ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กลรักวังหลวง [서현]

    ลำดับตอนที่ #134 : ศรัทธาสูญสลาย [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 668
      37
      13 ม.ค. 63

    ตอนที่ 134 ศรัทธาสูญสลาย







         "แต่นายหญิงต้องช่วยข้าอย่างหนึ่งนะเจ้าคะ" 

         "ช่วยอะไรหรือ"

         "ก็นางเป็นเพื่อนรักข้า จู่ๆ จะให้ไปบอกว่าถูกเปลี่ยนตัวพระชายา นางจะตกใจเอาเจ้าค่ะ นายหญิงช่วยโกหกนางไว้ก่อนได้ไหมเจ้าคะว่าข้าจะพานางเข้าไปในพิธีเพราะคำสั่งเซโจซังกุง เดี๋ยวหลังจากนี้ข้าจะหาโอกาสบอกนางเอง" 

         "จะให้ข้าโกหกนางหรือ" ซังกุงร้องถาม

         "โกหกสีขาวนะเจ้าคะนายหญิง นางจะได้ไม่ตกใจ" ซงฮวันชักจูง

         ซังกุงนิ่งไปสักพัก แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็เหมือนจะตัดสินใจได้ นางพยักหน้าก่อนจะเดินนำซงฮวันไปที่เกี้ยว นางโบกมือบอกเหล่านางในให้เดินห่างออกจากเกี้ยวเพื่อเปิดทางให้ซงฮวันเดินเข้าไป

         ประตูเกี้ยวถูกยกขึ้นช้าๆ  ซอฮยอนหรี่ตามองนางในคนหนึ่งที่ยืนเปิดประตูอยู่เบื้องหน้าตนชั่วครู่ก่อนจะทักออกไป

         "ซงฮวัน"

         "ใช่ ข้าเอง รีบออกมาสิ" 

         "ออกไปไหนหรือ" ซอฮยอนถาม

         "เจ้าเตรียมจะขึ้นเป็นเซจาพินไม่ใช่หรือ" ซงฮวันถามด้วยเสียงแผ่วเบาที่ดูราวกับจะเห็นอกเห็นใจเสียเต็มประดา "เซโจซังกุงสั่งให้ข้ามาพาเจ้าไปอย่างเงียบๆ เพราะถ้าเอาเกี้ยวเข้าไปจะเป็นที่แตกตื่น"

         "ข้าไม่เชื่อเจ้า" ซอฮยอนตอบทันที "ทำไมนายหญิงไม่ให้ซุนฮวามา"

         "ก็นางติดธุระ ป่านนี้คงจะไปรอชมงานพิธีอภิเษกโน่นแล้ว" ซงฮวันโกหก

         ซอฮยอนไม่เคยเชื่อคำพูดของซงฮวันเลยแม้แต่น้อย ด้วยเพราะเข็ดหลาบกับผู้หญิงคนนี้ไปมากมายหลายหนแล้ว หญิงสาวลุกขึ้นยืนก่อนจะก้าวออกจากเกี้ยวช้าๆ และเดินตรงไปหาซังกุง

         "นายหญิงเจ้าคะ ทำไมถึงไม่ยกเกี้ยวเข้าไปในงาน แล้วเหตุใดต้องให้นางผู้นี้มาหาข้า" 

         "อ้าว" ซังกุงทำหน้างุนงง "นางยังไม่ได้บอกเจ้าหรือ"

         "บอกอะไรเจ้าคะ" ซอฮยอนขมวดคิ้ว

         "บอกว่าเจ้าต้องไปกับข้าอย่างไรเล่า" ซงฮวันแทรกกลางขึ้นมาทันควัน "ตอนนี้เจ้าต้องไปกับข้านะ ใช่ไหมเจ้าคะนายหญิง"

         ซังกุงพยักหน้า

         "นี่เป็นคำสั่งจากเซโจซังกุงจริงๆ หรือเจ้าคะ" ซอฮยอนถามซ้ำเพื่อความแน่ใจ

         "ใช่" ซังกุงตอบ

         ซอฮยอนไม่เข้าใจเอาเสียเลย ไหนว่าช่วงนี้ห้ามให้ใครเห็นตัวไม่ใช่หรือ แล้วเพราะเหตุใดถึงให้เดินตัวเปล่าไปเช่นนี้ นางรู้สึกว่ามันกำลังมีอะไรแปลกๆ

         "เจ้าจะไปรึเปล่าซอฮยอน จะถึงเวลาแล้วนะ ไหนจะแต่งองค์ทรงเครื่องมากมายอีก" ซงฮวันเร่ง

