ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กลรักวังหลวง [서현]

    ลำดับตอนที่ #135 : เล่ห์ร้ายสกุลคิม [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 602
      40
      12 ม.ค. 63

    ตอนที่ 135 เล่ห์ร้ายสกุลคิม







         "ไม่มีใครเห็นหรอก มันไม่ได้อยู่ใกล้ขนาดนั้น เสียงอึกทึกในงานก็ดังลั่นไปหมด" ซุนฮวาตอบ "ว่าแต่เจ้าไปอยู่ที่นั่นได้อย่างไรกัน กลับมาจากตำหนักสวนเฟิงตั้งแต่เมื่อใด"

         "เจ้ารู้เรื่องตำหนักสวนเฟิงด้วยหรือ" ซอฮยอนตกใจ

         "รู้สิ ยุนซังกุงมาบอกกับข้าเป็นการส่วนตัวว่า---" หญิงสาวหยุดพูดพลางหันไปมองนางในคนอื่นๆ ที่นั่งหน้าสลอนรอฟัง "นี่ จะมานั่งฟังอะไรกันหา ไปทำงานสิ ข้าจะอยู่ดูแลนางเอง"

         เหล่านางในพากันทำสีหน้าไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมากแต่ก็ยอมลุกออกไปแต่โดยดี เมื่อพวกนางทยอยจากไปจนหมดทุกคนแล้ว ซุนฮวาก็เดินไปตรวจสอบที่ประตูเพื่อความแน่ใจว่าไม่มีใครแอบฟังอยู่

         "พวกนางไปแล้ว" หญิงสาวบอกก่อนจะกลับมานั่งข้างซอฮยอน

         "เมื่อครู่เจ้าบอกว่ายุนซังกุงเป็นคนมาบอกหรือว่าข้าไปอยู่ที่ตำหนักสวนเฟิง" 

         "ใช่ นายหญิงบอกว่าเจ้ากำลังจะได้ขึ้นเป็นเซจาพินขององค์รัชทายาทและต้องไปทำการเก็บตัวที่ตำหนักสวนเฟิง 3 วัน" 

         ซอฮยอนนิ่งไป นางคิดทบทวนอะไรบางอย่างก่อนจะถามเพื่อนต่อไปว่า

         "ในวังเกิดอะไรขึ้นระหว่างที่ข้าไม่อยู่รึเปล่า"

         "ข้าเองทำงานอยู่แต่ในกองงานวรรณกรรม ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นแบบลับๆ ข้าก็ไม่รู้หรอก แต่รู้สึกว่าพวกขุนนางสกุลคิมจะมีการเคลื่อนไหวที่ไม่ชอบมาพากลอยู่"  ซุนฮวาตอบ

         "สกุลคิมอย่างนั้นหรือ" ซอฮยอนพูดออกมาเบาๆ

         "สรุปมันเกิดอะไรขึ้นหรือซอฮยอน" เพื่อนหญิงซักไซ้ "คนที่ใส่ชุดจอกอึยเข้าพิธีในวันนี้ต้องเป็นเจ้าสิ ทำไมเซจีจึงมาเข้าพิธีแทน โชคดีนะที่ข้าไม่รีบป่าวประกาศออกไปก่อนว่าพระชายาคือเจ้า ไม่เช่นนั้นคงวุ่นวายแน่ ตอนแรกข้าก็สงสัยอยู่ว่าทำไมคิมซังกุงถึงอยู่ในชุดแท-รเยบก รวมถึงใส่ตอกูจีที่หลังศีรษะ นางจะมาแสดงความยินดีกับเจ้ารึก็เป็นไปไม่ได้ สรุปแล้วพระชายากลายเป็นคิมเซจีเสียอย่างนั้น"
       
         "ก่อนที่ข้าจะออกไปอยู่ตำหนักสวนเฟิง พระมเหสีเรียกข้าไปพบเพื่อคุยเรื่องการแต่งตั้งพระชายา พระนางดูมีความจริงใจที่จะให้ข้าได้ตำแหน่งนั้น แต่ทำไมวันนี้กลับเปลี่ยนพระทัยเล่า"

