ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กลรักอสุรา | {TITAN SET}

    ลำดับตอนที่ #11 : กลรักอสุรา l บทที่๑๐ ตอน อสุราอปป้า {อัพ100%}

    • อัปเดตล่าสุด 5 ม.ค. 62


    * หากรำคาญเสียงเพลงก็ปิดได้เน้อ *




    บทที่๑๐
    ตอน อสุราอบป้า


    หากเช่นนั้น ยามนี้พี่จักขอเป็นเอ่ยถ้อยถามแม่ทับทิมบ้างได้หรือไม่ ? พอถูกเขาร้องขอแบบนั้น ฉันจึงพยักหน้าหงึกหงักแบบไม่ต้องคิด ซึ่งการตอบรับกลับไปเช่นนั้นมันก็ทำให้รอยยิ้มเปื้อนหน้าท่านอสุราขยับกว้างขึ้นมากเข้าไปใหญ่ 

    ฟึ่บ!

    แต่แล้วไม่นานคนที่ต้องร้องอุทานด้วยความตกใจหลังจากนั้น กลับกลายเป็นฉันเสียเอง เมื่อจู่ๆ ท่านอสุราขยับกาย โน้มลำตัวลงมาหา พลางใช้สองมือฉุดฉันให้ขยับลุกขึ้นจากนั่งพับเพียบบนพื้นบ้านแบบไม่ทันให้เตรียมตัว

    อ๊ะ…” ครั้นจะต่อต้านเรี่ยวแรงที่อีกฝ่ายใช้ ก็ดูจะไม่ประสบผลเท่าไหร่นัก 

    เพราะลำพังแค่เรี่ยวแรงที่มีนั้น ไม่สามารถเทียบเคียงเรี่ยวแรงมหาศาลในแบบที่ท่านอสุรามีได้แม้แต่นิด นั่นเลยทำให้ร่างทั้งร่างโอนเอนไปตามแรงฉุดกระชากที่คนตัวใหญ่มอบให้อย่างสิ้นการขืนขัด

    กึก...

    ถึงสถานการณ์จะลงเอ่ยแบบนั้น แต่ก็ใช่ว่าท่านอสุราจะทำเรื่องไม่ดีกับฉันเสียเมื่อไหร่ เพราะสิ่งที่เขาต้องการมีเพียงการฉุดดึงตัวฉันให้ลุกขึ้นจากพื้นมานั่งเคียงคู่เสมอตนบนโซฟาตัวเดียวกันแต่เพียงเท่านั้น

    และเมื่อเขาทำทุกอย่างได้จนสมใจ ยักษ์หนุ่มจึงเอ่ยขึ้น

    นับแต่นี้ไป แม่ทับทิมหาได้ต้องเกรงอกเกรงใจ แบ่งชนชั้นวรรณะต่อพี่เฉกเช่นผู้อื่นไม่…” ไม่ใช่แค่บอกแต่เพียงเท่านั้น แต่เขายังฉวยโอกาสคว้ามือฉันไปกุมไว้บนตักตนเอง ทั้งที่ปากยังขยับพูด พี่เป็นของแม่ทับทิม และจักเป็นเช่นนี้สืบต่อไปจนกว่าชีวาพี่นี้จักวอดวาย...

    ทั้งที่คำพูดดังกล่าวค่อนไปทางจริงจัง หากแต่นั่นกลับทำให้คนที่ได้ฟังเผลอหลุดหัวเราะขึ้นอย่างสุดจะกลั้น 

    อีกสิ่งซึ่งให้ความรู้สึกต่างจากเวลาอ่านหนังสือ เห็นทีคงเป็นเรื่องของความรู้สึกที่ได้รับหลังจากการได้ยิน ยกตัวอย่างเช่น เวลาได้อ่านบทที่ท่านอสุราพูดอะไรทำนองนี้ใส่คนรัก ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทุกครั้ง ฉันจะรู้สึกฟิน จิ้นกระจาย นอนเกลือกนอนกลิ้งเพราะความเขินอยู่บนเตียงนอนของตัวเอง

    ด้วยเพราะสำเนียงและวิธีการพูดของเขามันผิดจากยุคสมัยปัจจุบัน และฉันเองก็ชินกับวิถีชีวิตปัจจุบันด้วยล่ะมั้ง พอต้องมาได้ยินคำพูดบอกความรู้สึกเหล่านั้นจากปากเขาด้วยหูตัวเอง ฉันถึงรู้สึกว่าคำพูดสื่อความรู้สึกแบบโบร่ำโบราณของเขามันแปลกมากกว่าที่จะชวนให้รู้สึกเขิน

    และหากว่าการชักมือออกหลังจากท่านอสุราพูดจบ คือการดับฝันอีกฝ่ายซึ่งไม่ได้ตรงหรือเหมือนเนื้อหาที่เคยเขียนบอกเล่าไว้ หลังเขาเรื่องพรรค์นี้ทำใส่แม่หญิงนิมมานรดีแล้วล่ะก็ เชื่อเถอะว่านั่นคือสิ่งแรกที่ฉันทำพร้อมกันนั้นก็ไม่ลืมบอกความรู้สึกของตัวเองให้เขาได้รับรู้ไปด้วย

    “คิกๆ เสี่ยวอ่ะท่าน…”

    พูดจบ ผู้ฟังก็ถึงกับทำหน้าฉงนให้ได้เห็น เขาหรี่ตามองหน้าฉันคล้ายกับพิจาณาอะไรบางอย่าง จากนั้นจึงคายความสงสัยของตนให้ได้รู้ในที่สุด

     เสี่ยวงั้นรึ แม่ทัมทิมหมายถึงสิ่งใด...เหตุใดจึงหัวร่อพี่เช่นนี้เล่า ?

