คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : STORY4 : MY RAIN {CT1}
“จินฮวานลูก!! ลงมากินข้าวได้แล้ว!!!”
เสียงเรียกของคนอายุมากที่ดังขึ้นมาถึงห้องผมคนบางคนอาจจะรำคาญที่มีแม่เรียกปลุกเหมือนเด็กอนุบาลแต่ผมคงชินกับเสียงของคุณแม่ขี้บ่นคนนี้ไปแล้วล่ะแล้วก็ถ้าขาดเสียงปลุกนี้ไปผมคงได้ตื่นเที่ยงทุกวันเป็นแน่แท้เลยทีเดียวเชียว
กลับเข้าเรื่อง.. ผมลุกขึ้นนั่งงัวเงียกับเสียงปลุกเมื่อกี้ก่อนจะยื่นมือไปหยิบนาฬิกาที่อยู่บนหัวเตียงขึ้นมาดูเวลา เข็มสั้นชี้เลข 7 เข็มยามชี้เลข..
7.30!
“พ่อตาย!!!!!!”
“พ่อแกยังไม่ตาย! แต่แม่นี้แหละจะฆ่าแกก่อน ลงมาเดี๋ยวนี้!”
ประโยคสยองของคุณแม่สุดที่รักทำให้เกียร์ชีตาร์ของผมทำงานโดยอัตโนมัติและสิ่งนั้นก็ทำให้ผมแต่งตัวและลงมาด้านล่างภายใน 10 นาทีถ้าถามว่านี้วิ่งผ่านน้ำใช่มั้ย? ถามแบบนั้นมันก็ผิด..
ควรจะถามว่าได้อาบรึป่าวน่าจะดีกว่า -_____-
ผมยังไม่อยากโดนคุณหญิงขี้วีนเทศนาจนไม่ได้ไปเรียนหรอกนะ -_____-
“ลงได้ซักทีนะ วันนี้เปิดเรียนวันแรกยังจะนอนตื่นสายนะยะ”
นั้นไงพูดไม่ทันขาดคำ ผมพนมมือให้ผู้สูงส่งในบ้านขึ้นเหนือหัวแสดงความขอโทษอย่างสุดซึ้ง
หวังว่าคงจะไม่โดนหนักกว่านี้น่ะนะ
“รีบกินเลย เดี๋ยวก็ไปไม่ทันหรอก”
โดนไปอีกดอก เห้อ.. รีบกินแล้วกัน ._______.
และในที่สุดผมก็กินเสร็จภายใน 5 นาที และอิทธิพลที่ทำให้กินเร็วจนแทบติดคอก็หนึ่งเพราะสายและสองกลัวแม่ดุ - -
‘พยากรณ์อากาศวันนี้ ช่วงเวลาตอนบ่ายของทั่วทั้งประเทศจะมีฝนตกหนักค่ะ ขอให้ระมัดระวังในการเดินทางและระวังเป็นหวัดกันด้วยนะคะ สำหรับวันนี้สวัสดีค่ะ”
ฝนตกตอนหน้าร้อนเนี่ยนะ? โอ้แม่เจ้า.. นี้โลกของเรากลายเป็นอะไรไปแล้วหรือ? - -
ระหว่างที่กำลังบ่นกับตัวเองอยู่ผมก็รู้สึกถึงวัตถุบางอย่างที่อยู่ข้างๆหน้าของผมเอง และผมก็หันไปหาสิ่งนั้นและสิ่งที่ผมเห็นคือร่มที่จ่ออยู่กลางหน้าโดยมีขุ่นแม่ถือเอาไว้
“เอาไปด้วย เดี๋ยวไม่สบาย ลำบากแม่อีก - -“
คนตรงหน้านั้นพูดไปพร้อมทั้งเอาร่มมาวางไว้ข้างๆผม แล้วก็หยิบก่อนจะเดินไปหน้าบ้านแล้วจะโกนบอกผม
“รีบออกมาได้แล้ว แม่ก็จะไปทำงานสายเหมือนกันนะ”
“คร้าบ!”