         "เจ้ากำลังคิดว่าพระมเหสีแกล้งลวงเจ้าใช่รึไม่" ซุนฮวาถามเบาๆ "แต่ข้าว่าไม่ใช่หรอก เพราะพระมเหสีทรงประชวรหนักก่อนที่จะมีอภิเษกเสียอีก"

         "พระมเหสีทรงประชวรหนักหรือ!" ซอฮยอนตกใจ "ประชวรด้วยโรคอะไร"

         "เห็นคนในวังว่ากันว่าพระนางตรอมใจ และก็อย่าเอาไปพูดต่อล่ะ เพราะหลายคนสันนิษฐานว่าพระมเหสีไม่อยากได้คนสกุลคิมมาเป็นพระสุณิสา แต่องค์รัชทายาทกลับขัดรับสั่งจึงล้มป่วยลง"

         "แต่ทำไมองค์รัชทายาท..." ซอฮยอนรู้สึกวาบในช่องท้องเมื่อเอ่ยถึงชื่อนี้ "...แต่ทำไมองค์รัชทายาทจึงอยากให้เซจีเป็นเซจาพินเล่า"

         "ข้อนี้คนก็เอาแต่พูดกันทั้งฝ่ายในเหมือนกัน" ซุนฮวาบอก "องค์รัชทายาทที่แทบจะไม่เคยรู้จักคิมเซจีมาก่อน จู่ๆ ไปทูลขอเซจีจากฝ่าบาทถึงท้องพระโรง เจ้าว่ามันแปลกรึไม่"

         "ทูลขอจากฝ่าบาทหรือ"

         "ใช่ ก็เซจีเป็นนางใน เป็นผู้หญิงของพระราชา ถ้าองค์รัชทายาทใคร่จะได้ตัวนางในคนใดก็ต้องทูลขอฝ่าบาทก่อนตามธรรมเนียมเพื่อย้ายนางจากแนเมียงบูมาอยู่เซจากุงเพื่อแต่งตั้งเป็นพระชายาต่อไป"

         ซอฮยอนมองออกไปที่ประตูห้อง จิตใจเลื่อนลอยไปถึงภาพเหตุการณ์ในงานพิธีที่เจอวันนี้ นางขมวดคิ้วอย่างนึกสงสัยก่อนจะถามเพื่อนต่อไปว่า

         "แล้วเซจีกับองค์รัชทายาทไปรู้จักกันตอนไหนหรือ"

         "นี่เจ้าไม่รู้จริงๆ หรือ!" ซุนฮวาร้อง "ทั้งคู่ไม่ได้รักกันหรอก อย่าว่าแต่รักเลย รู้จักกันรึเปล่าก็ไม่รู้ แต่ที่เหตุการณ์เป็นไปในรูปนี้ก็เพราะพวกสกุลคิมต้องมีแผนร้ายอะไรบางอย่างแน่นอน คนทั้งราชสำนักรู้ดีว่าตระกูลนี้มักใหญ่ใฝ่สูงเพียงใด คงจะทำอะไรสักอย่างเพื่อตำแหน่งเซจาพินเป็นแน่"

         "แต่คนอย่างองค์รัชทายาทไม่ได้ยอมอะไรง่ายๆ นะ ทำไมถึงยอมแต่งงานง่ายๆ เล่า" ซอฮยอนไม่เข้าใจ

         "พวกสกุลคิมอาจจะมีแผนอะไรที่พระองค์ปฏิเสธไม่ได้ก็เป็นได้นะ ดูขนาดพระมเหสีสิ ยังถึงกับประชวรล้มหมอนนอนเสื่อได้เลย"

         "แผนอะไรกันที่ต้องยอมทำขนาดนั้น" 