    เจ้าค่ะ เสี่ยว…” ฉันย้ำ โดยหนนี้ก็ไม่ลืมที่จะอธิบาย เสี่ยว ก็หมายถึงแบบเชยหรือไม่เข้าท่า ไม่เข้าตา อะไรทำนองนี้น่ะเจ้าค่ะ ฟังแล้วฉันก็เลยรู้สึกตลก

    พี่กระทำสิ่งใดผิดแผกจนน่าขบขันถึงเพียงนั้นเชียวรึ เหตุใดแม่ทับทิมจึงกล่าวว่าเช่นนี้ ?สังเกตได้ว่า ตลอดเวลาที่ท่านอสุราถามนั้น สีหน้าเขาฉาบไว้ด้วยความกังวลระคนความสงสัยอยู่ตลอดเวลา พอเห็นแล้วมันก็อดไม่ได้ที่จะพูดอะไรสักอย่างเพื่อบอกกล่าวให้เขาเข้าใจ

    สำหรับที่ที่ท่านอยู่ มันก็ไม่แปลกหรอกเจ้าค่ะ แต่สำหรับที่นี่มันก็แปลกอยู่บ้าง…”  แม้ว่าน้ำเสียงยังระคนด้วยเสียงขบขันก็ตามที

    “…” คนฟังไม่ได้พูดอะไร เขาทำเพียงแค่นั่งนิ่ง คล้ายกับให้ความสนใจการบอกกล่าวจากปากฉันยิ่งกว่าอะไร ด้วยความที่เป็นเช่นนั้น ฉันจึงอาศัยโอกาสในช่วงเวลาดังกล่าว ลุกออกจากโซฟา จากนั้นก็รีบ กางแขนออกแล้วหมุนรอบตัวเองต่อหน้าช้าๆ ทั้งที่ปากยังคงขยับ

    ท่านเห็นเครื่องแต่งกายของฉันใช่ไหมเจ้าคะ ที่เมืองมนุษย์เรานิยมแต่งตัวกันแบบสบายๆ ในขณะที่ที่ท่านจากมาบนเครื่องทรงและอาภรณ์ล้วนเต็มด้วยเครื่องประดับ…” ครู่หนึ่งที่ผู้ฟังหลุบมองร้อยสังวาลประดับกายตนเองตามเสียงบอกกล่าว และเพ่งพินิจพิจารณาอยู่ช่วงสั้นๆ ก่อนหันเหสายตากลับมายังฉันเป็นหนที่สอง โดยไม่ลดความสงสัยบนหน้าลงเลยแม้แต่น้อย เห็นแบบนั้นฉันเลยต้องอธิบายเพิ่ม ส่วนอีกเรื่องก็คงเป็นพวกคำพูดสำหรับใช้สื่อสารกัน…”

    เหมือนเคย พอฉันเริ่มส่งเสียง ท่านอสุราเริ่มแสดงมารยาทอันดีของตนด้วยการนั่งฟัง เพียงแค่เห็นแววตา ก็รับรู้ได้แล้วว่าเขากำลังตั้งใจมากแค่ไหน

    ที่เมืองมนุษย์ ผู้คนไม่ค่อยใช้คำพูดซึ่งฟังดูเป็นพิธีเหมือนท่านมากนัก เพราะยุคสมัยนี้ทุกอย่างเต็มไปด้วยความเร่งรีบ ผู้คนส่วนใหญ่จึงใช้คำพูดที่สั้น ห้วนในการสื่อสารกันให้เข้าใจง่ายมากกว่า นอกจากนั้นแล้วยังมีกลุ่มคำใหม่ๆ ที่ถูกคิดขึ้นเพื่อนใช้เฉพาะเจาะจงแต่ละช่วงโอกาสด้วย

    “…”

    เพราะงั้น ท่านไม่ต้องเป็นกังวลนะเจ้าคะ มันไม่ได้ประหลาดขนาดนั้นหรอกเจ้าค่ะ ถึงมันจะฟังดูตลกไปบ้างก็เถอะ...” 

