PART XIV : May I ...
- 2nd floor sitting room -
"ได้ครับพ่อ พรุ่งนี้เจอกันนะครับ"
นิ้วเรียวกดวางสายจากคู่สนทนาก่อนสอดสมุดธนาคารเข้าแฟ้มที่ถือไว้ข้างกาย เรียวขายาวก้าวตรงไปยังร้านหนังสือเจ้าประจำที่เดี๋ยวนี้ไม่ได้แวะเวียนมาบ่อยนัก ด้วยภาระของนักศึกษาปีสามกับธุรกิจในบ้านซึ่งเล่นเอาซองอูทำงานจนล้นมือ สายตากวาดหาชั้นหนังสือที่ถูกจัดมุมใหม่เสียจนไม่คุ้นตาก่อนจะเดินตรงไปยังโซนหนังสือประวัติศาสตร์ที่โปรดปรานของเจ้าตัว
ไม่สิ หนังสือที่เขาตามหาไม่ได้อยู่ในหมวดนี้
ร่างบางหมุนตัวกลับไปยังโซนหนังสือท่องเที่ยวเมื่อนึกออก สายตาคมจดจ้องไปยังหนังสือเล่มใหญ่มุมบนขวามือซึ่งถูกจัดอยู่ในหมวดหนังสือแนะนำของเดือนนี้
ความสูง 178 เซนติเมตรไม่ได้ทำให้เขาลำบากต่อการเอื้อมไปหยิบแต่อย่างใด เว้นเสียแต่จะมีคนสูงกว่าหมายปองหนังสือเล่มนั้นเช่นกัน
"อ๊ะ ขอโทษครับ!"
ซองอูชะงักไปเล็กน้อยยามที่ฝ่ามือของคนด้านหลังเอื้อมมาสัมผัสโดนข้อมือของเขาอย่างไม่ตั้งใจ ใบหน้าคมหันไปมองเจ้าของเสียงนุ่มก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายนั้นดูคุ้นหน้าเสียเหลือเกิน
"ผมขอโทษครับพี่ซองอู ไม่คิดว่าพี่ก็จะหยิบเล่มเดียวกัน"
ใบหน้ามนคลี่ยิ้มให้จางๆก่อนเบี่ยงตัวออกมาเพื่อเว้นระยะห่างให้เพิ่มมากขึ้น ในขณะเดียวกันเจ้าของใบหน้าคมก็คลี่ยิ้มเมื่อนึกชื่อคนตรงหน้าออก
"ควานลิน... เพื่อนดาเนียลใช่ไหม"
"คิดว่าพี่จะลืมหน้าผมไปแล้วนะเนี่ย ฮ่าๆ"
คนสูงกว่าเอ่ยกลั้วหัวเราะ พลางหรี่ตามองอีกฝ่ายที่ยกยิ้มมุมปากก่อนหัวเราะออกมาเบาๆ ควานลินเอื้อมหยิบหนังสือบนชั้นออกมาสองเล่มก่อนจะยื่นให้อีกฝ่ายที่ยิ้มรับเป็นเชิงขอบคุณ
"ชอบเที่ยวเหมือนกันหรือไง"
"ครับ พ่อกับแม่ผมอยู่ต่างประเทศเลยบินบ่อย วันหยุดก็ชอบไปเที่ยวด้วยกัน"
"อ่า ดีจัง ว่าแต่....นายอยากไปนิวซีแลนด์หรอ"
เสียงนุ่มเอ่ยถามเมื่อก้มลงมองปกหน้าของหนังสืออีกเล่มในมือร่างสูง ควานลินพยักหน้าเป็นเชิงตอบกลับ
"ครับ พี่มีอะไรแนะนำผมบ้างไหม"
"เยอะแยะเลยล่ะ พี่เคยไปเรียนซัมเมอร์ตอนมัธยมอยู่บ้าง เอาไว้ถ้าเราสงสัยอะไรถามได้เพราะพี่ไปบ่อย"
ริมฝีปากหยักระบายยิ้มกว้าง มันทั้งอบอุ่นและใจดีไปในคราเดียวกัน ควานลินเองก็ไม่เชื่อเท่าไรที่ดาเนียลเคยบอกว่าพี่ชายของตนนั้นใจร้ายและปากร้ายเสียเหลือเหลือเกิน
"ถ้าอย่างงั้น... ผมขอเบอร์พี่ไว้ได้ไหมครับ เผื่อสงสัยอะไรจะได้ถามพี่ได้"
.
.
หลังจากเสร็จธุระเรียบร้อย ร่างบางก็ตรงดิ่งกลับมายังเพนท์เฮ้าส์ราวกับกลัวว่าที่อยู่อาศัยจะหายไป ประตูบานใหญ่ถูกเปิดออกยามที่เจ้าของมันมาถึง พลางใบหน้าคมก็หันไปเห็นร่างสูงของอีกคนในชุดเชิ้ตสีขาวกำลังนั่งเล่นอยู่บนโซฟา ถัดจากกองเสื้อสูทของเจ้าตัวไม่ไกลนัก
ไม่มีระเบียบเลยจริงๆ
"ดาเนียล"
ผู้เป็นพี่เอ่ยทำลายความเงียบเมื่อสาวเท้าเข้าไปใกล้ หย่อนตัวลงนั่งบนโซฟาตัวเดียวกันโดยเว้นระยะห่างไว้เล็กน้อย มองใบหน้าเรียวที่เอาแต่กดเกมโทรศัพท์จนลืมสนใจสิ่งรอบตัว พลางเอื้อมหยิบสูทตัวใหญ่มาวางพาดไว้บนโซฟาอย่างบรรจง
"มีอะไรหรือเปล่าพี่ซองอู"
"พรุ่งนี้ตอนเย็นคุณน้าจะมาทานข้าวที่บ้าน คุณพ่อบอกให้เรากลับไปด้วย"
"โอเค งั้นพรุ่งนี้เราไปพร้อมกันมั้ยจะได้เอารถไปคันเดียว"
"นายไปก่อนเลย พรุ่งนี้ฉันมีธุระช่วงเช้า"
"ไปไหนอะ"
ใบหน้าเรียวหันมาถามผู้เป็นพี่เมื่อเกมส์ที่เล่นอยู่จบลง ดวงตาเรียวรีเต็มไปด้วยความสนอกสนใจ แต่เหมือนอีกฝ่ายมองว่ามันเป็นการยุ่งวุ่นวายเสียมากกว่า
"ไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่องก็ได้มั้ง"
"ก็ตามใจ แต่ตอนนี้...."