ผมจัดการเก็บจานไปไว้ในซิงก์แล้วเดินไปปิดทีวีก่อนจะออกมาและล๊อคบ้านแล้วขึ้นรถทันทีเพราะตอนนี้คุณนายในรถนั้นเร่งเหลือเกิน - -
แต่คิมจินฮวานคนนี้คงจะลืมไปว่าร่มคันเล็กนั้นยังตั้งอยู่ในบ้าน..
“ทำไมมาสายวะครับ?”
เสียงทักของคังซึงยุนดังขึ้นทันทีเมื่อผมเดินเข้าไปในห้องที่ยังไม่มีอาจารย์โคตรโหดรออยู่ เห้อ.. โชคดีไป
ผมหันไปมองไอ้ยุนแล้วยักคิ้วให้ก่อนจะเดินไปที่โต๊ะที่อยู่หลังห้องซึ่งเป็นที่ของผมเองแล้ววางกระเป๋าลงบนโต๊ะอย่างที่เคยๆ แต่ความแปลกที่อยู่ทั่วห้องทำให้หัวคิ้วทั้งสองข้างเข้าหากันอย่างรวดเร็ว..
ร่มหลากสีที่ตั้งอยู่ข้างเพื่อนแทบทุกคนทำให้รู้สึกเอะใจอะไรบางอย่าง..
เอ๊ะ.. ร่มหรอ?
เห้ย!! ร่ม!!!
“ตายล่ะกู..ไม่สบายแน่เลย T^T”
“อ้าวไอ้จินมึงไม่สบายหรอ?”
เสียงทักคุ้นเคยดังขึ้นอีกครั้งข้างๆโต๊ะของผมทำให้ต้องหันไปหาเพื่อนขี้เจือกของผมอย่างช่วยไม่ได้ แล้วก็เห็นคุณคังกำลังเท้าโต๊ะผมแบบสบายใจเฉิบแบบไม่กลัวว่าอาจารย์คาบแรกจะมาดึงหูเลยซักนิด.. - -
“ป้อมึงสิครับ กูแค่คิดว่าไม่สบายชัวร์เพราะกูไม่ได้เอาร่มมานี้แหละ”
“มึงไม่ได้ดูพยากรณ์อากาศหรอวะ?”
“ดูสิครับคุณชายคัง - - แม่กูนี้หยิบร่มให้อย่างดีเจือกลืม - -“
“เจริญล่ะมึง งั้นกลับกับกูป้ะล่ะ? วันนี้เอารถมา”
มันสั่นกุญแจรถบีเอ็มป้ายแดงของมันที่ชอบมารับมาส่งผมอยู่บ่อยๆ จนจำกุญแจรถได้ก็เพราะบ้านไอ้เพื่อนคังคนนี้กำลังทำธุรกิจโรงพยาบาลชั้นนำของประเทศ จะซื้อรถบีเอ็มป้ายแดงให้ลูกขับก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยซักนิด จะซื้อซักโหลขนหน้าแข้งก็ไม่ร่วงหรอก - -
“ไม่เป็นไรหรอก บ้านมึงกับบ้านกูอยู่กันคนละทวีปมึงมาส่งกูเสียเวลาป่าวเหอะ เดี๋ยวกูโทรบอกแม่ให้มารับก็ได้”
“ครับๆ คุณลูกแหง่ - -“
“เดี๋ยวแม่ตบเกรียนแตก -____-“
“นั่งที่กันได้แล้ว วันนี้สอบ!!”
เสียงโห่ร้องของเพื่อนทั้งห้องเมื่ออาจารย์เดินเข้ามาในห้องพร้อมไม้เรียวก่อนจะขีดเส้นตายพวกผมไว้กับกระดาษข้อสอบหนาปึ้กที่จารย์ถือเข้ามา ไอ้คังที่หันมาหาผมแล้วขยิบตาเป็นเชิงว่าให้ผมบอกมันด้วย
เห็นแบบนี้ผมก็เด็กเรียนนะครับก็เรียนแค่วิชานี้แหละ ไม่ให้โดนเฉ่งเฉยๆอ่ะนะ - -
โชคดีในความโชคร้าย – -
โชคดีของวันนี้ก็คือสอบแน่นอนผมได้คะแนนท็อปห้องอยู่แล้วแต่ไอ้โชคร้ายรู้สึกเหมือนเสียหลายล้านเลยทีเดียว - - ฝนตกครับผม!!
