คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 4 (50%)
หลังจากเดินมาถึงลำธาร เฟิงชิงถิงก็วางเสื้อผ้าสะอาดลงบนหินก้อนใหญ่ ถอดหน้ากากที่ใช้แปลงโฉมออก นางหันไปบอกสือซานเหลียงที่เดินตามมาเงียบ ๆ “ท่านตัวเหม็นมาก สมควรอาบน้ำ”
“...” สือซานเหลียงมองไยบวบที่เฟิงชิงถิงยื่นมาให้
“รับไปเสีย”
เขารับไปดมๆ เมื่อเห็นว่ากินไม่ได้ก็โยนทิ้งลงลำธาร เฟิงชิงถิงต้องรีบตามไปเก็บ และเมื่อเห็นว่าตัวเองเปียกไปกว่าครึ่งตัวจึงกวักมือเรียกสือซานเหลียงที่มองอยู่ริมลำธาร
“ท่านมานี่สิ”
“...” ร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ขยับลงนั่งก่อนจะเริ่มเหม่อลอย
ไม่ง่ายอย่างที่คิด เมื่อครู่เขายังเดินตามนางอยู่เลย เหตุใดยามนี้กลับไม่ทำตามอีกแล้ว นางยืนอยู่ในลำธารอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะลองเปลี่ยนวิธี “หากยอมเดินลงน้ำมา เย็นนี้ข้าจะทำอาหารให้ท่านกินอีกดีหรือไม่”
“...” ไม่มีเสียงตอบรับ แต่ร่างใหญ่กลับลุกขึ้นเดินลงน้ำมาอย่างว่าง่าย
นางยิ้มกริ่ม ต้องเอาอาหารมาล่อนี่เอง เมื่อเห็นเขามาหยุดอยู่ตรงหน้านางก็ยื่นไยบวบให้เขาอีกครั้ง “อาบน้ำเถิด”
เขารับไยบวบไปแล้วโยนทิ้งอีกครั้ง เฟิงชิงถิงเริ่มทนไม่ไหว นางลุยน้ำไปเก็บไยบวบอีกครั้ง เดินกลับมาหยุดตรงหน้าร่างสูงใหญ่บอกกับเขาอย่างใจเย็นที่สุด “ได้ ท่านไม่ต้องทำสิ่งใด ข้าทำให้เอง” แล้วนางก็เริ่มอาบน้ำให้เขา
ครั้งแรกที่นางจับแขนของเขา สือซานเหลียงก็สะบัดออกพร้อมกับแววตาไม่ไว้ใจ แต่นางไม่สนใจ “ท่านตัวเหม็นเกินไปแล้ว ไม่เหม็นตัวเองหรืออย่างไร ท่านทนได้แต่ข้าทนไม่ได้ คนอื่นก็เช่นกัน”
ผลปรากฏว่านางโดนเขาผลักกระเด็นจนล้มไปในลำธารก่อนจะตะกายขึ้นมายืนอย่างทุลักทุเล
เฟิงชิงถิงลูบน้ำออกจากหน้า มองสือซานเหลียงอย่างไม่พอใจ มืออีกข้างล้วงกระบอกเข็มออกมา สีหน้าดุขึ้น “หากท่านไม่อยู่นิ่ง ข้าจะใช้เข็มพวกนี้จิ้มร่างท่านให้ท่านทรมานเป็นร้อยเท่า ตอนเย็นก็จะไม่หาอาหารมมาให้”
ดวงตาสีดำขลับเห็นเข็มที่นางหยิบขึ้นมาขู่ก็คำรามอย่างไม่พอใจ ถอยหนีออกมาก้าวหนึ่ง
“อยู่ตรงนั้นอย่าไปไหน” นางสั่งพลางเก็บเข็มกลับไปไว้ที่เดิม ขยับเข้าไปใกล้เขาช้าๆ จับแขนของเขาแล้วเริ่มทำความสะอาดร่างให้
นางไม่รู้ว่าเขากลัวเข็มของนางหรือกลัวไม่ได้กินอาหาร แต่ในเมื่อเขายอมอยู่นิ่งๆ นางก็จัดการขัดแขนที่เต็มไปด้วยคราบไคลออก จัดการแขนข้างหนึ่งเสร็จก็เริ่มแขนอีกข้าง แต่ที่อื่นเล่า...