มือหนาลูบวนหน้าท้องตัวเองเหมือนจะสื่อว่าร่างกายของเขากำลังหิว เจ้าของใบหน้าคมถอนหายใจออกมาเบาๆเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังกดดันให้เขาลุกขึ้นไปทำอาหารเย็นให้
ซึ่งเขาก็ทำนั่นแหละ
"รามยอน ....ผมอยากกินรามยอน!!"
เสียงทุ้มที่ตะโกนไล่หลังชวนให้ซองอูคิดว่าช่วงนี้เขาใจดีมากเกินจนดาเนียลเสียนิสัยหรือเปล่า แต่ก่อนจะคิดอะไรมากไปกว่านี้ ใบหน้าเรียวของคนที่เขานึกบ่นในใจกลับมาหยุดอยู่ตรงหน้าเคาท์เตอร์ มือทั้งสองเท้าคางไว้แล้วส่งยิ้มให้ผู้เป็นพี่อย่างอ่อนโยน
ยิ้มที่ซองอูมองว่ามันน่าหมั่นไส้เสียมากกว่า
"อะไรอีก"
คนโตกว่าบ่นเบาๆ แต่ในมือก็ยังคงวุ่นอยู่กับการทำอาหารให้อีกฝ่ายกิน
"ป่าวสักหน่อย แค่ยิ้มก็ผิดหรือไง"
คนโดนบ่นหัวเราะเบาๆ ก่อนเอียงใบหน้าตามซองอูที่กำลังจดจ่ออยู่กับการทำอาหาร คล้ายจะล้อเลียนที่อีกฝ่ายตำหนิ ใบหน้าคมขมวดมุ่นเมื่อร่างสูงยื่นหน้าเข้ามาใกล้
น่ารำคาญ
แต่ความคิดนั้นหายไปเมื่อฝ่ามือหนาเลื่อนเข้ามาใกล้ นิ้วทั้งหน้าสัมผัสขมับซ้ายของเขาที่เริ่มชื้นเหงื่อ พลางปาดมันออกเบาๆ ร่างบางสะดุ้งเล็กน้อยราวกับโดนวัตถุที่ร้อนหรือเย็นจัด ทั้งๆที่มันก็เป็นแค่ฝ่ามืออุ่นๆของคนตรงหน้าเท่านั้น
แล้วซองอูก็พึ่งรู้ว่าเวลาโดนวัตถุที่ร้อนหรือเย็นจัด หัวใจจะเต้นแรง
"อ อะไร"
เสียงนุ่มนั้นฟังดูตะกุกตะกักแม้พยายามควบคุมให้เป็นปกติ ทว่าคนตรงหน้าไม่แม้แต่จะสนใจคำถามเสียด้วยซ้ำ
เพราะเจ้าตัวมัวแต่มองชิ้นอาหารที่พึ่งเอาออกจากหางคิ้วของผู้เป็นพี่ไป
"ทำยังไงให้ผักมันขึ้นไปติดได้เนี่ย ฮ่าๆ"
ร่างสูงหย่อนกายลงบนเก้าอี้บาร์ตามเดิม แววตาเป็นประกายทันทีที่เขาหยิบชามรามยอนมาวางไว้ตรงหน้า
ครืดดด ครืดด
เครื่องมือสื่อสารบนเคาท์เตอร์สั่นระรัวเมื่อหน้าจอแสดงข้อความเข้า ดาเนียลหยิบขึ้นมาดูก่อนจะระบายยิ้มกว้างเมื่อกดเข้าไปอ่านข้อความนั้น
"พี่ซองอู"
"...."
"ขอโทษที แต่ผมลืมไปเลยว่าเย็นนี้นัดจีฮุนไว้"
"...."
"ผมคงต้องออกไปแล้วหละ"
ใบหน้าคมไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆ ทำเพียงแค่พยักหน้ารับในยามที่อีกฝ่ายเดินอ้อมไปหยิบสูทตัวเดิมขึ้นมาสวมใส่ ร่างบางหันกลับไปมองชามรามยอนอีกชามที่เตรียมไว้ให้ตัวเองในมื้อเย็นสลับกับอีกชามที่อยู่ตรงหน้า
คงต้องทิ้งสักชามไปโดยเปล่าประโยชน์
ฝ่ามือเรียวเล็กที่หยิบชามหวังจะเทของที่อยู่ภายในนั้นทิ้งจำต้องชะงักค้างเมื่อถูกกอบกุมไว้โดยฝ่ามือของคนตัวสูงกว่า ดาเนียลมองใบหน้าอีกฝ่ายที่ส่งสายตาให้เขาด้วยความสับสน
จริงๆก็ควรจะออกจากเพนท์เฮ้าส์เพราะนี่ก็ใกล้เวลานัดของจีฮุน แต่เพียงได้เห็นแววตาซึมๆของผู้เป็นพี่ ความรู้สึกผิดก็ถาโถมเข้ามาเสียจนต้องยอมเป็นคนผิดเวลา
ก็เขาผิดเอง ที่ลืมนัด แถมยังบอกให้พี่ซองอูทำอาหารให้ทานด้วย
ใครจะทนมองใบหน้าหงอยๆนั่นไหวกัน
"มีอะไรอีก"
เจ้าของบ้านเอ่ยถามเสียงแข็ง วางชามใบใหญ่ลงกับที่ก่อนหันไปมองร่างสูงที่ยังคงจับข้อมือเขาอยู่อย่างนั้น
และแน่นอนว่าแรงขืนของเขาไม่สามารถต่อกรกับแรงเพียงน้อยนิดของอีกฝ่ายได้เลย
"ก็หิว"
"...."