แต่ไม่เป็นไรเรายังมีขุ่นแม่ที่น่ารักอยู่ ^______^
.
.
.
รู้สึกเหมือนฟ้าผ่าตรงกลางหัวเลยทีเดียวเมื่อผมโทรหาขุ่นแม่และท่านเอ่ยประโยคที่ผมไม่อยากได้ยินที่สุดออกมา..
[วันนี้แม่ไม่ว่างนะจิน ขอโทษๆ แค่นี้แหละ]
เหอะ.. ชีวิตคิมจินฮวาน T^T
แล้วไอ้คังเพื่อนรักก็กลับบ้านไปแล้วด้วย โอ้ตายจริงตายจังล้วพึ่งเอาหนังสือใหม่มา ฝ่าฝนกลับบ้านหนังสือคงยุ่ยเป็นปุ๋ยชัวร์ -__________-
ผมตอนนี้ที่ยืนอยู่หน้าตึกที่ตั้งอยู่หน้าโรงเรียนเพื่อเฝ้ามองเพื่อนๆทั้งหลายที่มีร่มทั้งคันใหญ่และเล็กเดินกลับบ้านแบบหงอยๆ ฮรือ ทำไงดี..
และเวลาก็ล่วงเลยมาถึง 6 โมงเย็น ตอนนี้คนที่เริ่มเบาตาลงเพราะตอนนี้ส่วนมากก็เลิกกันหมดแล้วเพราะสอบน่ะนะ แล้วก็พวกน้องๆชมรมที่ทำงานกันเลิกค่ำอยู่แล้วก็ค่อยเดินออกมาจากตึกที่ผมนั่งอยู่ข้างหน้านั้นเฮ้อ.. คงต้องรอขุ่นแม่ต่อไปสินะ
“พี่ครับ”
คนแปลกหน้าที่เดินมานยืนข้างๆผมทำให้ผมต้องหันไปหาคนคนนั้นแบบงงๆ เด็กม.5 ที่มองออกได้เพราะจุดสีน้ำเงินที่ปักอยู่บนเสื้อ ผมเริ่มทำการสำรวจน้องคนนั้นตั้งแต่หัวจรดเท้า
ผมสีดำที่ไม่ได้เซ็ตและออกจากกระเซอะกระเซิงไปซะหน่อยแต่มันก็ยังดูดีสำหรับเขา..
เสื้อนักเรียนที่หลุดออกนอกกางเกงแต่ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เสื้อเด็กนักเรียนทุกคนจะไม่อยู่กางเกงเมื่อเสียงออดคาบสุดท้ายดัง..
กางเกงเรียนน้ำเงินขาสั้นที่เลยเข่าขึ้นมาหน่อยๆ แล้วก็รองเท้าผ้าใบสีดำที่ขาดนิดหน่อย พอมองดูดีๆแล้วเด็กคนนี้จัดว่าหล่อมากถึงขั้นมากเลยแหละ ก็นี้มันโรงเรียนเอกชนค่าเทอมแพงอันดับต้นๆ จะมีแต่พวกคนรวยๆหล่อๆ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนักหรอก..
“พี่รอใครอยู่หรอครับ?”
ผมที่กำลังพินิจพิจารณาคนตรงหน้าต่เสียงทุ้มของคนตรงหน้าก็เรียกผมให้หลุดออกจากภวังค์ความคิดก่อนจะมองหน้าน้องแบบรวดเร็ว
“ค..ครับๆ?”
“พี่ไม่ต้องพูดครับกับผมหรอก แล้วก็เมื่อกี้ผมถามพี่ว่าพี่รอใครอยู่?”
