ลำดับตอนที่ #29
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #29 : Chapter 28 : เรื่องเดียวที่ให้ไม่ได้
Chapter 28 : เรื่องเดียวที่ให้ไม่ได้
แสงอาทิตย์สีส้มยามใกล้ลับขอบฟ้าท่ามกลางธรรมชาติ ป่าไม้เขียวชะอุ่มที่กำลังจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวเข้มเมื่อแสงจาก
ขอบฟ้าลดลงเรื่อยๆ
“ตัวเล็กไหวไหม” ทิฟฟานี่หันมาถามแทยอนที่กำลังเซตอุปกรณ์เตรียมทำอาหารเย็นกินกันที่บริเวณหน้าบ้านพัก
“แททำได้น่า เต็นท์ก็ยังกางเสร็จแล้วเลย” เมื่อสายตาหันไปดูเต็นท์ที่คนตัวเล็กกางไว้ถึงกับส่ายหน้า
นั่นเรียกว่ากางเต็นท์เหรอ ทรงเต็นท์บูดเบี้ยวอย่างนั้น มันใช่เหรอ
ทิฟฟานี่นึกขำแล้วเดินไปแก้เต็นท์ที่แทยอนจัดการไว้ ทั้งสองคนตกลงกันว่าเย็นนี้จะปิ้งเนื้อทำบาบีคิวกินและกางเต็นท์ที่
ลานกว้างหน้าห้องพักไว้เพื่อนอนดูดาวตอนกลางคืนด้วยเลย หญิงสาวจัดเต็นท์ใหม่เรียบร้อยก็ลองเข้าไปนั่งก่อนจะส่งเสียง
ให้กำลังใจคนตัวเล็กที่ยังคงหน้าดำคร่ำเคร่งกับการเซตอุปกรณ์ ถึงแม้เธอจะอยากเข้าไปช่วยแต่ก็ไม่อยากให้แทยอนต้อง
เสียเซลฟ์
คนที่พยายามจะทำในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยทำเพื่อใครสักคน...
แม้สิ่งที่ทำให้อาจจะออกมาไม่ดีหรือแม้ในที่สุดแล้วจะทำสำเร็จหรือไม่..เธอก็ไม่สนหรอก..
เพราะความจริงใจความตั้งใจที่เค้าแสดงออกมามันทำให้เธอรู้สึกดีที่สุด...ไม่จำเป็นต้องเพอร์เฟ็คต้องเก่งในทุกเรื่องหรือ
เป็นที่พึ่งให้เธอได้ทุกอย่าง...
ขอแค่ความจริงใจของแทยอนถือว่าเป็นสิ่งที่เพอร์เฟ็คที่สุดแล้ว
“ฟานี่! เสร็จแล้ว!” เสียงแทยอนตะโกนเรียกดังขึ้นทำให้ทิฟฟานี่หลุดออกจากภวังค์ของตัวเอง หญิงสาวจึงรีบลุกออกไป
หาคนตัวเล็กดวงตาหวานมองอุปกรณ์ปิ้งย่างที่แทยอนประกอบเสร็จด้วยรอยยิ้มกว้าง
“เก่งจังเลยแทแท ไปนั่งพักนะคะเดี๋ยวฟานี่ทำของอร่อยๆให้กิน” ทิฟฟานี่เกลี่ยผมที่ยุ่งๆของแทยอนแล้วกลับเข้าไปในตัว
บ้านพักเพื่อเอาของออกมาทำอาหาร
แทยอนเดินไปนั่งรอที่เต็นท์ตามอีกคนบอก สายตามองท้องฟ้าที่ไร้แสงอาทิตย์เปลี่ยนเป็นสีฟ้าหม่นใกล้จะมืดสนิทเข้าไป
ทุกที ดวงตากลมทอดสายตามองธรรมชาติรอบกายที่ไร้แสงจากตึกสูงเหมือนในเมือง ไม่มีเสียงการจราจรที่วุ่นวายตาม
ท้องถนนที่แม้เวลาดึกแล้วก็ยังมีผู้คนใช้เส้นทางสัญจรไม่ขาด ไม่มีร้านอาหารข้างทางยามค่ำที่แสนคึกคักที่คุ้นเคย....
ได้ยินแต่เสียงใบไม้ไหวและสายน้ำที่ไหลเอื่อยตามวัฐจักรธรรมชาติ บรรยากาศโดยรอบที่แทยอนมองเห็นสงบนิ่งราวกับอ
ยู่กันคนละโลกกับเมืองที่เธอเคยอยู่ราวฟ้ากับเหว..
“ตัวเล็กเป็นอะไรหรือเปล่าเหม่อเชียว” ทิฟฟานี่ที่ออกมาด้านนอกเตรียมจะปิ้งเนื้อเห็นแทยอนอาการแปลกๆเลยเดินเข้ามาดู
“ไม่ได้เป็นอะไร แทแค่กำลังชื่นชมธรรมชาติ” ทิฟฟานี่ยิ้มน้อยๆกับคำตอบที่ได้รับและกลับไปเริ่มลงมือปิ้งบาบีคิวสักที
ฮ้าาาา...แทยอนสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าไปเต็มปอดและแหงนดูมองบนท้องฟ้าที่เริ่มมีดวงดาวส่องประกาย และดวงจันทร์ที่
ออกมาทำหน้าที่แทนพระอาทิตย์ที่ลาลับขอบฟ้าไป
รู้สึกดีจัง...เพราะแบบนี้ฟานี่ถึงฝันอยากไปเที่ยวรอบโลกสินะ...แค่ในเกาหลีก็ยังมีสถานที่มากมายที่เธอไม่เคยได้ไป
มันต้องมีอะไรน่าสนใจและสวยงามกว่านี้อีกแน่ๆ....
คิดแล้วก็ได้แต่ยิ้มกับตัวเองก่อนจะหันไปมองทิฟฟานี่ที่กำลังง่วนกับการปิ้งเนื้อบนเตานั่น นี่เธอนั่งสบายๆปล่อยให้อีกคน
ทำทุกอย่างเองอยู่แบบนี้จะดีเหรอ คนตัวเล็กคิดชั่งใจเพียงเล็กน้อยก่อนที่จะ.....
“ตัวเล็กทำอะไรคะเนี่ย ฟานี่ยุ่งอยู่เห็นไหม” ทิฟฟานี่สะดุ้งเล็กน้อยที่โดนแทยอนเข้ามากอดจากทางด้านหลังก่อนจะหัน
ความสนใจไปจัดการเนื้อตรงหน้าเธอต่อ
“ฟานี่ก็จัดการส่วนของฟานี่ไปสิคะ แทก็จะจัดการส่วนของแทเอง” ทิฟฟานี่ไม่เข้าใจกับสิ่งที่แทยอนพูดมากนักแต่หลัง
จากที่เค้าฉวยโอกาสหอมแก้มเธอเสร็จมือที่โอบกอดเธอไว้ก็หายไป...
“ตัวเล็ก!?” ทิฟฟานี่ต้องตกใจอีกครั้งจนต้องก้มลงไปมองแทยอนที่ลงไปนั่งยองๆกับพื้นมือลูบขาของเธอตั้งแต่ต้นขายาว
ลงไป
“แทแค่ทายากันยุงให้ฟานี่น่าไม่ทำอะไรหรอก ใครให้ใส่ขาสั้นแบบนี้ล่ะ” แทยอนบ่นพึมพำแล้วก็บีบยากันยุงใส่มือบรรจง
ทาขาของทิฟฟานี่จนเสร็จแล้วขยับไปทาอีกข้างต่อ ดีที่ว่าทิฟฟานี่ใส่เสื้อคลุมแขนยาวไม่งั้นคงจะได้ทาแขนให้เค้าด้วย
แทยอนที่ถือขวดยากันยุงค้างไว้ยืนหันรีหันขวางด้วยนึกไม่ออกว่าจะช่วยอะไรทิฟฟานี่ได้อีกบ้าง
“ฟานี่มีอะไรให้แทช่วยไหม” สุดท้ายเจ้าตัวก็เอ่ยปากถามอีกคนไปตรงๆ เจ้าของเสียงหวานเลยใช้ให้แทยอนไปล้างมือ
แล้วมาถือจานรอบาบีคิวหอมกรุ่นที่กำลังสุกได้ที่ แทยอนตอบรับแล้วรีบวิ่งหายเข้าไปในบ้านเพื่อล้างไม้ล้างมือแล้วก็วิ่ง
กลับออกมาหยิบจานที่วางอยู่บนโต๊ะไม้ใกล้ๆกับทิฟฟานี่ขึ้นมาถือรอด้วยนัยน์ตาแป๋วแหววน่ารักน่าชังทำให้คนที่กำลัง
หยิบบาบีคิวออกจากเตาหันมาเจอถึงกับละสายตาไม่ได้
“อะไรเหรอฟานี่?” แทยอนเห็นทิฟฟานี่มองหน้าเธออยู่นานทำให้นึกสงสัยว่าทำอะไรไม่ถูกใจหรือเปล่าแต่หญิงสาวเพียง
ยิ้มแล้วหันกลับไปจัดการเนื้อต่อ
อะไรของเค้าล่ะ? เดาใจลำบากจริงๆฟานี่เนี่ย
แทยอนได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจพอเป็นลูกมือให้ทิฟฟานี่เรียบร้อยทั้งหมดทั้งสองก็มานั่งที่โต๊ะไม้ใกล้ๆลงมือกิน
อาหารเย็นกัน แม้จะมีกันแค่สองคนก็ไม่ได้ทำให้บรรยากาศมันน่าเบื่อกลับมีแต่เสียงหัวเราะหยอกล้อกันอย่างมีความสุข
ดวงตาหวานที่มักมีความทุกข์ซ่อนอยู่เบื้องลึกแต่เมื่ออยู่กับคิมแทยอน....เด็กที่อายุน้อยกว่าเธอ7ปีคนนี้....
