NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฮูหยินของข้า (Re-up)

    ลำดับตอนที่ #14 : บทที่ 8 (50%)

    • อัปเดตล่าสุด 30 ธ.ค. 65


    เพียงแค่เจ้าของร่างบางคิดจะขยับพลิกตัวลงจากร่างหนา เอวที่ถูกโอบอยู่ก็ถูกรัดแน่นขึ้น ต้นขาของนางรู้สึกถึงท่อนขาแข็งแรงที่กดทับเอาไว้ มันทั้งหนักและกดร่างให้นางขยับได้ยากกว่าเดิม

    “สือซานเหลียง ปล่อยข้า” เฟิงชิงถิงดิ้นรนออกไปจากตัวเขา แต่เหมือนเขาไม่ใส่ใจวาจาของนางสักนิด

    “เจ้าพวกสวะ คิดสังหารข้า ข้าจะสังหารพวกเจ้าให้หมด!” 

    ชายหนุ่มคำรามเสียงน่ากลัวออกมาพร้อมกับร่างแข็งแรงที่เกร็งเครียด วงแขนแกร่งรัดร่างบางด้วยแรงมหาศาลคล้ายว่าต้องการป่นร่างของนางให้แหลกคาอกของเขา

    “สือซานเหลียง ข้าเจ็บ” หญิงสาวพยายามดันแผงอกกว้างแต่ยิ่งดันก็ยิ่งถูกรัดแรงจนกระดูกลั่นดังกร็อบพร้อมกับใบหน้าหวานที่นิ่วหน้า

    นางต้องถูกเขารัดจนกระดูกป่นแน่ๆ 

    “เจ้าพวกสามหาว ผู้ใดคิดเป็นศัตรูกับข้าก็เรียงหน้ากันเข้ามา!” เจ้าของเสียงทุ้มห้าวคำรามอย่างดุดัน แขนล่ำสันกอดรัดนางจนหายใจไม่ออก 

    ฟังจากคำพูดแล้วเฟิงชิงถิงก็คิดว่ายามนี้เขาคงจะฝันอยู่และนางคงจะตายเสียก่อนหากเขายังฝันไม่จบ แต่ชั่วขณะหนึ่งนางกลับลืมความอึดอัดและความเจ็บปวดที่กำลังถูกป่นกระดูกไป

    นางสัมผัสได้ถึงกล้ามเนื้อที่เกร็งแน่นและเสียงหัวใจที่เต้นแรงของเขา เสียงกัดฟันกรอดสลับกับเสียงคำรามในลำคอ แผงอกของเขาขยับขึ้นลงรุนแรงคล้ายกับคนที่สั่งสมความกราดเกรี้ยวเอาไว้จนไม่อาจจะข่มได้ เขาต้องพบเจอกับเรื่องเช่นใดมาบ้าง ขนาดในยามสติไม่ดีจึงยังฝันแต่เรื่องเข่นฆ่า สิ่งนี้ทำให้นางรู้สึกเห็นใจเขาขึ้นมา มือบางขยับมาที่ข้างซ้ายของหน้าอกแกร่ง ตบเบาๆ บนบริเวณที่สะท้อนขึ้นลงรุนแรงด้วยไฟแห่งโทสะเป็นจังหวะช้าๆ พร้อมกับกระซิบเสียงปลอบโยน

    “สือซานเหลียง ท่านไม่เป็นไรแล้ว ที่นี่ไม่มีศัตรูของท่าน ที่นี่ไม่มีใครคิดร้ายต่อท่าน” 

    แรงรัดนั้นคล้ายออกเล็กน้อย ร่างที่เกร็งเริ่มผ่อนคลาย แผงอกที่สะท้อนขึ้นลงแรงก่อนหน้านี้ขยับช้าลงพร้อมกับเสียงทุ้มที่ฟังคล้ายสับสน “หมั่นโถว?” 