         ซุนฮวาจับน้ำเสียงของเพื่อนรักตนเองได้ มันมีแววแห่งความตัดพ้อน้อยใจแฝงอยู่ นางเองแม้จะไม่รู้ว่าองค์รัชทายาทลียิมโฮกับซอฮยอนมีสัมพันธ์กันไปถึงขั้นไหนแล้ว แต่ที่แน่ๆ มันคงจะมีความผูกพันกันอย่างลึกซึ้งพอสมควรจากเท่าที่ตนเองเคยได้ยินมา

         "เจ้ากำลังคิดว่าองค์รัขทายาทมีใจเสน่หาคิมเซจีหรือ เลิกคิดเช่นนั้นเถิด เจ้าเองรู้จักพระองค์ดีนะ" 

         "แต่ในงานพิธีวันนี้รู้สึกว่าข้าจะไม่รู้จักพระองค์มาก่อนเลย ไม่เลยสักนิด" ซอฮยอนนึกถึงตอนที่เชื้อพระวงศ์หนุ่มเอื้อมมือไปประคองคิมเซจีให้ลุกขึ้นยืนหลังจากประกาศการแต่งตั้งเรียบร้อยแล้ว
         
         "เจ้าคิดเยอะไป" ซุนฮวาต่อว่า "ก่อนหน้านี้ก็มีคนบอกว่าจู่ๆ คิมซังกุงก็ไปขัดขวางการเข้าเฝ้าฝ่าบาทของพระมเหสี พอตกค่ำองค์รัชทายาทกับพระมเหสีก็ทรงมีปากเสียงกันในตำหนักกลาง พวกนางในได้ยินกันแทบทุกคน จากนั้นชุงจอนมามะก็ประชวรไปเลย"

         ซอฮยอนคิดตามคำบอกเล่าของเพื่อนหญิงทีละประเด็น แต่แล้วก็ถูกขัดด้วยเสียงฝีเท้าคนเดินที่เข้ามาใกล้จากหน้าห้อง ฉับพลันบานประตูก็เลื่อนเปิดออกอย่างแรง เชวซังกุงถลันเข้ามาก่อนจะรีบปิดประตูตามหลัง

         "ซอฮยอน!" นางรีบนั่งลงก่อนจะสำรวจตรวจตราร่างกายของหญิงสาว "เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง"

         "ข้าสบายดีเจ้าค่ะนายหญิง" นางตอบเนือยๆ

         เชวซังกุงจับจ้องมองหน้านางในของตนอย่างพิจารณา

         "มีอะไรหรือเจ้าคะนายหญิง" ซอฮยอนสงสัย

         เชวซังกุงหันไปสบตากับซุนฮวา

         "เจ้า..." นายหญิงเอ่ยออกมา "ข้ากลัวว่าเจ้าจะคิดมากเรื่องการถูกเปลี่ยนตัวพระชายาจน..."

         ซอฮยอนหรี่ตา "นี่นายหญิงคิดว่าข้าจะผิดหวังจนฆ่าตัวตายอย่างนั้นหรือเจ้าคะ"

         "ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ใช่คนคิดสั้นเช่นนั้น" เชวซังกุงทำสีหน้าอึดอัดใจ "แต่ว่า--"

         "ข้าไม่ทำอะไรโง่เขลาแบบนั้นหรอกเจ้าค่ะ" ซอฮยอนเอ่ยทันที

         "เช่นนั้นข้าก็เบาใจ แต่ว่าเรื่องนี้ข้าเองก็มีส่วนผิด"

         "ทำไมถึงพูดแบบนั้นเจ้าคะ"

         "ก็ก่อนหน้านี้ มหาดเล็กโชคังอินนำจดหมายของรัชทายาทมาให้ข้าและบอกว่าฝากส่งให้ถึงมือเจ้าด้วย"

         "จดหมายอะไรเจ้าคะ" ซอฮยอนถามทันที

         "ข้าก็ไม่รู้หรอก เพราะคืนนั้นจดหมายมันถูกขโมยไป" เชวซังกุงกล่าวออกมาอย่างยอมรับผิด "เป็นเพราะข้าเอง ข้าน่าจะเอาให้เจ้าตั้งแต่แรก"

