ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yaoi] ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง by aoikyosuke

    ลำดับตอนที่ #158 : ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค อารยะ-อิท (ตอน ยอมหรือเปล่า )

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.18K
      12
      23 ต.ค. 53

     ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค อารยะ-อิท  ตอน ยอมหรือเปล่า








    อารยะหลับไปแล้ว ตื่นมาอีกที ก็พบว่า อิทธิพลกำลังจะหัวทิ่ม หลังจากที่นั่งลูบหลังให้ลูกสาวที่นอนหลับ
    และขณะนี้ ก็อยู่ในสภาพหัวโอนไปเอนมา แต่ก็ไม่ยอมหลับสักที

    เมื่อหัวค่ำ ที่เข้าห้องมาด้วยกัน อิทไม่ยอมให้เข้าใกล้เลย
    แกล้งจะเดินเข้าหา ไอ้อิทบอกว่า จะนอนนอกห้อง เลยต้องจำใจนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง

    แอบเหล่หลายครั้ง ว่าเมื่อไหร่จะขึ้นมานอนบนเตียงด้วยกันซะที จะได้ถือโอกาสซะหน่อย
    แต่จนแล้วจนรอด ก็ไม่เห็นมันจะยอมขึ้นมานอนด้วยกัน

    สุดท้าย เผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ รู้สึกตัวตื่นอีกที ก็เห็นสภาพของคนที่นั่งพิงเตียง แล้วทำท่าจะหลับไม่หลับแหล่

    ไม่เข้าใจว่า อิทจะฝืนทำไม ง่วงก็แค่ขึ้นมานอน ไม่อยากทำก็ไม่ได้บังคับ ทำได้ยังไง
    ลูกก็อยู่ แม่กับป้าของอิทก็อยู่ ขืนมีเสียงอะไรแปลก ๆ คงจะแย่

    อารยะก้าวลงจากเตียง และขยับลงมานั่งข้าง ๆ ร่างที่อาการเหมือนคนนั่งหลับ
    และค่อยโน้มศรีษะที่เอนไปเอนมาให้ซบลงที่ไหล่

    ก่อนจะเอื้อมดึงผ้าห่มมาคลุมเอาไว้

    ต้องค่อย ๆ ทำ ไม่อย่างนั้น ถ้าเกิดสะดุ้งตื่นขึ้นมาแล้วเอะอะโวยวาย คงไม่ค่อยดีเท่าไหร่

    หลับสนิทขนาดนี้ จะทำอะไรก็ได้ แต่ไม่อยากทำเลย ถ้าไม่เต็มใจก็ไม่อยากจะแกล้ง
    เดี๋ยวมันโกรธขึ้นมาจริง ๆ จะแย่

    ยอมให้มานอนที่ห้องเดียวกันได้นี่ ก็นับว่าใจกล้ามากแล้ว
    เอาแค่นี้ก่อน ไม่อยากก้าวกระโดดเหมือนที่ผ่านมา

    ฝ่ามืออุ่น ๆ ยกขึ้นลูบไล้เส้นผมของคนที่เอนศรีษะหลับสนิทไปแล้ว
    ก่อนจะอมยิ้ม เมื่อเห็นว่าร่างนั้นไม่ได้รู้สึกตัว

    ดวงตาของอารยะมองเหม่อไปที่เด็กหญิงที่นอนหลับอยู่บนเบาะเด็กอ่อน


    เหมือนดาเลย
    เหมือนดา
    เหมือนน้องสาวที่จากไป

    มือหนึ่งลูบเส้นผมของคนที่เป็นพ่อ อีกมือค่อยเอื้อมไปแตะร่างของเด็กหญิงตัวเล็ก

    เก่งเว้ย คนมีลูกนี่เก่งจริง ๆ อย่างไอ้อิท เวลามีลูกแล้ว เห็นเลยว่ามันอดทนมาก
    กลางคืนต้องนั่งเฝ้าแบบนี้เลยเหรอ แถมอะไรที่ไม่คิดว่าคนอย่างไอ้อิทจะทำได้ก็เห็นมันทำ

    ชงนม ซักผ้าอ้อม ไปซื้อของใช้เด็ก

    ร้องเพลงกล่อมเด็กก็ได้ ถึงจะดูทุเรศทุรังไปบ้าง แต่มันก็อดทน เมื่อก่อน พ่อเคยทำให้แบบนี้หรือเปล่านะ
    จำไม่ได้เลย เคยคุยด้วยกันดี ๆ หรือเปล่า ตอนนี้ หน้าแทบจะไม่มองกันด้วยซ้ำ

    มาบ้านนี้ ก็มีความสุขดี

    ได้หัวเราะบ้าง มาเจอคนที่รักบ้าง แต่ต้องแอบมา แอบมาพร้อมกับแม่

    เพราะไม่ว่ายังไง พ่อก็ยังโวยวายไม่หยุดหย่อน จะฟ้องเอาหลานมาให้ได้ ทั้งที่พ่อด่าว่าดาเช้าเย็น
    ทั้งที่ดาไม่อยู่แล้ว ถ้าหลานไปอยู่ที่บ้าน จะเป็นยังไง แยมคงมีแต่ความทุกข์

