คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : 7 Something I don't have
7
Something I don’t have
“ไม่หรอก แต่ช่วยระวังตัวให้มากกว่านี้หน่อยได้ไหม”
หญิงสาวเรือนผมสีบลอนด์อ่อนพูดพร้อมยืนมือเพื่อช่วยให้ชายหนุ่มที่เธอกำลังสอนเล่นสเก็ตให้ลุกขึ้น แต่เธอก็ไม่ได้หันหน้าไปหาแจ็คแบบตรงๆ เนื่องจากอุณหภูมิบนใบหน้าของเธอขึ้นผิดปกติและไม่อยากให้เขาคนนั้นรู้สึกว่าเธอกำลัง...หวั่นไหว...กับเขา เธอจึงพยายามปรับสีหน้าให้ดูปกติที่สุด
“คุณกำลังเขินผมเหรอ”ดวงตาสีฟ้าอ่อนมองดูมือสีขาวราวหิมะที่ยื่นมาเพื่อพยุงเขาขึ้น ก่อนที่จะหันไปจ้องมองที่ใบหน้าของเอลซ่าที่หันไปด้านตรงกันข้ามอย่างสงสัยพร้อมหัวใจของเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ หวังที่จะให้เธอหันมาสนใจเขาบ้าง
“ฉันจะไปเขินคุณทำไม ลุกขึ้นมาสิ”เอลซ่าหันกลับมาที่เขาพร้อมด้วยสีหน้าและน้ำเสียงเรียบเฉย ทำให้หัวใจของเขาหล่นลงจากหน้าอกของเขาราวกับว่า ความปราถนาของเขาช่างไกลเกินเอื้อมที่เขาจะคว้าถึงเสียเหลือเกิน
“นี่คุณจะลุกหรือไม่ลุก ถ้าไม่ลุกฉันจะปล่อยให้คุณนั่งอยู่แบบนี้นะ”
“เอ่อ...ลุกสิ”เสียงเอลซ่าที่พูดเตือนเขาอีกครั้ง ทำให้แจ็คตื่นจากภวังค์ แจ็คคว้ามือเอลซ่าและพยายามลุกขึ้นอีกครั้ง
“คุณเหนื่อยรึเปล่า ถ้าเหนื่อยฉันจะได้พาไปตรงทางออก จะได้ไม่ลื่นล้ม”เอลซ่าพูดพร้อมชี้ไปยังม้านั่งที่อยู่ใกล้ๆนอกลานสเก็ต ส่วนมืออีกข้างของเธอคล้องแขนของเขาไว้แน่นเพื่อไม่ให้แจ็คตกลงไปอีกรอบ
“คุณอยากเล่นต่ออยู่รึเปล่าล่ะ”แจ็คหันไปถามเอลซ่าด้วยความสงสัย
“นิดหน่อย คุณจะว่าอะไร...”
“ตามสบายเลย ผมรอได้ แต่คุณต้องพาผมออกไปจากตรงลานสเก็ตก่อนนะไม่งั้นจะล้มแบบนั้นอีกแน่ๆ”แจ็คพูดพร้อมยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์พร้อมดวงตามองขึ้นไปข้างบน ราวกับนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น
“นี่ ถ้าคุณไม่จบ ฉันจะปล่อยคุณแล้วนะ”เอลซ่าพูดพร้อมยิ้มอย่างรู้ทัน พร้อมมือที่เคยคล้องแขนเขาแน่นเริ่มคลายลงอย่างรวดเร็ว
“เฮ้ ผมล้อเล่นๆ ผมจะไม่เล่นแล้วครับ”แจ็คใช้มือที่ว่างอยู่จับแขนของเอลซ่าไว้เพื่อไม่ให้เธอปล่อยเขา
“ฉะนั้น หยุดพูดถึงเรื่องนั้นเดี๋ยวนี้โอเคไหม”แจ็คไม่ได้พูดอะไรแต่พยักหน้า เพราะกลัวที่เธอจะปล่อยเขาจริงๆ เพราะถ้าเอลซ่าปล่อยเขาเมื่อไหร่ มีหวังเขาได้คลานไปยังทางออกลานสเก็ตแน่นอน