    ตั้งแต่ตอนเริ่มต้นแซว ฉันก็ไม่คิดหรอกว่าหลังจากนั้นจะต้องมายืนอธิบายอะไรยืดยาวให้สิ่งเร้นลับเช่นเขาฟังถึงขนาดนี้ แต่พอได้เห็นสีหน้าของท่านอสุราพอทุเลาความเป็นกังวลลงได้บ้างหลังพูดจบ ลึกๆมันอดรู้สึกดีใจกับทีท่าที่เปลี่ยนไปของเขาไม่ได้

    อีกอย่างการได้พูดคุยกับเขาอย่างเป็นกันเองในลักษณะนี้ มันก็ไม่ใช่เรื่องแย่ตรงไหน ดีเสียอีก ที่อย่างน้อยการได้พูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดให้แก่กันและกัน มันจะทำให้ฉันรู้สึกคุ้นเคยกับเขามากขึ้น จนไม่รู้สึกว่าการมีท่านอสุราอยู่ใกล้เป็นเรื่องน่าหวั่นวิตกหรือเรื่องน่าหวาดกลัว

    ทว่า ไม่นาน ความสนอกสนใจที่เคยมีให้แก่ท่านอสุราก็ถูกขัดคั่นลง ด้วยเสียงทำนองเพลงจากซีรีย์เรื่องโปรดดังแทรกขึ้นจนให้บทสนทนาระหว่างเราขาดช่วงลง สายตาเหมือนถูกเสียงจากจอแก้วดึงดูดให้เหลียวมองได้แทบจะในวินาทีนั้น

    (เลขาซูมิน! คุณอย่าให้ผมต้องใช้กำลังนะ นี่ผมกำลังจีบคุณอยู่!) ภาพที่กำลังปรากฏบนจอโทรทัศน์กำลังปรากฏของดาราหนุ่มเกาหลีที่สาวๆ ชื่นชอบในบทบาทของพระเอก เดินจ้ำเท้าตรงเข้าไปหานางเอกซึ่งกำลังยืนท่าเก้ๆ กังๆ อยู่ภายในห้องทำงานด้วยสีหน้าขึงขังดุดัน

    (คุณพูดบ้าอะไรของน่ะคุณแทโฮ อย่าเข้ามาใกล้ฉันนะ!) ด้วยเพราะฉันลุ้นซีรีย์เรื่องนี้มาตั้งแต่เริ่มเรื่อง แม้ภาพฉายที่ปรากฏ จะเป็นภาพย้อนความเดิมของอาทิตย์ที่แล้วก็ตาม แต่พอสมาธิเริ่มจับจ้องกับการแสดงของคู่พระนางในจอแก้ว มันก็เผลอลุ้นตามเนื้อหาและบทบาทของคนทั้งคู่ไปเสียทุกครั้งไม่ได้

    ไม่ว่าจะฉากที่นางเอกปฏิเสธความรู้สึกพระเอกที่มักชอบแสดงนิสัยแข็งกร้าวของตัวเอง หรือแม้กระทั่งตอนนี้ ตอนที่เธอกำลังเดินชนไหล่พระเอกเพื่อหลบเลี่ยงที่จะปะทะหน้า

    (ฟึ่บ! ไม่มีผู้หญิงคนในปฏิเสธผมได้หรอก คุณก็รู้) โดยเฉพาะกับตอนที่พระเอกเลือกที่จะหยุดนางเอกไว้ด้วยการคว้าแขนและกล่าวขึ้นแบบไม่มองหน้า (ผมไม่สนว่าคุณจะรักผมไหม แต่ตอนนี้ผมชอบคุณ)

     (อะ! คุณจะทำอะไรน่ะ!) ร่างกายเผลอเกร็งตามบทบาทของตัวละครหญิงอย่างไม่อาจห้ามได้ เมื่อพระเอกหนุ่มใช้เรี่ยวแรงตามบทบาท ผลักเธอจนแผ่นหลังแนบชิดกับบานประตูห้องทำงาน ที่ทำให้ตื่นเต้นและลุ้นจนตัวโก่งอย่างสุดๆ เห็นที่คงจะเป็นตอนที่กล้องโคลสอัพไปที่ใบหน้าของพระนางสลับไปมา ขณะที่ฝ่ายชายเป็นฝ่ายโน้มใบหน้าลงมาใกล้โดยหมายจะจูบเธอนั่นยังไง

    (ผมต้องการให้คุณเป็นของผมตั้งแต่ตอนนี้เป็นของผมคนเดียวได้ไหม คุณเลขาซูมิน) สุดท้ายฉันก็ห้ามความฟินของตัวเองไม่อยู่ จำต้องระบายออกมาผ่านการเหวี่ยงไม้เหวี่ยงมือเพื่อระบายความฟินที่มี ให้ละลงบ้าง 

    กว่าจะรู้ตัวว่า เวลานี้ไม่ได้มีเพียงฉันอยู่ตรงหน้าทีวีภายในห้องรับรองเพียงลำพัง คงเป็นตอนที่มือไม้ซึ่งพยายามสะบัดไล่ความเขินเพราะฉากในจอแก้ว ถูกมือของใครอีกคนคว้าเอาไว้นั่นหล่ะ

    หมับ!