“อ๋อ.. รอแม่อยู่ร่มไม่มีเลยกลับเองไม่ได้”
แล้วทำไมผมต้องตอบมันด้วยวะครับ -____________-
“งั้นกลับกับผมมั้ย? ผมมีร่มนะ”
คนตรงหน้ายื่นร่มคันสีดำสนิทมาให้มาอยู่ตรงหน้าผมแล้วยิ้มให้ผมน้อยๆ ทำไมหล่อ? .//////.
“เอ่อ..แล้วน้องชื่ออะไรหรอ? แล้วน้องบ้านอยู่ไหน? กลับกับพี่ได้หรอ? บ้านพี่ไกลอยู่นะ? ลำบากน้องรึป่าว?”
ประโยคคำถามที่ผมหลุดปากออกมาเมื่อกี้ทำให้น้องเขาหัวเราะออกมาเบาๆ โอ้ยแอคแทคพี่หลายรอบไปแล้วนะ -/////////-
“เดี๋ยวพี่ก็รู้เองแหละ.. ไปเถอะ มืดแล้วนะ”
คนตรงหน้าไม่ตอบคำถามผมแล้วยังจะเฉไฉไปที่อื่นอีก แถได้โล่จริงนะยะ - -
แต่การกระทำที่น้องหล่อทำก็ทำให้ผมรู้สึกหน้าร้อนอย่างบอกไม่ถูก..
น้องหล่อยิ้มแอคแทคละลายใจผมไปอีกทีนึงแล้วจับมือผมให้ลุกขึ้น ก่อนจะพาผมเดินออกมาจากตึก
แต่รู้สึกว่าร่มนี้มันจะเล็กไปสำหรับทั้งผมและน้องหล่อเพราะพอเดินออกมาข้างนอกทั้งลมและฝนที่โหมมาใส่จนร่มแทบไม่มีความหมาย และเพราะการที่ผมไม่อยากให้กระเป๋าที่มีหนังสือใหม่เปียกผมเลยลืมตัวเบียดเข้าไปให้อยู่ในร่มให้ได้มากที่สุดแต่เพราะแบบนั้นตัวของผมแล้วตัวของน้องหล่อจึงเบียดกันแทบจะกลายเป็นคนเดียวกัน..
โอ้ยทำไงดี.. T////T เขินยังไงไม่รู้แฮะ
“เข้ามาอีกก็ได้นะพี่ ผมเปียกไม่เป็นไรหรอก..”
น้องหล่อไม่พูดเปล่าแต่ตัวเองกลับเขยิบออกไปข้างนอกร่มแล้วผมก็อยู่ในร่มแบบเต็มตัว
“เห้ยไม่ต้องหรอกพี่ไม่เป็นไรๆ”
ผมส่ายหัวรัวๆเพื่อจะบอกกับน้องหล่อให้ไม่ทำแบบนั้นแล้วผมก็ดึงแขนน้องเข้ามาในร่มแล้วผมก็ออกไปเองแบบนี้สบายใจกว่าอ่ะเนอะ ก็ร่มน้องเขาหนิ
“เห้ยพี่ ไม่เอาหรอกเดี๋ยวหนังสือเปียกไม่ใช่หรอ”
และเหตุการณ์เดิมก็เกิดขึ้นเมื่อน้องเขาก็ดึงผมเข้ามาในร่มแล้วตัวเองก็ออกไปนอกร่มอีกครั้ง..
“ไม่เป็นหรอกก็ร่มน้องนี้ พี่เกรงใจ...”