“ดี ฉันจะไปแล้วนะ จับมือแน่นๆไว้”เอลซ่าหันไปหาแจ็คอีกครั้ง ก่อนที่ตัวของแจ็คเริ่มเคลื่อนออกไปและหยุดที่ลานทางออกโดยที่เขายังไม่ทันตั้งตัว มือที่เคยรั้งแขนสีขาวของเอลซ่าเปลี่ยนไปจับราวที่อยู่ตรงทางออกทันที เพราะกลัวจะลื่นล้มอีกครั้ง
“นายไปต่อเองได้นะ”ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลมองเขาอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง
“แน่นอน เชื่อใจผมได้เล...เหวอ”คราวนี้เอลซ่ารีบถอยออกมาจากจุดที่แจ็คลื่นล้มทันที พร้อมมองไปแจ็คอย่างเอือมระอา
‘ไม่ทันขาดคำ’ เอลซ่าพูดในใจ ก่อนจะดึงแจ็คขึ้นมาอีกครั้ง
“ฉันคิดว่า ไปส่งนายถึงที่ดีกว่า”เอลซ่าพูดพร้อมพาเขาออกจากลานน้ำแข็งอย่างทุลักทุเล ก่อนเดินจับราวตอนทางเข้าลานสเก็ตไว้เพื่อช่วยในการทรงตัวทั้งเธอและเขาก่อนที่จะเดินไปยังม้านั่งที่ตั้งไว้อยู่
“ขอบคุณมากๆนะ”แจ็คเอ่ยคำขอบคุณหลังเมื่อเขามาถึงที่ม้านั่งเรียบร้อยแล้วแล้วเผยรอยยิ้มบางๆให้เอลซ่า
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันขอไปเล่นต่อก่อนนะ”แจ็คพยักหน้าเชิงอนุญาตแล้วนั้น เอลซ่าจึงค่อยๆเดินกลับเข้าไปในลานสเก็ตอีกครั้ง
สีเสียดสีระหว่างรองเท้าสเก็ตกับน้ำแข็งดังไปรอบตัวแจ็ค ถ้าฟังมากๆจะเป็นเสียงที่เสียวฟันมากๆ แต่เขาไม่รับรู้ถึงเสียงเหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย ดวงตาสีฟ้าอ่อนจับจ้องลีลาการเคลื่อนไหวในพื้นน้ำแข็งของสาวผมสีบลอนด์แพตตินัมอย่างไม่กระพริบตาราวกับนางฟ้ากำลังร่ายรำให้เขาดูอย่างเพลินใจ แน่นอนเธอสร้างความตกตะลึงให้เขาอย่างมากเหมือนเธอหมุนตัวเองเป็นสามร้อยหกสิบองศาโดยที่มีขาข้างขวาเป็นจุดศูนย์กลางอย่างรวดเร็วแล้วลดลงอย่างช้าๆ ก่อนจะเปลี่ยนไปเล่นท่าอื่น แต่ทว่าตอนนี้เปลือกตาของเขาเริ่มจะหนักเขาทุกที เขาจึงค่อยๆเอนกายเพราะกับหลับตาในที่สุด
“เฮ้ คุณตื่นได้แล้ว”เอลซ่าพูดพร้อมใช้นิ้วเรียวสะกิดที่หัวไหล่ของแจ็ค
“ฮะ ฮะ เกิดอะไรขึ้น”แจ็คสะดุ้งขึ้น พร้อมดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ ก่อนจะหันไปมองเอลซ่าพร้อมสลับกับมองรองเท้าของเธอ
“เล่นสร็จแล้วเหรอ”แจ็คทำท่าเกาหัวเล็กน้อย ด้วยความสงสัยว่าตัวเองเผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหน
“ตั้งนานแล้วล่ะ ตอนฉันเล่นเสร็จ ฉันก็เห็นนายนอนเกาพุงอย่างสบายใจเลยไม่ค่อยอยากกวนเท่าไหร่”เอลซ่าพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแต่ทว่าหัวเธอกลัวเขาเสียเหลือเกิน