"อยากกินแล้ว"
"แต่นายนัด.."
"ให้จีฮุนรอแปปนึงคงไม่เป็นไรมั้ง"
"...."
"...."
"..ตามใจ"
เสียงนั้นค่อยๆอ่อนลงเหมือนกับหัวใจที่ค่อยๆอ่อนไหวไปกับคำพูดเหล่านั้น ซองอูสะบัดแขนให้หลุดจากการกอบกุมของอีกคนก่อนจะเดินหายเข้าไปในครัว
ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ สักวันเขานี่แหละที่จะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้เสียเอง
25% is loading
แสงแดดอ่อนๆที่ตกกระทบ เสียงนาฬิกาปลุกบนหัวเตียง กับลมเย็นที่พัดผ่านจากเครื่องปรับอากาศเรียกให้ร่างบางซึ่งนอนคุดคู้อยู่ใต้ผ้านวมผืนหนารู้สึกตัว แพขนตาค่อยๆเปิดขึ้นเพื่อปรับแสงที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาในยามเช้า พร้อมกับมือเรียวที่เอื้อมไปหยิบโทรศัพท์เพื่อดูการแจ้งเตือนประจำวัน
จะเปลี่ยนใจก็คงไม่ทัน...
เสียงนุ่มครางประท้วงในลำคอเพราะความง่วงยังคงอยู่ จะให้นอนต่อก็คงไม่ได้เพราะเขาเองไม่อยากผิดเวลานัดกับใคร ซองอูคิดได้ดังนั้นจึงหยัดตัวขึ้นบนเตียงด้วยความงัวเงีย สายตากวาดมองไปรอบๆห้องนอนที่ตกแต่งอย่างเป็นระเบียบเพื่อเช็คว่าของใช้ทุกอย่างถูกจัดให้อยู่เป็นที่เป็นทางตามสมควร มือทั้งสองบรรจงพับผ้านวมก่อนลุกขึ้นไปทำธุระส่วนตัวเหมือนเช่นทุกวัน
น้ำเย็นๆจากฝักบัวเรียกสติให้กลับคืนมา ราวกับต้องการกระตุ้นสมองให้ฉุกคิดอะไรหลายๆอย่างที่อาจจะยังไม่ได้ทบทวนดี แต่เหมือนยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้เขาสับสน ร่างบางสะบัดหน้าไล่ความคิดฟุ้งซ่านที่แล่นเข้ามาในหัว เตือนตัวเองว่าการตัดสินใจในครั้งนี้สมบูรณ์แบบแล้ว
ใช่ เขาไม่ควรลังเลอะไรทั้งนั้น
.
แปลกนิดหน่อยที่มื้อเช้าของวันดาเนียลเป็นคนลงมือทำ และเสร็จก่อนที่เขาจะทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยเสียอีก แต่เจ้าของเพนท์เฮ้าส์กลับพบเพียงแค่เบรคฟัสต์จานโตบนเคาท์เตอร์ ไม่มีวี่แววของเชฟแต่อย่างใด ทว่าการเป็นอยู่ของอีกฝ่ายไม่ได้สลักสำคัญต่อเขาเท่าไรนัก ร่างบางนั่งทานอาหารอย่างเร่งรีบด้วยเกรงกว่าการจราจรในเช้าวันหยุดอาจติดขัด ก่อนจะรีบล้างจานแล้วคว้าซองเอกสารออกไป
ยังไม่ทันให้เท้าทั้งสองพ้นผ่านประตูบ้าน เสียงทุ้มของคนที่ตามหากลับเรียกความสนใจให้หันกลับไปในทันที
"จะออกไปแล้วหรอพี่"
เอ่ยคำถามต่อผู้เป็นพี่ที่วันนี้แต่งตัวเป็นทางการมากกว่าปกติ สูทสีดำที่สั่งตัดพอดีตัวทำให้เจ้าของใบหน้าคมดูน่าเชื่อถือและน่าเกรงขามอย่างบอกไม่ถูก แววตาเรียบเฉยถูกส่งมาให้เป็นนัยๆว่าไม่ต้องการพูดคุยในเวลานี้ หากแต่สิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจนั้นสำคัญเกินกว่าดาเนียลจะปล่อยผ่านไปได้
"ขอรบกวนเวลาแปปนึงได้ไหมครับ"
ใบหน้าคมแค่เพียงพยักรับ สีหน้าเรียบเฉยไม่แสดงท่าทีอะไร
"มีอะไรหรือเปล่า"
มีเพียงเสียงนิ่งๆที่ถามกลับก่อนคนฟังจะรีบเดินตามมาประชิด กระดาษสองแผ่นถูกยื่นให้ผู้เป็นพี่ตามด้วยเสียงทุ้มที่รีบอธิบายอย่างร้อนรน
กลัวว่าเขาจะชักช้าเกินไปแล้วทำให้พี่ซองอูหงุดหงิด
"คืองี้ เมื่อวานผมพึ่งไปเจอข้อมูลอันนี้มา ดูเผินๆอาจจะไม่มีอะไรผิดปกติแต่วันที่คุณน้าเซ็นอนุมัติเป็นวันที่คุณน้าเดินทางไปประชุมที่สิงคโปร์ไง"
"...."