    เหมือนที่อารยะมีความทุกข์อยู่ในใจลึก ๆ แบบนี้
    ทุกวันนี้ พ่อชอบบังคับ ไม่เคยสนใจเลยว่าลูกจะคิดอะไร

    ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้ไปได้นะ

    ช่วงเวลา 1 ปี ที่ต้องอยู่คนเดียว อาศัยความแค้น ให้มีชีวิตอยู่ไปวัน ๆ จำไม่อยากจดจำด้วยซ้ำว่าเวลาที่ผ่านไปแต่ละวัน มันเจ็บปวดมากมายแค่ไหน

    ยิ่งเวลาที่ทะเลาะกับพ่อด้วยแล้ว อยากจะตาย ๆ ไปให้พ้น ๆ แต่สงสารแม่ แม่ร้องไห้ทุกวัน

    เฝ้าแต่คิดว่าทำไมอิทถึงได้ทำแบบนี้ ทำไมถึงได้ทิ้งกันไป ไม่กลับมาเหลียวแล ไม่เคยรับรู้
    ว่าเสียน้ำตาไปมากเท่าไหร่ ไม่มาคอยปลอบใจกันเหมือนที่ผ่านมา

    มันทรมาน เวลาที่ต้องอยู่คนเดียว และคิดได้ว่าตัวเองมีชีวิตอยู่คนเดียวในโลกนี้

    เพราะฉะนั้น เมื่อมาถึงวันนี้ไม่อยากจะทิ้งไปอีก ไม่อยากถูกทอดทิ้ง อยากจะผูกมัดอิทเอาไว้
    ให้อยู่ด้วยกันไปตลอด อยากให้อิทรักให้มาก ๆ กลัวจะกลับไปเป็นเหมือนเมื่อหนึ่งปีก่อน

     

    ตอนนี้ มีความสุข

    ฝ่ามืออุ่น ๆ ที่ลูบไล้อยู่ที่เส้นผม ทำให้อิทธิพลรู้สึกตัว ปรือตาตื่นขึ้นแล้วแทบผงะ

    ห่าเอ้ย เวรแล้วกู จะเสียท่ามันมั้ยเนี่ย

    กำลังจะผละหนี แต่สายตาเหลือบไปเป็น อารยะกำลังลูบหลังลูกสาวที่นอนหลับปุ๋ย เหมือนเจ้าหญิงอยู่บนเบาะ

    ดวงตาหม่นหมองที่จ้องมอง ไปที่เด็กหญิง ท่าทีที่แสนจะอ่อนโยน

    ทำให้อิทธิพลหยุดการเคลื่อนไหวร่างกาย ได้แต่นั่งนิ่งตัวแข็งเกร็งไปทั้งร่าง กลัวว่าอีกฝ่ายจะจับได้ว่าหลับไม่จริง

    ตาหลกแล้วอ้ายย๊า

    นี่มันถ่ายมิวสิคอะไรอยู่หรือเปล่าวะเนี่ย ทำเป็นเล่นบทพระเอกแสนดี กรูจาซึ้งดีม้ายว้า

    แต่ก็น่าซึ้งใจนะเนี่ย ต่อไปในอนาคต จะมีใครรักแยมจากใจจริง หรือเปล่าก็ไม่รู้
    มีแฟนก็มีได้ แต่ถ้าแฟนไม่รักแยม แล้วจะทำยังไง

    แต่ไอ้ยะ มันก็เห็นแยมเป็นหลาน บางทีก็ช่วยชงนมบ้าง ช่วยอุ้มบ้าง
    ไม่เคยคิดอะไรมาก ก็แค่คิดว่ามันช่วยอุ้มหลานไปตามเรื่องตามราว
    แต่พอได้มาเห็นแบบนี้แล้ว จะบอกตรง ๆ ว่าซึ้ง มันจะเว่อร์หรือเปล่าหว่า

    อิท อิท...นอนอย่างนี้เมื่อยนะเนี่ย ลุกขึ้นไปนอนบนเตียงเถอะ

    เสียงที่กระซิบที่ข้างหู แหม้ มันช่างสยิวกิ้ว ขนลุกซู่ แต่ต้องแกล้งทำเป็นปรือตาตื่นขึ้น และก็ทำหน้าให้เหมือนกับตกใจเล็กน้อย แม่ง เดี๋ยวมันจับได้ว่ายอมให้มันกอด ซวยเลย

    นี่ถ้านอนด้วยกันจะเป็นไรมั้ยเนี่ย ไอ้ที่ขู่ไว้ ก็แค่แกล้งหรอกนะ ไม่ได้คิดจะทำอะไรจริง ๆ หรอก
    เพราะฉะนั้น วางใจได้ ถ้าคิดว่าจะทำจริง ๆ อย่างอิท ต่อยสักทีสองที ผมก็สู้ไม่ได้หรอก เราก็รู้ ๆ
    กันอยู่ เว้นแต่อิทจะยอม ............ อันนี้ก็อีกประเด็นหนึ่ง