         "แล้วทำไมนายหญิงไม่เอามาให้ข้าเล่าเจ้าคะ" หญิงสาวสงสัย

         "ก็ตอนนั้นเจ้ากำลังได้รับคำสั่งจากเจ้ากรมพิธีการกับใต้เท้าจุนซาให้ไปทำงานลับไม่ใช่หรือ จะเข้าพบเจ้าก็ไม่ได้" เชวซังกุงแจงเหตุผล

         จริงด้วย ซอฮยอนคิดในใจ ตอนนั้นเป็นตอนที่นางกับคิมจีมุนอยู่ในช่วงทดสอบเพื่อชิงตำแหน่งราชเลขา และการแข่งขันครั้งนั้นปิดเป็นความลับ เชวซังกุงจึงไม่อาจมาพบตนเองได้ในช่วงเวลานั้น

         "พอไปหาเจ้าไม่ได้ ข้าก็เลยจะไปแจ้งมหาดเล็กโชว่าจดหมายหายไป แต่ตอนนั้นองค์รัชทายาทยังอยู่ในพิธีวังเซจา ข้าก็เลยไปพบเขาไม่ได้เช่นเดียวกัน แล้วกว่าที่พิธีจะเสร็จ ข้าก็ถูกเรียกตัวไปศูนย์ศิลปะที่นอกวังด้วยเรื่องด่วน ทำให้ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใครสักที" เชวซังกุงกล่าว

         "เหมือนทุกอย่างมันจะประจวบเหมาะไม่ให้พวกเราพบกันอย่างไรก็ไม่รู้" ซุนฮวาเอ่ยขึ้นลอยๆ "นังซงฮวันนั่นก็ร้ายกาจนัก แกล้งพาเจ้าเข้าไปในงานเพื่อเห็นภาพบาดตาใกล้ๆ เมื่อไรนายหญิงจะไล่นางออกไปจากห้องเขียนหนังสือเสียทีเจ้าคะ รู้ทั้งรู้ว่านางเป็นหนอนบ่อนไส้ ทำไมจึงยังให้นางอยู่กับเราอีก ไม่แน่ว่าจดหมายที่หายไปก็นางนั่นแหละที่เป็นคนขโมยไปให้คิมซังกุง" ซุนฮวาพูดออกมาอย่างโมโหพลางหันไปถามเชวซังกุง

         "เจ้าคิดว่าถ้าข้าไล่นางออก คิมซังกุงที่ตอนนี้อำนาจกำลังมากขึ้นเรื่อยๆ จะไม่หาทางส่งนางกลับมาอีกรึ อีกอย่างการไล่นางในออกใช่ว่าจะทำได้ตามอำเภอใจ มันต้องไปปรึกษาใต้เท้ามุนและมีหลักฐานแน่ชัดว่านางขโมยจดหมายไปจริงๆ แต่นี่เราไม่มีสักอย่าง ถึงจะมั่นใจว่านางเป็นคนเอาไปก็เถอะ" เชวซังกุงตอบ

         "เดี๋ยวนะ..." ซอฮยอนหรี่ตา "จดหมายหรือ..."

         เชวซังกุงกับซุนฮวาหันมามองหน้าหญิงสาวทันที

         "มีอะไรหรือ"

         "ตอนที่ข้าไปเข้าเฝ้าพระมเหสีก่อนที่จะไปตำหนักสวนเฟิง พระนางได้ตรัสถึงการแต่งตั้งพระชายากับข้าโดยที่ข้าไม่ทันได้ตั้งตัว แล้วพระนางก็พูดถึงจดหมายฉบับหนึ่ง ข้าจำได้ว่าพระมเหสีตรัสประมาณว่าเจ้ายังไม่ได้จดหมายจากยิมโฮหรือ"

         "นั่นปะไร!" เชวซังกุงตบเข่าฉาด "พระมเหสีต้องหมายถึงจดหมายฉบับนั้นแน่ๆ พระนางคงคิดว่าเจ้าอ่านแล้ว แต่ความจริงเจ้ายังไม่ได้อ่านเพราะมันถูกขโมยไปเสียก่อน"