ทำให้เธอยิ้มออกมาได้ด้วยความสุขจากหัวใจจริงๆทุกครั้ง...
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้แทยอนและทิฟฟานี่หยุดบทสนทนาที่กำลังคุยกัน สายตาทั้งสองคนหันไปมองมือถือที่วางอยู่
ใกล้มือทิฟฟานี่ ชื่อเด่นหราบนหน้าจอ ซีวอนอปป้า ทำให้บรรกาศดีๆเริ่มขุ่นมัว เรียวคิ้วบางของแทยอนขมวดเข้าหากัน
จนหน้ายุ่ง ทิฟฟานี่ปรายตามองหน้าคนตัวเล็กก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมา
“ฟานี่รับโทรศัพท์แป๊บนึงนะคะ” เธอจรดริมฝีปากลงกลางหน้าผากแทยอนแล้วลุกจากโต๊ะเดินเข้าไปคุยสายในบ้านพัก
ที่จริงก็ไม่ได้มีความลับหรอกนะแค่คิดว่าเธอนั่งคุยตรงนั้นอาจจะทำให้แทยอนอารมณ์เสียมากกว่าการที่เธอทำแบบนี้
เคร้ง!
เสียงส้อมทิ่มลงจานอย่างแรงจนทิฟฟานี่ที่นั่งอยู่เก้าอี้ด้านในมองออกมาเห็นแทยอนจิ้มเนื้อเข้าปากใบหน้าแสนจะหงุดหงิด
กี่ครั้งแล้วที่คนตัวเล็กออกอาการไม่พอใจแต่เธอก็ไม่สามารถทำอะไรได้ในเมื่อยังไม่สามารถตัดขาดกับพี่ซีวอนได้ในตอนนี้
จนกว่าจะถึงเวลาที่สามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งฝ่ายชาย
แทยอนน่ะ.....จะรอได้จริงหรือเปล่า...
ทิฟฟานี่คุยกับซีวอนอยู่ไม่นานฝ่ายชายก็ยอมวางสาย ไปหญิงสาวหันไปมองด้านนอกเห็นอีกคนนั่งกินอาหารหมดแล้ว
กำลังใช้ส้อมทิ่มจานเล่นไปมาสีหน้าบูดบึ้งเหมือนเด็กขี้งอนที่รอใครสักคนมาง้อ ทิฟฟานี่ยิ้มเล็กน้อยแล้วเดินออกไปหา
แทยอน
“อิ่มแล้วเหรอคะแทแท” เธอถามทั้งที่เห็นอยู่ทนโท่
มือเรียววางมือถือบนโต๊ะแล้วกดปิดเครื่องให้แทยอนได้มองตาไม่กระพริบ
“ปิดเครื่องทำไมล่ะ เดี๋ยวพี่ซีวอนโทรมาก็ไม่ติดหรอก” น้ำเสียงประชดประชันใส่อีกฝ่ายแม้ในใจแทบโห่ร้องด้วยความยินดี
ที่เค้าปิดเครื่องก็เถอะ
“ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ ฟานี่จะได้มีเวลาอยู่กับตัวเล็กไงคะ”ทิฟฟานี่ส่งยิ้มหวานให้แทยอนจนเจ้าตัวเริ่มคลายคิ้วที่ขมวดเป็นปม
และสีหน้าบึ้งเริ่มจางหายลงจนเกือบเป็นปกติ
บางทีแทยอนก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังงี่เง่าเกินไป ทั้งที่ทิฟฟานี่ก็ขอแล้วบอกกับเธอแล้วยังคงทำฤทธิ์ใส่เค้าตลอด
เมื่อเธอเลือกที่จะยอมรับก็ต้องทำตัวให้ทิฟฟานี่สบายใจสิไม่ใช่ประชดใส่ตลอดแบบนี้...
“ฟานี่”
“ว่าไงคะ” ทิฟฟานี่ตอบรับแล้วจิ้มเนื้อในจานตัวเองขึ้นมาทานก่อนจะมองหน้าแทยอนรอว่าเค้าจะพูดอะไรต่อ
“เป็นแฟนกันนะ”
“..........แท” ทิฟฟานี่วางส้อมในมือเธอลงสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาในทันที
“แค่ตอนนี้.....สามวันที่เราอยู่ด้วยกัน....ไม่มีใครเห็น....ไม่มีใครรู้...มีแค่เรา...แค่เราสองคนนั้นเท่านั้น...
ทำสิ่งที่อยากทำกันเถอะฟานี่” แทยอนจ้องหน้าอีกคนรอคำตอบ
ทิฟฟานี่นั่งกอดอกนิ่งในหัวกำลังครุ่นคิดในสิ่งที่แทยอนร้องขอก่อนจะตอบ
“ก็ได้....แค่สามวันนี้นะ” แทยอนยิ้มกว้างแล้วพยักหน้ารับทำเอาคนมองเอื้อมมมือเรียวไปสัมผัสใบหน้าแทยอนแล้วส่ง
รอยยิ้มหวานให้ อยู่ๆแทยอนรู้สึกเขินอายขึ้นมาดื้อๆจนต้องหลบสายตาทำเฉไฉด้วยการเอื้อมมือไปหยิบส้อมมาจิ้มเนื้อใน
จานมาจ่อที่ปากหญิงสาว ทิฟฟานี่เลิกคิ้วส่งสายตาเหมือนจะถามว่าทำอะไร แทยอนที่เห็นเค้ายึกยักไม่ยอมอ้าปาก
กินเนื้อที่เธอพยายามจะป้อนสักที่
“กินสิ เย็นหมดแล้ว” ทิฟฟานี่ยิ้มแล้วยกมือขึ้นมาจับมือแทยอนก่อนจะยอมกินเนื้อชิ้นนั้น ใบหน้าพออกพอใจก่อนจะชี้นิ้วที่
จานตัวเองเป็นการบอกให้แทยอนป้อนเธออีก คนตัวเล็กยิ้มมุมปากจิ้มเนื้ออีกชิ้นขึ้นมาพอเห็นทิฟฟานี่กำลังอ้าปากจะงับเนื้อ
แทยอนก็แกล้งดึงมือหนีจนทิฟฟานี่เอื้อมตัวไปตีแขนแทยอนและพยายามจะดึงส้อมจากมือเค้าคืน กว่ามื้ออาหารเย็นจะ
จบได้แทยอนก็เหย้าหยอกทิฟฟานี่อยู่นานกว่าทั้งสองจะได้เก็บกวาดล้างจานจัดเก็บอุปกรณ์
“ตัวเล็กมานี่ก่อนซิ” ทิฟฟานี่ที่อยู่ในห้องน้ำส่งเสียงเรียกทำให้แทยอนรีบวิ่งเข้าไปหานึกว่าหญิงสาวต้องการให้ช่วยอะไร
“ไรอ่ะฟา..อุ๊ก” พอเข้าไปในห้องน้ำยังไม่ทันถามจบคำก็เจอทิฟฟานี่เอาแปรงสีฟันยัดใส่ปากเธอแล้ว
คงไม่ต้องถามอะไรมากว่าเรียกมาทำไม เล่นเอาแปรงสีฟันที่บีบยาสีฟันใส่ให้เสร็จขนาดนี้แล้วแถมทิฟฟานี่ก็ยืนแปรงฟัน
หน้าตาเฉยอยู่ข้างๆซะอีก
จ๊ะแม่...กลัวฉันฟันผุเหรอไงเดี๋ยวก่อนจะนอนก็มาแปรงหรอกนะ
แทยอนแอบมองค้อนทิฟฟานี่เบาๆ ระหว่างแปรงฟันก็เหลือบตามองทิฟฟานี่บ่อยๆจนเค้าหันมาสบตาด้วยพอดี มือเรียวดึง
แก้มแทยอนเบาๆส่งสายตาดุให้คนตัวเล็กรีบแปรงฟันให้เสร็จเพราะคิดว่าเวลาประมาณนี้ฟ้าคงสวยน่าชมมากทีเดียวและ
ก็เป็นดังที่คาดพอทั้งสองออกมาด้านนอกผืนฟ้าที่มืดกลับมีดวงดาวแข่งกันส่องสว่างระยิบระยับบนท้องฟ้า
“ฟานี่หนาวไหม” แทยอนไม่ถามเปล่าขยับตัวไปนั่งกอดด้านหลังทิฟฟานี่และเกยคางบนไหล่เบาๆ