‘ฉันแค่ไม่อยากเป็นเหมือนตอนอยู่ในบัสหรอกนะ’เอลซ่าพูดในใจพร้อมนึกถึงมือปลาหมึกของแจ็คที่หลอกหลอนเธออยู่
“จะว่าไปผมชักหิวแล้วสิ”แจ็คพูดพร้อมเอามือตีหน้าท้องของตัวเองเพื่อไม่ให้เสียงน้ำกรดในกระเพาะดังเกินไป
“ฉันยังไม่รู้สึกหิวเลย กะจะเดินเล่นริมทะเลสาบก่อน...โครก”เอลซ่าพูดขัดแจ็ค เพราะเธอรู้สึกว่าวันนี้เธอยังเที่ยวไม่คุ้มแต่ทว่าเสียงท้องร้องเจ้ากรรมนายเวรดันร้องออกมาอย่างดังแปดห้าง ทำเอาแจ็คขำกากชุดใหญ่
“คุณน่ะ...ปากไม่ตรงกับท้องเลยนะ”แจ็คพูดไปขำไป ต่างจากเอลซ่าที่กำลังกอดท้องของเธอไว้ไม่ให้เสียงดังกว่านี้
“คุณไม่เคยได้ยินเสียงท้องร้องของผู้หญิงหรือไง”เอลซ่าทำหน้าบูดใส่ เพราะยิ่งแจ็คหัวเราะจะเป็นจะตายมากเท่าไหร่ มันยิ่งร้องหนักขึ้นอีก
“ผมเคยนะ แต่ไม่รู้สาวมาดนิ่งอย่างคุณ มันร้องจะดังขนาดนี้”น้ำตาของเขาเล็ดออกมาเพราะขำจนท้องแข็ง ส่วนเอลซ่าก็ได้แต่มองผู้ชายข้างหน้าเธออย่างเหนื่อยใจ
“โอเค ฉันไปหาอะไรกินซะหน่อยก่อนจะไปเดินเล่นแล้วกัน ส่วนนายไปหากินเองซะ”เอลซ่าพูดพร้อมหันหลังให้แจ็คก่อนเดินจากไป ก่อนจะหันกลับมาพูดประโยคสุดท้ายใส่เขา
“เฮ้ๆ ผมไม่มีเงินสักดอลแล้วผมจะซื้ออะไรได้ล่ะ”แจ็คพูดด้วยสีหน้าอ้อนวอนเพื่อเรียกร้องความสนใจเธอ
“นายไปนั่งขุดดินหาเห็ดกินแล้วกัน”เอลซ่าพูดพร้อมโบกมือลาและเดินออกห่างจากเขาไปเรื่อยๆ
“คุณ เดี๋ยว! ผมจะทำอะไรก็ได้ที่คุณสั่ง ขอแค่คุณซื้อคุกกี้กับช็อคโกแลตร้อนให้ผมสักแก้วหน่อยได้ไหมครับ”เท้าเรียวหยุดชะงักเล็กน้อย ก่อนที่จะหันมาเปรยยิ้มให้แจ็คอย่างเจ้าเล่ห์
“ทุกอย่างเลยเหรอ”เอลซ่ายักคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย
“ทุกอย่างเลย”แจ็คพูดพร้อมแสดงสีหน้ารับผิดชอบอย่างสุดๆ เอลซ่าเผยรอยยิ้มให้แก่แจ็ค ก่อนพยักหน้ายอมรับของตกลงของเขา
.
.
“คุณนี่จะซื้อไปกินหรือสร้างปราสาทเนี่ย”สภาพของแจ็คที่ถือถุงคุกกี้หลากชนิดจำนวนสองถุงใหญ่อย่างพะรุงพะรังไม่ต่างจากตอนเช้า แต่ของเมื่อเช้าเป็นของที่เขาซื้อมาเองจึงไม่ได้รู้สึกอะไรมาก แต่เจ้าถุงคุกกี้นี้เอลซ่าใช่เขาชัดๆ
“ฉันชอบหิวตอนกลางคืนบ่อยๆเลยต้องตุนเสบียงไว้เผื่อไว้ก่อน”เอลซ่าพูดแต่ไม่ได้หันไปที่แจ็ค มือของเธอสองข้างถือแก้วช็อคโกแลคร้อนอย่างระมัดระวัง
“ผมเหนื่อยมากเลยตอนนี้ เราไปนั่งตรงม้านั่งที่อยู่ข้างหน้าก่อนได้ไหม”แจ็คพูดพร้อมเพยิกหน้าไปยังม้านั่งที่อยู่ตรงสิบสองนาฬิกา