แล้วผมกับน้องก็ดึงกันไปกันมาจนเปียกกันทั้งคู่แต่เหตุการณ์ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นก็เกิดขึ้นจนได้
และครั้งสุดท้ายที่ทั้งผมและน้องหล่อดึงอีกคนให้เข้ามาในร่มพร้อมกันแต่สงสัยคงจะออกแรงเยอะไปหน่อยผมทั้งสองคนสีข้างกระแทกกันเข้าอย่างจนร้องโอดโอยด้วยกันทั้งคู่และเหมือนก็ใจตรงกันผิดที่ผิดเวลาไปอีกเพราะพวกผมที่ตัวใกล้กันแบบสุดๆแล้วผมทั้งน้องหล่อที่น่าจะอยากหันมาขอโทษอีกคนทำให้พวกผมหันหน้าไปหาอีกคนพร้อมกันแต่ด้วยส่วนสูงของผมที่มาตัวเล็กจนไม่น่าจะเป็นพี่ม.6แล้วก็ส่วนสูงของน้องหล่อที่สูงกว่าผมทำให้พอหันไป..
ปากของทั้งสองคนที่เฉียดกันแต่กลับทำให้ผมนิ่งค้างแทนที่จะผละออก..
แต่แทนที่จะคนตรงหน้าจะหันหน้าออกแต่กลับเชยคางผมขึ้นแล้วกดจูบลงมาอย่างจัง..
-30%-
“เห้ย!!” ผมผลักคนตรงหน้าออกอย่างแรงเพราะความตกใจจากเหตุการณ์เมื่อกี้.. จ..จูบหรอ? เมื่อคิดได้ดังนั้นก็หันไปหาคนต้นเหตุทันทีแต่ภาพที่ผมเห็นก็ทำให้ความโกรธเมื่อกี้ลดลงอย่างรวดเร็ว.. น้องหล่อที่กองอยู่กับพื้นพร้อมแผลถลอกตรงแขนที่เกิดขึ้นด้วยฝีมือของผมล้วนๆ..
“ไอ้บ้า..” น้องคนนั้นเงยหน้าขึ้นมามองพร้อมๆกับที่ผมก็ยื่นมือไปให้จับ เขามองเลิ่กลักนิดหน่อยแต่สุดท้ายก็จับมือผมแล้วลุกขึ้น..
“ไปทำแผลบ้านพี่ก่อนแล้วกัน..”
พอเดินมาถึงหน้าบ้านผมที่ไม่มีรถของขุ่นแม่จอดอยู่ก็สบายใจขึ้นมาทันทีก็ถ้าแม่อยู่แล้วเห็นผมเอาผู้ชาย(?) เข้าบ้านนะ.. ได้แซวยันเกิดใหม่แน่นอน -___________- เฮ้อ.. ไม่อยู่ก็ดีแล้วล่ะ
เดินเข้ามาข้างในบ้านแต่รู้สึกเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง? คิดได้แบบนั้นก็หันไปหาคนยืนเหม่อหน้าบ้านแล้วกวักมือเพื่อเรียก
“เข้ามาดิ”
“ครับ..” แล้วทั้งผมทั้งน้องหล่อก็เดินเข้ามาในบ้าน พอเข้ามาผมก็ไม่รีรอที่จะพาคนตัวใหญ่ที่เปียกโชกไปทั้งตัวรวมถึงผมด้วยขึ้นไปบนห้องนอนเพื่อหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วก็เสื้อผ้าตัวใหญ่ๆโยนให้กับน้องหล่อ..
“ไปอาบน้ำก่อนแล้วกันเดี๋ยวค่อยมาทำแผล..” น้องหล่อไม่ได้ตอบอะไรผมแค่พยักหน้าสองสามทีแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ.. กูควรจะเป็นแบบนั้นป้ะวะครับ? ผิดตำแหน่งแล้วค่ะคุณ -_____- หัวเสียนิดหน่อยแล้วถอดเสื้อเปียกๆของตัวเองออกบ้าง ตอนนี้ในตัวผมจึงไม่มีอะไรเลยแม้แต่ชิ้นเดียวมีแต่ผ้าขนหนูผืนเล็กพันรอบเอวเพราะด้วยความเคยชินที่ชอบแก้ผ้าในห้องตัวเองน่ะนะ ก็อยู่คนเดียวไงเลยกล้า..
แต่คงลืมไปว่า ผมไม่ได้อยู่คนเดียว..
“เอ่อ..ผม..”
“...” สตั้น..