“ไม่หนาวแล้วค่ะดูสิตัวเล็กท้องฟ้าคืนนี้สวยมากเลยนะ สวยกว่าที่โซลเยอะเลย” ทิฟฟานี่ที่เอนหลังมาพิงตัวแทยอนหันมา
จุ๊บแก้มด้วยความหมั่นเขี้ยวแล้วเงยหน้าขึ้นมองบนท้องฟ้า ดวงตากลมทอดสายตาขึ้นไปมองตามอีกฝ่ายบอกแล้วกระชับ
วงแขนแน่นขึ้น
“คนตรงหน้าสวยกว่าดาวบนฟ้าเยอะเลย”
“ทำเป็นปากหวาน” มือเรียวยกขึ้นมาสัมผัสใบหน้าคนตัวเล็กอย่างนุ่มนวล
“ก็ปากหวานกับฟานี่คนเดียวน่า”
“ไม่เชื่อหรอก เสือผู้หญิงอย่างตัวเล็กก็ชมไปทั่วนั่นแหละ” คำพูดดูตัดพ้อแต่มือเรียวที่วางอยู่ที่ใบหน้าเค้ากลับลูบไล้แก้ม
เนียนนั้นอย่างทะนุถนอม
“นั่นมันเมื่อก่อนนี่นา ตอนนี้แทก็ชมแต่ฟานี่คนเดียวจริงๆนะคะ”
“ให้มันจริงเถอะ อย่าให้เห็นนะว่าแอบไปกินสาวที่ไหนอีก ฟานี่ไม่เอาไว้แน่” ทิฟฟานี่เบนหน้าไปส่งสายตาดุเป็นการเตือน
ว่าอย่าได้คิดจะทำนิสัยเก่าๆอีกเด็ดขาด คนตัวเล็กจับมือที่วางบนแก้มตัวเองมาประทับที่ริมฝีปากเบาๆก่อนเลื่อนสายตา
มองเจ้าของมือสวยนั้น
“แทจะเป็นเด็กดีของฟานี่คนเดียวค่ะ เพราะอย่างนั้น...รอแทนะฟานี่...” แทยอนบอกด้วยน้ำเสียงจริงจังแต่อ่อนหวาน
นัยน์ตาที่มองทิฟฟานี่ช่างลึกซึ้งผิดกับครั้งอื่นไม่เหลือเค้าคิมแทยอนคนเจ้าเล่ห์ที่เธอรู้จัก...
ตึก ตัก ตึก ตัก ตึก ตัก
เสียงหัวใจที่กำลังเต้นรัวอยู่ในอกทำให้ทิฟฟานี่ไม่อาจควบคุมตัวเอง สมองว่างเปล่าจนคิดคำพูดไม่ออกดวงตาหวานมอง
คนตรงหน้านิ่งบรรยากาศรอบกายมีแต่ความเงียบ
“ฟานี่....แท...” ทิฟฟานี่ประกบริมฝีปากเพียงเพื่อปิดปากเอาไว้ไม่ให้เอ่ยคำนั้นออกมา เธอรู้ว่าแทยอนกำลังจะพูดอะไร
แต่เธอยังไม่พร้อมที่จะฟังในตอนนี้
อย่าพูดออกมาเลยตัวเล็ก....
เธอไม่แน่ใจหรอกนะว่าที่แทยอนกำลังจะบอกนั้นตรงกับที่เธอคิดไว้หรือไม่ แต่ความกลัวในจิตใจสั่งให้เธอรีบหยุดเค้าไว้เป็น
การดีที่สุด..
คำที่อาจจะทำให้แทยอนมีความหวังมากขึ้นและคำๆนี้....อาจทำให้สติเธอสั่นคลอนและพังทลายจนกระทำเรื่องไม่ยั้งคิด
คาดคะเนผลในภายหลัง ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่รู้สึกอะไรกับคนตรงหน้าแต่ถ้าหากจะรักกันเธอก็ต้องการที่จะรักแบบที่คนทั่วไป
เค้ารักกัน ไม่ใช่มีพันธะอะไรมาผูกมัดตามตัวอยู่เหมือนในตอนนี้ถึงแม้พันธะที่ว่าจะไม่ใช่ในแบบคู่รักของเธอแต่การกระทำ
มันก็ไม่ต่างเพียงแค่ไม่ได้ผูกพันกันทางร่างกายเท่านั้นเอง ซีวอนเองถึงแม้จะไม่ได้เร่งรัดหรือเอาแต่ใจตัวเองมากนักแต่
ถ้าหากรู้เรื่องแทยอนเข้าเธอก็ไม่แน่ใจว่าซีวอนยังจะเป็นเหมือนเดิมกับเธออยู่หรือไม่ เพราะเธอเป็นเสาหลักของ
ครอบครัวฮวังดังนั้นเธอจำเป็นต้องมีซีวอนไว้คอยเป็นแรงสนับสนุนทางด้านการเงินและการงานของเธอต่อไป
มันดูเห็นแก่ตัวแต่เธอก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้วเพราะคำว่าครอบครัวเท่านั้นเธอจึงต้องทำ ทุกวันนี้เธอจึงได้แต่อดทนและ
ภาวนาให้คนตัวเล็กของเธออดทนและเดินจับมือเธอไปเรื่อยๆจนกว่าทุกๆอย่างจะลงตัว ทำไมเธอจะไม่อยากได้ยินคำนั้นกัน
คำที่ใครๆอยากได้ยินจากปากคิมแทยอน..
คำว่า...
.....รัก......
“ตัวเล็กไม่เอาค่ะ” หลังจากแลกจูบกันอยู่ได้สักพักมือเล็กก็เริ่มซุกซนล้วงเข้าในเสื้อทิฟฟานี่จนสัมผัสหน้าอกทิฟฟานี่จึงรีบ
เอ่ยห้ามขึ้นมา
“เข้าไปในบ้านไหมฟานี่” ทิฟฟานี่ดึงมือแทยอนออกมาจากเสื้อตัวเองแล้วอมยิ้มส่ายหน้าน้อยๆ
“ฟานี่ยังอยากดูดาวอยู่ มาเที่ยวทั้งทีก็เที่ยวให้คุ้มหน่อยสิคะ” มือเรียวประคองหน้าแทยอนเข้ามาจูบอีกหนึ่งครั้งแล้ว
เลื่อนตัวลงนอนคว่ำมือท้าวคางเงยหน้าชื่นชมดวงดาวที่แข่งกันเปร่งประกายเหมือนอัญมณีดังชื่อของเธอ แทยอนมองหน้า
ทิฟฟานี่แล้วแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าแอบพ่นลมออกจากจมูกอย่างเสียอารมณ์
นี่เห็นดาวบนฟ้าดีกว่าฉันเหรอเนี่ย เฮ้อออออ ทั้งที่จะได้ลองเอ้าท์ดอร์เป็นครั้งแรกเลยนะถ้ามีอะไรกันในเต็นท์แบบนี้
ระหว่างที่แทยอนนั่งหน้าบูดอยู่มือเรียวก็วางลงที่หัวเข่าเรียกสติคนตัวเล็กให้หันมาสนใจตัวเอง แม้สายตาที่มองมาดูไม่
พอใจแต่ทิฟฟานี่ก็ยังคงยิ้มหวานให้พร้อมตบที่พื้นใกล้ๆตัวเองเป็นเชิงบอกให้แทยอนลงมานอนข้างๆ
เฮ้อออออ ทำหน้าตาอย่างนั้นจะให้ฉันทำไงได้ก็ต้องยอมมั้ยหล่ะ
คนตัวเล็กๆค่อยขยับตัวลงนอนคว่ำเหมือนอีกฝ่าย พอทิฟฟานี่เห็นดังนั้นก็ค่อยๆเขยิบเข้าไปใกล้จนไหล่ทั้งสองแนบสนิทกัน
ศีรษะกลมสวยค่อยๆเอนลงที่ไหล่เจ้าตัวเล็กอย่างนุ่มนวลแล้วอยู่นิ่งในท่านั้นอย่างเงียบๆได้ยินแต่เสียงจากธรรมชาติรอบ
กายเหมือนเป็นเสียงเพลงเบาๆแสนไพเราะสร้างบรรยากาศให้แทนเสียงเพลงกึกก้องที่พวกเธอฟังเป็นประจำทุกคืนที่ผับ
แทยอนเบนสายตามองทิฟฟานี่เล็กน้อยก่อนจะเลื่อนสายตามองดูผืนฟ้าเดียวกันกับที่ทิฟฟานี่มองอยู่ คนตัวเล็กจับจ้อง
พระจันทร์เต็มดวงส่องสว่างด้วยความรู้สึกวิงวอนอธิฐานอยู่ในใจ..