         ซอฮยอนผุดลุกขึ้นยืนจากที่นอนทันทีด้วยความรวดเร็ว นางเซถลาเล็กน้อยแต่ก็ยังพอทรงตัวอยู่ได้ ซุนฮวาถึงกับสะดุ้งโหยงอย่างตกใจ

         "ซอฮยอน จะทำอะไรน่ะ คิดจะไปไหนรึ"

         "ข้าจะไปเข้าเฝ้าพระมเหสี จะไปทูลถามถึงจดหมายฉบับนั้นให้รู้เรื่อง" 

         "ไม่ได้นะ เจ้าไม่สบายอยู่" เชวซังกุงลุกขึ้นยืน

         "ข้าไหวเจ้าค่ะนายหญิง" ซอฮยอนตอบอย่างเด็ดเดี่ยว "ได้โปรดให้ข้าไปเถิดเจ้าค่ะ เพราะข้าคิดว่าพระมเหสีต้องทรงรู้เนื้อความในจดหมายนั่นแน่นอน"

         เชวซังกุงทำหน้าสองจิตสองใจอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตัดสินใจพูดออกไป

         "เช่นนั้นรีบไปรีบกลับ แล้วอย่าไปหาเรื่องใส่ตัวล่ะ เข้าใจรึเปล่า"

         "เจ้าค่ะนายหญิง" ซอฮยอนโค้งคำนับก่อนเดินออปไปนอกห้องอย่างรวดเร็วดุจพายุ ทิ้งให้เชวซังกุงกับซุนฮวามองตามไปด้วยความเป็นห่วง













         เมื่อซอฮยอนมาถึงตำหนักกลางก็รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่างทันที ความเงียบสงัดครอบคลุมไปทั่วอาณาบริเวณ เหล่านางในที่ยืนอยู่หน้าตำหนักแต่เดิมมีมากกว่านี้หลายคน แต่วันนี้กลับเหลือไม่ถึง 7 คน บรรยากาศอันน่าเซื่องซึมเช่นนี้ทำให้ซอฮยอนรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย

         "ข้ามาเข้าเฝ้าพระมเหสีเจ้าค่ะ นายหญิงช่วยทูลด้วย" ซอฮยอนกล่าวกับซังกุงที่ยืนอยู่หน้าประตูตำหนัก

         "ชุงจอนมามะทรงประชวรหนัก เจ้าเข้าเฝ้าตอนนี้ไม่ได้" ซังกุงปฏิเสธไม่ให้เข้า

         "ข้ารู้เจ้าค่ะ ข้าถึงต้องมาเข้าเฝ้าอย่างไรเล่าเจ้าคะ" หญิงสาวพูด

         "หมายความว่าอย่างไร เจ้าจะมาดูแลเครื่องเสวยหรือ แต่เจ้าไม่ใช่นางในของห้องเครื่องนี่นา"

         "ไม่ใช่หรอกเจ้าค่ะ" ซอฮยอนตอบ "แต่ข้ามีเรื่องด่วนที่ต้องทูลกับพระนาง และมั่นใจว่าเกี่ยวกับพระอาการประชวรครั้งนี้ด้วย"

         "หมอหลวงยังวินิจฉัยโรคพระนางไม่ได้ เจ้าเป็นใครจะมารู้ดีกว่าหมอ" ซังกุงพูดอย่างดูแคลน

         "พระมเหสีไม่ได้ประชวรด้วยโรคทางกายนี่เจ้าคะนายหญิง ได้โปรดให้ข้าเข้าไปเถิดเจ้าค่ะ ถ้าเกิดพระมเหสีไม่พอพระทัย ท่านสามารถลงโทษข้าได้เลย"