    “ข้าเอง หมั่นโถว ไม่มีอะไรแล้ว อยู่กับข้าท่านจะปลอดภัย” นางยิ้มได้ในความมืดเมื่อรู้สึกว่ายามนี้เขาพอจะคุยรู้เรื่อง

    “หมั่นโถว หมั่นโถว” แรงกอดรัดไม่ได้รุนแรงเท่าครั้งแรก แต่เพียงแค่นางหยุดตบแผงอก เขาก็เริ่มกอดรัดนางแน่นขึ้นคล้ายกับว่ากำลังจมดิ่งลงไปในความฝันอันเลวร้ายของเขาอีกครั้ง เสียงทุ้มคำรามขึ้น “พวกเจ้า!” 

    เฟิงชิงถิงรีบตบแผงอกของเขาและเอ่ยปลอบ “ชู่ว...สือซานเหลียง ไม่มีอะไรแล้ว ท่านแค่ฝัน” 

    “หมั่นโถว” เจ้าของร่างใหญ่ผ่อนแรงลงอีกครั้ง แล้วนางก็เพิ่งจะรู้สึกว่าแก้มข้างหนึ่งของนางถูกเคราแข็งสากสีไปมาก่อนความรู้สึกนั้นจะเลื่อนต่ำลงมาที่คาง

    “สือซานเหลียง!”

    เฟิงชิงถิงหายใจสะดุด ความรู้สึกคันยิบๆ และสัมผัสร้อนผ่าวผ่านมาที่ลำคอทำให้รู้ว่ายามนี้สือซานเหลียงกำลังเลื่อนใบหน้าอยู่บริเวณใดของร่างกายนาง และมันกำลังต่ำลงมาเรื่อยๆ พร้อมกับเอวบางที่ถูกดันให้ร่างนางขยับเลื่อนขึ้น

    “หมั่นโถวอุ่น” เสียงทุ้มครางออกมาพร้อมกับกกกอดความนุ่มสบายแน่นขึ้น เขาเลื่อนหน้าซุกลงตรงส่วนที่นุ่มนิ่มและหอมหวน ขยับใบหน้าแนบกับสิ่งนั้นพร้อมกับสูดลมหายใจลึกก่อนจะถอนหายใจยาวอย่างพึงพอใจ กอดรัดสิ่งที่อยู่ในอ้อมแขนแรงกว่าเดิม

    “สือ สือซานเหลียง” เฟิงชิงถิงร้อนผ่าวไปทั้งตัว นางไม่รู้แล้วว่ายามนี้ตัวนางหรือตัวเขากันแน่ที่ร้อนกว่ากัน นางขยับตัวไม่ได้เพราะถูกเขากอดเอาไว้ อีกทั้งหน้าอกของนาง...หน้าอกของนาง กำลังถูกเขาล่วงเกินอีกแล้ว! 

    ร่างบางนอนตัวเกร็งทำสิ่งใดไม่ถูก หน้าอกของนางร้อนผ่าวไม่ต่างกับใบหน้า ยามนี้มันกำลังแนบอยู่กับใบหน้าของเขา และเมื่อเขาขยับใบหน้าคล้ายกับหาที่เหมาะเจาะ ขนในกายของนางก็ลุกชัน ความรู้สึกคันยุบยิบจากเคราที่เสียดสีเกิดขึ้นพร้อมกับความรู้สึกแปลกประหลาดบางอย่างที่นางไม่รู้ว่าคือสิ่งใด ยังมีลมหายใจร้อนที่ลอดผ่านเนื้อผ้ามาจนกระทบผิวเนื้ออันบอบบาง 

    “ปล่อยข้านะ สือซานเหลียง” นางพยายามดิ้นเพื่อหลุดออกจากพันธนาการอันร้อนผ่าวด้วยความตกใจ