         "เจ้าจะพาข้าไปที่ไหนหรือ" ซอฮยอนซัก

         "ห้องส่งตัว ที่นั่นมีซังกุงรอแต่งเครื่องทรงให้เจ้าอยู่" ซงฮวันตอบ

         ซอฮยอนคิดไตร่ตรองสักพัก "เช่นนั้นก็รีบเดินนำไปเสีย ข้าจะตามไปห่างๆ"

         "ดูเจ้าจะไม่เชื่อใจข้าเลยนะ" ซงฮวันแสร้งทำเสียงเศร้า นางหันหลังเพื่อออกเดินก่อนจะแอบยิ้มมุมปาก ความจริงซงฮวันอยากให้ซอฮยอนไปเห็นภาพบาดตาด้วยตัวเองในบริเวณที่ใกล้กับปะรำพิธีอภิเษกมากที่สุด เพราะต้องการเห็นนางเจ็บปวดทุกข์ทรมานจนเหมือนตายทั้งเป็น คิมซังกุงเองเป็นคนเสนอแผนนี้โดยพูดเสริมมาว่า ศัตรู ถ้าโจมตีทางกายไม่สำเร็จ ก็ต้องโจมตีที่หัวใจ

         ซอฮยอนเดินตามซงฮวันไปช้าๆ และคิดในใจว่า หากระหว่างทางนางพาตนเองออกไปนอกเส้นทางที่จะไม่ใช่ทางไปสู่พิธีหรือพาไปที่ลับตลอดจนกระทั่งมุมอับปลอดคนของวังหลวง หญิงสาวจะรีบปลีกตัวหนีทันที แต่ตลอดทางซงฮวันไม่ได้พาเฉไฉไปไหนเลย นางมุ่งตรงไปสู่งานพิธีอภิเษกอย่างรวดเร็วจนซอฮยอนเริ่มคิดว่าซงฮวันไม่ได้มีลูกไม้ใดๆ

         ผู้คนเริ่มหนาตามากขึ้นเมื่อใกล้ถึงใจกลางพิธี เสียงพูดคุยเอะอะจ้อกแจ้กจอแจดังไปทั่วบริเวณ ซอฮยอนเห็นผ้าหลากหลายสีและธงทิวปลิวไสวอยู่ในกำแพง แสดงว่างานถูกจัดอยู่กลางลานหิน หน้าประตูทางเข้าคับคั่งไปด้วยฝูงชนอย่างแออัด ซงฮวันเดินลัดเลาะผู้คนก่อนจะอ้อมไปอีกด้านของกำแพงไปสู่ทิศตรงกันข้าม บริเวณนั้นปรากฏห้องเล็กๆ ห้องหนึ่งซึ่งประตูเชื่อมถึงกันกับกับบริเวณลานหินภายในงาน ซอฮยอนมองไปรอบห้องอย่างไม่ไว้ใจ

         "เจ้ารออยู่ในนี้ก่อน แล้วถ้ามีเสียงกลองดังขึ้นเมื่อไร ก็ให้เดินผ่านทางเชื่อมเข้าไปในลานเลยนะ จะมีซังกุงรอแต่งตัวเจ้าอยู่ เข้าใจรึเปล่า" ซงฮวันบอก

         ซอฮยอนชะโงกหน้ามองไปที่ทางเชื่อม ตลอดทางไม่มีประตูหรืออะไรอย่างที่นางกังวลไว้เลย สุดปลายทางก็เห็นเหล่านางในเดินไปเดินมาเพื่อรอชมพิธีอยู่ขวักไขว่ แสดงว่ามันเชื่อมถึงกันจริงๆ

         "เช่นนั้นข้าไปก่อนนะ อย่าลืมที่ข้าบอกล่ะ" ซงฮวันพูดทิ้งท้ายก่อนจะก้าวออกไปห้องอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ซอฮยอนนั่งรอเสียงกลองต่อไป

         สิ่งที่ซงฮวันทำมันดูแปลกก็จริง แต่นางก็มิได้กลั่นแกล้งอะไรตนเองไม่ใช่หรือ ซอฮยอนนิ่งคิดอยู่คนเดียว

         หญิงสาวกอบกุมมือตัวเองไว้อย่างตื่นเต้น แม้จะไม่ได้อยู่ในลานแต่ก็รับรู้ด้วยเสียงอึกทึกว่ามันใกล้เริ่มเต็มทีแล้ว เสียงประกาศการเสด็จขององค์รัชทายาทดังลั่นไปทั้งปะรำพิธี