อยากจะหยุดเวลานี้ไว้นานๆ
เวลาที่มีแค่เราสองคน...
เวลาที่เรา...
เป็นแฟนกัน...
หลังจากที่ดื่มด่ำกับธรรมชาติยามค่ำคืนกันได้สักพักทั้งสองก็เริ่มรู้สึกถึงความหนาวเย็นมากขึ้น ร่างกายทิฟฟานี่เริ่มสั่นน้อยๆ
แม้พวกเธอจะอยู่ในเต็นท์แต่เพราะยังไม่ได้ปิดตัวเต็นท์เพื่อนอนชมวิวกันอยู่ทำให้แทยอนขยับไปหยิบผ้าห่มที่เตรียมไว้ใน
เต็นท์มาห่มให้ทิฟฟานี่ “ตัวเล็กไม่หนาวหรอคะ” หญิงสาวหันหน้าไปถามแทยอนที่สละผ้าห่มผืนนั้นห่มให้เธอทั้งผืน
แทยอนยิ้มหวานให้ก่อนจะขยับตัวเข้ากอดร่างทิฟฟานี่แล้วซบหน้าลงที่ไหล่เค้าให้คนโดนซบต้องยิ้มออกมาเมื่อแทยอนเริ่ม
หาไออุ่นจากตัวเธอ ริมฝีปากไล้ตามใบหน้าลงไปที่ซอกคอให้ทิฟฟานี่เผลอส่งเสียงออกมาเบาๆ ดูเหมือนเธอจะลืมไปแล้ว
ว่าเคยห้ามแทยอนไว้ในทีแรก
ร่างสวยค่อยๆพลิกตัวจนหลังแนบสนิทกับฟูกนิ่มที่ปูไว้ในเต็นท์โดยมีแทยอนนัวเนียอยู่ตลอด ทั้งสองคนไม่สนใจว่า
ตอนนี้อยู่กันนอกบ้านพักแถมตัวหน้าเต็นท์ก็ยังไม่ได้ปิดลงมาพวกเธอแน่ใจว่าจะไม่มีใครมาบริเวณที่พวกเธอพักอยู่แน่
ในเมื่อบ้านพักที่เธออยู่เป็นหลังวีไอพีสุดที่ห่างจากโซนบ้านพักเป็นหลังอื่นๆที่อยู่ใกล้ๆกันหลายหลัง..
ค่ำคืนนี้......
ก็คงจะมีเพียงดวงดาราและดวงจันทราที่คอยเฝ้ามองบทเพลงรักของทั้งสองคนเท่านั้นเอง...
ในขณะที่แทยอนกับทิฟฟานี่กำลังมีความสุขกันอยู่นั้นอีกมุมหนึ่งของใจกลางเมืองยังมีใครบางคนที่เริ่มก้าวเดินเข้ามาใน
ความมืด...
เสียงดนตรีดังกระหึ่มแสงสีสาดส่องไปมาทั่วบริเวณผู้คนมากหน้าหลายตาที่ไม่คุ้นเคยกำลังสนุกสนานต่างกับชายหนุ่มที่พึ่ง
เคยมาเหยียบแหล่งอโคจรแบบนี้เป็นครั้งแรก...
สิก้าชอบมาเที่ยวอะไรแบบนี้จริงๆเหรอไม่อยากจะเชื่อเลย
ตั้งแต่เข้ามาในผับจุงกิได้แต่มองสำรวจไปทั่วโดยยังไม่คิดจะไปนั่งที่โต๊ะว่างโต๊ะไหนของร้าน
ชายหนุ่มที่ไม่ประสีประสาทำให้ผู้หญิงในผับต่างมองมาที่จุงกิด้วยแววตาเป็นประกายที่เจอผู้ชายหน้าตาดีท่าทางเป็น
คุณหนูมีเงินและดูอ่อนประสบการณ์ราวกับกวางตัวน้อยท่ามกลางเสือสิงห์ที่คอยซุ่มเข้ามาตะครุบตัว
ยังไม่ทันที่แม่เสือสิงห์ทั้งหลายที่กำลังรอจังหวะเหมาะจะเข้าไปทักทายก็มีหญิงสาวเดินมาประชิดตัวเค้าพร้อมวางมือที่
ไหล่ทำให้จุงกิหันหลังไปมอง
“มาคนเดียวเหรอคะ” ฝ่ายหญิงยิ้มให้อย่างเป็นมิตร จุงกิออกอาการงงเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าว่าเค้ามาคนเดียว
“ฉันก็มาคนเดียวค่ะ ไปนั่งด้วยกันไหม”
“เอ่อ...คือ”
“เอ... ว่าไปคุณนี่หน้าตาคุ้นๆนะ”
“แต่ผมว่าผมไม่รู้จักคุณมาก่อนนะครับ”
“อ๋อ จำได้ล่ะ คุณคือแฟนเจสสิก้านี่เอง ฉันเคยเห็นรูปในโทรศัพท์ของเจสสิก้าค่ะ”
“คุณ คุณรู้จักกับสิก้าเหรอ?” หญิงสาวยิ้มกว้างแล้วพยักหน้ารับ
“เราไปนั่งคุยกันตรงโน้นดีไหมคะ” ฝ่ายหญิงชี้นิ้วไปทางเคาน์เตอร์บาร์จุงกิมองตามก่อนจะเอ่ยปากตกลงตามหญิงสาวบอก
ความจริงที่จุงกิมาที่ผับนี้เพราะความดื้อรั้นของตัวเอง ปากบอกเจสสิก้าว่าครั้งสุดท้ายแล้วแต่ก็ยังอดทำใจไม่ได้จึงไปที่
บ้านเจสสิก้าเพื่อขอร้องเข้าทางกับแม่แฟนเก่าเพื่ออยากเจออีก ความสงสารสำหรับคนเป็นแม่ที่คอยเฝ้าดูความรักของทั้งคู่
มาตลอดเกือบทำให้เธอใจอ่อนยอมบอกที่อยู่ที่คอนโดให้แต่อีกใจกลับกลัวว่าอีกฝ่ายจะไปตามราวีให้ลูกสาวอันเป็นที่รัก
ของตนเดือดร้อนใจจึงได้บอกปฏิเสธไปด้วยถ้อยคำที่แสนจะถนอมน้ำใจชายหนุ่มไป แต้ก็นับว่าโชคยังเข้าข้างที่จุงกิบังเอิญ
ไปเจอเพื่อนที่เคยเรียนมาด้วยกันตั้งแต่มัธยมแถมตอนนี้ยังเรียนคณะเดียวกับเจสสิก้าอีกด้วยจึงเลียบๆเคียงๆถามจนเพื่อน
ยอมใจอ่อนเพราะความสงสารและไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เจสสิก้าทำจึงยอมบอกให้รู้ว่าต้องไปที่ไหนถึงจะเจอกับเจสสิก้า
หวังเพียงแค่ว่าจุงกิจะตามง้อเจสสิก้าสำเร็จ จุงกิคิดว่าจะได้เจอเจสสิก้าที่ผับนี้เพราะเพื่อนเค้าเป็นคนบอกมาแต่กลับกลาย
เป็นว่าไม่เห็นแม้แต่เงาดันไปเจอกับคนรู้จักของแฟนเก่าแทน
ความอ่อนต่อโลกแห่งราตรีของจุงกิทำให้เค้า...
กำลังจะได้สัมผัสกับสิ่งที่ไม่เคยสัมผัสและรู้มาก่อนตั้งแต่เค้าใช้ชีวิตมา...