    อะ…” ด้วยความตกใจ สายตาที่เคยให้ความสนใจกับภาพฉายซ้ำบนจอแก้ว จึงมีอันต้องรีบตวัดมองไปเจ้าของสัมผัสดังกล่าวทันทีอย่างไม่ต้องคิด ก่อนพบเข้ากับนัยน์ตาคมคุ้นเคยที่อีกฝ่ายใช้มอง แววตาของท่านอสุราในหนนี้ดูแปลกไป ไร้ซึ่งความเป็นกังวลอย่างที่เคยแสดงให้เห็นในตอนแรก

    แต่ก่อนจะทันได้ถามหาความใดจากการกระทำที่ได้รับ มันก็เป็นฉันเสียเองที่ต้องสะดุ้ง เมื่อยักษ์ซึ่งเคยนั่งชันขาข้างเดียวอยู่บนโซฟา ขยับตัวลุกขึ้นจากโซฟา ขยับย่นระห่างระหว่างเราให้หดสั้นลงทั้งที่ยังจับข้อมือฉันไว้เช่นนั้น 

    ซึ่งการกระทำดังกล่าว มาพร้อมคำพูดสำเนียงที่ผิดแปลกไป จนสามารถแช่แข็งผู้ที่ได้ยินให้หยุดชะงักนิ่งไปชั่วขณะ

    ไม่มีผู้หญิงคนไหนปฏิเสธผมได้หรอก คุณก็รู้…”

    ไม่ใช่แค่พูด เพราะทันทีที่ท่านอสุราพาตัวเองเคลื่อนกายมาหยุดตรงหน้า เขายังฉวยโอกาสในช่วงเวลานั้น เคลื่อนฝ่ามืออุ่นแตะลงบนผิวแก้มอย่างระมัดระวัง ทั้งที่ปากยังคงขยับ

    ผมไม่สนว่าคุณจะรักผมไหม แต่ตอนนี้ผมชอบคุณ…”

    ที่บ้าก็คือ คำพูดที่ลอดออกจากปากท่านอสุราครั้งนี้ ยังเป็นการถอดแบบจากซีรีย์เมื่อครู่ได้อย่างไม่มีผิดเพี้ยนอีกด้วย ทั้งที่รู้อยู่เต็มอก ว่าทั้งหมดที่ได้ยินนั้นเป็นเพียงการพูดเลียนแบบบทละครจากซีรีย์เรื่องโปรด หากแต่ความรู้สึกกลับไม่ยอมหยุดนิ่งลงง่ายๆ

    ผมต้องการให้คุณเป็นของผมตั้งแต่ตอนนี้…” ซ้ำยังทวีคูณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องยามที่ต้องได้ยินคำพูดเหล่านั้นดังลอดผ่านปากยักษ์หนุ่มตรงหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในตอนที่เขาค่อยๆ โน้มใบหน้าลงมาใกล้ โดยเว้นระยะห่างระหว่างเราไว้เพียงลมหายใจ ขณะบดริมฝีปากเอ่ยคำร้องขอในช่วงสุดท้าย เป็นของผมคนเดียวได้ไหม…”

    การกระทำดังกล่าว ทำให้ลมหายใจที่เคยเป็นปกติ ผิดแปลกไปจากที่ควร ยิ่งได้เห็นแววตาปราศจากทีเล่นทีจริงของผู้ชายตรงหน้ากำลังมองลึกเข้ามาด้วยแล้ว ทั่วหน้าก็ยิ่งร้อนขึ้นราวกับกำลังจับไข้

    อาจเพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา ฉันไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ชายในลักษณะนี้บ่อยนัก ร่างกายจึงเผลอตอบสนองการกระทำทั้งหมดที่ได้รับด้วยการสะบัดมือจากการจับกุมให้หลุดออก ซ้ำยังพลั้งมือผลักอกกว้างของอีกฝ่ายให้ถอยห่างอย่างเต็มแรง ก่อนที่ความเขินอายทั้งหมดที่มีจะผลักดันให้เท้าสองข้างรีบจ้ำเดินไว พาตนเองหลบหนีจากนัยน์ตาคู่เดิม

    แม้ว่าในช่วงเวลานั้น หูจะได้ยินเสียงเรียกของท่านอสุราดังไล่หลังมาก็ตาม

    แม่ทับทิม !”

    ตึก! ตึก! ตึก!

    ถึงจะบอกว่าหนีก็เถอะ แต่ฉันก็ใช่จะไปไหนไกลๆ เสียที่ไหน เมื่อสถานที่ที่เท้าสองข้างเร่งจ้ำเดินหลบมานั้น คือโถงทางเดินมุ่งสู่ทางเข้าห้องครัวซึ่งอยู่ถัดจากห้องรับรองเท่านั้น ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อควบคุมให้ความรู้สึกของตัวเองให้สงบลงมากกว่านี้หน่อยก็เท่านั้น

    ทั้งที่ต้องการเพียงแค่นั้น แต่ว่า หัวใจกลับยังคงเต้นแรงไม่หยุด เช่นเดียวกับใบหน้าซึ่งยังคงร้อนผ่าว โดยเฉพาะกับสัมผัสข้างแก้มที่ท่านอสุรามอบให้ จนถึงต้องนี้มันยังไม่ยอมคลายลงตามอย่างที่ใจคิดเลยแม้แต่นิด

    ตึกตึก

    กึก!

