย ไอ้สวะ ไปหาที่นั่งซะแซนซัสพูดเรียกสติ เบลเพียงพยักหน้าช้าๆ แล้วไปนั่งข้างสควอโล่ แล้วระหว่างลอบมองหน้าแต่ละคนนั้นเอง ก็เหลือบไปเห็นสึนะ ที่ตอนนี้หน้าปูด บวมช้ำ และยังมีแผลตามตัว

            นี่ สควอโล่ เจ้าแมลงสาปรุ่นที่สิบนั่น โดนมิลฟิโอเล่ซัดมาหรอ?

            เปล่าหรอก อันที่จริงแล้ว…..”

            ย้อนไปอาทิตย์ก่อน

    ห้องอาหารรวม ชั้น 3 ของฐานทัพที่ถูกบุก

            แฮ่กๆๆไม่รู้ว่าป่านนี้พวกนั้นจะเป็นยังงัยบ้างนะ รีบอร์น สึนะพูดเสียงหอบ เหงื่อผุดเต็มใบหน้า

            คงไม่เป็นอะไรหรอก ลูกน้องนายไม่ใช่ธรรมดากันหรอกนะ

            เออ จริงสิ ตอนนี้ฐานเราแตกแล้ว นายไม่โดนรังสีนอนทูรินิเซนหรอ

    โดนสิ แต่ฉันยังไห...ว....

    ปุ้ง!

    เอ๋ อะไรน่ะ

    ควันสีชมพูฟุ้งเต็มห้องบดบังการมอง สึนะรีบมองหารีบอร์น แล้วภาพที่เห็นเบื้องหน้าก็ทำให้ดวงตาเบิกกว้างด้วยความช๊อกสุดขีด

    รี...รีบอร์น!?”

    ศัตรู

    เอ๋!!!”

    กลับสู่ปัจจุบัน

    แล้วจากนั้นไอ้หนูรุ่นที่สิบนั่นก็วิ่งหนีรีบอร์นที่มาจากอดีต(ก่อนเป็นอัลโกบาเลโน่)จนมีสภาพแบบนั้นล่ะ

    ท่าจะอนาถ

    เอาล่ะแซนซัสเริ่มเปิดเรื่อง เมื่อไอ้สวะทุกตัวมาพร้อมกันแล้ว เริ่มคุยกันเลยนะ สรรพนามเรียกผู้อื่น เล่นเอาสายตาทุกคู่หันมามองอย่างหาเรื่อง แต่ก็ไม่กระทบโสตประสาทความหน้าด้าน(?)ของแซนซัสแม้แต่น้อย

    เริ่มด้วยพวกแก มานี่กันได้ไง? แซนซัสหันไปมองเหล่าอัลโกบาเลโน่ทั้งเจ็ด แต่คำตอบที่ได้รับมีเพียงการส่ายหน้าเท่านั้น

    คือว่าเรื่องนั้นผมว่าผมรู้นะครับ เสียงของจางนีนิ เรียกสายตาทุกคู่ให้หันไปมอง

    เมื่อวานนี้ผมได้รับข้อมูลที่ท่านอิริเอะ โชอิจิ แอบส่งมาลับๆ จากฐานทัพมิลฟิโอเล่น่ะครับ ท่านอิริเอะเพียงบอกว่า ที่นำตัวพวกเขามาก็เพื่อทำตามคำขอร้องจากใครบางคนน่ะครับ แต่ก็ไม่ยอมบอกด้วยว่าเป็นใคร

            เอาเถอะ ยังงัยก็คงจะต้องให้อยู่ที่นี่ไปก่อนนั่นแหละแซนซัสบอก

            ขอบคุณมากค่ะ ลูซี่เอ่ยตอบ

            โอ๊ย!”เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดมาพร้อมกับร่างของลูกน้องวาเรียที่กะเสือกกะสนมาหาบอสแห่งวาเรีย

            ช่วยด้วยครับ มันแข็งแกร่งมาก

            เกิดอะไรขึ้นไอ้สวะ?

            สมกับเป็นวาเรีย จริงๆเลยนะครับ ป่าเถื่อนกันจริงๆเลย เสียงปริศนาดังขึ้น พร้อมกับร่างคนตัวเล็กผมสีเขียวหน้าตาย ที่ใส่หมวกกบบนหัวเดินเข้ามา

            สวัสดีครับ ผมฟราน ผู้พิทักษ์สายหมอกที่คุณรีบอร์นแนะนำมา
    ......................................................................................................
    ในที่สุดก็ได้มาอัพซะที ต้องขอโทษทุกคนที่มาอัพช้าด้วยนะค่ะ

    และก็ขอบคุณทุกๆเม้นด้วยค่า แล้วจะรีบมาอัพให้เร็วที่สุดนะค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×