         เดี๋ยวนะ... ซอฮยอนเอะใจ ถ้าองค์รัชทายาทเสด็จมาในพิธีแล้วไม่ได้หมายความว่าพิธีเริ่มต้นหรือ แล้วนี่ตนเองยังไม่ได้เปลี่ยนเครื่องแต่งกายสักนิด หากเป็นเช่นนี้จะทันการณ์หรือ

         หญิงสาวรู้ทันทีว่ากำลังมีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้น ทว่าทันใดนั้น เสียงกลองก็ถูกตีกระหึ่มขึ้นจนนางสะดุ้งโหยง ซอฮยอนรีบเดินไปที่ทางเชื่อมอย่างรวดเร็วจนเกือบจะสะดุดชายกระโปรงตนเอง
         
         เมื่อเดินออกมาพ้นทางเชื่อมก็พบกับผู้คนที่ยืนออหนาแน่นราวกับกำแพงมนุษย์ หลายคนชะเง้อคอมองเพื่อที่จะเห็นด้านใน หลายคนก็พยายามเบียดเสียดแทรกเข้ามา เสียงโห่ร้องแสดงความยินดีดังลั่นจนแก้วหูแทบแตก

         ชั่วเวลาแห่งความตกตะลึงวูบหนึ่ง ซอฮยอนเผลอเข้าใจว่าผู้คนเหล่านี้กำลังจ้องมองพลางแสดงความยินดีกับตนเอง แต่เมื่อพิจารณาดูดีๆ มันกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น...
         
         ข้าราชบริพารทั้งหลายหันหลังให้นางต่างหาก ทุกคนต่างพากันมองไปในทิศทางเดียวกัน ซอฮยอนจ้องไปที่กลางลานก็เห็นพรมสีแดงถูกปูยาวมาจากทางเข้าจนถึงบันไดทางขึ้นของปะรำพิธี บนนั้นปรากฏร่างขององค์รัชทายาทประทับอยู่บนบัลลังก์แห่งวังเซจา 

         พระองค์ทรงสวมใส่มยอร-รยู-กวานสายลูกปัด 8 เส้น รัดด้วยเชือกสีแดงที่ใต้คาง เหนือสุดของพระมาลามีลักษณะราบเรียบคล้ายพระมาลาของฮ่องเต้จีน ฉลองพระองค์เป็นสีดำสนิท มีตราประทับตรงหัวไหล่ทั้งสองข้างเป็นลายมังกร เนื้อผ้ารอบพระศอถูกขลิบด้วยสีขาว ส่วนข้อพระกรมีลายใบไม้และนกกระเรียนเรียงกันเป็นจุดๆ ต่ำลงมามีเข็มขัดทองคาดอยู่บริเวณบั้นเอว ส่วนท่อนล่างเป็นผ้าสีดำตัดกับสีแดงคลุมจนเกือบถึงพระบาท

         พระเนตรขององค์รัชทายาทจับจ้องแน่นิ่งไปที่ประตูทางเข้าสู่ลานพิธีไม่ไหวติง เมื่อการร่ายรำขิงนางระบำและเสียงตีกลองจบลง ประตูไม้ก็ถูกเปิดออกช้าๆ

         สตรีผู้หนึ่งเดินเข้ามาบนพรมแดงท่ามกลางการจับจ้องของทุกคน นางอยู่ในชุดจอกอึย(1)ซึ่งเป็นชุดพิธีการสำหรับพระชายาองค์รัชทายาทผู้ทรงบรรดาศักดิ์สูงสุดในราชสำนักส่วนเซจากุง ตัวชุดนั้นมีขนาดยาว ปรากฏพื้นสีน้ำเงิน ขลิบขอบสีดำบริเวณรอบพระศอและยาวลงมาถึงกระโปรง หน้าอกและไหล่มีตรามังกร ส่วนข้อพระกรปักลวดลายหงส์เป็นวงโดยรอบและยาวปิดจนไม่เห็นมือ แต่พอจะเห็นได้ว่าถือป้ายหยกสีขาวอยู่ด้วย ท่อนล่างใส่กระโปรงสีแดงงดงามมีแถบมังกรสองขั้น

         ศีรษะของนางไว้ผมทรงแทซู เป็นทรงที่ใช้ในพระราชพิธีคู่กับชุดจอกอึยของพระชายาองค์รัชทายาท ซึ่งสวมเป็นมงกุฎที่เรียกว่าชิลจอกกวัน(2) โดยได้รับอิทธิพลมาจากราชสำนักมองโกล

         ซอฮยอนรู้สึกตัวเย็นวาบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ถ้านางมองไม่ผิด ผู้หญิงคนนี้คือคิมเซจีชัดๆ ทำไมนางมาอยู่ในชุดนี้ได้ หรือว่า...