ใบหน้าเรียวยังคงจดจ่ออยู่กับข้อมูลในมือจนไม่ทันสังเกตเห็นว่าผู้เป็นพี่ลอบหัวเราะให้กับท่าทีของตนเอง
เกือบฟังไม่ทัน ....แต่ก็ยังพอเข้าใจได้
"แล้วพี่ดูนะ มันไม่ใช่ตราประทับแต่เป็นลายเซ็นสด ตอนแรกคิดว่าคุณน้าอาจจะเซ็นไว้ล่วงหน้าแต่ผมไปถามผู้จัดการซึ่งเขาบอกว่าไม่ใช่ และผมก็โทรไปถามคุณน้าแล้ว"
"แล้ว"
"คุณน้าไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีใบนี้ได้ยังไง"
คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันจนทำให้ใบหน้าเรียวที่มีแต่รอยยิ้มดูจริงจังมากกว่าครั้งไหนๆ ผู้เป็นพี่มองตามปลายนิ้วที่ไล่ไปตามบรรทัดตัวอักษรและหยุดลงตรงขอบกระดาษ
...ลายมือของแม่ องซองอูจำได้ดี
และแน่นอนว่าสิ่งที่เห็นตรงหน้าไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดไว้
ในเมื่อแม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
ใครกันล่ะที่ทำแบบนี้
"...."
"งั้นแสดงว่าคุณน้าก็ไม่ได้เป็นคนโกงใช่ไหม"
แววตาของดาเนียลเปี่ยมไปด้วยความหวัง ไม่แพ้ริมฝีปากหนาที่ยกยิ้มกว้างพอๆกับดวงตาคู่เรียวที่โค้งขึ้นเป็นเอกลักษณ์ของเจ้าตัว ใบหน้าที่มีแต่ความกังวลแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่ทำให้จุดเล็กๆใต้ตาหายไปโดยไม่ตั้งใจ และเหมือนถูกกลืนหายไปพร้อมๆกับอารมณ์หงุดหงิดของผู้เป็นพี่
จนคนโตกว่าที่นิ่งอยู่นานระบายยิ้มกว้างเมื่อไม่สามารถกลั้นมันไว้ได้อีกต่อไป
"ยิ้มอะไรครับ"
คิ้วเรียวเลิกขึ้นเพราะงงกับอาการของคนตรงหน้า ตอนแรกพี่ซองอูยังดูหงุดหงิดแต่จู่ๆก็ยิ้มให้จนดาเนียลปรับอารมณ์ตามไม่ทัน
แต่ดาเนียลคงไม่รู้หรอกว่า... สีหน้าตัวเองตอนพูดเรื่องคุณน้านั้นดูจริงจังและเป็นห่วงมากกว่าคนที่เป็นลูกแท้ๆเสียอีก
มือเรียวสัมผัสกับข้อมือหนาเบาๆก่อนจะชักกลับด้วยความที่ไม่คุ้นชินกับการสัมผัสโดนตัวอีกฝ่ายมากนัก
"ขอบใจนะ"
เสียงนั้นเบาจนแทบไม่ได้ยิน ทว่าความอบอุ่นที่สอดแทรกอยู่ในน้ำเสียง ถึงจะเป็นแค่ประโยคขอบคุณห้วนๆแต่กลับทำให้หัวใจของคนฟังพองโตอย่างอดไม่ได้
และต่อให้เบาราวกับเสียงกระซิบ คำพูดเหล่านั้นก็ยังคงดังก้องและตราตรึงอยู่ในความทรงจำของคนฟัง
ไม่ว่าองซองอูจะตั้งใจหรือไม่ แต่แค่นั้นก็ทำให้วันอาทิตย์ของเขาเป็นวันที่ดีกว่าวันไหนๆ
"...."
"ไม่ได้ยินหรือไง"
"อ เอ่อ ได้ยินครับ"
ฝ่ามือหนายกขึ้นเกาท้ายทอยแก้เก้อ ก่อนปล่อยให้อีกฝ่ายออกไปทำธุระเพราะเกรงว่าหากนานกว่านี้คงไปสาย เสียงประตูที่ปิดลงนั้นเงียบไปแล้ว ทว่าเสียงหัวใจของเขายังคงดังชัดเจนอยู่ในโสตประสาท
บ้าไปแล้ว คังดาเนียลต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ
.