         ซังกุงจ้องหน้าซอฮยอนอยู่ชั่วครู่

         "เห็นแก่ที่พระนางเคยให้เจ้าเข้าเฝ้าเป็นการส่วนพระองค์ ครั้งนี้ข้าจะไว้ใจให้เจ้าเข้าไปก็แล้วกัน"

         "ให้เข้าไม่ได้!" เสียงหนึ่งตะโกนเข้ามาอย่างเฉียบขาด ประตูตำหนักถูกเลื่อนเปิดออกช้าๆ

         "คิมซังกุง..." ซอฮยอนตกตะลึง

         "คิดว่ามันจะง่ายดายขนาดนั้นเชียวหรือ" ซังกุงรับบัญชามองหญิงสาวอย่างเหยียดหยาม "พระมเหสีประชวรหนักและอยู่ในระหว่างบรรทม พระนางไม่มีประสงค์ที่จะให้ผู้ใดเข้าเฝ้าทั้งนั้น"

         "ข้าไม่เชื่อ" ซอฮยอนสวนทันที

         "บังอาจนัก" คิมซังกุงร้องเสียงดังคล้ายจะโมโห แต่หน้าตานางไม่ได้ดูโกรธเกรี้ยวเลย ออกจะสนุกมากกว่าด้วยซ้ำที่ได้เห็นซอฮยอนเสียศูนย์ "เป็นแค่นางใน กล้าขึ้นเสียงกับข้าหรือ"

         "ข้าจะเข้าเฝ้าพระมเหสีเจ้าค่ะ" หญิงสาวพูดออกไป

         "ข้าไม่ให้เข้า" นางตอบหน้าตาเฉย "ไม่ให้เข้าก็คือไม่ให้เข้า"

         "เรื่องนี้พระมเหสีต้องเป็นคนตัดสินใจไม่ใช่หรือเจ้าคะ ไม่ใช่ท่าน"

         คิมซังกุงหัวเราะเสียงดังก่อนจะเดินเข้ามาประชิดกับซอฮยอนจนหญิงสาวเกือบเผลอก้าวถอยหลัง ดวงตาของซังกุงรับบัญชาจ้องมาที่ดวงตาของนางแน่นิ่ง

         "เจ้าไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นรอบตัวหรือ ทั้งชายาองค์รัชทายาท ทั้งพระมเหสีทรงประชวร แม้แต่ข้าราชบริพารในตำหนักกลางข้าก็ปรับเปลี่ยนให้เหลือน้อยที่สุด ทั้งหมดคือฝีมือข้า อำนาจข้ากำลังเพิ่มพูน แล้วเจ้าล่ะมีอะไร คิดจะดอดมาเข้าเฝ้าพระมเหสีเพื่อเปลี่ยนแปลงเรื่องทุกอย่างเช่นนั้นหรือ อย่าหวังเลย เวลาเจ้าน่ะหมดไปแล้ว เจ้าแพ้แล้ว"

         ซอฮยอนกำหมัดแน่น ความชิงชังที่สั่งสมแผ่ออกมาจนคิมซังกุงรู้สึกได้ นางยิ้มมุมปากก่อนจะกระซิบว่า

         "เจ้าโกรธหรือ เอาสิ ตบข้าเลย ทำร้ายข้าเลยตรงนี้ ทำให้ข้าเจ็บเหมือนที่เจ้าเจ็บ ได้ยินว่าล้มตึงกลางงานพิธีเลยไม่ใช่หรือหรือ"

         ซอฮยอนพยายามข่มความโกรธ แต่ยิ่งพยายามสะกดกลั้นเท่าไรมันก็ยิ่งปะทุขึ้นมาเท่านั้น

         "ข้าเคยบอกเจ้าไปแล้วนะซอฮยอน" คิมซังกุงพูดยั่วโทสะ "เป็นต้นกล้าเล็กๆ อย่าริอาจต่อตีกับต้นไม้ใหญ่ที่ยืนต้นแผ่กิ่งก้านสาขามายาวนานหลายปี หาไม่จะถูกเหยียบเอา"





    โปรดติดตามตอนต่อไป

         
        
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×