“ไม่นั่งไม่ได้เหรอ ฉันอยากกลับห้องไปนอนบนเตียงแล้ว”เอลซ่าหันไปหาแจ็คด้วยแววตาอ้อนวอน
“ไม่เอา ผมจะนั่งตอนนี้แหละ”แจ็คพูดพร้อมทำหน้าบูดเหมือนเด็กเอาแต่ใจ พร้อมเดินไปที่ม้านั่งทันทีโดยที่ไม่ได้ขอเอลซ่า ทำให้เธอได้แต่ส่ายหัวกับความเด็กของหนุ่มคนนี้อย่างระอา ก่อนจะเดินไปที่ม้านั่งตามแจ็ค
ม้านั่งไม้ได้ถูกตั้งท่ามกลางธรรมชาติอย่างสวยงาม ด้านหน้าเป็นวิวของทะเลสาบเทคาโปที่บอกได้เลยว่าเป็นไฮไลท์ของที่นี่ เสียงของใบไม้เสียดสีกันไปอย่างช้าๆ ทำให้บรรยากาศดูสดชื่นมากขึ้น
แจ็คค่อยๆวางถุงคุกกี้ไว้ข้างม้านั่งก่อนที่เขาจะนั่งลงที่เบาะอย่างรวดเร็วด้วยความเหนื่อยล้า เสียงก้าวเท้าของเอลซ่าทำให้เขาหันไปมองสาวสีผมบลอนด์อ่อนที่มานั่งข้างๆเขาด้วยแววตาสงสัย ก่อนจะหันกลับมองทะเลสาบสีส้ม เพราะใกล้เวลาพระอาทิตย์ตกดินแล้ว
“ไหนบอกว่าจะกลับไปที่ห้องไง”แจ็คถามแต่ก็ไม่ได้หันมองเอลซ่า เพราะกำลังดื่มด่ำกับควาามของธรรมชาติ
“ฉันเห็นว่าเป็นช่วงพระอาทิตย์ตกดินพอดี เลยกะจะแวะดูซะหน่อย นี่ช็อคโกแลตร้อนของนาย”เอลซ่าพูดพร้อมหยิบถ้วยช็อคโกแลตร้อนสีขาวที่ใช้กระดาษกันความร้อนอย่างดีให้กับแจ็ค
แจ็คหันไปหาเอลซ่าพร้อมรับถ้วยช็อคโกแลตร้อนอย่างว่าง่าย พร้อมพยักหน้าเชิงขอบคุณก่อนจะซดดื่มอย่างช้าๆ ขณะที่แสงอาทิตย์กำลังลาลับขอบฟ้า ภายใต้ท้องฟ้าสีแดงฉานถูกแต้มไปด้วยฝูงนกจำนวนมากเริ่มบินกลับสู่รังพร้อมกับเสียงเจี๊ยวจ๊าวราวกับถามไถ่สารทุกข์สุขดิบแก่กัน ไม่เหมือนกับแจ็คและเอลซ่าที่กำลังชื่นชมภาพพระอาทิตย์ตกดินโดยไม่ปริปากต่อกัน ไม่ใช่เพราะว่าเขาสองคนโกรธกัน แต่ทว่าเขารู้ซึ่งกันและกันว่าต้องการอะไร
“สวยจริงๆเลยเนอะ”แจ็คเป็นคนเปิดบทสนทนา ดวงตาสีฟ้าอ่อนหันไปมองเอลซ่าที่ตอนนี้สีผมบลอนด์แพตตินัมที่ถูกเกลาเฉิดฉายด้วยแสงสุดท้ายของวัน ทำเอาเขาหลงใหลเธอเสียไม่น้อย
“อืม จะว่าไปฉันไม่ได้ดูพระอาทิตย์ตกแบบนี้นานแล้วนะ”เอลซ่าพูดพร้อมคิดไปถึงวันเก่าๆที่เธอเคยใช้กับอันนาและ...พ่อแม่ของเธอ
“คุณไม่ค่อยได้ดูพระอาทิตย์ตกดินเหรอ แต่ในความคิดผมคุณต้องได้ไปเที่ยวบ่อยๆใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัวอย่างมีความสุข...”
“บางอย่างฉันก็ไม่มีหรอกนะ”เอลซ่าพูดตัดบทของแจ็คที่คิดเรื่องของเธอผิดไปหมด ทำเอาแจ็คอ้าปากค้างเหมือนอยากจะพูดต่อแต่กลับหันไปที่เอลซ่าด้วยความไม่เข้าใจ
“แต่...ดูจากลักษณะคุณแล้ว ผมคิดว่า...”