นางยื่นไยบวบให้เขาอีกครั้ง “ทำความสะอาดร่างกายท่านด้วยสิ่งนี้”
ครั้งนี้เขามองมันก่อนจะเมินไปทางอื่น ดูท่าทางแล้วเขาคงไม่ยอมอาบน้ำเองแน่
ก่อนที่จะมาเป็นหมอ นางตัดสินใจเอาไว้แล้วว่าจะไม่แต่งออกให้ผู้ใด เพื่อไม่ต้องฟังคำครหาหรือสร้างความเสื่อมเสียให้กับสามีในอนาคตเพราะการเป็นหมอนั้นเลือกคนไข้ไม่ได้
ท่านปู่เคยบอกนางเอาไว้ การเป็นหมอต้องไม่ยึดติด แม้จะเป็นสตรีแต่อย่างไรก็ไม่พ้นต้องมีการแตะเนื้อต้องตัวกับเพศตรงข้าม หากคิดจะเป็นหมอต้องก้าวข้ามเรื่องพวกนี้ไปให้ได้
แต่นอกจากสัมผัสกายผู้ป่วยที่เป็นบุรุษเล็กน้อยเพื่อตรวจอาการ นางก็แทบจะไม่ได้แตะต้องตัวพวกเขา คิดว่าวันนี้นางจะต้องอาบน้ำให้บุรุษทั้งตัว แม้จะไม่ได้สัมผัสแต่ก็อดรู้สึกกระอักกระอ่วนใจไม่ได้
นางสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ ก่อนจะผ่อนออกมาช้าๆ คิดเสียว่าเป็นการฝึกฝนตนเองไปในตัวคงไม่เป็นไร เพราะยามนี้สือซานเหลียงก็เป็นคนป่วยคนหนึ่ง
คิดได้ดังนั้นหญิงสาวก็เริ่มถอดเสื้อผ้าที่เปียกน้ำและสกปรกออกจากร่างหนาจนหมดเหลือเพียงกางเกงตัวในตัวเดียว นางอาบน้ำให้เขาด้วยใบหน้าที่ร้อนผ่าวและเงอะงะเป็นที่สุด
ตอนแรกสือซานเหลียงก็เหมือนไม่พอใจเพราะเขาคำรามเสียงฮึ่มตลอดเวลา แต่เมื่อนางสั่งให้เขานั่งลงในลำธารและเริ่มขัดแผ่นหลังให้เขาแล้ว เสียงคำรามก็เริ่มหายไป ร่างกายที่ต่อต้านก็เริ่มผ่อนคลายลง
เพราะลำธารนั้นไม่ลึกมาก เมื่อสือซานเหลียงนั่งลงลำธารก็สูงแค่แผงอกของเขาเท่านั้น เขาหลับตาลงยอมให้ร่างกายตนเองถูกขัดถูไปมาและครางออกมาด้วยเสียงอันผ่อนคลาย
“ต่อไปท่านต้องทำเองรู้หรือไม่” นางบอกเขาพร้อมกับขัดหลังเขาอย่างแรง
“อื้ม” เฟิงชิงถิงได้ยินเสียงห้าวตอบมานางก็ยินดี แต่สำหรับสือซานเหลียงนั้นมันคือเสียงครางหาใช่เสียงตอบรับอย่างที่หญิงสาวคิดไม่
เฟิงชิงถิงนั้นแม้จะพยายามไม่สัมผัสเรือนกายเขามากเกินจำเป็น แต่อย่างไรนางก็ต้องมองดูเรือนกายนั้น ดูว่ามีที่ใดที่นางยังขัดคราบไคลไม่สะอาดบ้าง ท่ามกลางสายน้ำที่เย็นสบายแต่นางกลับรู้สึกร้อนไปทั้งตัว อยากอาบน้ำให้เขาเสร็จโดยไวแต่ก็ทำได้ยากเพราะเขานั้นสกปรกไปทั้งตัว ขัดร่างกายช่วงบนจนสะอาดนางก็จัดการกับช่วงล่างที่นั่งอยู่ในน้ำอย่างลวกๆ ไม่ได้สะอาดเท่าด้านบน