"อย่างที่ผมบอกไปนะครับพ่อ ไม่ต้องกังวลว่าคุณแม่จะมีส่วนเกี่ยวข้อง"
"ผมจะแก้ไขเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด ผมจะตามหาตัวคนผิดให้ได้ คุณพ่อไม่ต้องกังวลนะครับ"
"คุณพ่อไม่ต้องกังวลส่วนนี้ผมจัดการให้เอง"
"แค่รักษาสุขภาพให้ดีและอยู่กับผมไปนานๆก็พอแล้ว"
"แล้วเรื่องนั้น.... ลูกคิดดีแล้วใช่ไหม"
ราวกับการหายใจขาดห้วง เมื่อประโยคคำถามง่ายๆกลับสร้างความลำบากใจให้กับผู้ตอบคำถาม
ไม่ใช่เพราะไม่อยากตอบ ....แต่กลัวว่าไม่มีคำตอบที่ชัดเจนอยู่ในใจ
กลัวแม้กระทั่งความคิดของตัวเอง จนความมั่นใจที่เคยสร้างไว้ถูกทำลายลงเสียหมด
"อยากให้ทบทวนดูอีกที แต่ถ้าลูกเลือกแล้วพ่อก็ไม่ห้ามอะไรนะ"
น้ำเสียงเย็นๆนั้นช่วยปลอบประโลมและคลายกังวลให้กับคนฟังได้เป็นอย่างดี ร่างบางสูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนยืนกรานกับผู้เป็นพ่อว่าเขาเลือกแล้ว และจะไม่เปลี่ยนความคิดอีก
"ขับรถดีๆ มีสติกับเช้าวันนี้แล้วตอนเย็นเจอกันนะซองอู"
"ครับ ผมจะรีบกลับ"
กล่าวทิ้งท้ายก่อนกดวางสายจากผู้เป็นพ่อที่คอยโทรมาถามสารทุกข์สุกดิบอยู่สม่ำเสมอ คนที่เอาแต่ใจไม่รับฟังใครอย่างเขา คนที่มองโลกในแง่ร้ายกลับได้ความห่วงใยที่แสนดีเสียจนเขาเองคิดไม่ถึง และไม่คิดว่าตัวเองควรค่าแก่สิ่งนั้น
ทุกคนสามารถใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพังได้
แต่มันคงดีกว่า ถ้าหากมีใครสักคนคอยเป็นกำลังใจและเป็นความสุขในชีวิตของเรา
"พี่ซองอูวางสายไปแล้วหรอครับ"
ร่างสูงที่ชะเง้อมองจากด้านหลังเอ่ยถามเมื่อเสียงในห้องเงียบลง องซองอุคหันกลับมาก่อนกำชับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"ช่วงนั้นพ่อต้องบินไปกลับยุโรป พ่อฝากเราดูแลมินอากับแม่ด้วยนะ"
"โดยเฉพาะซองอู อาจจะดื้อหน่อยลูกก็อย่าไปตามใจพี่เขามาก"
"ดูแลพี่ให้ดี พ่อรู้ว่าเราทำได้"
"ถึงคุณพ่อไม่บอก ผมก็ยินดีทำอยู่แล้วครับ"
ร่างสูงประคองคนแก่กว่าด้วยความเป็นห่วง เพราะช่วงนี้คุณพ่อโหมงานหนักจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน ทั้งสองเดินมาจนถึงโต๊ะอาหารที่ตอนนี้มีจานชามจัดวางอยู่ละลานตา ไล่มองสมาชิกในครอบครัวใหญ่ที่ทยอยกันเดินเข้ามาสวัสดีคุณพ่อ คุณน้า และคุณแม่ของเขา ดาเนียลก้มหัวทักทายตามประสาคนอายุน้อยกว่า พูดคุยคำถามพื้นๆกับทุกคนจนครบแต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าคนที่มองหาจะมาถึง
นี่ก็เกือบทุ่มแล้ว
คงไม่ได้เป็นอะไรหรอกใช่ไหม
แต่การครุ่นคิดวนไปวนมานั้นไม่สามารถแก้ไขความกังวลออกไปได้ ดาเนียลไม่รอช้ากดโทรหาผู้เป็นพี่ที่ตอนนี้คงอยู่บนถนนเส้นไหนสักแห่ง
แต่เขาคงตัดสินใจช้าไปเมื่อเสียงเรียกเข้าที่เคยได้ยินอยู่บ้างค่อยๆดังขึ้นพร้อมกับร่างบางที่มายืนอยู่ตรงหน้า
พร้อมกับรอยยิ้มจางๆที่ดูแล้วแปลกตา แต่ก็เรียกความประทับใจได้ไม่น้อย
"โทรอะไรนักหนา น่ารำคาญชะมัด"
ใบหน้าคมแสดงอาการไม่พอใจแต่เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายแค่ต้องการปิดบังบางอย่างเอาไว้ คนปากร้ายใจดีแบบพี่ซองอูไม่เคยแสดงความอ่อนโยนให้ใครเห็นบ่อยๆ แม้กระทั่งคนที่อยู่บ้านเดียวกันอย่างเขายังนับครั้งได้
'ความอ่อนแอมีแต่จะทำให้ผู้นั้นอยู่ต่ำกว่า'
ประโยคที่พี่ซองอูเคยพูดเมื่อหลายปีก่อน
สงสัยเจ้าตัวคงไม่รู้ว่าความอ่อนโยนกับความอ่อนแอมันต่างกันแค่ไหน
ดาเนียลส่งเสียงเบาๆในลำคออย่างรู้ทัน ทำเอาคนหน้าบึ้งเดินหนีไปอีกมุมห้อง ฝ่ามือหนากดปิดโทรศัพท์ของตัวเอง
ปิดแบบที่เรียกว่าปิดจริงๆ ไร้การสื่อสารกับใคร
ช่วงเวลาหลังจากนี้คงไม่จำเป็นต้องโทรหรือตอบข้อความใครอีก เพราะคนที่สำคัญล้วนมาอยู่ตรงหน้าเขาหมดแล้ว
นั่นก็รวมไปถึงคนสุดท้ายที่พึ่งเดินเข้ามาด้วยนั่นแหละ
เมื่อการรับประทานอาหารสิ้นสุดลง บรรยากาศของการพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวระหว่างคนในบ้านก็เริ่มขึ้นเหมือนเคย เสียงพูดคุยสลับกับเสียงหัวเราะนั้นดังไปทั่วห้องนั่งเล่นของบ้านตระกูลอง แน่นอนว่าผู้ใหญ่ก็มักจะพูดคุยเรื่องลูกหลานของตัวเอง ในขณะที่เด็กๆก็นั่งตอบคำถามท่านไปด้วยความจำใจ ในครั้งนี้ก็เช่นกัน