----------------------------------------------------------------------------------
แสงอาทิตย์สีส้มยามใกล้ลับขอบฟ้าท่ามกลางธรรมชาติ ป่าไม้เขียวชะอุ่มที่กำลังจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวเข้มเมื่อแสงจาก
ขอบฟ้าลดลงเรื่อยๆ
“ตัวเล็กไหวไหม” ทิฟฟานี่หันมาถามแทยอนที่กำลังเซตอุปกรณ์เตรียมทำอาหารเย็นกินกันที่บริเวณหน้าบ้านพัก
“แททำได้น่า เต็นท์ก็ยังกางเสร็จแล้วเลย” เมื่อสายตาหันไปดูเต็นท์ที่คนตัวเล็กกางไว้ถึงกับส่ายหน้า
นั่นเรียกว่ากางเต็นท์เหรอ ทรงเต็นท์บูดเบี้ยวอย่างนั้น มันใช่เหรอ
ทิฟฟานี่นึกขำแล้วเดินไปแก้เต็นท์ที่แทยอนจัดการไว้ ทั้งสองคนตกลงกันว่าเย็นนี้จะปิ้งเนื้อทำบาบีคิวกินและกางเต็นท์ที่
ลานกว้างหน้าห้องพักไว้เพื่อนอนดูดาวตอนกลางคืนด้วยเลย หญิงสาวจัดเต็นท์ใหม่เรียบร้อยก็ลองเข้าไปนั่งก่อนจะส่งเสียง
ให้กำลังใจคนตัวเล็กที่ยังคงหน้าดำคร่ำเคร่งกับการเซตอุปกรณ์ ถึงแม้เธอจะอยากเข้าไปช่วยแต่ก็ไม่อยากให้แทยอนต้อง
เสียเซลฟ์
คนที่พยายามจะทำในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยทำเพื่อใครสักคน...
แม้สิ่งที่ทำให้อาจจะออกมาไม่ดีหรือแม้ในที่สุดแล้วจะทำสำเร็จหรือไม่..เธอก็ไม่สนหรอก..
เพราะความจริงใจความตั้งใจที่เค้าแสดงออกมามันทำให้เธอรู้สึกดีที่สุด...ไม่จำเป็นต้องเพอร์เฟ็คต้องเก่งในทุกเรื่องหรือ
เป็นที่พึ่งให้เธอได้ทุกอย่าง...
ขอแค่ความจริงใจของแทยอนถือว่าเป็นสิ่งที่เพอร์เฟ็คที่สุดแล้ว
“ฟานี่! เสร็จแล้ว!” เสียงแทยอนตะโกนเรียกดังขึ้นทำให้ทิฟฟานี่หลุดออกจากภวังค์ของตัวเอง หญิงสาวจึงรีบลุกออกไป
หาคนตัวเล็กดวงตาหวานมองอุปกรณ์ปิ้งย่างที่แทยอนประกอบเสร็จด้วยรอยยิ้มกว้าง
“เก่งจังเลยแทแท ไปนั่งพักนะคะเดี๋ยวฟานี่ทำของอร่อยๆให้กิน” ทิฟฟานี่เกลี่ยผมที่ยุ่งๆของแทยอนแล้วกลับเข้าไปในตัว
บ้านพักเพื่อเอาของออกมาทำอาหาร
แทยอนเดินไปนั่งรอที่เต็นท์ตามอีกคนบอก สายตามองท้องฟ้าที่ไร้แสงอาทิตย์เปลี่ยนเป็นสีฟ้าหม่นใกล้จะมืดสนิทเข้าไป
ทุกที ดวงตากลมทอดสายตามองธรรมชาติรอบกายที่ไร้แสงจากตึกสูงเหมือนในเมือง ไม่มีเสียงการจราจรที่วุ่นวายตาม
ท้องถนนที่แม้เวลาดึกแล้วก็ยังมีผู้คนใช้เส้นทางสัญจรไม่ขาด ไม่มีร้านอาหารข้างทางยามค่ำที่แสนคึกคักที่คุ้นเคย....
ได้ยินแต่เสียงใบไม้ไหวและสายน้ำที่ไหลเอื่อยตามวัฐจักรธรรมชาติ บรรยากาศโดยรอบที่แทยอนมองเห็นสงบนิ่งราวกับอ
ยู่กันคนละโลกกับเมืองที่เธอเคยอยู่ราวฟ้ากับเหว..
“ตัวเล็กเป็นอะไรหรือเปล่าเหม่อเชียว” ทิฟฟานี่ที่ออกมาด้านนอกเตรียมจะปิ้งเนื้อเห็นแทยอนอาการแปลกๆเลยเดินเข้ามาดู
“ไม่ได้เป็นอะไร แทแค่กำลังชื่นชมธรรมชาติ” ทิฟฟานี่ยิ้มน้อยๆกับคำตอบที่ได้รับและกลับไปเริ่มลงมือปิ้งบาบีคิวสักที
ฮ้าาาา...แทยอนสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าไปเต็มปอดและแหงนดูมองบนท้องฟ้าที่เริ่มมีดวงดาวส่องประกาย และดวงจันทร์ที่
ออกมาทำหน้าที่แทนพระอาทิตย์ที่ลาลับขอบฟ้าไป
รู้สึกดีจัง...เพราะแบบนี้ฟานี่ถึงฝันอยากไปเที่ยวรอบโลกสินะ...แค่ในเกาหลีก็ยังมีสถานที่มากมายที่เธอไม่เคยได้ไป
มันต้องมีอะไรน่าสนใจและสวยงามกว่านี้อีกแน่ๆ....
คิดแล้วก็ได้แต่ยิ้มกับตัวเองก่อนจะหันไปมองทิฟฟานี่ที่กำลังง่วนกับการปิ้งเนื้อบนเตานั่น นี่เธอนั่งสบายๆปล่อยให้อีกคน
ทำทุกอย่างเองอยู่แบบนี้จะดีเหรอ คนตัวเล็กคิดชั่งใจเพียงเล็กน้อยก่อนที่จะ.....
“ตัวเล็กทำอะไรคะเนี่ย ฟานี่ยุ่งอยู่เห็นไหม” ทิฟฟานี่สะดุ้งเล็กน้อยที่โดนแทยอนเข้ามากอดจากทางด้านหลังก่อนจะหัน
ความสนใจไปจัดการเนื้อตรงหน้าเธอต่อ
“ฟานี่ก็จัดการส่วนของฟานี่ไปสิคะ แทก็จะจัดการส่วนของแทเอง” ทิฟฟานี่ไม่เข้าใจกับสิ่งที่แทยอนพูดมากนักแต่หลัง
จากที่เค้าฉวยโอกาสหอมแก้มเธอเสร็จมือที่โอบกอดเธอไว้ก็หายไป...
“ตัวเล็ก!?” ทิฟฟานี่ต้องตกใจอีกครั้งจนต้องก้มลงไปมองแทยอนที่ลงไปนั่งยองๆกับพื้นมือลูบขาของเธอตั้งแต่ต้นขายาว
ลงไป
“แทแค่ทายากันยุงให้ฟานี่น่าไม่ทำอะไรหรอก ใครให้ใส่ขาสั้นแบบนี้ล่ะ” แทยอนบ่นพึมพำแล้วก็บีบยากันยุงใส่มือบรรจง
ทาขาของทิฟฟานี่จนเสร็จแล้วขยับไปทาอีกข้างต่อ ดีที่ว่าทิฟฟานี่ใส่เสื้อคลุมแขนยาวไม่งั้นคงจะได้ทาแขนให้เค้าด้วย
แทยอนที่ถือขวดยากันยุงค้างไว้ยืนหันรีหันขวางด้วยนึกไม่ออกว่าจะช่วยอะไรทิฟฟานี่ได้อีกบ้าง
“ฟานี่มีอะไรให้แทช่วยไหม” สุดท้ายเจ้าตัวก็เอ่ยปากถามอีกคนไปตรงๆ เจ้าของเสียงหวานเลยใช้ให้แทยอนไปล้างมือ
แล้วมาถือจานรอบาบีคิวหอมกรุ่นที่กำลังสุกได้ที่ แทยอนตอบรับแล้วรีบวิ่งหายเข้าไปในบ้านเพื่อล้างไม้ล้างมือแล้วก็วิ่ง
กลับออกมาหยิบจานที่วางอยู่บนโต๊ะไม้ใกล้ๆกับทิฟฟานี่ขึ้นมาถือรอด้วยนัยน์ตาแป๋วแหววน่ารักน่าชังทำให้คนที่กำลัง
หยิบบาบีคิวออกจากเตาหันมาเจอถึงกับละสายตาไม่ได้
“อะไรเหรอฟานี่?” แทยอนเห็นทิฟฟานี่มองหน้าเธออยู่นานทำให้นึกสงสัยว่าทำอะไรไม่ถูกใจหรือเปล่าแต่หญิงสาวเพียง
ยิ้มแล้วหันกลับไปจัดการเนื้อต่อ
อะไรของเค้าล่ะ? เดาใจลำบากจริงๆฟานี่เนี่ย
แทยอนได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจพอเป็นลูกมือให้ทิฟฟานี่เรียบร้อยทั้งหมดทั้งสองก็มานั่งที่โต๊ะไม้ใกล้ๆลงมือกิน
อาหารเย็นกัน แม้จะมีกันแค่สองคนก็ไม่ได้ทำให้บรรยากาศมันน่าเบื่อกลับมีแต่เสียงหัวเราะหยอกล้อกันอย่างมีความสุข
ดวงตาหวานที่มักมีความทุกข์ซ่อนอยู่เบื้องลึกแต่เมื่ออยู่กับคิมแทยอน....เด็กที่อายุน้อยกว่าเธอ7ปีคนนี้....