    เช่นเดียวกับการหลบหนี ซึ่งไม่อาจเกิดขึ้นได้นานตามอย่างที่ต้องการ เมื่อบริเวณพื้นทางเดินเข้าห้องครัวที่เคยว่างเปล่านั้น บัดนี้ได้ปรากฏร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มในชุดทรงยักษ์สีสะอาดตา กำลังยืนขวางอยู่เบื้องหน้าโดยทิ้งระยะห่างออกไปนิดหน่อย การที่เป็นแบบนั้น มันเลยทำให้ฉันตระหนักได้ว่า การหลบหนีสิ่งเหนือธรรมชาตินั้น ไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่

    มิหนำซ้ำ มันก็เป็นเขาเสียเองที่ชิงเอ่ยถาม

    ไฉนแม่ทับทิมจึงหนีหน้าพี่มาเช่นนี้เล่า ?ไม่รู้ว่าฉันตอบช้า หรือความเป็นกังวลในตัวเขามันมีมากเกินไป ท่านอสุราถึงได้เอ่ยขึ้นอีก แบบไม่ได้รอให้ฉันได้ตอบโต้ หรือเมื่อครู่ พี่กระทำสิ่งใดพลาดผิดไปงั้นรึ แม่ทับทิมจึงหาได้รอพี่เอ่ยถ้อยให้จบความก่อนไม่…”

    ตามตำนานกล่าวไว้ว่า ท่านอสุราเป็นยักษ์ผู้น้องที่มีนิสัยตรงไปตรงมา ซื่อสัตย์ และซื่อตรงกับความรู้สึกของตนเอง แต่ฉันก็ไม่คิดหรอก ว่าเขาจะซื่อบื่อถึงขั้นมองไม่อารมณ์คู่สนทนาไม่ออกแบบนี้ !

    มะ ไม่มีอะไรผิดหรอกเจ้าค่ะแม้ลึกๆ ยังคงรู้สึก ถึงอย่างนั้น ฉันก็ยังตอบเขาอยู่ดี โดยพยายามควบคุมเสียงให้ฟังดูเป็นปกติมากที่สุด เพราะหากเข้าใจคำพูดเขาไม่ผิด ดูท่าว่าสิ่งที่ท่านอสุราจงใจทำใส่กันเมื่อครู่นั้น เป็นผลมาจากที่ฉันอธิบายให้เขาฟังยาวยืดก่อนหน้านั้นนั่นหล่ะ ฉะ ฉันแค่ไม่ชินกับการถูกปฏิบัติใส่แบบนี้เท่านั้นเอง

    โชคดี ที่หนนี้ท่านอสุราดูจะเข้าอะไรได้โดยง่าย สีหน้าเป็นกังวลในคราวแรกจึงค่อยๆ เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเปื้อนหน้าอย่างคนหมดความกังวล ซ้ำยังต่อว่า

    พึลึกนัก ! ก่อนหน้าแม่ทับทิมเป็นผู้บอกกล่าวเองมิใช่หรอกรึ ว่าปุถุชนในเมืองมนุษย์ นิยมชมชอบถ้อยคำเช่นบุรุษและสตรีในกรอบแก้ว แล้วเหตุใดยามนี้ แม่ทับทิมถึงได้กล่าวว่า มิคุ้นชิน

    พอฟังมาถึงตรงนี้ ฉันก็ยิ่งแน่ใจเข้าไปใหญ่ ว่าเหตุการณ์เมื่อครู่ เกิดจากการที่อสุราจดจำและทำตามคำพูดที่ได้รับฟังทั้งสิ้น เมื่อถูกย้อนมันก็อดนึกโกรธตัวเองไม่ได้

    เจ้าค่ะ! ฉันเป็นคนพูดเอง ใครจะคิดล่ะเจ้าคะ ว่าท่านจะเรียนรู้ได้ไวขนาดนี้ยอมรับว่ามีนิดหนึ่งที่ฉันเผลอแขวะเขาผ่านคำพูด แต่ก็แค่นั้นแหละ สุดท้ายก็โทษใครไม่ได้นอกจากตัวเองที่ดันไปอธิบายเรื่องการพูดให้เขาฟังแบบนั้นเอง ฉันไม่ชกท่านให้สักป๊าบแทนของรางวัลก็ดีเท่าไหร่แล้ว

    ชกรึ ?อีกหนที่เขาถาม หากแต่คราวนี้น้ำเสียงของท่านอสุราดันแฝงไว้ด้วยเสียงหัวเราะ

    ชะ ใช่เจ้าค่ะ มีอย่างที่ไหนคิดจะทำก็ทำ คราวหน้าคราวหลังก็หัดบอกกันก่อนสิเจ้าคะ ฉันจะได้ตั้งตัวทัน!” และหากไม่ได้คิดไปเอง ดูเหมือนว่ายิ่งฉันพยายามพูดกลบเกลื่อนความรู้สึกของตัวเองมากเท่าไหร่ ยักษ์หนุ่มตรงหน้าก็ยิ่งหัวเราะในลำคอคล้ายกับชอบอกชอบใจดังมากขึ้นเท่านั้น