ตอนนี้คือผมที่มีผ้าขนหนูพันรอบเอวและน้องหล่อที่ใส่เสื้อนอนกับกางเกงนอนของผมอยู่แต่ไอ้สถานการณ์แบบนี้นะรู้มั้ยว่าในละครจะเกิดอะไรขึ้น.. จะต้องมี..
“แม่กลับมาแล้วจิน!”
“ตายห่า.. เห้ยน้อง..เดี๋ยวไปหลบในห้องน้ำแปปนึงนะเดี๋ยวพี่มานะ” พูดไว้แค่นั้นก็ดันคนตัวใหญ่ที่ดูงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ก็ยอมทำตามที่ผมบอกแบบงงๆอีกรอบ น้องขา..พี่ขอโทษแต่นี้มาสถานการณ์ฉุกเฉินจริงๆ โครตพ่อโครตแม่ Accident!
แกร็ก..
เอี้ยด..
“ว่าไงลูก? จะอาบน้ำหรอ?”
“ค..ครับ” ขุ่นแม่ที่เห็นผมตะกุกตะกักทำให้สิ่งที่กลัวบังเกิดขึ้น.. แม่ที่เมื่อกี้ก็ดูปกติแต่ตอนนี้สายตาเริ่มเปลี่ยนไปเริ่มกลายเป็นสายตาจับผิดที่กลัวอยู่แล้วก็ค่อยๆเดินเข้ามาก่อนจะยื่นหน้าเข้ามามองใกล้ๆ แล้วเริ่มดมไปทั่งตัวอย่างที่ท่านชอบทำตอนจะจับผิดผมทุกครั้งและสิ่งที่น่ากลัวยิ่งหว่าคือ..
จมูกแม่ดีกว่าสุนัขตำรวจอีกเหอะ..
“กลิ่นผู้ชาย..”
“กลิ่นคุ้นซะด้วย..”
คุ้น?
“เอาผู้ชายเข้าบ้านรึป่าว?” สะดุ้งสิครับ.. นี้คนปกติแน่หรอฮะ?
“ป๊าว แม่ก็พูดป๊ายยยย”
“เสียงสูงจังเลยคะลูกจิน..”
“แม่ไปแล้วล่ะ เสร็จแล้วก็ตามแม่ไปข้างล่างนะ.. แล้วก็นะ” เกือบที่แม่จะเดินออกไปจากห้องแล้วแต่แม่ก็พูดขึ้นอีกครั้งพร้อมประโยคที่แทบจะลงไปจูบพื้นกันเลยทีเดียว(?)
“ชุดนักเรียนลูกชื่อ ‘คิมฮันบิน’ ตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะฮะ?”
อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!
เมื่อเสียงฝีเท้าด้านนอกหายไปน้องหล่อ..ไม่ใช่สิ ฮันบิน.. ก็เดินออกมาจากห้องน้ำแล้วค่อยๆเงยหน้ามองหน้าผมก่อนจะหลบตาลงอย่างรวดเร็ว
“เอ่อ..พี่ไปอาบน้ำดีมั้ย?”
“อ..อ๋อ” เพิ่งคิดได้เลยนะเนี่ย อายยังไงไม่รู้แฮะ.. คิดได้แบบนั้นก็รีบพาตัวเองเข้าไปในห้องน้ำแบบเร็วๆแล้ววันนี้กูจะทำไงดีวะเนี่ย? T^T
เมื่ออาบน้ำเบ็ดเสร็จก็ยื่นมือไปหยิบผ้าเช็ดตัวเพื่อนำมาคลุมตัวก่อนจะยื่นมืออีกข้างที่ว่างอยู่คิดจะหยิบเสื้อผ้าที่ควรจะพาดอยู่บนอ่างล้างหน้าที่มันน่าจะอยู่ตรงนั้นแต่กลับ.. ห้ะ? ผมคลำไปทั่วจนรู้สึกถอดใจและเริ่มอยากจะตบหัวตัวเองแรง ๆ ซักสองสามที โอ้ย! นี้มันวันอะร้าย!? น้ำตาจะแชร์ขอไหลนะคะ T^T ผมค่อย ๆ ชะเง้อหัวออกไปเพื่อเช็คความเรียบร้อยด้านนอก(?) และก็เห็นฮันบินที่เอาหมอนกับผ้าห่มผืนเล็กมาปูเป็นที่ให้ตัวเองนอน และนั้นช่างเป็นภาพที่ทำให้รู้สึกละอายใจเหลือเกิน .___________.