“ครอบครัวฉันเป็นเศรษฐีงั้นเหรอ คุณคิดผิดแล้วล่ะ ชีวิตของฉันน่ะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบแบบนั้นหรอกนะ”เอลซ่าพูดพร้อมถอนหายใจอย่างเชื่องช้า เหมือนกับเธอจุกอยู่ที่คอ
“ครอบครัวของฉันประกอบไปด้วยพ่อ แม่ ฉัน และอันนา น้องสาวของฉัน บ้านของเราทำธุรกิจขายดอกไม้มาเป็นเวลานาน แน่นอนอาจจะเป็นธุรกิจเล็กๆไม่ได้กำไรมากมายแต่เราก็มีความสุขกันมากๆที่ได้อยู่ร่วมกัน จนกระทั่ง...”เอลซ่าเว้นระยะเล็กน้อยก่อนจะ นึกถึงวันวานที่พ่อแม่ของเธอพูดคุยกับเอลซ่าและอันนาก่อนจะขึ้นเครื่องบินไปยังฝรั่งเศส
“พ่อแม่ฉันได้ประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกที่ทะเล ทั้งฉันและอันนาได้แต่รอความหวังว่าพวกเขาทั้งสองจะกลับมา แต่ไร้...วี่...แวว”น้ำตาที่เคยเก็บไว้ในที่ปลอดภัยที่สุดของตาเธอเริ่มเอ่อล้นออกมา
“จากนั้น ฉันต้องดูแลน้องตั้งแต่ฉันอายุสิบแปดควบคู่กับบริหารร้านไปด้วย”แจ็คฟังเรื่องราวจากเอลซ่าอย่างตั้งใจ แต่ในใจของเขารู้สึกอยากโอบกอดเธอจากความเจ็บปวดเหล่านี้เสร็จเหลือเกิน
“แน่นอนฉันดูมีความสุขที่ได้อยู่กับน้องสาวของฉัน แต่นายรู้ไหม ฉันกับอันนาแตกต่างกันมากๆเลยนะ”เอลซ่าพูดพร้อมยิ้มบางๆให้แจ็คพร้อมหยดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มของเธอ
“อะ...อันนา เธอเป็นหญิงสาวร่าเริงสดใสตลอดเวลา สามารถเข้าได้กับทุกคน และเมื่อเธอเห็นใครอยู่อันตราย เธอมักจะช่วยเหลือเขาอยู่เสมอ ทุกคนในย่านที่ฉันอยู่ต่างชอบเธอมากๆ พร้อมกล่าวชื่นชมตลอดเวลา”เอลซ่าพูดพร้อมกลั้นสะอื้นไว้ พร้อมกับกลั้นน้ำตาให้มากไปกว่านี้
“ส่วนฉัน...มันไม่มีอะไรดีเลย...ทุกคนต่างนินทาว่าร้ายใส่ฉัน ว่าเป็นราชินีหิมะ เพราะการที่ฉันอายที่พูดกับใคร ชอบทำตัวม่ไยุ่งกับใคร ไม่เข้ากับคนอื่น ทำให้หลายคนคิดว่าฉันหยิ่งและทำด้วยเหมือนคุณหนู ตะ...แต่...ฉันแค่อยากบอกทุกคนว่า ฉันกลัว ทำไมพะ...”เรือนผมสีเงินโผล่เข้ากอดเธอทันทีโดยที่เอลซ่าไม่ทันตั้งตัว เมื่อแจ็คเห็นว่าน้ำตาของเอลซ่าเริ่มไหลพรั่งพรูออกมา เพราะกับความเจ็บปวดที่เธอได้รับแต่ไม่สามารถอธิบายให้ใครฟังได้ เขาคงไม่อยากเห็นเธอเจ็บปวดมากกว่านี้อีกแล้ว
“ไม่เป็นไรแล้วนะ ฉันอยู่นี่ๆ”แจ็คพูดพร้อมใช้มือข้างซ้ายลูบหัวเธออย่างช้าๆเพื่อปลอบใจ เขารับรู้ได้ถึงความร้อนตรงหัวไหล่ที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา ยิ่งทำให้เขอยากปกป้องผู้หญิงคนนี้มากๆ
“ฉันก็มีบางอย่างที่ฉันไม่มีเหมือนกัน”
ความคิดเห็น