ทำให้เธอยิ้มออกมาได้ด้วยความสุขจากหัวใจจริงๆทุกครั้ง...
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้แทยอนและทิฟฟานี่หยุดบทสนทนาที่กำลังคุยกัน สายตาทั้งสองคนหันไปมองมือถือที่วางอยู่
ใกล้มือทิฟฟานี่ ชื่อเด่นหราบนหน้าจอ ซีวอนอปป้า ทำให้บรรกาศดีๆเริ่มขุ่นมัว เรียวคิ้วบางของแทยอนขมวดเข้าหากัน
จนหน้ายุ่ง ทิฟฟานี่ปรายตามองหน้าคนตัวเล็กก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมา
“ฟานี่รับโทรศัพท์แป๊บนึงนะคะ” เธอจรดริมฝีปากลงกลางหน้าผากแทยอนแล้วลุกจากโต๊ะเดินเข้าไปคุยสายในบ้านพัก
ที่จริงก็ไม่ได้มีความลับหรอกนะแค่คิดว่าเธอนั่งคุยตรงนั้นอาจจะทำให้แทยอนอารมณ์เสียมากกว่าการที่เธอทำแบบนี้
เคร้ง!
เสียงส้อมทิ่มลงจานอย่างแรงจนทิฟฟานี่ที่นั่งอยู่เก้าอี้ด้านในมองออกมาเห็นแทยอนจิ้มเนื้อเข้าปากใบหน้าแสนจะหงุดหงิด
กี่ครั้งแล้วที่คนตัวเล็กออกอาการไม่พอใจแต่เธอก็ไม่สามารถทำอะไรได้ในเมื่อยังไม่สามารถตัดขาดกับพี่ซีวอนได้ในตอนนี้
จนกว่าจะถึงเวลาที่สามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งฝ่ายชาย
แทยอนน่ะ.....จะรอได้จริงหรือเปล่า...
ทิฟฟานี่คุยกับซีวอนอยู่ไม่นานฝ่ายชายก็ยอมวางสาย ไปหญิงสาวหันไปมองด้านนอกเห็นอีกคนนั่งกินอาหารหมดแล้ว
กำลังใช้ส้อมทิ่มจานเล่นไปมาสีหน้าบูดบึ้งเหมือนเด็กขี้งอนที่รอใครสักคนมาง้อ ทิฟฟานี่ยิ้มเล็กน้อยแล้วเดินออกไปหา
แทยอน
“อิ่มแล้วเหรอคะแทแท” เธอถามทั้งที่เห็นอยู่ทนโท่
มือเรียววางมือถือบนโต๊ะแล้วกดปิดเครื่องให้แทยอนได้มองตาไม่กระพริบ
“ปิดเครื่องทำไมล่ะ เดี๋ยวพี่ซีวอนโทรมาก็ไม่ติดหรอก” น้ำเสียงประชดประชันใส่อีกฝ่ายแม้ในใจแทบโห่ร้องด้วยความยินดี
ที่เค้าปิดเครื่องก็เถอะ
“ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ ฟานี่จะได้มีเวลาอยู่กับตัวเล็กไงคะ”ทิฟฟานี่ส่งยิ้มหวานให้แทยอนจนเจ้าตัวเริ่มคลายคิ้วที่ขมวดเป็นปม
และสีหน้าบึ้งเริ่มจางหายลงจนเกือบเป็นปกติ
บางทีแทยอนก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังงี่เง่าเกินไป ทั้งที่ทิฟฟานี่ก็ขอแล้วบอกกับเธอแล้วยังคงทำฤทธิ์ใส่เค้าตลอด
เมื่อเธอเลือกที่จะยอมรับก็ต้องทำตัวให้ทิฟฟานี่สบายใจสิไม่ใช่ประชดใส่ตลอดแบบนี้...
“ฟานี่”
“ว่าไงคะ” ทิฟฟานี่ตอบรับแล้วจิ้มเนื้อในจานตัวเองขึ้นมาทานก่อนจะมองหน้าแทยอนรอว่าเค้าจะพูดอะไรต่อ
“เป็นแฟนกันนะ”
“..........แท” ทิฟฟานี่วางส้อมในมือเธอลงสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาในทันที
“แค่ตอนนี้.....สามวันที่เราอยู่ด้วยกัน....ไม่มีใครเห็น....ไม่มีใครรู้...มีแค่เรา...แค่เราสองคนนั้นเท่านั้น...
ทำสิ่งที่อยากทำกันเถอะฟานี่” แทยอนจ้องหน้าอีกคนรอคำตอบ
ทิฟฟานี่นั่งกอดอกนิ่งในหัวกำลังครุ่นคิดในสิ่งที่แทยอนร้องขอก่อนจะตอบ
“ก็ได้....แค่สามวันนี้นะ” แทยอนยิ้มกว้างแล้วพยักหน้ารับทำเอาคนมองเอื้อมมมือเรียวไปสัมผัสใบหน้าแทยอนแล้วส่ง
รอยยิ้มหวานให้ อยู่ๆแทยอนรู้สึกเขินอายขึ้นมาดื้อๆจนต้องหลบสายตาทำเฉไฉด้วยการเอื้อมมือไปหยิบส้อมมาจิ้มเนื้อใน
จานมาจ่อที่ปากหญิงสาว ทิฟฟานี่เลิกคิ้วส่งสายตาเหมือนจะถามว่าทำอะไร แทยอนที่เห็นเค้ายึกยักไม่ยอมอ้าปาก
กินเนื้อที่เธอพยายามจะป้อนสักที่
“กินสิ เย็นหมดแล้ว” ทิฟฟานี่ยิ้มแล้วยกมือขึ้นมาจับมือแทยอนก่อนจะยอมกินเนื้อชิ้นนั้น ใบหน้าพออกพอใจก่อนจะชี้นิ้วที่
จานตัวเองเป็นการบอกให้แทยอนป้อนเธออีก คนตัวเล็กยิ้มมุมปากจิ้มเนื้ออีกชิ้นขึ้นมาพอเห็นทิฟฟานี่กำลังอ้าปากจะงับเนื้อ
แทยอนก็แกล้งดึงมือหนีจนทิฟฟานี่เอื้อมตัวไปตีแขนแทยอนและพยายามจะดึงส้อมจากมือเค้าคืน กว่ามื้ออาหารเย็นจะ
จบได้แทยอนก็เหย้าหยอกทิฟฟานี่อยู่นานกว่าทั้งสองจะได้เก็บกวาดล้างจานจัดเก็บอุปกรณ์
“ตัวเล็กมานี่ก่อนซิ” ทิฟฟานี่ที่อยู่ในห้องน้ำส่งเสียงเรียกทำให้แทยอนรีบวิ่งเข้าไปหานึกว่าหญิงสาวต้องการให้ช่วยอะไร
“ไรอ่ะฟา..อุ๊ก” พอเข้าไปในห้องน้ำยังไม่ทันถามจบคำก็เจอทิฟฟานี่เอาแปรงสีฟันยัดใส่ปากเธอแล้ว
คงไม่ต้องถามอะไรมากว่าเรียกมาทำไม เล่นเอาแปรงสีฟันที่บีบยาสีฟันใส่ให้เสร็จขนาดนี้แล้วแถมทิฟฟานี่ก็ยืนแปรงฟัน
หน้าตาเฉยอยู่ข้างๆซะอีก
จ๊ะแม่...กลัวฉันฟันผุเหรอไงเดี๋ยวก่อนจะนอนก็มาแปรงหรอกนะ
แทยอนแอบมองค้อนทิฟฟานี่เบาๆ ระหว่างแปรงฟันก็เหลือบตามองทิฟฟานี่บ่อยๆจนเค้าหันมาสบตาด้วยพอดี มือเรียวดึง
แก้มแทยอนเบาๆส่งสายตาดุให้คนตัวเล็กรีบแปรงฟันให้เสร็จเพราะคิดว่าเวลาประมาณนี้ฟ้าคงสวยน่าชมมากทีเดียวและ
ก็เป็นดังที่คาดพอทั้งสองออกมาด้านนอกผืนฟ้าที่มืดกลับมีดวงดาวแข่งกันส่องสว่างระยิบระยับบนท้องฟ้า
“ฟานี่หนาวไหม” แทยอนไม่ถามเปล่าขยับตัวไปนั่งกอดด้านหลังทิฟฟานี่และเกยคางบนไหล่เบาๆ