         คิมซังกุงเดินตามคิมเซจีมาติดๆ แต่นางไม่ได้อยู่ในชุดฮวาลยอของซังกุงอีกต่อไป ทว่าอยู่ในชุดแท-รเยบก(3)ซึ่งเป็นชุดพิธีการสูงสุดของนางใน คาเชของนางเป็นทรงตอกูจีมอรี(4) ซึ่งมีการปักปิ่นผีเสื้อบนคาเชและมีไม้แกะสลักประดับสูงเด่นอยู่ด้านหลัง

         นี่มันเกิดอะไรขึ้น ซอฮยอนถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา มีใครเล่นตลกอะไรอย่างนั้นหรือ ทำไม... ทำไมเซจีจึงได้กลายเป็นพระชายาองค์รัชทายาทได้เล่า แล้วที่พระมเหสีให้ตนเองไปเก็บตัวนอกวังนี่คืออะไรกัน หญิงสาวมองไปบนปะรำพิธีเพื่อหาพระมเหสี แต่ทว่าก็ไม่เห็นแม้เงาของพระนาง

         เมื่อเซจีในชุดจอกอึยเดินมาถึงหน้าปะรำพิธี ใต้เท้าคิมแทซุนก็เปิดราชโองการแต่งตั้งให้นางเป็นเซจาพินดังลั่น นางเดินขึ้นบันไดหินมาก่อนจะถวายความคำนับแบบเต็มให้องค์รัชทายาทช้าๆ โดยมีคิมซังกุงยืนยิ้มอยู่เคียงข้าง

         ลียิมโฮยืนขึ้นช้าๆ ก่อนจะประกาศรับคิมเซจีเป็นพระชายาของพระองค์

         ความน้อยใจพุ่งพรวดจากอกขึ้นมาจุกเป็นก้อนสะอื้นอยู่ที่ลำคอของซอฮยอนทันที ขอบตาร้อนผ่าวอย่างไม่ทราบสาเหตุ มือเท้าพาลจะหมดแรงไปเสียอย่างนั้น ทำไมองค์รัชทายาทจึงตรัสเช่นนั้น รับคิมเซจีเป็นชายาหรือ... รับนางเป็นเมียหรือ...

         ความศรัทธาที่ตนเองเคยมีเปี่ยมล้นให้องค์รัชทายาทมาตลอดนั้นค่อยๆ เลือนหายไปทีละนิด และถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกผิดหวัง โศกเศร้าเสียใจ มันเต็มแน่นจนแทบจะระเบิดเต็มที
         
         "ทำไมถึงทำแบบนี้เพคะ!" ซอฮยอนตะโกนออกมาดังสนั่น

         ทุกอย่างเงียบกริบ ข้าราชบริพารและขุนนางบนปะรำพิธีทุกคนหันมามองที่ซอฮยอนเป็นตาเดียว

         คิมเซจีหรี่ตามองซอฮยอนอย่างเหยียดหยาม ส่วนคิมซังกุงตะโกนกลับมาว่า

         "บังอาจ! นี่มันพิธีสำคัญ ให้เจ้ามาตะโกนโหวกเหวกโวยวายได้หรือ"

         "ขอโทษนะเจ้าคะ แต่ข้าไม่ได้พูดกับท่าน!" ซอฮยอนโต้กลับ คิมซังกุงผงะไปในทันที

         "ทหาร!" ใต้เท้าคิมตะเบ็งเสียงดังลั่น "ทำไมยังยืนเฉยอยู่ จับตัวนางออกไปเสียสิ"

         ทหารยามในชุดสีแดงสองคนเดินตรงเข้ามาหาซอฮยอนทันที

         "หยุดนะ!" เสียงเหี้ยมเกรียมขององค์รัชทายาทดังขึ้นจนทุกคนสะดุ้งโหยง ทหารยามหยุดชะงักอยู่กับที่ฉับพลัน

         เชื้อพระวงศ์หนุ่มปัดมือของคิมเซจีที่ยื่นเข้ามาออกไปอย่างแรงจนนางเซถลาแต่พระองค์ก็หาได้สนใจไม่ สิ่งที่องค์รัชทายาทสนใจมากที่สุดในตอนนี้คือซอฮยอนเท่านั้น

         ลียิมโฮก้าวลงจากปะรำพิธีช้าๆ เมื่อลงมาถึงบันไดหินก็เดินตรงเข้ามาหาซอฮยอนท่ามกลางความตื่นตะลึงของทุกคนในงาน

         มือแข็งแกร่งเอื้อมเข้ามาจับมือบอบบางของหญิงสาวไว้อย่างมั่นคง พระองค์สบตากับซอฮยอนแน่นิ่ง มันช่างดีเหลือเกิน... 