ถึงอย่างไรนางก็เป็นสตรียังไม่เคยออกเรือน เรื่องพวกนี้ใช่ว่าจะทำสำเร็จได้ในครั้งแรก นางยอมแพ้กับผิวกายภายใต้กางเกงตัวในที่เขาใส่อยู่ เพราะตอนนี้นางคล้ายจะเป็นลมด้วยความร้อนที่ใบหน้ามากเกินไป แล้วเฟิงชิงถิงก็เริ่มรู้สึกว่าคนผู้นี้เกิดมาเพื่อทำลายความเยือกเย็นที่นางสั่งสมมา คล้ายกับเขาเป็นดาวอริกับนางก็ไม่ปาน แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นจะให้ทำอย่างไรได้เล่า ให้นางทิ้งเขาไปนางก็ทำไม่ลงจริงๆ
เมื่อจัดการกับส่วนขาของเขาอย่างลวกๆ เสร็จนางก็เริ่มสระผมให้เขา แม้จะถูกน้ำเย็นราดรดแต่เขาก็ไม่ได้ขัดขืน มือบางสางผมที่สังกะตังทีละน้อยพร้อมกับนวดศีรษะเขาไปในตัว แม้จะใช้เวลานานแต่เขาก็ยังคงนั่งนิ่งยอมให้จัดการกับผมอันสกปรกโดยไม่ปริปากใดๆ
เฟิงชิงถิงผ่อนลมหายใจออกมาหลังจากผมที่พันกันยามนี้สะอาดและถูกคลายออกจนไม่ส่วนใดที่พันกันอีก ขั้นตอนสุดท้ายคือการล้างหน้าของเขาจนสะอาด นอกจากหนวดเคราที่ดูเกะกะรกตาไม่เป็นระเบียบ ยามนี้เขาก็ไม่เหมือนเจ้าบ้าที่ดูไม่ได้อีกแล้ว
เฟิงชิงถิงลากสือซานเหลียงขึ้นจากลำธาร เมื่อบอกให้เขาสวมเสื้อผ้าใหม่ชายหนุ่มก็ไม่ยอมทำ ขมับของหญิงสาวเต้นตุบๆ อย่างเดือดดาลแต่ก็ต้องข่มใจเอาไว้ เพราะยามนี้เขาคือคนป่วย สุดท้ายนางก็ต้องทำเอง แม้แต่กางเกงตัวในที่เปียกน้ำ นางก็เป็นคนถอดออกและสวมตัวใหม่ให้เขาด้วยใบหน้าที่แดงจัดดั่งจะสามารถกลั่นเลือดออกมาได้
“ข้าจะรีบทำให้ท่านหายโดยไวที่สุด กลับไปถึงที่พัก ข้าจะรีบตรวจอาการให้ท่าน” นางบอกกับเขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจหรือไม่ แต่ที่พูดออกไปนั้นเพราะพยายามเบี่ยงเบนสมาธิจากเรื่องที่ทำอยู่
เมื่อใส่เสื้อผ้าให้สือซานเหลียงเสร็จ นางก็เช็ดผมให้เขาจนหมาดก่อนจะสั่งให้เขาหันหลังให้และนั่งรอ ส่วนนางนั้นก็เดินกลับเข้าลำธารเพื่ออาบน้ำ หลังจากจัดการกับธุระของตนเองเสร็จนางก็เดินกลับมาหาเขา ก่อนจะเดินกลับเข้าหมู่บ้านใบชาพร้อมกัน
ไม่คิดว่าพอเดินมาจะถึงบ้านของหมี่เจา เฟิงชิงถิงกลับเห็นทหารสี่นายเดินตรงเข้ามา ด้วยความตกใจนางจึงรีบคว้าแขนของสือซานเหลียงและจูงเขาไปหลบอยู่หลังพุ่มไม้ รอจนทหารเดินผ่านไปนางจึงรีบจูงสือซานเหลียงกลับไปที่บ้านของหมี่เจาอีกครั้ง