    “ฮื้อ หมั่นโถว” เสียงนั้นคล้ายกับเด็กที่กำลังถูกขัดใจปนเผด็จการ เขาแนบหน้ากับความนุ่มเต่งตึง สูดกลิ่นหอมที่ได้กลิ่นแล้วรู้สึกผ่อนคลายอย่างน่าประหลาด “หมั่นโถวหอม” เขาสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ อีกหลายครั้ง ก่อนจะเริ่มหายใจอย่างสม่ำเสมอ

    คนที่กอดนางหลับลงอย่างผ่อนคลาย แต่นางกลับต้องนอนตัวแข็งทื่อขยับเขยื้อนไม่ได้และดูท่าคงจะซุกอยู่ในท่านี้อีกนาน

    เฟิงชิงถิงรู้สึกอับอายที่ตัวเองในยามนี้ยิ่งนัก เอวนางถูกแขนสองข้างโอบกอดไว้ หน้าอกของนางยังอยู่บนหน้าของเขาอีกต่างหาก ยังไม่รวมเนื้อตัวที่แนบสนิทไปกับร่างหนาด้านล่าง ไม่มีสตรีที่ดีนางใดกล้าอยู่ในสภาพเช่นนี้ แต่นางก็รู้ว่าคงจะทำสิ่งใดไม่ได้นอกจากปล่อยให้เป็นไป สือซานเหลียงเป็นคนบ้าอีกทั้งยามนี้ยังบาดเจ็บและไข้ขึ้น เขาไม่ได้ตั้งใจ ส่วนนางก็เป็นหมอ ร่างกายเขาต้องการความอบอุ่น หากนางไม่ช่วยใช้ร่างกายมอบความอบอุ่นให้ อาการของเขาอาจจะหนักกว่าเดิมก็ได้ สิ่งที่ดีที่สุดคือนางควรจะทำให้เขาหายจากอาการบาดเจ็บและอาการไข้โดยไว

    ใช่ นางเป็นหมอ หมอต้องทุ่มเทใจรักษาคนไข้ แค่เรื่องถูกเนื้อต้องตัวแค่นี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

    แม้จะปลุกปลอบใจตัวเองอยู่เช่นนั้น แต่ร่างของนางก็ร้อนผ่าวไปหมด หัวใจเต้นแรงและเร็วยิ่งกว่าหัวใจของสือซานเหลียงเสียอีก มือบางของนางยังคงตบแผงอกเขาเบาๆ เป็นจังหวะ เพราะหากนางหยุด ร่างกายของสือซานเหลียงก็จะเกร็งเครียดขึ้นมาทันที ตลอดคืนเฟิงชิงถิงที่หลับไม่ลงอยู่แล้วจึงตบแผงอกเขาเบาๆ เมื่อเมื่อยนางก็เปลี่ยนมือทำแบบนี้จนฟ้าเกือบสาง นางจึงผล็อยหลับไป

    ไม่นานนักแสงสีทองด้านนอกถ้ำก็เริ่มคืบคลานลอดเข้ามาทางช่องกิ่งไม้ที่ปกปิดปากถ้ำเอาไว้ สาดไล้บนพื้นถ้ำเปลี่ยนความมืดมนอนธการเป็นยามเช้าอันอ่อนโยน แม้ยามราตรีจะลาจากไปแล้ว แต่ความเย็นของห้วงราตรียังคงอ้อยอิ่งอยู่โดยเฉพาะภายในถ้ำที่ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ยามเช้าสาดแสงไปไม่ถึง

    ร่างสองร่างที่นอนตะแคงหันหน้าเข้าหากันยังคงอิงแอบกันเพื่อแบ่งปันความอบอุ่น ลำแขนใหญ่ที่พาดอยู่บนเอวบางกระชับให้ร่างเล็กขยับเข้ามาใกล้เขามากขึ้นตามสัญชาตญาณ แต่แล้วดวงตาที่ปิดสนิทก็เปิดขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับร่างใหญ่ที่ผงะถอยออกมาเล็กน้อย แววตาคู่นั้นไม่มีความงุนง่วงแม้แต่น้อย มีเพียงแค่ความระแวงระไวในดวงตา แต่เมื่อเห็นว่าสิ่งที่ปรากฏอยู่ในครรลองสายตาคือใบหน้าของเฟิงชิงถิง เขาก็มองดูใบหน้าที่ยังนอนหลับสนิทของหญิงสาวด้วยแววตาที่เปลี่ยนไป 