เมื่อคิดได้ดังนั้นก็เดินออกมาจากห้องน้ำและตรงไปหยิบชุดนอนกับกางเกงลายหมีตัวโปรดนอนพาดอยู่บนเก้าอี้ข้างห้องน้ำอย่างโดดเดี่ยวและเดียวดายพูดแล้วน้ำตาก็พาลจะไหล(?) และไม่นานชุดนอนตัวนั้นก็มาอยู่บนตัวผมแบบเรียบร้อย
เมื่อจัดการกับธุระของตัวเองเสร็จแล้วก็พาตัวเองเข้าหาธุระของคนที่นอนแอ้งแม้งอยู่บนผ้าห่มเล็ก ๆ คิดได้แบบนั้นก็เอามือเข้าไปสะกิดที่ไหล่ของน้องหล่อเบา ๆ และก็ไร้วี่แววที่คนตรงหน้าจะตื่นลืมตาขึ้นมาดูโลก(?) และก็เริ่มเพิ่มแรงด้วยการเขย่าแขนและสิ่งที่ผมกำลังรอคอยก็มาถึงตาคมที่ปิดสนิทก็เริ่มขยับและในที่สุดก็เปิดออกก่อนจะเหลือบมองมาทางผมแล้วสะดุ้งลุกขึ้นอย่างแรงจนผมที่นั่งยอง ๆ อยู่ทบจะล้มไปข้างหลัง อะไรจะตกใจขนาดนั้น?
“นี้คนครับไม่ใช่ผี ไม่ต้องตกใจขนาดนั้น - -“
“อ..ครับ”
“ก็ไม่อยากพูดหรอกนะ แต่วันนี้นอนนี้เหอะแล้วก็โทรบอกที่บ้านก่อนด้วยล่ะ ให้คุยให้ก็ได้นะ” คนตรงหน้าที่ดูจะงงกับประโยคยาวเหยียดที่กึ่งประโยคขอร้องและคำสั่งไปในเวลาเดียวกันแต่ฮันบินกดูจะเข้าใจแล้วก็ยิ้มออกมาเบา ๆ จนกูนี้แหละไม่เข้าใจว่าจะยิ้มทำไม?
“ผมไม่มีที่บ้านให้โทรไปหรอก”
“แล้วพ่อกับแม่ล่ะ?”
“พวกท่านเสียไปตั้งแต่อุบัติเหตุเมื่อ 10 ปีก่อนครับส่วนทางญาติก็เห็นว่าผมมันลูกไม่มีพ่อแม่แถมครอบครัวของผมเองก็เป็นคนใหญ่คนโต จะให้มาเลี้ยงเด็กไม่มีพ่อไม่มีแม่แบบผมนั้นคงเป็นไปไม่ได้ผมเลยต้องออกมาจากบ้านแล้วทำงานหาเงินจนมาถึงจุดนี้ได้นั้นแหละ ผมเก่งใช่ม๊า?”
ประโยคหลังที่ดูเหมือนจะเฉย ๆ กับเหตุการณ์ที่เพิ่งเล่าไปข้างต้นแต่ทำไมถึงรู้สึกถึงความเศร้าและเหงาในคำพูดแบบนั้นนะ..
“ขอโทษ..”
“ไม่เป็นไรพี่ ๆ เดี๋ยวผมนอนนี้แล้วพรุ่งนี้พี่ก็ออกไปกับแม่พี่แล้วเดี๋ยวผมจะออกไปทีหลัง พี่คงไม่อยากให้แม่พี่เห็นผมใช่มั้ยล่ะ ?”