“ไม่หนาวแล้วค่ะดูสิตัวเล็กท้องฟ้าคืนนี้สวยมากเลยนะ สวยกว่าที่โซลเยอะเลย” ทิฟฟานี่ที่เอนหลังมาพิงตัวแทยอนหันมา
จุ๊บแก้มด้วยความหมั่นเขี้ยวแล้วเงยหน้าขึ้นมองบนท้องฟ้า ดวงตากลมทอดสายตาขึ้นไปมองตามอีกฝ่ายบอกแล้วกระชับ
วงแขนแน่นขึ้น
“คนตรงหน้าสวยกว่าดาวบนฟ้าเยอะเลย”
“ทำเป็นปากหวาน” มือเรียวยกขึ้นมาสัมผัสใบหน้าคนตัวเล็กอย่างนุ่มนวล
“ก็ปากหวานกับฟานี่คนเดียวน่า”
“ไม่เชื่อหรอก เสือผู้หญิงอย่างตัวเล็กก็ชมไปทั่วนั่นแหละ” คำพูดดูตัดพ้อแต่มือเรียวที่วางอยู่ที่ใบหน้าเค้ากลับลูบไล้แก้ม
เนียนนั้นอย่างทะนุถนอม
“นั่นมันเมื่อก่อนนี่นา ตอนนี้แทก็ชมแต่ฟานี่คนเดียวจริงๆนะคะ”
“ให้มันจริงเถอะ อย่าให้เห็นนะว่าแอบไปกินสาวที่ไหนอีก ฟานี่ไม่เอาไว้แน่” ทิฟฟานี่เบนหน้าไปส่งสายตาดุเป็นการเตือน
ว่าอย่าได้คิดจะทำนิสัยเก่าๆอีกเด็ดขาด คนตัวเล็กจับมือที่วางบนแก้มตัวเองมาประทับที่ริมฝีปากเบาๆก่อนเลื่อนสายตา
มองเจ้าของมือสวยนั้น
“แทจะเป็นเด็กดีของฟานี่คนเดียวค่ะ เพราะอย่างนั้น...รอแทนะฟานี่...” แทยอนบอกด้วยน้ำเสียงจริงจังแต่อ่อนหวาน
นัยน์ตาที่มองทิฟฟานี่ช่างลึกซึ้งผิดกับครั้งอื่นไม่เหลือเค้าคิมแทยอนคนเจ้าเล่ห์ที่เธอรู้จัก...
ตึก ตัก ตึก ตัก ตึก ตัก
เสียงหัวใจที่กำลังเต้นรัวอยู่ในอกทำให้ทิฟฟานี่ไม่อาจควบคุมตัวเอง สมองว่างเปล่าจนคิดคำพูดไม่ออกดวงตาหวานมอง
คนตรงหน้านิ่งบรรยากาศรอบกายมีแต่ความเงียบ
“ฟานี่....แท...” ทิฟฟานี่ประกบริมฝีปากเพียงเพื่อปิดปากเอาไว้ไม่ให้เอ่ยคำนั้นออกมา เธอรู้ว่าแทยอนกำลังจะพูดอะไร
แต่เธอยังไม่พร้อมที่จะฟังในตอนนี้
อย่าพูดออกมาเลยตัวเล็ก....
เธอไม่แน่ใจหรอกนะว่าที่แทยอนกำลังจะบอกนั้นตรงกับที่เธอคิดไว้หรือไม่ แต่ความกลัวในจิตใจสั่งให้เธอรีบหยุดเค้าไว้เป็น
การดีที่สุด..
คำที่อาจจะทำให้แทยอนมีความหวังมากขึ้นและคำๆนี้....อาจทำให้สติเธอสั่นคลอนและพังทลายจนกระทำเรื่องไม่ยั้งคิด
คาดคะเนผลในภายหลัง ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่รู้สึกอะไรกับคนตรงหน้าแต่ถ้าหากจะรักกันเธอก็ต้องการที่จะรักแบบที่คนทั่วไป
เค้ารักกัน ไม่ใช่มีพันธะอะไรมาผูกมัดตามตัวอยู่เหมือนในตอนนี้ถึงแม้พันธะที่ว่าจะไม่ใช่ในแบบคู่รักของเธอแต่การกระทำ
มันก็ไม่ต่างเพียงแค่ไม่ได้ผูกพันกันทางร่างกายเท่านั้นเอง ซีวอนเองถึงแม้จะไม่ได้เร่งรัดหรือเอาแต่ใจตัวเองมากนักแต่
ถ้าหากรู้เรื่องแทยอนเข้าเธอก็ไม่แน่ใจว่าซีวอนยังจะเป็นเหมือนเดิมกับเธออยู่หรือไม่ เพราะเธอเป็นเสาหลักของ
ครอบครัวฮวังดังนั้นเธอจำเป็นต้องมีซีวอนไว้คอยเป็นแรงสนับสนุนทางด้านการเงินและการงานของเธอต่อไป
มันดูเห็นแก่ตัวแต่เธอก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้วเพราะคำว่าครอบครัวเท่านั้นเธอจึงต้องทำ ทุกวันนี้เธอจึงได้แต่อดทนและ
ภาวนาให้คนตัวเล็กของเธออดทนและเดินจับมือเธอไปเรื่อยๆจนกว่าทุกๆอย่างจะลงตัว ทำไมเธอจะไม่อยากได้ยินคำนั้นกัน
คำที่ใครๆอยากได้ยินจากปากคิมแทยอน..
คำว่า...
.....รัก......
“ตัวเล็กไม่เอาค่ะ” หลังจากแลกจูบกันอยู่ได้สักพักมือเล็กก็เริ่มซุกซนล้วงเข้าในเสื้อทิฟฟานี่จนสัมผัสหน้าอกทิฟฟานี่จึงรีบ
เอ่ยห้ามขึ้นมา
“เข้าไปในบ้านไหมฟานี่” ทิฟฟานี่ดึงมือแทยอนออกมาจากเสื้อตัวเองแล้วอมยิ้มส่ายหน้าน้อยๆ
“ฟานี่ยังอยากดูดาวอยู่ มาเที่ยวทั้งทีก็เที่ยวให้คุ้มหน่อยสิคะ” มือเรียวประคองหน้าแทยอนเข้ามาจูบอีกหนึ่งครั้งแล้ว
เลื่อนตัวลงนอนคว่ำมือท้าวคางเงยหน้าชื่นชมดวงดาวที่แข่งกันเปร่งประกายเหมือนอัญมณีดังชื่อของเธอ แทยอนมองหน้า
ทิฟฟานี่แล้วแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าแอบพ่นลมออกจากจมูกอย่างเสียอารมณ์
นี่เห็นดาวบนฟ้าดีกว่าฉันเหรอเนี่ย เฮ้อออออ ทั้งที่จะได้ลองเอ้าท์ดอร์เป็นครั้งแรกเลยนะถ้ามีอะไรกันในเต็นท์แบบนี้
ระหว่างที่แทยอนนั่งหน้าบูดอยู่มือเรียวก็วางลงที่หัวเข่าเรียกสติคนตัวเล็กให้หันมาสนใจตัวเอง แม้สายตาที่มองมาดูไม่
พอใจแต่ทิฟฟานี่ก็ยังคงยิ้มหวานให้พร้อมตบที่พื้นใกล้ๆตัวเองเป็นเชิงบอกให้แทยอนลงมานอนข้างๆ
เฮ้อออออ ทำหน้าตาอย่างนั้นจะให้ฉันทำไงได้ก็ต้องยอมมั้ยหล่ะ
คนตัวเล็กๆค่อยขยับตัวลงนอนคว่ำเหมือนอีกฝ่าย พอทิฟฟานี่เห็นดังนั้นก็ค่อยๆเขยิบเข้าไปใกล้จนไหล่ทั้งสองแนบสนิทกัน
ศีรษะกลมสวยค่อยๆเอนลงที่ไหล่เจ้าตัวเล็กอย่างนุ่มนวลแล้วอยู่นิ่งในท่านั้นอย่างเงียบๆได้ยินแต่เสียงจากธรรมชาติรอบ
กายเหมือนเป็นเสียงเพลงเบาๆแสนไพเราะสร้างบรรยากาศให้แทนเสียงเพลงกึกก้องที่พวกเธอฟังเป็นประจำทุกคืนที่ผับ
แทยอนเบนสายตามองทิฟฟานี่เล็กน้อยก่อนจะเลื่อนสายตามองดูผืนฟ้าเดียวกันกับที่ทิฟฟานี่มองอยู่ คนตัวเล็กจับจ้อง
พระจันทร์เต็มดวงส่องสว่างด้วยความรู้สึกวิงวอนอธิฐานอยู่ในใจ..