    พูดซะสวยหรู ตอนท้ายมีหยอดเล็กน้อย ทำให้อิทธิพลแทบอยากถีบคนหยอดคำหวานให้ตกเตียง
    จะซึ้งซะหน่อย เซ็งเลยมึง

    เออ เออ กูรู้แล้วแหละ ขยับไปเลยเว้ย ติดเตียงเลย หมอนไม่ต้องหรอก มึงหนุนแขนตัวเองแล้วกัน
    ดึก ๆ กูนอนดิ้น ถ้าดึงผ้าห่มมาหมด อย่าคิดจะแย่งคืน มึงสมัครใจมานอนเอง กูไม่ได้บังคับ

    อารยะต้องหยักหน้าหงึกหงัก ตามที่อิทธิพลบอก
    ประโยคบอกเล่า ดูเหมือนโหดนะ ไอ้คนพูดก็เสียงเค้ม เข้ม

    แต่ทำไม มันขยันก้มหน้าก้มตาจริง ๆ แล้วไอ้โรคพูดไปหน้าแดงไปเนี่ย สงสัยว่ามันจะแก้ไม่หายหรือเปล่านะ

    อารยะถอยจนหลังติดกับผนัง ในขณะที่อิทธิพลนอนแผ่หลาอย่างแสนสบาย จงใจประชดกันเห็น ๆ

    แสงจากโคมข้างเตียง ไม่ได้สว่างนัก แต่ก็ทำให้อารยะกลืนน้ำลายลงคอ

    เออ ดีนะ

    อายแต่ยั่ว

    แถมซ้ำบอกห้ามยุ่งอีก ใครทนได้ทนไปเหอะ กูขอนอนหันหลังให้แล้วกัน
    ไม่งั้น คงได้มีการประลองกำลังกันคืนนี้แน่ ๆ

    อิทธิพลเหลือบสายตามองคนที่ขยับไปชิดกับเตียง แล้วค่อยดึงผ้าห่ม มาห่มร่างเอาไว้ ก่อนจะคลี่ผ้าห่มออกและคลุมร่างให้กับคนที่นอนเคียงข้าง

    ใจเต้นไม่เป็นส่ำแต่ยังระงับความตื่นเต้นเอาไว้

    ปกติไว้ ทำตัวให้ปกติเอาไว้ อย่าตื่นเต้น อย่าตื่นเต้น ใครมันเจนสนามมากกว่ากัน ก็กูนี่ไง
    ขืนทำเป็นไก่อ่อน เดี๋ยวไอ้ยะ มันดูถูกเอาได้

    อิทธิพลคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ทั้งที่กำมือแน่น เหงื่อผุดขึ้นที่ใบหน้า ไม่ใช่อากาศร้อน
    แต่มันเหมือนกลัว ๆ กล้า ๆ ตื่นเต้นยังไงไม่รู้บอกไม่ถูก แล้วดูแม่งสิ นอนเฉยเลย
    ทีก่อนหน้านี้ทำอย่างกับจะกระโจนเข้าใส่ทุกเมื่องั้นแหละ ทีอย่างนี้ นอนซะเฉยเลย อุตส่าห์ระวังภัย
    โธ่เอ้ย ไม่แน่จริงนี่หว่า แบร่ แบร่ ไอ้ปอดแหกเอ้ย แค่นี้กลัว วะฮะ ฮะ ฮ่า ไอ้ยะเอ้ย ไอ้ยะ

    อิทธิพลอยากจะหัวเราะให้ฟันร่วง ทำเป็นกระหยิ่มยิ้มย่องในใจซะหลายนาที แต่ก็ซีดลงไปถนัดเมื่อจู่ ๆ ไอ้คนที่นอนหันหลังให้ มันสวมวิญญาณพระเอกหนังไทย ลุกขึ้นมากดแขนเอาไว้ แบบไม่ทันตั้งตัว กำลังนอนหน้าเอ๋อ ไม่ได้รู้เรื่องเล้ย ว่าไอ้คนกดแขนมัน อารมณ์ไหน มารู้ตัวอีกที ก็ตอนที่ใบหน้าของคนที่อยู่ด้านบนโน้มลงมาหาและกระซิบบอกเสียงแหบพร่าในลำคอ

    คงไม่คิดจะนอนกันเฉย ๆ แบบนี้จริง ๆ หรอกใช่มั้ย....ขอเถอะนะ...ตื่นขนาดนี้แล้ว…..
    อย่าแกล้งให้ทรมานอีกเลยอิท.....ถ้าคืนนี้ไม่ได้....ก็ไม่รู้จะมีโอกาสไหนแล้ว....นับ 1 ถึง 3 ถ้าอิทชกหน้าจะไม่มายุ่งด้วยอีก...จะปล่อยแขนอิทเดี๋ยวนี้แหละ......แล้วถ้าไม่ยอม ก็ชกกันให้หน้าแหกไปเลยเหอะ
    จะได้ไม่หน้าด้านมายุ่งด้วยอีก.....

     

    ****************************************
    น้องอิท เสดไม่เสด 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×