“ก็ใช่..งั้นก็ตามนั้น”
“แล้วก็อีกเรื่อง”
“…”
“ขึ้นมานอนข้างบนเถอะ เห็นแล้วมันรู้สึกไม่ดีไงไม่รู้”
“จะดีหรอครับ?”
“ดีที่สุด รีบขึ้นมา”
ไม่รอให้คนข้างล่างได้ปฏิเสธเป็นครั้งที่สองก็จัดการดึงให้ขึ้นมานั่งบนเตียงด้วยกันคนรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นโจรลักผ้าตัวเด็กมากรำชำเรายังไงงั้นเลยแฮะ แต่น้องเขาก็ดูสมยอม(?)ช่างเหอะ ฮันบินที่เมื่อโดนผมลากให้ลุกขึ้นมานั่งด้วยกันบนเตียงแคบ ๆ ของผมก็โค้งหัวให้นิดหน่อยเพื่อแสดงความขอบคุณแล้วก็หันไปสำรวจห้องรอบ ๆ ด้วยตาเนื้อ
ไม่รู้ว่าทำไมที่ผมต้องมองคนข้าง ๆ ที่ดูจะตื่นเต้นกับห้องของผมเป็นอย่างมากแต่ก็ได้โอกาสสำรวจคนข้าง ๆ ไปในตัวด้วยเหมือนกัน เส้นผมที่ยาวไปซะหน่อยต่ก็ถือว่าหล่อมากเมื่อมันมาอยู่บนศีรษะของอีกคน ตาคมดั่งเหยี่ยว จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากหนาที่สมชาย ชุดนอนลายหมีสีฟ้าของผมที่ดูพอดีตัวอต่แขนเสื้อที่สั้นเผยให้เห็นมัดกล้ามที่พอดีพองาม
“เพอร์เฟ็ค..”
“?..ครับ?”
คนตัวใหญ่ที่ละความสนใจจากห้องใหญ่ของคนข้าง ๆ เพื่อหันมาหาเจ้าของห้องที่พูดอะไรแปลก ๆ ออกมา พอหันมาก็เห็นคนตัวเล็กจ้องตาเป็นมันทำเอาคนโดนคุกคาม(?)ถึงกับสะดุ้ง แต่ก็รวบรวมสติได้แล้วยื่นมือหนาไปสะกิดที่ไหล่ของอีกคนเบา ๆ แล้วก็ได้เห็นหน้าเหวอของคนข้าง ๆ ทำเอาใจแข็ง ๆ ของฮันบินหวั่นไหวเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ของวันนี้
ริมฝีปากบางที่เผยอออกเพราะความเหวอที่ยังไม่หายไปจากใบหน้า ชุดนอนลายหมีสีชมพูที่เหมือนเป็นคู่กับเสื้อของฮันบินเองบวกกับหน้าตาของอีกคนที่ไม่ต่างกับผู้หญิงดีไม่ดีน่ารักกว่ากันเยอะ อีกคนที่ดูเหมือนจะรู้ว่าโดนมองอยู่เลยได้แต่ยิ้มเจื่อนให้แล้วก็หันหน้าไปอีกทางเพื่อหลบสายตาอบอุ่นแบบนั้นแต่ไม่นานใบหน้าน่ารักที่พึ่งหันไปก็โดนมือหนาเชยปลายคางมนของเจ้าของใบหน้าน่ารักนั้นให้หันมาหาตัวเอง
“เกินไปแล้ว..”
“ผมรักพี่จนไม่รู้จะทำยังไงแล้วรู้มั้ย?”
ทอลค์ๆ:
ทุกคนต้องตาด่าในใจว่า 'ไรท์กวนทีน' อย่างแน่นอนเลยทีเดียว
แล้วก็ต่อไปเค้าจะไปต่อฟิครูมเมทนะจ้ะ จะอัพสลับกัน
ใครที่อยากสกรีมฟิค ติด่าก็เข้าไปในทวิตได้ว่า #ฟิคตอรี่
#เจอปืนจ้า!
ความคิดเห็น