"ซองอูอยู่ปีไหนแล้วลูก"
"ปี 3 ครับคุณน้า"
"โห ไวเหมือนกันนะเนี่ย ภาพที่เราขึ้นปี 1 น้ายังจำได้อยู่เลยๆ เผลอๆก็จะเรียนจบซะแล้ว"
"ครับ ผมก็แอบใจหายเหมือนกันที่จะจบปี 3 แล้ว"
"จบมาแล้วเราจะรับช่วงต่อคุณพ่อเลยไหม น้าจะได้ฝากตาดงฮันให้เป็นลูกมือเรา"
น้ำเสียงทีเล่นทีจริงซองอูพอเข้าใจมันได้ และรู้ว่าจุดประสงค์ลึกๆของน้าซอฮยอนคืออะไร เพียงแต่เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกล้าพูดประเจิดประเจ้อขนาดนี้
ซึ่งในความคิดเขามันคงดีกว่าการให้ดาเนียลมาเป็นผู้ช่วย
อย่างน้อยดงฮันก็คือคนในครอบครัวจริงๆ
ไม่ใช่คนนอก... อย่างคนที่นั่งอยู่ข้างๆ
ลอบมองใบหน้าเรียวที่ยังคงยิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนไม่ได้ยินอะไรทั้งๆที่มือทั้งสองกุมเข้าหากันแน่นภายใต้โต๊ะตัวใหญ่ที่บดบังไม่ให้คนฝั่งตรงข้ามเห็น ริมฝีปากหนายกยิ้มให้ผู้อาวุโสกว่าทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่า ภายใต้รอยยิ้มหวานนั้นมีเพียงความเกลียดชังที่ถูกส่งมา
ทุกคนรู้ว่าน้าซอฮยอนไม่ชอบน้าเยบินรวมไปถึงลูกชายของเขา
ไม่ใช่แค่คุณน้า ..แต่ซองอูก็ด้วย
ความเกลียดชังที่มีอาจใกล้เคียงกัน เพียงแต่เขาเลือกที่จะแสดงออกน้อยกว่า
และนั่นก็ทำให้ดงฮันกับดาเนียลไม่ชอบหน้ากัน ทั้งๆที่สองคนนั้นไม่เคยมีปัญหากันเลยสักนิด
"เดี๋ยวผมมานะครับ ขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน"
เจ้าของร่างสูงโค้งตัวลงก่อนเดินอ้อมหลังผู้ใหญ่ไป ไม่นานนักคิมดงฮันก็ตามออกไปด้วยเหตุผลที่ว่าเพื่อนสนิทโทรมา แต่เขารู้ดีกว่าคงออกไปสูบบุหรี่ ...และความเกเรของหมอนั่นก็ทำให้เขาไม่ค่อยชอบใจเท่าไรนัก
เพราะต่อให้ดาเนียลเป็นคนนอกแต่ความประพฤติก็ยังดีกว่าลูกพี่ลูกน้องอย่างดงฮัน เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้เขายังตอบคำถามคุณพ่อตัวเองไม่ได้ว่าอยากให้ใครเป็นผู้ช่วยของเขาในภายภาคหน้า
เพราะการเป็นผู้ช่วย หมายถึงการรับตำแหน่งทายาทสืบทอดต่อจากเขา และถือหุ้นกว่า 30% ของบริษัท
ถ้าจะบอกว่าดงฮัน เขาก็มองถึงการทำงานในอนาคต เด็กเมื่อวานซืนที่ไม่รู้จักระเบียบแบบแผน ทั้งยังไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้
ถ้าจะบอกว่าดาเนียล ก็ติดตรงที่ตระกูลองของเขาต้องแบ่งทรัพย์สินที่เพียรพยายามหามาให้กับคนอื่นไปฟรีๆ และดาเนียลก็ไม่ได้ดีไปกว่าดงฮันมากนัก
"เดี๋ยวผมมานะครับ"
จู่ๆเขาก็ปล่อยใจไปตามความต้องการของตัวเอง ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนออกมานั่งตากลมอยู่บนม้านั่งริมสวนหย่อม ดวงดาวระยิบระยับเต็มผืนฟ้าราวกับความคิดในหัวที่มีมากมายเสียจนนับไม่ถ้วน เปลือกตาปิดลงพร้อมกับเอนหลังให้ชิดแผ่นเหล็ก ยกมือทั้งสองวางทับลงบนดวงตาแล้วหายใจเข้าลึกๆ
เบื่อจะคิดเรื่องนั้นแล้ว มีแต่เรื่องวุ่นวายเต็มไปหมด จนบางทีก็ไม่อยากรับรู้อะไรแล้วเหมือนกัน
ทว่า .. สัมผัสอุ่นๆที่แขนขวากลับทำให้ต้องลืมตาขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ อันที่จริงเขาควรจะรู้ตัวตั้งแต่ได้กลิ่นควันที่ลอยมา แต่สติสัมปชัญญะคงน้อยเกินไปจนทำให้ไม่รู้ตัวเลยว่ามีอีกคนยืนอยู่ตรงหน้านี้
"สูบหน่อยมั้ย"
มือผอมๆยื่นมวนบุหรี่ที่พึ่งจุดให้ตรงหน้าแต่กลับได้รับคำปฏิเสธไป จนร่างผอมต้องย้ายตัวเองลงมานั่งข้างเขาก่อนจะดันสิ่งที่อยู่ในมือให้เข้าใกล้ริมฝีปาก ควันมากมายถูกพ่นออกมาจนซองอูเผลอไอด้วยความสำลัก ตวัดมองใบหน้าอีกฝ่ายเป็นเชิงตำหนิ ที่มองดูแล้วเหมือนลูกแมวขู่อย่างไรก็อย่างนั้น
"ไปนั่งที่อื่นไป"
เอ่ยเสียงห้วนในขณะที่หันมองทางอื่น ความเย็นชาเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ดงฮันมักจะได้รับจากลูกพี่ลูกน้องคนนี้ คนที่คุณแม่เขามั่นหมายว่าตัวเขาเองจะต้องยอมและทำตามที่อีกฝ่ายต้องการ เพียงเพราะผลประโยชน์ทางการเงิน
ที่สำหรับไม่ได้จำเป็นอะไรขนาดนั้น
"ไรกันวะ พี่เนี่ยใจร้ายชิบ"
"งั้นก็ตามใจ ฉันจะลุกไปเอง"
"ก็เป็นซะอย่างนี้ พี่ถึงได้..."