         แต่จะดีกว่านี้ถ้าหากมันเกิดขึ้นจริง

         หญิงสาวดึงสติตัวเองกลับมายังปัจจุบัน องค์รัชทายาทบนปะรำพิธียังคงรับคำนับจากเซจีและยื่นพระหัตถ์ออกไปรับมือของนางที่ส่งมาอย่างช้าๆ ส่วนซอฮยอนนั้นยังยืนอยู่ที่เดิม ไม่ได้ออกไปตะโกนอะไรทั้งนั้น เมื่อครู่นี้มันแค่ภาพในหัวนางที่คิดขึ้นเองเท่านั้น

         ดวงตาของซอฮยอนที่ถูกบดบังด้วยม่านน้ำตานั้นพร่าเลือนกะทันหัน ร่างของนางโงนเงนคล้ายจะทรงตัวไม่อยู่ ปากอยากจะร้องตะโกนตัดพ้อออกไปว่าหม่อมฉันอยู่ตรงนี้ ได้โปรดทอดพระเนตรมาที่หม่อมฉันด้วยเถิดเพคะ ทำไมถึงทำแบบนี้ ความจริงแล้วพระองค์มีใจให้แก่ผู้ใดกันแน่เพคะ

         จู่ๆ ทุกสิ่งทุกอย่างก็ดับวูบกะทันหัน สติขาดลอยไปพร้อมกับร่างของซอฮยอนที่ทรุดลงกับพื้นหิน สิ่งสุดท้ายที่ได้ยินคือเสียงกรีดร้องของคนข้างกายและเสียงคนขอให้ช่วย จากนั้นหญิงสาวก็ไม่รู้สึกอะไรอีกเลย












         ซอฮยอนค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ ภาพแรกที่เห็นคือเพื่อนนางในหลายคนกำลังก้มลงมองด้วยความเป็นห่วง ซุนฮวากับอีซึลก็อยู่ตรงนั้นด้วย

         "ซอฮยอน เจ้าฟื้นแล้ว" อีซึลร้องขึ้น "รีบไปแจ้งเชวซังกุงเร็วเข้า"

         หญิงสาวมองไปรอบตัวก็พบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในเรือนพักนางใน นางรู้สึกวิงเวียนเล็กน้อยจนต้องยกมือขึ้นกุมขมับ

         "เจ้าอย่าเพิ่งขยับตัวสิ" ซุนฮวาเตือน "นอนเฉยๆ ไปสักพักก่อน หน้าตาซีดเซียวเหลือเกิน"

         "ข้า... ข้าเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้นกับข้าหรือ" 

         "เจ้าเป็นลมน่ะสิ ล้มตึงกลางงานพิธีเลย" ซุนฮวาตอบ

         "เป็นลมหรือ" ซอฮยอนทวนคำด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ซุนฮวารีบยื่นชามน้ำสะอาดให้นางทันที หญิงสาวรับมาดื่มอย่างกระหายจนหมดชาม

         "ใช่น่ะสิ ดีนะที่พวกข้ายืนอยู่ไม่ไกล ตอนแรกนึกว่ามีเรื่องอะไรกัน แต่พอเห็นพวกนางในห้องเครื่องร้องกันลั่นว่ามีคนเป็นลม พอเข้าไปดูเท่านั้นก็ตกใจกันหมด เพราะเห็นเจ้านอนนิ่งไม่ได้สติอยู่บนพื้น" ซุนฮวาเล่า

         ซอฮยอนหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน แต่สักพักก็อยากจะถามคำถามหนึ่งที่ตนเองอยากรู้เหลือเกิน

         "ช่วงที่ข้าหมดสติแล้วมีคนกรีดร้อง" หญิงสาวถามเพื่อน "ตอนนั้นมีใครบนปะรำพิธีเห็นรึเปล่า"





    โปรดติดตามตอนต่อไป




    เชิงอรรถ

    (1) ชุดจอกอึย


    (2) มงกุฎชิลจอกกวัน


    (3) ชุดแท-รเยบก


    (4) ทรงผมตอกูจีมอรี

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×