    มือหนาขยับมาสะกิดชั้นผิวหนังบางๆ ที่ลำคอของหญิงสาวก่อนจะลอกหน้ากากแปลงโฉมออกโดยที่เจ้าของยังคงหลับใหลไม่ได้สติ เมื่อลอกออกได้เขาก็โยนมันทิ้งอย่างไม่ไยดี หัวเราะออกมาอย่างพอใจก่อนจะมองใบหน้าที่แท้จริงของนาง แววตาที่มองบ่งบอกความรู้สึกที่หลากหลาย ใบหน้าภายใต้หนวดเครารกรุงรังก็เช่นกัน มันมีทั้งความสับสนงุนงงอย่างไม่เข้าใจ บางครั้งก็อ่อนโยนแต่ก็แฝงความเผด็จการอยู่ในนั้น แต่สุดท้ายก็กลายเป็นเลื่อนลอยอยู่นาน จนเสียงดังโครกครากเตือนขึ้นมา แววตาที่มองใบหน้าหวานจึงเลื่อนไปมองตามต้นเสียงซึ่งก็คือเสียงจากท้องของเขานั้นเอง

    เขาหิวแล้ว และเขาก็รู้ว่าจะจัดการกับความหิวของตัวเองอย่างไร นั่นเป็นเรื่องง่ายที่สุดสำหรับคนบ้าเช่นเขา จมูกที่มีความสามารถดมกลิ่นได้ยอดเยี่ยมทำให้รู้ว่ายามนี้ห่ออาหารแห้งวางอยู่ที่ใดโดยไม่ต้องมองด้วยซ้ำ

    ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นไปหาห่ออาหารแห้งที่วางอยู่อีกฟากหนึ่งของถ้ำ แม้จะรู้สึกเจ็บปวดภายในด้วยอาการช้ำในแต่ความสามารถทางด้านการกินก็ไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย

    เขานั่งลงพิงผนังถ้ำเปิดห่อผ้าหยิบขนมเปี๊ยะขึ้นมากัด แล้วก็ต้องชะงักเมื่อสายตาไปหยุดที่แผ่นหลังเล็กของคนที่นอนหลับอยู่ นางนอนตะแคงหันหลังให้เขา 

    ดวงตาคู่เดิมจ้องที่แผ่นหลังของนางคล้ายถูกมนตร์สะกด มองอยู่นานเท่าใดก็หารู้ได้ จนเมื่อร่างเล็กขยับเปลี่ยนท่าเป็นนอนหงาย สือซานเหลียงจึงเริ่มกินขนมเปี๊ยะไปพลางมองร่างบางพลาง ปากเขาก็เคี้ยวขนมเปี๊ยะตุ้ยๆ ดวงตาก็มองใบหน้าหวานก่อนจะเลื่อนมองต่ำลงไป ต่ำลงจนถึงเนินเนื้อที่ขยับขึ้นลงตามการหายใจอย่างสม่ำเสมอ

    “เอื๊อก” เสียงกลืนขนมเปี๊ยะดังกว่าทุกครั้งเมื่อสายตาตรึงนิ่งอยู่ตรงเนินเนื้อทรวดทรงงดงามสองก้อนที่มีขนาดเท่ากันพอดี เขายกขนมเปี๊ยะขึ้นมามองด้วยแววตาฉงน ก่อนจะหันกลับไปมองหมั่นโถวสองลูกภายใต้อาภรณ์ด้วยแววตาสนเท่ห์