น้ำเสียงกวนประสาทหยุดลงเพียงแค่นั้น และนั่นก็เรียกความสนใจจากผู้ที่ถูกกล่าวถึงได้เป็นอย่างดี ร่างสูงหยุดชะงัก ดวงตาคู่คมหรี่ลงพลางมองอย่างไม่เข้าใจ
ต้องการจะสื่ออะไรกัน
"ไม่มีอะไร จะไปไหนก็ไปเพราะผมจะสูบต่อ หรือถ้าอยากตายก็นั่งลง"
เปิดโอกาสให้แต่ซองอูก็เดินหายเข้าไปในบ้านทันทีที่จบประโยค มือเรียวเขี่ยมวนบุหรี่ทิ้งแล้วเอ่ยเสียงดังกับความว่างเปล่า
"แล้วเมื่อไรพี่จะเดินออกมาสักทีล่ะครับ คุณคังดาเนียล"
75% is loading
ร่างในเงามืดก้าวออกมาจากพุ่มไม้ทรงสูงอย่างช้าๆด้วยความระมัดระวัง คงไม่ดีหากคนอื่นเห็นว่าเขากำลังคุยกับใครอยู่ และแน่นอนว่าเขาจะไม่มีทางให้มันเกิดความผิดพลาดขึ้น
จะให้ใครรู้ไม่ได้
"ได้อะไรมาบ้าง"
น้ำเสียงเย็นชาถูกส่งออกมาจากปากคนตัวสูงกว่า หย่อนกายลงบนม้านั่งข้างกับอีกคน ดงฮันหันหน้าไปมองผู้เป็นพี่ก่อนส่ายหน้าด้วยความเคยชิน
"ทำไมพี่ดูเป็นเดือดเป็นร้อนจังวะ"
ร่างโปร่งหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อเห็นท่าทีร้อนรนของอีกฝ่าย คีบมวนบุหรี่ในซองส่งให้ร่างสูงแต่กลับถูกปัดทิ้งอย่างไม่ใส่ใจ ดงฮันส่งเสียงในลำคอเบาๆเมื่อกวนประสาทอีกฝ่ายได้สำเร็จ
สนุก
"ฉันไม่ได้ถามเพื่อให้นายมาถามกลับ"
เพียงแต่ผู้เป็นพี่ไม่ได้รู้สึกอารมณ์ดีมากพอจะให้อีกฝ่ายต่อปากต่อคำกับเขาได้ ดาเนียลลุกขึ้นยืนหวังจะเดินกลับเข้าไปในตัวบ้าน แต่เมื่อได้ยินประโยคจากอีกฝ่ายเขาจำต้องนั่งลง
"ผมรู้แค่เป็นคนใกล้ตัวคุณป้า"
"แล้ว.."
ดวงตาคู่รีมองจ้องคนเด็กกว่าอย่างคาดคั้นคำตอบ ถึงแม้ใบหน้ามนจะยิ้มหยันแต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าคราวนี้เขาคงต้องยอมไปเสียก่อน
"ตอนนี้ผมแอบสืบให้อยู่ ไม่เกินอาทิตย์คงได้อะไรเพิ่มเติม"
"...."
ใบหน้าเรียวพยักรับพลันคิดถึงแผนที่วางไว้ล่วงหน้ากับดงฮัน แม้เขาไม่ใช่คนที่รอบคอบแต่กลับเรื่องนี้คงทำเป็นเล่นๆไม่ได้ เพราะมันอาจส่งผลถึงบริษัทและครอบครัวของเขา
"สิ่งที่พี่ควรกังวลคือความปลอดภัยของตัวเอง"
เหมือนดงฮันอ่านใจเขาออก ร่างโปร่งจ้องกลับจนผู้เป็นพี่รู้สึกได้ถึงความจริงจังผ่านแววตาคู่นั้น ราวกับจะเตือนเขาไว้กลายๆว่าครั้งนี้ไม่ได้ล้อเล่นเหมือนอย่างเคย
ดงฮันรู้อะไรบางอย่าง แต่เขาคิดว่ามันยังไม่ถึงเวลาที่จะบอกให้อีกฝ่ายรับรู้
"หมายความว่าไงวะ"
"เออน่า ช่วงนี้ไปไหนมาไหนก็ระวังตัวด้วยแล้วกัน"
เขาย้ำอีกครั้ง ไม่ได้แสดงท่าทีตื่นตระหนกแต่กลับนิ่งเฉยราวกับบ่นเรื่องดินฟ้าอากาศทั่วๆไป
"อืม"
ดาเนียลตอบรับในลำคออย่างแผ่วเบา ไม่ชอบเลยที่ต้องทำตามคำพูดของอีกฝ่ายเพราะเขาเป็นคนที่ยิ่งใครห้ามก็เหมือนจะยิ่งยุ
"เออพี่"
"...."
"เปล่า ช่างแม่งเหอะ"
ดงฮันไล่คนตัวโตกว่าให้กลับเข้าไปร่วมวงสนทนากับผู้ใหญ่ในบ้าน บรรยากาศครอบครัวที่ตัวเขาเองไม่ค่อยชอบเท่าไรนัก และคงไม่มีวันจะชอบ
อย่าเรียกว่าครอบครัวเลยจะดีซะกว่า
.
.