อยากจะหยุดเวลานี้ไว้นานๆ
เวลาที่มีแค่เราสองคน...
เวลาที่เรา...
เป็นแฟนกัน...
หลังจากที่ดื่มด่ำกับธรรมชาติยามค่ำคืนกันได้สักพักทั้งสองก็เริ่มรู้สึกถึงความหนาวเย็นมากขึ้น ร่างกายทิฟฟานี่เริ่มสั่นน้อยๆ
แม้พวกเธอจะอยู่ในเต็นท์แต่เพราะยังไม่ได้ปิดตัวเต็นท์เพื่อนอนชมวิวกันอยู่ทำให้แทยอนขยับไปหยิบผ้าห่มที่เตรียมไว้ใน
เต็นท์มาห่มให้ทิฟฟานี่ “ตัวเล็กไม่หนาวหรอคะ” หญิงสาวหันหน้าไปถามแทยอนที่สละผ้าห่มผืนนั้นห่มให้เธอทั้งผืน
แทยอนยิ้มหวานให้ก่อนจะขยับตัวเข้ากอดร่างทิฟฟานี่แล้วซบหน้าลงที่ไหล่เค้าให้คนโดนซบต้องยิ้มออกมาเมื่อแทยอนเริ่ม
หาไออุ่นจากตัวเธอ ริมฝีปากไล้ตามใบหน้าลงไปที่ซอกคอให้ทิฟฟานี่เผลอส่งเสียงออกมาเบาๆ ดูเหมือนเธอจะลืมไปแล้ว
ว่าเคยห้ามแทยอนไว้ในทีแรก
ร่างสวยค่อยๆพลิกตัวจนหลังแนบสนิทกับฟูกนิ่มที่ปูไว้ในเต็นท์โดยมีแทยอนนัวเนียอยู่ตลอด ทั้งสองคนไม่สนใจว่า
ตอนนี้อยู่กันนอกบ้านพักแถมตัวหน้าเต็นท์ก็ยังไม่ได้ปิดลงมาพวกเธอแน่ใจว่าจะไม่มีใครมาบริเวณที่พวกเธอพักอยู่แน่
ในเมื่อบ้านพักที่เธออยู่เป็นหลังวีไอพีสุดที่ห่างจากโซนบ้านพักเป็นหลังอื่นๆที่อยู่ใกล้ๆกันหลายหลัง..
ค่ำคืนนี้......
ก็คงจะมีเพียงดวงดาราและดวงจันทราที่คอยเฝ้ามองบทเพลงรักของทั้งสองคนเท่านั้นเอง...
ในขณะที่แทยอนกับทิฟฟานี่กำลังมีความสุขกันอยู่นั้นอีกมุมหนึ่งของใจกลางเมืองยังมีใครบางคนที่เริ่มก้าวเดินเข้ามาใน
ความมืด...
เสียงดนตรีดังกระหึ่มแสงสีสาดส่องไปมาทั่วบริเวณผู้คนมากหน้าหลายตาที่ไม่คุ้นเคยกำลังสนุกสนานต่างกับชายหนุ่มที่พึ่ง
เคยมาเหยียบแหล่งอโคจรแบบนี้เป็นครั้งแรก...
สิก้าชอบมาเที่ยวอะไรแบบนี้จริงๆเหรอไม่อยากจะเชื่อเลย
ตั้งแต่เข้ามาในผับจุงกิได้แต่มองสำรวจไปทั่วโดยยังไม่คิดจะไปนั่งที่โต๊ะว่างโต๊ะไหนของร้าน
ชายหนุ่มที่ไม่ประสีประสาทำให้ผู้หญิงในผับต่างมองมาที่จุงกิด้วยแววตาเป็นประกายที่เจอผู้ชายหน้าตาดีท่าทางเป็น
คุณหนูมีเงินและดูอ่อนประสบการณ์ราวกับกวางตัวน้อยท่ามกลางเสือสิงห์ที่คอยซุ่มเข้ามาตะครุบตัว
ยังไม่ทันที่แม่เสือสิงห์ทั้งหลายที่กำลังรอจังหวะเหมาะจะเข้าไปทักทายก็มีหญิงสาวเดินมาประชิดตัวเค้าพร้อมวางมือที่
ไหล่ทำให้จุงกิหันหลังไปมอง
“มาคนเดียวเหรอคะ” ฝ่ายหญิงยิ้มให้อย่างเป็นมิตร จุงกิออกอาการงงเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าว่าเค้ามาคนเดียว
“ฉันก็มาคนเดียวค่ะ ไปนั่งด้วยกันไหม”
“เอ่อ...คือ”
“เอ... ว่าไปคุณนี่หน้าตาคุ้นๆนะ”
“แต่ผมว่าผมไม่รู้จักคุณมาก่อนนะครับ”
“อ๋อ จำได้ล่ะ คุณคือแฟนเจสสิก้านี่เอง ฉันเคยเห็นรูปในโทรศัพท์ของเจสสิก้าค่ะ”
“คุณ คุณรู้จักกับสิก้าเหรอ?” หญิงสาวยิ้มกว้างแล้วพยักหน้ารับ
“เราไปนั่งคุยกันตรงโน้นดีไหมคะ” ฝ่ายหญิงชี้นิ้วไปทางเคาน์เตอร์บาร์จุงกิมองตามก่อนจะเอ่ยปากตกลงตามหญิงสาวบอก
ความจริงที่จุงกิมาที่ผับนี้เพราะความดื้อรั้นของตัวเอง ปากบอกเจสสิก้าว่าครั้งสุดท้ายแล้วแต่ก็ยังอดทำใจไม่ได้จึงไปที่
บ้านเจสสิก้าเพื่อขอร้องเข้าทางกับแม่แฟนเก่าเพื่ออยากเจออีก ความสงสารสำหรับคนเป็นแม่ที่คอยเฝ้าดูความรักของทั้งคู่
มาตลอดเกือบทำให้เธอใจอ่อนยอมบอกที่อยู่ที่คอนโดให้แต่อีกใจกลับกลัวว่าอีกฝ่ายจะไปตามราวีให้ลูกสาวอันเป็นที่รัก
ของตนเดือดร้อนใจจึงได้บอกปฏิเสธไปด้วยถ้อยคำที่แสนจะถนอมน้ำใจชายหนุ่มไป แต้ก็นับว่าโชคยังเข้าข้างที่จุงกิบังเอิญ
ไปเจอเพื่อนที่เคยเรียนมาด้วยกันตั้งแต่มัธยมแถมตอนนี้ยังเรียนคณะเดียวกับเจสสิก้าอีกด้วยจึงเลียบๆเคียงๆถามจนเพื่อน
ยอมใจอ่อนเพราะความสงสารและไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เจสสิก้าทำจึงยอมบอกให้รู้ว่าต้องไปที่ไหนถึงจะเจอกับเจสสิก้า
หวังเพียงแค่ว่าจุงกิจะตามง้อเจสสิก้าสำเร็จ จุงกิคิดว่าจะได้เจอเจสสิก้าที่ผับนี้เพราะเพื่อนเค้าเป็นคนบอกมาแต่กลับกลาย
เป็นว่าไม่เห็นแม้แต่เงาดันไปเจอกับคนรู้จักของแฟนเก่าแทน
ความอ่อนต่อโลกแห่งราตรีของจุงกิทำให้เค้า...
กำลังจะได้สัมผัสกับสิ่งที่ไม่เคยสัมผัสและรู้มาก่อนตั้งแต่เค้าใช้ชีวิตมา...
----------------------------------------------------------------------------------
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น