เพราะด้วยความรีบร้อนนางจึงไม่สังเกตว่ายามนี้แม้นางจะจับตัวเขา สือซานเหลียงก็หาได้ปฏิเสธสัมผัสนางสักนิด เขาเพียงมองมือเล็กนั้นครู่หนึ่งก่อนจะยอมให้นางลากไปมา
“กลับมากันแล้วหรือ” หมี่เจาต้อนรับอย่างแข็งขัน “ข้าจัดห้องไว้ให้พวกเจ้าแล้ว ไปพักผ่อนเถิด ส่วนเรื่องอาหารค่ำไม่ต้องห่วงข้าจัดการเอง”
“ท่านป้า รบกวนท่านเกินไปแล้ว” เฟิงชิงถิงบอกอย่างเกรงใจ
“ไม่เป็นไร หัวอกสตรีเช่นกัน”
“หัวอกสตรี?” เฟิงชิงถิงทวนคำอย่างไม่เข้าใจ
“เอาเถิด ข้าก็เป็นเช่นนี้ นิสัยชอบแส่เรื่องชาวบ้าน ไปๆ ไปพักผ่อน พวกเจ้าคงเดินทางมาเหนื่อย” หมี่เจาดันร่างของเฟิงชิงถิงให้เข้าไปในบ้าน ชี้ไปยังห้องที่นางเตรียมเอาไว้ “ห้องนั้นเล็กไปหน่อยแต่ก็สะอาด”
“ขอบคุณท่านมาก”
“เกรงใจไปแล้ว ไปๆ” สตรีเจ้าของบ้านบอกอย่างแข็งขัน เมื่อเห็นสือซานเหลียงเดินตามเฟิงชิงถิงไปก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยกับเขา “นี่พ่อหนุม ฮูหยินของเจ้ารักเจ้ามากรู้หรือไม่ อย่ารังแกนางมากนัก” พูดจบก็รีบถอยออกห่างเพราะเห็นว่าสายตาที่จ้องมองมานั้นไม่เป็นมิตรนัก
“...” สือซานเหลียงมองสตรีแปลกหน้าครู่หนึ่งก็เลิกสนใจ มองตรงไปด้านหน้าแล้วเดินตามเฟิงชิงถิงต่อไป
หมี่เจาถอนหายใจอย่างโล่งอก ปาดเหงื่อบนหน้าผาก “เฮ้อ คิดว่าจะตายเสียแล้ว ช่างมีแววตาที่น่ากลัวนัก”
“ท่านมานั่งนี่” เมื่อเข้ามาในห้อง เฟิงชิงถิงก็เรียกสือซานเหลียงไปนั่งบนเตียงที่มีอยู่หลังเดียว อีกทั้งยังเป็นเครื่องเรือนชิ้นเดียวในห้องนี้อีกต่างหาก เมื่อเขามานั่งตามที่นางบอก นางก็หยิบมีดในห่อผ้าของตนเองขึ้นมาหวังจะโกนหนวดเคราให้ แต่เมื่อสือซานเหลียงเห็นมีดในมือนางเขาก็คำรามออกมาอย่างดุดัน
“ข้าแค่จะโกนหนวดเคราให้” นางพยายามจับเคราที่รุงรังของเขาแต่ก็โดนมือหนาปัดออก พยายามเท่าใดก็ไม่สำเร็จสุดท้ายนางจึงถอดใจ “ไม่โกนก็ได้”
หญิงสาวเปลี่ยนมาหยิบหวีแล้วเริ่มสางผมที่แห้งของเขาเพื่อเกล้าผมให้ แต่ขณะที่สางผมให้เขา นางก็ได้ยินเสียงด้านนอกดังเข้ามา
“ใต้เท้ามีเรื่องใดเกิดขึ้นหรือ” เสียงของหมี่เจาฟังดูยำเกรงอีกทั้งยังเอ่ยคำว่าใต้เท้า เฟิงชิงถิงจึงปล่อยผมของสือซานเหลียงแอบเปิดประตูออกไปดู
ที่หน้าบ้านของหมี่เจา มีนายทหารสามนายยืนอยู่ เมื่อนายทหารคนหนึ่งมองเข้ามานางก็หลบอยู่ด้านหลังประตูและปิดอย่างรวดเร็ว