    แม่ทับทิมจักประมือพี่ทันรึ หากพี่กระทำทันด่วนโดยมิบอกกล่าว…” ซ้ำยังยอกย้อนด้วยน้ำเสียงติดหัวเราะ

    ทันสิเจ้าคะ! ท่านอย่าดูถูกนังทับทิมคนนี้สิเจ้าคะอะแต่ครั้นเมื่อถึงคราวที่ฉันยอกย้อนกลับบ้าง ท่านอสุรากลับเลือกที่จะหยุดทุกเสียงของฉัน ด้วยการหายตัวไปจากสายตาแล้วปรากฏกายอีกครั้งตรงหน้าในระยะประชิด

    หากแต่พลังเหนือธรรมชาติที่เขามีนั้น ไม่ใช่สาเหตุที่ทำเอาทุกเสียงที่เคยมีเงียบหรอกนะ แต่ว่าเป็นฝ่ายมืออุ่นที่กำลังแตะอยู่บนแก้มแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวของท่านอสุราเสียมากกว่า โดยเฉพาะกับคำพูดรู้ทันซึ่งขัดจากภาพลักษณ์แสนซื่อที่เขามี

    เหตุใดแม่ทับทิมจึงกล่าวมั่นอกมั่นใจเช่นนั้น ในเมื่อยามนี้นั้นไซร้ แก้มขาวนวลยังแดงก่ำครั้นเมื่อต้องมือพี่เช่นนี้

    และนี่คงเป็นอีกครั้งที่คำพูดของเขา ทำให้คนฟังพูดอะไรไม่ออก พร้อมเพรียงกับอาการเขินในตัวที่เริ่มพุ่งขึ้นสูงจนปรอทแตก

    โอเค! ฉันถอนคำพูดก็ได้ ว่าคำพูดโบร่ำโบราณของท่านอสุราฟังแล้วมันรู้สึกตลก เชื่อแล้วก็ได้ว่าคำพูดของท่านสามารถทำให้แม่นิมมานรดีเขินได้แบบนี้จริงๆ !

    Rrrrrrr

    ฟึ่บ!

    อาจเพราะโชคของยังมีอยู่ ในช่วงเวลาที่เริ่มทำตัวไม่ถูกเพราะคำพูดรู้ทันบ้าๆ นั่น เสียงโทรศัพท์มือถือถึงได้ดังขึ้น จนสามารถฉกฉวยเสียงที่ได้ยินมาใช้สำหรับเป็นช่องทางสำหรับหลบหนี และเมื่อโอกาสมาหาถึงที่ ฉันจึงไม่รอช้ารีบปัดมือท่านอสุราออกอย่างรีบร้อน พร้อมกันนั้นก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นแล้วกดรับทันที

    สวัสดีค่ะ ทับทิมพูดค่ะแน่นอนว่า ระหว่างกรอกเสียงผ่านสาย ฉันก็ไม่ลืมที่จะก้าวเท้าพาตัวเองเดินหลบจากเขาไปอีกทางด้วย

    [ฮัลโหลสวัสดีค่ะ ดิฉันโทรจากร้าน พีพีมุกชา ที่คุณกรอกใบสมัครงานไว้นะคะ…] และดูเหมือนว่าปลายสายที่โทรเข้ามานั้น จะเป็นงานของที่ใดที่หนึ่งซึ่งฉันยื่นใบสมัครไว้ทางเน็ตอีกด้วย

    ค่ะ! รับฉันเข้าทำงานแล้วหรือคะ?แม้ว่าสายงานที่โทรเข้ามานั้นจะไม่ได้ตรงกับงานชั่วคราวที่ทำหรือความชอบ แต่เพราะขึ้นว่าเป็นงานที่ทำแล้วได้เงิน ฉันจึงรีบถามปลายสายกลับด้วยความตื่นเต้นทันที

    [ค่ะ แต่ว่าทางเราตอนนี้พนักงานร้านเต็มทุกสาขาเลยค่ะคุณทับทิม ดิฉันเลยจะโทรมาถามว่าหากเป็นงานพิเศษแบบชั่วคราว ทางคุณทับทิมยังสนใจจะร่วมงานกับเราหรือเปล่า ?]

    งานพิเศษชั่วคราวอีกแล้วเหรอ

    แล้วฉันต้องทำอะไรบ้างคะ งานชั่วคราวที่ว่าเนี่ย ?

    [แจกใบปลิวและใบส่วนลดของท่านร้านค่ะ โดยเราจะให้ค่าแรง 55 บาทต่อชั่วโมง เริ่มต้นตั้งแต่ 8 โมงเช้าสำหรับรับใบปลิวจากสาขาที่ใกล้ที่สุด โดยทางร้านจะปิดตอนเที่ยงคืนของทุกวันค่ะ ไม่ทราบว่าคุณทับทิมสนใจหรือเปล่าคะ ?]