"สอบเสร็จแล้วโว้ยยยยยยยย"
ซามูเอลกระโดดตัวลอยเมื่อเดินออกจากห้องสอบตัวสุดท้าย ความเครียดที่สะสมเป็นแรมเดือนในที่สุดวันนี้ก็หายไปอย่างรวดเร็ว ความพยายามในการนั่งอ่านหนังสือ ทบทวนเนื้อหาซ้ำแล้วซ้ำเล่าถือว่าได้ผลเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้าเขาสามารถทำข้อสอบได้อย่างมั่นใจ
จบไปแล้วสำหรับเทอมแรกของชีวิตนักศึกษาปี 1
"ดีใจทำไมวะ เดี๋ยวปิดเทอมมึงต้องมานั่งทำแลปวนเวียนแม่งไปเรื่อยๆจนเปิดเทอมแหละกูว่า"
ฮยอนบินบอกกับเพื่อนรักที่แสดงสีหน้าเซ็งๆออกมาหลังจากเขาพูดจบประโยค ก่อนหันไปมองร่างสูงที่พึ่งเดินออกมาจากห้องสอบ ใบหน้าเรียวดูอิดโรยจากการอดหลับอดนอนมาเป็นเวลาหลายวัน ถ้าถามว่าเขารู้ได้ยังไงก็คงจะบอกว่าดาเนียลโทรมาปรึกษาเขาทุกคืน
"มึง วิชานี้กูอ่านไม่เข้าใจเลย"
"ไอเหี้ย กูควรทำไงดีอ่านไม่ทันแล้ว"
"ชิบหายละ กูจดเรื่องนี้มาไม่ครบ"
"มึงเข้าใจหน้านี้ป่ะวะ ติวให้กูที"
"กูโต้รุ่งแล้วกัน พรุ่งนี้จะได้ไปสอบเลยรวดเดียว"
"ไหวไหมเพื่อนกู"
ร่างสูงตบบ่าเพื่อนอีกคนเบาๆ
"ไหวอยู่ๆ ไม่เสียแรงที่อดหลับอดนอนอ่าน"
ดาเนียลยิ้มรับ แต่ก่อนที่จะได้พูดอะไรก็เบนความสนใจไปยังโทรศัพท์ในกระเป๋าที่สั่นขึ้น มือหน้าหยิบมันขึ้นมาก่อนกดรับอย่างงงๆเพราะเป็นเบอร์ที่เขาไม่ได้เซฟไว้
"สวัสดีครับ"
"แดน เราจีฮุนเองนะ"
เสียงหวานจากปลายสายที่ฟังก็รู้ในทันทีว่าเป็นใคร
"อ่า จีฮุนนี่เอง"
"ได้ข่าวว่าแดนอ่านหนังสือโต้รุ่งมาหลายคืนแล้ว เหนื่อยมั้ย"
"เฮ้ยรู้ได้ไงเนี่ย ..เราสบายดี แล้วที่จีฮุนโทรมามีอะไรหรือเปล่า"
"หันหลังมาหน่อยได้ไหม เราซื้อขนมกับวิตามินมาให้แดนเพียบเลย"
เสียงในโทรศัพท์ฟังดูเบาลงเมื่อเจ้าของเสียงเดินเข้ามาใกล้มากขึ้น ร่างสูงหันไปเจอกับร่างเล็กที่สองมือเต็มไปด้วยถุงขนมใบใหญ่ ไหนจะวิตามินอีกมากมายที่เจ้าตัวบอกเอาไว้ว่าซื้อมาฝาก
เขาทำแค่เพียงยิ้มกว้างและรับของจากในมือคนตัวเล็กมาถือเอง
"ไม่เบาเลยนะเพื่อน"
ควานลินแอบแซวเมื่อเห็นว่าคนรอบๆพวกเขาเริ่มหันมามอง
ก็แหงล่ะ เดือนบริหารอย่างจีฮุนมาโผล่ใต้ตึกวิทย์จะให้มองยังไงก็ไม่ปกติ
"จีฮุนสอบเสร็จหรือยังอะ"
"ยังเลยแซม มีอะไรหรือเปล่า"
"โถ่ เสียดายจริงๆกะจะชวนไปดื่มกันสักหน่อย"
"จริงๆเรามีสอบอีกทีก็มะรืนเลยนะ ถ้าไม่รังเกียจอะไรเราก็อยากไปด้วยเหมือนกัน"
"บ้า ไปดิ! ใช่มั้ยไอ้แดน"
"ไปด้วยกันสิ คนเยอะๆสนุกจะตาย"
tbc.
*มาแบบสั้นๆ แต่ปั่นตอนตอไปรอล้าวววว
ขอให้มีความสุขกับการอ่านนะคะ
เชื่อสิว่าจีฮุนเป็นคนน่าร้ากกกก
ปล.สำหรับรางวัลที่เราแจกให้รีดขอจัดส่งช้าหน่อยนะคะ ช่วงนี้ไม่ว่างจริงๆแต่เดี๋ยวจะรีบทำรูปให้เร็วๆเลย
#เกลียดเนียลอง
Thank you for your attention
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
-ซองอู ที่คุยกับพ่อเรื่องต้องเลือกคืออะไร หมายถึงผู้ช่วยหรือมีอย่างอื่นอีก แล้วก็เรื่องมินฮยอนจีฮุน จะทำอะไรไหม
-แดน ทำไมไม่เมมเบอร์จีฮุน ไม่จริงจังหรอ
-ดงฮัน มาดีหรือร้าย
-จีฮุน จริงๆไม่สงสัยอะไรน้องเลย จนไรท์พูดในทอล์ก ก็เลยสงสัยขึ้นมา
รอติดตามอยู่นะคะ
อย่างน้อยตอนนี้ก็ผ่านไปอย่างสันติ อ่านไปก็กุมพระสวดมนต์ไป
ปล dm twitter ไม่ได้อ่าค่ะคุณไรท์ บอกช้าไปไหมคะ TT
ขอบคุณค่า