ทหารพวกนั้นตามหาตัวนาง
“ท่านป้า ท่านเห็นสตรีที่เดินทางมาแถวนี้คนเดียวบ้างหรือไม่” นายทหารคนหนึ่งถามขึ้น
“ข้าเพิ่งเจอคนที่เดินทางผ่านมา” หมี่เจาตอบกลับไปตามปกติ
“นางไปทางใด” นายทหารถามต่อ
“นางพักอยู่ในบ้านของข้าเนี่ยแหละ”
เฟิงชิงถิงได้ยินก็มองซ้ายมองขวาอย่างร้อนใจ ยามนี้นางใส่หน้ากากแปลงโฉมอยู่ พวกทหารจึงไม่รู้จักนาง แต่หากพวกเขาค้นของในสัมภาระของนางก็อาจจะมีปัญหา สิ่งที่ทำได้ยามนี้คือต้องซ่อนห่อสัมภาระเสียก่อน แต่นางจะซ่อนที่ใดเล่า ในห้องนี้มีเพียงเตียงหลังไม่ใหญ่อยู่แค่หลังเดียว
“ข้าขอเข้าไปตรวจหน่อย” เสียงนายทหารดังขึ้น
เฟิงชิงถิงยิ่งร้อนใจมากกว่าเดิม
“ได้เจ้าค่ะ แต่ท่านต้องระวังนะเจ้าคะ สามีของนางสติไม่ค่อยดี พวกนางเดินทางผ่านมาที่นี่เพราะต้องการหาหมอรักษาสามีของนาง”
“นางมีสามี สามีนางป่วย?”
“เจ้าค่ะ ยามนี้นางอยู่ในห้องนั่นแหละเจ้าค่ะ”
เฟิงชิงถิงแง้มประตูแอบดูอีกครั้ง เห็นนายทหารกำลังปรึกษากันอยู่ “นางไม่น่าจะใช่คนที่เราตามหา เพราะนางไม่ใช่หมอเทวดา”
“พวกท่านตามหมอเทวดาหรือเจ้าคะ บอกได้หรือไม่ว่าจะตามหาเจอได้อย่างไร ข้าสงสารคู่สามีภรรยาคู่นี้มาก หากข้ารู้ ข้าจะได้บอกนางให้พาสามีไปรักษาอาการสติไม่ดี”
“หากข้ารู้จะตามหาอยู่เช่นนี้หรือ” นายทหารผู้หนึ่งตอบอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะหันไปทางเพื่อนนายทหาร "ไปกันเถิด"
“แล้วไม่เข้าไปแล้วหรือเจ้าคะ”
“ไม่ เสียเวลา เราต้องรีบไปหาที่อื่นอีก” แล้วนายทหารทั้งสามก็จากไปอย่างรวดเร็ว
เฟิงชิงถิงปิดประตูลงถอนหายใจอย่างโล่งอก โชคดีเหลือเกินที่ท่านป้าผู้นั้นคิดว่านางสตรีคือที่พาสามีเดินทางไปทั่วหล้าเพื่อหาหมอมารักษาอาการเสียสติของเขา ด้วยเหตุผลว่านางก็กำลังตามหาหมอเช่นกัน พวกทหารเหล่านั้นจึงคิดว่านางไม่ใช่หมอเทวดา ก็จริง หมอเทวดาที่ไหนจะตามหาหมอเทวดาเล่า อีกทั้งทุกคนต่างรู้ว่าหมอเทวดานั้นไม่มีสามี ดังนั้นการที่ถูกเข้าใจว่านางเป็นสตรีที่แต่งงานแล้วก็ยิ่งทำให้นางกลายเป็นผู้ต้องสงสัยน้อยลง
หญิงสาวมองไปทางสือซานเหลียงที่นั่งมองมาคล้ายจะเหม่อลอย ก่อนจะคลี่ยิ้มให้เขาอย่างอารมณ์ดี
“ดูท่าแล้ว ท่านสติไม่ดีก็มีข้อดีเหมือนกัน”
ความคิดเห็น