    ค่าแรงสี่สิบห้าบาทงั้นเหรอ

    สี่สิบห้าบาท ถ้าฉันทำสิบหกชั่วโมง ก็ได้เกือบพันต่อวันแหนะ!

    ก็แค่แจกใบปลิวเอง มันก็ไม่ได้ยากอะไรสักหน่อย แต่ว่าไหนจะงานในกองถ่ายอีก เอายังไงดีล่ะ ?

    [คุณทับทิมคะ…] ไม่รู้เพราะฉันเงียบไปหรือเปล่า ปลายสายจึงส่งเสียงขึ้นอีกครั้งราวกับเป็นการยื่นทางเลือก [หากคุณสะดวกหรือสนใจจะทำเมื่อไหร่ สามารถเดินทางไปรับใบปลิวที่สาขาที่ใกล้ที่สุดได้ทุกเวลานะคะ เพียงแค่บอกกับทางผู้ดูแลร้านว่า นกเป็นคนรับเข้าก็พอค่ะ]

    อะ อ้อค่ะ! ได้ค่ะ ขอบคุณมากๆ เลยนะคะพูดจบ เสียงสดใสของพนักงานร้านชาก็ถูกตัดไป ก่อนเปลี่ยนบรรยากาศสดใสซึ่งเคยเต็มไปด้วยความรู้สึกเคอะเขินในตอนแรกให้กลายเป็นความตึงเครียด

    ไม่รู้ตั้งแต่ตอนไหน ที่ฉันต้องแบกรับความเครียดเรื่องเงินทองเหล่านี้ไว้เพียงลำพัง หากนับย้อนไปในวัยเด็ก ครอบครัวฉันจัดว่าเป็นคนมีฐานะอยู่พอสมควร

    พ่อของฉันนั้นท่านเป็นเจ้าของโรงสีข้าว ขณะที่แม่เป็นลูกสาวกำนันหมู่บ้านซึ่งมีโรงสีข้าวเหมือนกันและมีไร่ที่นาเป็นของตัวเอง เพราะเกิดมาในครอบครัวที่เพียบพร้อมแทบทุกอย่าง พ่อกับแม่จึงไม่ต้องการให้ลูกสาวเพียงคนเดียวของตนเองน้อยหน้าใคร พวกท่านใช้เงินที่หามาได้ซื้อบ้านหลังใหญ่ในกรุงเทพฯ แล้วอพยพกันมาใช้ชีวิตในเมืองหลวง โดยส่งเสียให้ฉันได้ร่ำเรียนในโรงเรียนแพงๆ และดี

    แต่แล้ววันหนึ่ง โรงสีข้าวของพ่อกับแม่ กลับถูกลอบวางเพลิงจากคนใน ทำให้ข้าวที่เตรียมส่งขายเสียหายวอดวายไปเกือบหมด จากเหตุการณ์ในครั้งนั้น ทำให้ทั้งพ่อและต้องพากันกลับต่างจังหวัดเพื่อจัดการทรัพย์สินที่เสียหาย แต่ยิ่งแก้ทุกอย่างยิ่งยุ่งยาก เมื่อกิจการที่เคยทำมาค้าขายและทำเงินให้กลับครอบครัวนั้นไม่อาจกลับคืนย้อนมาได้ดั่งเก่า มิหนำซ้ำยังต้องกลายมาเป็นหนี้เพราะสินค้าที่รับไว้เสียหายไปจนหมด

    จากที่เคยเป็นเถ้าแก่คอยออกคำสั่ง ทำให้ทั้งพ่อและแม่ต้องพลิกบทบาทกลับกลายเป็นลูกจ้างถึงอย่างนั้น พวกท่านก็พยายามหาเงินเพื่อใช้หนี้ของตัวเองจนหมด โดยยังเหลือบ้านหลังหลังนี้เอาไว้ราวกับต้องการมอบมันเป้นของขวัญให้แก่ลูกสาว เพราะรับรู้สถานการณ์ทางบ้านของตัวเองเป็นอย่างดี ฉันจึงเริ่มหัดทำงานและหางานพิเศษทำนับตั้งแต่เกิดปัญหาครั้งนั้นเกิดขึ้น

    หากจำไม่ผิดก็คงช่วงที่ฉันเพิ่งเข้ามหาวิทยาลัยล่ะมั้ง

    และตั้งแต่ที่เริ่มทำงานหาเงินเอง พ่อกับแม่จึงไม่ได้ส่งเงินมาให้อีกเลย ไม่ใช่เพราะพวกท่านไม่มีน้ำใจกับลูกหรอกนะ แต่ฉันคือฝ่ายที่ปฏิเสธที่จะรับไว้ต่างหาก

    ด้วยเพราะแบบนั้น ฉันจึงกลายเป็นคนบ้างานเหมือนอย่างที่เคยถูกเพื่อนว่า ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพราะไม่ว่าจะค่าน้ำ ค่าไฟ หรือค่าเล่าเรียน ทั้งหมดนั่นล้วนแล้วแต่ต้องหาด้วยตัวเองทั้ง หากเอาแต่เที่ยวสนุกไปวันๆ ชีวิตที่แย่อยู่แล้ว คงต้องแย่ลงเข้าไปใหญ่