    ในที่สุดร่างใหญ่ก็ขยับมานั่งใกล้ร่างบางพร้อมกับหิ้วห่ออาหารติดมือมา เขาหยิบขนมเปี๊ยะชิ้นที่สองมากินพร้อมกับมองหมั่นโถวที่เหมือนมีชีวิตอีกครั้ง จนกินขนมเปี๊ยะชิ้นที่สองหมด เขาก็หยิบชิ้นที่สามขึ้นมาดูสลับกับมองหมั่นโถวสองลูกที่กำลังขยับน้อยๆ 

    “เอื๊อก” เขากลืนน้ำลายลงคอเมื่อมองหมั่นโถวสองลูกนั้น

    “โครกคราก” ท้องส่งเสียงประท้วงเมื่อเขามองขนมเปี๊ยะ

    ใบหน้าดุดันฉายแววสับสนปนไม่พอใจ นิ่งอยู่นานก็หันจมูกไปทางขนมเปี๊ยะ กลิ่นของขนมเปี๊ยะทำให้ท้องของเขาร้องขึ้นมาอีกครั้ง คิ้วหนาเริ่มขมวดเป็นปม ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจยื่นจมูกไปใกล้หมั่นโถวแล้วสูดดม กลิ่นหอมนั้นทำให้เขาต้องกลืนน้ำลายลงคอ

    แล้วสือซานเหลียงก็มองสลับไปมาระหว่างหมั่นโถวกับขนมเปี๊ยะอยู่หลายรอบ ครั้งสุดท้ายเขาเลียขนมเปี๊ยะไปคำหนึ่ง ก่อนจะก้มหน้าลงไปที่หมั่นโถวสองก้อนนั้นใกล้ขึ้น

    คิ้วหนาขมวดเพราะความขัดใจ มองหมั่นโถวอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มขึ้นมาพร้อมกับมือข้างหนึ่งเลื่อนไปที่สาบเสื้อของคนที่นอนหลับอยู่ มือที่กางอยู่ขยับเปลี่ยนเป็นกำเหลือนิ้วชี้เพียงนิ้วเดียวที่ยื่นออกมา นิ้วชี้เพียงนิ้วเดียวนั้นเกี่ยวสาบเสื้อของคนที่นอนหลับสนิทแหวกออก แต่เมื่อแหวกออกมาแล้วเขาก็ต้องคำรามอย่างไม่พอใจ เพราะสาบเสื้อไม่ใช่อาภรณ์ชิ้นเดียวที่ปิดมันไว้ มันยังมีผ้าชิ้นน้อยอีกชิ้นที่ปิดอยู่

    แต่สิ่งที่กีดขวางเพียงแค่นั้นไม่ได้ทำให้คนบ้าเช่นเขาจะเลิกล้มความตั้งใจได้ เขาวางขนมเปี๊ยะลงก่อนจะยื่นนิ้วชี้ขึ้นมาดึงผ้าชิ้นน้อยที่ปิดหมั่นโถวนั้นให้แหวกลงมา แล้วก็ก้มหน้าแลบลิ้นชิมรสหมั่นโถวเหนือบริเวณผ้าชิ้นน้อยที่เขาเกี่ยวมันต่ำลงมาได้ ลิ้มรสได้ครั้งหนึ่งก็เงยหน้าขึ้นเอียงคอคล้ายยังไม่รู้รสอะไรจึงก้มหน้าลงไปอีกครั้ง ดึงผ้าชิ้นน้อยให้ต่ำลงไปมากกว่าเดิมเพราะมันทำหน้าที่ปิดบังหมั่นโถวได้ดีเกินไปก่อนจะก้มลงอีกครั้ง


    วันนี้เอาอัพไฟลฺ์อีบุ๊ค ฮูหยินของข้า เล่ม 1 ลงในเมพแล้วนะคะ พรุ่งนี้น่าจะเปิดขาย ใครที่สนใจรอพรุ่งนี้นะคะ อยู่ในช่วงลดราคา ส่วนเล่ม 2 (เล่มจบ) น่าจะมาปีหน้าค่ะ แต่คงไม่นานมากค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×