    ดังนั้นฉันจึงเป็นคนไม่ค่อยเลือกมากนัก ขอแค่สุจริต ไม่ว่าจะงานอะไร หากทำแล้วได้เงิน ฉันถือว่านั่นคือโอกาสดีๆ ที่ควรคว้าไว้ทั้งหมด

     

    คืนนั้นฉันส่งข้อความไปหาคุณกรองขวัญ ถามเรื่องงานในกองถ่าย ก่อนได้คำตอบกลับมาว่าพี่ช้างผู้กำกับของพักกองต่อไปอีกหนึ่งอาทิตย์ เพื่อรอให้เมรีหายดีจนสามารถกลับมาทำงานได้ ถึงจะเริ่มถ่ายทำกันใหม่

    ถึงอย่างนั้นตลอดเวลาที่คุยกับคุณกรองขวัญ ฉันก็ยังเห็นนะ เห็นข้อความของใครอีกคนซึ่งถูกส่งเข้ามาหลายฉบับ ซึ่งฉันก็ไม่ได้เปิดอ่านข้อความเหล่านั้นของเขา แต่เลือกที่จะปิดเครื่องและเข้านอนเพื่อรอเช้าวันใหม่ของการทำงานเวียนมาถึงมากกว่า

    แต่ก็ใช่ว่า ฉันจะหลับลงหลังจากปิดเครื่องมือสื่อสารได้เลยเสียที่ไหน เพราะทันทีที่หลับตาลง สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นกลับกลายเป็นเสียงฝีเท้าของใครอีกคนซึ่งดังแทรกความเงียบให้ได้ยิน จนบ่อยครั้งก็เผลอลืมตามองฝ่าความมืดเพื่อค้นหาต้นเสียง ที่น่าขนลุกก็คือ สิ่งที่เจอหลังพยายามกวาดตามองหามีเพียงความว่างเปล่ายังไงล่ะ

    เฮ้อ! จะมีใครโชคร้ายได้เท่าฉันอีกไหมนะ 

    ทางบ้านก็ล่มละลาย แถมยังต้องมาอยู่อาศัยกับสิ่งที่มองไม่เห็นอีก!

    ถึงแม้ว่าตลอดเวลาที่พยายามข่มตาให้หลับ จะมีเสียงเดินของท่านอสุราดังให้ได้ยินตลอดเวลาจนรู้สึกขนหัวลุกก็ตาม แต่ว่าความอ่อนแรงจากการทำงานของวันนี้ มันก็มีมากกว่าความกลัวเป็นไหน จนท้ายที่สุดแล้ว ฉันก็ดำดิ่งเข้าสู่ห้วงนิทราได้ในที่สุด

    แต่ว่า

    ไม่รู้เพราะฉันเก็บสิ่งที่ได้พบเจอช่วงหลังมานี้ไปคิดมากหรือเปล่า การนอนในครั้งนี้ จึงเกิดเป็นภาพฝัน ซ้ำยังเป็นฝันที่แปลกมากเท่าที่เคยรู้สึกมา

    ในฝัน ฉันเห็นภาพงานเฉลิมฉลองและขบวนแห่ของเหล่านางฟ้านางสวรรค์หลายสิบตน ขณะร่ายรำเดินชักเท้าด้วยทีท่าอ่อนช้อยตามจังหวะเสียงฉิ่ง มุ่งตรงมาตามเส้นทางหินซึ่งถูกปูด้วยกลีบของดอกเกสรสวรรค์ ผ่านสวนสวยในแบบที่ฉันเคยเห็นมาแล้วครั้งหนึ่งในภาพนิมิต 

    โดยที่ตรงนั้น มีฉันกำลังร่ายรำอยู่ที่หน้าขบวนแห่ด้วยสถานะของหนึ่งในนางสวรรค์...

    Talk1 ถ้าท่านจะเลียนแบบคำพูดจากซีรีย์ได้เป๊ะขนาดนี้ 5555555

    Talk2 ยอกย้อนเก่งนะท่านเนี่ย น่าโดนทับทิมชกสักที 55555

    Talk3 เอ๊ะ ยังไงกันน้าาาาา

    _____________________________________________________________ 

    ไม่เม้นก็ได้แต่กดให้กำลังใจเค้าด้วยน้าา จุ้บ ขอบคุณที่ติดตามนิยายเรื่องนี้นะงับ

    ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคอมเม้นและการชี้แนะดีๆในหน้านิยายน้าา

       
    คุณเชื่อเรื่อง 'ยักษ์' หรือไม่?
    อยากรู้จักยักษ์ตนไหนมากขึ้น จิ้มที่รูปด้านบนเลยจ้า

       

    ติดตามเรื่องนี้จิ้มที่หน้าท่านอสุราโลด

    รักกันชอบกันกดติดตามข้างบน
    หรือโหวตข้างล่างเต็ม100นะเออ 
    v
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×